love secret ไม่ใช่ความลับแต่เป็นความรัก
จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อมิวนิคตามหาเจ้าของ Short note ที่ส่งมาให้ทุกวันโดยที่ไม่เคยรุ้ตัวตนที่แท้จริงของเขามาก่อนเลย แต่ในใจเธอก็แอบหวังว่าเจ้าของShort noteนั้นจะเป็นคนเดียวกับชายที่เขาแอบชอบเรื่องราววุ่นๆเริ่มเกิดขึ้นเมื่อ มิวนิควานให้สายลับสืบว่าใครเป็นเจ้าของกันแน่
Tags: love secret ไม่ใช่ความลับแต่เป็นความรัก

ตอน: ตอนที่2

ตกเย็น...
ฉันแยกย้ายกับเพื่อนๆมาที่ห้องซ้อมดนตรีของซันเพื่อมาถามข่าวเรื่องที่ฉันให้เขาไปสืบ แต่พอมาถึงห้องซ้อมกลับไม่มีใครอยู่เลย แต่ชั่งเถอะค่อยมาถามวันอื่นก็ได้
แกร๊ก!!
หญิงสาวร่างบางเปิดประตูเข้ามาในห้อง ใบหน้าของเธอสงสัยที่เห็นฉันอยู่ในห้องของวงซีเคร็ตโค้ดและแล้วเธอก็ถามฉันด้วยความสงสัยว่า...
“เธอมาทำอะไรในห้องนี้หรอ”น้ำเสียงแลดูเป็นมิตรถามอย่างสงสัย
“อ๋อ...ฉันมาทำธุระนิดหน่อยน่ะ^^”
“นึกว่าสมาชิกในวงนี้อีกสามคนจะสละโสดซะแล้ว^-^” พูดแบบนี้หมายความว่าไงอ่ะ แสดงว่าหนึ่งในสี่คนมีแฟนแล้วหรอจะเป็นใครกันนะ ขออย่าได้เป็นพอร์ชของฉันเลยนะ
สมาชิกซีเคร็ตโค้ดไม่เคยมีใครรู้เรื่องหรือประวัติที่แท้จริงของเขาเลย และถ้าเกิดว่าคนในกลุ่มมีแฟนหรือคนรักก็จะไม่มีแฟนคลับคนไหนรู้เหมือนกันเพราะพวกเขากลัวว่าผู้หญิงที่คบหาด้วยจะเกิดอันตรายด้วยน้ำมือของแฟนคลับที่คลั่งไคล้เขาทั้งสี่นั้นเองและเพราะเหตุนี้ทำให้เขาตั้งชื่อวงว่าซีเคร็ตโค้ดซึ่งแปลมาจากรหัสลับ
“เปล่าหรอก ฉันไม่ได้เป็นอะไรกับใคร^_^” แต่ฉันอยากเป็นแฟนพอร์ช
“เอ...ว่าแต่เธอชื่ออะไรหรอ ฉันชื่อนาเดียนะ^^”
“ฉันชื่อมิวนิค...ยินดีที่ได้รู้จักนะนาเดีย”
ตลอดทางที่ฉันแยกตัวออกมาจากห้องซ้อมดนตรีของพวกซีเคร็ตโค้ด ฉันก็เอาแต่คิดมาตลอดทางเลยว่าใครคือหนึ่งในสี่ที่มีแฟนแล้ว ยิ่งคิดก็ยิ่งกลัว กลัวว่าหนึ่งในนั้นจะเป็นพอร์ช ไม่ได้นะฉันยังไม่อยากอกหักตอนนี้คนอื่นจะมีก็มีไปเถอะขอไว้แค่คนเดียวเท่านั้นแหละ
“มิวทำไมมาช้าจังเลย...แล้วซันว่าไงบ้าง”>น้ำขิงที่นั่งอยู่ในร้านถามขึ้น
“ไม่เจอใครซักคนเลย...เจอแต่นาเดีย...เออนี่พวกแกพอจะรู้ไหมว่าหนึ่งในสี่คนของพวกซีเคร็ตโค้ดมีใครมีแฟนแล้ว”>ฉันถามออกไปด้วยความอยากรู้
“พอรู้มาเหมือนกัน น่าจะเป็นซันนะแต่ไม่เคยมีใครรู้เลยว่าผู้หญิงของเขาเป็นใครพวกนั้นกำความลับเก่งจะตายไป”>ปาร์ตี้
“อ๊าย!! โล่งฉันคิดว่าจะเป็นพอร์ชของฉันซะอีก^^” โชคดีจังที่ไม่ใช่พอร์ช
“กล้าพูดนะยะว่าพอร์ชของแก”>พิกเล็ท
“นี่ขัดฉันตลอดเลยนะพิกเล็ท เออสั่งอะไรยังอ่ะ”>ฉันหันไปถามปาร์ตี้กับน้ำขิง
“แกจะกินอะไรล่ะเดี๋ยวฉันไปสั่งที่เคาน์เตอร์ให้”แผนสูงจังเลยนะน้ำขิง
“อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะว่าเธอคิดอะไร”>พิกเล็ท
“ฉันเอาบราวน์นี่ซันเดย์”>ฉัน
กรุ๊งกริ๊ง!!
เสียงกระดิ่งที่หน้าประตูร้านดังขึ้นบ่งบอกว่ามีลูกค้าเข้ามาในร้าน ซึ่งเสียงนั้นเรียกความสนใจให้ฉันต้องหันไปมอง และบุคคลที่มาใหม่นั่นก็คือซันกับนาเดียนั่นเอง เอ๊ะนี่อย่าบอกนะว่าซันเป็นแฟนกับนาเดียน่ะ แต่ก็ชั่งเถอะมันไม่ใช่ธุระกงการอะไรของฉันเลย
“อ้าวมิว...”เสียงใสๆของนาเดียเรียกฉัน
“นาเดีย... ^^” ฉันส่งยิ้มไปให้นาเดียตาพลันสายตาฉันกับไปเผลอจ้องตากับซันซะงั้น จ้องสายตาเขาไม่นานฉันก็ต้องหลบไม่รู้ว่าเพราะอะไรเวลามองหน้าเขาทีไรเหมือนต้องมนต์สะกดอย่างไงอย่างงั้นเลยทั้งที่ฉันก็ไม่ได้ชอบซันเลยแม้แต่นิดเดียว
“เอ...ไม่มีที่ว่างซะด้วยจะเป็นอะไรไหมถ้าฉันจะขอร่วมโต๊ะกับเธอด้วย^_^”
“ได้สิ^^”นาเดียไม่รีรอรีบจูงมือซันให้เข้ามานั่งร่วมโต๊ะกับฉันทันที อยากจะถามเรื่องที่เขาสืบให้ฉันนะแต่ก็ไม่กล้าถามต่อหน้านาเดียกลัวว่าเธอจะเข้าใจผิดคิดว่าฉันไปปิ๊งแฟนเธอเข้า
“ขอบใจนะมิว ซันนั่งนี่สิ”นาเดียดึงซันให้มานั่งข้างๆเธอ อยากจะรู้จังเลยว่าไอ้หน้าตายตรงหน้าฉันไปเป็นแฟนกับนาเดียได้ยังไงดูจากนิสัยและความเหมาะสมแล้วช่างแตกต่างกันเหลือเกิน นาเดียดูร่าเริงเป็นมิตรกับทุกคนแต่ดูนายซันสิหน้าตาก็ดีแต่ดันทำหน้านิ่งหน้าตายตลอดเวลาหรือว่าเขาแค่วางฟอร์มต่อหน้าคนอื่นกันนะ
วันต่อมา...
“มิว...ตื่นได้แล้ว”ฉันได้ยินเสียงแม่แว่วๆดังอยู่หน้าห้องนอนของฉัน แต่ฉันก็ได้แต่คุมโปงและก็หลับต่อ
ผ่านไป15นาที...
“มิว!! นี่ลูกยังไม่ตื่นอีกหรอ ตื่นเดี๋ยวนี้เลยนะ”เสียงแม่ตะโกนลั่นบ้านอย่างอารมณ์เสียที่เห็นร่างของฉันสลบอยู่บนเตียงไม่ขยับเขยื้อนไปไหน
“กี่โมงแล้วคะแม่”ฉันถามแม่เสียงงัวเงีย
“6โมง45นาทีแล้วO0O” ห๊า ว่าไงนะ
ฉันไม่รีรอ รีบกระโดดลงจากเตียงแล้วคว้าผ้าเช็ดตัววิ่งเข้าห้องน้ำไป ฉันเห็นแม่ส่ายหน้าอย่างระอาที่เห็นฉันเป็นแบบนี้ ไม่ใช่แค่ฉันตื่นสายวันนี้แค่วันแรกนะแต่เกือบทุกวันเลยที่ฉันจะต้องไปสาย ฉันใช้เวลาอาบน้ำแต่งตัว20นาทีก่อนจะลงไปที่โต๊ะทานข้าว
“มิว ลูกอายุ17แล้วนะเมื่อไหร่จะปรับปรุงตัวเองสักทีโตจนรับผิดชอบตัวเองได้แล้วแต่ลูกก็ยังทำตัวเป็นเด็กๆแบบนี้อีก ถ้าลูกไม่ปรับปรุงตัวแม่จะให้ย้ายไปอยู่โรงเรียนประจำ”แม่บ่นทันทีที่ฉันหย่อนก้นลงนั่งบนเก้าอี้
“ก็มิวนอนดึกนี้คะแม่ ช่วงนี้การบ้านเยอะจะตาย-_-”ฉันแถลไปเรื่อยความจริงแล้วฉันไม่ได้ทำการบ้านหรอกแต่ฉันดู
ซีรีย์เกาหลีจนดึกต่างหากล่ะ
“คราวนี้แม่จะไม่ว่าก็ได้ เห็นว่ามีเหตุผลหรอกนะ”แม่เชื่อฉันแล้วก็ยอมหยุดบ่น ความจริงฉันก็ไม่อยากโกหกแม่หรอกนะแต่ว่าถ้าเกิดบอกความจริงกับแม่ไปมีหวังแม่ฉันสวดยาวสามชั่วโมงก็ไม่จบ
“ค่ะแม่”
“วันนี้ไปเองนะ เพราะว่าพ่อของลูกมีประชุมต้องรีบไปถ้าลูกตื่นเช้ากว่านี้พ่อคงไปส่งแล้ว”เอาเข้าไปชีวิต ตื่นสายไม่พอ นี่ฉันยังต้องไปโรงเรียนเองอีกหรอ
“ประชุมอีกแล้ว งั้นมิวไปแท็กซี่ก็ได้ -_-!!”
“ไม่ได้ ลูกต้องไปรถเมล์ มิวแม่ว่าลูกสบายเกินไปแล้วนะหัดลำบากบ้างสิจะได้รู้คุณค่าของเงิน”เอาอีกแล้วแม่บ่นอีกแล้ว บ้านเราก็ใช่ว่าไม่มีฐานะ พ่อก็เป็นถึงเจ้าของบริษัทส่งออกเฟอร์นิเจอร์ส่วนแม่ก็เปิดร้านเบเกอร์รี่อยู่สาขานึง โอ๊ยฉันละเซงเอาเถอะฉันรู้ว่าแม่อยากให้ฉันรู้คุณค่าของเงิน อยากให้ฉันใช้เงินให้เป็นอนาคตจะได้ไม่ลำบากแต่ว่าถ้าขึ้นรถเมล์ฉันก็ต้องไปยืนน่ะสิ
“แต่รถเมล์ มิวต้องยืนนะคะแม่=_=”
“ยืนแค่แป๊บเดียวเดี๋ยวก็ถึงโรงเรียนแล้ว ไม่รู้ล่ะถ้าลูกไปแท้กซี่แม่จะหักค่าแท็กซี่แทนค่าขนมลูก”สงสัยต้องหาเงินใช้เองแล้วสิฉัน
“ค่ะรถเมล์ก็รถเมล์…งั้นมิวไปก่อนนะคะสวัสดีค่ะแม่-_-” ฉันยกมือไหว้แม่พร้อมกับหยิบกระเป๋าถือลุกขึ้นจากเก้าอี้
นี่ฉันจะทันเข้าแถวไหมเนี้ยตื่นก็สายแถมฉันยังต้องมายืนรอรถเมล์อีก ถ้ารู้ว่าจะลำบากขนาดนี้ฉันตื่นแต่เช้าแล้วให้พ่อไปส่งที่โรงเรียนยังจะดีกว่าอีก
ฉันยืนรอเพียงไม่นานรถเมล์ก็แล่นมาจอดข้างหน้า ฉันไม่รอช้ารีบก้าวขึ้นไปแต่ทว่ารถเมล์แทบจะหาที่เกาะไม่ได้เลยอย่าว่าแต่ที่เกาะเลยขนาดที่ยืนยังไม่ค่อยจะมีเลยโอ๊ยถ้าจะลำบากลำบนขนาดนี้นะฉันขึ้นแท็กซี่ยังดีซะกว่าดูสิเนี้ยเบียดกันจนเป็นปลากระป๋องแล้วอากาศหายใจยังแทบไม่ค่อยจะมีเลย
เอี๊ยดดดดด!!!!
เสียงล้อรถเมล์บดไปกับถนนด้วยความเร็วจนฉันตั้งหลักไม่ทัน ไถลไปข้างหน้าด้วยความไวแสงแต่ก็ถือว่าโชคดีที่ฉันไม่ล้มหน้าคว่ำเพราะว่ามีพลเมืองดีจับคอเสื้อฉันไว้ก่อนทำให้ฉันตั้งหลักได้และสามารถยืนได้ด้วยตัวเอง ฉันหันซ้ายหันขวาเพื่อมองหาที่จับก่อนที่จะหันไปขอบคุณพลเมืองดีคนนั้น
“ขอบคุ...นาย!!” ฉันตกใจที่ซันเป็นผู้ที่ช่วยชีวิตฉัน
“เห็นหน้าฉันอย่างกับเห็นผีอย่างงั้นแหละ-_-” หน้านายยิ่งหว่าผีอีกย่ะ
“เปล่าแค่ตกใจว่าคนอย่างนายจะมาขึ้นรถเมล์กับเขาด้วย”
“ฉันไม่ชอบทำอะไรที่ดูเวอร์น่ะ”
“เอ่อ...แล้วเรื่องที่ฉันให้ไปสืบนายได้ข้อมูลอะไรมาบ้างล่ะ-_-”
“ฉันสืบได้แค่ว่าอยู่ในวงดนตรีวงหนึ่งน่ะ”อยู่ในวงดนตรีด้วย งั้นก็มีสิทธิ์เป็นพอร์ชน่ะสิ
“จริงหรอ^^”
“นี่ ดีใจออกนอกหน้าไปแล้วป้ะ-_-”
“เออ...นาเดียเป็นแฟนนายหรอ”ความจริงฉันก็ไม่ได้อยากจะรู้เรื่องส่วนตัวของเขาหรอกนะแต่ถามเพื่อความมั่นใจว่าหนึ่งในนั้นไม่ใช่พอร์ช
“อืม แต่ห้ามบอกใครนะฉันไม่อยากให้นาเดียโดนแฟนคลับเล่นงาน”โธ่ช่างเป็นสุภาพบุรุษเหลือเกิน รู้จักเป็นห่วงแฟน
“ฉันไม่บอกใครหรอก”เพราะมันไม่ใช่เรื่องของฉัน
“แต่ถ้าเกิดว่าวันไหนแฟนคลับรู้เรื่องนี้ฉันจะจัดการเธอ-_-”
“ทำไมต้องฉันล่ะ อาจจะเป็นคนอื่นก็ได้-o-”
“ก็เพราะเธอเป็นคนนอกคนเดียวที่รู้”ไม่น่าถามเลย เห็นไหมล่ะงานเข้าฉันแล้วเนี้ย
“ฉันทำเป็นไม่รู้ตอนนี้ทันไหมเนี้ย”
หลังจากที่ฉันและซันคุยกันไม่นานรถเมล์ก็มาถึงโรงเรียนแล้ว แต่ดันซวยตรงที่ว่าประตูปิดแล้วถ้าเข้าไปต้องโดนขึ้นทัณฑ์บนแน่นอน เอาไงดีเนี้ยฉันยืนคิดได้ไม่นานร่างสูงของซันก็เดินไปอีกทางของโรงเรียน ฉันเห็นดังนั้นก็เดินตามเขาไปติดๆเอาเป็นว่าอาศัยตามเขาไปและกันเนอะ
“นายจะไปไหนอ่ะ”
“ตามมาเถอะน่าไม่ต้องบ่นให้มันมาก-_-”
“นายมีทางลับหรอ”ฉันถามขึ้นเมื่อซันพาฉันมาตรงกำแพงที่มีพุ่มไม้กองใหญ่ปิดเอาไว้แต่เมื่อเขาเปิดกองไม้นั้นก็เห็นกำแพงที่เป็นช่องที่สามารถลอดเข้าไปภายในรั้วโรงเรียนได้ โห...ถ้าเกิดรู้ว่ามีทางแบบนี้ฉันมาสายทุกวันก็ดีแต่จะว่าไปทางลับของซันเนี้ยถ้าไม่สังเกตดีๆมองไม่เห็นเลยนะ
“ก็เห็นอยู่ยังจะมาถามอีก ปัญญาอ่อนหรือเปล่าเนี้ย”ไม่หน้าเชื่อว่าหน้าตาหล่อๆจะแอบปากจัดด้วย นอกจากคำพูดจะเจ็บแล้วเขายังพูดด้วยใบหน้าอันเรียบนิ่งอีกด้วยซึ่งมันดูแล้วกวนสุดๆ
“นายกล้ามากที่พูดกับฉันแบบนี้”
“ทำไม...เธอจะทำไมฉัน”ซันไม่พูดเปล่าแต่กลับดันตัวฉันให้เข้าไปในช่องทางเข้าโรงเรียนที่เป็นทางลับแทน
พลั๊ก!! ตุ๊บ!!
แต่พอเข้ามาภายในรั้วโรงเรียนไม่นานสารวัตรนักเรียนที่คอยตรวจและจับนักเรียนที่มาสายก็ดันเห็นเข้าซะก่อนคราวนี้งานเข้าพวกฉันสองคนเลย ซันรีบมุดตามฉันมาพร้อมกับฉุดข้อมือให้ฉันวิ่งติดตามเขาไปด้วย สารวัตรนักเรียนไม่ละพยายามวิ่งตามพวกฉันสองคนมาอย่างติดหนึบโอ๊ย!! ถึงคราวซวยแล้วแน่ๆถ้าฉันโดนทัณฑ์บนแม่ต้องสวดฉันยาวแน่ๆเลย
“นี่พวกเธอสองคนน่ะหยุดเดี๋ยวนี้นะ”สารวัตรนักเรียนคนหนึ่งตะโกนขึ้นเพื่อให้ฉันและซันหยุด แหมหยุดก็โง่น่ะสิไม่มีทางหรอกย่ะ
“ซัน ฉันเริ่มวิ่งไม่ไหวแล้วอ่ะ-o-”
“นี่อย่าเพิ่งมาเหนื่อยตอนนี้ได้ไหม ทำอย่างกับไม่เคยผิดระเบียบอย่างงั้นแหละ”
“ก็ใช่น่ะสิ ตั้งแต่ที่ฉันเรียนมาฉันไม่เคยแหกกฏเลยแม้แต่ครั้งเดียว”
“บางทีกฏก็มีไว้แหกนะ เธออยากลองไหมล่ะ^^” ซันหันมากระตุกยิ้มให้ฉันหนึ่งทีก่อนที่จะพาฉันวิ่งต่อ
“นี่ฉันบอกให้หยุดไงเล่า”สารวัตรนักเรียนกลุ่มนั้นยังคงตามมาติดๆ ฉันไม่มีทางเลือกแล้วมาถึงขนาดนี้แล้วฉันก็ต้องลองแหกสักครั้งแล้วล่ะ
“ฉันมีทางเลือกหรอ ถ้าฉันทำตามระเบียบตอนนี้มีหวังทัณฑ์บนลอยมาแน่ๆ”
“งั้นก็ดี”ซันวิ่งเร็วขึ้นโดยทีมีฉันคอยตามเขามาด้วย สายตาของฉันมองไปเห็นตรงมุมตึกและนั่นคือทางเดียวที่เราสองคนจะรอดจากน้ำมือของสารวัตรจอมติดหนึบพวกนี้
“ข้างหน้ามีที่หลบ”ฉันบอกกับซัน ซันพยักหน้าว่ารับรู้ก่อนที่จะวิ่งเข้าไปในนั้นโดยที่พวกสารวัตรไม่ทันได้สังเกตเห็นเลยแม้แต่น้อย
ฉันและซันถอนหายใจด้วยความเหนื่อยล้า ภายในมุมตึกที่มืดนั้นทำให้สารวัตรนักเรียนไม่สามารถมองเห็นพวกเราได้วันนี้ฉันจึงรอดอย่างหวุดหวิด แล้วก็ยังมาทันคาบแรกของการเรียนอีกด้วย
“นี่ไปทำอะไรมาน่ะถึงได้เหงือไหลไคลย้อยแบบนี้”>พิกเล็ทถามฉันทั้งๆที่หน้าเธอยังจับจ้องที่กระดานไวท์บอร์ดอยู่เพื่อไม่ให้เป็นการผิดสังเกต
“ตื่นสาย มาโรงเรียนเอง วิ่งหนีสารวัตร”ถึงปากจะตอบออกไปแต่สายตาฉันก็ทำเป็นสนใจกระดานทั้งๆที่การเรียนคาบนี้ไม่ได้เข้าสมองฉันเลยแม้แต่นิดเดียว
“เจริญเถอะจ่ะ เออนี่การ์ดของเธอ”พิกเล็ทเลื่อนการ์ดมาให้ฉันใต้โต๊ะ แต่ใบหน้ายังอยู่ที่กระดานเช่นเดิม
“ขอบใจ^///^”
“เธอยิ้มอะไรมัสรส”และแล้วก็ไม่พ้นสายตาของอาจารย์ฉัตรคนนี้ไปได้เลย สายตาช่างเฉียบคมจริงๆเลย
“เปล่าค่ะอาจารย์^_^” ฉันส่งยิ้มแหยๆไปให้อาจารย์จากนั้นท่านจึงหันไปสนใจตำราต่อ



momodji
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 28 ก.พ. 2557, 20:22:52 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 3 มี.ค. 2557, 21:30:01 น.

จำนวนการเข้าชม : 1128





<< ตอนที่1   ตอนที่3 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account