ในเงาฝันปลายตะวัน
พรนับพัน ชีวิตของเธอจะมีตาอยู่ในทุกๆ ที่ แม้กระทั่งวันที่ตาจากไป หลายๆ สิ่งที่เธอทำก็ยังอยู่ในเงาของ 'ตะวัน' ผู้เป็นตาไม่เคยเปลี่ยน

และเพราะนิสัยที่เอาแต่ใจ โมโหร้าย ไม่สนใครหน้าไหนของพรนับพัน ชีวิตวันๆ หนึ่งเดินออกไปไหนไม่ได้ไกล หากมีเรื่องเข้ามาหาเจ้าหล่อนพร้อมพุ่งชน และนั่นเองทำให้รอบข้างกังวลและอยากจับเธอเปลี่ยนแปลง

ทิวากร ไม่รู้ว่าเขาโชคดี หรือโชคร้ายที่ได้รับหน้าที่จัดการเปลี่ยนมนุษย์ถ้ำ ให้ออกสู่สังคมได้อย่างปกติ แต่ดูเหมือนว่าคนที่ใครมองว่าโชคร้าย กลับเต็มใจรับสภาพ อ้าแขนรับมนุษย์ถ้ำคนนี้ซะด้วย
Tags: มนุษย์ถ้ำ โรแมนติก อมยิ้ม

ตอน: บทที่ 2 : ไม่ใช่คนตลก

บทที่ 2

เพลงถูกกดเล่นต่อหลังจากกล่าวปิดรายการอีกหลายเพลง ดีเจหนุ่มดีกรีพระเอกละครดาวรุ่งยิ้มหัวเราะกับเด็กรุ่นน้องที่กำลังรับช่วงเวลาจัดรายการต่อ

“ผมเห็นพี่ทิวมองโทรศัพท์ตั้งหลายครั้ง รอสาวที่ไหนโทรมาครับพี่”

ทิวากรหมุนโทรศัพท์ในมือไปมา เอนเก้าอี้เล่น ดวงตาระริกอารมณ์ดี “ไม่ได้รอหรอก แต่แค่มีเรื่องสนุกๆ นิดหน่อย”

“ไม่หน่อยมั้งพี่”

ดีเจหนุ่มพยักหน้า อวดรอยยิ้มเต็มแก้ม “ก็มั้ง สนุกดี” ทิวากรยกนาฬิกาข้อมือขึ้นเพื่อดูเวลา เห็นว่าเวลาจัดรายการวิทยุของตัวเองเสร็จสิ้นภาระ และใกล้จะถึงเวลานัดกับผู้หญิงคนหนึ่งที่โทรมานัดแนะเวลากับเขาเมื่อวานนี้

“พี่ไปก่อนนะมีนัด”

“พี่ทองภูเหรอครับ” เด็กหนุ่มรุ่นน้องปากไว ถามไถ่ถึงบุคคลที่คนในวงการต่างชอบจับคู่ให้กับทิวากร ทองภูเป็นนักร้อง นักแสดง ซึ่งแสดงออกว่าสนิทกับทิวากรมาเสมอ ในขณะที่สาวๆ ของเมืองไทยต่างก็กรีดร้องในความหล่อคนละแบบ ทองภูหล่อเข้มคมแบบไทย และทิวากรผิวขาว หน้าสะอาด กลายเป็นคู่จิ้นสูสีกับคู่ขวัญชายหญิงของพระเอกนางเอกทีเดียว

ทิวากรไม่เคยคิดมากต่อสายตาคนนอกที่มองความสัมพันธ์ของเขากับทองภูไปในแง่ประหลาด บางคนถึงกับแต่งภาพเขาสวมกระโปรงด้วยซ้ำ แต่จิ้น ก็คือจินตนาการ หากแฟนๆ มีความสุขก็ขอให้จินตนาการกันต่อไป ยังไงเสียสำหรับเขาทองภูคือเพื่อน และเขาก็ยังชื่นชอบผู้หญิงมากกว่า

“ไม่คิดว่าพี่มีนัดกับสาวๆ บ้างหรือไง”

“ข่าวใหญ่แน่ครับ สะเทือนวงการโลกจิ้นสาวๆ พังกันเป็นแถบๆ” หนุ่มมาดฮิพฮอพ สวมหมวกถัก ติดตุ้มหูเป็นห่วงเงินออกปากวิจารณ์

“สักวันโลกจิ้นก็ต้องพังอยู่ดี เพราะมันไม่มีอยู่จริง” ทิวากรยิ้มไม่หุบ สะพายเป้ใบกะทัดรัดติดหลังเดินออกไป ปล่อยให้เด็กรุ่นน้องมองตามหลังด้วยความเป็นห่วง

“ขอให้สมหวังสักทีนะครับพี่ทิว”


หนึ่งดาราสั่งอาหารยาวเหยียด ในขณะที่นั่งเผชิญหน้ากับผู้ชายหน้าตาดีตรงหน้า สำหรับเธอมันเป็นเรื่องน่าตกใจพอควรที่หวยครั้งนี้ ออกมาดีเกินคาด ผู้ชายที่เธอคิดจะฝากเพื่อนไว้ชั่วคราวเป็นถึงดีเจชื่อดัง ไหนจะยังเอาดีทางด้านละครกลายเป็นพระเอกหน้าใหม่ หลังจากรับบทรองอยู่พักหนึ่งในละครก่อนหน้ามา ทิวากร ผู้ชายคนนี้ไม่ได้ทำให้เพื่อนของเธอสัมผัสรัศมีอันเจิดจรัสของเขาได้เลยหรือ

“คุณทิวจะรับอะไรอีกไหมคะ”

“ไม่เป็นไรครับ ที่คุณสั่งก็เยอะแล้ว”

รอยยิ้มของเขาพานจะทำเธอละลาย หนึ่งดารามองตาค้าง มือกอดเมนูแนบอก อยากจะกรีดร้องที่พระเอกละครหลังข่าวเรื่องโปรดของเธอมานั่งหน้าหล่อตรงหน้า แต่กลัวจะเสียงานเสียก่อน

“คุณไม่กลัวเป็นข่าวใช่ไหมคะ”

“ผมต้องกลัวอะไรครับ ข่าวทุกวันนี้ที่ออกๆ มาก็มีทั้งจริงไม่จริง”

หนึ่งดาราคันปากอยากถามเรื่องทองภู คู่ขาที่ข่าวกระพือโหมไปทั้งวงการนั้นว่าจริงหรือไม่ แต่ก็รู้ว่ายังไม่ควรขนาดนั้น “ถามจริงๆ นะคะ คุณทิวไม่ลำบากใจกับคำขอที่หนึ่งขอไปใช่ไหม”

“เรื่องเพื่อนคุณน่ะเหรอครับ” ทิวากรยิ้ม ดวงตาอ่อนโยนขึ้น “ถ้าผมไม่ช่วย ผมคงไม่รับนัดคุณในวันนี้”

“แปลว่าคุณชอบเพื่อนของหนึ่ง” หนึ่งดาราวางมือบนโต๊ะ ชะโงกหน้ามาถาม ดวงตาที่โตอยู่แล้วยิ่งขยายกว้างเกือบล้นออกมา

ชายหนุ่มส่ายศีรษะช้าๆ เขามีเหตุผลที่ช่วยคล้ายๆ กับในอดีต “ผมเป็นคนชอบช่วยเหลือคนตกทุกข์ได้ยากครับ”

หนึ่งดาราสมองคล้ายถูกแช่แข็งไปห้าวินาที ก่อนจะปล่อยเสียงหัวเราะลั่นลืมมารยาทหญิงไทยเมื่อประมวลคำตอบได้ครบ เพิ่มด้วยการปรบมือเปาะแปะ ยิ้มขัน

“ตลกอะไรครับ”

“ตลกที่ว่าถ้าเพื่อนหนึ่งได้ยินคุณตอบแบบนี้ สงสัยได้มีหน้าหงิกหน้างอแน่ๆ”

คนที่คิดว่าเหตุผลนั้นไม่น่าตลกได้แต่หัวเราะเจื่อนๆ เริ่มเห็นความประหลาดของหนึ่งดาราซึ่งเริ่มไม่แปลกที่คบกับพรนับพันได้

“ถ้าคุณทิวไม่ได้รู้สึกพิเศษอะไรกับพราวด์ ก็ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ” หนึ่งดาราทำหน้าเศร้า ถ้ามีผ้าแพรไว้ซับน้ำตาอาจคิดว่าเจ้าหล่อนหลุดมาจากนวนิยายโบราณของจีน “พราวด์น่ะมันทำตัวเอง ชอบเก็บตัว ไม่สนว่าใครจะวิจารณ์ชีวิตยังไง หนึ่งเป็นห่วงพราวด์ กลัวว่าชีวิตนี้จะต้องจมปลักอยู่กับตัวเอง เป็นสาวโสดทึนทึก ใช้ชีวิตปิดตาย”

“ไม่ขนาดนั้นหรอกมั้งครับ ผมก็ยังเห็นเขาไม่เดือดร้อนกับชีวิตแบบนี้” ทิวากรจำภาพวันที่เขาพบพรนับพันครั้งแรกได้ดี ผู้หญิงที่แกร่ง ใช้ชีวิตไม่สนใคร แต่จริงๆ ก็ยังมีบุคคลที่แคร์มากสุดในใจ ในวันนั้นพรนับพันคงไม่รู้ว่าเขากลัวหล่อนกระโดดหน้าผาขนาดไหน

“คุณทิวอยากจะรู้จักพราวด์ให้มากกว่านี้ไหมคะ” หนึ่งดาราปรับอารมณ์รวดเร็ว ชักจูงเข้ามาเรื่องเดิม เธอรู้ว่าเธอกำลังทำอะไร ก็แค่อยากจะฝากเพื่อนไว้ในมือผู้ชายดีๆ สักคน ถ้าเขาจะรับฝากทั้งชีวิตได้ก็ยิ่งดี และคนตรงหน้าเธอตอนนี้ เข้าข่ายคนดี มาตรฐานสูง ไม่รู้ว่าคนไม่เคยมีมาตรฐานแน่นอนอย่างพรนับพันจะล่วงรู้เรื่องนี้ไหม และทิวากรเองก็คงไม่รู้แผนการลึกๆ ที่เธอกับนับพันพรร่วมมือกัน

“ถ้าผมช่วยเปลี่ยนแปลงเขา ผมก็ต้องรู้จักเขามากขึ้นจริงไหมครับ”

“ขอถามอีกอย่างเถอะนะคะคุณทิว เหตุผลที่มาช่วยพราวด์จริงๆ คุณไม่ได้สนใจพราวด์เลยเหรอ”

ชายหนุ่มนิ่งคิด ยิ้มอ่อนๆ กับตัวเอง และคำตอบของเขาในเวลาต่อมาก็ทำให้สาวซึ่งนั่งตรงข้ามสาบานตนว่าจะขอติดตามงานละครของทิวากรทุกเรื่อง ถึงตัวจะอยู่ไกล เธอจะไม่ขอพลาดเหตุการณ์ทางนี้เด็ดขาด

“คุณพราวด์เป็นคนน่าสนใจดีนะครับ ไม่มีใครเหมือน”


นับพันพรอยากจะปวดหัวให้รู้แล้วรู้รอด กว่าจะลากพี่สาวลงจากต้นมะม่วง อาบน้ำแต่งตัวใหม่ได้นั้น เธอต้องรอให้พรนับพันป่ายปีนขึ้นไปอย่างน่าหวาดเสียว และให้เธอวิ่งไล่เก็บผลของมันตามพื้น พอลูกไหนหล่นลงมาแตก แม่เจ้าประคุณก็จะส่งประกายไฟเปรี๊ยะออกจากร่าง ความผิดใครกัน ไม่ใช่คนโยนเหรอ

“ดูพี่พราวด์ไม่กระตือรือร้นเลยนะคะ สงสัยจะไม่ได้อยากได้บันทึกของตาจริง”

พรนับพันหน้าหงิก เธอถูกนับพันพรบังคับให้สวมเสื้อแขนตุ๊กตาสีชมพูน่าอาเจียนนี้ว่าแย่แล้ว ยังโดนจี้ใจดำเรื่องบันทึกของตาอีก “พี่รู้ว่ารีบไปก็ไม่ได้มาง่ายๆ เธอกับหนึ่งรวมหัวกันวางแผนล่อพี่ออกจากถ้ำนี่ คงจะล่อแบบนี้อีกหลายๆครั้ง”

คุณหมอเคลื่อนรถไปจอดบริเวณลานจอดรถอาหารญี่ปุ่นร้านดัง ล่วงรู้ความคิดพี่สาวในเรื่องรู้ทัน แต่ก็แค่นั้น เพราะรู้ทันไป จะกี่ครั้งหากมีของมาเป็นตัวประกัน ยิ่งของชิ้นนั้นเป็นสิ่งสำคัญ พรนับพันย่อมพร้อมกระโจนใส่ในนาทีสุดท้าย

“ไปเถอะค่ะ”

รถเข้าซองจอดสนิท แต่คนนั่งยังยึดที่นั่งเหนียวแน่น ส่งสายตาเป็นประกายไฟไล่ตามสิ่งที่อยู่ในมือของนับพันพร หลังจากหยิบออกมาจากที่เก็บของในรถฝั่งเธอนั่ง นับพันพรยิ้มหวานหยดขณะโบกบันทึกเล่มบางที่ไม่ต่างจากสมุดวาดเขียนทั่วไปไปมา ยั่วให้คนมองอยากกระชากมากอดแนบอกไว้

“พี่จะเชื่อได้ยังไงว่าเป็นของตาจริง”

“แฟร์ไม่ได้บังคับให้พี่พราวด์เชื่อนี่คะ จะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่พี่พราวด์เลย” ไม่แคร์ว่าพี่สาวจะรู้หรือไม่ แต่มือกลับเปิดแง้มๆ มุมกระดาษให้เห็นลายเซ็นอันเป็นเอกลักษณ์ของผู้เป็นตา ‘ตะวัน’

“เอามะม่วงไปฝากคนๆ นั้นด้วย”

“คนๆ นั้น ใครล่ะคะ” นับพันพรแกล้งถาม เห็นถุงมะม่วงถุงโตที่เบาะหลังต้องกลั้นยิ้มแทบแย่

“ยัยหนึ่งมั้ง” พรนับพันมองค้อนน้องสาว เดินลงไปตัวเปล่าๆ เข้าร้าน เธอต้องควบคุมตัวเองไม่ให้แสดงอารมณ์หงุดหงิดออกมาทางสีหน้าใส่พนักงานผู้ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ ถ้าจะเปลี่ยนตัวเอง เธอต้องเริ่มเปลี่ยน ถ้าวันนี้ทำได้ดี เธออาจได้สมุดบันทึกของตาเลยก็ได้

“มากับคุณหนึ่งดาราค่ะ” บอกชื่อเพื่อนเพราะว่าเห็นรถจอดอยู่ไม่ไกลจากรถน้องสาว พนักงานที่รู้จักลูกค้าที่มาบ่อยนั้นรีบผายมือเดินนำเธอไปยังห้องเล็กห้องหนึ่ง ซึ่งทางร้านทำไว้เป็นมุมส่วนตัว ไม่เปิดโล่งอย่างด้านนอก เหมาะสำหรับคุยงานสำคัญ

“ห้องนี้ค่ะ” ประตูบานเลื่อนซึ่งแง้มไว้ทำให้เธอเห็นแผ่นหลังของผู้ชายคนหนึ่ง ในขณะที่เพื่อนของเธอหันหน้าออกมาทางประตูกำลังยิ้มละเมอเพ้อพก

“ฉันมาขัดโลกของเธอกับเขาหรือเปล่า” พรนับพันเท้าสะเอว ดวงตาไม่สบอารมณ์มองเพื่อน ก่อนจะมองเลยมายังแขกที่เหลียวมามองด้วยรอยขำในดวงตา หญิงสาวขมวดคิ้วยุ่ง รำลึกว่าตัวเองพบใบหน้าขาวๆ เมื่อวันใด และเธอก็นึกออก

“นายคนข้างเวที”

ทิวากรโคลงศีรษะ ยิ้มไม่หุบ และยิ่งอวดยิ้มกว้างขึ้นกับท่าทีเป็นเดือดเป็นแค้นของอีกฝ่าย พรนับพันยกมือขึ้นมากำ ตัวสั่นเทิ้ม สลับกับมองไปยังหนึ่งดาราซึ่งทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ คีบซาชิมิเข้าปากสบายอารมณ์

“ไม่ใช่หมอนี่ใช่ไหมที่ยัยแฟร์ว่ามา หมอนี่จะถือสมุดของตาฉันเหรอ”

“เขาจะช่วยแกดัดนิสัยเสียๆ ออกได้ เชื่อฉันสิ”

คนใกล้จะถูกดัดนิสัยตาเหลือก คำพูดของเพื่อนช่างทำร้ายจิตใจเธอเหลือแสน ผู้ชายที่สั่งสอนเธอในวันนั้นยังจำได้ดี ถ้าขืนเขาต้องมาช่วยเธอเปลี่ยนนิสัย ทุกๆ วันไม่ต้องถูกหมอนี่ต่อว่าจนตัวเธอกลายเป็นเด็กน้อยเลยหรือไง

“ไม่เอาคนนี้ ยัยแฟร์ก็เปลี่ยนฉันได้”

“ถ้าแฟร์เปลี่ยนได้ แฟร์คงเปลี่ยนไปได้นานแล้วค่ะ” นับพันพรเดินมาถึง รีบดันหลังพี่สาวให้เขยิบไปยืนในห้องอาหารส่วนตัว จงใจให้ที่นั่งว่างเหลือแค่ข้างทิวากร ส่วนตัวเธอเองไปนั่งข้างเพื่อนพี่สาว

“งั้นไม่เปลี่ยน”

“กลับคำเป็นคนกลับกรอกเลยนะครับ”

พรนับพันอยากเอาระเบิดมาปาใส่รอยยิ้มโลกสวยของอีกฝ่าย รอยยิ้มบนหน้าตาแบบนี้ดูแล้วสว่างไสวสดใสดีอยู่หรอก แต่วาจาที่พ่นออกมา อย่างกับว่าเขามีความไม่ชอบขี้หน้าเธอเป็นทุน ยิ่งนึกยิ่งโกรธ แต่ให้ยืนส่งสายตาพิฆาตจิกกัดเพียงอย่างเดียวจะเมื่อยเปล่าๆ จึงไปกระแทกกระทั้นนั่งลงข้างคนที่กำลังจะถือของสำคัญในมือ

ไม่ทันสังเกตว่าคนฟังอีกสองคนจะดีใจจนเกือบโห่ร้องให้กับวาทะตอกกลับเบาๆ ของทิวากร

และคำๆ เดียวที่พรนับพันหามาตอบโต้ได้ “หิว” หยิบตะเกียบคืบอาหารแบบไม่คิดชีวิต ปล่อยให้คนสามคนมองหน้ากันพลางยิ้มขัน

ทำไมอารมณ์โกรธ เหวี่ยง ของขาวีนขี้หงุดหงิดอย่างพรนับพันมาพบกับรอยยิ้มหนุ่มหล่อปากคม ถึงได้ดูน่ารักขึ้นมาได้ก็ยากสุดรู้ งานนี้นับพันพรต้องคอยติดตาม และเผื่อแผ่ข้อมูลข่าวสารนี้ไปให้ถึงเพื่อนพี่สาวที่กำลังจะเดินทางไปต่างแดนนี้ด้วย

“คุณทิวคะนี่ค่ะ ของที่ว่าไว้”

สมุดวาดเขียนเล่มบางผ่านหน้าพรนับพันไปอีกรอบ หญิงสาวมองตามตาละห้อย ต้องใช้มือกำตะเกียบให้แน่นขึ้น กลัวจะจู่โจมกลางอากาศให้ตัวเองพ่ายแพ้ในเกมนี้ เธอจะเปลี่ยนตัวเอง ก็ต้องทำตามเกมของน้องและเพื่อน

ซูชิคำโตโปะด้วยวาซาบิก้อนกลมขนาดใหญ่ถูกคีบเข้าปาก พรนับพันต้องฟุตฟิตจมูก เพราะกลิ่น และรสชาติทะลุทะลวงหัวและระบบหายใจ ขอบตามีน้ำเกาะ แต่ต้องเก๊กว่าไม่เป็นไร คำต่อไป และต่อไป จึงยังเหมือนเดิม เพื่อดับอารมณ์กรุ่นๆ ในอกกับท่าทีเห็นพ้องต้องกันของเพื่อนและน้องสาว กับผู้ชายคนนี้

รอยยิ้มสว่างบาดตาของทิวากรทำให้มือที่คีบซูชิโปะวาซาบิหนาชิ้นที่ห้าหยุด หญิงสาวฟุตฟิตจมูกอีกรอบ “บ้านคุณผลิตอมยิ้มหรือไง หรือว่าหน้าฉันมีนกมาทำรัง ยิ้มอยู่ได้รำคาญลูกกะตา”

“ก็คุณตลก”

เปรี๊ยะ... พรนับพันรู้สึกเส้นบางอย่างในหัวขาดผึง ตะเกียบถูกโยนออกจากมือ และในเวลาเสี้ยววินาทีที่ร่างของเธอกระโจนเพื่อประทุษร้ายร่างกายผู้ชายหน้ายิ้ม แขนเธอสองข้างก็ถูกคว้าไว้เสียก่อน

“ปล่อยฉันนะจะจับไว้ทำไม หมอนั่นอยากตลกนักเดี๋ยวจัดให้ขำไม่ออก”

“แกจะตบตีเขาสิไม่ว่า” หนึ่งดาราซึ่งล็อกแขนซ้ายไว้บอกอย่างรู้ทัน

“อย่าใช้อารมณ์สิคะ พี่พราวด์นิสัยแบบนี้ไงถึงต้องเปลี่ยน” นับพันพรล็อกแขนขวาเป็นคนเตือน

“ปล่อยเธอเถอะครับ ผมไม่ว่าอะไรหรอก” สองคนที่ล็อกแขนร่างสมส่วนของพันนับพรไว้จนเหนื่อยตกใจกับสภาพยอมรับการรุกรานของทิวากร “ผมต้องเจอแบบนี้ ผมก็ต้องเรียนรู้ที่จะรู้จักคุณพราวด์ให้มากสิครับ”

“อย่าคิดว่าฉันจะเห็นใจ นี่ก็ปล่อยได้แล้ว อารมณ์เสียชะมัด พาฉันมาเป็นตลกให้คนอื่นขำทำไมเนี่ย” พรนับพันหน้างอ เบี่ยงตัวสะบัดออก เลิกต่อต้านดิ้นรนจะไปคว้าคอเสื้อผู้ชายหนึ่งเดียวในห้อง จึงกลับมานั่งลงประจำที่ จับตะเกียบชี้หน้าทิวากร “สมุดนั่นน่ะ อย่าหวังว่าฉันจะเลิกราง่ายๆ ระวังตัวไว้ให้ดี” แยกเขี้ยวย่นจมูกขู่ปิดท้าย แต่ทำไมไม่รู้ พอเธอขู่เสร็จแทนที่เขาจะนึกกลัว เสียงหัวเราะของคนสามคนยิ่งกระตุ้นให้เธอนึกโมโหโทโสกว่าเดิม

“ฉันไม่ใช่ตลกคาเฟ่ หยุดขำเดี๋ยวนี้!” นั่นล่ะ เสียงหัวเราะจึงเงียบ แต่ก็เงียบเพราะทุกคนกลั้นยิ้มไว้จนปวดกราม

“เดี๋ยวก่อนกลับแฟร์จะเอามะม่วงไปให้นะคะ คนแถวนี้ปีนเก็บให้เองเลย”

พรนับพันเข่นเขี้ยว นึกสาบานกับตัวเอง ว่าถ้าหากเธอรู้จักคนที่จะมาเปลี่ยนนิสัยเป็นเขาล่ะก็ อย่าว่าแต่มะม่วงเลย แค่พริกกับเกลือก็จะไม่ให้


สามวันต่อมา หนึ่งดาราก็พบว่าแม่เพื่อนตัวดียังคงทำอาการปั้นปึ่งหลุดมาให้เห็นบ้าง ก็ไม่ค่อยบ้างนักหรอก เรียกได้ว่าหากมีใครพูดถึงทิวากร เขี้ยวง้าวจะงอกเงย จมูกย่น หน้าหงิกงอยิ่งกว่าจวักตักข้าวเสียอีก

“อะไรนี่แกไม่ทำอะไรเลย สามวันผ่านมาแล้วนะ”

“ก็ฉันจะทำให้เห็นว่ามันล้มเหลว” พรนับพันทำหน้าที่เข็นรถที่บรรจุกระเป๋าเต็มอัตราถึงกับต้องใช้รถสองคันเดินตามหลังเพื่อน ไม่เข้าใจว่าคนไปเรียนต่อปริญญาเอกจะเอาของไปทำไมเยอะแยะ “มีเบอร์แปลกโทรมาก็ไม่รับ”

“ยัยพราวด์ แกคิดว่าเบอร์แปลกๆ พวกนั้นเป็นของคุณทิวเหรอยะ” หนึ่งดาราหัวเราะคิกคัก ส่ายหัวเห็นเป็นเรื่องตลก “คุณทิวเขาไม่ได้โทรหาแกเลย ช่วงนี้ติดถ่ายละคร งานยุ่ง เห็นบอกว่าจะเคลียร์งานได้ก็วันสองวันนี้แหละ”

พรนับพันหน้าตึง บิดเบี้ยว “ชักช้า งานเยอะ ก็เอาสมุดมาให้ฉันเถอะ”

หนึ่งดาราหัวเราะหึ เหลือบมองเพื่อนทำหน้ายุ่งไม่สบอารมณ์ จริงๆ แล้วนิสัยของเพื่อนเธอก็เหมือนเด็ก จำเป็นต้องเพิ่มความอดทน และเก็บอารมณ์ให้มากกว่านี้ แต่ข้อดีอย่างสำหรับคนประเภทนี้ก็คือ จะหลอกอะไรใครไม่ได้

“ฉันรู้นะว่าแกต้องรอจังหวะอะไรอยู่ แกต่างหากที่จะไม่อยู่เฉย” หนึ่งดาราออกปากอย่างรู้ทัน จอดรถเข็นต่อท้ายเคาว์เตอร์เพื่อรอรับตั๋วเครื่องบินจากสายการบินซึ่งจะบินไปสู่อังกฤษ หันกลับมาพรนับพันก็จอดรถต่อท้ายให้เสร็จพอดี “ไง แกจะทำอะไรหลังจากฉันไม่อยู่”

“ติดต่อกับคุณทิวสุดที่รักของเธอตลอดเวลานี่นา ฉันจะทำอะไรเขาต้องแจ้นโทรรายงานให้เธอรู้อยู่แล้ว” น้ำเสียงติดประชดไม่ยอมบอกว่ามีแผนการอะไรหรือไม่

“เอาเถอะ ฉันเชื่อว่าคุณทิวต้องไม่ยอมให้แกอาละวาดใส่ง่ายๆ แน่”

“รู้จักกันดีเหลือเกินนะ” ทำเสียงสูงประชด การจากลาสำหรับคนบางคนอาจร้องไห้ฟูมฟาย แต่สำหรับเพื่อนที่กำลังจะไปอีกซีกโลก เพื่อนที่สนิทกันมาจนกลายเป็นเหมือนสมาชิกครอบครัวเธอนั้น พรนับพันรู้สึกใจหาย แต่ไม่มีวันแสดงออกให้เพื่อนได้ใจเด็ดขาด

“จะไม่กอดลาหน่อยเหรอ” หนึ่งดารารับตั๋ว และจ่ายค่าปรับกระเป๋ามหาโหดตามเรตที่เกินมานั้นหันมาตีใบตั๋วบริเวณหน้าผากของพรนับพัน ที่ไม่ยอมตอบ แต่เบือนหน้าหนี “เดี๋ยวไม่เจอกันตั้งนานแกจะทำเมินกันอย่างนี้น่ะนะ”

“ตอนเธอไปเรียนปอโทเธอยังเคยไปมาแล้ว ปอเอกไม่ต่างกันนักหรอก ดูสิเหลือแค่ฉันมาส่ง ที่บ้านเธอคงเบื่อมั้ง ลูกวันๆ เอาแต่เรียน ปอโทสองใบ ปอตรีสามใบยังไม่พอ”

หนึ่งดาราไม่ตอบ เพราะรู้ว่าอาการพูดเป็นวักเป็นเวรนั้นเกิดมาจากกลบเกลื่อนความรู้สึก อ้อมแขนของเพื่อนจึงอ้ากว้างเพื่อกอดเพื่อนรักที่สนิทที่สุด และน่าเป็นห่วงที่สุดไว้ พรนับพันไม่ได้กอดตอบ ยืนนิ่งๆ รับฟังคำของเธอ

“แกอย่าทำให้ฉันเป็นห่วงนักสิ แกน่ะยังไม่มีแฟนสักคน ในขณะที่ฉันเลิกมาแล้วตั้งห้าคน ฉันไม่รู้หรอกว่ากลับมาฉันจะเห็นแกเดินตลาดนัดแล้วไม่กัดกับใครได้หรือยัง แต่ว่าแกอย่าปิดกั้นตัวเองจากคุณทิวได้ไหม อย่าหนี”

“ฟังแปลกๆ นะ อย่างกับจะยกฉันให้เขา ถวายพานเลยไหม”

หนึ่งดาราเขกมะเหงกลงศีรษะทุยๆ หน้าผากเหม่งๆ ของเพื่อนด้วยอารมณ์หมั่นไส้ แอบเกลียดความรู้ทันของพรนับพัน “สามเดือนฉันจะกลับมาตรวจการบ้าน”

“จ้า แม่คนรวย” พรนับพันทำเสียงขึ้นจมูก ดันร่างเพื่อนออก โบกมือไล่ส่ง “รีบไปได้แล้ว ออกจากบ้านนานๆ แล้วผื่นจะขึ้น”

“ขอบใจแกมากนะที่มาส่ง”

พรนับพันเองก็รู้ว่าเพื่อนของเธอคนนี้ขี้เหงาเพียงใด เป็นมนุษย์ว่างงานไม่ได้ไม่อย่างนั้นจะฟุ้งซ่าน เพราะที่บ้านนั้นก็มีปัญหาไม่น้อย

“เรียนไม่จบก็ไม่จบ ไม่ต้องดันทุรังหรอกนะ”

“นั่นอวยพรกันเหรอยะ”

“เดินทางปลอดภัยนะ” เจอคำอวยพรแบบกะทันหันหนึ่งดาราถึงกับยิ้มแก้มปริ อารมณ์พรนับพันเป็นอะไรที่เหมือนลมฟ้าฝน เดี๋ยวเมฆทะมึนจะลอยมา หรือจะเป็นลมเอื่อย แต่ฟ้าใสสว่างๆ ด้วยแสงอาทิตย์ เธอยังไม่ค่อยพบเจอในตัวมนุษย์ถ้ำคนนี้

“ไปนะ”

“เดี๋ยว” พรนับเกี่ยวสายกระเป๋ากุชชี่ที่เพื่อนเธอคล้องไว้อยู่ ดวงตาหรี่ลงยามถามคำถามที่เจ้าตัวจะไว้ใช้เริ่มแผนการ “รู้จักบ้านหมอนั่นไหม”

“หมอนั่น” รู้ว่าพรนับพันเอ่ยถึงใคร สรรพนามไม่ถูกจริตแบบนี้ แต่หนึ่งดาราก็แกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง

“ทิวของเธอน่ะ”

หนึ่งดาราหลุดขำ อยากรู้นักว่าพรนับพันจะออกจากถ้ำไปหาหนุ่มหล่อที่เธอเล็งไว้ให้หรือเปล่า “ทำไมจะไม่มีล่ะ คนอย่างฉันจะหาใครมาฉุดเพื่อนออกจากถ้ำ ก็ต้องสืบประวัติรู้ลึก ว่าแต่รู้แล้วจะทำอะไร”

พรนับพันหัวเราะหึๆ ดวงตายิ่งหรี่ลง มีแววขุ่นเคืองแผ่ออกมา งานนี้ถ้าอยากได้ลูกเสือเธอนี่ล่ะจะเอาถ้ำไปครอบเสือเอง มันจะไม่ได้ก็ให้รู้ไป บุกถ้ำคนอื่น มีหรือที่คนอย่างพรนับพันจะแคร์ ไม่มีซะล่ะ

เพื่อนสาวผมบ็อบของเธอก็ช่างน่ารักเสียจริง ให้เป็นเรื่องของทิวากร ลูกสาวนายทหารใหญ่พร้อมลงมือจัดการให้ ไม่มีขาดตกบกพร่อง


งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา ละครที่กำลังฉายอยู่ในยามนี้เป็นงานร้อน ถึงกับเบียดเบียนเวลาจัดรายการวิทยุของเขาไปถึงสามวัน ทิวากรเริ่มคิดใคร่ครวญว่าเขาควรจะรักษาอาชีพที่เขารักไว้ หรือจะมุ่งมาอีกสายงานที่งานเข้ามาไม่ได้หยุด

เขาไม่เคยลืมว่าจุดเริ่มต้นของตัวเองมาจากไหน... ทิวากรมองภาพงานอันรื่นเริงของเพื่อนพ้องในกองละครที่เขาได้รับโอกาสเป็นพระเอกเดี่ยวเรื่องแรก หลังจากเป็นตัวประกอบในบทพระรอง หรือรับเชิญบ้าง หรือเป็นพระเอกที่มีคนมาประกบแย่งความเด่นกัน เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องแรกจริงๆ ที่เขาได้รับโอกาสนี้ น่าดีใจตรงที่ กระแสตอบรับเรื่องนี้ดีตั้งแต่ออนแอร์ออกไปตอนแรก

คนไม่ดื่มแอลกอฮอล์ยกน้ำเปล่าขึ้นจิบ ดวงตาเปล่งประกายรอยยิ้มออกมา ทั้งที่ปากโค้งเป็นรอยยิ้มเพียงนิด เสน่ห์ของทิวากรเป็นรอยยิ้ม และดวงตา สาวๆ ในกองมักจะเผลอหลงละเมอกัน แต่ก็ได้แค่มอง ก็พ่อเจ้าประคุณเล่นมีผู้ชายตัวโตมาคุมทุกครั้งที่ว่างหรือมีโอกาส

“ยินดีด้วยที่ละครประสบความสำเร็จ” ดีกรีพระเอกละครของช่องเดียวกันนั้นยกแก้วน้ำสีอำพันขึ้นยกดื่มให้ทิวากร พระเอกของละครในวันนี้ยกตอบด้วยแก้วน้ำเปล่า

“เพราะทุกคนตั้งใจทำกันมาก ละครถึงออกมาดี”

“การแสดงของนายก็ขั้นเทพอยู่แล้ว ใครๆ ก็พูดว่านายเป็นเพชรที่รอวันฉายแสง”

ทองภูยังไม่ทันจะกล่าวชมไปมากกว่านั้น ร่างผอมของหญิงผิวซีด คล้ายคนอมโรคเป็นนิจ เดินเข้ามา ยืนลังเลอยู่ข้างเก้าอี้พระเอกของวันนี้ ไม่มั่นใจว่าจะนั่งเก้าอี้ถัดไปดีหรือไม่

“พี่ทิว”

“หนาว” เป็นทองภูที่ออกตัว น้ำหนาวเป็นลูกสาวผู้จัดละครมีชื่อของช่อง ซึ่งในอดีตน้ำหนาวก็เคยคบกับทิวากร ก่อนจะร้างลากันไป เพราะน้ำหนาวตัดสินใจแต่งงานกับทายาทนักธุรกิจสายบันเทิงแทน “มีอะไรกับทิวมัน”

“พูดมาได้เลยพี่รอฟังอยู่” ทิวากรยิ้มใจดีส่งไป ร่องรอยความเจ็บปวดจากบาดแผลในอดีต สามปีแล้ว ความเจ็บปวดในใจจึงสูญสลายไปตามกาลเวลา

“หนาวกำลังจะเป็นผู้จัดละคร...”

“เอาสิพี่เล่น หนาวส่งบทมาให้พี่ด้วยนะ” ยังไม่ทันกล่าวจบ ทิวากรก็รู้ความนัยทั้งหมด ชายหนุ่มไม่มีเหตุผลจะต้องเล่นตัวอะไร ไม่ใช่ว่าช่วงนี้ไม่มีคนมาติดต่องานละคร แต่มีมากจนเขาต้องหาทางปฏิเสธไปอย่างบัวไม่ให้ช้ำน้ำไม่ให้ขุ่นมากที่สุด ทิวากรคิดจะพักงานแสดงสักพัก แต่ในเมื่อเป็นน้ำหนาวที่มาร้องขอด้วยตัวเอง เขาก็ไม่อยากปฏิเสธ ถึงในวันนี้จะไม่ใช่คนรัก แต่น้ำหนาวก็เป็นน้องสาวที่เขาไม่คิดอยากให้เสียใจ

“ขอบคุณนะคะพี่ทิว”

“บทพระเอกหรือเปล่า” ทองภูถาม

“เป็นพระเอกรุ่นลูกค่ะ” น้ำหนาวตอบเสียงเบา กลัวเห็นอาการไม่เห็นด้วยของผู้ชายที่เป็นเพื่อนของทิวากร มากกว่าเจ้าตัวคนเล่นเสียอีก

“บทไหนพี่ก็เล่นได้ หนาวไม่ต้องคิดมากหรอก พี่สิต้องขอบคุณที่ยังคิดถึงพี่”

น้ำหนาวอ้าปากคล้ายอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เมื่อสบประสานกับดวงตาที่ยังคงใจดี และมองเธออย่างเอื้ออาทรเสมอมา คำพูดหลายๆ อย่างจึงจุกอยู่ในอก และออกมาไม่ได้

“หนาวขอตัวนะคะพี่ทิว”

“เดี๋ยวหนาว” ทิวากรจับสังเกตพฤติกรรมเหล่านั้นได้ ชายหนุ่มวางแก้วน้ำเปล่าลง “ถ้าหนาวมีอะไรไม่สบายใจ ยังคิดถึงพี่ได้เสมอนะ”

“พี่ทิวไม่เคยเปลี่ยนเลยนะคะ” หญิงสาวมองอดีตคนรักด้วยประกายตาเศร้า “เดี๋ยวสักพักหนาวจะเอาบทไปส่งให้พี่ทิวอ่านนะคะ ดีใจกับกระแสละครของพี่ทิวที่ดีมากขนาดนี้ค่ะ”

ทิวากรทิ้งสายตามองตามร่างที่ดูบอบบาง น่าทะนุถนอมของน้ำหนาว น้ำหนาวในวันนั้นที่คบกับเขา กับวันนี้ที่เขาได้แค่มองอยู่ห่างๆ แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทิวากรรับรู้ได้ก็คือ ทำไมน้ำหนาวถึงดูไม่เหมือนคนมีความสุขกับชีวิตการแต่งงานเลย รอยยิ้มที่เคยมีของน้ำหนาวหายไป

“ได้ข่าวว่าหนาวกำลังมีปัญหากับคุณกรดิษฐ์” และคำของทองภูก็ยืนยันความคิดเขา ที่มาของการหายไปของรอยยิ้มบนใบหน้าน้ำหนาว

.............................................................................................
คุณ Sukhumvit66 เป็นนิสัยส่วนบุคคลค่ะ เหตุเกิดมาจากการโดนสปอย ฮ่าๆๆ
คุณ yimyum ฟันธงว่าจำไม่ได้แน่นอน คือเธอไม่ใส่ใจจำเลยค่ะ
คุณ OhLaLa ดีใจที่ชอบชื่อนะคะ ชอบชื่อพรนับพันมาก เลยไม่กลัวที่นางเอกจะต้องมีชื่อพรอีก พรพิรุณไปคนละ นิสัยพี่น้องต่างกันค่ะ ต้องมารอว่าทิวจะทำไง
คุณ konhin ไม่ยอมจำเลยค่ะ ถ้าจำได้จะผิดนิสัยนางเอกไป ฮา ยังดีที่ทิวจำได้

ขอบคุณทุกคอมเมนท์ ทุกไลค์ และนักอ่านเงาทุกท่านค่า ^_^



ปวรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 2 มี.ค. 2557, 11:24:45 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 2 มี.ค. 2557, 16:25:36 น.

จำนวนการเข้าชม : 2415





<< บทที่ 1 : ล่าลายเซ็น   บทที่ 3 : ดื้อ >>
OhLaLa 2 มี.ค. 2557, 11:54:18 น.
เพราะไม่สมหวังในรักหรือเปล่าคะ ที่ทำให้ทิวไปภูกระดึงคนเดียวแล้วได้พบกับพราวน์


yimyum 2 มี.ค. 2557, 12:25:07 น.
ตกลงพรนับพันเนี่ย....ไปสมัครเป็นนักแสดงตลกเลยไหมล่ะเนี่ย มีคนหัวเราะตั้ง 3 คนแหนะ


konhin 2 มี.ค. 2557, 13:57:05 น.
อย่าบอกนะว่านางจะปีนบ้านคนอื่น?


Sukhumvit66 2 มี.ค. 2557, 20:20:56 น.
นางเอกต้องไปขโมยสมุดแน่ ๆ


นักอ่านเหนียวหนึบ 4 มี.ค. 2557, 01:23:59 น.
พี่ทิวกลับมาเร้ววว
ยัยพราวด์รื้อห้องนอนใหญ่แล้ววว
55555

ก็เดากันไป


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account