Sweetheart รักละมุนอุ่นหัวใจ
เมื่อความรักเป็นเรื่องไม่เข้าใครออกใคร เมื่อเจอแล้วต้องจับไว้ให้แน่น เช่นเดียวกับ 'อัษฎางค์' ที่ไม่ปล่อยให้ 'รดา' ต้องหลุดมือไป ทว่าคนที่ผิดหวังกับความรักอย่าง 'รดา' จะมั่นใจหนุ่มเจ้าสำราญอย่างเขาได้อย่างไร ความรักครั้งนี้เหมือนจะเป็นเรื่องของคนสองคน แต่ยังมี 'มิรันตี' ถูกดึงมาร่วมเกมรักอย่างเลิี่ยงไม่ได้ เรื่องราวชักจะอลหม่านแล้วสิ
Tags: Sweetheart รดา

ตอน: บทที่ 7 ทางเลือก

บทที่ 7

ทางเลือก

“ยังจะมาปฏิเสธความรับผิดชอบอีก...ผู้หญิงอะไร”

“ผู้หญิงอย่างฉันนี่แหละ ใครจะทำไม” มิรันตีไม่ชอบนำ้เสียงที่เรวัตใช้จึงตีความหมายว่าเขาเป็นพวกรีดไถหรืออาจจะถ่ายคลิปของเธอไว้เพื่อแบล็คเมล์ “ทำเป็นมาเรียกร้องความรับผิดชอบ ต้องการเท่าไหร่ล่ะ หนึ่งแสนพอไหม”

มิรันตีอยากจบเรื่องวุ่นวายดังกล่าวเพียงเท่านี้ นึกโทษอัษฎางค์ที่เป็นต้นเหตุของเรื่องเนื่องจากเขาทำให้หัวใจของเธอปั่นป่วนจนต้องหนีไปไกล

“มิรันตี” เรวัตกัดเค้นเสียงเรียกชื่อหญิงสาวเพราะคำพูดของเธอนั้นทำให้เขาเหมือนโดนตบหน้าฉาดใหญ่ การที่ถูกเธอทิ้งไว้ในโรงแรมครั้งก่อนนั้นสร้างความน้อยเนื้อตำ่ใจให้เรวัตมากพออยู่แล้ว บัดนี้ มิรันตียังกล่าวหาว่าเขาเป็นผู้ชายประเภทแมลงปีกแข็งอีก

“เงินหนึ่งแสนมันน้อยไปหรือไง ฉันให้คุณเต็มที่แค่แสนห้า...ฉันไม่รู้ว่าคุณต้องการอะไรกันแน่ คุณก็น่าจะรู้ดีว่ามันเป็น One night stand เพราะฉะนั้นเรื่องคืนนั้นมันเกิดขึ้นที่นั่น และน่าจะจบลงที่นั่น” มิรันตีไม่ได้สนใจถึงความรู้สึกของเรวัตมากนัก

มิรันตีเติบโตมากับผู้ชายมากรักอย่างอัษฎางค์ทำให้หญิงสาวไม่ศรัทธาในความรัก

“คุณดูถูกผมเกินไปแล้วนะมิรันตี” เรวัตตวาดเสียงดังก่อนใช้กำปั้นชกกระจกในลิฟต์จนมันแตกไม่มีชิ้นดี “โธ่โว้ย”

“ว๊าย” มิรันตียกมือปิดปากอย่างตกใจ ไม่คิดว่าเวลาที่คนนุ่มนิ่มอย่างเรวัตจะโมโหร้ายได้ขนาดนี้

พ่อแก้วแม่แก้วช่วยลูกด้วย

มิรันตีตัวเย็นเฉียบ รู้สึกว่าเหงื่อซึมชื้นบริเวณไรผมทั้งๆ ที่อากาศในลิฟต์ถ่ายเทได้ดี หญิงสาวภาวนาให้ถึงชั้นบนสุดโดยไวเพราะกลัวใจเรวัตเหลือเกิน และเธอก็ไม่อยามีสภาพเหมือนกระจกแตกละเอียด

“คุณใจร้ายมากเลยนะมิรันตี ในเมื่อคุณไม่เห็นคุณค่าของความรักของผม...ผมจะสานต่อเรื่องราวของเราให้มันจบ ถือโอกาสสั่งสอนผู้หญิงไม่มีหัวใจอย่างคุณให้จำไปจนตายว่าอย่าเล่นกับไฟ”

ความเจ็บปวดที่ชาหนึบที่มือเทียบไม่ได้กับความเจ็บปวดกลางใจของเรวัต จริงอยู่ว่าเรื่องราวของเขากับมิรันตีไม่ได้เริ่มต้นด้วยความรัก มันเริ่มต้นด้วยความเสน่หาอย่างรวดเร็วท่ามกลางบรรยากาศที่เป็นใจ ชายหนุ่มไม่คิดว่าจะมีโอกาสเจอผู้หญิงที่ทำให้เขามีความต้องการได้ถึงเพียงนี้มาก่อน อาจกล่าวได้ว่ามิรันตีเป็นผู้เปิดประตูความรู้สึกด้านมืดของเขา

เรวัตโกรธที่อีกฝ่ายละเลยความรู้สึกของเขา ยิ่งเห็นเธอนิ่งเท่าไหร่ ความน้อยใจก็บีบคั้นให้เขาต้องรื้อฟื้นความทรงจำครั้งก่อนเป็นการด่วน

“อื้อ” มิรันตีตกใจที่จู่ๆ ก็ถูกเรวัตดึงไปจูบ

หญิงสาวรับรู้ได้ว่าจุมพิตดังกล่าวต้องการสร้างความเจ็บปวดมากกว่าให้ความรู้สึกดี มันไม่ได้นุ่มนวล และเชื้อเชิญเหมือนที่แล้วมา ยิ่งเธอขัดขืนเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งเพิ่มโทษทัณฑ์จนเธอต้องยอมรับการรุกรานนั้นโดยปริยาย

เรวัตเหลือบมองตัวเลขที่แสดงว่าทั้งเขา และเธออยู่ชั้นไหน เมื่อใกล้ถึงที่หมาย เขาจึงผละออกจากร่างบางโดยที่หญิงสาวไม่ทันได้ตั้งตัว

“นาย! ” มิรันตียืนหอบหายใจพิงลิฟต์อย่างหมดสถาพพร้อมกันนั้นก็ใช้ฝ่ามือเช็ดปากเจ่อๆ ของตัวเองโดยไม่กลัวว่ามันจะชำ้ไปกว่าเดิม

ติ๊ง!

“ถึงแล้ว” เรวัตบอกเมื่อลิฟต์เปิดออก

“คุณพาฉันมาที่นี่ทำไมเนี่ย เราไปคุยกันข้างล่างเถอะนะ” มิรันตีคิดว่าตัวเองเสียเปรียบอยู่เห็นๆ ถ้าต้องอยู่กับเขาสองต่อสอง

“คุณไม่มีสิทธิ์พูดหรือเสนออะไรทั้งนั้น”

“คุณบังคับฉันไม่ได้นะ...ฉันจะแจ้งความ” มิรันตีพูดอย่างโกรธๆ เมื่อถูกเรวัตกระทำการอุกอาจ กักขังหน่วงเหนี่ยวเธอไว้โดยที่ไม่เต็มใจเลยสักนิด

เรวัตมองร่างบางที่เท้าสะเอวมองเขาด้วยสายตาโกรธๆ หลังจากที่โดนเขาผลักให้เข้ามาในห้องด้วยอาการไม่เต็มใจนัก

“แจ้งความงั้นหรือ...ถ้าหลังจากที่ผมคิดบัญชีคุณทบต้นทบดอกจนคุณมีแรงเหลือไปแจ้งความก็อย่าเรียกผมว่าเรวัตเลย”

“กรี๊ด นายเรวัตบ้า ป่าเถื่อน ไร้อารยะที่สุดเลย” มิรันตีหน้าแดงกับคำพูดสองแง่สองง่ามของชายหนุ่ม คำพูดของเขานั้นมีความหมายว่าเขาจะ...อื้มเธอจริงๆ หญิงสาวส่ายหน้ากับความทะลึ่งตึงตังของเรวัต “ปล่อยนะ ฉันไม่ไปกับนาย”

มิรันตีโก่งตัวสุดฤทธิ์เมื่อถูกเรวัตกระชากเข้าไปในห้องหลังจากที่ทาบคีย์การ์ดกับประตู มือบางคว้าหมับที่ขอบประตูได้ทัน มิรันตีขืนตัวไม่ให้เขากระทำการข่มเหงนำ้ใจได้ถนัด

“ก็สมกับผู้หญิงไม่มีหัวใจอย่างคุณแล้ว” เรวัตกระชากเสียงบอกขณะที่พยายามแกะมือเหนียวตุ๊กแกเรียกพี่ออก “ปล่อยสิ”

“ไม่”

“บอกให้ปล่อย...ไม่ปล่อยใช่ไหม ได้” คนเป็นต่อทางด้านลักษณะทางกายภาพเตรียมปิดประตูงับมือบางทันที “มือหักแน่”

“กรี๊ด ใจร้ายที่สุดเลย” มิรันตีร้องโวยวายเมื่อเห็นแววตาของเรวัตมีกระแสไฟแปล๊บปล๊าบว่าเขาทำอย่างที่พูดแน่ หญิงสาวชักมือกลับก่อนที่ชายหนุ่มจะปิดประตูดังปังเพียงเสี้ยววินาที

“ก็แค่นี้”

“ก็แค่นี้เนี่ยนะ เมื่กี้นายเกือบทำฉันมือหักแน่ะ...สมองเสื่อมหรือไง” มิรันตีถอดรองเท้าส้นเข็มเหวี่ยงกระเด็นไปคนละทางแล้วกระทืบเท้าเร่าอย่างเด็กเอาแต่ใจ

“คุณนี่หลอกง่ายชะมัด ฮ่าๆ ” เรวัตต้องหลุดขรึมเมื่อฝ่ายนั้นบ้าจี้เชื่อตามเขาทุกคำพูด

“นี่นายหลอกฉันหรือ...บ้าที่สุดเลย”

“เอาน่า ถ้าผมไม่ใช้ไม้นี้แล้วคุณจะยอมคุยกันดีๆ ไหมล่ะ” เรวัตกอดอกบอกเสียงเครียด ชายหนุ่มปรายตามองร่างบางที่เต้นเหยงๆ ราวกับเด็กอย่างเอ็นดู

“ฝันไปเถอะย่ะ” มิรันตีบอกอย่างถือดี

“นั่นปะไร ผมทายผิดเสียที่ไหน” เรวัตส่ายหัวกับกิริยาเหมือนเด็กเอาแต่ใจของว่าที่ภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายก่อนเดินนำเข้าไปในส่วนของห้องรับแขก “นั่งคุยกันก่อนสิ...เดี๋ยวผมจะหาอะไรเย็นๆ ให้ดื่ม”

“ไม่ ฉันจะนั่งตรงนี้” ว่าแล้วมิรันตีก็นั่งยองๆ ตรงหน้าประตู ไม่สนใจคำเชื้อเชิญของเรวัต

“ผมสั่งให้คุณย้ายตูดใหญ่ๆ ของคุณไปที่โซฟา...ก่อนที่ผมจะโมโหแล้วจัดการกับคุณบนพื้น” เรวัตที่กำลังจะเปิดตู้เย็นชะงัก หันมาขู่มิรันตีเสียงเย็น เมื่อเห็นว่าหญิงสาวทำหูทวนลมจึงออกคำสั่งสำทับ “เดี๋ยวนี้”

“ฮึ่ย นายสี่ตาจอมเผด็จการ” มิรันตีลุกขึ้นเดินอย่างกระแทกกระทั้นเมื่อเขายำ้ปมด้อยถึงอวัยวะที่ใหญ่เกินตัวของร่างกาย

นายเรวัตบ้า ไม่เป็นสุภาพบุรุษเอาเสียเลย พูดมาได้ยังไงว่าฉันตูดใหญ่

“ผมไม่ได้เผด็จการ...แค่จะสานต่อเรื่องของเราให้จบเสียที”

“ฉันก็บอกแล้วไงว่ามันจบแล้ว นายต่างหากที่ไม่รู้เรื่อง” หญิงสาวกระแทกตัวบนโซฟานุ่มแล้วปรายตามองเรวัตที่หยิบน้ำแอปเปิ้ลมารินใส่แก้วให้เธออย่างสบายอารมณ์

เรวัตส่งนำ้แอปเปิ้ลให้มิรันตีก่อนเดินไปเปิดผ้าม่านระพื้นเพื่อดูทิวทัศน์ภายนอก ร่างสูงยืนล้วงกระเป๋ากางเกง มองทัศนียภาพของจังหวัดเชียงใหม่อย่างครุ่นคิด

มิรันตีนั่งอึดอัดหลังจากที่จิบนำ้แอปเปิ้ลจนหมดแก้ว เฝ้ารอคอยว่าเรวัตจะทำเช่นไรต่อ หญิงสาวเดาความคิดของเขาไม่ออกเอาเสียเลยว่าเขาต้องการอะไรกับเธอกันแน่

“หรือหนึ่งแสนบาทจะน้อยไป” มิรันตีพึมพำกับตัวเอง

เสียงเรียกเข้าคุ้นหูดังขึ้นทำให้มิรันตีค้นยุกยิกในกระเป๋าแล้วกระวีกระวาดหยิบสมาร์ทโฟนที่เจ้าตัวหวงนักหัวหนาขึ้นมา

“ว่าไงจ๊ะ”

“คุณนาย หายหัวไปไหนมายะ” ปลายสายบ่นกระปอดกระแปดเมื่อหามิรันตีไม่เจอ หลังจากที่บิ๊กจัดการธุระหาเอกสารให้เจ้านายเสร็จก็ไปรับสาวเจ้าที่โรงแรมแต่ก็ไม่พบ

“อยู่ที่โรง...แรม” พยางค์สุดท้ายอยู่ที่ปากมิรันตี เมื่ออุปกรณ์สื่อสารของเธอถูกเรวัตฉกไปแล้วกดวางสายโทรศัพท์พร้อมทั้งปิดเครื่องให้เรียบร้อย

“ไม่มีมารยาท” มิรันตีว่านิ่มๆ หากชายหนุ่มไม่สะทกสะท้าน ยักไหล่ราวกับไม่ใช่เรื่องสำคัญ

“คุณต่างหากที่ไม่มีมารยาท เวลาอยู่ห้ามรับโทรศัพท์ใคร...โดยเฉพาะผู้ชายน่ะ เข้าใจไหม” เรวัตกอดอกพูดกับหญิงสาวราวกับอบรมมารยาทก็ไม่ปานทำให้มิรันตีหมั่นไส้เขาเป็นกำลัง

“จะบ้าหรือไง ริดรอนสิทธิ เสรีภาพกันชัดๆ ฉันจะกลับ เชิญนายอยู่คนเดียวที่นี่ก็แล้วกัน”

“ผมไม่ให้คุณได้ออกจากห้องนี้แน่ถ้าผมยังไม่ได้สิ่งที่ผมต้องการ”

“สามแสน...ฉันให้ได้แค่นี้” มิรันตีกัดฟันบอกแม้จะเสียดายโบนัสก้อนโตของตน แต่สำหรับหญิงสาวแล้วมันคุ้นแสนคุ้มเมื่อแลกกับอิสรภาพ และการคุกคามทางเพศ

“นี่ยังไม่เลิกบ้าอีกหรือไง” เรวัตชักฉุนที่ฝ่ายนั้นเอาแต่ใช้เงินตราตีค่าความรู้สึกของเขา

“จริงๆ นะ ถ้ามากกว่านี้...ฉันหาให้นายไม่ได้จริงๆ ฉันจะผ่อนให้นายทุกๆ เดือนเลยเอา”

“ถ้ายังไม่เลิกดูถูกผมอีกล่ะก็...ผมจะหักคอคุณให้ตายเดี๋ยวนี้เลย มิรันตี” เรวัตว่าเสียงเข้ม นึกอยากจับร่างบางมาทำโทษให้หายแค้น

“นายไม่ต้องการเงิน” มิรันตีถามเสียงสูงก่อนจะหวาดๆ กับสายตาหื่นๆ ของเขา “แล้วต้องการอะไร”

มือหนาปลดกระดุมเสื้อเม็ดแรกทำเอามิรันตีหายใจไม่ทั่วท้อง แล้วตามด้วยเม็ดต่อไปจนถึงเม็ดสุดท้าย หญิงสาวมองเขาตาค้าง

ถอดเลยๆๆ เอ๊ย อย่าถอดน้า...พุทธโธ ธัมโม สังโฆ

มิรันตีสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ยิ่งเธอเป็นโรคแพ้ผู้ชายหน้าตาดีอย่างเขาอยู่ด้วย

“คุณจำคืนนั้นได้ไหม”

จำได้สิ ทำไมจะจำไม่ได้ ก็คืนนั้นเราสองคนมีอะไรกัน เฮ้ย

มิรันตีหยุดความคิดของตนไว้ขณะที่บังคับไม่ให้มองเรวัตอย่างหลงใหลได้ปลื้มเพราะเขานั้นหน้าตาดีอย่างร้ายกาจไม่แพ้อัษฎางค์เลยสักนิด

เรวัตกลับตีความหมายของความเงียบของเธอเป็นอีกความหมาย ชายหนุ่มคิดว่าเธอไม่ฟังที่เขาพูดเลย คนที่ถูกมองว่าเป็นธาตุอากาศไร้ตัวตนจึงตวาดเสียงดัง

“ผมถามว่าจำได้ไหม!”

“จำได้ค่ะ”

มิรันต้องหงอเมื่อพ่อเทพบุตรรูปงามกลายเป็นซาตานผสมกับหมาบ้าที่น้ำลายฟูมปาก ให้ตายเถอะนี่ใครมาทำให้พ่อเทพบุตรของฉันเป็นอย่างนี้เนี่ย

“คุณต้องรับผิดชอบกับการกระทำของคุณ” เรวัตปล่อยให้เสื้อหลุดไปกองที่พื้นแล้วคว้าเสื้อคลุมอาบน้ำในตู้แล้วโยนไปบนเตียง

ฉันไปทำนายท้องป่องรึไงยะ นายเรวัตบ้า

“จะให้ฉันยกขันหมากมาสู่ขอนายเลยไหมล่ะ” มิรันตีกระแทกเสียงใส่ พยายามกวนโทสะเขาสุดฤทธิ์เพื่อให้เขาโยนเธอออกไปนอกห้องซะที แต่ได้รับคำตอบเป็นดวงตาดุๆ กลับมา

“ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้คุณผู้หญิง แค่ทะเบียนสมรสสักใบก็พอแล้ว”

“หึ ฝันไปเถอะ” เธอย่นจมูกแล้วมองชายหนุ่มอย่างประเมินสถานการณ์ แน่ล่ะว่าหญิงสาวที่รักอิสระยิ่งชีพจะปฏิเสธแม้ว่าจะชอบเขามากเท่าไหร่ก็ตาม

“ไม่ได้ก็ต้องได้” เรวัตพูดอย่างถือดี

เขาจะไม่ใจดีกับเธออีกต่อไป ในเมื่อพูดให้รับผิดชอบดีๆ ไม่ชอบ...ก็ต้องเจอไม้แข็ง

“ชาติหน้าบ่ายๆ ก็แล้วกัน” พูดจบมิรันตีก็หันหลังกลับ ไม่สนใจคนเผด็จการอีกต่อไป...พอกันที

“จะไปไหนทูนหัว” เรวัตก้าวเท้ายาวๆ ไปหาหญิงสาวไม่ให้เจ้าของมือบางที่จับลูกบิดออกนอกอาณาบริเวณห้องไปได้

มิรันตีถูกกระชากให้หันกลับมาอย่างรวดเร็วจนอกนุ่มปะทะอกแกร่ง

“ปล่อย...ฉันจะกลับ”

หญิงสาวพยายามดิ้นให้หลุดพ้นจากการเกาะกุม หากเรวัตไม่ต้องการให้มันเป็นอย่างนั้นแน่

“ชอบให้บังคับใช่ไหม” เรวัตกัดฟันกรอดเมื่อมิรันตียืนยันจะไปให้ได้

ร่างบางขาไม่แตะพื้นเมื่อเรวัตช้อนตัวเธอขึ้นแล้วเดินดุ่มพาเธอไปในส่วนของห้องนอนก่อนโยนลงบนเตียง มิรันตีถลึงตามองเขาอย่างโกรธๆ นอกจากเขาจะพูดไม่สุภาพกับเธอแล้วยังจะทำกิริยาต่ำทรามกับเธออีก มีอย่างที่ไหน โยนมาซะเต็มแรง มิรันตีกระวีกระวาดลงจากเตียงหากแต่ร่างสูงถาโถมลงมาทับไม่ให้เธอทำอย่างใจอยาก

“ดื้ออย่างนี้ ไม่ต้องอาบแล้วดีกว่า” เรวัตว่าชิดใบหู

“อ๊าย คุณจะมาทำอย่างนี้กับฉันไม่ได้นะ” มิรันตีร้องห้ามเสียงสั่น สองมือยันอกกว้างเหนือร่างที่พยายามจะทาบทับอกนุ่มของเธอ...อกหนา หน้าซบ

เมื่อคิดได้ว่าเป็นตนเองที่คิดล่วงเกินเรวัต หญิงสาวจึงส่ายหน้าดุ๊กดิ๊กสลัดความคิดที่ทะลึ่งทะเล้นนี้ออกไป

“ผมมีทางเลือกให้คุณ หนึ่งพรุ่งนี้เราไปจดทะเบียนสมรสกัน หรือสอง”

“สอง” มิรันตีพูดโดยไม่รอให้เรวัตพูดจบ

“ถ้าอย่างนั้นผมให้คุณเลือกว่าจะเปลือยอยู่บนเตียงนี้สองคืนหนึ่งวันแล้วค่อยไปจดทะเบียนหรือจะเปลือยอยู่บนเตียงนี่จนกว่าจะท้อง...ไม่มีพ่อ” เรวัตถามเสียงเย็นเสนอทางเลือกให้มิรันตี

ระหว่างที่มิรันตีใช้ความคิดนั้นมือของเขาก็ร่นกระโปรงขึ้นเหนือขา หญิงสาวถึงกับเข่าอ่อนเมื่อได้ฟังทางเลือกของเขาแต่ไม่วายปากดี

“อย่ามาหยาบคายกับฉันนะ”

ชายหนุ่มหัวเราะในลำคอ หยุดการกระทำดังกล่าวแล้วใช้มือข้างนั้นรวบสองแขนไว้เหนือศีรษะ

“ผมอุตส่าห์มีสองทางเลือกให้คุณเลือก” คำพูดของเขาคล้ายจะใจดี

“ฉันไม่เลือกอะไรทั้งนั้น ฉันจะกลับ”

“คุณ-ต้อง-เลือก”

ชายหนุ่มยิ้มเย็นๆ แล้วถอดแว่นตากรอบสีเงินออก เขาไม่ใช่คนดีอะไรนักหนา เรวัตบอกกับตัวเองอย่างนั้น แม้ว่าตลอดยี่สิบแปดปีที่ผ่านมาเขาจะเป็นหนุ่มเซื่องๆ ไม่มีพิษสง แต่หากเมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วเขาจะไม่เหลือใคร แม้แต่ผู้หญิงคนนี้ คนที่เขาคิดว่าเป็นคนที่เขาตามหามาทั้งชีวิต แต่ถ้าทำดีกับเธอแล้วเธอคิดจะจากไป เขาก็เลือกที่จะเป็นผู้ชายดิบเถื่อนเพื่อที่จะเก็บเธอไว้ตลอดกาล

“คนเลว ไม่เป็นสุภาพบุรุษ คนบ้าอำนาจ ชอบใช้กำลัง” มิรันตีด่าทั้งน้ำตา นึกโกรธตัวเองที่หาเหาใส่หัว

“สรุปแล้วคุณจะเลือกอย่างหลังใช่ไหม” เสียงห้วนถามพลางมองเธอด้วยสายตาจาบจ้วง แล้วมือหนาขยุ้มผ้าเนื้อดีเตรียมกระชากชุดบาง

“ไม่ ฉันไม่เลือกข้อเสนอบ้าบออะไรของนายทั้งนั้น”

“ผมบอกแล้วไงว่าคุณต้องเลือก ถ้าคุณยังเป็นแบบนี้อีก...ผมจะคิดว่าคุณเลือกอย่างหลัง” เรวัตถอนหายใจขณะที่มองหญิงสาวอย่างเหนื่อยหน่าย “ผมจะพูดเป็นครั้งสุดท้ายว่าคุณเลือกอย่างหลังใช่ไหม”

มิรันตีรู้สึกถึงแรงมหาศาลที่เตรียมกระชากชุดผ้าซาตินเนื้อดีของเธอให้กลายเป็นเศษผ้าหากได้คำตอบไม่ถูกใจ หญิงสาวข่มขื่นในโชคชะตาของตนยิ่งนัก

“ไม่ใช่ พรุ่งนี้ไปจดทะเบียนต่างหากเล่า” มิรันตีตะคอก มือบางป้ายน้ำตาตัวเองลวกๆ ให้ตายเถอะ แม้จะชอบเขามากเท่าไหร่ แต่มันต้องไม่ใช่การบังคับจิตใจกันอย่างนี้

เรวัตจูบซับน้ำตาให้เธอเบาๆ แล้วล้มตัวลงนอนเคียงข้างหญิงสาว กอดร่างที่สะอื้นไว้แนบอก

“ร้องไห้ทำไมที่รัก ผมรักคุณนะถึงทำอย่างนี้”

“หึ แค้นฉันล่ะไม่ว่า” เรวัตหยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋ากางเกงเช็ดน้ำมูกให้เธออย่างเบามือ

“สั่งเสีย”

ฟรืด!

“ฉันล่ะเกลียดคุณจริงเชียว เกิดมาไม่เคยมีผู้ชายคนไหนทำให้อับอายขนาดนี้เลยนะ” หลังจากที่สั่งนำ้มูกแล้วหญิงสาวตีอกชายหนุ่มเพื่อระบายอารมณ์ (คลั่ง) เรียกเสียงหัวเราะหึๆ อย่างอารมณ์ดี

“ผมจะทำให้คุณรักผมให้ได้ ไม่เชื่อคอยดู” มิรันตีมองแผงอกที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามที่กระเพื่อมตามเสียงหัวเราะ แล้วตามด้วยของเหลวอุ่นสีเข้ม

เลือดกำเดาของมิรันตีทะลัก!?


//////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////


แม้ว่ารดาจะตกลงคบกับอัษฎางค์แต่เธอก็ยังไม่ชินกับนิสัยมือไวใจเร็วของเขาสักเท่าไหร่ แม้ว่าเธอจะว่าเขาอย่างไรก็ไม่อาจแก้นิสัยถาวรของเขาได้

“เอามือออกจากก้นรดาเดี๋ยวนี้” รดาว่าอย่างเหลืออด

ในโรงหนังยังไม่เว้น!?

“พูดเพราะๆ ก่อน” อัษฎางค์ยังคงทำหน้าทะเล้น

“เดี๋ยวโดนดี” เสียงห้วนกับดวงตาที่ถลึงมองทำให้เขาหยุดเพียงแค่นั้น เปลี่ยนเป้าหมายไปที่ผมยาว นิ้วม้วนผมดำเป็นเกลียวเล่น หาได้สนใจภาพยนตร์เบื้องหน้าไม่

“เดี๋ยวเถอะ” รดาหยิกพุงอัษฎางค์เข้าให้ นั่นแหละชายหนุ่มจึงรามือ

“หนาวไหม”

“อือ” รดาบอกสั้นๆ เมื่อวันนี้เธอสวมเสื้อแขนกุดสีม่วงกับกางเกงขาสั้นสีขาวนี่นา และเธอก็ไม่ใช่นางเอกประมาณว่าสีทนได้สักหน่อย

“ก็ใครใช้ให้ใส่เสื้ออย่างนี้เล่า ก็รู้อยู่ว่าอากาศมันหนาว” รดาหัวเราะคิกกับอาการของเขาที่บ่นเป็นตาแก่เหมือนพี่ชายเธออีกคน แล้วเขาก็ถอดเสื้อสูทตัวนอกให้เธอ

“รดาผิดไปแล้วค่ะพี่ธาม ไว้คราวหน้าจะไม่ทำอย่างนี้แล้ว” เธอประชด

“ให้มันจริงเถอะ” อัษฎางค์โยกหัวเธอเบาๆ รดาก็ประจบประแจงโดยการซบกับอกกว้าง

“เอ๊ะ ผมเสียทรงหมด” เธอเอ็ดเสียงดุเมื่อเขายีผมเธออย่างหมั่นไส้

“ไม่เป็นไรหรอก ยังน่ารักอยู่” ชายหนุ่มชมซึ่งหน้าทำให้รดาทุบเขาเบาๆ แก้เขิน

คู่รักข้าวใหม่ปลามันยังสองวันดีสี่วันไข้ ต่างฝ่ายต่างขาดๆ เกินๆ ต้องปรับตัวกันเสียใหม่ จะเสียเปรียบก็อัษฎางค์ที่ไม่อาจตามารยาหญิงร้อย (ล้าน) เล่มเกวียนของรดาได้

“กรี๊ด!!! ” เสียงร้องโหยหวนดังมาจากห้องข้างๆ ทำให้อัษฎางค์ทะลึ่งพรวดแล้วจ้ำอ้าวไปยังต้นเสียง มือข้างหนึ่งเกาศีรษะของตนแกรกๆ

“เพราะพี่ธามคนเดียว” รดาโยนเสื้อกล้ามสีเหลืองอ๋อยใส่หน้าชายหนุ่ม

อัษฎางค์รับมาแล้วทำหน้างงๆ... เขายังไม่ได้ทำอะไรเธอเลย สาบานได้ ก็เมื่อคืนดูหนังเสร็จกลับมาก็แค่กู๊ดไนท์คิสแล้วแยกย้ายกันไปนอน แค่นั้นจริงๆ

“พี่ยังไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย”

“เพราะพี่ธามนั่นแหละทำให้รดาอ้วนขึ้น เย็นนี้รดาไม่ไปกินข้าวกับพี่ธามแล้ว”

“อ้าว พูดแบบนี้ไม่แฟร์เลยเบบี๋”

อัษฎางค์ยังจับต้นชนปลายไม่ถูกแต่ก็เดินตามไปง้อหญิงสาวที่คว้ากระเป๋าก้าวฉับๆ ออกจากห้องไป หากรดาปิดประตูโครม ใบหน้าหล่อๆ ของอัษฎางค์จึงจูบเข้าเต็มรักกับบานประตู

“โธ่โว้ย” มือคร้ามกุมใบหน้าที่เจ็บปวด แล้วเตะเข้าที่ตู้หนังสืออีกโครม หากสายตาของชายหนุ่มปะทะกับโบรชัวร์ลดราคากระหน่ำเมืองของห้างดังกลางกรุงใกล้เท้า

รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดที่มุมปาก!


//////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////


รดาซิ่งเฟอร์รารี่ออกจาก Disco พาเพลินด้วยความเร็วสูง นี่ถ้าอัษฎางค์จับได้ว่าเธอโกหกเขาคงถูกทำโทษแบบถึงเนื้อถึงตัวอย่างที่เขาชอบทำแน่นอน

วันนี้เธอหนีผู้คุมมาเที่ยว ดังนั้นจะเที่ยวให้หนำใจไปเลย

ตลอดเวลาที่รดาไปไหนก็มีอัษฎางค์ตามติดเป็นเงาตามตัว ชายหนุ่มไม่รู้หรอกว่าเธอตื่นมาทำสวยตั้งแต่ไก่ไม่ทันโห่ จากนั้นก็นับเวลารอเขาตื่น

อัษฎางค์เป็นผู้คุมจอมโหดของเธอที่ดุกว่าพี่ชายที่อยู่แดนไกล จนบางครั้งหญิงสาวไม่แน่ใจว่าคิดถูกหรือเปล่าที่ตกลงปลงใจคบเป็นแฟนด้วย จากปกติว่าชอบออกคำสั่งอยู่แล้ว ตอนนี้พ่วงตำแหน่งลูกเขยกิตตมศักดิ์ของคุณหญิงรดีสุดาเข้าไป แถมมีมารดาของเธอให้ท้าย อำนาจในมือของอัษฎางค์จึงคูณสามของที่มีอยู่เดิม

รดาหยิบจับชุดชั้นในสีสวยก่อนนำมาทาบกับหน้าอกของตน วันก่อนเธอเพิ่งได้รับบัตรเชิญปาร์ตี้ชุดนอนจากเพื่อนเก่าสมัยเรียนโรงเรียนหญิงล้วนด้วยกันดังนั้นเธอจึงต้องฟิตหุ่นให้กลับมาเพรียวระหงราวอีกครั้งเพราะว่าตอนนี้รูปร่างของเธอเข้าสู่ระยะอวบขั้นสุดท้ายแล้วนั่นเอง

ถ้าจะโทษก็ต้องโทษอัษฎางค์ที่สรรหาของกินอร่อยๆ มาล่อให้เธอตกหลุมพลางเป็นตุ๊กตาหน้ารถ พาเธอไปหาอะไรอร่อยๆ รับประทานทุกวี่ทุกวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังสิบแปดนาฬิกา!

รดายิ้มราวกับเด็กได้ของเล่นใหม่ จัดการลองชุดชั้นในที่หมายตาไว้ว่าพอดีหรือไม่ก่อนชำระเงินโดยไม่เสียเวลาคิดนาน ร่างอวบเดินฮัมเพลงออกจากร้านชุดชั้นในชื่อดัง รดาเดินไปได้ไม่ถึงนาทีก็ต้องมนต์กับป้าย Annual Sale ของเครื่องสำอางแบรนด์ดังที่อยู่ตรงหน้า และร้านเสื้อผ้าที่มีชื่อเสียงไม่แพ้กันทางด้านซ้าย

“แม่มารับกลับบ้านแล้วจ้ะลูกรัก”

หนึ่งชั่วโมงต่อมา

คนที่เดินผ่านไปผ่านมามองภาพหญิงสาวในชุดเปรี้ยวสุดฤทธิ์หอบถุงกระดาษห้าถุงใหญ่ ถุงขนมกับแก้วไอศกรีมปุเลงๆ ไปอย่างขันๆ ไม่ใช่ว่าคุณหนูไฮโซอย่างเธอจะเป็นพวกแฟชั่นลิสซึ่ม หากแต่เป็นการใช้เงินให้เกิดประโยชน์สูงสุด ไอ้พวกเสื้อผ้าราคาแพงพวกนี้ถ้าอยากได้ก็ต้องรอให้มัน Sale นั่นแหละถึงจะได้มาเชยชม

รดาเดินไปสั่งไอศกรีมที่ยี่ห้อภาษาอังกฤษตัวดี และคิว ที่หาได้ไม่ยากในห้างสรรพสินค้าทั่วไป ก่อนจะนั่งพักยกบนเก้าอี้ยาวใกล้ๆ กับบันได้เลื่อน

“เฮ้อ ไม่ได้กินนานยังอร่อยเหมือนเดิม”

อืม อร่อย Yummy!

“Snack Jack หน่อยไหม” เสียงทุ้มดังเหนือหัวก่อนเจ้าของเสียงจะยื่นถุงขนมถั่วลันเตาสีเขียวแสนอร่อยให้

“พี่ธาม” รดาตักไอศกรีมค้างก่อนยิ้มเจื่อนมองเขาตาไม่กระพริบ

อัษฎางค์ฉวยถ้วยไอศกรีมไปถือไว้พร้อมกับตักกินดื้อๆ ไม่สนใจว่ารดาจะค้อนตาขวางขนาดไหน

“ทำไมต้อง Snack Jack” เธอทำใจดีสู้เสือ (ที่เตรียมขย้ำลูกแกะ)

“ขนมสำหรับคนมีหัวคิดน่ะสิ” ว่าแล้วเขาก็ชูโบรชัวร์ให้เธอดู รดาค้นยุกยิกในกระเป๋าแต่ก็หาพบไม่

“ไม่ต้องหาหรอก เผอิญผู้ร้ายทิ้งหลักฐานไว้” อัษฎางค์ยิ้มโชว์ลักยิ้มที่ตอนนี้เธอว่าน่าจะลักไปซ่อนซะมากกว่า

ไม่ใช่แค่หลักฐานธรรมดา หลักฐานชิ้นเบิ้มเชียวล่ะ...รดาเอ๋ย บทจะโก๊ะ ก็โก๊ะได้สุดฤทธิ์ ฮึ่ม ไอ้โบรชัวร์บ้าสะเหร่อตกไม่เป็นเวลาเลย

“เอ่อ รดาไม่ได้ตั้งใจนะพี่ธาม” หญิงสาวยิ้มหวาน หวานอีก หวานอีกนิด...หวานที่สุด

“เตรียมพร้อมดีสำหรับคนไม่ได้ตั้งใจ” ว่าแล้วเขาก็คว้าถุงกระดาษที่เธอวางใกล้เท้า ส่วนอีกมือก็ฉุดให้เธอลุกขึ้นเดินตาม

“รดาขอโทษ”

“เก็บคำขอโทษไว้เถอะ ริอ่านโกหกนะเรา” รดากลืนน้ำลายเอื๊อก เห็นเงียบๆ อย่างนี้ก็เถอะ รู้อยู่หรอกว่าในใจเขาร้อนรุ่ม แม้อยู่กับเขาไม่นานก็รู้ว่าภายใต้ท่าทีเรียบเฉยนั่นร้อนพอๆ กับภูเขาไฟที่รอวันปะทุเหมือนกัน

นิ่งเกินไปแล้ว...เขาโกรธจริงๆ ด้วย

อยู่ด้วยกันเกือบสัปดาห์เพิ่งรู้ว่าคนที่ไม่เคยโกรธพอได้โกรธก็ง้อยากอย่างนี้ เข้าตำราโกรธยากหายยาก แล้วเรื่องที่โกรธก็ขี้ปะติ๋วนิดเดียวเอง

อัษฎางค์แทบกลั้นหัวเราะไว้ไม่ได้ ใจจริงเขาไม่ได้โกรธสาวเจ้าหรอก เพียงแค่อยากสั่งสอนหล่อนบ้างว่าเขาไม่ยอมให้หล่อนหลอกฝ่ายเดียวหรอก เพราะฉะนั้นตอนนี้ถึงเวลาที่เขาจะเอาคืน!

“รดาง้อพี่ธามจนเหนื่อยแล้วนะ” สารพัดคำขอโทษที่หญิงสาวสรรหามาแก้ไขสถานการณ์เพื่อลดการหมางเมิน ปั้นปึ่ง และเย็นชา

ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันเธอมีความสุขมาก หากแต่ถ้าเป็นอย่างนี้ก็คงจะไม่ไหว เธอคิดว่าความสัมพันธ์ของเขาและเธอจะยืดยาวกว่านี้ หากตอนนี้เธอเองก็ไม่แน่ใจ

“รดาไม่รู้หรอก ลองมาเป็นพี่ดู” ชายหนุ่มที่นั่งเงียบมาตลอดทางเปิดปากพูดประโยคแรก

“สบายดีนี่ วันๆ ไม่ต้องทำอะไรคอยแต่จับผิดคนอื่น” รดาพูดตามที่เห็นจริง เขาไม่เคยปล่อยให้เธอได้ปลีกวิเวกได้ทำอะไรตามใจอยากเลย

“จับผิด รดาว่าสิ่งที่พี่ทำอยู่เป็นการจับผิดหรือไง” อัษฎางค์ลืมตัวพูดเสียงดังอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

“ใช่ รดาเห็นเป็นอย่างนั้น”

เขาแรงมาเธอก็แรงตอบ ไม่เห็นต้องกลัวเลย ขนาดพี่ชายของเธอ เธอยังเคยโชว์พลังเสียงเล่นงานบ้านแทบแตก

“ก็เราเป็นแฟนกันนะ”

“เพิ่งรู้ว่าคนเป็นแฟนกันเค้าทำกันอย่างนี้ พี่ไม่ใช่พ่อรดานะ”

“พี่รักรดา พี่เป็นห่วงรดามาก พี่ผิดหรือไงคะ” อัษฎางค์ที่อารมณ์ขึ้นอย่างไม่รู้สาเหตปรับเสียงให้นุ่มลงทำให้รดาที่ชักสีหน้าไม่พอใจค่อยคลายลงได้บ้าง

นั่นสิ เขาเป็นห่วงเธอ เขาถึงทำอะไรงี่เง่าอย่างนี้ คุณหญิงแม่เคยสอนไว้ว่า ถ้าเรารักใคร อย่าทำให้เขาเสียใจเป็นอันขาด เพราะถ้าเขาตัดสินใจเดินไปแล้ว คนที่เสียใจที่สุดจะเป็นเรา

“พี่ธามไม่ผิดหรอก รดาผิดเองรดาขอโทษ” มือบางจับต้นแขนเขาไว้แล้วแนบอย่างขอลุแก่โทษ เธอเว้นช่องว่างไว้ แล้วพูดต่อ “นะ พี่ธามอย่าโกรธรดาเลยนะ”

“จูบก่อน”

“หืม”

จู่ๆ อัษฎางค์ก็ทำหน้าทะเล้นทำให้รดาปรับอารมณ์ตามแทบไม่ทัน เมื่อเงยหน้าก็พบกับสายตาวาววับที่มองมา หาได้มีความโกรธเจืออยู่ไม่ จึงได้รู้ว่าโดนเขาหลอกเข้าให้

“หลอกกันได้นะ” หญิงสาวพูดงอนๆ

ก็อยากจูบอยู่นะ แต่ติดที่ยางบนหน้ามันยังมีอยู่น่ะสิ

“หายกันไง” อัษฎางค์พูดหน้าตาเฉยแล้วฉกจมูกที่แก้มเนียนทำให้รดาใช้ศอกกระทุ้งสีข้างเข้าให้

“จูบก่อน” เขายังพูดคำเดิมทำให้รดาหน้าแดง

ให้ตายเถอะ เธอจูบเป็นกับเขาที่ไหนกันเล่า ปกติก็เป็นเขานั่นแหละที่ทำมือไวใจเร็วกับเธอ ไม่ใช่เธอสักหน่อยที่เป็นฝ่ายเริ่ม

“รดาจูบไม่เป็นนี่นา พี่ธามก็รู้”

“งั้นเปลี่ยนเป็นบอกรักพี่ได้ไหม” คราวนี้หญิงสาวอายม้วน...รักเขาหรอ ก็นิดนึง แต่มันกระดากปากนี่นา เป็นสาวเป็นนางจะให้บอกรักผู้ชายก่อน

“นะรดา พี่ยังบอกรดาได้เลยหรือว่ารดาไม่ได้คิดอะไรกับพี่” เขาลองหยั่งเชิง

“เปลี่ยนเป็นร้องเพลงได้ป่ะ”

อ่ะฮ้าเลือดศิลปินเข้าสิงห์ แถมยังจุ๊บแก้มเขาอีกหนึ่งที อย่างนี้ใครไม่ใจอ่อนก็บ้าแล้ว

“ก็ได้”
“หยุด หยุดชีวิต หยุดกับคนนี้ แม้ว่าใครจะดีสักแค่ไหน หยุด หยุดความรัก ทั้งหัวใจ จะหยุดกับเธอคนเดียว”

“จริงอ่ะ” อัษฎางค์ขมวดคิ้วถามอย่างไม่แน่ใจว่าเธอจะหมายถึงอย่างที่ร้องในเพลงหรือเปล่า

“จริงสิคะ จุ๊บๆ” หลังจากที่สาวเจ้ายืมเพลงของ Groove Riders มาร้องก็ตามด้วยสองสาว Neko Jump ทันที อย่างนี่อัษฎางค์จะไปไหนรอด!!


//////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////


เรวัตต้องเปลี่ยนจุดมุ่งหมายจากที่ว่าการอำเภอไปเป็นโรงพยาบาลเมื่อจู่ๆ มิรันตีก็ปวดท้องอย่างไม่ทราบสาเหตุ แรกทีเดียวเขาว่าเธอตุกติก หากแต่เห็นสีหน้าเหยเกเจ็บปวดอย่างสุดซึ้งทำให้เขาเหยียบคันเร่งจนมิดเพื่อนไปยังโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด ชายหนุ่มเก็บกระเป๋าสตางค์หลังจากที่หยิบบัตรประจำตัวประชาชนของเธอ แล้วสายตาก็ไปสะดุดกับโทรศัพท์ที่เขาเพิ่งยัดมันไว้เมื่อเช้านี้ เมื่อเปิดเครื่องจึงได้รู้ว่ามีมิสคอลถึงหล่อนห้าสาย

‘พี่ธาม’ ว่าแต่มันเป็นใครล่ะหนอ ...ชื่อผู้ชายชัดๆ


//////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////



นุ่นกลับจากมหาวิทยาลัยเสร็จก็จัดการอัพนิยายลงเว็บเลิฟทันที กลัวไม่ทันใจทุกคน :)

นุ่นเรียนปีสี่ ที่มศว ประสานมิตรค่ะ อิอิ เรียนวันจันทร์ พฤ ศุกร์ แค่สามวัน แต่การบ้านตรึมค่ะ

กว่าจะโงหัวจากการบ้านได้ก็เอาเหนื่อยเหมือนกันเพราะเทอมนี้นุ่นลงเรียนวรรณกรรมร่วมสมัย หรือ Contemperary literature ด้วย เล่นเอาสายตัวแทบขาดเลยทีเดียวค่ะ

ดังนั้นเพื่อแจิงให้ทราบโดยทั่วหน้าว่าไรท์เตอร์อาจติดการบ้าน อย่าหนีหายไปไหนนะคะ ^o^




เรียงอักษร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 24 มิ.ย. 2554, 18:44:30 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 24 มิ.ย. 2554, 18:49:14 น.

จำนวนการเข้าชม : 2162





<< บทที่ 6 โลกหมุนด้วยความรัก   บทที่ 8 กลิ่นโรงพยาบาล >>
ปูสีน้ำเงิน 24 มิ.ย. 2554, 22:56:17 น.
เอาใจช่วยนะคะน้อง ขอให้ผลการเรียนออกมาเป็นไปดังใจหวังด้วย


dee_jung 25 มิ.ย. 2554, 18:23:34 น.
ทำการบ้านเสร็จ แล้วค่อยอัพก็ได้ค่ะ


anOO 25 มิ.ย. 2554, 18:41:21 น.
คนอ่านไม่หายไปไหนจ้า
เอาใจช่วยไรเตอร์ต่อไป (เรียนจบแล้วก็ดีแบบนี้แหละ)


่jaowaan 26 มิ.ย. 2554, 03:41:56 น.
เอาเรียนไว้ก่อนค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account