นางร้ายเจ้าน้ำตา
ชีวิตของมินตราไม่ใช่เรื่องง่าย แม้ฝันไว้ว่าจะดีขึ้นทุกวัน แต่ก็ยังเจอแต่อุปสรรคใหญ่หลวงรออยู่ทุกอย่างก้าว ดีที่ได้มีโอกาสเจอเขา...คิลเลี่ยนหนุ่มลูกครึ่งชาวอังกฤษก็คอยช่วยเหลือ เป็นหลักให้เธอได้มีชีวิตที่ดีขึ้น หนทางรักที่อาจไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบแต่จะจบด้วยความสมหวัง
Tags: นางร้าย

ตอน: Crying Villain ตอนที่ 12

นางร้ายเจ้าน้ำตา Crying Villain ตอนที่ 12

ช่วงเวลาที่พักฟื้นบอกได้เลยว่าเธอรู้สึกใกล้ชิดกับคิลเลี่ยนมากขึ้น เพราะเขาโทรหาเธอทุกวัน ให้กำลังใจและก็ถามไถ่เธออย่างเป็นห่วง กลัวว่าเธอจะเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นมากจนเครียดแล้วร่างกายจะอ่อนแอลง

สายๆ เฮเลนก็จะมาอยู่เป็นเพื่อน เพราะตอนนี้ทำงานกับไมเคิลแล้ว จึงสามารถหยุดได้นาน มีเวลาให้ลูกสะใภ้เยอะขึ้นด้วย

“อย่าไปยกของหนักสิ พักให้มาก ดีกว่าไหม” เฮเลนบอกลูกสะใภ้ กลัวว่าจะกระทบกระเทือนที่แผลและหายช้า

“เปล่าค่ะ ไม่หนักเลยค่ะ” มินตรายกให้ดู ช่วยเฮเลนที่ซื้อของสดมาให้ รู้สึกขอบคุณมากอีกทั้งก็ซึ้งน้ำใจอีกฝ่ายที่มาคอยดูแลใกล้ชิด

“เดี๋ยวฉันดูแลเธอไม่ดี คิลเลี่ยนด่าตาย” เฮเลนพูดติดตลกอย่างไม่จริงจังนัก เพราะลูกชายไม่เคยว่าเธอเลย

“ดูแลดีจนอ้วนแล้วค่ะ” มินตราบอกแล้วก็นั่งพักเมื่อแม่สามีเก็บของหมด ไม่ยอมให้เธอยกของหนักเลย

“ยังวาดภาพอยู่ไหม” เฮเลนเห็นมินตราวาดภาพอยู่ตลอดก็ถาม

“ร่างไว้ค่ะ เผื่อได้ขายก็จะได้มีรายได้” มินตราบอกแล้วก็ยิ้มให้

“ดีแล้วล่ะ ขยันหาเงินกันจริงๆ เลยนะ เอาล่ะ เดี๋ยวฉันไปเตรียมของให้ลอรี่กับโจก่อนนะ” เฮเลนขอตัวกลับไปที่บ้านข้างๆ ส่วนมินตราก็รอคนมาพบ

พอคนมาถึงก็เคาะประตูเรียก เธอจึงออกมาต้อนรับด้วยการกอด เพราะสนิทกันพอสมควร “ไงชาร์ลี”

“เคไม่อยู่เหรอ” ชาร์ลีถามหาคิลเลี่ยนทันที เพราะมีเรื่องให้เพื่อนช่วย

“ยังอยู่ฝรั่งเศสอยู่เลย มีอะไรเหรอ ไม่เห็นบอกรายละเอียด ยังงงว่ามีอะไร” มินตราบอกแล้วก็นั่งให้สบายที่สุด

“ได้ข่าวว่าเธอแท้ง เสียใจด้วยนะ นี่ของเยี่ยม” ชาร์ลีเอาดอกไม้กับของบำรุงมาให้ ถอนหายใจเล็กน้อยที่ไม่ได้เจอเพื่อน

“ขอบคุณจ๊ะ นี่ก็หายดีแล้ว ไม่ค่อยปวดเหมือนตอนแรกๆ” มินตรารับของเยี่ยมมาแล้วเอาไปวางไว้ที่โต๊ะ “ตกลงมีเรื่องอะไรเหรอ”

“หนังน่ะ จริงๆ จะมาหาเค ตอนนี้ที่ค่ายมีโปรเจคจะทำอัตชีวประวัติของนักเปียโน แล้วจะให้คิลเลี่ยนเล่นเปียโนให้ ส่วนของเธอก็มีคนติดต่อมาให้เธอไปเล่นรับเชิญในซีรี่ย์สามตอน” ชาร์ลีบอกจุดประสงค์ที่มาเยี่ยม

“ตารางของเคยังวุ่นวายอยู่นะ เขาเพิ่งส่งมาให้ฉันนี่เอง แต่เห็นว่ามีช่วงว่างอยู่ ลองคุยกับเขาสิ” มินตราบอกเล่า

“เขารับสายก็ดีสิ เธอต่อสายให้หน่อยได้ไหม” ชาร์ลีถาม แล้วมินตราก็พยักหน้า ต่อสายให้เขา หลังจากดูตารางงานของสามีแล้ว ว่าน่าจะรับสายได้

“ชาร์ลีมาค่ะ พี่เค เขาอยากคุยกับพี่เค” มินตราบอกสามีเป็นภาษาไทย

“อ๋อเหรอ เห็นแล้วว่ามันโทรมา นึกว่าโทรมาเรื่องมินต์ ก็เลยไม่ได้โทรกลับ ส่งโทรศัพท์ให้มันสิ” คิลเลี่ยนบอกภรรยาแล้วรอรับสายเพื่อน “เออ มีอะไร”

“มีอะไร? นี่แกจะไม่รับสายฉันเลยหรือยังไง” ชาร์ลีตำหนิเพื่อนก่อนเลย หงุดหงิดอยากให้เพื่อนได้งานที่อังกฤษ จะได้มีชื่อเสียงการันตีมากขึ้น

“ช่วงนี้ยุ่งว่ะ แต่กำลังเคลียร์งานจะได้กลับอังกฤษสักเดือน ไปอยู่เป็นเพื่อนมินต์ไง แกล่ะมีอะไร” คิลเลี่ยนถามเพื่อน นี่เป็นช่วงพักของเขา แต่ก็ไม่มากพอจะกลับไปหาเมีย

“มีหนังให้แกรับ ห้ามปฏิเสธด้วย แกไม่ได้แสดง แต่แกต้องเล่นเพลงให้” ชาร์ลีก็เล่ารายละเอียดให้เพื่อนฟัง บอกช่วงเวลาคร่าวๆ ให้เพื่อนดูว่ามีช่องไหม

“อ๋อ เออ ได้สิ จะได้บอกทางนี้ไว้ แค่นี้ใช่ไหม” คิลเลี่ยนตอบตกลงแล้วต้องเตรียมตัวออกไปข้างนอก จึงตัดบทเพื่อน

ชาร์ลีคืนโทรศัพท์ให้เมียเพื่อนแล้วมาคุยเรื่องงานต่อ “รับเงินเป็นตอน ทั้งหมดสามตอนก็คูณเข้าไปน่ะ คุณจะรับไหม”

“คะ?” มินตราเป็นงงที่เขากลับมาเข้าเรื่องอื่นจนได้

“ก็ที่เขารับเชิญคุณน่ะ คิดว่าโอเคไหม ใช้เวลาถ่ายทำไม่นานหรอก” ชาร์ลีรู้ว่ามินตรายังอยากพักฟื้น เพราะสภาพจิตใจไม่อำนวย จึงไม่ได้รับงานใหญ่ให้ในช่วงนี้

“ได้ค่ะ ดีกว่าอยู่ว่างๆ แล้วคิดมาก” มินตรารู้ว่างานของชาร์ลีส่วนมาตรวจสอบมาแล้วระดับหนึ่ง เธอจึงไว้ใจเขามาก

“โอเค งั้นเดี๋ยวผมจะส่งสัญญามาให้นะ ถามจริงๆ เถอะ มินต์ คิดจะหาผู้จัดการบ้างไหม” ชาร์ลีถามอย่างเป็นห่วง

“ฉันไม่ใช่ดาราดัง คงไม่ต้องมีผู้จัดการหรอกมั้งคะ” มินตราบอกแล้วยิ้มอย่างใสซื่อ

“มีก็ดีนะ เวลาไปถ่ายหนังจะได้มีคนคอยดูแล จะได้ไม่เกิดปัญหาอย่างที่เป็นอยู่ไง” ชาร์ลีแนะนำ เพราะทั้งสองเรียกว่าติดต่อยากพอควร ดีที่เขาเป็นเพื่อนคิลเลี่ยน แต่คิลเลี่ยนก็ติดต่อยาก มินตราเขาก็มีเบอร์โทรแต่ก็ติดต่อยากพอกัน

“จะลองถามเคดูนะคะ” มินตราแบ่งรับแบ่งสู้ ก่อนถาม “นี่คุณพักที่ไหน”

“ไม่ได้พักหรอก เดี๋ยวผมต้องไปขึ้นเครื่องกลับแล้วล่ะ ไม่ต้องไปส่งหรอกนะ ผมเช่ารถมาน่ะ เบิกเงินได้ก็ดีอย่างนี้แหละ ว่าแต่มีอะไรทานไหม” ชาร์ลีถามขึ้น รุ้ว่าบ้านเพื่อนมีของกินติดไว้ตลอด ตั้งแต่อยู่กับมินตรานี่แหละ

“แน่นอนค่ะ ต้องมีอยู่แล้วล่ะ มาเถอะ หิวแย่แล้ว” มินตราชวนไปห้องทานอาหารเล็กๆ ของเธอกับสามี

เธอต้อนรับเพื่อนสามีอีกพักใหญ่ เพราะยังไม่ถึงเวลาขึ้นเครื่องกลับ และพอใกล้ถึงเวลาชาร์ลีก็กลับ ปล่อยให้มินตราได้พักผ่อน เธอได้รับความช่วยเหลือจากชาร์ลีไม่น้อยในการหางานให้ คราวก่อนก็ช่วยวิ่งเต้นเรื่องคลิปตัดต่อ ทำให้เธอซึ้งน้ำใจเพื่อนสามีคนนี้มาก

**********************************

เมื่อถึงสนามบิน คิลเลี่ยนก็มองหาภรรยาสุดที่รัก และเมื่อเธอโบกมือให้เขา เขาก็รีบวิ่งเข้าไปกอดเธอ จากนั้นก็พากันกลับ ดีที่มินตราไม่ได้โพสต์บอกใครว่าจะมารับสามีที่สนามบิน จึงไม่ค่อยมีคนรู้นัก พอถึงรถเธอก็ขับกลับบ้าน

คิลเลี่ยนลงจากรถแล้วก็เอากระเป๋าไปทิ้งไว้ในบ้าน ขณะที่มินตราจัดการล็อกรถแล้วก็เดินตามเข้าไป พอเขาล็อกประตูบ้านเท่านั้น เขาก็ผลักเธอล้มลงไปที่เก้าอี้รับแขก จากนั้นก็เล้าโลมเธอด้วยการจูบและลูบไล้ กำลังจะถอดกางเกงเธอออก แต่เสียงเคาะประตูดังขึ้น จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นทุบประตู

“พี่ไปเปิดประตูก่อนเถอะค่ะ” มินตรารีบเตือนเขาเพราะเสียงทุบประตูดังถี่ขึ้น

คิลเลี่ยนถอนหายใจยาว เสื้อผ้ากำลังจะหลุด แต่ก็ต้องจัดกลับเข้าที่อีกรอบ

“แม่รู้นะว่าลูกอยู่ในนั้น” เฮเลนไม่รู้ว่าในบ้านเกิดอะไรขึ้น แต่อยากคุยกับลูกชายที่ไม่ได้เจอหน้ามาหลายเดือน

“ครับๆ” คิลเลี่ยนตอบรับแล้วเดินไปเปิดประตู เจอหน้าแม่ก็เข้าไปสวมกอด จากนั้นก็ถาม “มีอะไรเหรอครับ”

เฮเลนเห็นสภาพแล้วก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แอบผิดคาดเล็กน้อย ไม่คิดว่าจะเริ่มตั้งแต่เข้าบ้าน เห็นมินตรายกมือให้แล้วมองไปทางอื่นก็รู้ว่าอีกฝ่ายอาย เรื่องอยากคุยก็เป็นอันยกเลิกไป จึงตัดบทง่ายๆ “เย็นนี้ไปกินมื้อค่ำที่บ้านแม่นะ ไปล่ะ”

คิลเลี่ยนอมยิ้มนิดๆ เห็นท่าทางกระอักกระอวนใจของแม่ก็ปิดประตูล็อกแล้วกลับมาสนใจภรรยาต่อ วุ่นวายอยู่พักก่อนจะอุ้มเธอขึ้นห้องนอน เริ่มเกมรักปรับจังหวะให้ร้อนตามอารมณ์

**********************************

เมื่ออุณหภูมิในห้องกลับเป็นปกติ เขามองภรรยาที่พักเหนื่อย เขาดึงเธอมากอด โดยให้เธออยู่บนอกเขา

“ได้ยินว่าจะกลับเมืองไทยเหรอ ไม่รอพี่เลยใช่ไหม” คิลเลี่ยนถามขึ้น มองเธอแล้วลูบหลังภรรยาเบาๆ

“มินต์อยากกลับไปดูพ่อแม่บ้างค่ะ บูมบอกว่าไม่ค่อยดีเท่าไร แต่ดีที่พ่อพี่ยอมให้ไกล่เกลี่ยมินต์สงสารพ่อค่ะ” มินตราบอกแล้วถอนหายใจยาว วางคางที่อกเขาแล้วมีสีหน้าลังเลใจอยู่บ้าง

“มีเวลากลับไปบ้างก็ดี บูมพูดอะไรอีกไหม” คิลเลี่ยนถามแล้วลูบผมเธออย่างเอ็นดู

“บูมยุ่งๆ กับการขายขนม ก็เลยไม่มีเวลาไปหาพ่อแม่ค่ะ ส่งเงินให้พ่อแม่บ้าง แต่ไม่มากนัก พ่อมีเรื่องหนักใจเยอะ แต่เห็นว่าไม่กล้าพูด แม่ก็เก็บตัวเงียบ หยุดพูดไปเลยตั้งแต่เกิดเรื่อง” มินตราเล่าความแล้วก็ถอนหายใจอีกรอบ จากนั้นก็ระบายความในใจออกมา “มินต์รู้สึกว่าที่มินต์เสียลูกไป เพราะมินต์ดูแลพ่อแม่ได้ไม่ดีพอ”

“บ้าน่า คิดอะไรอย่างนั้น แม่มินต์เอาเปรียบลูกอย่างกับอะไรดี หาทางให้ตัวเองได้หน้า ไม่สนใจว่าลูกจะเป็นยังไง ก็สมควรแล้ว” คิลเลี่ยนถอนหายใจยาวตาม เห็นมินตราโทษทุกอย่างมาที่ตัวเองตลอด ก็นึกสงสาร

คนอย่างมินตราไม่เคยโทษคนอื่นก่อน มักโทษตัวเองมากกว่า และเพราะเหตุนี้ เขาจึงมองว่าเป็นหน้าที่ที่จะปกป้องเธอ แม้ช่วงนี้เขาจะไม่ค่อยมีเวลาอย่างนั้นก็ตาม

“อาทิตย์นี้มินต์ต้องไปถ่ายทำซีรี่ย์ไม่กี่ฉากนะคะ สามวันกลับ” มินตราบอกสามี เพราะชาร์ลีเพิ่งนัดคิวให้

“เสียดายจัง พี่อยากพักที่บ้านนานๆ คงไปกับมินต์ไม่ได้นะ” คิลเลี่ยนตั้งใจทำงานของเขาต่อ ช่วงนี้เขาเริ่มมีชื่อเสียงบ้างแล้ว แม้จะเป็นที่ฝรั่งเศสก็ตาม

“มินต์ก็ว่าพี่คงอยากทำงานมากกว่าด้วยค่ะ แค่สามวันเอง ไปด้วยก็ไม่มีเปียโนให้พี่แต่งเพลงนะคะ ทำงานอยู่บ้านนั่นแหละค่ะดีแล้ว” มินตราพูดแล้วก็หัวเราะที่สามีเอาการเอางาน

“รับรองจะไม่ทำให้บ้านรกและสกปรกเลย” คิลเลี่ยนพูดติดตลก ก่อนพลิกตัวภรรยาลงนอนบนเตียงแล้วเขาเป็นฝ่ายขึ้นไปอยู่ด้านบนแทน “เพราะงั้นต้องเก็บเกี่ยวไว้ให้เยอะๆ ผลิตลูกออกมาแก้เหงา ถ้าอีกคนทำงานดีไหมจ๊ะ”

มินตราได้แต่หัวเราะและตามใจ เธอเห็นด้วยกับเขา และไม่อยากเหงาถ้าต้องอยู่ลำพัง ขณะที่เขาทำงาน

**********************************

สีหน้ากระหืดกระหอบเห็นได้ชัดเจน ทันทีที่เลิกกอง มินตราก็รีบไปขึ้นเครื่อง ดีใจที่ได้เลิกเร็วกว่าที่คิดไว้หนึ่งวัน เธอไม่โทรบอกสามีเพราะอยากให้สามีประหลาด

เมื่อเครื่องลง เธอก็รีบขึ้นแท็กซี่แล้วตรงไปยังที่บ้าน ลงแล้วก็รีบเข้าบ้านหากต้องประหลาดใจเพราะมาแอลิซสวมเสื้อเชิ้ตของสามีแล้วนั่งอยู่ในห้องรับแขกของเธอ ขณะที่คิลเลี่ยนบรรเลงเปียโนโดยไม่สนใจอะไร เขาเปลือยท่อนบนและฝังตัวเองอยู่ในโลกของเขา

“มาแล้วเหรอ” มาแอลิซทักทาย ก่อนทำเป็นคิดได้ “เดี๋ยวนะ”

มินตรามองมาแอลิซวิ่งขึ้นไปชั้นบน เธอมองสามีที่ยังคงอยู่ในโลกส่วนตัว จากนั้นก็ทิ้งกระเป๋าไว้ที่พื้นแล้วขึ้นตามไป พอไปถึงห้องนอน ก็เห็นสภาพห้องกระจัดกระจาย มาแอลิซกำลังเก็บเสื้อผ้าชุดชั้นใน เวลาหล่อนก้ม ก็ทำให้รู้ว่าหล่อนไม่ใส่อะไรเลยนอกจากเสื้อเชิ้ตของสามี

“ขอโทษทีจ๊ะ นึกว่ากลับพรุ่งนี้ ถึงยังไม่ได้ทำห้องให้เรียบร้อย” มาแอลิซบอกแล้วขนของออกไปห้องนอนแขก

มินตราปิดประตูห้องนอนดังลั่น จนคิลเลี่ยนตื่นจากภวังค์ เงยหน้าขึ้นไปชั้นบน นึกว่ามาแอลิซทำอะไรอีก พอขึ้นไปเห็นมาแอลิซเปิดประตูห้อง สวมเสื้อเชิ้ตเขา

“คุณเอาเสื้อผมมาใส่ทำไม” คิลเลี่ยนถามอย่างสงสัย

“ชุดฉันเปียกก็เลยยืมเสื้อคุณน่ะ ภรรยาคุณกลับมาแล้วนะ อธิบายให้เธอเข้าใจดีๆ ล่ะ” มาแอลิซทำเป็นห่วงใย แท้ที่จริงจงใจมาก คิดว่าทุกอย่างเข้าทางยิ่งมินตรากลับมาเร็วก็ยิ่งไม่ต้องคิดหาทางอยู่ต่อจนเมียเขามาเจอ

คิลเลี่ยนนึกได้รีบเคาะประตู เพราะมินตราล็อกห้อง จึงเรียกอย่างร้อนใจ “มินต์เปิดประตูก่อน”

มินตรานิ่งเงียบและแสนเศร้า ร้องไห้โฮออกมาอย่างแสนเสียใจ จนคิลเลี่ยนได้ยินก็รีบอธิบาย “อย่าเพิ่งเข้าใจผิดสิ พี่ไม่มีอะไรกับมาแอลิซหรอกนะ เขาแค่ยืมเสื้อพี่เท่านั้น”

มินตราได้ฟังก็ยิ่งโกรธ เปิดประตูออกมา แล้วชี้ให้เขาดู “นี่เหรอคะ ไม่มีอะไรกัน”

“เข้าใจผิดกันไปใหญ่แล้ว” คิลเลี่ยนพยายามอธิบายแต่ก็รู้ว่ามินตราโกรธจนไม่สนใจฟัง

มินตราเดินไปเก็บเสื้อผ้าของตนเอง แล้วยัดใส่กระเป๋า น้ำตาก็ไหลไม่หยุด จึงยกมือขึ้นปาดน้ำตาอย่างลวกๆ

“จะไปไหนล่ะ มินต์ มันไม่มีอะไรจริงๆ” คิลเลี่ยนพยายามดึงความสนใจของภรรยา

“ตอนนี้มินต์ไม่มีอารมณ์จะฟังพี่” มินตรายังคงร้องไห้และเก็บกระเป๋า

“อย่าทำแบบนี้เลยน่า” คิลเลี่ยนพยายามกล่อมให้เธอใจเย็น

“ถ้าพี่ไม่ให้เขามาพักที่บ้านเรา มันก็คงไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ มินต์ไม่อยากจะทนอะไรแล้วตอนนี้ ถ้าเขาอยากได้พี่นัก ก็เอาไปเลย มินต์ไม่ไหวแล้ว เหนื่อยมาก” มินตราถือกระเป๋าจะออกไปจากห้องแต่เขาขวาง “หลีกไปนะคะ มินต์จะกลับลอนดอน”

“เฮ้อ!!! ใจเย็นๆ หน่อยได้ไหม มานี่” คิลเลี่ยนลากมินตราไปที่บ้านแม่เขา

“ปล่อยมินต์นะ” มินตราพยายามจะแกะมือ แต่เขาไม่ยอม มืออีกข้างก็ถือกระเป๋าตัวเอง ไม่ยอมปล่อย

คิลเลี่ยนเคาะประตูดังๆ จนแม่เขาออกมา “ฝากมินต์ไว้เดี๋ยวนะฮะ ผมจะไปจัดการปัญหาก่อน”

เฮเลนมองลูกชายผลักลูกสะใภ้เข้ามาในบ้าน ท่าทางอารมณ์ไม่ดีทั้งคู่แล้วลูกชายก็ออกไปจากบ้าน โดยไม่พูดอะไรกับลูกสะใภ้ จึงถามลูกสะใภ้ที่มีน้ำตาอาบแก้มแทน “มีอะไรเหรอ”

“พี่เคเอาผู้หญิงมานอนค่ะ มินต์ไม่อยากเชื่อเลย จะไปนอนกันที่ไหนก็ได้ แต่ทำไมต้องที่บ้านด้วย” มินตราร้องไห้อีกรอบ มีเฮเลนมาปลอบ

เฮเลนถอนหายใจยาว ไม่รู้จะปลอบยังไง ได้แต่บอกให้ใจเย็นๆ แล้วนั่งเป็นเพื่อน ที่จะออกไปรับลูกๆ ก็ต้องรอไปก่อน ถ้ารถของลอรี่ไม่มีปัญหาก็ไม่ต้องไปคอยรับส่ง แต่พอดีรถของลอรี่มีปัญหา จึงต้องออกไปรับ

คิลเลี่ยนกลับไปที่บ้านแล้วก็เคาะประตูห้องมาแอลิซ แล้วเปิดเข้าไป “คุณกลับไปได้แล้ว ไม่คิดเลยว่าคุณจะทำแบบนี้กับผม”

“ฉันไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย เมียคุณมาถึงก็เข้าไปในห้องนอนคุณแล้วกระชากที่นอนให้วุ่นวาย ฉันต่างหากที่ต้องตกใจ” มาแอลิซทำมารยาใส่เต็มที่ เล่าแบบไม่รู้ว่าตนทำอะไรผิดตลอด

“อย่าทำให้ผมดูโง่ไปหน่อยเลย มินตราไม่มีทางทำแบบนั้นแน่ ผมรู้จักเธอมากกว่าคุณ มีเหรอจะเชื่อคุณมากกว่า เก็บของคุณได้แล้ว และก็แต่งตัว ไม่งั้นผมจะลากคุณไปทั้งอย่างนี้แหละ” คิลเลี่ยนบอกแล้วมองหล่อนฮึดฮัดขัดใจ แก้ผ้าแต่งตัวต่อหน้าเขา หวังยั่วยังไงก็คงไม่สำเร็จ เพราะตอนนี้เขาไม่มีอารมณ์

มาแอลิซเห็นเขาไม่วอกแวกก็ได้แต่เก็บของ พอพร้อม เขาก็ลากเธอไปที่รถ แล้วขับออกไปส่งเธอที่สนามบิน เป็นชั่วโมงกว่าเขาจะกลับมาที่บ้านแม่เขา แต่กลับไม่เจอภรรยาเขาอย่างที่คิดไว้

“แม่ครับ มินต์ไปไหน” คิลเลี่ยนถามแม่เขาทันทีที่เจอแม่

“คิลเลี่ยน แม่ออกไปรับน้องน่ะ ก็เลยให้มินต์อยู่เฝ้าบ้าน พอแม่กลับมา มินต์ก็ไม่อยู่แล้ว บ้านก็ล็อก แม่ไม่รู้จริงๆ” เฮเลนรู้สึกผิดที่ปล่อยให้ลูกสะใภ้อยู่คนเดียว

คิลเลี่ยนรีบกลับไปดูที่บ้าน จำได้ว่ามีกระเป๋าที่มินตราเพิ่งเอากลับมาด้วยอยู่ใบหนึ่ง แต่ตอนนี้มันหายไปแล้ว เขาก็โทรหาภรรยาทันที แต่เธอก็ไม่รับ เขาเอะใจบางอย่างก็เลยเข้าไปดูหน้าไทม์ไลน์ของเธอ

‘เมื่อหัวใจแตกสลาย...ก็ไม่รู้จะประกอบหัวใจกลับยังไงให้เป็นหัวใจดวงเดิม’

สถานที่ที่โชว์คือสนามบิน เขาก็เลยโทรเช็คว่าเธอขึ้นเครื่องไปที่ไหน กระแทกลมหายใจแล้วรีบเก็บของตามเธอไปทันที ก่อนไปก็ไปหาแม่เพื่อฝากบ้าน

“ฝากบ้านด้วยนะครับ ผมจะไปปรับความเข้าใจกับมินต์ก่อน” คิลเลี่ยนบอกแม่แล้วถอนหายใจยาว คิดว่าคงสวนกันตอนเขากลับมาจากส่งมาแอลิซ ไม่คิดว่ามินตราจะใจร้ายแบบนี้

“ลูกไม่ได้ทำอย่างที่มินต์เข้าใจใช่ไหม” เฮเลนถามลูกชายอีกครั้ง เพราะลูกชายก็เจ้าชู้ใช่เล่น

“ถึงผมจะมักง่าย แต่ไม่เคยคิดจะทำร้ายจิตใจมินต์หรอกนะฮะ ไปก่อนนะฮะ” คิลเลี่ยนตอบแล้วก็ลาแม่ จากนั้นก็รีบขับรถไปสนามบินทันที

เมื่อไปถึงเขาก็รู้ว่าไม่ทัน เครื่องเธอไปออกไปก่อนแล้ว ดีที่ไม่ใช่ช่วงไฮซีซั่น เขาก็ต้องหาตั๋วเพื่อตามเธอไปลอนดอน คิดแล้วก็ถอนหายใจยาว ถ้าไม่ใช่เพราะต้องทำงานร่วมกับมาแอลิซ เขาคงไม่ประนีประนอมอย่างนี้ และคงไม่เกิดปัญหาอย่างนี้อีก

**********************************

พอถึงลอนดอนแล้วเขาก็ถอนหายใจอีกรอบ ต้องเช็คว่าเธออยู่ที่ไหน ผ่านระบบค้นหาจีพีอาร์เอสของโทรศัพท์ จนรู้ว่าเธอพักอยู่ที่โรงแรมไหน ค่อยตามไปเจอ พอถึงแล้วเขาก็ส่งข้อความ แต่เธอไม่ตอบกลับ เขาก็ถอนหายใจ เพราะตอนนี้เธอไม่ได้อยู่ที่โรงแรม แต่อยู่ในผับ

ทำให้เขาต้องเอาของไปเก็บไว้ที่รถแล้วขับตามไปจนเจอผับแห่งนั้น ดีที่เขายังมีเพื่อนฝูงอยู่บ้าง จึงเข้าไปในนั้นแล้วตามหาภรรยาสาวจนเจอ เห็นเธอกำลังนั่งดื่มอยู่ที่ห้องหนึ่ง ซึ่งเธอเปิดแล้วดื่มเงียบๆ

“ใจคอจะไม่ฟังอะไรเลยใช่ไหม” คิลเลี่ยนเข้าไปแล้วปิดประตูถามอย่างโกรธๆ

มินตราไม่พูดด้วยแล้วดื่มต่อ เรียกว่าเมินไม่มอง ไม่สนใจและแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน

“ต้องให้พี่อุ้มกลับไหม” คิลเลี่ยนถามเพราะตอนนี้เธอกำลังดื้อ ทั้งที่ไม่เคยดื้อมาก่อน แต่ก็ต้องโทษที่เขาทำให้เธอคิดไปอย่างนั้น

“ถ้าไม่เชื่อ พี่จะเอาผ้าปูที่นอนไปตรวจหาดีเอ็นเอ จะได้รู้ว่าไม่มีของคนอื่นนอกจากของมินต์กับพี่” คิลเลี่ยนพูดชัดเจนและกล้าพิสูจน์ด้วย

มินตรากำลังมึน มองเขาแล้วพยายามแปลความคำพูดของเขา จากนั้นก็ส่ายหน้าช้าๆ เพื่อเรียกสติ จากนั้นก็ดื่มต่อ

“กลับโรงแรมได้หรือยัง” คิลเลี่ยนถามอย่างดุๆ เห็นเธอเมาประมาณหนึ่งก็นึกอยากจับตีก้นแรงๆ สักที หากเขาไม่ตามมีหวังเสร็จไอ้บ้ากามแถวนี้ไปแล้ว

เธอก็พยักหน้าช้าๆ ปล่อยให้เขาจ่ายเงินแล้วลากเธอไปที่รถ พากลับไปที่โรงแรม มินตราไม่พูดอะไรอีก มองออกไปนอกหน้าต่าง ถึงไม่มีอะไรกัน แต่การที่เขาให้หล่อนมาพักในบ้านโดยไม่บอก ก็ทำให้เธอรู้สึกว่าเขาไม่บริสุทธิ์ใจ

พอเขาจอดรถแล้ว เธอก็เดินไปที่ลิฟต์เพื่อขึ้นห้องพัก เธอไม่พูดกับเขาตลอด เพราะยังตัดสินใจไม่ได้ว่าควรทำยังไง คิลเลี่ยนก็ขี้เกียจพูดมาก พอเข้าห้อง เห็นเธอทิ้งตัวลงบนเตียง ก็ถอนหายใจยาว

“นี่จะไม่ยอมพูดกับพี่เลยใช่ไหม” คิลเลี่ยนถามขึ้น รู้สึกว่าเงียบเกินไป อยากคุยเคลียร์กันให้จบๆ รู้ว่าเมียกำลังหึงและโกรธ แต่เขาก็มีเวลาจำกัด หน้าที่การงานที่ทำให้ต้องห่างกันอีกต่างหาก

มินตราหันมามองแล้วส่ายหน้าช้าๆ หันหลังให้เขาอีก ดึงผ้าห่มมาห่มขาแล้วก็นอนพัก

“จะเอาผ้าปูที่นอนทุกผืนไปตรวจเลยไหม” คิลเลี่ยนคิดว่าหล่อนคงไม่เชื่อ จึงจะเอาของห้องมาแอลิซมายืนยันด้วย

“ไม่ต้องหรอกค่ะ พี่จะนอนกับหล่อนก็ได้ มินต์ไม่สนใจแล้ว” มินตราตอบแล้วข่มตาแล้วพยายามนอนหลับ

“หมายความว่ายังไง” คิลเลี่ยนดึงเธอขึ้นไม่ให้นอนง่ายๆ ยังไงก็ต้องคุยกันให้รู้เรื่อง

“ก็มินต์บอกว่าไม่สนใจแล้วยังไง อยากนอนกับใครก็เรื่องของพี่ มินต์จะไม่ยุ่งอีกแล้ว” มินตราขึ้นเสียงแล้ว พยายามผลักเขาให้ถอยและปล่อยเธอ แต่คิลเลี่ยนไม่ยอมง่ายๆ

“ก็บอกแล้วไงว่าไม่มีอะไรกันจริงๆ ไม่มี ไม่เคยมีด้วย จะเอายังไงอีก” คิลเลี่ยนตะคอกถาม

“ไม่เอายังไงซักอย่างค่ะ มินต์จองตั๋วไว้แล้วจะกลับเมืองไทย” มินตราบอกเขา ทำให้เขาโกรธมากขึ้นไปอีก

“ทำไมทำแบบนี้” คิลเลี่ยนถามแล้วถอนหายใจอย่างแรง เพราะเธอแกะมือเขาแล้วพยายามหลับต่อด้วยความเมา “พี่ต้องทำยังไง มินต์ถึงจะเชื่อพี่”

มินตราไม่ตอบ เพราะเธอก็หาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ หวังว่าตื่นขึ้นมาจะหาคำตอบได้

คิลเลี่ยนลุกจากเตียงอย่างหาทางออกไม่ได้ จากนั้นก็เอาของแล้วเข้าห้องน้ำ จัดการตัวเอง ออกมาก็เห็นมินตรานอนทั้งชุดรัดรูป แบบนั้น ก็ส่ายหน้าช้าๆ รู้สึกเหมือนปัญหายังไม่ได้แก้ไข

หวังว่าเช้าแล้วอะไรๆ จะดีขึ้น...

**********************************

แสงสว่างไปทั่วห้องแล้ว มินตราต้องตื่นขึ้นมาอย่างมึนๆ งงๆ ว่ามาอยู่ในห้องโรงแรมได้ยังไง พอทบทวนไปมาแล้วก็จำได้ว่าเมื่อวานเกิดอะไรขึ้น คิลเลี่ยนก็กอดเอวเธออยู่ในห้องโรงแรม เธอมองเขาแล้วไม่รู้ว่าควรเชื่อเขาดีไหม แต่หัวใจตอนนี้มีแต่รอยร้าว ทำให้น้ำตาไหลออกมาอีกครั้ง

“ตื่นแล้วเหรอ พี่จะถามว่าจะกลับเมืองไทยวันไหน พี่จะไปด้วย” คิลเลี่ยนลืมตายังไม่ดีนัก พอปรับสายตาเห็นเธอร้องไห้ ก็ถอนหายใจ “พี่ขอโทษนะ แต่พี่สาบานได้ พี่ไม่เคยมีอะไรกับมาแอลิซจริงๆ”

มินตราพยักหน้าช้าๆ เพราะรู้ดี คนอย่างเขาไม่เคยสาบานอะไรพร่ำเพรื่อ พอเขาดึงเธอไปกอด เธอก็พร้อมจะกลับไปหาเขา คงไม่ต้องไปประกอบหัวใจที่ไหน ใครทำแตกร้าวก็ต้องประกอบเอง

“เด็กโง่ของพี่ อย่าไปเชื่อคนอื่นง่ายๆ ได้ไหม คนอย่างพี่ทำอะไรเลวๆ พี่ก็บอกมินต์หมด ไม่ต้องมานั่งปิดหรอก” คิลเลี่ยนลูบผมเธอแล้วถอนหายใจเป็นระยะ

“พี่ปล่อยให้เขามาพักในบ้านเราทำไมล่ะคะ” มินตรายังงอนอยู่บ้าง จึงถามไปอย่างนั้น

“มินต์น่าจะดูออก อย่างมาแอลิซวุ่นวายจะตาย อีกอย่างพี่เห็นว่าบ้านแม่ก็อยู่ใกล้ๆ คงไม่เป็นไร แล้วก็ว่าจะไล่หล่อนไปก่อนที่มินต์จะมาน่ะ ไม่ใช่อยากจะปิดมินต์หรืออะไร แต่กลัวว่าจะคิดมากแบบนี้น่ะสิ ไม่เห็นเหรอว่าพี่หลงเมียพี่จะตาย จับเครื่องบินตามมาทันที” คิลเลี่ยนกอดเธอในอ้อมแขน โอบกอดอย่างอ่อนโยน

“ก็มินต์หงุดหงิดนี่คะ” มินตราแก้ตัวอ้อมแอ้ม

“หายโกรธแล้วก็ดี นี่ตกลงจะไปไฟท์ไหน พี่จะได้ไปด้วย” คิลเลี่ยนหอมแก้มภรรยาอย่างเอ็นดู

มินตราบอกรายละเอียดแล้วคิลเลี่ยนก็จัดการเรื่องเดินทางกลับในหนึ่งอาทิตย์ เขาตั้งใจยืดเวลาอยู่กับมินตราเพิ่มขึ้น จึงโทรหาโนอา และตกลงกันได้

“กลับไปบ้านก่อนค่อยกลับมาใหม่ หรือว่าจะอยู่ที่นี่รอเวลาขึ้นเครื่องล่ะ” คิลเลี่ยนถามให้แน่ใจ จะได้จัดการเรื่องการเดินทางถูก

“แล้วแต่พี่ค่ะ” มินตราโล่งใจที่ทุกอย่างกลับสู่สภาพเดิม

“งั้นพี่ว่ากลับบ้านเราเถอะ นอนพักที่บ้านสักระยะ ค่อยมาใหม่ แต่เดี๋ยวจัดการเรื่องกลับเมืองไทยให้เสร็จวันนี้แล้วกันนะ” คิลเลี่ยนค่อยๆ ประคองเธอลุกขึ้น แล้วเตรียมตัวกลับบ้าน

ใจก็ได้แต่หวังว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยดีขึ้น...

**********************************

สายตามองบ้านหลังเก่าที่เคยอยู่มาจนเติบใหญ่ เห็นพ่อเอาไม้มาปิดตรงหน้าต่างกระจก คิดว่าคงมีอะไรไปทำให้หน้าต่างแตก แล้วพ่อก็ไม่รู้จะเอาเงินที่ไหนมาซ่อม มินตราเปิดประตูรั้วแล้วให้สามีเลื่อนรถเข้าไปจอด

เมตตาออกมาดูรถที่เคลื่อนเข้ามาก็นึกว่าลูกชายกลับบ้าน เห็นมินตราเดินเข้ามาก็ยิ้มดีใจ ออกไปต้อนรับ และรับไหว้ลูกสาวอย่างดีใจ “มินต์กลับมาแล้วเหรอลูก”

บุษบาได้ยินสามีพูดก็รีบออกมาดูด้วย ยิ้มดีใจ ที่เคยร้ายกาจก็หมดท่าไปเลยทีเดียว กุลีกุจอต้อนรับลูกสาว “มินต์ มินต์กลับมาแล้ว”

มินตรากับคิลเลี่ยนยกมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสอง บุษบาก็เข้าไปกอดลูกสาว ร้องไห้ดีใจ ไม่คิดว่าจะได้เจอลูกสาวอีก

“แม่นึกว่ามินต์จะไม่กลับมาแล้วซะอีก” บุษบายิ้มดีใจโอบไหล่ลูกสาวเข้าบ้าน แล้วพาไปนั่งโซฟา มองลูกเขยขนของเข้ามาในบ้าน ที่เคยไม่ชอบหน้าก็ต้องยอมแพ้ เพราะขืนทำอะไรลงไปอีก ทีนี้ แม้แต่สามีก็ไม่ให้อภัย “นั่งก่อนเถอะ เดี๋ยวแม่ไปเอาน้ำให้นะ”

ตอนไปไกล่เกลี่ย ดูเหมือนพ่อของลูกเขยจะคุยแต่กับสามีมากกว่าเธอ สามีรับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะ จะไม่ให้เธอก่อเรื่องอีก บุษบาเลยได้แต่เจียมเนื้อเจียมตัวมากขึ้น เพราะเมื่อกลับมาถึงบ้าน โดนสามีด่าอีกยกใหญ่ จากที่เคยถือดี ก็หายเป็นปลิดทิ้ง เมื่อสามียื่นคำขาดจะหย่าจากเธอ ญาติสนิทเธอก็ไม่มี จะให้ไปอยู่ที่ไหนได้

“ไม่ต้องหรอกแม่” มินตราบอกห้าม ก่อนได้ยินเสียงเด็กร้อง จึงหันไปตามเสียง เปลเด็กสีฟ้าวางอยู่ไม่ห่างนัก

“ไอ้นัท” บุษบาเรียกหลานชายแบเบาะวัยไม่ถึงเดือนที่ร้องหานม จึงอุ้มขึ้นมาปลอบ สามีก็เอาขวดนมมาส่งให้

“ลูกใครเหรอคะ” มินตราถามแม่ มองแม่ถอนหายใจยาว

“ลูกไอ้บอมมัน มันไปทำผู้หญิงที่เล่นเกมออนไลน์ท้อง ผู้หญิงเขาไม่ได้ไปทำแท้ง บ้านเขาก็เลยอุ้มมาส่งให้ ด่าไอ้บอมยกใหญ่ ทำลูกเขาเสียอนาคต แม่กับพ่อเลยไม่รู้จะว่ายังไง ก็เลยต้องรับเลี้ยงไว้ แม่มันก็ใจดำ ทิ้งลูกไปไม่มาอีกเลย” บุษบาเล่าความแล้วถอนหายใจ จับหลานชายนอนตัก

“ยังไงก็หลานน่ะ พ่อก็ไม่รู้ทำไง เลยให้แม่เลี้ยงไว้เอาบุญ” เมตตาถอนหายใจยาว ก่อนจะชงนมส่งให้ภรรยาป้อนหลาน

“แล้วนี่ทำไมบอมมันไม่มาช่วยเลี้ยงล่ะจ๊ะ” มินตรายังเข้าใจว่าน้องชายไปเรียนหนังสือ แต่นี่ก็วันหยุด

“มันนั่งเล่นเกมอยู่แต่ในห้องมัน จะออกมาก็ตอนหิวเท่านั้นแหละ” เมตตาบอกแล้วส่ายหน้า ไม่รู้จะพูดยังไงกับเจ้าลูกนิสัยเสียผิดพี่ผิดน้องแบบนี้

“แน่ใจใช่ไหมครับ ว่าลูกของบอมจริงๆ” คิลเลี่ยนถามให้แน่ใจ เพราะยังเล็กมาก จึงดูไม่ออก

“เอาไปตรวจดีเอ็นเอแล้ว ใช่แน่ๆ” เมตตาบอกตามตรง ถอนหายใจยาว ค่าตรวจก็บรรพ์เป็นคนให้ ก็กลัวว่าฝ่ายจะเป็นสาวนักเที่ยวเช่นกัน

มินตราส่ายหน้าแล้วเข้าไปในห้องน้องชายที่เคยเป็นห้องเธอ ก่อนจะดึงสายต่างๆ ออกหมด แล้วมองหน้าน้องชาย

“อะไรล่ะ พี่มินต์” บรมมองหน้าพี่สาวอย่างรำคาญ ก่อนโดนลากออกมานอกห้อง ตอนแรกว่าจะขัดขืน เห็นพี่เขยร่างยักษ์คุมเชิงก็ต้องถอนหายใจยาว “อะไรล่ะ”

“เห็นไหมว่าทำภาระให้พ่อแม่ ไม่ไปเรียนไม่ว่า ทำไมต้องทิ้งลูกให้พ่อแม่เลี้ยง ทำไมไม่หัดเลี้ยงเอง” มินตราถามน้องชายอย่างโกรธๆ

“ก็จะให้ทำยังไง พ่อแม่รับมาเลี้ยงเอง” บรมไม่อยากจะรับรู้ปัญหาตรงหน้ามากนัก เขาไม่คิดจะเอามาเลี้ยงอยู่แล้ว

“ลูกแกหรือเปล่า” มินตราย้อนถาม มองน้องชายแล้วหงุดหงิดกว่าเดิม

“ใช่แต่เลี้ยงไม่เป็น” บรมบอกแล้วก็หงุดหงิด

“ไม่หัดจะเป็นไหม มีใครเป็นมาจากท้องพ่อท้องแม่บ้าง มองตัวเองสิ ดูสภาพตัวเองสิ เป็นไอ้ขี้แพ้ที่เอาแต่เล่นเกมไปวันๆ คิดจะทำอะไรเพื่อตัวเองบ้างไหม ทำงานทำการทำให้ชีวิตมีค่าน่ะ เห็นไหมบ้านช่องก็ทรุดโทรม ถ้ารู้จักออกไปหาเงินมาบำรุงบ้าง บ้านก็ไม่โทรมแบบนี้ พ่อแม่แก่แล้ว หาได้เท่ากำลังที่มี แกเสียอีกยี่สิบต้นๆ แต่ไม่คิดจะทำอะไรให้เป็นประโยชน์กับตัวเองบ้าง” มินตราด่าน้องชายอย่างเหลืออดเหลือทน ฟังเสียงหลานร้องไห้แล้วก็นึกสงสาร แต่ก็สุดจะทนกับน้องชายไม่เอาไหน

“พี่ล่ะ มีเงินร่ำรวย คิดจะเอามาช่วยเหลือหรือเปล่า” บรมย้อนถามกลับอย่างโมโห เขาคิดแต่จะให้คนอื่นช่วย ถ้าใครไม่ช่วยเขาก็นึกว่าอยู่ในใจ

“พี่หาเงินมาได้ด้วยตัวเอง ส่งเงินให้พ่อทุกเดือน แกล่ะ นอกจากกินเล่นเที่ยว เคยหาเงินเข้าบ้านสักบาทมั่งไหม ดีแต่ขอเงินพ่อแม่ มีหน้ามาถามพี่อีก แกทำตัวไร้ค่าอย่างนี้ ใครจะคิดช่วยเหลือ แม้แต่เงินที่แกขอพ่อแม่ไปใช้ ก็เงินที่พี่กับบูมช่วยกันส่งมา หน้าอย่างแกมีสิทธิอะไรมาย้อนถามพี่” มินตราย้อนน้องชายอย่างเจ็บแสบ

บรมได้แต่ฮึดฮัดรำคาญใจอยู่ในที ได้ยินเสียงลูกร้องก็กระแทกลมหายใจ “โอ๊ย!! ร้องทำไมนักหนา แม่มึงไม่มาดูดำดูดีมึงแล้ว”

มินตราตบหน้าน้องชายอย่างแรง ก่อนจะหยุดมอง ข่มใจแล้วว่าให้อีก “แกนี่มันไร้สำนึก ลูกโดนแม่มันทิ้งแทนที่จะสงสารกลับรำคาญ ถึงมันจะไม่ได้เกิดจากความรักของแกกับแม่มัน แต่มันก็เกิดมาแล้ว และเป็นลูกแกด้วย ถ้าพ่อแม่ด่าแกอย่างนี้บ้าง แกจะเสียใจไหม”

บรมหันไปมองหน้าพี่ แล้วก็ร้องไห้ทั้งโกรธทั้งอับจนหนทาง “ให้ทำยังไง ก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว อยู่ๆ ก็ต้องมีลูก อยู่ๆ ก็โดนลากออกมาด่า”

“ที่พี่ด่าแก เพราะแกทำตัวไม่รู้จักโต แกมันมือตีนห่าง งานหนักไม่เอา งานเบาไม่สู้ ความรับผิดชอบก็ไม่มี พี่ไม่ได้อยากให้แกมารับผิดชอบลูกแกหรอกนะ แต่อย่างน้อยแกก็ไม่ควรจะทำท่าทางรังเกียจมันแบบนั้น มันลูกแก และมันเกิดมาเพราะความสะเพร่าของแก ถ้าแกทำตัวเป็นผู้ใหญ่เมื่อไร พี่จะไม่มายุ่งกับแกเลย” มินตราถอนหายใจยาว น้ำตาก็ไหลอาบแก้ม สงสารทั้งน้องสงสารทั้งพ่อแม่

“งั้นพี่ก็บอกสิ จะให้ทำยังไง” บรมถอนหายใจยาว นั่งร้องไห้กับพื้น ก้มหน้าอย่างหาทางออกไม่เจอ เพราะไม่เคยคิดจะหา

“แกก็ทำมาหากินสิ ไอ้บูมมันยังคิดได้ สูตรขนมที่ยายทิ้งไว้ให้ มันก็เอามาทำขาย ต้นทุนก็มีแล้ว ช่วยกันคิดช่วยกันทำ แกไม่ชอบก็บอกมาแกอยากทำอะไร” มินตราถามน้องชายแล้วส่ายหน้า

“ไม่รู้” บรมบอกตามตรง เคยคิดเรื่องนี้เสียที่ไหน คิดแต่จะเล่นเกมหนีความจริงไปวันๆ

“เฮ้อ แกไม่อยากขายขนมอย่างนั้นเชียว” มินตราถามน้องชายแล้วถอนหายใจ

“ไม่รู้” บรมตอบได้อย่างเดียว

“แกไปลองทำดูก่อนแล้วกัน ช่วยไอ้บูมมัน ค่อยๆ หัด แล้วก็ช่วยแม่เลี้ยงลูกแกด้วย” มินตราถอนหายใจยาว เมื่อเห็นน้องพยักหน้า “ตอนนี้ไอ้บูมมันกำลังจะหาคนมาช่วยทำงาน พี่ก็ว่าจะช่วยขยับขยาย ไม่อยากให้มันลากคนเข้ามาในบ้านพี่ ให้มันนอนเฝ้าก็พอ”

เมตตาฟังลูกสาวแล้วงุนงง ไม่รู้ว่าคุยเรื่องอะไร จากตอนแรกคุยเรื่องหลาน ตอนนี้ไปเรื่องการขายขนมของลูกชายอีกคนเสียได้ จึงถาม “ขยับขยายอะไรเหรอ มินต์”

“คือว่ามินต์กำลังดูตึกแถวให้บูมมันน่ะพ่อ มันว่าพักหลังลูกค้าเยอะขึ้น แผงที่ตลาดก็เลยเล็กไป อีกอย่างถ้ามีหน้าร้านก็รับงานสบาย ว่าจะทำเป็นร้านนั่งทานด้วย ขายเครื่องดื่มพวกกาแฟ” มินตราอธิบายความ ตามแผนที่คุยมากับน้องเมื่อคืน

“มันใหญ่โตขึ้นอย่างนั้นเชียว” บุษบาถามด้วยความแปลกใจ อุ้มหลานชายมานอนตักที่เก้าอี้ยาว

คิลเลี่ยนมองแล้วก็นั่งลงไม่ห่างจากมินตรา ขณะที่บรมก็มานั่งข้างๆ แม่ มองลูกชายแล้วพยายามปรับตัว แม้จะดูขยาดเล็กน้อย เพราะไม่เคยชิน แต่ถ้าไม่ทำอะไรสักอย่าง ต้องโดนเหมือนแม่แน่นอน คือโดนไล่ออกจากบ้าน

“ลองอุ้มสิ” บุษบาบอกลูกชาย สอนให้รู้จักประคองที่คอและศีรษะ

“กลัวมันตกอ่ะแม่” บรมบอกตามตรง ทำให้คนอื่นหัวเราะไปด้วย ทำหน้าแห้งๆ เกร็งๆ

“มินต์น่ะเสียดายแทนบอมมัน หลายเดือนก่อนมินต์แท้งจ๊ะแม่” มินตราบอกแล้วยิ้มเศร้า

บุษบาพอรู้จากลูกชายอีกคน ก็พยักหน้าช้าๆ “ใจเย็นๆ เดี๋ยวก็มีอีก ไม่ต้องกลัวไปหรอก มันเป็นอุบัติเหตุ ไอ้บูมมันเล่าให้แม่ฟัง แม่ก็เสียดายแทน”

“อย่าคิดมาก ใช่ไหม คุณเค” เมตตาเรียกลูกเขยอย่างให้เกียรติ เขาก็เข็ดที่เชื่อเมียจนเกือบเสียลูกสาว แล้วยังจะเป็นหนี้ก้อนโต ดีที่พ่อสามีของลูกสาวให้เซ็นสัญญาแล้วก็ออกค่าใช้จ่ายในการแก้ข่าวขอโทษ ไม่งั้นเขาก็คงได้แต่หาทางออกไม่เจอ เป็นคนล้มละลายแน่นอน ไม่แน่อาจถึงขั้นออกจากราชการ ทีนี้บำนาญต่างๆ อาจหมดไป

“ครับ” คิลเลี่ยนได้แต่รับคำ เขาแทบไม่ได้พูดเลย ปล่อยเธอจัดการเรื่องในครอบครัวเอง

มินตราบอกสภาพบ้านแล้วก็ถอนหายใจ บ้านหลังเก่าที่ทรุดโทรมไปมากแล้ว ดีที่ไม่ได้เป็นหนี้เป็นสินแล้ว แต่พ่อแม่ก็ไม่มีเงินมากพอจะซ่อมแซม

“พอซื้อตึกแถวแล้ว มินต์จะทำบ้านให้พ่อแม่ใหม่นะ” มินตราบอกพ่อแม่ ทำให้ทั้งสองยิ้มดีใจ บุษบาน้ำตาไหลออกมาร้องไห้อย่างมีความสุข ขณะที่เมตตาก็ซึ้งน้ำใจลูกสาว ทั้งที่พวกเขาก็หาแต่เรื่องเดือดร้อนมาให้

บุษบาเช็ดน้ำตา เคยปากร้ายกับลูกสาวไว้มาก เพราะความคิดตื้นๆ ของตน ตอนโดนฟ้องจึงไม่กล้าโทรไปหาลูกสาวให้ช่วย สำนึกว่าก่อเรื่องไว้มากจริงๆ

“ขอบใจมากนะ มินต์ แต่เงินมันเยอะ ซื้อตึกแถวแล้วให้พ่อแม่ไปอยู่ก็ได้” เมตตาพูดอย่างเจียมเนื้อเจียมตัว ปล่อยให้อะไรๆ เกิดขึ้นมาเยอะ จนไม่อยากจะสร้างความลำบากให้ลูกสาว

“มินต์เขาไม่ค่อยได้ใช้จ่ายเท่าไรหรอกครับ เอาเงินมาทำประโยชน์ให้ครอบครัวยังดีกว่า” คิลเลี่ยนบอกให้พ่อแม่เธอสบายใจ ท่าทางเกรงใจมาก

“บอมเลิกเล่นเกมพวกนั้นเถอะ มันมีแต่ทำให้ไม่อยากทำงานทำการอะไร วันๆ ทำให้อยากจะเล่นแต่เกม มันไม่มีประโยชน์หรอกนะ เอาคอมพิวเตอร์กับเนตออกมาไว้ข้างนอก แล้วเอาลูกไปนอนด้วยดีกว่านะ พี่ว่า” มินตราบอกน้องชายให้เปลี่ยนวิธีการใช้ชีวิต

บรมทำหน้าไม่แน่ใจเท่าไร ยังติดเกมเหมือนนักพนันทั้งหลานติดการพนันนั่นเอง “จะดีเหรอ”

“ดีสิ หัดเปลี่ยนแปลงชีวิตซะบ้าง ออกไปใช้ชีวิตเหมือนคนอื่นเขาบ้าง อยู่แต่ในห้องเล่นแต่เกม โลกมันไปถึงไหนๆ แล้ว อย่ามัวแต่เล่นเกมใช้ชีวิตในโลกเสมือนจริงเลย เห็นไหม ผลจากการเล่นเกม” มินตราชี้ไปที่หลานชาย ซึ่งเป็นหลักฐานความไม่ดีของการเล่นแต่เกม

บรมถอนหายใจยาว ก่อนพยักหน้า ครั้งนี้เขาคงต้องแข็งใจลองทำตามที่พี่สาวบอกสักครั้ง

“เริ่มเสียตั้งแต่วันนี้ ดีกว่าเสียใจในวันหน้านะ” มินตราเตือนสติน้องชาย ก่อนหยิบเงินในกระเป๋าแล้วยื่นให้พ่อ “มินต์ไม่ติดเงินสดมากๆ พ่อแม่เอาไว้ใช้จ่าย”

“ขอบใจมากนะ มินต์” เมตตาเป็นคนรับเงินจากลูกสาว มองหลานชายแล้วก็ถอนหายใจ

มินตราหันไปคุยกับน้องชายอีก “ความผิดพลาดในอดีตจดจำมันให้เป็นบทเรียน อย่ากลับไปทำอีก ไม่งั้นเราก็เป็นแค่คนไร้ค่า หายใจทิ้งไปวันๆ มันไม่เกิดประโยชน์ อุตส่าห์ได้เกิดเป็นคน อย่าให้มันเสียเปล่านะ บอม”

“อือ” บรมกอดลูกแล้วรู้สึกอ่อนไหว น้ำตามันก็ไหลออกมา ครั้งแรกที่รู้สึกถึงความเป็นพ่อ และความรับผิดชอบที่พึงมี จะเป็นได้สักกี่วันก็ขึ้นอยู่กับคนรอบข้างและตัวเขา “บอกบูมด้วยว่า พรุ่งนี้จะไปช่วยทำขนม”

“ไม่ทันแล้วมั้ง” เสียงบรรพ์ดังขึ้น แล้วก็หิ้วของใช้เข้ามาเพิ่ม จากนั้นก็ยกมือไหว้พ่อแม่ “สวัสดีจ๊ะพ่อ สวัสดีจ๊ะแม่”

ปูก็ทำแบบเดียวกับแฟน จากนั้นก็นั่งลงที่ว่าง ครอบครัวทางแฟนดูจะไม่รังเกียจการคบหาแบบอยู่ก่อนแต่งของทั้งสอง เธอก็เบาใจได้มากและทำตัวสนิทสนมกับครอบครัวแฟนได้ง่ายขึ้น

“ทำไมไม่ทัน” บรมถามคู่แฝด ยังจะพูดเสียงแข็งแบบหาเรื่องเหมือนเดิม

“แกไปทำพรุ่งนี้ แล้วจะขายเมื่อไร ฉันจะปิดร้านหน่อย แล้วจะมาชวนพ่อแม่ให้พรุ่งนี้ไปกับฉัน จะให้ไปสู่ขอปูให้หน่อย จะหมั้นกันให้เป็นเรื่องเป็นราว ไม่ได้บอกพี่ก่อน เพราะคิดว่า เมื่อพี่มาเมืองไทยแล้ว ก็ไม่ต้องอยู่เฝ้าบ้านให้ จะได้ไปทำเรื่องให้เป็นทางการ ให้เกียรติครอบครัวปูหน่อยจ๊ะ” บรรพ์มองหลานชายแล้วก็ถอนหายใจยาว “ขอโทษที่ไม่ได้บอกพี่เรื่องไอ้นัท คิดว่าพี่มาเห็นเองจะดีกว่า”

“ช่างเถอะ เห็นแล้วก็แก้ปัญหากันไป” มินตราพยักหน้าช้าๆ “นี่มายังไง”

“ก็นั่งรถวินจากปากซอยมาน่ะสิครับ เดี๋ยวกลับพร้อมพี่” บรรพ์ให้ปูส่งถุงของใช้ให้แม่ “ฉันกับปูแวะซื้อนมผงกับผ้าอ้อมสำเร็จมาให้ แม่จะได้ไม่เหนื่อย”

“ขอบใจๆ” บุษบารับแล้วก็วาง เห็นลูกๆ พร้อมหน้าก็ร้องไห้ออกมาอย่างมีความสุข

บรรพ์เห็นแม่ร้องไห้ก็ปล่อยให้ร้องจะได้ระบายความในใจออกมา สักพักหลานชายก็ร้องไห้แข่งกับย่า บรมก็พยายามปลอบ แล้วถามแม่ว่าต้องทำยังไง สักพักบรมก็ส่งลูกให้แม่ แล้วก็ให้คู่แฝดช่วยย้ายคอมพิวเตอร์ออกมาข้างนอก

เมื่อครอบครัวปรองดอง เมตตาก็สบายใจ เห็นลูกๆ ร่วมใจ ภรรยาก็เรียนรู้จากความผิดพลาด เขาเองก็เช่นกัน ต่อไปตั้งใจว่าจะไม่ทำผิดพลาดซ้ำสอง

**********************************

สวัสดีค่ะ คุณผู้อ่านทุกท่าน
ถึงจะมีเหตุให้ต้องปรับความเข้าใจกัน
สุดท้ายก็การพูดกันก็ช่วยให้คนเราเข้าใจกันมากยิ่งขึ้น
หวังว่าอะไรๆ จะดีขึ้น ^^
ขอบคุณที่ติดตามนิยายนะคะ
ดูแลสุขภาพด้วยค่ะ

แฟนเพจคือ https://www.facebook.com/plerngwaree
แอดเพื่อนได้ที่ https://www.facebook.com/plerngwareebz

ขอบคุณคอมเม้นจาก
คุณร้อยวจี - ผิดใจกันบ้างแต่สุดท้ายก็ดีกันค่ะ ^^
คุณkonhin - เดี๋ยวจบเรื่องค่ะ กว่าคนเราจะเข้าใจกันต้องใช้เวลาสักระยะค่ะ
คุณน้องแสตมป์ - อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ค่า ดีใจด้วยนะคะที่ผ่านพ้นจุดนั้นมาได้ค่ะ
คุณนักอ่านเหนียวหนึบ - อิอิ มาต่ออีกแล้วจ้า ^^
คุณใบบัวน่ารัก - ใช่ค่ะ ต้องระวังมากๆ ค่ะ

คุณนอนดูดาว - 555

ป.ล. อ่านแล้วรักชอบนิยายเรื่องนี้ อย่าลืมกดไลค์นะคะ
ถ้าได้ตีพิมพ์ จะเอารายชื่อคนที่กดไลค์นี่แหละค่ะ
มาจับฉลากแจกหนังสือค่ะ อยากให้คนที่อ่านได้จริงๆ ค่ะ

ป.ล. ขอความร่วมมือ "งด" ช็อป e-Book จากทาง Ookbee นะคะ
เนื่องจากยังสงสัยอยู่ว่า ทำไมยอดดาวโหลดกับยอดที่เขาให้ไปวางบิลไม่ตรงกันค่ะ
ยังไม่ได้ถามไป แต่มันไม่ควรจะเป็นแบบนั้นนะคะ
เมื่อสงสัยขอหยุดการซื้อจากทางนั้นนะคะ
ขอบพระคุณที่เข้าใจค่ะ

**********************************
eBooks ผลงานที่ผ่านมานะคะ
1. ด้วยหัวใจ...พันรัก (229 บาท / 9.99$)
- http://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NjoiMjM5MjY5IjtzOjc6ImJvb2tfaWQiO3M6NDoiNDQ2NiI7fQ
- http://www.ebooks.in.th/ebook/13221/ด้วยหัวใจ...พันรัก

2. เราสามคน..หนทางเดียว (159บาท / 6.99$)
- http://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NjoiMjM5MjY5IjtzOjc6ImJvb2tfaWQiO3M6NDoiNDQyNyI7fQ
- http://www.ebooks.in.th/ebook/13203/เราสามคน..หนทางเดียว

3. ตามตะวัน ณ จันทร์พันดาว (159฿ / 6.99$)
- http://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NjoiMjM5MjY5IjtzOjc6ImJvb2tfaWQiO3M6NDoiNDQ2OSI7fQ
- http://www.ebooks.in.th/ebook/13231/ตามตะวัน_ณ_จันทร์พันดาว

4. แผนร้ายในทางรัก (139บาท / 5.99$)
- http://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NjoiMjM5MjY5IjtzOjc6ImJvb2tfaWQiO3M6NDoiNDI2MyI7fQ
- http://www.ebooks.in.th/ebook/13179/แผนร้ายในทางรัก

5. ผูกพัน...เข้าใจ...สายใยแห่งเรา (129บาท / 5.99$)
- http://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NjoiMjM5MjY5IjtzOjc6ImJvb2tfaWQiO3M6NDoiNjMzOCI7fQ
- http://www.ebooks.in.th/ebook/16015/ผูกพัน...เข้าใจ...สายใยแห่งเรา/



เพลิงวารี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 6 มี.ค. 2557, 11:18:18 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 6 มี.ค. 2557, 11:18:18 น.

จำนวนการเข้าชม : 1941





<< Crying Villain ตอนที่ 11   Crying Villain ตอนที่ 13 >>
ตุ๊งแช่ 6 มี.ค. 2557, 11:53:36 น.
เริ่มเข้าใจกันแล้ว ครอบครัว เอิ่มแต่น้องชายตัวแสบจะกลับตัวได้จริงป่าว ต้องให้พี่เค คุมไหมนี่


น้องแสตมป์ 6 มี.ค. 2557, 13:32:36 น.
เกือบไปแล้วนะพี่เค วันหลังอย่าทำอย่างนี้อีกนะ
หวังว่าคนในครอบครัวมินต์จะสำนึกได้


นักอ่านเหนียวหนึบ 6 มี.ค. 2557, 21:11:33 น.
อืมมม คนเราเนอะ ชีวิตมันต้องมีหวัง
สู้เว้ยยย


konhin 7 มี.ค. 2557, 02:38:59 น.
เรื่องลูกนี่เป็นเรื่องแปลกจริงๆนะคะ คนอยากมีมักจะไม่ได้ คนไม่อยากได้ดันได้


ใบบัวน่ารัก 7 มี.ค. 2557, 08:05:37 น.
เข้าใจกันดีแล้ว
ปัญหาก็ตามมาช่วยๆๆกันแก้ไข
ถ้าอีกฝ่ายญ ไม่ตาม อีกฝ่ายคิดได้ก็คงไม่ท้อง
ดีแล้วที่ไม่ไปทำแท้ง แล้วก่อนทำลูกด้วยกันก็ไม่คิดนะว่ามันไม่พร้อม
ก็เสียอนาคตเหมือนกัน แก้ไขได้เลิกได้เป็นเรื่องที่ดี
แม่ลูกเข้าใจดีกันก็ดีใจด้วย ช่วยทำมาหากินนะ


maplezaa 9 มี.ค. 2557, 17:16:31 น.
ขอให้มิ้นต์กับพี่เคอย่ามีปัญหากันเองอีกเลยนะคะ แค่ปัญหาจากคนรอบข้างก็พอ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account