นางร้ายเจ้าน้ำตา
ชีวิตของมินตราไม่ใช่เรื่องง่าย แม้ฝันไว้ว่าจะดีขึ้นทุกวัน แต่ก็ยังเจอแต่อุปสรรคใหญ่หลวงรออยู่ทุกอย่างก้าว ดีที่ได้มีโอกาสเจอเขา...คิลเลี่ยนหนุ่มลูกครึ่งชาวอังกฤษก็คอยช่วยเหลือ เป็นหลักให้เธอได้มีชีวิตที่ดีขึ้น หนทางรักที่อาจไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบแต่จะจบด้วยความสมหวัง
Tags: นางร้าย

ตอน: Crying Villain ตอนที่ 13

นางร้ายเจ้าน้ำตา Crying Villain ตอนที่ 13

เมื่อถึงวันที่คิลเลี่ยนต้องกลับฝรั่งเศส มินตราก็รู้สึกแย่ที่ต้องห่างกัน อยากอยู่ด้วยกันตลอดเวลาแต่ดูเหมือนหน้าที่การงานจะทำให้ไม่ได้อยู่ด้วยกันมากเท่าที่ต้องการ เขาสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของเธอ เพราะท่าทางเธอเหมือนจะอยากอยู่กับเขามากกว่า

“เป็นอะไร ไงล่ะ อยากตามพี่ไปไหม” คิลเลี่ยนถามแล้วเชยคางภรรยามาจูบอีกรอบ ระหว่างรอขึ้นเครื่อง

“อยากค่ะ แต่สัญญากับพ่อพี่แล้วนี่ว่าจะทำงานให้ นี่ก็เลื่อนจนไม่รู้จะเลื่อนยังไงแล้วนี่คะ” มินตราไม่สนใจคนที่ตามถ่ายภาพ ซุกตัวในอ้อมแขนสามีแบบไม่สนใจใคร ก็รักเขามากเสียอย่างนี้ จะให้ทำยังไงได้อีก

“น่า เสร็จแล้วตามไปอยู่กับพี่นะ” คิลเลี่ยนปลอบ เพราะรู้ว่าเธออยากจะอยู่กับเขา เขาก็อยากอยู่กับเธอ แต่เพราะหน้าที่บังคับ และเขาก็มีเวลาแค่นี้

คิลเลี่ยนรอจนได้เวลาเข้าไปด้านในก็ค่อยบอกลา เขาจูบริมฝีปากอิ่มของเธออย่างแสนรัก ก่อนโบกมือลา

มินตราถอนหายใจยาว จากนั้นก็ไปหาน้องชายที่รออยู่ ปล่อยให้น้องชายขับรถ ตัวเองนั่งข้างคนขับ แฟนน้องที่หมั้นกันแล้วก็นั่งด้านหลัง ตรงไปยังตึกแถวที่เธอซื้อไว้ให้น้องชาย ที่อยู่ในระหว่างตกแต่ง

ตึกหลังนี้ราคาสูง และมีชื่อเธอเป็นเจ้าของ ทำเลดีติดกับย่านการค้าการขาย แต่มินตราสามารถซื้อได้ เพราะเงินที่มีไม่ค่อยได้ใช้อะไร ขณะที่บรรพ์ไม่กล้าขอพี่สาว เพราะรู้ราคาดี แถวนี้มีคอนโดหลายหลัง เขาก็ตั้งใจว่าจะทำให้ดีที่สุด ลูกค้าเก่าๆ ก็จะอุดหนุนต่อไป ถ้าเขายอมส่งขนม ซึ่งเขาขอให้ได้ลูกค้า เขารับหมด

“ผมไม่รู้จะขอบคุณพี่กับพี่เคยังไงดี” บรรพ์ได้แค่นี้ก็พอใจแล้ว แม้พี่วสาวจะไม่ได้ให้เขา แค่ให้ทำร้านฟรีก็ถือว่าประหยัดได้มากนัก

บรมตามมาทีหลังก็เอาลูกใส่กระเป๋าที่หน้าอกไว้ เขาเริ่มจะรู้ว่าต้องดูแลลูกยังไงได้ดีขึ้น จึงไม่ทิ้งลูกไว้กับแม่เหมือนเคยอีก เมื่อเห็นพี่สาวก็ยกมือไหว้ “สวัสดีครับ พี่มินต์”

“วันนี้เก่งนะ มาเองไม่ต้องมีแม่มาด้วย” มินตราตบไหล่น้องชายที่บอกจะตามมาเจอที่ร้าน

“ต้องมาสิครับ เดี๋ยวจะติดรถพี่ไปช่วยไอ้บูมทำขนม” บรมบอกแล้วก็มองลูกชายที่หลับอยู่ในกระเป๋า

เขาหักห้ามใจตัวเองด้วยการล้างข้อมูลในคอมพิวเตอร์ทั้งหมดออก แล้วทำอย่างที่พี่สาวบอก คือเอาลูกเข้าไปนอนในห้องด้วย ต้องสะดุ้งกลางดึกอยู่บ่อยๆ โมโหก็โมโห แต่เขียนคำพูดพี่สาวติดไว้ที่ข้างฝา เพราะปัญหาต่างๆ ก็หามาใส่หัวตัวเองทั้งนั้น

“นี่มายังไง” บรรพ์ถามคู่แฝด ไม่เห็นมีรถเก่าๆ ของพ่อมาจอด แต่ก็เข้าใจได้ เพราะเป็นวันธรรมดา พ่อเอารถไปทำงาน ยกเว้นบอกก่อนว่าจขะขอยืม พ่อถึงจะขึ้นรถโดยสารไปทำงานแทน

“มารถแท็กซี่สิ ไม่งั้นไอ้นัทงอแงก็เกรงใจคนอื่น แม่ไม่ค่อยสบาย อยากจะเอนหลัง ก็เลยเอามาด้วย จะได้ไม่รบกวนแม่” บรมบอกคู่แฝดแล้วมองตึกแถวกลางย่านหรู จากนั้นก็มองพี่สาว พูดอย่างซึ้งใจ “พี่ให้ผมกับบูมมีชีวิตใหม่จริงๆ”

“ก็น้องพี่ทั้งคู่ คุยกับช่างแล้วก็ไปหาอะไรกินกันเถอะ ไอ้นัทมันหิวขึ้นมา ลำบากแย่” มินตราบอกน้องชาย แล้วให้ส่งหลานมาให้เธออุ้ม จากนั้นน้องชายทั้งสองก็เข้าไปคุยกับช่าง มินตราก็หันมาคุยกับปู “อึดอัดไหม ที่บอมมาช่วยอีกแรง ส่วนแบ่งก็น้อยลง”

“ไม่หรอกค่ะ หนูน่ะยังไงก็ได้ ขอให้ครอบครัวมีความสุข” ปูยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น

เพราะจุดเริ่มมันไม่ได้เกิดจากแฟนเธอคนเดียว แต่เป็นพี่สาวเขาด้วย ที่คิดเรื่องส่วนแบ่งคือแบ่งครึ่งระหว่างแฟนกับคู่แฝดก็เพราะแท้จริงรายได้ที่ได้มาต้องแบ่งสี่ส่วน เพราะอันที่จริง ส่วนแบ่งก็คือ เธอ แฟน บรมและมินตรา จริงๆ มินตราต้องได้มากที่สุด เพราะถ้าเอาตึกให้คนอื่นเช่า ยังจะได้เงินมากกว่านี้ หากเพราะมินตราบอกว่าจะให้ส่วนของเธอกับน้องทั้งสอง จึงนำส่วนที่มินตราจะได้มาแบ่งครึ่งระหว่างบรรพ์กับบรมแทน

ตึกแถวแห่งนี้อยู่ท่ามกลางการค้า แล้วตอนนี้บรมก็เข้ามาช่วยงานฝึกหัด บ่นบ้างตามประสา แต่ยอมทำก็ถือว่าดีแล้ว ต่อไปพวกเธอก็มาทำขนมที่นี่ ได้ซื้ออุปกรณ์มาไว้เลย ตามแต่สะดวก บ้านมินตราก็เอาไว้นอนเฝ้าอย่างเดียว

ทุนสักบาท...มินตราก็ไม่เอาจากน้อง ยังจะช่วยเหลืออีกด้วย ความใจกว้างของมินตราทำให้ปูคิดได้ว่า เธอไม่ควรมีจิตใจคับแคบ ขณะที่บรมก็เปลี่ยนไปมาก จะทำอะไรก็หัดคิดให้ถี่ถ้วนมากกว่าเคย จะมีโวยวายบ้าง บ่นบ้าง ตามประสาคนไม่เคยทำงาน แต่สุดท้ายก็ยอมทำแต่โดยดี และคงต้องปรับตัวไปเรื่อยๆ

“ไง นัทธพงศ์ ศรียิ่ง ง่วงแล้วเหรอ” มินตราเรียกหลานชายที่ทำท่างัวเงีย

“เด็กนี่นอนง่ายเนอะ พี่” ปูมองแล้วก็เอ็นดู ไม่ถึงกับรักเด็กมาก แต่ก็เอ็นดูเป็นคนๆ ไป

“แต่งงานเมื่อไรรีบมีเลยนะ ปู” มินตราพูดแซวว่าที่น้องสะใภ้

ปูก็ได้แต่หัวเราะเท่านั้น “เมื่อไรจะได้แต่งเถอะ ขนาดพ่อแม่ไม่เรียกสินสอด บูมยังบอกเลยว่ารอมีก่อน”

“มัดมือชกเลยสิ เอาลูกมาบีบคอบูมแต่งงาน” มินตราพูดล้อ ทำให้ปูหัวเราะ

“ทะเลาะกันบ้านแตกสิ พี่” ปูบอกแล้วก็หัวเราะขำ “ตั้งใจว่าปูจะเก็บเงินที่บูมหามาได้ทีละเล็กละน้อย ถึงสี่หมื่นเมื่อไร จะบีบคอบูมแต่งงาน บอกสินสอดพอแล้ว ถ้าเจ้าบ่าวไม่พร้อม ตาย!! ฮ่าๆๆ”

มินตราฟังแล้วก็หัวเราะ ทำให้นัทธพงศ์ขยับไปมาแล้วร้องไห้ เพราะง่วงเต็มที่ เธอจึงปลอบหลานชายแล้วทำให้หลานชายหลับ พอหลับแล้วก็เอากระเป๋ามาคาดที่ตัวเพื่อให้หลานชายหลับสบาย

“เด็กนี่ดีเนอะพี่ หลับง่ายมาก” ปูบอกแล้วก็มองแก้มสีแดงของหลานชายสามี

“พี่ว่าเดี๋ยวเราไปซื้อของในห้าง แล้วค่อยมารอพวกนั้นคุยงานดีกว่า” มินตราเห็นว่าไปมาอย่างนี้ไม่สะดวกแน่ จึงจะไปซื้อเก้าอี้และรถเข็นเด็กอ่อนให้น้องชาย

ปูพยักหน้าเห็นด้วย บอกแฟนแล้วก็ไปเดินซื้อของกับมินตรา เมื่อได้เห็นพี่สาวแฟนซื้อของ แล้วก็เอาหลานชายนอนในรถเข็นก็หัวเราะ “หลานป้ามินต์นี่โชคดีจริงๆ ป้ามินต์รักมาก ซื้อของให้เยอะแยะ”

“เปล่าเลย ป้ามินต์รักตัวเองมากกว่า ไม่อยากลำบากเพราะหลาน เลยซื้อของใช้จำเป็นมาช่วยให้ป้ามินต์สบายขึ้น” มินตราพูดกับปูแล้วก็หัวเราะไปด้วยกัน จากนั้นก็พาปูไปที่แผนกชุดชั้นใน มองแบบแล้วว่าจะซื้อ แต่ปูมองเท่านั้น เพราะราคาแพง มินตราจึงชวนซื้อ “เลือกสิ พี่ซื้อให้”

มินตราหยิบแบบเซ็กซี่ออกมา ปูหน้าแดงทันที เพราะแทบปิดอะไรไม่มิดเลย หากมินตราคุ้นเคย เพราะคิลเลี่ยนชอบให้ซื้อแบบนี้มาใส่ตอนเข้านอน ถ้าออกบ้านก็ใส่แบบธรรมดา

“ไม่ไหวมั้งพี่” ปูส่ายหน้าช้าๆ หน้าแดงระเรื่อชัดเจน เพราะแบบชุดชั้นในแต่ละตัวที่พี่สาวคนรักหยิบมาให้

“ไม่ได้นะ ปู ความสุขของสามีเป็นหน้าที่ของภรรยา ถึงจะยังไม่แต่งงาน แต่พี่ก็รู้ว่าบูมกับปูอยู่กันยังไง ซื้อเถอะ” มินตราบอกแฟนน้องสาวแบบบังคับ

ปูเห็นราคาก็แทบลมจับ ส่ายหน้าช้าๆ ทั้งอายทั้งเสียดาย “ไม่เอาๆ แพงด้วย พี่”

“พี่ซื้อให้เอง ไม่ต้องคิดมาก ไม่ได้ซื้อเยอะ แค่สามสี่ชุด นานๆ ที” มินตราบอกแฟนน้องชายแล้วถามขนาด จากนั้นบอกให้ไปลองตัวเสื้อให้พอดี แล้วก็ซื้อชุดนอนแบบเซ็กซี่กับเสื้อคลุมให้ด้วย

“ตายแล้วพี่มินต์ บูมจะด่าหนูไหมเนี่ย” ปูเห็นพี่สาวแฟนหยิบชุดนอนแสนบางแล้วก็กลัวโดนแฟนด่า

“ไม่ต้องกลัว ถ้ามันด่า บอกพี่ซื้อให้” มินตราเลือกไซด์แล้วก็จ่ายเงิน

เธอซื้อของให้หลานชายแล้วก็ต้องซื้อของให้แฟนน้องชายด้วย จะได้ไม่มีใครว่าไม่ยุติธรรม จากนั้นก็ซื้อของอีกหลายอย่าง แล้วก็เข็นรถเข็นพาหลานชายกลับไปที่ตึก

บรรพ์เห็นแฟนกับพี่สาวถือของมาเยอะแยะก็แปลกใจ ปกติพี่สาวช็อปไม่เก่ง วันนี้เกิดอยากช็อปขึ้นมาของเต็มมือเลยทีเดียว “อะไรน่ะ พี่”

“พี่ซื้อเอง เดี๋ยวเอาไปไว้ในรถ” มินตราก็เอากุญแจรถไปไขเอาของไปเก็บ มีทั้งเบาะเด็กอ่อนในรถ แล้วก็รถเข็นเด็ก ก่อนจะถาม “เสร็จหรือยัง”

“เสร็จแล้วไปกันได้” บรมเห็นพี่สาวเอาลูกชายใส่เบาะเด็กอ่อนในรถ รู้ว่าราคาแพงแต่ดูลูกชายสบาย เขาก็ไม่ขัด ส่วนรถเข็นเขาพับแล้วเอาไปเก็บท้ายรถ “ขอบคุณครับ พี่”

“ไม่เป็นไร บอมได้ บูมก็ได้” มินตราบอกแล้วไปนั่งข้างคนขับ

บรรพ์ฟังแล้วก็งงๆ แปลกใจนิดหน่อยเรพาะไม่รู้ว่าตัวเองได้อะไร กว่าจะรู้ก็ดึกแล้วนึกขอบคุณพี่สาวอยู่มากที่ช่วยเติมเต็มชีวิตรักของเขากับคู่หมั้นให้สดชื่นรื่นรมย์แทบทั้งคืน

ทั้งสี่คนก็ออกเดินทาง มินตราบอกให้บรมไปเรียนขับรถ เผื่อจะได้ช่วยบรรพ์ส่งขนมอีกแรง ขณะที่บรมก็เชื่อฟังพี่สาวมากขึ้น รู้สึกว่าการเชื่อพี่สาวทำให้ชีวิตที่เคยอยู่ไปวันๆ คิดแต่เรื่องไร้สาระเปลี่ยนเป็นคนเอาการเอางานมากขึ้น แม้จะยังติดนิสัยชอบติดบ่นนั่นบ่นนี่อยู่ แต่ก็ขยันมากกว่าเดิม

**********************************

เสียงลิฟต์หยุดที่ชั้นบนสุดของตึก มินตราแต่งตัวสวยทุกวัน เพราะคิลเลี่ยนไม่อยากให้ใครดูถูกเมียเขา แม้มินตราจะเป็นคนไม่ค่อยแต่งตัว หากเป็นนักแสดงแล้วก็ต้องรู้จักรักษาภาพลักษณ์บ้าง อยู่บ้านไม่เป็นไร ออกมาข้างนอกต้องรู้จักแต่งตัวให้เหมาะสม

มินตราก็ได้แต่ทำตาม พอลิฟต์ถึงชั้นบนสุดก็เจอโชติกับหวานใจ เธอตั้งสติและรู้อยู่แล้วว่ามีโอกาสที่จะเจอ

โชติมองมินตราที่แต่งตัวสวยและเซ็กซี่มาก ก็ถอนสายตาไม่ได้ จึงทักทายแบบตะกุกตะกัก “มีอะไรเหรอ มินต์”

หวานใจมองคนรักทักทายพี่สะใภ้แบบแปลกๆ ก็แปลกใจพอควร เพราะเขาไม่เล่าความอะไรเลย จึงสงสัยว่าน่าจะรู้จักกัน แต่ก็ไม่น่าแปลกอะไร เพราะยังไงก็เมียพี่ชายเขา

“พ่อคุณเชิญให้ฉันมาพบเพื่อคุยเรื่องงานค่ะ สวัสดี” มินตราทักทายแล้วเดินสวนออกจากลิฟต์ หากโชติคว้าแขนเธอไว้ เธอก็หันมามองเป็นเชิงให้ปล่อย ก่อนถาม “มีอะไรกับฉันเหรอคะ”

“อ๋อเปล่า แค่อยากถามว่ามีงานอะไรกันไม่เห็นพี่รู้เรื่องเลย” โชติปล่อยมือแก้เก้อ และยิ้มให้คนรักอย่างเจื่อนๆ

“ถ้าพ่อคุณต้องการให้รู้ เขาคงบอกแล้วล่ะค่ะ ขอตัว” มินตราเห็นเขาปล่อยก็เดินไปจนถึงห้องสมเจตน์ จากนั้นก็ติดต่อเลขาฯ แล้วเข้าไปในห้อง

“หวานไปรอพี่ที่ห้องทำงานก่อนได้ไหม พี่อยากรู้ว่าพ่อพี่จะคุยงานอะไรกับมินต์เขาน่ะ” โชติเปลี่ยนใจพาคนรักไปที่ห้องทำงานแทน ตอนแรกตั้งใจจะพาคนรักออกไปข้างนอก

หวานใจได้แต่ทำตามแล้วขมวดคิ้วสงสัย หรือคู่หมั้นจะกลัวว่าพี่ชายต่างแม่จะได้สมบัติมากกว่าเลยระแวงไปเสียหมด เจนเขาอธิบายแล้วสอดคล้องกับความคิดของเธอ

“ไอ้คิลเลี่ยนมันพาเมียมาเข้าบริษัทแบบนี้ พี่กลัวว่าพ่อจะเปลี่ยนใจเรื่องการสืบทอดธุรกิจ รอพี่หน่อยนะ” โชติพูดให้เธอหายแคลงใจ แล้วตามมินตราเข้าไปในห้องทำงานของพ่ออย่างลำบากใจ

หวานใจค่อยเบาใจ เมื่อเขาพูดแบบนั้น เรื่องมรดกนี่เป็นเรื่องที่ยากจะยอมแพ้ให้กับลูกเมียน้อยอย่างคิลเลี่ยนด้วย

เมื่อมินตราเดินเข้าไป แค่ยกมือไหว้พ่อสามี ยังไม่ทันได้พูดอะไร โชติก็ตามเข้ามา

สมเจตน์ก็ขมวดคิ้วมองลูกชายแล้วถาม “แกมีอะไร พรวดพราดเข้ามาแบบนี้ เสียมารยาท”

“อ้าว ก็พ่อมีเรื่องคุยงานกับมินต์ไม่ใช่เหรอครับ” โชติถามทันทีทำเป็นไม่เข้าใจความหมายของพ่อ

“มินต์น่ะ เมียไอ้คิลเลี่ยน ไม่ใช่เมียแก เสือกอะไรด้วย ออกไป พ่อมีเรื่องงานจะคุยกับมินต์เท่านั้น ไม่ใช่เรื่องของแก” สมเจตน์ไล่ลูกชายออกไป เพราะไม่อยากให้มีปัญหาระหฟว่างพี่น้อง จึงแยกงานให้มันสิ้นเรื่องไป

“แต่ผมก็ควรมีสิทธิรู้เรื่องงานนะครับ” โชติก็แย้งอย่างมีเหตุผล

“แม่แกคงภูมิใจมากที่มีลูกจอมเสือกอย่างแก เอาล่ะ ถ้าแกจะอยากรู้ให้ได้ แล้วห้ามเอาไปบอกแฟนแกก็แล้วกัน” สมเจตน์ชี้ให้ลูกชายนั่งที่เก้าอี้ข้างๆ มินตรา แล้วค่อยคุยกับลูกสะใภ้ “ได้ข่าวว่าแท้งลูกเหรอ ไม่เป็นไรหรอกนะ ยังสาวยังแข็งแรง ยังมีลูกได้อีกเยอะ”

“ขอบคุณค่ะ” มินตราพูดแค่นั้นแล้วไม่สนใจโชติ ก่อนจะคุยงาน “ตกลง เป็นชุดเครื่องเพชรห้าชุดนะคะ นี่ค่ะ ใบเสนอราคาค่าออกแบบ”

สมเจตน์ดูแล้วก็พยักหน้า จากนั้นก็ถามขึ้น “ได้ข่าวว่าเธอกำลังจะออกแบรนด์เครื่องประดับที่อังกฤษเหรอ ไม่คิดอยากจะมาทำกับฉันหรือยังไง”

“คือทางออเดรย์เขายื่นข้อเสนอให้พิจารณาอยู่ค่ะ และข้อเสนอของเขาก็น่าสนใจมากด้วยค่ะ ตอนนี้แค่เหลือคุยรายละเอียดในสัญญาอีกนิดหน่อย ไม่น่าจะตัดสินใจยากแล้ว ส่วนของคุณ ฉันไม่คิดว่าคุณจะมอบข้อเสนอที่น่าสนใจให้ได้มากกว่าค่ะ” มินตราบอกตามตรงแบบที่คิลเลี่ยนบอก อ้ำอึ้งมีหวังพ่อเขาฉวยโอกาสมัดมือชกแน่นอน

สมเจตน์ฟังแล้วก็ยิ้มที่มุมปาก “ไหนลองบอกมาสิว่าฉันจะจ่ายไม่ได้เชียวเหรอ”

มินตราเล่าความตามจริง เธอได้เป็นหุ้นส่วนแบรนด์ใหม่ของออเดรย์ ไม่เพียงแต่รับหน้าที่ออกแบบคลอเล็คชั่นที่ขายให้ที่นี่เท่านั้น มีการการันตีรายได้ห้าปีให้เธอ โดยทางออเดรย์จะรับดูแลด้านโฆษณา และส่งผู้บริหารเข้ามามีส่วนร่วมตัดสินใจ เหมือนทางนั้นจะเปิดบริษัทให้เธอ นั่นคงเพราะความสามารถที่ได้รับรางวัลอยู่เป็นประจำ ที่ไม่ได้รับเว้นไปหนึ่งปี เพราะมีปัญหากับเจ้านายคนใหม่

สมเจตน์ไม่คิดว่าลูกสะใภ้จะไปได้ไกลอย่างนี้ เขาพยักหน้าช้าๆ เพราะเขาให้สิ่งที่เธอพูดมาไม่ได้จริงๆ จึงชมเธอ “เธอเก่งมากที่มาได้ไกลแบบนี้”

โชติฟังแล้วก็ไม่อยากเชื่อหูตัวเอง อย่างมินตราจะมีความสามารถอย่างนั้นได้อย่างไร แต่เมื่อเธอพูดขึ้น ก็คงเป็นเรื่องจริง เพราะคนอย่างมินตราไม่โกหกอยู่แล้ว

“พี่เคช่วยน่ะค่ะ ไม่มีพี่เคคอยช่วยดูให้ ก็คงไม่มีวันนี้” มินตราพูดอย่างสำนึกบุญคุณของสามี ที่ช่วยส่งเสริมเธอทั้งด้านการงานและด้านจิตใจ ยิ่งทำให้โชติอิจฉามากขึ้น

“นึกว่าเขาช่วยเรื่องแสดงหนังอย่างเดียวเสียอีก” สมเจตน์ขมวดคิ้วแล้วไม่เข้าใจ

“ก็ใช่ค่ะ เรื่องงานเครื่องประดับโดยมากฉันจะรับงานเองทั้งหมด แต่พี่เคเขาช่วยเรื่องรายละเอียด เรื่องกฎหมายค่ะ” มินตราอยากเคลียร์งานของทางนี้ให้จบ แล้วไปจัดการงานของออเดรย์ต่อ

“มาคุยเรื่องงานของเราดีกว่า” สมเจตน์พูดเรื่องแนวคิดให้ลูกสะใภ้ฟังไปแล้วคร่าวๆ ก่อนเธอจะบอกเล่า และแนะนำขอบเขตของแนวคิด ให้รัดกุม เพื่อให้ออกแบบได้ง่ายและไม่ทำให้หลงทาง

ส่วนโชติได้แต่นิ่งฟัง ปกติเขาพูดมาก แต่คราวนี้ เขารู้สึกว่าเขาไม่รู้จักมินตราเลยสักนิด เธอดูมีความรู้ความสามารถ และทำให้บริษัทใดๆ ก็ตามที่ได้ตัวเธอไปก้าวหน้าแน่นอน

“อย่างเธอว่านั่นแหละ” สมเจตน์สรุปในตอนท้าย มองเห็นความยิ่งใหญ่สำหรับโครงการนี้ได้ไม่ยาก

“ใช้เวลาไม่นานหรอกค่ะ ฉันเดาๆ ไว้บ้าง ก็เลยร่างแบบไว้ เอาเป็นว่าฉันจะเลือกเอาที่คุณต้องการจริงๆ มาให้ดูนะคะ จะได้ปรับแก้ให้เสร็จ” มินตรามีรางแบบไว้เยอะ เธอแค่เลือกให้ตรงตามที่สมเจตน์ต้องการเท่านั้น

“เร็วอย่างนั้นเชียว” สมเจตน์ถามแล้วมองลูกสะใภ้

“คือช่วงที่มีเวลาว่าง ฉันก็ร่างแบบไว้หลายๆ แบบ ก็นะคะ เผื่อมีโอกาสหยิบใช้ ดีกว่าปล่อยให้เวลาผ่านไปค่ะ” มินตราเก็บสมุดจด

“ขอดูหน่อยได้ไหม” สมเจตน์ต้องการดูแบบเผื่อจะขอหยิบใช้

“ไม่ได้ค่ะ ถึงจะรับงานของคุณ แต่ฉันคงจะให้คุณดูไม่ได้ มันเป็นทรัพย์สินทางปัญญา ถึงจะเป็นแค่แบบร่าง อนาคตฉันอาจทำไปใช้กับลูกค้าคนอื่น เพราะงั้นฉันจะคัดมาให้ให้ตรงกับความต้องการเท่านั้นนะคะ ที่หลายแห่งไว้ใจให้ฉันออกแบบงานให้ เพราะเชื่อในความปลอดภัยของงาน วงการเครื่องประดับต้องอาศัยความน่าเอถือมากนะคะ” มินตราอธิบายความตามตรง ไม่ต้องกลัวว่าพ่อสามีจะโกรธ

สมเจตน์พยักหน้าช้าๆ รู้สึกเสียดายที่ปล่อยให้มินตราหลุดลอยไป เขาไม่เคยเหลียวมองความสามารถของมินตรา และเมื่อมองเห็น ทุกอย่างก็สายไปเสียแล้ว

“พูดซะน่ากลัวเลยนะ มินต์” โชติกลัวว่าพ่อจะโกรธเลยพูดกึ่งติแต่เจตนาให้ดูเบาลง พ่อจะได้ไม่โกรธมินตรา และหล่อนจะได้มองเขาดีขึ้นบ้าง

“ไม่เป็นไร มินต์พูดถูกแล้วล่ะนะ เดี๋ยวไปทานข้าวกับฉันที่โรงแรมข้างๆ นี่สิ ห้องอาหารเขาทำอาหารดีมาก ฉันพาลูกค้าไปทานบ่อยๆ” สมเจตน์ชวนลูกสะใภ้ โดยไม่ชวนลูกชาย เพื่อไม่ให้มินตราอึดอัด

“ขอบคุณค่ะ แต่เกรงใจ ไม่เป็นไรค่ะ” มินตราปฏิเสธตามมารยาท หากอีกฝ่ายส่ายหน้า

“ถ้าเกรงใจก็ยิ่งต้องไป” สมเจตน์บอกและไม่ยอมให้ลูกสะใภ้ปฏิเสธอีก จึงเก็บของที่จำเป็น ปิดคอมพิวเตอร์ที่ทำงานค้างอยู่ ออกจากหน้างาน เพื่อป้องกันความลับรั่วไหล แล้วพยักหน้าให้มินตราไปด้วย

“ได้ค่ะ ขอบคุณค่ะ” มินตราบอกแล้วเก็บของใส่กระเป๋า จะทู่ซี้ปฏิเสธต่อไปก็กระไร ยังไงก็ยังต้องติดต่อเรื่องงานอีก จึงรับปาก แต่ก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินสิ่งที่โชติพูด

“เดี๋ยวผมตามไปนะครับพ่อ” โชติไม่รอให้พ่อชวน เพราะถ้าพ่อจะชวน คงพูดไปแล้ว เขารู้ว่าพ่อตั้งใจไม่ชวน แต่เขาอยากไปด้วย อยากรู้ว่าคุยอะไรกัน

สมเจตน์รู้ว่าสันดานลูกชายได้แม่มาเยอะ จึงไม่ห้าม รำคาญอยู่มาก แต่ก็ไม่ถึงกับต้องเด็ดขาดกับเริ่องเล็กน้อย แค่นี้สองพี่น้องก็มองว่าเขาลำเอียงมากพออยู่แล้ว ด้านเฮเลน เขาไม่ห่วง รายนั้นคงไม่อยากให้ลูกชายมายุ่งกับเขาเลย แต่เมียหลักเขานี่สิ สารพัดจะคิด คาดว่าเพราะว่างเกินเหตุ

“ตามใจแกสิ” สมเจตน์เอาใบเสนอราคาของมินตราไปให้เลขาฯ บอกให้เอาไปตรวจสอบดูรายละเอียดให้ดีก่อน เขาถึงจะเซ็น จากนั้นก็ออกไปกับลูกสะใภ้ เขาถามเพื่อความสะดวก “เธอเอารถมาหรือเปล่า”

“ค่ะ” มินตรามองพ่อของสามีอย่างงุนงง แต่เพราะอยากไปไหนมาไหนสะดวก เธอจึงซื้อรถให้น้องชายไว้ใช้และให้พ่อแม่อีกคัน เพราะคันเดิมเก่ามากแล้ว และต้องซ่อมบ่อย สุดท้ายบรมก็เอาไปซ่อมแล้วใช้ขับต่อ

“งั้นฉันไปกับเธอแล้วกัน เดี๋ยวเธอมาส่งฉันที่บริษัทด้วยนะ” สมเจตน์บอกลูกสะใภ้ เธอก็เดินนำไปที่รถ ซึ่งจอดไม่ห่างจากรถผู้บริหารทั้งหลาย เพราะสมเจตน์สั่งไว้แล้วถ้าลูกสะใภ้เขาเอารถมาให้เอารถไปจอดที่จอดรถลูกค้าวีไอพี

มินตราขึ้นไปนั่งด้านคนขับ ขณะที่สมเจตน์ก็ขึ้นด้านข้างคนขับ จากนั้นมินตราก็ออกรถไปตามที่สมเจตน์บอกทันที เธอไม่ได้ขับรถนาน จึงเปิดระบบแนะนำเส้นทางในรถไว้ตลอดเวลา และโรงแรมที่ว่าก็อยู่ไม่ห่างไกลนัก เมื่อจอดรถแล้วก็ลงไปพร้อมกัน

มินตราเดินข้างๆ สมเจตน์แต่เยื้องมาทางด้านหลัง ไม่ตีเสมอ แต่ท่าทางสง่าของเธอก็ทำให้คนสนใจมองได้ บางคนจำเธอได้จากหนังที่เพิ่งฉายไปก็เข้ามาทัก

“มินตราใช่ไหมคะ” ผู้หญิงรุ่นเดียวกันคนหนึ่งเดินเข้ามาทักทาย มินตราก็ยิ้มให้แล้วพยักหน้าช้าๆ พยายามเดินตามสมเจตน์ ทำให้คนอื่นหันไปมองสมเจตน์ด้วย ท่าทางของสมเจตน์ก็บอกแล้วว่าเป็นคนมีฐานะดี แม้จะมีคนรู้จักว่าเป็นไฮโซแต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมดที่จะรู้

“ขอตัวก่อนนะคะ มาทานอาหารกับพ่อสามีค่ะ” มินตราต้องอธิบายกลัวว่าจะเกิดคำถามอีก และไม่อยากเสียมารยาทกับคนที่เข้ามาทัก

“อ๋อค่ะ อยากขอลายเซ็นค่ะ หนังเรื่องล่าสุดสนุกมากนะคะ” ผู้หญิงคนเดิมหาปากกากับกระดาษใหญ่ เธอรู้สึกทึ่งความสามารถของดาราสาวชาวไทยที่ไม่เคยมีผลงานในประเทศ แต่ได้ไปไกลถึงฝั่งยุโรป แม้หนังจะหาดูยาก แต่เพราะมีข่าวคราวผ่านตามาบ้าง ก็อยากรู้ว่าคนไทยคนนี้เป็นนักแสดงที่มีคึวามสามารถหรือไม่ สุดท้ายถูกใจจึงติดตามผลงานมาตลอด

“เดี๋ยวเธอตามไปที่โต๊ะก็แล้วกัน” สมเจตน์บอกแล้วก็เดินไปที่โต๊ะตามกัปตันในห้องอาหารทันที

มินตราแจกลายเซ็นเสร็จก็จะขอตัว แต่ดูเหมือนจะไปได้ยาก ซึ่งเธอก็เกรงใจทั้งสองคน

“หนังฮ่องกงเรื่องที่ถ่ายเสร็จแล้วเมื่อไรจะเข้าเมืองไทยคะ” แฟนคลับคนเดิมยังถามต่อ

“ไม่ทราบกำหนดค่ะ รู้แต่ว่าฉายรอบสื่อที่ฮ่องกงในอีกประมาณสองเดือนข้างหน้า ขอตัวก่อนนะคะ” มินตรายิ้มให้อย่างเป็นมิตรอีกครั้ง แล้วถอยออกไปอย่างสุภาพ

มินตราแยกจากแฟนคลับแล้วก็กลับมานั่งที่โต๊ะ “ขอโทษด้วยนะคะ ไม่คิดว่าจะมีใครเข้ามาทักค่ะ”

“เป็นดาราก็ต้องมีคนเข้ามาทักเป็นธรรมดา” สมเจตน์บอกขณะมองเมนู แล้วบอกมินตรา “สั่งอะไรก็สั่งนะ ของฉันกินได้แต่พวกปลาต้ม พักหลังไม่กินพวกของทอด หมอเตือนน่ะ”

“อ๋อค่ะ” มินตราบอกแล้วก็สั่งของง่ายๆ มาทาน

“แค่นี้น่ะเหรอ” สมเจตน์ถามแล้วก็พยักหน้ากับบริกร

“ค่ะ เน้นมื้อเช้าค่ะ ก็อาหารหนักหน่อยค่ะ เที่ยงก็เบาลง เย็นก็ทานแต่ผลไม้แล้วเข้านอนเร็วหน่อยค่ะ หลังแท้งคราวนั้น พี่เคให้ดูแลสุขภาพหน่อยค่ะ ไม่อยากให้ตรากตรำ แล้วช่วงนี้ก็พยายามมีลูกกันอีกค่ะ หลังงานคุณแล้วก็จะกลับไปใช้เวลาอยู่ด้วยกันค่ะ” มินตราอธิบายความตามตรง เห็นว่าอีกฝ่ายแสดงท่าทีเอ็นดูเหมือนลูกเหมือนหลานก็เบาใจแต่ไม่ตีสนิท

“ไม่แสดงหนังแล้วเหรอ” สมเจตน์ถาม แล้วมองลูกชายคนเล็กกับคู่หมั้นเดินเข้าห้องอาหารมา โดยฝ่าคนที่เริ่มมาออหน้าทางเข้า

“ยังไม่ได้รับงานค่ะ รับเชิญอย่างเดียว อีกเดือนกว่าๆ จะกลับไปรับเชิญซีรี่ย์ในอังกฤษอีกค่ะ” มินตรามองทั้งสองที่มาใหม่ แล้วก็รอให้ผู้ใหญ่พูดก่อน

“ไม่คิดอยากจะเป็นนางเอกบ้างเหรอ เห็นแสดงเป็นแต่นางร้ายแล้วยังเปลืองตัวอีก” สมเจตน์ก็ชอบพูดตรงๆ อยู่แล้ว จึงถามอย่างสงสัย

มินตราก็หัวเราะนิดๆ สีหน้าน่ารัก ตอบอย่างไม่จริงจังนัก “แหม เลือกงานก็อดตายสิคะ เขาจ้างเป็นนางร้ายก็ร้ายได้ค่ะ เขาจะได้จ้างอีกค่ะ”

“คราวที่แล้วอ่วมเลยนี่ เอาฉากในหนังไปตัดต่อเสียหายหมด” โชติพูดขึ้นเพราะเขาก็ตามข่าวเหมือนกัน

“แต่ก็ฟ้องได้เงินมาเยอะค่ะ แล้วทางค่ายหนังก็เตรียมหนังไว้รออีกสองเรื่องค่า ข่าวครั้งนั้นทำให้หนังเป็นที่น่าสนใจ เขาก็ได้กำไรเยอะ ตอนนี้ยังไม่ได้รับ เพราะเพิ่งมีอุบัติเหตุที่ฮ่องกง ขอเขาพักฟื้นสักระยะ ดีที่หนังสองเรื่องนี้ เขายังวางแผนกันอยู่ ก็เลยแจกงานให้เล็กๆ น้อยๆ ค่ะ” มินตราเล่าความแล้วอาหารก็มาลงโต๊ะ ก็ค่อยๆ ทาน สายตาก็มองไปทางโน้นทางนี้ ไม่ได้จ้องมองใครเป็นพิเศษ

โชติกับหวานใจก็สั่งอาหาร บรรยากาศไม่น่าอึดอัดเท่าไรนัก คุยบ้างเงียบบ้าง ถ้าคุยตลอดคงมีปะทะฝีปากกันบ้างระหว่างสมเจตน์กับโชติ แต่มินตรานั้นไม่ขอมีปัญหา จึงเงียบเสียมาก แสดงความเห็นบ้างตามสมควร

“นี่วางแผนจะอยู่นานไหม” สมเจตน์ถามไปตามเรื่อง ไม่แสดงท่าทีสนใจเป็นพิเศษ เดี๋ยวจะต้องร้เอนทะเลาะกับศรีภรรยาอีก

“พักใหญ่ค่ะ ช่วยน้องชายดูกิจการก่อนค่ะ เผื่อต้องการใช้เงิน จะได้จ่ายให้ค่ะ” มินตราบอกแล้วก็ยิ้มใสซื่อตามเคย ในเวลานี้ก็เรียกว่าไม่น่าเชื่อที่เธอได้รับแต่บทนางร้ายเท่านั้น เพราะยังไง ก็ดูอ่อนหวานนิ่มนวล มองแล้วทำให้ใจเย็นได้

“จริงสิ ไม่โกรธเหรอที่คราวก่อนฉันให้ทนายฟ้องแม่เธอน่ะ” สมเจตน์นึกได้ก็ถาม แต่ก็ยิ้มนิดๆ ขำเมื่อนึกถึงท่าทีของพ่อแม่หล่อนแล้วก็ตลกไม่น้อย ตอนนั้นเขาทำท่าขึงขังมาก ขู่เสียอยู่หมัด

“โธ่ คุณพ่อจะพูดทำไมให้เสียบรรยากาศล่ะครับ” โชติรีบไกล่เกลี่ย ไม่อยากให้มินตรารู้สึกแย่และขายหน้า

“ไม่เป็นไรค่ะ ไม่โกรธค่ะ ดีเสียอีก เพราะสุดท้ายแล้วคุณก็ไม่ได้จะฟ้องเอาเงินจริงๆ แค่จะสั่งสอนแม่ฉันเท่านั้น ฉันต้องขอบคุณ เพราะการที่คุณทำแบบนั้นทำให้แม่คิดได้ รู้จักคิดก่อนพูดค่ะ ที่สำคัญตอนนี้ครอบครัวฉันเข้าใจกันดีแล้ว น้องๆ ก็ช่วยการสร้างฐานะเอง ฉันเสียอีก เมื่อก่อนมีแต่ให้ ให้จนทำให้เสียนิสัยค่ะ” มินตราเข้าใจในจุดนั้น และรู้สึกว่าเหตุการณ์นี้ทำให้ครอบครัวเธอพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น

“แล้วตอนนี้ให้ไปไม่ทำให้เสียนิสัยเหรอ” สมเจตน์รีบห้ามลูกชาย เริ่มรำคาญที่ขัดคออยู่ตลอด “แกอย่าเสือกได้ไหม ถ้าแกเงียบไม่ได้ ไปนั่งโต๊ะอื่นเถอะไป พ่อจะคุยกับลูกสะใภ้ ไม่ได้อยากฟังแกกวนประสาท”

“ก็ได้ครับ” โชติแอบถอนหายใจแล้วเงียบแทน เห็นหวานใจนิ่งเงียบก็รู้ว่าไม่มีข้อมูลจะคุย เลยหันมาเอาใจแฟนสาวแทน

“ไม่แล้วค่ะ เพราะตอนนี้ทุกคนได้เรียนรู้ที่จะรับอย่างมีสติค่ะ” มินตราบอกเล่าแล้วทานอาหารของตนเอง

“นี่ซื้อให้เป็นชื่อพ่อแม่กับน้องเลยเหรอ” สมเจตน์ถามอย่างสงสัย แต่ก็ไม่จริงจังนัก

“เปล่าค่ะ ตึกที่ซื้อก็ซื้อในชื่อของฉัน ยกเว้นรถกับบ้านค่ะ บ้านสร้างให้พ่อแม่ใหม่ รถก็ให้น้องไว้คนละคัน น้องอีกคนยังอยู่บ้านพ่อแม่ จะได้คอยดูแลพ่อแม่ น้องอีกคนเฝ้าที่บ้านให้ค่ะ ก็เลยซื้อให้เผื่ออยากขับของตัวเองบ้างค่ะ” มินตราเล่าความ เพราะเธอก็เห็นว่ามีอะไรเปลี่ยนไปมากแล้ว

“รวยใหญ่แล้ว” โชติพูดขึ้นออกแนวพูดเล่น

มินตราก็ไม่ถือสาอะไร แล้วบอกเล่าตามความจริง “ต้องขอบคุณพี่เคค่ะ มีทุกอย่างได้ก็เพราะพี่เค แล้วก็ขอบคุณคุณสมเจตน์ด้วย ที่กรุณาซื้อบ้านให้อยู่ แต่ก็อีกนั่นแหละค่ะ ถ้าไม่มีพี่เค คุณสมเจตน์ก็คงไม่ซื้อบ้านให้”

โชติได้ฟังก็หน้าตึงขึ้นมาทันที เหมือนที่ผ่านมาคบหากับเขา ไม่เคยทำให้ชีวิตเธอดีขึ้น จึงพูดแก้บ้าง “อย่าลืมสิ พี่เป็นคนเสนอให้มินต์ได้ไปอังกฤษนะ”

สมเจตน์ถอนหายใจยาว เมื่อลูกชายรื้อเรื่องเก่ามาพูดต่อหน้าคู่หมั้นไฮโซด้วย จึงเปลี่ยนเรื่อง “ว่าแต่มีกำหนดกลับอังกฤษแล้วล่ะสิ”

“ใช่ค่ะ แต่ต้องรอแวะฮ่องกงก่อนค่ะ ต้องไปเปิดตัวหนังที่นั่นค่ะ” มินตราบอกและโล่งใจที่สมเจตน์ไม่พูดถึงเรื่องเธอกับลูกชายคนนี้

“ดีแล้วล่ะ สามีภรรยาสมควรอยู่ด้วยกัน” สมเจตน์เน้นแล้วสบตาลูกชายคนเล็กไม่ให้พูดมาก

หวานใจมองแล้วแปลกใจ รู้สึกว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากล ติดที่รู้สึกเป็นคนนอกวงสนทนา จึงไม่ถามมากความอะไร ปล่อยให้ทั้งสามคุยกันเอง เพราะแม้แต่คนรักยังไม่มีช่องให้พูดคุย

“ก็คงอีกพักค่ะ ยังวุ่นเรื่องงานกันอยู่ พี่เคเขาเพิ่งเริ่มต้นอาชีพของเขา เขาก็เลยงานยุ่งสักหน่อยค่ะ” มินตราอธิบายความ เมื่อนึกถึงสามีก็ยิ้มออก คิดถึงเขาทุกวัน เขาสะดวกเมื่อไรถึงได้คุยกัน

“ได้ยินว่ามันไปทำงานที่ปารีส ทำไมที่อังกฤษไม่มีโอกาสเหรอ” สมเจตน์ถามอย่างสงสัย เพราะเจ้าลูกชายไม่เคยอธิบายดีๆ

“มีปัญหากับบางคนที่อังกฤษค่ะ เลยถูกกลั่นแกล้ง พี่เคเขาเลยไปที่ฝรั่งเศสแทนค่ะ” มินตราอธิบายให้ผู้ใหญ่เข้าใจ รู้ว่าสามีไม่ค่อยบอกพ่อดีๆ สักที

“นิสัยกวนประสาทอย่างมัน ไม่แปลกใจเลยที่ไปมีเรื่องกับเขา แล้วนี่งานการเดินหน้าแล้วเหรอ” สมเจตน์ถามเหมือนไม่ใส่ใจ แต่ก็นึกห่วงอยู่บ้าง

“เริ่มมีคอนเสิร์ตเข้ามาแล้วค่ะ เห็นว่ากำลังจะเข้าร่วมวงออเคสตร้า เพื่อทำโปรเจคกับค่ายเพลง แล้วที่ค่ายหนังอังกฤษก็จ้างเล่นเพลงประกอบหนังอัตชีวประวัติของนักเปียโนค่ะ ถือว่าไปได้ดีค่ะ” มินตราเล่าความแล้วมีความสุขกับความสำเร็จเล็กๆ

“ถือว่าก้าวหน้าพอควร สำหรับคนอายุอย่างมัน แบบนี้ก็หมดห่วง” สมเจตน์เสียดายอยากให้ลูกชายคนโตมาดูแลงาน แทนเจ้าลูกชายคนเล็กที่ไม่ค่อยเอาไหนเท่าไรนัก

มินตราเพียงยิ้มเท่านั้น แล้วรับสายจากคิลเลี่ยน “ค่ะ เรียบร้อยดีค่ะ ยังไม่นอนอีกเหรอคะ ทานข้าวอยู่กับพ่อพี่ค่ะ”

“ทานข้าว? เสือใหญ่ไม่ชวนใครกินข้าวโดยไม่มีสาเหตุหรอกนะ ระวังให้ดี” คิลเลี่ยนเตือน ก่อนอธิบาย “พี่ยังไม่ได้นอนเลย นี่เพิ่งไปฝึกซ้อมร่วมกับวงแล้วกลับมา แล้วพี่ก็จะไปอังกฤษด้วย เรื่องของไอ้ชาร์ลีนั่นแหละ”

“นอนก่อนเถอะค่ะ พี่เค เดี๋ยวมินต์ทานเสร็จแล้วจะกลับบ้านค่ะ ไม่ต้องกลัวว่ามินต์จะเถลไถลไปไหนนะคะ” มินตราพูดแล้วหัวเราะอย่างมีความสุข ลืมการทานอาหารไปเลย

“กลัวสิ เดี๋ยวเมียหาย ใครจะรับผิดชอบล่ะ เมียจ๋า” คิลเลี่ยนหยอดคำหวานอีกเล็กน้อย แต่เขาไม่เคยบอกรักมินตรา เช่นเดียวกับมินตราที่ไม่เคยบอกรักเขา “พี่น่ะคิดถึงเมียพี่ นะจ๊ะ เมียจ๋า”

“บ้าน่า พี่เค” มินตราหัวเราะ แล้วเห็นโชติไม่พอใจ

“บ้าอะไรล่ะ ไม่คิดจะบอกคิดถึงพี่หน่อยหรือไง หรือแอบมีใครกิ๊กกั๊กไว้ ถึงไม่อยากบอกคิดถึงสามีฮึ” คิลเลี่ยนก็พูดล้อ อย่างมินตราเป็นคนซื่อสัตย์เสมอ เรื่องนอกใจคงยาก

“บ้าน่า กิ๊กกั๊กอะไรคะ ไม่มีหรอกค่ะ แต่อยู่กับพ่อพี่นี่ จะให้พูดจริงๆ เหรอคะ” มินตราถามเสียงค่อยๆ เกรงใจพ่อเขา ส่วนโชติเธอไม่สน ออกสะใจนิดๆ ด้วยที่เขาร้อนใจกับเรื่องของเธอ

โชติหมั่นไส้มาก อยากจะพูด แต่พ่อเขาจ้องแล้วส่ายหน้า อีกทั้งมีหวานใจอยู่ข้างๆ จึงทานอาหารตัวเองต่อ และหันไปเอาใจหวานใจกลบเกลื่อน

“บอกคิดถึงสามีเนี่ย ไม่ต้องเกรงใจใครหรอกจ๊ะ” คิลเลี่ยนหัวเราะนิดๆ เพราะภรรยาอึกอักไม่บอกสักที สุดท้ายเธอก็บอกค่อยๆ ท่าทางคงกำลังอายมาก เขาก็ยอมแพ้ทั้งความง่วง ทั้งเห็นใจภรรยา “ขับรถกลับดีๆ นะ เมียจ๋า”

“ค่ะ” มินตราตอบแบบอายๆ หน้าแดงเพราะไม่คิดว่าต้องมาบอกเขาแบบนี้ต่อหน้าพ่อเขา ถอนหายใจแล้วหน้าแดง จึงยกมือลูบแก้มตัวเองเล็กน้อย นึกถึงตอนที่เขาหอมแก้มอย่างหนักหน่วง

“หวานกันจริงๆ นะคะ คุณมินต์” หวานใจพูดขึ้นแล้วยิ้มอย่างแปลกๆ “แต่งงานกันมาตั้งนานยังหวานกันได้อย่างนี้ อีกนะคะ โชคดีมากเลยค่ะ”

มินตรายิ้มให้อย่างไม่คิดมาก แต่สมเจตน์รู้ว่าหวานใจพูดประชด เขาก็ไม่อยากจะยุ่ง เพราะยังไงหวานใจก็ลูกเพื่อนเขาและอนาคตก็จะเป็นสะใภ้เขาอีก

“ร้านเป็นไงบ้างล่ะ หนูหวาน” สมเจตน์ถามถึงร้านเพชรของเพื่อนเขาเพื่อเปลี่ยนเรื่อง

“ดีมากค่ะ ถึงจะเป็นช่วงขาลงของเศรษฐกิจไทยก็ตามค่ะ ก็เพราะมีเส้นสายเยอะค่ะ ทำให้ไม่แย่เหมือนคนอื่น” หวานใจบอกเล่าและภาคภูมิใจกับครอบครัวของตนเองมาก

มินตราไม่ได้สนใจฟังเลย เธอทานอาหารและมองไปรอบๆ สบตากับโชติที่มองเธอไม่วางตา แม้ปากจะเหมือนกำลังคุยกับคนอื่น พอเห็นอย่างนั้นแล้ว มินตราก็เรียกหาของหวานต่อเลย

“ดีจังเลยนะคะ กินแล้วไม่กลัวอ้วนด้วย” หวานใจได้ฟังสิ่งที่มินตราสั่งแล้วก็ทัก

“ชอบออกกำลังกายค่ะ ตั้งใจว่าเสร็จแล้วจะขึ้นลู่วิ่งสักสองชั่วโมงค่ะ” มินตราตอบแบบซื่อๆ

“แหม ว่างจังนะคะ ฉันไม่ค่อยมีเวลาว่างอย่างนั้น เลยไม่กล้าทานเหมือนคุณน่ะค่ะ” หวานใจพูดประชด เหมือนกับมินตราเป็นคนไม่รู้จักทำงาน

“ช่วงนี้ว่างค่ะ ยังไม่ค่อยได้รับงานเท่าไร ปกติฉันไม่ใช่คนช่างกินอยู่แล้ว แล้วก็ชอบออกกำลังกายด้วยค่ะ ทำให้ร่างกายสดชื่น มีชีวิตชีวา เลยไม่เป็นโรคออฟฟิตซินโดรมน่ะค่ะ” มินตรายังคงอธิบายตามประสาซื่อเช่นเดิม

หวานใจก็หัวเราะเยาะเย้ย เพราะอีกฝ่ายฟังสิ่งที่เธอประชดไม่ออก ใสซื่อเสียจนรู้สึกว่าหล่อนซื่อบื้อเสียจริง ถึงต้องเกาะติดสามีตลอดเวลา

“เวลายุ่งก็คงยุ่งมากสินะ” สมเจตน์ช่วยแก้แทนให้ ไม่ค่อยชอบใจคนพูดเหน็บแหนมที่ชอบแสดงท่าทีเยาะเย้ยคนไม่รู้เรื่องเท่าไร ถ้าพูดกับคนรู้เรื่อง เขาว่าดูน่าสนใจ เพราะฉลาด แต่กับมินตราดูซื่อๆ ไม่มีพิษภัย ไม่ควรไปก่อความวุ่นวายให้

“ยุ่งมากจริงๆ ค่ะ ถ่ายทำข้ามวันข้ามคืนเลยค่ะ วันไหนเว้นช่วงไม่ถ่ายทำก็หลับเป็นตาย แล้วพอถ่ายอีกก็ยังรู้สึกว่าพักไม่พอเลยค่ะ” มินตรายังคงพูดจาประสาซื่ออยู่

“ผมว่าสั่งของหวานกันดีกว่านะครับ” โชติรับพูดขึ้น เพราะกลัวว่าแฟนสาวจะพูดอะไรกระทบมินตราอีก ทีนี้คนไม่พอใจอาจจะเป็นพ่อเขาก็ได้

มินตราไม่เฉลียวใจสักนิด ก็ส่งเมนูให้ ขณะที่สมเจตน์ส่ายหน้า มินตราจึงส่งให้โชติแทน โชติก็รับมาแล้วสั่งทานแบบง่ายๆ จะได้ไม่ต้องมีเรื่องอะไรอีก จนกระทั่งทานของหวานเสร็จแล้วก็ไม่มีเรื่องต้องคุยกันอีก

“แกจะไปไหนหรือเปล่า” สมเจตน์ถามลูกชาย เพราะเขาก็ขี้เกียจกลับออฟฟิศแล้ว

“ส่งหวานใจแล้วก็จะกับบริษัทแหละครับ ทำไมเหรอ” โชติบอกพ่อแล้วมองพ่อเพื่อรอคำสั่ง

“เปล่าไม่มีอะไร พ่อกำลังว่าจะไม่เข้าบริษัทแล้ว มีอะไรสำคัญก็โทรไปแล้วกันนะ” สมเจตน์บอกลูกชายแล้วเดินนำลูกสะใภ้ไป

มินตราฟังแล้วรู้สึกแปลกๆ ก่อนถาม “คุณจะให้ฉันไปส่งที่ไหนคะ”

สมเจตน์หัวเราะแล้วส่ายหน้า “ไม่ต้องหรอก ฉันพึ่งนึกขึ้นได้ว่ามีธุระน่ะ”

มินตราส่ายหน้าช้าๆ คว้ากุญแจรถให้ “คุณไม่ควรจะใช้บริการรถสาธารณะหรอกนะคะ อันตรายมากสำหรับนักธุรกิจอย่างคุณ เอารถไปค่ะ เดี๋ยวฉันจะไปเดินเล่นที่ห้างแล้วให้น้องชายมารับ แล้วถ้าคุณใช้รถเสร็จแล้วก็ให้คนโทรมาบอกค่ะ ฉันจะไปรับที่บ้านเอง”

สมเจตน์มองมินตราอยู่พักก่อนรับกุญแจมา “งั้นฉันไปส่งเธอก่อน ค่อยไปธุระของฉันก็แล้วกัน พ่อไปก่อนนะ โชติ หนูหวานด้วย”

โชติกับหวานใจต่างก็ยกมือไหว้ลา แม้โชติจะงงๆ อยู่บ้างที่พ่อบอกว่ามีธุระ

“ไว้พบกันใหม่ค่ะ” มินตราแค่บอกลาแต่ไม่ไหว้โชติ แล้วเดินตามสมเจตน์ไป

โชติได้แต่มองตา ไม่รู้ว่าพ่อเขาจะไปที่ไหน ยากจะเดาเพราะอยู่ๆ พ่อก็คิดจะไปเฉยๆ โดยไม่อธิบายอะไร ถ้าไม่มีหวานใจ เขาคงรับหน้าที่ไปส่งพ่อเขา หากมองมินตราเดินตามหลังพ่อแล้วให้นึกสงสัย ถ้าพ่อเขายังเป็นเสือผู้หญิงเหมือนเคย ลูกสะใภ้อย่างมินตราคาดว่าคงไม่พ้นพ่อเขาแน่

หรือโอกาสนั้นจะเกิดขึ้นแล้ว...


**********************************

สวัสดีค่ะ คุณผู้อ่านทุกท่าน
ณ บางอารมณ์ก็อยากให้ชีวิตสงบ
ด้วยอายุที่เพิ่มสูงขึ้น แต่ถ้าพายุสงบ...นิยายก็จบเท่านั้นค่ะ
หนทางพิสูจน์ความรักกันต่อไป ^^
ขอบคุณที่ติดตามนิยายนะคะ
ดูแลสุขภาพด้วยค่ะ

แฟนเพจคือ https://www.facebook.com/plerngwaree
แอดเพื่อนได้ที่ https://www.facebook.com/plerngwareebz

ขอบคุณคอมเม้นจาก
พี่ตุ้งแช่ - ให้คู่แฝดเขาคุมกันเองค่า ^^
คุณน้องแสตมป์ - น่าจะสำนึกแล้วค่ะ เจอเรียกไป 50 ล้าน สยอง
คุณนักอ่านเหนียวหนึบ - สู้ๆๆๆ ค่า
คุณkonhin - ใช่ค่ะ ไม่อยากได้ก็มี อยากได้กลับไม่มี
คุณใบบัวน่ารัก - ปัญหามีไว้แก้ค่า อิอิ

คุณนอนดูดาว - 555+ ยังไงบริษัทเกมก็มีลูกค้าใหม่ๆ เรื่อยๆ แหละค่ะ

ป.ล. อ่านแล้วรักชอบนิยายเรื่องนี้ อย่าลืมกดไลค์นะคะ
ถ้าได้ตีพิมพ์ จะเอารายชื่อคนที่กดไลค์นี่แหละค่ะ
มาจับฉลากแจกหนังสือค่ะ อยากให้คนที่อ่านได้จริงๆ ค่ะ

ป.ล. ขอความร่วมมือ "งด" ช็อป e-Book จากทาง Ookbee นะคะ
เนื่องจากยังสงสัยอยู่ว่า ทำไมยอดดาวโหลดกับยอดที่เขาให้ไปวางบิลไม่ตรงกันค่ะ
ยังไม่ได้ถามไป แต่มันไม่ควรจะเป็นแบบนั้นนะคะ
เมื่อสงสัยขอหยุดการซื้อจากทางนั้นนะคะ
ขอบพระคุณที่เข้าใจค่ะ

**********************************
eBooks ผลงานที่ผ่านมานะคะ
1. ด้วยหัวใจ...พันรัก (229 บาท / 9.99$)
- http://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NjoiMjM5MjY5IjtzOjc6ImJvb2tfaWQiO3M6NDoiNDQ2NiI7fQ
- http://www.ebooks.in.th/ebook/13221/ด้วยหัวใจ...พันรัก

2. เราสามคน..หนทางเดียว (159บาท / 6.99$)
- http://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NjoiMjM5MjY5IjtzOjc6ImJvb2tfaWQiO3M6NDoiNDQyNyI7fQ
- http://www.ebooks.in.th/ebook/13203/เราสามคน..หนทางเดียว

3. ตามตะวัน ณ จันทร์พันดาว (159฿ / 6.99$)
- http://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NjoiMjM5MjY5IjtzOjc6ImJvb2tfaWQiO3M6NDoiNDQ2OSI7fQ
- http://www.ebooks.in.th/ebook/13231/ตามตะวัน_ณ_จันทร์พันดาว

4. แผนร้ายในทางรัก (139บาท / 5.99$)
- http://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NjoiMjM5MjY5IjtzOjc6ImJvb2tfaWQiO3M6NDoiNDI2MyI7fQ
- http://www.ebooks.in.th/ebook/13179/แผนร้ายในทางรัก

5. ผูกพัน...เข้าใจ...สายใยแห่งเรา (129บาท / 5.99$)
- http://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NjoiMjM5MjY5IjtzOjc6ImJvb2tfaWQiO3M6NDoiNjMzOCI7fQ
- http://www.ebooks.in.th/ebook/16015/ผูกพัน...เข้าใจ...สายใยแห่งเรา/



เพลิงวารี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 9 มี.ค. 2557, 13:44:45 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 9 มี.ค. 2557, 13:44:45 น.

จำนวนการเข้าชม : 1950





<< Crying Villain ตอนที่ 12   Crying Villain ตอนที่ 14 >>
นักอ่านเหนียวหนึบ 9 มี.ค. 2557, 14:35:10 น.
ทิ้งท้ายไว้แบบนี้ กลัวใจตาลุงสมเจตน์เลย
มินตราสู้ๆ น้าาาาาา เธออย่าโดนใครทำร้ายได้อีกเล้ยยยยยย
สงสารคนดีๆ จิงๆ


konhin 10 มี.ค. 2557, 04:29:15 น.
ทิ้งท้ายได้น่ากลัว ขอให้เป็นแค่ความคิดของโชคคนเดียวแล้วกัน


ตุ๊งแช่ 10 มี.ค. 2557, 08:25:09 น.
อืม ยังจะโชคร้ายอีกเหรอ ไมมั้ง


ใบบัวน่ารัก 10 มี.ค. 2557, 15:09:45 น.
โดนพ่อตัวเองตีท้ายครัวแน่ๆๆ
ยิ่งซื่อๆๆอยู่
สาวสวยโลกสวยงาม


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account