สิเน่หา...ยอดดวงใจ
260 ปี มันช่างนานแสนนานเหลือเกินกับการต้องรอคอยพบเจอะเจอหญิงสาวอันเป็นนิมิตรหมายในห้วงอันคลั่งแค้นแสนสะสมมานานเป็นร้อยๆ ปีคริสต์ศักราช

แนะนำตัวละคร

ดานิล วาดิติน อเล็กซานดรูว์ บุรุษมหาเศรษฐีเก่าแก่ลึกลับตระกูลหนึ่งของรัสเซีย ทรัพย์สินที่มีไว้ครอบครองมีค่ามากกว่าเมืองหนึ่งๆ ของรัสเซียเลยทีเดียว

ในอดีตชื่อ Anna Mikhailov

ปัจจุบันชื่อ อันนา วรเวช สาวน้อยวัยยี่สิบสองปี ที่ต้องมาจมปลักทนทุกข์ เมื่อกำลังเดินทางมายังเมืองมอสโกแห่งรัสเซียแล่นสู่คฤหาสน์วาติดิน ใน ฐานะ ภรรยาของดานิล วาดิตินวัยหกสิบปี อันนาเข้าใจว่า ดานิลคือชายชรา ก้าวแรกที่เข้ามาได้พบเขา อันนาก็ต้องตกใจ ไหนจากบ้านของเธอบอกว่า ดานิล วาดิติน อายุหกสิบปีแล้ว คนที่เธอเห็นตรงหน้ากลับเป็นชายหนุ่มเรือนร่างกำยำหล่อเหลาไร้ที่ติ แต่ดวงตาคู่คมกริบที่จ้องมองเธอนั้นกลับน่ากลัวเหลือเกิน คำแรกที่ดานิลเอ่ยกับอันนา คือ คำสั่ง เป็นคำสั่งที่อันนาแทบมึนงุนงง ไม่เข้าใจเสียจริงๆ เขาต้องการให้เธอค้นหาหัวใจของเขาที่หายไป...

Tags: รักโรแมนติกพาฝัน,ซึ้งกินใจ,สิเน่หา...ยอดดวงใจ

ตอน: บทที่ 7 สิ่งที่หลีกหนีไม่พ้น

(Rafael Lazzini)
กริ๊ซๆ ภาพอิมเมจหนุ่มมาร์ตินนี่ หล่อม๊าก >__<

บทที่ 7 สิ่งที่หลีกหนีไม่พ้น

ก๊อกๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นสองสามครั้ง ก่อนจะถูกเปิดออกอย่างช้าๆ เจ้าแมวเรเวนหันมาสนใจทันที เมื่อเห็นร่างของเจ้านายหนุ่มเดินเข้ามาหา

“ชู่ว์” ดานิลส่งเสียงเตือนให้เจ้าแมวเรเวนทำตัวเงียบๆ เอาไว้ ด้วยการลูบหัวเบาๆ ก่อนมันจะเลิกใส่ใจเจ้านายตนเอง ดานิลยิ้มกริ่ม เมื่อพยายามค่อยๆ ก้าวเข้ามาใกล้ๆ แม่สาวน้อย ซึ่งยังคงนอนโทรมป่วย ด้วยพิษไข้จากน้ำทะเลอันเย็นยะเยือก

“คุณยาย...” เธอขานชื่อเรียกหาเมดวัยชรา พลันพยายามปรือดวงตาให้ชัดขึ้น แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งตกใจที่สุด มือหนารีบคว้ารวบผ้าห่มขึ้นมาห่มกอด ป้องกันภัยคุกคามอยู่ตรงหน้า

“ขะ...เข้ามาทำไม!” เสียงหวานแหบแห้งราวกับขาดน้ำร้องถาม ดานิลถอนหายใจเฮือกหนึ่งเบาๆ ก่อนจะเอาก้นนั่งบนเตียงนอนของเธอ เสมือนว่าเขาเป็นเจ้าของทุกอย่างในห้องนี้

“ส่งมือมาสิ” เขาสั่ง หญิงสาวแทบสายหน้าไม่ยอมทำตามเด็ดขาด

“ข้าไม่ได้คิดจะหักมือเจ้าทิ้งหรอกน่า...ช่วยส่งมือมาให้สักข้างหน่อยเถอะ” อันนายังไม่ไว้ใจ เขากำลังอะไรกันแน่ ดานิลต้องพ่นลมหายใจทิ้งเป็นรอบที่สอง แล้วขยับร่างโตเข้ามาหาหญิงสาวใกล้มากกว่าเดิมอีก หญิงสาวแทบถอยหนีออกห่างๆ เช่นกัน

“มีแรงหนีได้ ท่าทางจะหายป่วยแล้วล่ะมั้ง” เขาพูดประชด และหงุดหงิดกับอากัปกิริยาของฝ่ายหญิง เพราะเขาแค่อยากจะตรวจดูอาการไข้นิดๆ หน่อยๆ เท่านั้นเอง

“งั้น...ก็ลุกไป ทำงานต่อแล้วกันนะ” อันนาแทบตาโต กับชายหนุ่มจอมเผด็จการมากที่สุด ผู้ชายอะไรน่ากลัวก็น่ากลัว แถมยังโหดอีกด้วย

“หัวใจของข้า เมื่อไรเจ้าจะตามหา...มันเจอสักที หือ!...”

“ฉะ...ฉันไม่รู้ค่ะ” อันนายังคงปฎิเสธเหมือนเคย หัวใจของเขา ซึ่งเธอเองก็ไม่รู้จริงๆ ว่ามันซ่อนอยู่ที่ไหน ทำไมมิสเตอร์ดานิลชอบถึงคาดครั้นถามเธอ ทุกวินาทีอย่างไม่มีข้อยกเว้นใดๆ นัก

“เอาล่ะ ตอนนี้ไม่รู้ แต่สักวันเธอก็ต้องจำมันได้ เพราะเธอหลีกหนีมันไม่พ้นหรอก” ดานิลพูดจากำกวมทิ้งท้าย เกี่ยวกับเรื่องตามหาหัวใจของเขา

“ท่านดานิลคะ จะเข้ามาหานายหญิง ทำไมไม่บอก ทาติน่าก่อนคะ” ดานิลแทบกรอกตาไปมา กับเมดวัยชราจอมขัดขวาง นางไม่คิดจะปล่อยให้เขาอยู่กับอันนา สองต่อสอง ให้นานกว่านี้หรือไง

“คุณยาย...” แม่สาวน้อยร้องหาผู้ช่วยทันที ที่มองเห็นร่างเมดคนแก่ ดานิลแทบหน้าขรึมอย่างหมดอารมณ์ แต่เขาก็ยอมลุกออกจากเตียงหญิงสาวโดยดี แล้วเดินจากห้องไปอย่างเงียบๆ เมดชราจึงเดินออกมาด้วย...เพราะรู้ว่าเจ้านายจะต้องสั่งงานอะไรสักอย่างแน่นอน

“ทาติน่า...ช่วงบ่ายๆ พาเธอออกไปเปิดหู เปิดตาหน่อยนะ มัวแต่นอนโทรมอยู่ในห้อง มันไม่ทำให้หายป่วยเร็วหรอกนะ” ดานิลเอ่ยสั่งงาน ทาติน่าจริงๆ ด้วย นางยิ้มก่อนจะขานรับ ทาติน่าดูออกว่า ท่านดานิลเองก็เป็นห่วงนายหญิงมากแค่ไหน



ด้านนอกคฤหาสน์วาดิติน หนุ่มมาร์ตินนี่ แอบเดินสำรวจกำแพงยักษ์อันล้อมรอบยาวอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ก่อนจะผุดรอยยิ้มอย่างคนมีหนทาง

“มีแค่กล้องวงจรปิด...หึๆ” เขารู้แล้วว่าจะแอบเข้าไปในคฤหาสน์วาดิตินได้อย่างไร การทำลายกล้องวงจรปิดและสร้างภาพเคลื่อนไหวขึ้นมาใหม่ เรื่องแค่นี้มันง่ายสำหรับเขานัก เพราะตอนนี้เป้าหมายที่เขาหันมาสนใจนั้น คือ ผู้หญิงชาวเอเชียที่อยู่กับท่านดานิล แค่พบเธอ...บางทีเธออาจจะช่วยเขาได้แน่นอน...และการพูดจาเศร้าๆ อมทุกข์หน่อยๆ ผู้หญิงก็เชื่อเขาหมดแหละ

“สวนดอกไม้ สวยจังเลยค่ะ คุณยายทาติน่า” อันนาได้ถูกชวนให้ออกมาจากห้องนอน หลังจากนอนโทรมจนหมดความสดใสชีวา และการได้เห็นสิ่งสวยงาม เช่นดอกไม้นานาพรรณ ทำให้เธอมีกำลังใจขึ้นมาเยอะเลยทีเดียว

“นายหญิงชอบไหมคะ ท่านดานิลปลูกเองด้วยนะ” เพียงแค่ดมดอกไม้เมืองหนาวไปนิดเดียว พอเอ่ยชื่อถึงคนที่ไม่อยากเห็น อันนาแทบยิ้มหุบลงทันใด เรียกเสียงหัวเราะจากคนแก่ได้ดีทีเดียว

“ดอกไม้เหล่านี้ นายหญิงแตะต้อง หรือดมได้ค่ะ ท่านดานิลไม่หวงหรอกค่ะ ไม่ต้องกลัวจะถูกทำโทษด้วยนะ คิกๆ” เจอเมดวัยชราบอก อันนาแทบค้อนให้ แม้จะกลัวเขาอยู่หรอก ผู้ชายหน้าดุคนนั้น มีมุมโรแมนติกกับคนอื่นด้วยเหรอ เขาชอบปลูกดอกไม้เนี่ยนะ เป็นไปไม่ได้หรอก อันนาคิดภาพ บางทีเขาคงยืนสั่งๆ แล้วให้ลูกน้องชุดดำ เป็นคนปลูกดอกไม้พวกนี้ให้มากกว่าละมั้ง

“เดี๋ยว นายหญิงไปนั่งคอยที่ศาลากลางสวนก่อนนะ ทาติน่าขอไปหาขนมอร่อยๆ กับน้ำผลไม้มาให้ทานดีกว่าค่ะ”

“ค่ะ” อันนากล่าวรับ เมดทาติน่าจึงเดินกลับไปยังคฤหาสน์ และการได้อยู่คนเดียวท่ามกลางสวนดอกไม้ หัวใจของเธอเกิดรู้สึกเศร้าลงทันตาเห็น เพราะการได้อยู่ที่นี่ เหมือนว่าเธอนั้นเป็นเพียงตุ๊กตาของเล่น เอาไว้ให้เขาระบายอารมณ์ใส่...อันนาอยากให้เขาทะนุถนอมเธอมากกว่านี้จัง...

“เอ๊ะ แล้วเราจะนึกถึงคนใจอสูร ทำไมเนี่ย” อันนา...พึมพำบอกกับตัวเองว่ากำลังผิดปกติไปหรือเปล่า

‘เจ้าเป็นภรรยาของข้านะ ข้ามีสิทธิ์ ที่จะชมเชยเจ้าได้ทุกเวลา’ จู่ๆ อันนาเกิดนึกไปถึงคำพูดของเขาอีก แม้กระทั้งคำสั่งที่เขาบอกให้เธอตามหาหัวใจของเขา

“จะมีเรื่องอะไรประหลาดมากว่าอีกไหมเนี่ย” อันนาคิดอยู่คนเดียวจนฟุ้งซาน กับชีวิตที่เหลือบนโลกแห่งนี้ ขนาดแค่จะหาหนี เธอก็ยังหนีไม่พ้นเลย

แกร็ก!!!

“นั่นใครคะ” อันนาสะดุ้งตกใจโหยง เหมือนจะยินเสียงอะไรบางอย่างแถวพุ่มดอกไม้นานาชนิดสวยงาม และรู้สึกเหมือนว่า กำลังถูกจ้องมอง...อย่างไงไม่รู้

“คุณยายหรือเปล่าคะ” อันนาเดินออกจากศาลาที่ประณีตสวยดูเก่าโบราณ ไม่คิดว่า เมดทาติน่าจะกลับมาเร็ว ๆ เพราะคฤหาสน์กับสวนดอกไม้แห่งนี้ ห่างไกลกันอยู่มิใช่น้อยๆ

“ออกมานะ ไม่งั้น ฉันจะร้องให้คนมาช่วย...” อันนาถามอย่างกล้าๆ กลัวๆ แม้ทุกคนคฤหาสน์วาดิติน จะรู้หมดแล้วว่าเธอมาอยู่ในฐานะอะไร

มาร์ตินนี่แทบยิ้มอย่างเจื่อนๆ ก่อนจะโผล่ใบหน้าออกมาให้หญิงสาวบนศาลาเห็น

“สวัสดีครับ คุณผู้หญิง ผมชื่อ มาร์ตินนี่ สเปโร่ ยินดีที่ได้รู้จักครับ” มาร์ตินนี่แนะนำตัวเอง ก่อนที่ฝ่ายหญิงจะร้องเรียกให้พวกบอดี้การ์ดชุดดำมาช่วย...ไม่สิมาจับเขาต่างหาก ทว่าเวลาช่างโชคดีเหลือเกินเขาไม่จำเป็นต้องบุกดงชายชุดดำของท่านดานิล เพื่อไปพบเธอ

“ขอโทษด้วยครับ ที่เข้ามากวนคุณผู้หญิง คุณจำผมได้ไหม...เราเคยเจอแล้วที่ห้องสมุดไงครับ” อันนาพยายามนึก ถ้าเรื่องเกี่ยวกับห้องสมุดในวันนั้น เธอแทบไม่ได้เห็นใบหน้าชายหนุ่มที่วิ่งอยากจะมาพบเจ้าของคฤหาสน์หรอกนะ เพราะน้ำตาของเธอได้บดบังภาพอื่นๆ ไปหมด

“เอ่อ...ค่ะ” อันนาตอบไปแบบเท่าที่จำได้ เขาเป็นชายหนุ่มรูปหล่อดูมีภูมิฐาน รอยยิ้มของเขา ชวนให้ผู้หญิงหลงใหลได้เลยทีเดียว

“เฮ้อ...ขอบคุณครับที่จำผมได้” มาร์ตินนี่โล่งอกที่สุด เป้าหมายกับติดกับของเขาแน่นอน

“คุณผู้หญิง...ชื่อ” มาร์ตินนี่ถาม ราวกับคุยกันปกติ ทั้งๆ ที่ เขาแอบย่องเข้ามาในเขตแดนอำนาจของตระกูลวาดิติน อย่างท้าทายความตาย...

“อันนาค่ะ อันนา วรเวช ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะ”

“อันนา...ชื่อเหมาะสมกับคุณมากครับ” มาร์ตินนี่พยายามชวนคุย เพื่อสร้างความสนิทสนม สายตาแกร่งพินิจมองดูหญิงสาว และร้องในใจว่าหน้าตาของเธอสวยไม่เบา ผู้หญิงเอเชียสวยแบบนี้หมดทุกคนหรือเปล่าหนอ...ทว่าอายุของเธอยังน้อยอยู่ด้วยหรือเปล่า หึๆ ท่านดานิลนิยมเชยชมลิ้มลองวัยละอ่อนหรือเนี่ย ช่างเข้ากับตำราโคแก่กินหญ้าอ่อน

“เอ่อ...คุณมาหา...เจ้าของที่นี่หรือคะ” แม้จะไม่พยายามนึกถึงดานิล สุดท้ายก็ต้องมีเรื่องให้วกวนเอ่ยถึงเขาจนได้สินะ

“โอ้...เปล่าๆ ครับ ผมมาหาคุณผู้หญิงนั้นแหละ” มาร์ตินนี่ สวนกลับอย่างไวเท่าความคิด เวลามีน้อยนั้นสิ อยู่นานมีหวัง...อาจจะถึงฆาตได้

“เอ๊ะ...”

“คือ ผมขอเข้าประเด็นเลยแล้วนะ ผมอยากให้คุณผู้หญิง ช่วยพูดกับท่านดานิลหน่อยครับ”

“อะไรนะคะ” แค่จะคุยกับจอมอสูรมิสเตอร์ดานิล เธอยังไม่กล้าเลยนะ

“ผมอยากเข้าทำงานกับท่านดานิลเหมือนเดิมน่ะครับ เอ่อ...ผมเพิ่งถูกท่าน...ไล่ออก” มาร์ตินนี่เริ่มตีใบหน้าเศร้าสลด

“ผมสำนึกผิดแล้ว...ผมอยากให้ท่านดานิล...พิจารณาอีกครั้งน่ะครับ”

“เอ่อ...ฉันคงช่วยคุณไม่ได้หรอกค่ะ ฉันเองก็ทำงานให้มิสเตอร์ดานิลเช่นกัน” อันนาพยายามบอก เธอไม่มีสิทธิ์ไปพูดจาต่อรองอะไรหรือช่วยเหลือใครกับท่านดานิลหรอก แค่ตัวเองยังไม่รอดเลย อันนายอมรับว่าเห็นแก่ตัว...เพราะชีวิตเธออยู่ที่นี่แทบจะไม่ใช่โลกของเธออยู่แล้ว และการยืนมือช่วยคนแปลกที่เพิ่งรู้จัก...ผลเสียนั้นย่อมตกมาที่เธอแน่ๆ เพราะอสูรใจร้ายอย่างมิสเตอร์ดานิล...

“โอ้พระเจ้า...อย่าเพิ่งตัดเพ้อ...แบบนั้น คุณผู้หญิง คุณความหวังของผม” มาร์ตินนี่ แทบคุกเข่าลงท่ามกลางสวนดอกไม้แสนหรรษา

“คุณมาร์ตินนี่” อันนาร้องตกใจ ไม่คิดว่าเขาจะวิงวอนเธอด้วยวิธีการย่างนี้

“ช่วยลุกขึ้นเถอะค่ะ มันไม่มีประโยชน์ที่คุณจะต้องทำแบบนี้ คุณก็น่าจะรู้ว่ามิสเตอร์ดานิล โหดร้ายแค่ไหนไม่ใช่หรือคะ” อันนาร้องบอก เธอไม่กล้าเดินไปหาเขา การได้อยู่ที่นี่สอนให้เธอรู้จักไม่ไว้วางใจใครๆ ทั้งสิ้น

“โหดร้ายหรือครับ” มาร์ตินนี่ เพิ่งจะได้ยิน อันนารีบเอามืออุบริมปากตนเองเอาไว้ เพราะพ้นบอกจิตใจช่วยร้ายเจ้าคฤหาสน์หลังโตที่นี่ ภัยเดือนร้อนอาจจะต้องตกมาที่เธออีกแน่ๆ

“แสดงว่า...คุณผู้หญิงนี่ไม่มีความสุขหรือครับ”

“เอ่อ...ช่างเถอะ...เดี๋ยวฉันทำงานให้เจ้าของที่นี่ได้สำเสร็จแล้ว ก็จะได้กลับบ้านแน่นอนค่ะ” อันนาพยายามปัดเลี่ยง และไม่คุยกับผู้ชายคนนี้แล้ว เขาทำให้เธอลำบากใจเหลือเกิน

“ผมอาจจะช่วยงาน คุณผู้หญิงได้นะ แผ่นดินนี้ ผมแทบรู้จักจนหมด” มาร์ตินนี่จนมุม เขาไม่รู้หรอกว่างานที่เธอทำ คือ งานอะไร

อันนาตาโตกับคำพูดของเขา ใช่แล้ว ทุกครั้งที่เธอต้องออกตามหัวใจให้มิสเตอร์ดานิล จะต้องมีผู้ช่วยเสมอๆ เจ้าเรเวนก็แทบคุยไม่รู้เรื่อง ถ้าผู้ช่วยคือท่านดานิลเอง เธอแทบตัวสั่นจนร้องไห้หลายๆ รอบ...แน่ๆ แววตาของอันนาหันไปมองชายหนุ่มมาร์ตินนี่ ราวกับมีแสงความหวังอันประหลาด

เหมียวๆ เจ้าแมวเรเวนส่งเสียงร้องขู่ฟ่อๆ ในห้องทำงานของดานิล ดวงตาคู่แกร่งพิโรษ เมื่อเห็นภาพนิมิตข้างหน้า แทรกฉายมายังโสตประสาทรับรู้

“วอนก้า! วอนก้า! นายปล่อยให้ไอ้มาร์ตินนี่ เข้ามาที่คฤหาสน์ได้อย่างไง!” ดานิลตะคอกคำรามใส่เครื่องวิทยุสื่อสารของวอนก้า

“(อะไรนะครับนาย...กล้องวงจรปิด ก็ไม่เห็นมีใครเข้ามาเลยนะครับ)”

“มันเจออันนาแล้ว วอนก้าได้ยินมั้ย! ที่สวนดอกไม้ หาคนไปจัดการไอ้เด็กเวรนั่นเดี๋ยวนี้!” วอนก้ารีบรับคำสั่งเจ้านาย พร้อมเร่งมือรวมพลชุดดำไปกำจัดผู้บุกรุก ช่างกล้าเข้ามายังเขตแดนวาดิตินอันแข็งแกร่งที่สุดในประเทศ

“ไอ้ระยำ!” ดานิลโทสะเดือดดาลที่สุด เขาอยากไปลงมือด้วยตนเอง แต่ทว่า มันอยู่ต่อหน้าอันนา ซึ่งเขาทำแบบนนั้นไม่ได้ จิตใจอ่อนไหวของอันนา ต้องวิ่งหนีเขาออกไปแน่ๆ แค่จะทำให้เธอรักได้ ยังยากเย็นยิ่งกว่าการสร้างบริษัทเครือยักษ์ในประเทศให้มีกำไรรุ่งเรืองมหาศาล

“เกิดอะไรขึ้นหรือคะ ท่านดานิล” เมดทาติน่า ตื่นตกใจ เมื่อเห็นบอดี้การ์ดชุดดำหลายสิบนายจับอาวุธอย่างครบมือ และท่านดานิลก็ยังเดินหน้าโกรธโมโห มาหานางถึงในห้องครัว

“ทาติน่า เจ้าปล่อยอันนาไว้คนเดียวได้อย่างไง”

“หา...นายหญิงเป็นอะไรไปหรือคะ ว้ายๆ ทาติน่า ขอโทษค่ะ ท่านดานิล” เมดชราตื่นตระหนก เมื่อเห็นแววตาคมแดงฉาน วายโรษจากเจ้านายเหนือชีวิต

“ไอ้มาร์ตินนี่ มันบุกเข้ามานั่นสิ” ดานิลบอกแค่นั้น ก่อนจะเดินหนีเมดวัยชรา ที่มือไม้สั่นผวา เพราะรู้ตัวว่าตนเองทำหน้าที่ผิดพลาด ปล่อยให้มีคนบุกรุกเข้ามายังคฤหาสน์ได้ เหตุการณ์แบบนี้มันไม่เคยเกิดขึ้น ตั้งแต่นางเติบโตจนอายุแก่เฒ่า

“ทาติน่า ขอโทษค่ะ ท่านดานิล” เมดชราก้มหัวลงอย่างสำนึกผิด...และกล่าวภาวนาให้นายหญิงปลอดภัยด้วย

ปังๆ

“โอ้พระเจ้า...ผมต้องหนีแล้วล่ะ” มาร์ตินนี่บอก ก่อนจะลุกขึ้นวิ่งหนีสุดชีวิต ด้านอันนากรีดร้องตกใจกับเสียงปืน เพียงกะพริบตา ร่างโตหนาที่ไม่อยากเผชิญก็โผล่มายืนเคียงข้าง...

“งามหน้ามากนะ อันนา” หญิงสาวกระโดดถอยหลังโดยไม่ได้สั่งร่างกาย เพราะว่าเขาปรากฏตัวขึ้นมา เหมือนในความฝันของเธอเลย อันนาผวาอย่างกลัวๆ เขาเป็นปีศาจจริงๆ ใช่ไหม มือหนาคว้าร่างบางที่กำลังถอยหนี

“ว้าย!” เธอส่งร้องได้แค่นั้น เพียงหลับตาภาพที่ยืนอยู่ก็เปลี่ยนไป ณ ตอนนี้ มันคือ ห้องนอนอันใหญ่โตในคฤหาสน์ เธอมาถึงที่นี่ได้อย่างไงกัน!

“ยังไม่ทันจะหายป่วย ก็ทำตัวร่านแล้วหรืออันนา!” คำพูดอันเสียดสีจากบุรุษอสูรใจมาร ทำให้เธอถึงกับอึ้งค้างอย่างเจ็บปวด

“หึๆ ไม่ต้องทำหน้าไม่เข้าใจเลย ที่รัก” ดานิลเดือดมาก เขาถึงกับบีบคางมนขึ้นมา เผชิญปะทะกับดวงตาแกร่งของตน อันนาตัวสั่นเทา อย่างรับรู้ว่าตนเองกำลังถูกลงทัณฑ์เยี่ยงไร ผลต่างๆ ที่เกิดขึ้น สุดท้ายมันย่อมตกลงมาที่เธอ ไม่ว่าจะถูกหรือจะผิด หรือยังไม่ได้ทำอะไรทั้งสิ้นก็ตาม

เธอได้ยินเสียงเมดทาติน่าทุบประตูห้องดั่งสนั่น นางพยายามจะช่วยอันนาหรือเปล่า ทว่าดานิลกลับไม่ใจอ่อนให้เมดชราเช่นกัน เพราะนางก็มีความผิดเต็มประดา

อันนาพูดไม่ออก...หยาดน้ำตาหยดแรกไหลอาบแก้ม โดยไม่ต้องสั่งการ และแล้วริมฝีปากหนาของดานิล พุ่งเข้ามาพรมจูบซับน้ำตาของเธอ...ร่างกายของหญิงสาวแข็งทื่อราวกับหิน

“อย่า...ได้โปรด...” เสียงหวานวิงวอนสะอื้นไห้ และคิดว่านี่คง คือ บทลงโทษจากมิสเตอร์ดานิลแน่ๆ แม้เธอจะไม่ได้ขัดขืนแต่อย่างใด เพราะความผิดครั้งนี้มันร้ายแรงเหลือเกิน...

“บอกมาสิ เจ้าคุยอะไรกับมัน...บอกข้ามาให้หมดนะ” ดานิลหยุดซับน้ำตาให้หญิงสาว ก่อนจะกระซิบถามที่ข้างหูของเธอ แม้ร่างกายของเขาจะสั่นสะท้านด้วยแรงโทสะ

“ขะ...เขา...อยากให้ฉันช่วย...” อันนาหวาดหวั่นหัวใจอย่างมาก...เธอแทบเรียบเรียงคำพูดตนเองไม่เป็นประโยค ยิ่งเจอรังสีแห่งอสูรร้าย กระทบเรือนร่างเธอจนยืนไม่ไหว ด้านของดานิลรับรู้...เขาจึงอุ้มเรือนร่างสาวน้อย พามายังเตียงนอนอันกว้างใหญ่ของตนเอง...อันนาผวาสุดเฮือก...น้ำตาแตกพร่ายิ่งกว่าเดิมกับการกระทำของชายหนุ่มแสนร้าย

“เจ้าอยากช่วยมันหรือเปล่า” ดานิลถาม เมื่อวางร่างบางแนบลงบนที่นอนนุ่มนิ่ม อันนารีบส่ายหน้าไปมาทั้งน้ำตา ขนาดไม่คิดจะช่วยชายหนุ่มที่ชื่อมาร์ตินนี่...ตอนนี้เธอก็กำลังไม่รอด...ดานิลยิ้มกริ่มกับคำตอบของอันนา...การที่เธอรีบปฎิเสธ เพราะกลัวเขามากกว่า สักวันหนึ่งพวกคำขอร้องของไอ้มาร์ตินนี่ อันนาจะต้องทำตามที่มันบอกแน่นอน...มือหนาลูบไล้อย่างช้าๆ บนใบหน้าหญิงสาวแสนหวงแหน แค่เห็นภาพยืนคุยกับชายชู้ในอดีต เขาก็แทบคลั่ง

เนื้อตัวของอันนา ร้อนดั่งเหมือนไฟเผาผลาญ ยิ่งเจอดวงตาแกร่งจากร่างโตจ้องมองอย่างไม่ยอมลดละ เธอจึงต้องเป็นฝ่ายหลับตาพริ้มหนีเสียเอง และเสียงตะโกนโหวกเหวกของเมดชรา แทบไม่ได้ยินเข้าในโสตประสาทรับรู้ของเธออีกต่อไป ตอนนี้ แสงแห่งความมืดกำลังครอบงำจิตใจของหญิงสาว...ดานิลดวงตากระตุกเบิกกว้าง พยายามกระชากตนเองออกจากไฟสิเน่หารอยตราที่เขาสร้างขึ้น

“ท่านดานิล” เมดชราผวาอย่างงุนงง เมื่อ จู่ๆ ประตูห้องกลับถูกสายลมซัดกระชากให้เปิดออกเอง

“ดูแลเธอด้วย ทาติน่า” ดานิลบอกแค่นั้นก่อนเดินเซ ออกจากห้องนอนไปให้โดยเร็วที่สุด ส่วนอันนานั้น เจอพิษไข้แทรกเล่นงานจนสลบไสลไปดื้อๆ แม้ร่างกายทั้งคู่จะเจออัคคีราคะครอบคลุมจิตใจ

“มันยังเร็วไป รอยตราอัคคี อย่าบังคับข้าเลย” ดานิลพึมพำคนเดียวในห้องทำงาน และรับผลข้างเคียงแห่งรอยไฟสิเน่หาที่มันรุนแรงขึ้นทุกที

ณ โรงแรมโกโรโกโส เกือบร้าง นอกเมืองอันหากไกลหูไกลตา

มาร์ตินนี่ หนีมาได้อย่างหวุดหวิด แค่ได้รู้จักผู้หญิงของท่านดานิล มันก็เกินคาดแล้ว อีกไม่นานสิ่งที่เขาปรารถนาอาจจะเป็นจริงขึ้นมาแน่ๆ ‘ความลับแห่ง วาดิติน อเล็กซานดวูร์’

‘คุณมาร์ตินนี่ จะช่วยงานฉันหรือคะ’

‘ครับผม’ มาร์ตินนี่ตอบอย่างมั่นใจ อยากรู้จังเลย งานอะไรหนอ ที่หญิงสาวเอเชียคนนี้ กำลังทำอยู่ตอนนี้

‘คุณผู้หญิง ช่วยเล่างานที่ทำ ให้ผมทราบได้ไหมครับ’ เขารีบถาม...เพราะบรรยากาศเริ่มมีความเคลื่อนไหวแปลกๆ

‘เอ่อ...มันอาจจะเป็นเรื่องเหลือเชื่อนะ คุณคงคิดว่า ฉันอาจจะพูดเรื่องบ้าแน่ๆ’

‘หึๆ เรื่องเหลือเชื่อ มันมักเกิดขึ้น กับความลับแห่งวาดิติน เสมอๆ ครับ’

‘เอ๊ะ’ หญิงสาวอุทาน มาร์ตินนี่แทบมั่นใจ และคิดไปว่า เธอนั้น กำลังทำงานให้ท่านดานิลชิ้นสำคัญแน่ๆ และอาจจะเป็นเรื่องเดียวกับของเขา

‘ผมว่า งานนี้ พวกเราอาจจะร่วมมือกันนะครับ บางทีสิ่งผมปรารถนากับงานของคุณผู้หญิงอาจจะเป็นสิ่งเดียวกัน’

ปัง! บ้าฉิบ! ไอ้พวกนั้นตามกลิ่นเจอได้แล้ว ขอตัวหนีก่อนแล้วกัน

“ไอ้ลูกเวร เลวระยำบรรลัย!” เสียงผู้เป็นพ่อของมาร์ตินนี่ บุกเข้ามาในรังซ่อนตัว

“มาถึงก็ด่าผมเลยนะครับ คุณพ่อ” มาร์ตินนี่โอดครวญอย่างน้อยใจ พ่อจะเห็นเข้าดีในสายตาบ้างไหม

“แค่ด่า ยังน้อยไปด้วยซ้ำ แกรู้ไหม พวกเราจะล้มละลายแล้ว ท่านดานิลเอาจริง คิดจะฆ่าพวกเราให้ตายทั้งเป็น!”

“อะไรนะ คุณพ่อ” มาร์ตินนี่ร้องถาม ด้วยความสงสัย

“ไม่ต้องทำเป็นตกใจ แกไปก่อคดีอะไรเอาไว้ล่ะ จนบริษัทของพวกเรา ถูกเทขายเป็นบิ๊กล็อต ทั้งกระดานเป็นว่าเล่น เพียงหนึ่งวัน”

“ไม่จริง” มาร์ตินนี่ไม่ยอมเชื่อ บริษัทอันใหญ่โตเป็นพันๆ ล้าน จะถูกล้มลงได้รวดเร็ว ดั่งสายฟ้าฟาดได้ไง หรือว่าอำนาจแห่งวาดิติน ที่ใครๆ ต่างก็ต้านทานอย่างยากเย็นนัก

“จริงสิ จนแม่ของแก นอนป่วยอยู่โรงพยาบาลโน้นแล้ว” ท่านรัฐมนตรีกระทรวงใหญ่แทบนั่งทรุดไปกองกับโซฟาเก่าๆ ของไอ้ลูกชายจอมสร้างความพินาศ

“คุณแม่กอเรีย!” มาร์ตินนี่ ร้องอย่างตกใจ เพราะเขารักแม่มาก และบริษัทนั่นก็เป็นของคุณแม่ ท่านสร้างมันมากับมือ ก่อนจะแต่งงานกับคุณพ่อเสียอีก

“แกทำให้กอเรีย เสียใจนะ ไอ้ลูกชาย ทำไมรู้จักคิดให้รอบครอบกว่านี้หน่อย”

“ผมอยากไปพบ คุณแม่ครับ”

“ไม่ได้ แกออกไปมีหวัง โดนท่านดานิลเด็ดหัวแน่ๆ ฉันไม่ยอมเสียแกไปหรอก แม้ว่าแกจะเลวแค่ไหน แกก็เป็นลูกของฉัน” ท่านรัฐมนตรีมาร์ติน เป็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเช่นกัน ท่านมีลูกชายสืบทอดตระกูลเพียงคนเดียวด้วย ตระกูลสเปโร่จะต้องไม่ล้มสลาย ตระกูลท่านจะต้องตระหง่านในดินแดนอำนาจเมืองหนาวนี้อย่างชั่วลูกชั่วหลาน

“แต่ผมเป็นห่วงคุณแม่” มาร์ตินนี่ไม่สบายใจนัก คุณแม่ของเขาไม่เคยล้มป่วยมาก่อน

“พ่อสั่งให้คนของเรา ดูแลเป็นอย่างดีแล้ว แกไม่ต้องห่วงหรอก รีบหาทางเอาความลับแห่งวาดิติน มาให้ได้เถอะ” ท่านรัฐมนตรียังมิวายจะล้มเลิกความคิดอำนาจ ที่ท่านดานิลครอบครอง ต่อไปสิ่งลึกลับนี้ มันจะต้องเป็นของท่านเท่านั้น

“หึๆ ได้ครับคุณพ่อ แล้วผมจะแก้แค้นให้คุณแม่ด้วย ไอ้ดานิลมันเล่นงานครอบครัวเราจนแสนสาหัส อีกไม่นาน มันต้องชดใช้คืนพวกเราแน่นอน” มาร์ตินนี่ฉายแววร้ายในดวงตา เขาไม่เกรงกลัวอำนาจของตระกูลวาดิติน อเล็กซานดวูร์หรอก แค่เปิดเผยความลับนั่น ทุกอย่างของท่านดานิล ต้องเสียหายและทลายสิ้นไปด้วยเช่นกัน




กว่า ไรเตอร์จะอัพนิยายได้ ก็เล่นหายไปเกือบเดือนเลย 555+
และขอแจ้งว่า ปีนี้ เราไม่มีนิยายเลยตีพิมพ์นะคะ T_T
จะพยยามสร้างผลงานให้ได้สักเล่มอยู่ค่ะ

โปรดติดตามตอนต่อไป

บทที่ 8 มือที่ไม่อยากสัมผัส




Aricha
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 29 มี.ค. 2557, 14:55:14 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 29 มี.ค. 2557, 14:55:14 น.

จำนวนการเข้าชม : 1679





<< บทที่ 6 อ้อมกอดอันอุ่นหัวใจ   บทที่ 8 มือที่ไม่อยากสัมผัส >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account