ในเงาฝันปลายตะวัน
พรนับพัน ชีวิตของเธอจะมีตาอยู่ในทุกๆ ที่ แม้กระทั่งวันที่ตาจากไป หลายๆ สิ่งที่เธอทำก็ยังอยู่ในเงาของ 'ตะวัน' ผู้เป็นตาไม่เคยเปลี่ยน

และเพราะนิสัยที่เอาแต่ใจ โมโหร้าย ไม่สนใครหน้าไหนของพรนับพัน ชีวิตวันๆ หนึ่งเดินออกไปไหนไม่ได้ไกล หากมีเรื่องเข้ามาหาเจ้าหล่อนพร้อมพุ่งชน และนั่นเองทำให้รอบข้างกังวลและอยากจับเธอเปลี่ยนแปลง

ทิวากร ไม่รู้ว่าเขาโชคดี หรือโชคร้ายที่ได้รับหน้าที่จัดการเปลี่ยนมนุษย์ถ้ำ ให้ออกสู่สังคมได้อย่างปกติ แต่ดูเหมือนว่าคนที่ใครมองว่าโชคร้าย กลับเต็มใจรับสภาพ อ้าแขนรับมนุษย์ถ้ำคนนี้ซะด้วย
Tags: มนุษย์ถ้ำ โรแมนติก อมยิ้ม

ตอน: บทที่ 9 : ยาวิเศษ

บทที่ 9

ข่าวคาวที่ทิวากรเผชิญอยู่นั้นก็เริ่มมาจากดาราคนหนึ่งที่กำลังดังมากๆ มีแฟน (ตามที่แฟนคลับเข้าใจ) พรนับพันนั่งคิดนอนคิด ก็คิดว่ามันไม่สมเหตุสมผลเลยสักนิด จากคนไม่ชอบท่องอินเตอร์เน็ต สอดรู้สอดเห็นเรื่องชาวบ้านเขาไปทั่วก็เริ่มสอดส่องดังที่เพื่อนว่า ประเด็นอคติประเด็นหนึ่งลุกลามสาวไส้ และดูจากที่หนึ่งดาราบอกรายละเอียดมาผ่านอีเมลล์นั้น เธอก็ยิ่งพบข้อสงสัยเกี่ยวกับยูซเซอร์เนม หลายๆ ยูซเซอร์เนม มีเลขไอพีเครื่องมาจากเครื่องเดียวกัน

พรนับพันยกเข่าขึ้นกอดข้างหนึ่ง มือเท้าคาง ดวงตาหรี่ลงยามใช้ความคิด โปรแกรมแชตเปิดขึ้นมา ในกรุ๊ปนั้นมีหนึ่งดารา เธอ และอีกคนที่เพื่อนลากเข้ามาที่ใช้ชื่อว่า BlacK_EyE รูปเป็นหมวกปีกกว้างสีดำ

จากการพูดคุยกว่าครึ่งชั่วโมงพอที่จะบอกได้ว่าลูกเพื่อนป๋าของหนึ่งดารามีเส้นสาย ซอกแซกพอควร ล้วงข้อมูลไอทีด้วยการแฮก แม้จะไม่ออกปาก แต่หนึ่งดาราที่ชอบขัดก็เอามาแฉได้ตลอดเวลา และตบท้ายก่อนที่การสนทนาจะสิ้นสุด เธอจึงได้รู้ว่าเขาชื่อลาวา หรือดนพ ที่หนึ่งดาราเรียกเหน็บแนมว่าดำนักตลอดการสนทนา

มีการแลกเบอร์กัน ก่อนนัดแนะว่าหากดนพพบเรื่องใดที่มีประโยชน์จะรีบมารายงานทันที งานนี้ดนพถูกบังคับให้ช่วยฟรีไม่มีเก็บค่าใช้จ่าย ซึ่งเธอพยายามถามกับหนึ่งดาราฝ่ายนั้นก็อุบเงียบไม่ยอมชี้แจงใดๆ นอกจากกำชับว่าห้ามเธอจ่ายเงินเด็ดขาด เพราะหนึ่งดาราตอบแทนด้วยอย่างอื่น

นิ้วมือกดปิดการสนทนาไม่ถึงห้านาที ประตูห้องพักจึงเปิด เจ้าของห้องเดินเข้ามาหยุดยืนตรงหน้าเธอ มีร่องรอยลังเล และไม่มั่นใจอยู่มากมาย

“มีอะไรก็พูดมาตรงๆ เถอะ ฉันไม่ว่าหรอก”

ทิวากรส่งมือมาให้เธอจับ พรนับพันไม่อิดออด หัวใจของเธอยื่นออกไปก่อนแล้วล่ะมัง เพราะสัมผัสอุ่นที่บีบ ลามไปถึงการทำให้หัวใจเกิดอาการเต้นแปลกๆ ด้วย

“คุณไว้ใจผมหรือเปล่า”

ดวงตากลมโตเหลือบขึ้นมองอย่างสงสัย แต่ก็พยักหน้ารับ ก่อนจะรู้สึกโลกถล่มเพียงแค่เขาพูดในสิ่งที่เธออยากจะคืนความไว้ใจทั้งหมด

“ผมอยากให้คุณกลับบ้าน”

แต่เขาทำแบบนี้ก็คงมีเหตุผล คนไม่เคยมีเหตุผลชักมือกลับ หยิบโทรศัพท์ กระเป๋าเงิน และเก็บคอมพิวเตอร์ลงกระเป๋าเงียบๆ

“เดี๋ยวผมไปส่ง กระเป๋าเสื้อผ้าคุณจะเก็บในกี่นาที”

“ไม่ต้องหรอก ฉันเอาไปแค่นี้ก็ได้ ที่บ้านยังเหลือชุดอีกเยอะ คุณจะได้ไม่เสียเวลา” แค่ทำตามเขาไปก่อน ถึงจะรู้สึกวูบโหวงในอกไปบ้าง แต่การได้อยู่ที่บ้านบางทีเธออาจจะสะดวกในการค้นหาความจริงในสิ่งที่ทิวากรกำลังเผชิญได้ง่ายกว่า

“ตามใจ เดี๋ยวผมไปรอที่รถ”

พรนับพันยื่นมือไปรั้งข้อมือของทิวากร ยิ้มให้บางเบา “ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวให้พี่ชวินไปส่งก็ได้ คุณพักผ่อนเถอะ เพิ่งกลับมาแท้ๆ”

“ผมไปส่งได้” น้ำเสียงเข้มและห้วนขึ้น “ผมจะไปรอที่รถ”

“จะไล่ฉันไปให้พ้นยังจะมาทำเสียงแบบนี้ใส่อีก ฉันไม่ชอบหรอก” พรนับพันแสดงนิสัยเดิมออกไปอย่างสุดจะทน แค่เขาไล่เธอกลับบ้าน ในใจก็รู้สึกแย่พอดู นี่ยังจะมาขึ้นเสียงใส่อีก “ฉันมาเองกลับเองได้ ไม่ต้องให้ใครส่งทั้งนั้น เดินกลับเลยยังได้ พรุ่งนี้ก็คงถึง”

“นี่คุณ”

“เห็นฉันดีด้วยหน่อย คุณก็เลยได้ใจ จะส่งฉันไปไหนก็ได้ใช่ไหม เอาสิ แน่จริงก็ตัดขาดกันไปเลย ชีวิตคุณจะได้ปกติสุข ไม่ต้องเจอกันอีก ฉันจะอยู่ส่วนของฉัน ไม่ต้องมาเชื่อใจอะไรกันอีก ฉันจะไม่เคียงข้างคุณ ไอ้รูปนั่นน่ะ” พรนับพันชี้ไปยังรูปภูกระดึงที่มีแผ่นหลังของเธอหันหลังอย่างโดดเด่นกลางรูป ลืมความตั้งใจที่จะปิดเรื่องจำเรื่องตอนภูกระดึงไปเสียสนิท “ฉันไม่อนุญาตให้ถ่าย”

ทิวากรไม่ทันพูดอธิบาย คนใจร้อนก็เดินดุ่มออกไป ปิดประตูส่งท้ายด้วยเสียงอันดัง เหลือไว้เพียงความเงียบเหงา และสิ่งที่เขาต้องการให้เป็น จนกว่าเขาจะตัวปลุกปั่นข่าวครั้งนี้ได้ เขาจะไม่มีวันเอาชื่อเสียงของพรนับพันมาเดิมพันอีก

ตอนที่เขาเพิ่งมาส่งพรนับพัน กดส่งรูปสู่โลกโซเชี่ยลเพื่อตอบโต้คำสัมภาษณ์ของพ่อแม่บุญธรรมนั้น ไม่นานโทรศัพท์สายตรงจากต่างประเทศก็โทรมาหา เขาตกใจไม่น้อยที่คนที่โทรมาคือคุณ นับพัน

‘ไม่ต้องตกใจ ผมขอเบอร์คุณมาจากแฟร์ ผมแค่อยากจะคุยกับคุณ’

‘ครับ’

‘ลูกสาวของผม ผมรู้ว่าไม่ค่อยมีใครชอบนักหรอก ไม่ค่อยจะเป็นมิตรกับใครด้วย แต่ไม่รู้ไปทำท่าไหน ถึงได้ไปจดทะเบียนสมรสกับคุณได้ ข่าวตอนนี้ก็ติดลบ ผมไม่เคยห่วงชื่อเสียงครอบครัว เพราะเราก็เป็นแค่หมอ ไม่ใช่ดาราดังอะไร แต่ผมห่วงพราวด์ ถ้าคุณไม่จริงจังอะไร ผมกลัวลูกสาวผมจะเสียหาย หรือถ้าลูกสาวผมเสียใจ ลูกสาวผมจะอาการแย่มากขนาดไหน ขนาดผมเป็นหมอ ผมก็ยังไม่กล้าคิด’

‘ผมไม่เคยคิดเล่นๆ ครับ ทุกสิ่งที่ผมทำ ผมจริงใจกับเธอ’

‘แล้วคุณมั่นใจว่าควบคุมทุกอย่างได้มากแค่ไหน’

‘ผมจะกันคุณพราวด์ออกไปจากเรื่องนี้ครับ จะไม่ให้คุณพราวด์ต้องเดือดร้อนอีก จนกว่าผมจะคลี่คลายเรื่องทั้งหมดได้’

‘ยังไง ลูกของผมจดทะเบียนกับคุณ แค่นี้ยังจะกันยัยพราวด์ได้อย่างไรคุณ’

ทิวากรเดินมานั่งลงบนโซฟาที่ผู้หญิงนิสัยร้ายคนนั้นชอบมานั่งๆ นอนๆ บ่อยยิ่งกว่าที่นอนบนชั้นสอง ที่นั่งยังอุ่น ขนาดที่เขาแตะลงไปบนร่องรอยตำแหน่งที่พรนับพันเพิ่งลุกไป เขานึกถึงสิ่งที่ตอบคุณนับพันไป เชื่อได้ว่าหากพรนับพันรู้ความจริง อาจเกลียดคนขี้โกหกอย่างเขาก็ได้

‘ผมหลอกกับคุณพราวด์เรื่องจดทะเบียนครับ ผมไม่ได้จดทะเบียนจริงๆ ที่ผมหลอกเธอก็เพื่อรั้งเธอไว้กับตัว ผมกลัวเธอจะจากผมไปในช่วงเวลาที่ผมต้องการเธอ ผมขอโทษครับ ผมเองก็ไม่ได้อยากรั้งอิสรภาพไว้ เวลาที่เธอต้องการไปจากผมจริง จะได้ไปได้เลยไม่ต้องมีพันธะ อีกอย่างผมอยากจะแต่งจริง ผมไม่รอให้คุณลุงคุณป้ากลับมาก่อนดีกว่าเหรอครับ’

‘ถ้าคุณรักลูกสาวผมจริง ปล่อยเธอไปซะ แล้วคุณก็รีบจัดการปัญหาของคุณให้เสร็จ ถ้าคุณจัดการทุกอย่างเสร็จ เราค่อยมาคุยกันใหม่ คุณทำได้ไหม’

ความจริงตอนนี้ ก็คงพิสูจน์แล้วว่าสิ่งที่เขาทำนั้น มันยิ่งทำให้เขาคิดถึงพรนับพัน ดาราหนุ่มผุดลุกขึ้น นึกอยากแอบไปดูว่าเธอจะเดินกลับบ้านจริงหรือเปล่า เขาค่อนข้างกลัวการประชดของพรนับพัน เห็นประชดแบบนี้ทีไร ความโกรธจะคอยขับเคลื่อนให้เธอทำตามแบบนั้นทุกที

ทิวากรมองรูปที่เจ้าตัวหน้าบึ้งใส่ ยิ้มพราย “ดีใจที่คุณจำได้สักที แต่ผมไม่โง่ทำตามที่คุณบอกหรอก”

หากเวลาไม่เห็นหน้า ได้เห็นรูปถ่ายก็ยังดี


“ผู้ชายอะไรแก้ตัวสักคำก็ไม่มี” พรนับพันปฏิเสธที่ตัวเองโพล่งพ่นสารพัดออกไปตอนที่อารมณ์ขึ้น จังหวะของเธอนั้นไม่เปิดโอกาสให้เขาได้โต้เถียงคืนเลยก็ตาม

ร่างสมส่วนกับผมยาวสยายยุ่งไม่ทันได้หวีให้เรียบร้อย หน้าซีดไร้เครื่องสำอาง ตาถมึงทึงใส่พนักงานที่ยังไม่เลิกทำหน้าอยากรู้อยากเห็นใส่ เธอเองก็ไม่ชอบหรอกสายตาพวกนี้ แล้วยิ่งเป็นข่าวคู่กับทิวากร คนพวกนี้ก็ยิ่งมอง แล้วก็ซุบซิบนินทากันสนุกปาก ดูอย่างพนักงานฟร้อนท์ เห็นหน้าเธอถึงกับมองกราดตั้งแต่หัวจรดเท้า ทำไมเสื้อยืดตัวโคร่งสีเทา กางเกงผ้าฝ้ายทีรอยขาดเล็กน้อย กับรองเท้าหูหนีบคลุกฝุ่นมันน่ารังเกียจนักหรือไง

“สงสัยโดนคุณทิวไล่มาแน่ๆ สภาพแบบนี้ไม่รู้ทนคบไปได้ไง แตกต่างกับพ่อเทพบุตรของฉันราวฟ้ากับหุบเหวลึก”

พรนับพันชะงักกึก มองลูกค้าของคอนโดคนหนึ่งที่มั่นใจว่าหุ่นอวบอ้วนเอวหนาของตัวเลิศด้วยชุดสีแดงเพลิง ขาความหนามือโอบไม่รอบบนส้นสูงแหลมปรี๊ด ที่กำลังคุยโทรศัพท์วิจารณ์เธอเสียงอันดัง เรียกให้พรนับพันต้องถอยหลังมาหยุดยืนกอดกระเป๋าคอมไว้

“แล้วคุณล่ะคะ มีเทพบุตรตาถั่วมาตกบ่อนรกหรือยัง ฉันอาจเป็นหุบเหว แต่ก็มีเทพบุตรตกมาตั้งคน” ยิ้มมุมปากเย้ยหยันใส่หญิงตาพับสองชั้น แต่หลบในด้วยไขมันมาก ก่อนจะปรายตามองนักช่างวิจารณ์ที่เหลือ “คุณ คุณ คุณทุกคนคะ สนุกกับการเม้าท์มากพอหรือยัง ทีนี้ฉันขอชี้แจงบ้าง ใครเป็นเจ้าแม่ช่างถ่ายก็อย่าลืมถ่ายนะคะ”

คนที่ถือกล้องเล็งมายังเธอกลืนน้ำลายเอื๊อก แต่ก็ยังกล้ากดถ่ายต่อไป โดยทำเป็นไม่ได้ยินคำเหน็บแนม

“คุณทิวเป็นคนดี เขาก็แค่ซวยมารู้จักคนอย่างฉัน เขาสัญญาแบบพ่อเทพบุตรว่าจะเปลี่ยนนางมารอย่างฉันให้ดีขึ้น ไม่ต้องระรานใครอีก แต่เขาก็เจ็บตัวไม่น้อย ฉันขอเตือนผู้ไม่หวังดี ที่ไม่ได้แค่ร้ายแต่ปาก หรือนักเลงเก่งแค่หน้าคีย์บอร์ด ฉันรู้ว่าครั้งนี้มีเบื้องหลัง ใครที่กำลังทำอะไรอยู่ฉันขอเตือนให้ระวัง ถ้าคุณไม่โง่ในการรับข่าวสาร มีสติวิเคราะห์ ดีกว่าเชื่อใครสักคนปลุกปั่น พ่อเทพบุตรของคุณก็ยังเป็นแบบนั้น ถ้างานนี้ใครจะผิด ขอให้เล่นที่นางมารอย่างฉันคนเดียว ฉันอยู่ที่...” ที่อยู่ชัดขนาดบอกซอย และบ้านเลขที่อย่างไม่เกรงกลัว “ฉันบริสุทธิ์ใจ ไม่กลัว ฉันไม่ใช่นางเอกเสแสร้ง บีบน้ำตาขอความเป็นธรรม ฉะนั้น ความผิดทั้งหมดที่เกิดขึ้น ฉันทำ ฉันจะรับไว้”

เกิดความเงียบขึ้น ทุกคนรู้สึกว่าภาพพรนับพันที่เคยรู้จักเปลี่ยนไป ผู้หญิงที่ถูกสร้างว่าทำร้าย คู่คดีเก่าทั้งหลายพยายามออกมาฉกฉวยแฉเธอว่าวีรกรรมเก่ามีอะไรบ้างนั้น ถูกเจ้าตัวยอมรับมันอย่างง่ายๆ คลิปความยาวไม่กี่นาทีถูกบันทึกเมื่อคนพูดเดินผ่านหน้าไป สายตามีแต่ความสับสนกับคำให้การณ์ต่อสังคมของผู้หญิงที่ถูกทิวากรพยายามกันออกมาจากนักข่าวตลอด

เสียงเบรกดังลั่น พรนับพันขมวดคิ้วมองภาพรถสีบรอนซ์สอปร์ตปาดหน้ารถญี่ปุ่นคันกะทัดรัดสีเขียวมะนาว รถคันญี่ปุ่นบีบแตรลั่น แต่เมื่ออีกฝ่ายยังขวาง ฝั่งคนขับจึงจอดรถที่กำลังเลี้ยวเข้าในเขตคอนโดลงมา พรนับพันจำใบหน้าซีดเซียวคล้ายคนป่วยนั้นได้ดี...น้ำหนาว

เวลาที่ฟ้าใกล้มืด น้ำหนาวหยุดลงใต้แสงไฟนวลส่องทางของทางคอนโดด้วยโดนคนที่ออกมาจากรถอีกคันกระชากแขนรั้งไว้สุดแรง ผู้ชายตัวโต แขนล่ำ สวมสูทอามานี่เนื้อดี หน้าตาขึ้งโกรธวาววับนั้นราวกับพร้อมจะลงมือจัดการทุกสิ่งที่ทำให้ตนไม่พอใจให้ราบคาบได้

แม้ใจลึกๆ พรนับพันไม่ได้นึกถูกชะตากับน้ำหนาวเท่าไหร่ ยิ่งน้ำหนาวเป็นถึงแฟนเก่าของทิวากร แต่ยังวนเวียนมาอยู่ใกล้ๆ เธอยิ่งไม่ชอบ แต่จากสถานการณ์ยามนี้ จะให้ปล่อยอย่างคนแล้งน้ำใจ เห็นทีเธอเองก็ทนไม่ได้ อย่างน้อยน้ำหนาวก็เป็นถึงเพื่อนรุ่นน้องของทิวากรในตอนนี้

“ขอฉันหย่า แต่หนีมากะกกอยู่กับไอ้ทิวมันหรือไงฮะ ฉันเพิ่งรู้ว่าเธอมันอยากได้ชายอื่นจนตัวสั่น จะมาสร้างข่าวฉาวให้มันมีเพิ่มหรือไง”

เพียะ... พรนับพันตาโต ยังวิ่งมาไม่ทันถึง เสียงประโยคเกรี้ยวกราดตะโกนก้องนั้นทำให้เธอได้ยินครบถ้วน แต่เสียงมือกระทบเนื้อแก้มนั้นยิ่งดังกว่า ภาพหญิงร่างผอมเหวี่ยงฝ่ามืออีกข้างไปสุดตัวทำให้หน้าผู้ชายคนนั้นหันไปอีกทิศ และยังมีลิ่มเลือดตรงมุมปาก

ลุงยามพยายามมาแยกมวยระหว่างสามีภรรยา หลังจากฝ่ายสามีเกิดอาการเลือดขึ้นหน้าบีบคอน้ำหนาว แต่ลุงยามที่อายุมากแล้ว ซ้ำยังไม่ได้ออกกำลังกายประจำจึงถูกพละกำลังมหาศาลสะบัดหลุดไปนอนกลิ้งบนพื้นหมดท่า พรนับพันมองหน้าซีดเซียวขาดเลือดของน้ำหนาวด้วยความกังวล แม้เจ้าตัวกำลังจะขาดอากาศหายใจก็ไม่พร่ำร้องขอชีวิต

พรนับพันวิ่งตรงไป กระโดดเท้าลอยอัดใส่ลำตัวด้านข้างชายตัวยักษ์ นอกจากมันไม่สะเทือน และเท้าเธอเองยังเจ็บ เธอยังโดนผลักกระเด็น ศีรษะกระแทกกับเสาไฟจนรู้สึกมึน นั่งขาพับหมดแรง กว่าเธอจะเรียกสติกลับคืนมาได้ ชายร่างยักษ์ในสูทอามานี่ก็ถูกผู้พักในคอนโดหลายคนรุมกันจับแยก หนึ่งในนั้นมีทิวากร แต่พอเขาจับตัวสามีตัวร้ายของน้ำหนาวได้ บุคคลที่เขาสนใจกลับเป็นน้ำหนาวที่นั่งลงจับคอไออยู่หลายที หน้ายังขาดเลือด

พรนับพันถูกฉุดขึ้นมาด้วยแรงมหาศาลของสาวร่างอวบในชุดแดงเพลิงที่เพิ่งว่าแดกดันเธอเมื่อไม่กี่นาทีที่แล้ว

“คุณทิวนี่ก็ยังไง แฟนตัวเองไม่รู้จักดูแล คุณอุตส่าห์ไปช่วยพวกเขา” พรนับพันขมวดคิ้วสงสัย ท่าทีของทุกคนดูเป็นมิตรต่อเธอมากขึ้น ไม่มีร่องรอยของการนินทาอีก “คุณเจ็บไหม เลือดคุณออก”

คนเจ็บส่งเสียงประหลาดใจ ยกมือแตะบริเวณโคนผมด้านซ้าย ก่อนเบ้หน้าด้วยความเจ็บ มือแตะของเหลวหนืดได้

เจ็บขนาดนี้ทิวากรยังไม่สนใจเธอเลย ความน้อยใจทำให้พรนับพันขอบคุณผู้ช่วยเหลือเธอเบาๆ ก่อนจะขอแยกตัวกลับบ้านเงียบๆ

บางทีเรื่องระหว่างเธอกับทิวากร ก็คงจะจบลงแล้ว

“พราวด์ ไปทำแผลก่อนเถอะ น้ามองลงมาจากห้องเห็นคนมะรุมมะตุ้มกัน ไม่รู้ว่ามีพราวด์ด้วย” น้ารุจีฝ่าฝูงชนมาด้วยความเป็นห่วง ข้างกายมีลูกชายผู้เคร่งงานที่พยุงเธออีกข้าง รั้งเธอไว้ก่อนจะได้กลับบ้านอย่างที่ตั้งใจ

“ไปส่งพราวด์ที่บ้านดีกว่าค่ะ พราวด์จะกลับบ้าน” พรนับพันกอดกระเป๋าคอมที่เธอรักษายิ่งชีพแม้แต่ตอนโดนเหวี่ยงก็เอาตัวรับแรงกระแทกแทนไว้แนบอก หน้าเศร้าไม่ปิดบัง จากนี้เธอก็เหลือเพียงงานเขียน ไม่มีอีกแล้วล่ะทิวากร

“คุณพราวด์” น้ำเสียงห้วนสั้นดังมาระยะประชิด แขนของเธอถูกรั้งไป พรนับพันรู้สึกมึนหัวจวนจะอาเจียนออกมา เงยหน้าพบทิวากรขมวดคิ้วมองมาที่แผลของเธอ “ไปทำแผลก่อน”

“จะกลับบ้าน แผลแค่นี้ไม่ตายหรอก” เพิ่งรู้หรือไงว่าเธอก็อยู่ในเหตุการณ์นี้ด้วย คนเจ็บยิ่งนึกยิ่งน้อยใจ พยายามสะบัดตัวให้หลุด แต่สู้แรงอีกฝ่ายไม่ได้ ทิวากรขอตัวเธอมาจากรุจีกับชวินที่พยักหน้าเห็นด้วยโดยไม่คัดค้าน

“ผมฝากคุณชวินรอตำรวจมาทีนะครับ เดี๋ยวผมพาคุณพราวด์ไปทำแผลจะรีบลงมา”

พรนับพันเบื่อความเผด็จการของทิวากร ตัดสินใจในช่วงที่เขาหันมาสั่งกับชวิน นั่งลงกับพื้นหน้าลานคอนโด กอดอก ปล่อยให้เลือดไหลออกจากแผลที่เริ่มเจ็ดจี๊ด แต่แสร้งทำว่าไม่เป็นไร

“คุณพราวด์ อย่าดื้อ”

คนเจ็บเชิดหน้ากอดอก พบว่าส่วนหนึ่งกำลังพยาบาลน้ำหนาวกันด้วยพัดวี ยาดม กับชายตัวต้นเหตุที่ถูกจับมัดมือไพล่หลัง ชายหลายคนเฝ้าไว้ แต่หลายคนที่ทำหน้าที่ตัวเองไม่วายชำเลืองมายังเหตุการณ์ของคนทางนี้อย่างติดตาม

“ฉันก็รู้เห็นกับเหตุการณ์นี้ เป็นผู้เสียหายเหมือนกัน ฉันจะรอจนกว่าตำรวจจะมา”

ทิวากรถอนหายใจกับความรั้นไม่เข้าท่า นั่งยอง ใช้มือเปิดผมที่ปิดแผลดู แผลไม่ลึก อาจไม่ถึงกับต้องเย็บ แต่ก็ควรห้ามเลือดล้างแผล ผ้าเช็ดหน้าสะอาดสีน้ำเงินที่ทิวากรพกติดตัวยกขึ้นมากดซับเลือดที่แผลไว้ พรนับพันยกมือขึ้นมาจับผ้า เป็นช่วงเดียวกับที่ทิวากรยกมือออก จึงประสานมือกัน แต่คนเจ็บก็ลอยหน้าไม่รู้ไม่ชี้

“เดี๋ยวผมไปเอากล่องพยาบาลมา จะนั่งอยู่ตรงนี้ก็ตามใจ”

สาวร่างอ้วนชุดแดง วิ่งบนส้นสูงมาอยู่ข้างๆ พลางส่งเสียงกรี๊ดเบาๆ หลังลับร่างทิวากร “ฉันเข้าใจที่คุณทิวพูดตอนจัดวิทยุแล้ว คุณนี่ดื้อจริงๆ เลยนะ” เธอโดนฝ่ามือเพชฌฆาตตีไปเต็มแขน เจ็บ แต่ร้องไม่ออก เพราะสายตาระยิบระยับของอีกฝ่าย “แต่น่ารักจริงๆ ถ้าไม่เห็นกับตาฉันไม่เชื่อหรอก ความจริงเป็นแบบนี้แล้ว คุณไม่ต้องห่วงหรอก ฉันจะไปชี้แจงให้พวกรู้ผิด เชื่อผิดๆ รู้เอง คุณเองก็เป็นคนดี ถ้าไม่ดีจริง คุณคงไม่เตะเท้าลอยใส่ไอ้บ้านั่นหรอก แถมตัวเองก็มาเจ็บแบบนี้”

พรนับพันยิ้มแหย เธอเองก็นึกหงุดหงิดที่ทิวากรสนใจน้ำหนาวก่อน แต่มาคิดๆ ดูแล้ว เธอเจ็บแค่หัว กับน้ำหนาวที่คงจะโดนสามีกระทำรุนแรงใส่มาหลายครั้ง ซ้ำยังถึงขั้นบีบคอหมายชีวิต จิตใจเธอก็คงแย่พอๆ กับร่างกาย ความน้อยใจก็หายไป ไหนจะยังในเรื่องร้ายครั้งนี้ เธอยังสามารถเปลี่ยนสายตาดูหมิ่นดูแคลนเป็นชื่นชมได้

บางทีการทำประโยชน์ ช่วยเหลือคน ก็ทำให้เธอรู้สึกดี...

พรนับพันมีเวลารู้สึกดีได้อีกนิด กองทัพนักข่าวก็กรูกันมา ถ่ายรูป และสัมภาษณ์ผู้อยู่ในเหตุการณ์กันสนุก เธอเองที่นั่งเงียบๆ ก้มหน้า มือจับผ้าเช็ดหน้าของทิวากรไว้ให้อุ่นใจ สายตาเหยี่ยวข่าวก็เห็นเธอเข้า

โชคดีที่เพื่อนใหม่ร่างอ้วนที่นั่งข้างเธอ ที่แนะนำตัวว่าเป็นพิธีกรรายการบันเทิง ช่วยเป็นกระบอกเสียงตอบทุกอย่างแทนเธอที่นั่งหน้ามึนตอบคำถามที่ยิงมาเร็วยิ่งกว่าจรวดไม่ทัน

แต่ก็เอาเถอะ ทุกคำที่ตอบมานั้น มันทำให้ภาพลักษณ์ของเธอ และทิวากรดูดีขึ้นมา


กว่าตำรวจสอบปากคำเสร็จ จัดการเหตุการณ์ให้กลับสู่ปกติได้เวลาก็ผ่านมาอีกเกือบครึ่งคืน กรดิษฐ์ที่ถูกจับได้รับการประกันตัวอย่างรวดเร็วจากครอบครัว ในขณะที่น้ำหนาวถูกครอบครัวตัวเองขอร้องว่าอย่าได้เอาเรื่องสามีที่อารมณ์ร้อนเลย เห็นแล้วพรนับพันอยากจะอาเจียนให้กับครอบครัวแบบนี้ ครอบครัวแบบนี้คงจะคิดได้ตอนลูกเหลือเพียงวิญญาณ

เธอถึงได้ใจบุญเลียนแบบทิวากรพ่อเทพบุตรรับผู้หน้าซีดมาอยู่ที่บ้านด้วย ไม่อย่างนั้นคนไร้ทางพึ่งอย่างน้ำหนาวต้องไปหวังพึ่งใบบุญของทิวากรอีกแน่ ซึ่งเธอยอมไม่ได้

“แฟร์จัดห้องไว้ให้คุณหนาวแล้วค่ะ” คุณหมอที่วันนี้เลิกเวรเร็วรีบมาจัดการตามคำสั่งผู้เป็นพี่ โชคดีที่พี่สาวไม่เป็นอะไรมาก “ไม่ต้องเกรงใจนะคะ คิดว่าเป็นบ้านตัวเอง”

เกรงใจสักนิดก็ดี พรนับพันนึกขวางๆ ตั้งใจจะเดินตามคนทั้งสองเข้าบ้านก็นึกรู้ว่ายังมีใครอีกคนที่เดินลงมาส่งด้วย

“จะกลับเลยไหม”

“ดูไพเราะเสนาะหูดีนะ” ทิวากรยิ้มผ่อนคลาย เดินไปนั่งชิงช้าตัวเล็กเคียงข้างต้นชงโคโยกไปมาเบาๆ “ผมขอนั่งสักแปบสิ”

พรนับพันนึกอยากไล่เขากลับ แต่เห็นแววตาเว้าวอนแกมออดอ้อนที่ทอดมองมา คนนิสัยร้ายก็ใจอ่อนยวบ เดินไปนั่งยังชิงช้าตัวติดกัน มือจับสายโซ่ไว้แน่น พ่อรู้ว่าเธอชอบเล่นชิงช้า ชิงช้าตัวนี้จึงไม่เคยเคลื่อนไปไหนตลอดยี่สิบปี

“ถ้าเจ็บแผลก็อย่าลืมทานยานะ ผมเป็นห่วง”

“ไปห่วงอีกคนเถอะ เห็นนึกถึงเขาก่อนฉันอีก” พรนับพันอยากตีปากตัวเองที่ออกไปไวเพียงแค่ใจคิด เหลือบตามองคนข้างๆ ยิ่งหมั่นไส้กับรอยยิ้มทั้งปากทั้งตาที่เบิกบานจนน่าหมั่นไส้

“ผมห่วงเขา กับห่วงคุณมันต่างกัน”

“ต่างกันยังไง” คนชอบรวนถามจี้ แต่ก็พบเพียงรอยยิ้มอมพะนำ ไม่ตอบ

“คืนนี้ดาวสวยดีนะครับ อยู่คอนโดมองดาวแบบนี้ไม่ได้เลย”

พรนับพันแหงนหน้าตามอีกคน ภาพดาวพร่างฟ้าในคืนเดือนมืดส่องแสงระยิบระยับ บ้านชานเมืองห่างจากตึกสูง แสงไฟบดบัง ที่นี่ยังคงความเงียบ ความเป็นบ้าน และบรรยากาศธรรมชาติไว้ได้

“ฉันถึงชอบอยู่บ้าน คนไม่ชอบออกไปข้างนอกอย่างฉัน มีสนามหญ้าในบ้านให้เดินเล่น มีดาวบนฟ้าให้ดูเวลาเบื่อก็ดีถมเถแล้ว”

“ผมจะจำเอาไว้”

คำเรียบเรื่อย แต่ฟังมั่นคงดังคำสัญญานั้นทำให้คนฟังหัวใจกระตุก พรนับพันกำสายโซ่ชิงช้าไว้แน่น คันปากอยากถามถึงความนัย แต่ในใจลึกๆ กู่ร้องบอกว่ายามนี้มันยังไม่ถึงเวลา

“วันนี้คุณกล้าหาญมาก ผมเสียดายที่วิ่งมาช่วยคุณไม่ทัน คุณถึงเจ็บตัว” คนที่แกว่งชิงช้าหยุดลง และเอื้อมมาจับสายที่โยกไหวของชิงช้าอีกตัวให้หยุดตาม ทิวากรอมยิ้ม เมื่อพิศใบหน้าของคนโดนขัดการไกวชิงช้า มือเอื้อมปัดไรผมที่บังผ้ากอซปิดแผล “ผมมียาวิเศษจะให้คุณ คุณจะได้หายไวๆ อยากได้ไหม”

“ไม่เอาดีกว่า เดี๋ยวก็หายเอง” พรนับพันทนมองสายตาวิบวับแปลกตาของทิวากรต่อไปไม่ไหว แค่มองใจเธอก็กระหน่ำเป็นกลองรัว

“แต่ผมอยากให้” ท่าทีแกมบังคับ ประกายตาเอาแต่ใจของทิวากรซึ่งลุกมายืนอยู่ตรงหน้าพรนับพันก่อนจะย่อตัวลงจนระดับเดียวกับสายตา ดวงตากลมโตที่จ้องมามีแววตระหนก แต่ยังยอมนั่งนิ่ง ยื่นหน้ามาใกล้เรื่อยๆ

“จะทำอะไร” พอใกล้เกินไปขนาดลมหายใจรดหน้า พรนับพันจึงถือโอกาสเอนหลังหนี แต่มือของทิวากรก็รั้งเอวเธอไว้กันหงายหลังหล่น เท่ากับว่าเธอหนีไม่ได้

ทิวากรหัวเราะหึๆ ในลำคอให้คนฟังใจเต้นไม่เป็นส่ำ ริมฝีปากสีสดของเขาเคลื่อนมาใกล้เฉียดริมฝีปากเม้มแน่นขึ้นไปหยุดตำแหน่งของแผล เป่าลมร้อนออกมาแผ่วเบา “เพี้ยง หายไวๆ นะครับ”

คนโดนยาวิเศษลืมตาขึ้นมองอย่างเหนือคาด เธอพบสายตาล้อเลียนระยะประชิดกำลังหัวเราะ พรนับพันอายจนหน้าแดงเป็นลูกเชอร์รี่ ความร้อนพวยพุ่ง

“คิดว่าผมจะทำอะไร”

“เปล่า” คนปากแข็งตอบ

“เข้าบ้านได้แล้ว ยุงเริ่มเยอะ”

พรนับพันเชิดหน้าลุกขึ้นหลังจากเป็นอิสระ มองค้อนคนขี้แกล้ง แต่ก็ยังไม่ลืมแสดงความเป็นห่วงต่อเขา “ขับรถกลับดีๆ ล่ะ แล้วห้ามนอนร้องไห้คิดถึงฉันด้วย เพราะฉันจะไม่อยู่ป่วนคุณ ในความฝันก็จะไม่เข้าไปด้วย” แต่ไม่วายทิ้งความใจร้ายตามนิสัยเดิม

“ผมรู้ว่าคนใจร้ายอย่างคุณไม่ยอมมาเข้าฝันใครง่ายๆ แต่ผมจะเข้าฝันคุณแทน คุณจะได้ไม่ไปฝันถึงคนอื่น ผมหวง”

พูดจบทิวากรก็หมุนตัวกลับไปที่รถ รอยยิ้มมากมายถูกแทนที่ด้วยความลำบากใจ เมื่อครู่เขาเกือบจะทำมากกว่าการให้ยาวิเศษแก่พรนับพันแล้ว ภาพริมฝีปากหนาสีชมพูสวยลอยแวบเข้ามา ก่อนที่เขาจะสะบัดไล่ด้วยความยากเย็น ยังไม่ทันออกจากบ้านเขาก็อยากจะชิงตัวคนใจร้ายกลับไปก่อกวนในห้องของเขาเสียแล้ว

พรนับพันยืนอึ้ง แม้รถของทิวากรจะกลับไปแล้วถึงห้านาที แต่สมองของเธอยังเบลอ ปากปิดไม่สนิท กะพริบตาปริบๆ ไปมา ไม่แน่ใจว่าฝันอยู่หรือเปล่า

คำว่าผมหวง แปลว่าเขาหวงเธอเหรอ ทั้งที่ตีความได้ตั้งนาน แต่เพราะเหมือนฝันเกินไป การได้ยินอะไรดีๆ แบบไม่คาดคิดจึงต้องใช้เวลาประมวลนาน พอเธอรับสภาพได้ รอยยิ้มเบ่งบานยิ่งกว่าทานตะวันยามเช้า ยกมือขึ้นมากัดพิสูจน์ว่าเป็นความจริง

โอย รู้สึกดีชะมัด...คืนนี้ผู้หญิงใจร้ายอย่างเธอคงทำแบบที่พูดไว้กับทิวากรไม่ได้ เพราะตลอดคืน เธอฝันเห็นแต่หน้าเขามาเป่าแผล ยิ้มให้ รู้สึกเบา อย่างกับมีปีกลอยได้


พรนับพันสะดุ้งตื่นมาตอนเกือบรุ่งสาง ยกมือขึ้นยีผมยาวปล่อยสยายให้ยุ่ง เสียงหวีดร้องแหลมดังปลุกเธอจากความฝันที่มีทิวากรยืนทำหน้ายิ้มอยู่ แต่เมื่อเสียงหวีดร้องนั้นยังคงมีต่อเนื่อง พรนับพันจึงรีบลุกออกไปยังห้องที่อยู่ห่างออกไปอย่างตกใจ พบว่าแม้เธอจะเร่งมา แต่ก็ยังช้ากว่าคุณหมอที่กำลังกอดปลอบร่างอันสั่นเทาของน้ำหนาว

“ไม่มีอะไรแล้วนะคะ ใจเย็นๆ ค่ะ ทุกอย่างจะต้องผ่านไป”

“ฉันพยายามจะขอหย่า แต่มันไม่เคยยอม มันจะฆ่าฉัน ทำร้ายฉัน” น้ำหนาวน้ำตาร่วงอย่างอ่อนแอ คนมองรู้สึกจิตตก จึงเลือกยืนอยู่ตรงกรอบประตู ปล่อยให้หน้าที่คุณหมอปลอบไป จนกระทั่งน้ำหนาวยอมนอนพัก และหลับไปได้อีกครั้ง

นับพันพรปิดประตูห้องพักของแขก เดินตามผู้เป็นพี่ลงมายังชั้นล่างของบ้าน ที่จัดการชงน้ำเต้าหู้ซองของตัวเองหนึ่ง และของนับพันพรอีกหนึ่ง วางตรงหน้านับพันพรที่ยังมีสีหน้าไม่สบายใจ รอให้พรนับพันนั่งลงเรียบร้อยจึงเริ่มเล่าเรื่อง

“คุณหนาวเธอน่าสงสารนะคะพี่พราวด์ เธอบอกว่าเธอเสียลูกไปก็เพราะสามีทำร้ายร่างกาย”

“ตอนที่พี่เห็นพวกเขาทะเลาะกัน หมอนั่นตั้งใจจะบีบคอคุณหนาว กะเอาให้ตาย”

คุณหมอถอนหายใจด้วยความคิดไม่ตก “เราจะช่วยอะไรคุณหนาวเธอได้บ้างไหมคะ แฟร์สงสารเธอ ยิ่งเป็นคนรู้จักกันแบบนี้”

“อย่าหาเหาใส่หัวน่าแฟร์ พี่ว่าเท่าที่เราทำอยู่ ให้ที่พักก็ถือว่าช่วยแล้ว”

“พี่พราวด์ใจร้ายไม่เคยเปลี่ยน” นับพันพรส่ายหน้า ยกน้ำเต้าหู้ขึ้นจิบสายตาครุ่นคิด “ถ้าสามีเขายังลอยนวลแบบนี้ เชื่อเถอะค่ะว่าเขาต้องกลับมาเล่นงานคุณหนาวเธออีก หย่าก็ไม่ได้”

“สามีเขาใหญ่ เกิดเรื่องขนาดนี้ยังพลิกลิ้นให้กลายเป็นคดีวิวาทธรรมดาไปได้ แม่เขาเองยังขอให้ลูกสาวใจเย็น ไม่ให้หย่า เราที่เป็นคนนอกจะช่วยอะไรได้อีก”

“สื่อไงคะ จะเกิดจะดับ สื่อทำได้” นับพันพรโพล่งมา แต่คำว่าสื่อพานให้พรนับพันสยอง ส่ายหน้าหวือ ขนลุกชัน “ความจริงเท่านั้นที่คงทน พี่พราวด์เองตอนแรกก็โดนกระแสสังคมต่อต้าน เหตุการณ์เมื่อวานพี่พราวด์เป็นฮีโร่ คนดีขึ้นมา ลบล้างการกระทำแย่ๆ ที่โดนปลุกปั่นไปหมด แฟนๆ ของคุณทิวส่วนใหญ่ยอมรับพี่กันทั้งนั้น”

“ก็มันเป็นความจริงนี่นะ”

นับพันพรมองค้อนด้วยความหมั่นไส้ ก่อนจะกล่าวต่อ “คนที่เห็นเหตุการณ์มีตั้งเยอะ สื่อตามหน้าจอทีวีอาจโดนซื้อไปได้ แต่สิ่งที่เขาควบคุมไม่ได้คือสังคม เขาอาจจะจ้างคนให้กลับดำเป็นขาวสักร้อย แต่ถ้ามีความจริง อย่างที่คนในคอนโดคุณทิวช่วยกันยืนยันเป็นแรงส่งให้ คนร้อยคนพวกนั้นจะกลายเป็นส่วนน้อยไป”

“แต่ถ้ากฎหมายไม่ทำอะไร สังคมก็ลงโทษอะไรไม่ได้มากหรอก หลบอยู่ในถ้ำสักเดือนคนก็ลืม”

“แฟร์ถึงให้พี่พราวด์ช่วยคิดวิธีที่จะแฉคนเลวคนนั้นไงคะ ระดับพี่พราวด์เก่งนักเรื่องคิดแก้แค้นเอาคืนคน”

พรนับพันคิดให้คำพูดของน้องเป็นคนชมแทนการเหน็บ จิบน้ำเต้าหู้ช้าๆ ดวงตาหรี่ลง และเมื่อลดแก้วลง รอยยิ้มมุมปากก็ยกขึ้น เผยความคิดอันร้ายกาจออกมา

เอาเถอะ ช่วยน้ำหนาวสักครั้ง เธอถือว่าการช่วยของเธอถือเป็นการตอบแทนเรื่องข่าวของน้ำหนาวกับสามีที่ทำให้เธอเป็นนางเอกขึ้นมา

……………………………………………………………………….

คุณ Sukhumvit66 คู่นี้ทะเลาะกันแล้วก็ดีกันค่ะ บทนี้ส่งยาวิเศษมาให้

คุณ yimyum แต่ยังไม่รู้ทะเบียนปลอม รู้อันนั้นเมื่อไหร่แซ่บค่ะ หวานๆ กันก่อนเนอะ

คุณ konhin พ่อแม่ทิวไม่รู้จะแรงได้เท่าพราวด์ไหมนะคะ ฮา

คุณ OhLaLa ตอนนี้เฉลยความคิดของทิวเยอะเลยค่า 

คุณ นักอ่านเหนียวหนึบ หลอกให้หวานแบบตายใจ เย้ย ฮ่าๆๆ

ขอบคุณทุกคอมเมนท์ ทุกไลค์ และนักอ่านเงาทุกท่านนะคะ



ปวรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 14 มี.ค. 2557, 13:58:33 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 14 มี.ค. 2557, 13:58:44 น.

จำนวนการเข้าชม : 1704





<< บทที่ 8 : จมูกมด   บทที่ 10 : กระเพาะปลาและจีโฉ่ว >>
yimyum 14 มี.ค. 2557, 15:39:22 น.
ฮีโร่มากค่า


Sukhumvit66 14 มี.ค. 2557, 23:59:20 น.
ใจกล้า ผุด ผุด


นักอ่านเหนียวหนึบ 15 มี.ค. 2557, 01:38:13 น.
ท่าเตะเธอคงงดงามมาก 5555
ในที่สุด เธอก็ได้เป็นพระเอกของเรื่องซักที เย้ยยยย


OhLaLa 15 มี.ค. 2557, 02:35:40 น.
อยากได้ยาวิเศษบ้าง อะไรบ้าง


konhin 15 มี.ค. 2557, 05:14:15 น.
วิกฤตเป็นโอกาสจริงๆ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account