มนต์สีมุก
เรื่องราวของหญิงสาวที่เพิ่งจะมีอายุครบ 22 ปี ผู้ซึ่งได้เจอกับเหตุการณ์ประหลาดและค้นพบว่าเธอมีความพิเศษบางอย่างในตัว และความพิเศษที่ว่าก็มาพร้อมกับความรับผิดชอบและอันตรายที่เธอหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไหนจะยังเรื่องหัวใจที่ทำให้เธอต้องกลุ้มอีกล่ะ
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ 3


คุลิกานอนพลิกตัวไปมาบนที่นอนนุ่ม หากเป็นคืนก่อนหน้านี้หญิงสาวคงใช้เวลาไม่เกินสามนาทีในการปิดสวิตช์ตัวเองเข้าสู่โหมดหลับใหล แต่คืนนี้เธอเอาแต่ครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ประหลาดที่เกิดขึ้นกับตนเอง ทั้งเรื่องแมวผีที่เหมือนจะโผล่มาแล้วหายไปอย่างไร้ร่องรอย แสงประหลาดสีมุกที่ปรากฏให้เห็นตอนที่เธอยกมือขึ้นห้ามหนุ่มใหญ่เลือดร้อนและตอนที่ผลักอกชายหนุ่มที่มาตามตอแยคนนั้น

หญิงสาวสะบัดผ้าห่มคลุมตัวออกลุกขึ้นเดินไปกดสวิตช์ไฟก่อนจะตรงไปยังโต๊ะเครื่องแป้งดึงลิ้นชักหยิบเอากล่องกำมะหยี่ที่มารดามอบให้ขึ้นมาเปิด สร้อยคอมุกเส้นนั้นยังอยู่ สร้อยมุกที่มีสีเหมือนกับแสงที่เหมือนจะมีที่มาจากฝ่ามือของเธอเอง

นิ้วเรียวสัมผัสไล้ลงบนมุกแต่ละเม็ดแผ่วเบา ถ้าเธอไม่ได้ตาฝาด...มุกแต่ละเม็ดนั้นส่องแสงเรืองขึ้นเมื่อสัมผัสกับปลายนิ้วของเธอเอง

อะไรกันเนี่ย?

คำถามในใจของหญิงสาวได้รับคำตอบ ทว่าคำตอบนั้นเป็นเสียงของสัตว์ชนิดหนึ่งที่ดังขึ้นมาจากทางระเบียง คุลิกาหันขวับทันทีตรงไปกระชากผ้าม่านประตูระเบียงให้เปิดออก บนพื้นระเบียงห้องว่างเปล่า

“ออกมานะ แมวบ้า เก่งจริงอย่ามาแต่เสียงสิ”

หญิงสาวเปิดประตูก้าวไปที่ระเบียงมองซ้ายขวาหาต้นเสียงที่ดังขึ้นเมื่อครู่แต่ก็ไม่พบจึงชะโงกจากขอบระเบียงห้องไปยังสนามด้านล่างทว่าไม่มี ‘แมวบ้า’ ให้เห็นสักตัว

เมี้ยวววว....ว

เสียงร้องเหมียวดังขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้กลับดังอยู่ในห้องนอน หญิงสาวที่พยายามข่มตานอนอยู่นานหงุดหงิดจากการนอนไม่หลับก็พอควรอยู่แล้ว มาเจอแมวกวนประสาทเข้าให้อีกก็ยิ่งเดือดก้าวฉับ ๆ กลับเข้าไปในห้องนอนทันที

“นี่จะเกินไปแล้วนะ หลบอยู่แล้วแอบเข้ามาในห้องหรือไง”

เมี้ยวววว

แมวสีขาวตัวเดิมนั่งนิ่งอยู่บนเตียงนอนของเธอ ส่งสายตามองนิ่งมาทางเจ้าของห้อง มันนั่งอยู่บนหนังสือปกหนังสีดำที่คุลิกาไม่เคยเห็นมาก่อนหากสิ่งที่หญิงสาวสนใจในตอนนี้ไม่ใช่หนังสือ

“กล้าดียังไง มาขึ้นเตียงฉัน แอบเข้ามาได้ยังไงเนี่ย แกต้องเป็นแมวผีแน่ ๆ” คนพูดมองซ้ายมองขวาก่อนแล่นไปคว้าไม้แขวนเสื้อในตู้เสื้อผ้าหมายใจปฏิบัติการตีแมว แต่พอหันกลับไปที่เตียงอีกที แมวสีขาวตัวนั้นก็ไม่อยู่เสียแล้ว “ไวชะมัด เข้าออกห้องฉันเป็นว่าเล่น คอยดูนะ เจอคราวหน้าล่ะก็...”

คุลิกาเดินฉับไปปิดประตูระเบียงก่อนกลับมาทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงพิจารณาจุดที่เห็นแมวสีขาวนั่งอยู่ก่อนหน้าเกรงจะมีขนแมวตกอยู่บนที่นอนหากสิ่งที่มันทิ้งไว้มีเพียงหนังสือปกหนังสีดำ

หนังสือปกหนังเล่มนั้นไม่มีอักษรใดปรากฏอยู่ที่บนปก หญิงสาวเอื้อมมือไปคว้ามาพลิกดูอีกด้านก็ไม่พบตัวอักษรที่บ่งบอกชื่อของหนังสือ ที่บริเวณสันปกสีดำก็เช่นกัน ครั้นเมื่อเปิดดูข้างในก็พบเพียงหน้ากระดาษว่างเปล่า

อะไรกัน หนังสือบ้าอะไรก็ไม่รู้ ไม่มีชื่อ ไม่มีเนื้อหา มีแต่หน้ากระดาษ แล้วมาอยู่ในห้องเราได้ยังไง...หรือว่าเราจะฝัน

พร้อมกับความคิดนั้นหญิงสาวยกมือขึ้นหยิกต้นแขนตัวเอง

โอ๊ย!

ความรู้สึกเจ็บที่ต้นแขนคือสิ่งที่ปลุกให้คุลิกาตื่นจากภวังค์ หญิงสาวดีดตัวลุกขึ้นนั่งคลำแขนตัวเองป้อย พึมพำแช่งชัก ‘แมวบ้า’ ในความฝันเพ้อที่ตามมาด้วยอาการเจ็บจริงนั้น

เสียงร้องเหมียวดังขึ้นอีกครั้งจากทางระเบียง เรียกให้คุลิกาสะบัดผ้าที่คลุมร่างกายอยู่ออกหมายใจจะโผไปเปิดประตูไล่ตีแมวให้หายโมโหหากได้ยินเสียงวัตถุอย่างหนึ่งตกลงบนพื้นห้องนอนเสียก่อนจึงก้มลงมองบนพื้นห้องนอน สายตาเมื่อปรับเข้ากับความมืดได้แล้วก็พอมองเห็นอะไรเป็นรูปร่างแม้จะไม่เห็นรายละเอียดชัดเจนนัก

จากรูปทรงสี่เหลี่ยมนั้นเธอคาดเดาในใจแล้วว่าสิ่งนั้นคืออะไร ทว่าเมื่อเอื้อมมือไปสัมผัสหัวใจกลับเต้นแรงอย่างควบคุมไม่ได้ สัมผัสของปกหนังสือ

ไม่จริงน่า

คุลิกาถือวัตถุในมือไปกดเปิดสวิตซ์ไฟ เบิกตามองสิ่งที่ถืออยู่อย่างไม่ค่อยอยากจะเชื่อตาตัวเองเท่าใดนัก หนังสือปกหนังแบบเดียวกับที่เธอเห็นในฝันก่อนหน้านี้

หรือจะต้องหยิกแขนตัวเองอีกสักที คุลิกาเพียงแค่คิดแต่ก็ไม่ได้ลงมือทำอย่างใจ เพราะต้นแขนยังรู้สึกได้ถึงอาการเจ็บแปลบจากการหยิกตัวเองในฝัน...หรือตอนนี้หญิงสาวไม่แน่ใจแล้วว่ามันเป็นความฝันหรือความจริงกันแน่



คุลิกาเดินโซซัดโซเซลงจากห้องนอนแม้จะอาบน้ำ แต่งตัวแต่งหน้าแล้วแต่ก็ไม่อาจปกปิดร่องรอยคล้ำของขอบตาบน รวมถึงอาการง่วงซึมเพราะนอนไม่หลับมาทั้งคืนได้ ผู้เป็นแม่ที่เพิ่งจะวางชามข้าวต้มลงบนโต๊ะอาหารเสร็จเงยหน้าขึ้นมามองลูกสาวที่หย่อนตัวปุลงกับเก้าอี้โต๊ะกินข้าวถึงกับร้องออกมาอย่างตกใจกับสภาพที่ได้เห็น

“ตายจริง แคท...ทำไมหน้าตาเป็นอย่างนั้นล่ะลูก ไปทำงานไหวไหม”

หญิงสาวอ้าปากหาวไม่มีแก่ใจแม้แต่จะยกมือขึ้นปิดปาก ก่อนตอบด้วยเสียงงัวเงีย “ไหวค่ะแม่ เมื่อคืนฝันอะไรแปลก ๆ เลยนอนไม่หลับ”

“ฝันอะไรลูก”

คนในชุดทำงานขยับจะอ้าปากเล่าแต่เมื่อนึกถึงความแปลกประหลาดของฝันนั้นก็เปลี่ยนใจ ส่ายหน้าพลางเอ่ย “ไม่มีอะไรหรอกค่ะแม่ ฝันไร้สาระ จำไม่ได้แล้ว สงสัยเมื่อคืนที่งานเลี้ยงจะกินเยอะไปหน่อย เลยฝันอะไรเพ้อเจ้อไปเรื่อยพลอยทำให้นอนไม่หลับ”

“งั้นก็รีบกินข้าวเข้าเถอะจ๊ะ เดี๋ยวจะไปทำงานสาย”

คำแนะของจิตราแทบไม่จำเป็น เพราะคุลิกาเป็นคนทำอะไรค่อนข้างเร็วอยู่แล้ว แม้แต่กับการกินข้าวต้มร้อน ๆ ไม่ถึงสิบนาทีชามข้าวต้มเครื่องใส่กระดูกหมูก็เหลือเพียงกระดูกอยู่ในชาม หญิงสาวแลบลิ้นอย่างจะระบายความร้อนก่อนยกแก้วน้ำขึ้นดื่มอึกใหญ่ ยกชามและแก้วไปล้างอย่างงเร่งด่วนก่อนจะเดินมาหยุดยืนข้างผู้ที่เพิ่งกินข้าวต้มไปได้ไม่ถึงครึ่งชาม ชะโงกหน้าลงไปจรดปลายจมูกเข้าที่แก้มของผู้ให้กำเนิด

“ไปก่อนนะคะแม่ แล้วเย็นนี้จะรีบกลับมากินข้าวเย็นด้วย”

หญิงสาวพูดจบก็รีบเดินออกจากตัวบ้านคว้ารองเท้าจากตู้ยังไม่ทันจะสวมเสร็จสายตาก็สอดส่ายไปเห็นมอเตอร์ไซค์รับจ้างคันหนึ่งกำลังจะวิ่งผ่านหน้าบ้านเสียก่อน จึงรีบตะโกนเรียกให้หยุด พยายามยัดตัวเองเข้าไปในรองเท้าส้นสูงด้วยความเร็วสูงสุดก่อนจ้ำอ้าวไปขึ้นรถที่หน้าประตูรั้วบ้าน

ช่วงเวลาเร่งด่วนทำให้คุลิกาต้องยืนตลอดการโดยสารรถสาธารณะทั้งรถเมล์และรถไฟฟ้า แม้เปลือกตาจะหนักจนเกือบปิดอยู่หลายต่อหลายครั้งแต่ก็ไม่สามารถที่จะงีบหลับได้อย่างใจ หญิงสาวพึมพำด่า ‘แมวบ้า’ ที่เป็นต้นเหตุทำให้เธอนอนไม่หลับทั้งคืนขณะที่เดินจากสถานีรถไฟฟ้าใกล้ที่ทำงานเพื่อตรงไปยังอาคารซึ่งเป็นที่ตั้งของบริษัทซึ่งคุลิกาทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์อยู่

บอดี้แอนด์โฮม ไทยแลนด์เป็นนำเข้าและจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์ในครัวเรือนทุกประเภทแม้เจ้าของธุรกิจเพิ่งจะบุกเบิกได้ไม่กี่ปีแต่ด้วยคุณภาพของสินค้าก็ทำให้เริ่มเป็นที่รู้จักในวงกว้างและเริ่มมีการขยายไปเปิดช้อปเล็ก ๆ ตามห้างสรรพสินค้าใหญ่ในต่างจังหวัด คุลิกาใช้สิทธิพนักงานซื้อสินค้าในราคาลดพิเศษไปใช้ที่บ้าน เรียกได้ว่าใช้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทตั้งแต่หัวจรดเท้า รวมไปถึงผลิตภัณฑ์ที่ใช้ดูแลรักษาบ้าน เครื่องใช้ในบ้าน รถยนต์ แม้หญิงสาวจะบอกจิตราว่าคุณภาพสินค้าดีกว่ายี่ห้ออื่นที่จำหน่ายในท้องตลาด แต่คนเป็นแม่เคยย้อนว่า

‘ต่อให้ดีแค่ไหนแต่ถ้าไม่ได้ราคาถูกเพราะใช้สิทธิพนักงานแถมยังมีเงินปันผลให้หลังสรุปยอดซื้อสินค้ารายปี แม่ว่าแคทก็คงไม่ใช้หรอกจริงไหม’

หญิงสาวยักไหล่อย่างยอมรับในเหตุผลแฝงนั้น เธออยู่กับแม่สองคนและแม่ก็ไม่ได้มีรายได้อะไรนอกจากเงินบำนาญเดือนละไม่มากนัก ทางไหนที่จะช่วยประหยัดเก็บเงินออมเอาไว้ใช้ในอนาคตคุลิกาก็ไม่ลังเลที่จะทำ

อาคารสูงใจกลางเมืองแห่งนี้เป็นอาคารสำหรับให้บริษัทต่าง ๆ มาเช่าทำสำนักงาน ด้านล่างของอาคารมีร้านค้า ร้านอาหารเปิดให้บริการหลายร้าน ช่วงเวลาเช้าก่อนเวลาเริ่มงานเหล่าพนักงานบริษัทมักฝังตัวอยู่บนเก้าอี้ภายในร้านกาแฟ ร้านอาหาร แต่สำหรับคุลิกาที่กินอาหารเช้าฝีมือแม่มาจากบ้านและอยู่ในสภาพที่พร้อมจะหลับได้ทุกเมื่อ สิ่งที่ต้องการในตอนนี้ก็แค่กาแฟแก้วโตสักแก้ว



เข้าแถวรอซื้อกาแฟจากร้านแฟรนไชส์ดังกว่าสิบนาที คุลิกาก็ได้กาแฟอเมริกาโน่เย็นแก้วใหญ่ติดมื้อขึ้นลิฟต์มาจนถึงบริษัท ทักทายรุ่นพี่และเพื่อนร่วมงานระหว่างทางกว่าจะถึงโต๊ะก็ใกล้เวลาเริ่มงานพอดี

นี่ถ้าไม่อยากได้คาเฟอีนคุณภาพไม่มีทางได้กินเงินฉันแน่ กาแฟบ้าอะไรแก้วละเกินร้อย กินข้าวได้ตั้งหลายมื้อ หญิงสาวนึกในใจขณะกำลังวางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะ หยิบกุญแจจากกระเป๋าสะพายมาก้มลงเปิดลิ้นชักโต๊ะที่ล็อคเอาไว้ พอเงยหน้าขึ้นมาหมายจะเอื้อมไปกดเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ก็ต้องร้องอุ้ยออกมา

เสียงนั้นดังพอจะเรียกความสนใจจากเพื่อนร่วมงาน คุลิการู้ตัวยกมือขยับลุกขึ้นยืนให้พ้นจากที่กั้นระหว่างโต๊ะ ยกมือไหว้เป็นเชิงขอโทษขอโพย ก่อนจะหย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้อีกครั้งจับจ้องไปยังสิ่งที่อยู่หลังแก้วกาแฟ...แมวสีขาวตัวเดิม...แมวบ้า ที่ปรากฏตัวให้เธอเห็นมาเป็นระยะในช่วงเวลาสามวันที่ผ่านมา ทั้งในความจริง ความฝัน ปะปนกันจนตอนนี้เธอชักไม่แน่ใจว่าเดินทางมาทำงานจริงหรือว่ากำลังนอนหลับฝันอยู่กับบ้านกันแน่

ขืนโวยวายออกไปคนต้องคิดว่าบ้าแน่ ๆ

แมวสีขาวตัวนั้นจ้องเธอด้วยดวงตาสีอำพัน ยกขาหน้าข้างหนึ่งขึ้นค่อย ๆ ยื่นออกมาทางแก้วกาแฟที่คุลิกาเพิ่งจะดูดน้ำกาแฟสีเข้มไปได้เพียงไม่กี่อึกระหว่างที่ขึ้นมาจากโถงอาคารด้านล่าง

“อย่านะ”

หญิงสาวพูดเสียงกระซิบ แน่ใจว่าไม่มีใครในห้องที่มองเห็นแมวตัวนี้เหมือนที่เธอเห็น เป็นไปไม่ได้ที่มันจะผ่านประตูทางเข้าที่ต้องใช้บัตรพนักงานสแกนเข้ามาด้วยซ้ำ

มันยิ้ม...แน่ ๆ คุลิกาไม่ได้ตาฝาดมันยิ้ม เหมือนกำลังวางแผนร้ายอะไรสักอย่างอยู่ ขณะที่อุ้งเท้าข้างนั้นเลื่อนเข้าใกล้แก้วกาแฟมากขึ้นเรื่อย ๆ

“อย่า!”

คุลิกากำลังจะยกมือขึ้นคว้าแก้วกาแฟหากไม่ทันการณ์ เจ้าแมวสีขาวใช้อุ้งเท้าผลักจนแก้วพลาสติกสกรีนโลโก้ยี่ห้อร้านกาแฟนั้นคว่ำลงบนโต๊ะ น้ำกาแฟสีเข้มและน้ำแข็งในแก้วสาดกระจายเมื่อฝาพลาสติกหลุดออกจากแรงกระแทก

คราวนี้หญิงสาวไม่อาจจะคุมเสียงได้ เธอร้องว้ายออกมาไปดังลั่น เรียกความสนใจจากทุกคนที่เดินทางมาถึงที่ทำงานแล้ว หลายคนที่ยังเดินไม่ถึงโต๊ะหยุดฝีเท้ามองมาทางโต๊ะทำงานของคุลิกา ส่วนคนอื่นที่ประจำคอกกั้นของตัวเองพากันดีดตัวขึ้นยืนมอง เพื่อนร่วมงานสาวรุ่นพี่ที่อยู่โต๊ะถัดกันชะโงกมาถามทันที

“เกิดอะไรขึ้นน่ะแคท”

คนถูกถามหันไปมองรุ่นพี่ อ้าปากค้างพยายามหาคำอธิบายก่อนหันกลับไปมองบนโต๊ะที่ตอนนี้มีเพียงแก้วกาแฟคว่ำอยู่ ไร้ร่องรอยแมวสีขาวตัวต้นเหตุ

“เอ่อ...แคท...ซุ่มซ่าม ทำกาแฟหกค่ะ”

เมื่อได้ยินคำตอบของคุลิกา คนอื่นในห้องทำงานดูจะหมดความสนใจไปเว้นแต่เพื่อนร่วมงานสาวรุ่นพี่ที่ส่ายหน้าเล็กน้อยก่อนเอ่ยกับรุ่นน้อง

“ร้องซะตกอกตกใจหมด เดี๋ยวให้แม่บ้านมาเช็ดทำความสะอาดก็แล้วกัน ไม่มีเอกสารหรือของสำคัญอะไรเสียหายใช่ไหม”

หญิงสาวมองสำรวจแล้วพบเพียงชายกระโปรงสีฟ้าของตนเท่านั้นที่ตอนนี้เปื้อนน้ำกาแฟสีเข้มถึงร่องรอยเป็นดวงใหญ่ จึงหันไปส่ายหน้าตอบคำเพื่อนร่วมงานรุ่นพี่

“กระโปรงเปียกนิดหน่อยค่ะ”

“รีบไปห้องน้ำจัดการให้เรียบร้อยเถอะ เดี๋ยวจะทิ้งรอยเปื้อนเปล่า ๆ แล้วทางนี้พี่จะเรียกแม่บ้านจัดการให้เอง”

คุลิกาเอ่ยคำขอบคุณรีบเดินออกไปทางหน้าประตูทางเข้าเพื่อออกไปยังห้องน้ำซึ่งอยู่ด้านหลังของลิฟท์โดยสาร หญิงสาวก้าวผ่านทางเดินข้างลิฟท์ที่นำไปสู่ห้องน้ำขณะที่สายตาก็สอดส่ายหาตัวต้นเหตุ

กาแฟแก้วเป็นร้อย ยังดูดไปไม่ถึงยี่สิบบาท มาทำหกเสียเงินเปล่าไปหลายสิบแถมยังทำกระโปรงเปื้อนอีก ไอ้แมวบ้า...อย่าให้จับตัวได้นะ แม่จะเจี๋ยนให้เลยคอยดูสิ



การใช้กระดาษชุบน้ำเช็ดชายกระโปรงและรอให้พอแห้งใช้เวลานานพอสมควร คุลิกาจึงยิ่งทวีความขุ่นเคืองที่มีต่อสัตว์สี่เท้าสีขาวเจ้าปัญหา และขณะที่กำลังผลักประตูออกจากห้องน้ำสวนกับพนักงานต่างแผนกที่เดินสวนเข้ามา หญิงสาวก็ร้องว้ายอย่างตกใจ ส่งผลให้พนักงานคนนั้นมองหน้าเธออย่างสงสัย

แมวบ้า...เพิ่งจะวิ่งผ่านขาของเธอไปโดยที่คนที่ยืนประจันหน้าอยู่เหมือนจะไม่ได้รับรู้ถึงการปรากฏตัวของมันแต่อย่างใด

อารมณ์ที่เดือดอยู่แล้วเลยกลายเป็นระเบิด หญิงสาวจึงก้าวพรวดแทบจะกระโดดออกมายังบริเวณทางเดินเมื่อมองไปก็เห็นว่าแมวสีขาวตัวนั้นกำลังหยุดอยู่ที่ปลายทางเดินที่จะเลี้ยวไปทางข้างลิฟท์โดยสาร

เมี้ยว...ววว

เสียงร้องเหมียวนั้นฟังคล้ายมีแววของการล้อเลียน ไม่ผิดแน่ แมวบ้ากำลังยิ้มเยาะที่แกล้งเธอได้ คุลิกาถอนฉุน คำรามรอดไรฟันอย่างเหลืออด

“ถ้าวันนี้ไล่จับแกมาลงโทษไม่ได้ ก็อย่ามาเรียกว่าแคทก็แล้วกัน”

คุลิกาออกวิ่งอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้บนรองเท้าส้นสูงหนึ่งนิ้ว หมายใจจะคว้าตัวแมวตัวป่วนมาขย้ำให้หายเจ็บใจ แต่มันไม่ยอมอยู่นิ่งให้จับง่าย ๆ กลับออกวิ่งหนีผ่านหน้าลิฟต์โดยสารไปยังบันไดหนีไฟ

ประตูบันไดหนีไฟนั้นปกติจะปิดอยู่เสมอหากวันนี้เปิดทิ้งไว้ ทำให้แมวสีขาววิ่งหนีออกไปได้ หญิงสาวที่วิ่งไล่กวดมัวแต่โมโหเลยไม่คำนึงถึงความผิดปกติของการเปิดประตูบันไดหนีไฟทิ้งเอาไว้นั้น มันวิ่งหนีเธอขึ้นบันไดไปแล้วหยุดอยู่ที่ชานพักบันไดราวกับจะรอให้เธอวิ่งตา

ถ้าใบหน้าของแมวตัวนั้นเป็นใบหน้าคน คุลิกาสาบานได้ว่ามันกำลังยิ้ม ยิ้มแบบยียวนกวนประสาทที่สุด

“เก่งจริงก็อย่าหนีสิ”

หญิงสาวคำรามแล้ววิ่งตามขึ้นไป ทันทีที่เธอออกวิ่ง แมวสีขาวก็วิ่งหนีต่อและไปหยุดยืนอยู่ที่ชานพักอีกช่วงหนึ่งของอาคาร ถึงตอนนี้ความเหนื่อยไม่มีผลกับคุลิกาเท่ากับอารมณ์โมโหเธอวิ่งไล่มันต่อ และเช่นเคยเจ้าแมวจอมกวนไม่ยอมอยู่นิ่งให้เธอจับโดยดี



ประตูทางออกหนีไฟของชั้นที่ถัดไปอีกสี่ชั้นของบริษัทบอดี้แอนด์โฮมเปิดทิ้งเอาไว้ ร่างขนปุยสีขาววิ่งหนีคุลิกาเข้าไปภายในโถงทางเดิน เลี้ยวตัดหน้าบริเวณที่น่าจะเป็นลิฟท์ตามผังของอาคารที่แต่ละชั้นจะมีลักษณะเดียวกัน หญิงสาววิ่งตามโดยไม่ทันเห็นว่าประตูลิฟท์กำลังเปิดอยู่และคนที่อยู่ภายในกล่องเหล็กนั้นกำลังก้าวออกมา

ร่างสูงนั้นชะงักฝีเท้าทันทีที่ตระหนักได้ว่ามีใครคนหนึ่งกำลังวิ่งมาตามทางเดิน หากไม่สามารถหลบพ้นระยะวิ่งของคุลิกาที่ก้มมองแมวตัวแสบที่วิ่งห่างออกไปบนพื้นเบื้องหน้า ร่างเล็กเมื่อกระแทกเข้ากับคนที่เพิ่งออกมาจากลิฟท์เข้าอย่างจังก็ส่งผลให้ล้มกระแทกก้นจ้ำเบ้าเจ้าตัวร้องว้ายออกมาด้วยความตกใจ

คุลิกาไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองคนที่ตนเดินชนเพราะมัวแต่ก้มลงสำรวจตัวเอง คลำสะโพกป้อย มานึกได้ว่าตนวิ่งมาชนใครคนหนึ่งเข้าก็ตอนที่มีมือใหญ่เอื้อมมาตรงหน้าอย่างจะให้ความช่วยเหลือ หญิงสาวค่อยเงยหน้าขึ้นมอง ‘เขา’

ชายหนุ่มในชุดเสื้อสูทสีเทา เสื้อสูทนั้นไม่ติดกระดุมเพียงแต่สวมคลุมเผยให้เห็นเสื้อเชิ้ตสีฟ้าเข้ารูปทำให้มองเห็นช่วงท้องแบนราบและช่วงอกนูนโค้งตามรูปทรงกล้ามเนื้ออกของผู้สวม...เนคไทเนื้อดีสีน้ำเงินเข้ม

สีผิวเข้มเนียน จมูกโด่ง ดวงตาคมดำสนิทเช่นเดียวกับสีผม ผมยาวตรงนั้นตัดสั้นเข้าทรง รอบริมฝีปากและใต้คางแทบไม่มีไรของหนวดเคราให้เห็น แต่เครื่องหน้าที่มีอยู่ก็ทำให้เขาดูคมเข้มอยู่มากแล้ว ปากหยักรูปทรงสวยนั้นคลี่ออก อวดฟันขาวรวมถึงฟันเขี้ยวด้านบนทั้งซ้ายขวา รอยยิ้มนั้นทำให้หน้าเข้มดูอ่อนโยนลงอย่างประหลาด

หญิงสาวยื่นมือไปจับดึงร่างตนเองขึ้น ปัดฝุ่นที่เปื้อนชายกระโปรง ขณะที่สายตายังคงจับจ้องใบหน้าของหนุ่มผิวเข้มไม่วางตา กระทั่งเขาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย คุลิกาจึงรู้สึกตัว

“เอ่อ...ฉันขอโทษด้วยนะคะ”

“ไม่เป็นไรครับ มันเป็นอุบัติเหตุ” เขาตอบหญิงสาวด้วยเสียงทุ้มนุ่มหากเพียงครู่คิ้วเข้มก็ขมวด “คุณ...ไม่ใช่พนักงานของที่นี่”

คุลิกาก้มลงมองบัตรพนักงานที่ห้อยคออยู่ก่อนเงยหน้าขึ้นมองชื่อบริษัทที่ติดอยู่หน้าประตูทางเข้า พนักงานรักษาความปลอดภัยที่นั่งอยู่ด้านหน้าขยับจะลุกขึ้น ยิ่งทำให้หญิงสาวหน้าเสีย แต่ชายหนุ่มผิวเข้มเหมือนจะอ่านสีหน้าท่าทางของเธอออกจึงหันไปเอ่ย

“ไม่มีอะไร คงมีเรื่องเข้าใจอะไรผิด คุณผู้หญิงคนนี้คงจะหลงมา”

ชายในเครื่องแบบบริษัทรักษาความปลอดภัยตอบรับคำก่อนจะหย่อนตัวลงนั่งตามเดิม และเมื่อชายในชุดสูทหันกลับมาทางเธออีกครั้งสีหน้าและแววตานั้นก็เหมือนจะขอคำอธิบายบางอย่างจากเธอเช่นเดิม

“คือฉัน...เอ่อ...ฉัน” คุลิกาคิดหาข้ออ้างที่ดีกว่าการบอกว่าวิ่งตามแมวที่มีเพียงเธอคนเดียวที่มองเห็นมาจนเจอเขา “ฉันหลบออกมาคิดอะไรที่ชานพักบันได...เปิดประตูหนีไฟทิ้งไว้...แล้ว...อยู่ ๆ มันก็ดีดปิดกลับ ฉันพยายามจะเปิดเท่าไหร่ก็เปิดไม่ได้ มือถือก็ลืมไว้ที่โต๊ะ จะโทรเรียกใครก็ไม่ได้ เคาะเรียกอยู่พักนึงก็ไม่มีใครได้ยิน...ก็เลย....ก็เลย”

“เดินขึ้นลงบันไดมามั่ว ๆ จนเจอชั้นนี้เปิดบันไดหนีไฟทิ้งไว้” เขาเอ่ยอย่างจะช่วยทำความเข้าใจ

“ใช่ ๆ อย่างนั้นเลยค่ะ” หญิงสาวรับลูกทันที “จะให้เดินเอ้อระเหยบนชั้นที่ไม่ใช่บริษัทตัวเอง บัตรวิซิเตอร์ก็ไม่มี เลยว่าจะรีบวิ่งเข้าไปในลิฟท์ ลืมไปว่าต้องมีคนออกมา ฉันขอโทษด้วยอีกครั้งนะคะ”

“ไม่เป็นไรครับ ผมบอกแล้วว่ามันเป็นอุบัติเหตุ” เขาพร้อมยืนยันคำพูดด้วยรอยยิ้มกระจ่าง “แต่ตอนนี้ถ้าคุณไม่รีบระวังจะมีคนชั้นอื่นกดเรียกลิฟท์ซะก่อนนะครับ”

“จริงด้วย...งั้น...ฉันขอตัวก่อนนะคะ”

คุลิการีบก้าวเข้าไปในลิฟท์ กดปุ่มปิดก่อนจะกดหมายเลขชั้น ถอนใจออกมาหนักหน่วงขณะที่มือสองข้างยกขึ้นกำเขย่าอย่างจะระบายอารมณ์ เพราะนอกจากจะไล่ไม่ทันแมวบ้าแล้วยังรู้สึกเหมือนโดนปั่นหัวอีกต่างหาก ไหนจะทำให้เธอต้องทำเปิ่นต่อหน้าชายหนุ่มที่เธอไม่รู้จักคนเมื่อครู่นี้อีก



การประชุมงานในช่วงสายของวันนั้นสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี คุลิกาเดินออกจากห้องประชุมมาที่โต๊ะเพื่อหยิบกระเป๋าเตรียมตัวออกไปพักเที่ยง ขณะที่ก้มตัวลงไขกุญแจลิ้นชักโต๊ะก็เห็นกระดาษโน้ตสีเหลืองอ่อนแปะอยู่กับขอบหน้าจอคอมพิวเตอร์ เพิ่งจะดึงออกมาอ่านเด็กสาวรุ่นน้องพนักงานใหม่จากอีกแผนกที่ใช้ห้องทำงานร่วมกันก็เดินมาชะโงกผ่านแผงกั้นโต๊ะ

“หนูโน้ตไว้ให้พี่แคทเองค่ะ...หนุ่มที่ไหนก็ไม่รู้ เสียงทุ้มนุ่มน่าฟังจัง”

“พี่ก็อยากรู้เหมือนกันว่าหนุ่มที่ไหน?”

“อ้าว...พี่แคทไม่รู้จักเหรอคะ”

หญิงสาวส่ายหน้าแทนคำตอบ ใจหนึ่งกระหวัดไปถึงหนุ่มจอมตื้อที่เธอเจอเมื่อวันก่อน แต่เสียงของนายคนนั้นฟังดูก็ไม่ได้ทุ่มนุ่มชวนฝันขนาดจะทำให้คนที่เพิ่งได้ยินเสียงทางโทรศัพท์ครั้งเดียวจะให้ความสนใจขนาดนี้ได้

“พวกบัตรเครดิตโทรมาเสนอโปรโมชั่นพิเส้ดพิเศษรึเปล่าก็ไม่รู้” คุลิการำพึง

“ไม่น่าใช่นะพี่แคท ไม่เห็นเขาบอกว่าโทรมาจากบริษัทอะไรแบบนั้นเลยอ่ะ”

“ไม่เป็นไร ยังไงก็ขอบใจนะจ๊ะที่ช่วยโน้ตไว้ให้”

คุลิกาแปะกระดาษสีเหลืองอ่อนกลับลงไปบนขอบหน้าจอ หยิบกระเป๋าจากลิ้นชักก่อนจะไขกุญแจล็อคไว้เช่นเดิม

“แผนกพี่กำลังจะไปกินข้าวกลางวันที่ร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อซอยข้างบริษัท ไปด้วยกันไหม”

“ที่แผนกหนูชวนกันไปกินส้มตำไกย่างแล้วพี่แคท” เด็กสาวที่เรียนจบและเริ่มเข้าทำงานตามหลังคุลิกาเพียงหนึ่งปีหากดูบุคลิกคล้ายจะอ่อนกว่าอายุอยู่หลายปีทำท่าสูดปาก “เปรี้ยวปากอยากกินส้มตำแซบ ๆ มาหลายวัน”

“งั้นก็ตัวใครตัวมันนะจ๊ะ”

สองสาวแยกตัวไปรวมกลุ่มกับเพื่อนพนักงานแผนกเดียวกัน แม้จะร่วมโต๊ะกับเพื่อนร่วมงานพูดคุยกันออกรสแต่ในใจของคุลิกายังคงนึกถึงคนที่มีเสียงทุ้มนุ่มที่โทรมาและทิ้งโน้ตเอาไว้ให้เธอติดต่อกลับ

เสียงทุ้มนุ่ม...ใครกันนะ



ช่วงบ่ายคุลิกาใช้เวลาไปกับการเขียนข้อมูลเพื่อส่งข่าวประชาสัมพันธ์ไปตามสื่อต่าง ๆ แม้จะพยายามตั้งสมาธิกับการทำงานแต่สมองของหญิงสาวกลับวุ่นวายคิดถึงเรื่องแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นกับตนตลอดเวลาสองสามวันที่ผ่านมา จะว่าไปแล้วนับตั้งแต่วันที่เธออายุครบยี่สิบสองปีเต็มนี่เอง

แมวประหลาด ฝันแปลก...รวมไปถึงผู้ชายสองคนที่เธอได้พบในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน และต้นเหตุของการพบเจอกันนั้นก็มาจากเจ้าแมวสีขาวตัวนั้น

กระทั่งใกล้ห้าโมงเย็นโทรศัพท์บนโต๊ะทำงานของหญิงสาวก็แผดเสียงขึ้น เรียกให้เธอละจากงานที่ทำเอื้อมไปรับสาย

“คุลิกาค่ะ”

“คุณ...คุลิกา”

เสียงทุ้มนุ่ม คุ้นหู...หญิงสาวนึกออกตอนที่ได้ยินว่าเสียงทุ่มนุ่มที่ว่านั้นน่าจะเป็นเสียงของชายหนุ่มคนที่เธอเพิ่งได้พบเมื่อเช้า

“คุณ...คือใครคะ”

“ปพนธีร์ครับ ผมทิ้งโน้ตเอาไว้ให้คุณติดต่อกลับ แต่เห็นคุณเงียบไป...คิดว่าคุณคงมีประชุมติดพัน”

“ค่ะ” ประชาสัมพันธ์สาวรับคำเพราะไม่รู้จะตอบอะไรดีไปกว่านั้น เธอไม่คิดว่าจะติดต่อกลับไปด้วยซ้ำเพราะไม่รู้ว่าเขามีเหตุผลอะไรในการติดต่อเธอมา

“จริงสิ คุณอาจจะจำผมไม่ได้”

“คุณคือ...ที่ฉันวิ่งชนเมื่อเช้า”

คุลิกาทอดเสียงช้า ยาวอย่างไม่แน่ใจ และผู้ฟังคงจะพอเข้าใจได้ถึงสาเหตุจึงรีบเอ่ยขึ้นทันที

“ผมเห็นบัตรพนักงานคุณเลยหาเบอร์ติดต่อน่ะครับ ชื่อคุณค่อนข้างแปลก ผมเลยจำได้”

“แล้ว...”

“ผมนี่แย่จัง น่าจะรีบเข้าเรื่อง ขอโทษด้วยนะครับ พอดีตอนที่เราวิ่งชนกันเมื่อเช้า...”

“หมายถึงฉันวิ่งชนคุณ”

ปลายสายหัวเราะเบา ๆ แม้แต่เสียงหัวเราะของผู้ชายคนนี้ก็น่าฟังอย่างประหลาด

“ครับ ที่คุณวิ่งชนผม พอดีคุณทำกุญแจหล่นเอาไว้”

“เป็นไปไม่ได้มั้งคะ”

“ผมดูว่าน่าจะเป็นกุญแจบ้านนะครับ พวงกุญแจเป็นรูปโลหะรูปตัว K ไม่ใช่ของคุณเหรอครับ ผมเจอตกอยู่ที่พื้นหลังจากที่คุณเข้าลิฟท์ไปแล้ว จะเรียกก็ไม่ทัน”

“ที่ฉันว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะฉันเก็บมันไว้ในกระเป๋าสะพายไม่ได้ถือติดตัวไปด้วยน่ะค่ะ”

หญิงสาวอธิบายก่อนเปิดลิ้นชักหยิบกระเป๋าสะพายมาสำรวจช่องที่ตนใส่กุญแจบ้านเอาไว้ วินาทีนั้นเสียงร้องเหมียวที่ดูเหมือนจะมีเพียงเธอคนเดียวที่ได้ยินก็ดังขึ้นพร้อมกับที่คุลิกาตระหนักว่าพวงกุญแจบ้านของตนไม่ได้อยู่ในที่ที่ควรจะอยู่

“จริงด้วยค่ะ...มันไม่อยู่ในกระเป๋า สงสัยฉันคงจะเผลอหยิบติดมือไปไม่รู้ตัว”

คุลิกากล่าวทั้งที่ในใจไม่คิดว่าเหตุผลที่แท้จริงจะเป็นเช่นนั้น...ฝีมือแมวบ้านั่นแน่ ๆ






กมลภัทร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 16 มี.ค. 2557, 21:39:32 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 16 มี.ค. 2557, 21:39:32 น.

จำนวนการเข้าชม : 1802





<< ตอนที่ 2   ตอนที่ 4 >>
กมลภัทร 16 มี.ค. 2557, 21:43:47 น.
มาช้าหน่อยนะครับตอนนี้ จะเป็นนิยายรายปักษ์ไปละ 555

Zephyr >>>> ต้องรอติดตามนะครับว่าจะช่วยเหลืออะไรกันได้ไหม ยังไง ^_^

ของขวัญ >>>> มีหลุดจนได้ ตอนเขียนก็คิดอยู่ว่าเล่าย้อนไปขนาดนั้นคนอ่านจะงงไหม สรุปว่า...คนเขียนงงเอง 555

panon >>>> มาแล้วนะครับ ^_^

yimyum >>>> แฟนตาซีจ๋ามากกว่าเท่าที่เคยแต่งเลยครับ

lovemuay >>>> ประมาณนั้นครับ แต่เป็นสายพันธ์ไทย ที่สร้างขึ้นมาใหม่ ไม่ใช่แม่มดแบบฝรั่ง

Sukhumvit66 >>>> มาช้าหน่อยนะครับตอนนี้





lovemuay 16 มี.ค. 2557, 22:07:03 น.
ท่าทางดูเหมือนจะเป็นน้องเหมียวสื่อรักเลยนะคะ ช่วยให้นางเอกเนื้อหอม อิอิ


yimyum 16 มี.ค. 2557, 22:37:39 น.
แมวสีขาวนั้นเป็นคนหรือเปล่าคะเนี่ย น่าจะไม่ใช่มั้ง


นักอ่านเหนียวหนึบ 16 มี.ค. 2557, 23:46:26 น.
อั้ยๆๆๆ เพิ่งตามมาอ่าน หืมมม ชอบจิงๆ นิยายกลิ่นแฟนตาซีแบบนี้
อยากรู้จักแม่มดฉบับไทยๆ แล้ว จะขี่อัลไลดี โอ้ยยย อยากอ่านต่อ
แต่แอบชังเจ้าเหมียวสีขาวจิงๆ กาแฟมันแพงนะยะ!!!! นายกล้ามาก!!!! 555 อินจิงจัง


nasa 17 มี.ค. 2557, 17:26:32 น.
แมวแม่ (พ่อ) สื่อใช่มั้ย กวนจริงๆ หวังว่าเรื่องจะไม่ออกแนวลึกลับแบบน่ากลัวนะคะ


Sukhumvit66 17 มี.ค. 2557, 22:11:24 น.
สรุปใครเป็นพระเอกคะนี่..


เพียงพลอย 17 มี.ค. 2557, 22:26:46 น.
แสบไป๊ !!! ผลักแก้วกาแฟหกเลอะเทอะเลยเหรอ เป็นเค้าก็วิ่งไล่ตามเหมือนกันนะ จะจับมาบีบคอ ฮึ่มๆ


Zephyr 19 มี.ค. 2557, 23:11:45 น.
ส่งแมวแบบนี้มาให้เค้ามั่งสิ
ชีวิตเงียบเหงา เพื่อจะมีเรื่องดีๆต๊องๆให้ทำแก้เซ็ง
ฮ่าๆๆๆๆ ท่าจะได้หายเซ็งจนวุ่นวายแน่ๆเลย


ของขวัญ 19 มี.ค. 2557, 23:15:10 น.
หลอนดีค่ะ เจอแมวปั่นประสาทขนาดนี้


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account