ในเงาฝันปลายตะวัน
พรนับพัน ชีวิตของเธอจะมีตาอยู่ในทุกๆ ที่ แม้กระทั่งวันที่ตาจากไป หลายๆ สิ่งที่เธอทำก็ยังอยู่ในเงาของ 'ตะวัน' ผู้เป็นตาไม่เคยเปลี่ยน

และเพราะนิสัยที่เอาแต่ใจ โมโหร้าย ไม่สนใครหน้าไหนของพรนับพัน ชีวิตวันๆ หนึ่งเดินออกไปไหนไม่ได้ไกล หากมีเรื่องเข้ามาหาเจ้าหล่อนพร้อมพุ่งชน และนั่นเองทำให้รอบข้างกังวลและอยากจับเธอเปลี่ยนแปลง

ทิวากร ไม่รู้ว่าเขาโชคดี หรือโชคร้ายที่ได้รับหน้าที่จัดการเปลี่ยนมนุษย์ถ้ำ ให้ออกสู่สังคมได้อย่างปกติ แต่ดูเหมือนว่าคนที่ใครมองว่าโชคร้าย กลับเต็มใจรับสภาพ อ้าแขนรับมนุษย์ถ้ำคนนี้ซะด้วย
Tags: มนุษย์ถ้ำ โรแมนติก อมยิ้ม

ตอน: บทที่ 11 : การท้าทาย

บทที่ 11

น้ำหนาวมีนับพันพรเป็นลูกมือในการเตรียมวัตถุดิบยามเช้า ที่ทอดไข่ดาว แฮม ไส้กรอก หมู ไก่ และสลัดผักง่ายๆ

“หนาวเห็นข่าวทางทีวี เรื่องที่คุณพราวด์เธอโดนแฟนคลับของพี่ทิวกลั่นแกล้งแล้วนะคะ” มือคอยพลิกไส้กรอกในกระทะ ปากก็เริ่มถามคำถามอย่างกังวลใจ เหตุการณ์ทำนองนี้ช่างดูคุ้นตาเธอเหลือเกิน

“เสียดายของนะคะ ของกินมาเททิ้งเล่น” นับพันพรพยายามตลก

“หนาวก็เคยโดนค่ะ มาทั้งจดหมายขู่ เขียนด้วยเลือด ยางโดนปล่อยลม หนักเข้าก็ไปทำให้ครอบครัวเกิดอันตราย ตอนนั้นพี่ทิวยังไม่ได้แจ้งเกิด หรือสำเร็จในฐานะนักแสดงเลยค่ะ”

“คุณหนาวจะบอกว่ามีคนจงใจเหรอคะ”

“จากรูปการแล้วน่าจะเป็นอย่างนั้นนะคะ หนาวอยากให้คุณแฟร์ระวังตัวด้วยเหมือนกัน”

“ขอบคุณนะคะที่เป็นห่วง”

น้ำหนาวตักไส้กรอกมาจัดวางบนจานกระเบื้องแบนสีขาว ปิดเตาแก๊ส ปล่อยให้เจ้าบ้านยก และทำตามนับพันพรบอกที่ว่าหากเธอยังจะเก็บล้างอีก จะโกรธ

คนง่วงเดินมานั่งแปะบนโต๊ะอาหารอย่างสบาย หน้าตาสดชื่นจากการล้างหน้า แปรงฟันแล้ว เมื่อทุกคนนั่งประจำที่ พรนับพันก็ยิ้มแต้อย่างยินดี ดวงตาเปล่งประกายด้วยความนึกสนุก

“มะรืนนี้ คุณหนาวเตรียมแต่งตัวสวยได้เลยค่ะ” อารมณ์ดีขนาดฮัมเพลงธรณีกรรแสงได้ในจังหวะรื่นรมย์ ยิ่งสร้างความแปลกใจแก่ผู้ฟังที่ยังไม่เข้าใจ แต่คนตอบยังส่ายหัวดุ๊กดิ๊ก ไม่ชี้แจงเสียที ประกายตาแปลกที่นับพันพรเห็นในตอนนี้มั่นใจได้ว่าเกี่ยวกับเรื่องเอาคืนใครสักคนแน่นอน

“กิน กิน กิน วันนี้กินอะไรก็อร่อย”


“ตอนนี้กระแสคู่ของทิวกับแฟนดังมากเลยนะ มีแต่เห็นใจ เข้าใจแล้ว ตอนนี้รุมด่าคนทำกันเต็มเน็ท อารมณ์หนังคนละม้วนกับตอนแรกเลย” นาถเปิดคอมพิวเตอร์ตามกระแสข่าวอ่านไปยิ้มไป ไม่คิดไม่ฝันว่ามาดหญิงโหดอย่างพรนับพันจะได้รับคะแนนสงสารไปด้วย ในสายตาคนมองภายนอก พรนับพันดูดีขึ้นมาตั้งแต่เอาตัวไปช่วยน้ำหนาวทายาทผู้จัดละครชื่อดังที่กำลังมีปากเสียงกับสามี ถึงข่าวตามทีวีจะเผยแพร่ไม่ได้เพราะกรดิษฐ์เป็นคนใหญ่คนโต แต่คนที่เห็นมีหลายคู่ จะไปปิดหูปิดตาทุกคนเป็นไปไม่ได้ พรนับพันยังมาเจอกรณีพ่อแม่ฝ่ายชายไม่ปลื้ม มีคนที่กระแสสังคมออกมาบอกว่าแม่ฝ่ายชายจ้างมาทำ แต่ทุกหูของคนในร้านก็ได้ยินครบว่าพรนับพันไม่เชื่อ ซ้ำยังมานั่งทานอาหารต่อได้ปกติ

ทิวากรยิ้มให้กับคนดูคิวงานที่ยอมเอ่ยปากออกตัวในเรื่องของพรนับพันในทางบวกเป็นครั้งแรก แม้แต่สายตาช่างทำผมที่กำลังจัดผมให้เขา เพื่อร่วมงานรับรางวัลยังเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ

“ผมทำคุณพราวด์เดือดร้อนตั้งเยอะนะครับ เสียดายที่ผมดูแลคุณพราวด์ได้ไม่ดีพอ”

ช่างทำผมแต่งหน้าร่างกะทัดรัดเป็นชายใจหญิงยกมือหวีดเสียงร้อง “อยากเดือดร้อนบ้าง”

ทิวากรส่ายหัว หน้ายังครุ่นคิดหนักใจ “อย่าเลยครับ จนกว่า...” ประตูห้องเปิดออก ทองภูในเสื้อสูทสีดำ หูกระต่ายเนี้ยบเดินเข้ามา ทิวากรจึงไม่ทันได้พูดต่อจนจบ

“ปีนี้แฟนนายทำพวกเราอดได้คู่จิ้นแห่งปีเลย” ทองภูกลั้วหัวเราะ

“แหม ได้ข่าวว่าคุณทองภูก็เทียวไล้เทียวส่งน้องสาวแฟนทิวเขาไม่ใช่เหรอคะ จากคู่จิ้นจะได้เป็นคู่น้องเขยพี่เขยแทน” ช่างทำผมผู้รอบรู้ในโลกหล้าวงการบันเทิงจีบปากจีบคอพูด

“นายกับคุณแฟร์ไปถึงไหนแล้ว” ทิวากรถามบ้าง หน้าตาพยายามให้ผ่อนคลายขึ้น

“รอเพิ่มสถานะ” ทองภูยักคิ้ว

“ขอให้เป็นอย่างนั้นเถอะ” ทิวากรลุกขึ้นยืนเมื่อทีมงานของรายการประกาศรางวัลเรียก และเพียงแค่พบหน้าแฟนคลับตอนเดินพรมแดง ป้ายที่ชูว่า ‘ทิว พราวด์’ ก็ทำให้เขายิ้มไม่หุบ หลายเสียงส่งมาให้กำลังใจ ทิวากรชูนิ้วโป้งให้กับแฟนคลับ พยักหน้าแทนการขอบคุณ

เข้ามาในบริเวณงาน ทิวากรไปนั่งอยู่กับกลุ่มนักแสดงในละคร ละครที่เขาเล่นเกิดจากความกล้าของมารดาน้ำหนาวที่เลือกให้เขาเป็นพระเอก เชื่อในฝีมือและความสามารถ หลังจากทุกเรื่องเขาเป็นตัวประกอบ พระรอง และพระเอกร่วมมาตลอด แต่วันนี้แม่ของน้ำหนาวเลือกจะมึนตึงใส่เขา

“ลูกสาวฉันเสียคนเพราะคุณจริงๆ” น้ำทิพย์เลือกนั่งข้างเขาอย่างจำยอม เพราะเก้าอี้ที่เหลือถูกดาราคนอื่นจองเต็ม

ทิวากรมองภาพที่น้ำทิพย์นั่งข้างเขาพลางยิ้มรับ ช่วยไม่ได้ที่เขาออกปากกับเพื่อนร่วมละครคนอื่นว่าอยากจะปรับความเข้าใจกับปัญหาที่เป็นข่าวอยู่

“ผมขอโทษนะครับ ที่เรื่องทุกอย่างมันลงเอยแบบนี้ แต่หนาวเขาไม่มีความสุขจริงๆ หนาวก็เหมือนน้องสาวผม ผมไม่อยากให้หนาวเขาต้องตกนรกทั้งเป็น ทั้งที่ผมยังช่วยเธอได้หรอกนะครับ”

“เธอจะไปรู้อะไร เธอควรรู้ว่าเสือที่กำลังจ้องขย้ำเหยื่อ ไม่มีทางปล่อยให้หลุดมือง่ายๆ หรอก ฉันกลัวว่าหมอนั่นจะแค้นจนฆ่าลูกสาวฉันตาย คุณคิดว่าฉันยินดีที่ลูกสาวฉันเจ็บตัวมาทุกวันหรือไง ฉันถึงบอกให้หนาวทนๆ ไป”

เพราะเสียงพิธีกรบนเวทีดังพอจะทำให้บทสนทนาระยะใกล้ได้ยินในวงแคบ น้ำทิพย์จึงได้แต่ระบายอย่างคับแค้นในอก แต่แก้ไขอะไรไม่ได้

“ผมจะช่วย และคุณน้าก็ต้องใจแข็งให้มากกว่านี้ คุณควรจะเลือกยืนข้างลูกสาว” ทิวากรหันไปโบกมือกับกล้อง และส่งสัญญาณให้น้ำทิพย์จำต้องทำตาม ปรับสีหน้าให้ยิ้มแย้ม แม้จะคุยกันด้วยเรื่องเครียดมากแค่ไหนก็ตาม หน้าเศร้า มีปัญหา ไม่สมควรออกสื่อให้เป็นประเด็น

“ผมได้หลักฐานเด็ดมาไม่น้อย ถ้าเล่นงาน เสือที่ว่าอาจโดนตัดเขี้ยวไปแล้วนะครับ” ทิวากรกล่าวเสียงเบาลง “หนาวเคยเสียลูกไปคนหนึ่งแล้ว เธอนอนฝันร้ายไม่เคยหลับได้เต็มตา ถึงเวลาที่คุณน้าจะปัดเป่าฝันร้ายให้ลูกคุณน้านะครับ”

งานประกาศรางวัลภาพยนตร์ก่อนละคร กรดิษฐ์ในฐานะเจ้าของค่ายหนังใหญ่ที่มีรายได้ของหนังเรื่องหนึ่งสูงถึงร้อยล้านออกมาประกาศรางวัล ใบหน้ายิ้มแย้มไม่ยินร้ายต่อเรื่องที่กำลังเป็นข่าว

“ผมกรดิษฐ์ครับ วันนี้เรามามีความสุขกับงานกันดีกว่า ข่าวไร้สาระอะไรพวกนั้นอย่าไปสนใจเลยครับ”

ทิวากรสัมผัสได้ว่าร่างของน้ำทิพย์เกร็งหลังตรง หน้าตาแสดงออกว่าเจ็บปวดกับการได้ยินคำพูดไม่คิดของคนที่ทำร้ายลูกสาวมาตลอด น้ำตาของคนเป็นแม่คลอหน่วยแต่สะกดกลั้นมันไว้ ขณะเชิดหน้าท้ากล้องที่พร้อมใจกันจับ หน้าตาอันสมเพชคนพูดจ้องตรงไปยังคนบนเวที และทุกคนในงานอ่านสายตานี้ออก และรู้สึกไปในทางเดียวกัน

กรดิษฐ์ได้ทำเรื่องร้ายไว้กับลูกสาวของน้ำทิพย์

คนมีหลักฐานเด็ดหลายชิ้นยิ้มพึงใจต่อการตอกกลับกรดิษฐ์ในงาน แฟนคลับที่ได้รับสิทธิ์ร่วมงานถึงกับส่งเสียงโห่ใส่คนบนเวที โดยไม่จำเป็นต้องรักษาอาการ ทิวากรรีบปรับสีหน้าเป็นพระเอก เอียงหน้าพูดด้วยเสียงไม่ดังเกินสองคนได้ยิน

“ผมกับพราวด์จะช่วยหนาวเอง คุณรอรับเขากลับไปอยู่บ้านได้เลยครับ”

นี่คือโทษฐานของคนที่กล้ามาทำร้ายพรนับพัน และเขาจะช่วยจบปัญหาให้กับน้ำหนาวตามที่คนช่างวางแผนเป็นไปอย่างราบรื่น ทิวากรรู้สึกมีอารมณ์ร่วมกับงานมากขึ้น สะใจกับรอยยิ้มไม่เต็มปากที่กรดิษฐ์มีหลังจากโดนโห่ จนกระทั่งมาถึงรางวัลละคร ละครของเขาได้ทั้งละครยอดเยี่ยม และนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม ทิวากรเดินขึ้นมารับรางวัลบนเวทีด้วยเสียงปรบมือกระหึ่ม ยิ่งเขาผ่านข่าวร้ายๆ มา กระแสละครยิ่งโด่งดัง

ทิวากรนึกอยากให้พรนับพันที่วันนี้เขาไม่ได้เจอทั้งวันกำลังดูอยู่

“ผมคงไม่ได้รางวัลนี้ถ้าไม่มีผู้จัดที่เล็งเห็นศักยภาพของผม” กล้องแพลนไปยังใบหน้าของน้ำทิพย์ที่พยักหน้าตอบกลับพร้อมรอยยิ้มกว้าง “รวมทั้งผู้กำกับ และนักแสดงทุกท่าน ไม่ว่าจะมีข่าวอะไรผ่านเข้ามา แฟนละครก็ยังเหนียวแน่น ผมขอบคุณแฟนคลับที่รัก และตามสนับสนุนผมเสมอ เลยสนับสนุนถึงใครอีกคนไปด้วย สนับสนุนพวกเราต่อไปนะครับ”

ใครอีกคนที่ถูกกล่าวถึงทำให้แฟนๆ และดาราบางส่วนที่รับรู้ข่าวดีส่งเสียงร้องกลับมาอย่างถูกใจ ทิวากรปิดท้ายด้วยคำขอบคุณ และลงจากเวที แสงแฟลชจากกล้องสว่างวาบ วันนี้เขาเตรียมพร้อมที่จะตอบคำถามนักข่าวทุกข้อ


อากาศเย็นจากเครื่องปรับอากาศท่ามกลางฤดูร้อนอบอ้าว แม้จะเป็นเวลากลางคืน แต่ห้องที่ปิดตายหน้าต่าง ปิดผ้าม่าน ก็ยิ่งทำให้คนที่นอนในห้องต้องพึ่งเทคโนโลยีดับร้อนเสมอ แก้มแนบกับหมอนในท่านอนคว่ำ หลับตาสนิท พรนับพันรู้วันออกหนังสือโลกเกินจินตนาการว่าทันวันงานหนังสือแห่งชาติแน่นอน เพราะเธอเหลือจัดการไม่ถึงสิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้น และการโหมงานหนักตั้งเที่ยงวันยันเที่ยงคืนทันทีที่หัวถึงหมอน พรนับพันก็หลับทันที

โทรศัพท์ในห้องต้องส่งเสียงดังจนหมดรอบ และดังขึ้นใหม่ เป็นอย่างนี้ถึงสิบครั้งพรนับพันจึงเพิ่งรู้สึกตัว ควานมือหาหูโทรศัพท์ในความมืด ก่อนจะรับด้วยเสียงงัวเงีย

“มีอะไร ไม่สำคัญจะเอาระเบิดไปปาคืน”

“อังกฤษคงไกลเกินไป แกต้องใช้ขีปนาวุธแทนนะยะ” น้ำเสียงของคนเอาแต่ใจพอกันดังมาตามสาย พรนับพันวางหูโทรศัพท์แนบข้างหูบนหมอน ยังไม่เปลี่ยนจากท่านอนคว่ำ หลับตาฟัง “แกได้ดูรายการประกาศรางวัลที่คุณทิวได้รางวัลไหม”

“นี่แกไปเรียนหรือไปเป็นกอซซิพเกิร์ล แกรู้เรื่องเยอะกว่าฉันที่อยู่ที่นี่อีก” หาวเสียงดังให้รู้ว่าเธอง่วงขนาดไหน

“ไอ้พราวด์ แกพลาดนะยะ ฉันอุตส่าห์แหกขี้ตาตื่นเช้ามานั่งดูออนไลน์ แกเอ๊ย คุณทิวเขาหวานใส่แกบนเวทีด้วยนะ”

“ได้ยินแล้วซึ้งเลย” พรนับพันทำเสียงขึ้นจมูก “วันนี้ทั้งวันฉันทำแต่งาน ไม่มีเวลาไปอี๋อ๋ออะไรหรอก”

“ฉันบอกว่าหวานใส่แก หมายถึงพูดถึงแกบนเวที” หนึ่งดาราพยายามแปลไทยเป็นไทยให้คนหาวไม่หยุด

“ให้เขามาหวานใส่ฉันที่เป็นตัวคนสิ หวานให้คนล้านคนรู้ ถ้าฉันไม่รู้ ไร้ประโยชน์เปล่า”

“ขอจด”

“ค่าลิขสิทธิ์เป็นอาหารญี่ปุ่นร้อยมื้อ”

“ฟรีสิ ฉันจ่ายไปกับค่านายดำนักแล้ว นี่แกจะหาวใส่ฉันไปถึงเมื่อไหร่เนี่ย” หนึ่งดาราทำเสียงน้อยใจ “คนอุตส่าห์โทรมา”

“ก็รีบกลับมาสิ จะอยู่คุยด้วยทั้งคืน บอกแล้วว่าถ้าเรียนไม่จบก็ให้กลับมา นี่เธอมีปัญหาเรื่องเรียนหรือไง”

“ฉันเหงานี่ ช่วงทำงานวิจัยฉันจะกลับไปทำที่ไทย ไม่อยากอยู่แล้ว อยากเผือกเรื่องแกมากกว่า”

“เหงาก็ทะเลาะกับลาวาสิ หมอนั่นกวนประสาทฉันชะมัด” พรนับพันตอบเสียงเนีอย “ถือหูรอแปบนะ”

พรนับพันหยิบโทรศัพท์พกพาขึ้นมา กดโทรเบอร์ดนพ รอสัญญาณไม่นานอีกฝ่ายก็รับสาย เธอกรอกไปด้วยเสียงที่หาวหวอดอีกรอบ “โทรไปคุยกับหนึ่งทีสิ หนึ่งคิดถึง”

“คุณหนึ่งเนี่ยนะ” ดนพโวยไม่ทันจบก็ถูกตัดสายทิ้ง พรนับพันมีแก่ใจหยิบหูฟังโทรศัพท์บ้านที่ก่นด่าเธอยาวเหยียดเพราะได้ยินทุกคำที่เธอพูดกับดนพ

“แกมันเลว เพื่อนชั่ว ฉันเหงา ก็โยนฉันไปให้ไอ้ดำนักเลยนะ แกมัน กรี๊ด มือถือฉันดัง ไอ้ดำนักโทรมา คอยดูนะ ฉันเล่นงานไอ้ดำนักเสร็จจะเล่นงานแกต่อ อย่าวางนะ จ่ายเยอะได้”

“บาย” พรนับพันทำเสียงระรื่นขึ้น มือวางโทรศัพท์บนแป้นอย่างสบายอารมณ์ พร้อมด้วยการถอดสายโทรศัพท์ออกจากเครื่อง น้ำหนาวเองหลับในห้องนอนแขกไม่มีโทรศัพท์ไปกวนหูได้ ส่วนห้องกลางข้างล่างก็ปล่อยให้ดังไป

หยิบโทรศัพท์มือถือเตรียมปิดเครื่องข้อความไม่แสดงเบอร์ก็ขึ้นเตือน พรนับพันขมวดคิ้วมอง ยอมถ่างตาเพื่อกดเข้าไปดู หนึ่งชั่วโมงที่แล้วที่ข้อความนี้ถูกส่งมา

พรนับพันกดอ่านพลันตาสว่าง และได้แต่กำโทรศัพท์ไว้แน่นในกำมือ

‘ครั้งหน้าแกจะโดนหนักกว่านี้ เลิกยุ่งกับเขาซะ’

พรนับพันต่อสายเข้าโทรศัพท์ของดนพ โชคดีที่อีกฝ่ายเชื่อมสายคุยกันสามคนได้ และเรื่องน่าเครียดของเธอก็ทำให้คนเหงาในต่างแดนหันมาสนใจจนลืมเลือนความเหงา ทุกคนรู้ดีในกฎข้อนี้ เรื่องที่เธอโดนรังควานจะไม่ให้ไปถึงหูของทิวากรเด็ดขาด


ยิ่งห้าม เธอจะยิ่งทำ พรนับพันเดินเคียงข้างกับทิวากร ดูหนังจบไปเรื่องหนึ่ง ทานอาหารในร้านอาหารญี่ปุ่นอีกมื้อ และเดินดูของอย่างไร้จุดมุ่งหมายในห้างสรรพสินค้าใหญ่ เธอไม่ได้อยากดูหนัง หรือเกิดอยากทานอาหารญี่ปุ่นขึ้นมาหรอก การกระทำของเธอก็ทำเพียงแค่การประกาศอย่างโจ่งแจ้งให้ใครไม่รู้ที่กำลังจ้องได้รู้ตัวว่าเธอไม่แคร์ในคำขู่นั้นสักนิด

ยอมอยู่ท่ามกลางฝูงชนกับสายตาที่เพ่งเล็งยิ่งกว่าชีวิตที่เคยพบเจอมาในอดีต ถึงพรนับพันจะไม่ใช่ดารา นักร้อง แต่การเคียงคู่กับทิวากรในฐานะที่ทุกคนเรียกว่าแฟนก็ทำให้ชีวิตส่วนตัวของเธอถูกจับตา

หนึ่งดารา และดนพไม่เห็นด้วยกับการกระทำของเธอที่ตัดสินใจด่วนในวันรุ่งขึ้น แต่คนทั้งสองจะห้ามปรามเธอได้อย่างไร พรนับพันยิ้มเมื่อหยุดตรงหน้าลานที่ครั้งหนึ่งเคยจัดงานประกวดการแสดงดนตรี ที่ที่เธอคิดว่าพบกับทิวากรครั้งแรก

ตอนนี้กำลังจัดแสดงสินค้ารถยนต์หลากหลายรุ่น รูปทรงแปลกตา บางรุ่นเป็นทรงรถยุโรปสมัยโบราณ บางคันทำจากไม้ขัดเงาวาววับ ที่แน่ๆ คือทิวากรกำลังรั้งมือเธอไว้ไม่ให้ก้าวไปยังบริเวณงานมากกว่านี้

“ผมว่าเรากลับกันดีกว่านะ”

“กลัวอะไรคะ”

พรนับพันปลดมือทิวากรออก ย่างก้าวมั่นคงยามเชิดหน้าเดินเข้าไปหยุดอยู่ตรงหน้าร่างผอม ของผู้ชายศีรษะที่สวมหมวกลายตารางแบบลายสก็อตบนศีรษะ คิ้วสีขาวขมวดเป็นปมใหญ่ระหว่างคิ้ว ปากยกโค้งเป็นสระอิ แม้จะสวมชุดสูทเรียบร้อย แต่หน้าตาไม่รับแขกที่กำลังยิ้มแป้นนี้สักนิด

คนมาใหม่ยกมือไหว้อย่างอ่อนน้อม หลังโค้งต่ำจนน่าหมั่นไส้ ดวงตามีแววยั่วโมโหไม่หายยามเอ่ยปากแนะนำตัว “สวัสดีค่ะ ดิฉันชื่อพรนับพัน จะเรียกว่าพราวด์ก็ได้นะคะ เป็น...”

“ไม่ต้องพูด!” หนวดเหนือริมฝีปากกระตุก “ฉันไม่อยากรู้จักเธอ” เจ้าสัวกวีเมินหน้าหนี

“วันนี้เราพบกันแค่นี้ก่อนก็ได้ค่ะ คุณทิวคะ” พรนับพันหันไปโบกมือเรียกทิวากรซึ่งพยายามยืนหลบให้พ้นสายตาบิดา แต่ไม่ทัน เพราะเจ้าสัวกวีรีบหันตาม และสบตากันเสียก่อน “ถ้าไม่อยากคุย ถ้าอย่างนั้นก็ลานะคะ” หญิงสาวยกมือไหว้ลา ก้มหน้าต่ำซ่อนยิ้ม

“อย่าเพิ่งกลับ” เจ้าสัวกวียังคงหน้าบึ้ง แต่ยอมลดหว่างคิ้วที่ขมวดลงนิดหนึ่ง “ชวนทิวมาทานมื้อเย็นกับฉันก่อนสิ”

“ไม่มีปัญหาค่ะ”

พรนับพันยื่นมือไปจับแขนทิวากร พยายามบอกให้เขารู้ว่าเธอยังอยู่กับเขา สีหน้าของทิวากรจึงดีขึ้น

เรื่องที่รู้ว่าเจ้าสัวกวีมาจัดงานที่นี่นั้นก็แค่อยู่ในข้อมูลที่หนึ่งดาราส่งมาให้ เธอไม่อยากให้ทิวากรต้องกลายเป็นคนมีปัญหาเมื่อคิดถึงครอบครัว ถึงได้ลากเขาที่นี่ในวันนี้ พรนับพันนึกประหลาดใจตัวเองหลายครั้ง ที่พยายามทุกอย่างเพื่อให้ทิวากรมีความสุข เธอไม่อยากเห็นเขาทุกข์ ไม่ว่ากับเรื่องใดๆ ถ้าเธอช่วยแก้ปัญหาให้เขาได้ จะไม่รั้งรอ

เวลาที่เห็นทิวากรมีเรื่องทุกข์ อกด้านซ้ายเธอจะรู้สึกเจ็บแปลกๆ


มานั่งร้านภัตตาคารย่านเยาวราชร้านเดียวกับกระเพาะปลาราดหัวเธอราวกับเจ้าสัวกวีจงใจตอกย้ำ แต่คนไม่สนใครกับนั่งเชิดได้อย่างไม่สะทกสะท้าน ซ้ำยังออกปากสั่งเมนูนี้ และน้ำส้มมาตอบสนองให้คนมองได้หงุดหงิดที่จัดการให้เธอหน้าม้านไม่สำเร็จ คุณจรัสศรีถูกเรียกตัวมาพร้อมเพรียง แม้จะพบคุณจรัสศรีเป็นครั้งที่สอง แต่สายตาของคุณนายยังคงมองเธอแล้วผ่านเลยไป ต่างจากครั้งแรกตรงที่สงบปากสงบคำมากขึ้น ไม่ต่อล้อต่อเถียงกับเด็กรุ่นลูกอีก

อาหารหลายชนิดที่เจ้าสัวกวีสั่งมาจนเต็มโต๊ะเพื่อเอาใจลูกชายเพียงคนเดียว แนะนำให้ทานหูฉลาม เป็ดปักกิ่ง และเมินการมีตัวตนของเธอ พรนับพันยิ้มให้กับภาพครอบครัวแบบแปลกๆ นี้ หากเธอไม่รู้จักประวัติของทิวากร ดวงตาที่โค้งเป็นรอยยิ้มของเขาน่ะคล้ายกับเจ้าสัวจริงๆ แล้วรอยยิ้มก็คลับคล้ายกับคุณนาย

“กลับมาช่วยพ่อเร็วๆ เถอะ จะอยู่ในวงการให้เป็นข่าวคาวๆ ไปถึงไหน” พอทานอาหารไปได้ไม่ถึงสิบนาที ประมุขใหญ่ของโต๊ะก็เปิดประเด็น ดวงตามองขวางใส่พรนับพัน “มีแต่ข่าวทิวไม่เว้นวันเลยนะลูก”

“ผมไม่เหมาะกับธุรกิจหรอกครับ ผมชอบงานที่ทำมากกว่า” ทิวากรปฏิเสธอย่างสุภาพ

“บร๊ะ ไม่เหมาะกับธุรกิจ แล้วเรียนเอ็มบีเอจบมาทำไมให้เปลือง อย่าทิ้งวิชาไปเลยทิว”

“คุณ อย่าไปเร่งเอากับลูกสิ ลูกเราเองยังสนุกกับงานอยู่” จรัสศรีที่ตามใจทิวากรมาเสมอกางปีกปกป้อง “ฉันยังชอบดูผลงานลูกเลย คุณเองก็เหมือนกันฉันเห็นนะว่าแอบมาเมียงๆมองๆ ตอนที่ฉันกำลังดูละครทิว”

“คุณก็เข้าข้างทิวตลอด เขาเป็นความหวังเดียวของตระกูลเรา ทำไมไม่สนับสนุนธุรกิจครอบครัวบ้าง”

“คุณก็...”

“เดี๋ยวผมมานะครับ” ทิวากรแทรกบทสนทนาที่ตั้งท่าจะไม่มีใครยอมใครระหว่างเจ้าสัวกวี และคุณนายจรัสศรี แม้แต่คนมองยังรู้สึกอึดอัดแทนที่หัวข้อนั้นมีแต่เรื่องของตัวเอง และหาข้อสรุปไม่ได้

พรนับพันจึงไม่รั้งให้ทิวากรต้องทนกลืนอาหารอย่างไร้รสชาตินี้ต่อ และเพียงแค่ทิวากรพ้นแนวประตู สายตาทั้งสองคู่ก็หันมุ่ง เปลี่ยนเป้าหมายแทบจะทันที

“เธอมีแต่ทำลายลูกฉัน เลิกไปซะ อยู่ก็ช่วยอะไรไม่ได้”

“ถ้าคุณลุงคุณป้าป่วย พ่อแม่และน้องสาวของฉันรักษาได้นะคะ แต่ถ้าอยากอ่านงานเขียนฉันก็มีให้อ่าน แต่ถ้าอยากอ่านงานวิจัยวิทยาศาสตร์เก่าๆ ฉันจะไปค้นของตาให้ ประโยชน์มันไม่ได้อยู่ที่ว่าตาเห็น แต่มันอยู่ที่เรารู้จักใช้ประโยชน์ที่มียังไงมากกว่านะคะ” พรนับพันยิ้มไม่มีอาการกริ่งเกรง “จริงๆ ถ้าคุณสองคนเลิกอคติกับฉัน ฉันอาจจะยอมช่วยพวกคุณนะคะ”

“คนอย่างเธอจะช่วยอะไรได้” กวีมองเหยียด ไม่มีความเชื่อเธอในตัวผู้หญิงที่ลูกชายเอามาเปิดตัวต่อหน้าสื่อขนาดกล้าหักหน้าคนเป็นพ่ออย่างเขาในวันแถลงข่าวเลย

จรัสศรีเองก็ไม่ได้นึกปลื้มผู้หญิงตรงหน้านักหรอก แค่เห็นหน้าอารมณ์โกรธก็ดูจะแตะเพดานสูงได้ง่ายๆ แต่เพื่อลูกเธอจำเป็นต้องใจเย็น

“เธอจะช่วยยังไง เราขอเขามาตั้งแต่เขาเรียนจบ ถึงตอนนี้ยังไม่เคยสำเร็จ”

พรนับพันหัวเราะหึ ยิ้มมุมปาก “มนุษย์เราควรเดินกันคนละครึ่งทางนะคะ ค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป ไม่ควรเร่งรีบ ถ้าพวกคุณรู้จักคุณทิวดี คุณน่าจะรู้ว่าคุณทิวเขาคิดยังไงกับเรื่องในครั้งนี้”

“เขาคิดยังไง” เจ้าสัวกวีเริ่มเดือดเมื่อเด็กรุ่นลูกยังไม่เลิกทำหน้ากวนประสาท วาจาเล่นลิ้น

“เขารักพวกคุณค่ะ แต่ว่าพวกคุณจับจุดอ่อนของเขาไม่ได้”

“แล้วเราต้องทำยังไง” คุณนายจรัสศรีเม้มปาก ไม่อยากรับความคิดพรนับพัน แต่ไม่มีทางเลือก “จะช่วยพวกฉันใช่ไหม”

พรนับพันทำหน้ายิ้มกวนไม่เลิก ปล่อยให้ทั้งสองท่านคิดหนักถึงแผนการของเธอ แต่เพราะทิวากรกลับมาก่อน ทั้งสองจึงคาดคั้นต่อไปไม่ได้ เก็บความสงสัยไว้ต่อไป


กลับมาถึงบ้านพรนับพันยังคงนอนกลิ้งไปมาบนเตียงด้วยความคลางแคลง นึกถึงช่วงเวลาที่เธอเดินออกมาจากร้านอาหาร ภาพผู้ชายคนหนึ่งที่ชะงักไปตอนเห็นหน้าเธอก่อนก้มหน้าก้มตาเดินตามหลังคุณนายจรัสศรีมีแต่ทำให้เธอนึกสงสัย

เพราะเธอก็มีความรู้สึกคลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเจอชายคนนั้นมาก่อน พอเธอเหลือบสายตาไปมองทางทิวากรก็พบว่าฝ่ายนั้นทำทีมีพิรุธ ถึงจะกลบเกลื่อนด้วยการจับมือเธอแล้วลากไปทางอื่น มันไม่ได้ช่วยอะไรเลยจริงๆ

หยดเหงื่อบนขมับคงจะกลบเกลื่อนว่าร้อนไม่ได้ทั้งที่เพิ่งออกมาจากห้องแอร์...

พรนับพันพลิกตัวนอนคว่ำกับที่นอน นิ้วแตะบนริมฝีปากที่ถูกฟันขบไว้ ดวงตาเหม่อยามคิดทบทวน ว่าดำรงที่ได้ยินนั้น เธอคุ้นเขาแค่ไหน

พรนับพันบีบนวดขมับ ตัดสินใจทำในสิ่งที่เธอเคยนึกไม่อยากจะร่วมมือ งานครั้งนี้เธอจำเป็นต้องติดต่อกับดนพโดยไม่ผ่านหนึ่งดาราแล้ว

“มีอะไรให้ผมรับใช้ครับคุณผู้หญิง”

“สืบประวัติคนให้หน่อย เอาแค่ว่าเขาทำอาชีพอะไร” ขณะที่พูดความกลัวก็ค่อยๆ คืบคลานเข้ามาในใจ พรนับพันไม่นึกอยากให้สิ่งที่กลัวเป็นความจริง

เธอพอจะนึกออกว่าดำรงเป็นใคร เมื่อดนพถามว่าใครเธอจึงยั้งใจ แต่ก็เลือกพูดออกไป ในใจมีความอยากรู้อยู่มากกว่า “คุณดำรง คนใกล้ชิดของคุณนายจรัสศรี ฉันอยากรู้ว่าเขาทำอาชีพอะไร”

“อยู่ดีๆ ทำไมเกิดสนใจคนของครอบครัวแฟนตัวเองล่ะครับ ไม่ไว้ใจกันเหรอ”

“ฉันอยากรู้ และคุณก็มีหน้าที่หา ฉันจะจ่ายให้คุณไม่น้อย”

“สมแล้วที่คุณกับยัยนึ่งเป็นเพื่อนกัน”

ยัยนึ่งทำให้คนฟังหลุดหัวเราะ สรรพนามแปลกๆ ที่สองคนนี้ใช้เรียกกันทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลายขึ้นบ้าง เธอควรจะคิดมองโลกในแง่ดีเข้าไว้ เชื่อใจทิวากรให้มากๆ

“อ้อ อีกอย่างด้วย คุณจะเช็คสักเรื่องให้ได้ไหม” เพียงแค่อีกฝ่ายบอกให้เธอลองบอก “ฉันจดทะเบียนสมรสแล้วหรือยัง”

“คุณเกิดอาการความจำเสื่อมหรือไงครับ หรือมีใครยืมชื่อคุณไปเซ็น”

“ขอบคุณ แล้วห้ามบอกเรื่องนี้กับยัยหนึ่ง ในสามวันคุณจะได้เรื่องไหม” พรนับพันตัดบท “แต่ฉันจะรอ” ไม่เปิดโอกาสให้ดนพได้หาจังหวะพูดทัน

ร่างสมส่วนนอนต่อไปไม่ไหว เดินออกมานอกห้อง พบน้ำหนาวกำลังเดินเข้าห้องพอดี “เดี๋ยวคุณหนาว”

“อะไรคะ”

“คุณเคยโดนคุณทิวหลอกอะไรไหม”

น้ำหนาวเลิกคิ้ว นึกย้อนไปถึงสิ่งที่ผ่านมา กระทั่งถึงอาการของผู้ถามไถ่จึงยิ้มให้อย่างเข้าใจ “อย่ากังวลเลยนะคะ ทุกอย่างที่พี่ทิวทำ ฉันเชื่อว่าอาจมีที่ตั้งใจ หรือไม่ตั้งใจก็ได้ แต่การที่ไม่อยากให้คุณรู้ความจริง เขาอาจทำเพื่อความสบายใจของคุณ”

“บางครั้งการโกหกอาจทำให้สบายใจ แต่ทำให้เชื่อใจไม่ได้หรอกนะคะ” พรนับพันยิ้มกลบเลื่อน พยักหน้าส่งท้าย “เดี๋ยวพรุ่งนี้เรามีงานหนักกัน คุณเตรียมตัวให้พร้อมเถอะค่ะ”

“ฉันกลัวค่ะ”

พรนับพันหลับตา และชูกำปั้นขึ้นสูง ยืนนิ่งอยู่เกือบนาที ก่อนจะลดแขนลง ทำท่าขนานกับพื้น ชี้ตรงไปทางน้ำหนาว ยิ้มอวดฟันขาว เมื่อลืมตาขึ้น

“ฉันดูดพลังจากตามาให้คุณแล้ว พรุ่งนี้ทุกอย่างจะต้องราบรื่นค่ะ”

น้ำหนาวยิ้มตอบกลับมา ก่อนจะยื่นมือมาแตะไหล่พรนับพัน “ช่วงเวลาห้าปีที่ฉันเคยคบกับพี่ทิว ฉันอาจยกให้คุณไม่ได้ แต่ปัจจุบัน และอนาคตของพี่ทิว เขาจะเป็นของคุณ ฉันเชื่อว่าคุณและพี่ทิวเป็นคู่ที่เหมาะสมที่สุดนะคะ”

พรนับพันเหยียดยิ้ม เวลานี้ความกลัวเข้ามาเกาะกินใจอยู่ลึกๆ หากสิ่งที่เธอนึกกลัวเป็นจริง สิ่งเดียวที่เธอรู้สึกก็คือ

เขาดูถูกความรู้สึกของเธอ
…………………………………………

คุณ konhin พราวด์ยังต้องเจออะไรอีกเยอะค่ะ น่าสงสาร

คุณ อัศวินนภา เย้ๆ ดีใจที่ชอบเรื่องนี้นะคะ มีกำลังใจ ฮึบๆ

คุณ นักอ่านเหนียวหนึบ อยากให้พระเอกบู๊น้อยๆ หล่อมากๆ ไม่ใช่ละ ฮ่าๆๆ รอนะคะ พระเอกเรื่องนี้จะปล่อยพลังไหม

คุณ Sukhumvit66 ถูกต้องค่า ตามราวีตั้งแต่หนาว ลองเดาเล่นๆ ไหม ยังไม่มีใครเข้าเป้าเลย

ขอบคุณทุกความเห็น ทุกไลค์ และนักอ่านเงาทุกท่านนะคะ ทักทายกันได้ค่า ^^



ปวรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 17 มี.ค. 2557, 13:55:48 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 17 มี.ค. 2557, 13:55:48 น.

จำนวนการเข้าชม : 1790





<< บทที่ 10 : กระเพาะปลาและจีโฉ่ว   บทที่ 12 : ระเบิดลง >>
konhin 17 มี.ค. 2557, 14:20:06 น.
ใครทำ คิดไม่ออก


yimyum 17 มี.ค. 2557, 14:46:06 น.
สงสัยพี่ทิวไม่ได้รักยายพราวด์ละมั้ง.........แต่ยายพราวด์นี่ก็ยังรักเขาเนอะ


นักอ่านเหนียวหนึบ 17 มี.ค. 2557, 18:43:13 น.
ปะละ ตอนนีัถึงนางจะไม่บู๊ แต่นางสามารถยืมพลังจากธรรมชาติได้
นางเอ้ยยยยยยย เท่ไปละนะ
พี่ทิวงานจะงอกม้ายยยยยย เอาดิๆๆๆ ต่อๆๆ


Sukhumvit66 17 มี.ค. 2557, 22:35:25 น.
แอบคิดเล่น ๆ ว่าเป็นทองภูง่ะ แต่ไม่รู้ใช่หรือเปล่า


mhengjhy 18 มี.ค. 2557, 08:23:24 น.
ตาย ตาย พี่ทิว


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account