ในเงาฝันปลายตะวัน
พรนับพัน ชีวิตของเธอจะมีตาอยู่ในทุกๆ ที่ แม้กระทั่งวันที่ตาจากไป หลายๆ สิ่งที่เธอทำก็ยังอยู่ในเงาของ 'ตะวัน' ผู้เป็นตาไม่เคยเปลี่ยน

และเพราะนิสัยที่เอาแต่ใจ โมโหร้าย ไม่สนใครหน้าไหนของพรนับพัน ชีวิตวันๆ หนึ่งเดินออกไปไหนไม่ได้ไกล หากมีเรื่องเข้ามาหาเจ้าหล่อนพร้อมพุ่งชน และนั่นเองทำให้รอบข้างกังวลและอยากจับเธอเปลี่ยนแปลง

ทิวากร ไม่รู้ว่าเขาโชคดี หรือโชคร้ายที่ได้รับหน้าที่จัดการเปลี่ยนมนุษย์ถ้ำ ให้ออกสู่สังคมได้อย่างปกติ แต่ดูเหมือนว่าคนที่ใครมองว่าโชคร้าย กลับเต็มใจรับสภาพ อ้าแขนรับมนุษย์ถ้ำคนนี้ซะด้วย
Tags: มนุษย์ถ้ำ โรแมนติก อมยิ้ม

ตอน: บทที่ 13 : ผู้ต้องสงสัย

บทที่ 13

ทองภูออกมาจากห้องผ่าตัด พบว่าเขาถูกแทงในช่องท้อง โชคดีที่ไม่ถูกอวัยวะสำคัญ ทองภูมักจะโผล่มารับ มาส่งนับพันพรบ่อยๆ ในช่วงนี้ หรือคอยส่งอาหารเลี้ยงหมอแฟร์ และให้เพื่อนหมอทั้งแผนกได้อิ่มไปด้วย

โชคดีที่ทองภูมาถึงโรงพยาบาลในจังหวะที่นับพันพรกำลังจะกลับพอดี ถึงได้มาช่วยน้องสาวเธอไว้ทัน พรนับพันกล่าวคำขอบคุณแก่คนเจ็บหลายคำตั้งแต่เขาฟื้น ทิวากรที่อาสาว่าจะอยู่เป็นเพื่อนทองภูเอง เธอจึงพานับพันพรกลับบ้าน แม้เจ้าตัวร่ำว่าจะกลับมาอีกในตอนเย็น

“พี่พราวด์อย่ารู้สึกผิดเลยนะคะ มันคงเป็นคราวซวยของแฟร์เอง” นับพันพรจำเป็นต้องพูด เมื่อตลอดการเดินทางกระทั่งมาถึงบ้านนั้น พรนับพันเอาแต่เงียบ ไม่พูด

“ดูนี่สิ” โทรศัพท์ที่มีข้อความข่มขู่ยื่นให้นับพันพรดู ซึ่งคุณหมอตาเบิกกว้างขึ้นอย่างตกใจถึงกับพูดอะไรไม่ออก “มันไม่ใช่คราวซวย แต่มันคือการจงใจ สาเหตุคือพี่ พี่ขอโทษ”

“ใครคะ ทำไมถึงได้ทำร้ายกันแบบนี้”

“พี่กำลังตามหาอยู่ พี่ขอให้แฟร์เก็บเรื่องนี้ให้สนิท อย่าให้ใครรู้” พรนับพันนอนเหยียดยาวบนโซฟากลางบ้าน “พี่รู้ว่ามันเป็นใครเมื่อไหร่ พี่จะตอบแทนมันให้สาสม” คนโกรธหลับตา ในใจมีไอโกรธลอยอัดแน่น

“แฟร์ว่าพี่พราวด์ควรบอกคุณทิว นี่ไม่ใช่เรื่องที่จะจัดการได้ด้วยตัวเองนะคะ”

“ช่างเถอะ พี่ไม่อยากได้ยินชื่อเขา”

นับพันพรรู้สึกประหลาดใจ “นี่ทะเลาะอะไรกันคะ”

“พี่โสด จบ อย่าถามอะไรอีก วันนี้พี่เพลีย ขอนอนนะ” พรนับพันตัดบท หันหน้าเข้าหาพนักโซฟา รอให้นับพันพรถอนหายใจเสียงดังใส่ แล้วหมุนตัวกลับห้องไป ร่างสมส่วนจึงลุกขึ้นนั่ง ต่อสายถึงดนพทันที

“มันเล่นงานฉันอีกแล้ว”

“อะไรนะครับ คุณโดนอะไรอีก”

ถ้าหากเป็นตัวเอง เธอจะไม่โกรธขนาดนี้ “ไม่ใช่ฉัน แต่เป็นน้องสาวฉัน คุณไม่ได้ความคืบหน้าอะไรเลยเหรอ น้องฉันเกือบโดนข่มขืน แล้วคนที่มาช่วยก็ถูกแทง มันมีหน้าส่งข้อความมาบอกว่าฉันจะเป็นรายถัดไป มาเลยสิ ฉันไม่กลัว กลัวไม่มา”

“งานนี้มันเกินที่เราควบคุมแล้วครับ คุณควรใจเย็นๆ อย่าทำอะไรกระโตกกระตากนัก คิดถึงชีวิตตัวเองด้วย ผมจะให้คนไปสืบดูในสถานที่เกิดเหตุ คุณไม่ต้องห่วงนะครับ”

“รู้แล้วน่า” คนเครียดจัดตอบรำคาญ

“ถ้าอย่างนั้นก็ระวังตัวไว้นะครับ ผมจะขอคนของพ่อมาคุ้มครองคุณให้ พวกเขาจะไม่ทำให้คุณรำคาญ”

“ขอบคุณ”

“หนึ่งฝากให้ผมดูแลคุณ คุณเองก็ห้ามเป็นอะไรเข้าใจไหม”

พรนับพันส่งเสียงรับในคอ ก่อนจะวางสาย ในใจรู้สึกวูบโหวงในอก ถึงเธอจะรู้สึกโกรธทิวากรมากที่เขาบังอาจมาหลอกเธออยู่ได้ตั้งนาน จนเธอขี้เกียจถามหาเหตุผลหรือข้อแก้ตัว แต่เวลานี้เธออยากให้ทิวากรมาอยู่ตรงนี้ อยู่ข้างๆ เธอจริง โดยไม่ใช่การประชด

พรนับพันนอนบนโซฟา หลับตาแน่น กอดตัวเองไว้ ทั้งที่พยายามทำแกร่ง แต่ในใจก็ยังนึกหวาดหวั่นอย่างที่ไม่เคยเป็น

เธอควรถอยออกมาจากชีวิตของทิวากร ยุติทุกเรื่อง เลิกใส่ใจว่าใครเป็นคนลงมือเลยดีหรือไม่ แต่ความง่วงงุนก็ค่อยๆ ครอบงำเธอเสียก่อน คำถามอันค้างคาจึงไม่ทันได้คิดต่อ


‘คุณควรอยู่กับคุณพราวด์ตลอดเวลานะครับ อย่าปล่อยให้คุณพราวด์คลาดจากสายตา คุณพราวด์กำลังตกอยู่ในอันตราย ทุกเรื่องมันเริ่มมาจากคุณ’

‘คุณเป็นใคร ผมจะเชื่อเรื่องของคุณได้มากน้อยแค่ไหน’

‘คุณจำเรื่องที่เคยเกิดกับแฟนเก่าคุณได้ไหม ตอนนี้มันกำลังเกิดกับคุณพราวด์เหมือนกัน คนๆ นั้นเป็นใคร คุณรู้ใช่ไหม เขาคิดเล่นงานคุณพราวด์ ผมไม่แน่ใจว่ามันจะรุนแรงขนาดเอาชีวิตไหม แต่ก็มีโอกาสเป็นไปได้’

ผู้ชายคนนั้นโทรเข้ามาเตือน ไม่มีการแนะนำ นอกจากบอกว่าเป็นคนที่หวังดี และพรนับพันรู้จักเขาดี ทิวากรออกมาจากห้องของทองภูก็ตอนที่นับพันพรกลับเข้ามา การได้สนทนากับชายแปลกหน้าคนนั้น เขาก็นึกถึงผู้ชายที่อยู่ช่วยพรนับพันที่สถานีตำรวจ ท่าทางของคนที่ปกป้องพรนับพันได้ รู้ความเป็นไปทุกอย่างของอีกฝ่าย อยู่ในช่วงถูกที่ถูกเวลา ต่างกับเขาที่ชักนำปัญหามาให้ไม่เคยหยุดหย่อน

ในบ้านหลังใหญ่ที่เขาเคยมาเงียบสงบ ไฟในบ้านมืดสนิท ทิวากรวางกุญแจบ้านที่นับพันพรให้มาแขวนไว้ตรงกำแพงในห้องรับแขก เสียงเคลื่อนไหวของเขาทำให้คนนอนหลับรู้สึกตัวตื่น พรนับพันผุดนั่งบนโซฟา หลังจากนอนนานกว่าสามชั่วโมง

“เปิดไฟทีค่ะ ฉันปวดหัว”

ไฟในบ้านสว่างไสว หลอดไฟในหลุมฝังบนเพดานเผยให้เห็นผู้หญิงหน้าเครียดคนหนึ่งบีบนวดขมับ “คุณคงจะนอนตอนเย็น แดดมันทับตา ทานอะไรหน่อย แล้วค่อยทานยานะ”

“ไม่อยากกินอะไร ตอนนี้กินอะไรไม่ลงหรอก” ทิวากรมองคนดื้อทำหน้ามุ่ย ที่กำลังกวักมือเรียกให้เขาไปนั่งข้างๆ อย่างกับเด็กเอาแต่ใจ แต่ทิวากรก็ยอม

พรนับพันล้มตัวลงนอนบนต้นขาของทิวากรแทนหมอน หัวคิ้วขมวดมุ่น กระทั่งคนมองทนไม่ไหว ต้องใช้นิ้วชี้นิ้วโป้งบีบนวดให้ตรงขมับ

“เกิดเรื่องทำไมไม่บอกผม”

“คุณรู้? รู้อะไรบ้างล่ะ”

ทิวากรส่ายศีรษะให้คนทำปากยื่น หน้าง้ำแม้ว่าจะยังหลับตารับการนวดขมับจากผู้ไม่ชำนาญการอย่างเขาต่อไป ทิวากรรู้สึกว่าเขาอยากจะดูแลพรนับพันให้มากกว่านี้ ที่ผ่านมาเขาปล่อยปละสาวเจ้าอารมณ์ให้เผชิญเรื่องร้ายมามากมาย ถึงกับขอความช่วยเหลือคนอื่นแทนที่จะเริ่มบอกปัญหาให้เขาฟัง

เขาควรใส่ใจปัญหาของพรนับพัน ไม่ว่าเจ้าตัวจะบอกหรือไม่ เขาก็ควรเสาะหาความจริง

“ผมขอโทษที่ทำชีวิตคุณเดือดร้อน ขอโทษจริงๆ”

“ไม่ใช่คุณสักหน่อย คนอื่นต่างหาก” ยิ่งฟังน้ำเสียงหม่นหมอง รู้สึกผิด พรนับพันยิ่งรู้สึกทนไมได้ เธออยากทำให้ทิวากรรู้สึกดีขึ้น

“ผมจะอยู่ข้างๆ คุณ ไม่ให้คุณคลาดสายตา”

“ในฐานะอะไรล่ะ” ดวงตากลมโตลืมขึ้นมามองใสแจ๋ว มีรอยยิ้มมุมปาก “เราเป็นอะไรกันด้วย?”

“คุณไม่รู้จริงๆ เหรอ”

พรนับพันลุกขึ้นนั่ง ทำหน้าฉงน ยิ่งเห็นรอยยิ้มเต็มหน้าของทิวากร เธอยิ่งคิดว่าตัวเองกำลังคุยกับใครอื่นที่ไม่ใช่เขา ผู้ชายคนที่อ้ำๆ อึ้งๆ มาตลอด กำลังมีประกายวิบวับแปลกตา หญิงสาวกระเถิบร่างให้ห่างไปอีกสองช่วงตัว

“คุณถูกผีสิง หรือใครเล่นของจนสมองกลับหรือไง”

ทิวากรยิ้มกริ่ม กระเถิบไปใกล้อีกหนึ่งช่วงตัว แล้วเอี้ยวตัวไปใกล้ “ผมปกติ สติครบถ้วน”

“ไม่เชื่อ” ส่ายศีรษะ ผมสะบัดปลิวล้อมกรอบหน้า

“ถ้าผมบอกว่าเราเป็นแฟนกันคุณก็จะปฏิเสธผมงั้นสิ” คนเอาจริงทำเสียงเข้ม แววตาเริ่มดุ พรนับพันทำหน้าแปลกใจ กำลังคิดว่าตัวเองทำพลาดอะไรไปตอนไหน

“ไม่ขนาดนั้น”

“แล้วทำไมต้องถามว่าเราเป็นอะไรกัน คุณคิดไม่ได้เอง หรือจะให้ถามจากคนอื่นให้ไหม”

“แล้วมันเริ่มเหมือนชาวบ้านชาวช่องหรือไง เป็นแฟนกันเมื่อไหร่ เป็นได้ไง ฉันไม่รู้แล้วมันผิดเหรอ” คนรู้สึกเป็นไก่ในกำมือเริ่มทำท่ากร่างข่มคืน ชี้นิ้วเอาเรื่อง “คุณนั่นแหละ ไม่เคยพูดอะไรชัดเจน แค่จดทะเบียนยังมาหลอกกันได้ตั้งนาน คุณต่างหากที่รังเกียจฉัน นี่ไง ฉันปล่อยคุณแล้ว ไม่มีอะไรติดค้างกันอีก”

คำพูดสุดอิสระ ปล่อยวาง และเลิกคิดมากทำคนฟังฉุนกึก ให้งอน ประชดใส่ด้วยเมนูอาหารชื่อแปลก ทำลายล้างห้องเขาจนราบเป็นหน้ากลอง ยังดีกว่าอาการแบบนี้แน่นอน ปล่อย ช่างพูดออกมาได้ง่ายดาย

“เรื่องนั้นผมรู้ว่าผิดมาก ผมขอโทษ ตอนนั้นที่คิดแบบนั้นเพราะผมกลัวว่าสักวันถ้าคุณอยากจะไป ผมจะได้ไม่ต้องใช้พันธะด้วยกระดาษใบเดียวมาขวางกั้นคุณ แต่ผมก็ยังเห็นแก่ตัว ที่อยากจะรั้งคุณไว้ข้างๆ”

“ถ้างั้นฉันขอใช้สิทธิ์นั้นเดี๋ยวนี้” แต่คำพูดสุดมั่นใจ ต้องใช้ระยะห่างเพิ่มไปอีกช่วงตัว หมิ่นเหม่จะตกจากโซฟาอยู่รอมร่อ

“ไม่อนุมัติ”

“ช่างกล้า เจ้าชีวิตฉันหรือไง ไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย ฉันจะไปหาใครก็ได้” พรนับพันทำมึน ลุกขึ้นจากที่นั่ง เริ่มรู้สึกรังสีอำมหิตจากผู้ชายอย่างทิวากรมาได้พักหนึ่ง ถึงจะไม่ได้เห็นมากับตาชัดๆ แต่เธอก็พอรู้ได้ว่าทิวากร เป็นมนุษย์ขี้หึงมาก

“ผมบอกว่าจะอยู่ข้างๆ คุณ” ทิวากรพูดเสียงต่ำ เอื้อมมาคว้าข้อมือ กระตุกเพียงนิด ร่างสมส่วนที่พยายามฝืนก็เซมานั่งแปะอยู่ข้างๆ ซ้ำยังขยับหนีไม่ได้อีก ด้วยมีมือของทิวากรอ้อมหลัง แม้ไม่สัมผัสโดนตัว แต่ก็โอบไว้ หากคิดลุกหนี แขนนั่นได้รัดเอวเธอแบบทันด่วน

“ก็อยู่แล้วนี่ไง”

“ห้ามพูดว่าเลิกกัน ห้ามไปหาคนอื่นอีก ต้องคิดถึงผมเป็นคนแรก” ทิวากรถลึงตาดุใส่ปากกระจับสวยที่กำลังอ้ากว้างปฏิเสธ เมื่อเห็นอีกฝ่ายปิดปากฉับ เม้มปากอย่างเข่นเขี้ยวก็นึกครึ้ม “ผมจะดูแลคุณ จะมาอยู่ที่นี่เลยก็ได้ สลับกันบ้าง”

“ไม่ได้!” อย่าหวังว่าจะเห็นด้วย “ฉันลูกมีพ่อมีแม่ จะทำอะไรต้องขอท่านก่อน แต่ไม่ต้องขอฉันก็รู้ ว่าคุณหมดสิทธิ์ พ่อแม่ฉันก็คงเหมือนพ่อแม่คุณ พวกท่านไม่ชอบคุณหรอก” ยกเหตุผลมาได้ครบ พรนับพันจึงยิ้มพอใจ

“ผมก็มีพ่อมีแม่ ใครแถวนี้ยังดื้อไปอยู่กับผมสองต่อสองได้นานสองนานเลย ผมเสียเปรียบสิ โอ๊ย” คิ้วยังไม่ทันเลิกขึ้นด้วยความเป็นต่อ กำปั้นเหนาะๆ ก็ซัดดังอั้กที่ต้นแขนไม่มียั้งแรง

พรนับพันทำหน้าโหด แยกเขี้ยว และสะใจหลังจากเห็นท่าทางเจ็บปวดของอีกฝ่าย แต่ก็ยิ่งประหลาดใจ เพราะทิวากรกำลังหัวเราะเสียงดัง รวบเธอไปกอดไว้ โดยที่นั่งซ้อนอยู่ทางด้านหลัง แอบสูดกลิ่นหอมของผมอย่างเผลอตัว

“ผมอยากเห็นคุณยิ้ม ไม่เครียด แต่หน้าบึ้งๆ ปากเป็ดก็น่ารักดี” กำปั้นเล็กตุ๊ยท้องกลับมาเบาๆ แต่ไม่ได้ดิ้นเพื่อออกจากอ้อมกอด พรนับพันอมยิ้มกับความอบอุ่นที่เธอต้องการ

ในเวลาที่มีปัญหา เธอคิดถึงเขา และเขาก็มาจริงๆ เปลือกตาปิดลง ซึมซับความรู้สึกอบอุ่นในใจ ลมหายใจร้อนๆ ที่เป่าอยู่ข้างแก้มยามนี้เป็นเขาจริงๆ

ยิ่งนานวันหัวใจของเธอมันกำลังร้องว่ารัก มันชัดเจนจนเธออยากจะบอกให้เขารู้ อยากให้รู้ แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ เธอทำได้แค่ในใจ...รักคุณ

“รัก” น้ำเสียงทุ้มดังก้องกังวานชิดริมหู พรนับพันหลับตานิ่งอย่างตะลึง คำๆ เดียวกันของเธอก็หลุดออกมาในใจเช่นกัน “ผมรักคุณ”

แก้มของเธอถูกดั้งจมูกโด่งของทิวากรแตะเบาๆ แต่เธอยังไม่กล้าลืมตาขึ้นมา รู้สึกได้แค่แก้มสองข้างร้อนผ่าว อุณหภูมิในร่างเพิ่มสูง ส่งผลต่อหัวใจอย่างรุนแรง

“หลับซะแล้ว” น้ำเสียงเอ็นดูของทิวากรทำให้คนฟังเผลอยิ้มรับโดยไม่รู้ตัว ร่างถูกวางราบไปบนที่นอน ศีรษะมีหมอนอิงมารองรับ ขณะที่มือหนาปัดไรผมที่ปรกหน้าออก ก่อนจะประทับรอยอุ่นไว้บนหน้าผาก “ผมทำอาหารก่อนนะ แล้วจะมาปลุกคุณ คนขี้เซา”

เฮ้อ ให้ตายสิ แค่นี้เธอก็หายโกรธเรื่องที่เขาโกหกได้ง่ายดาย พรนับพันขยับตัวเปลี่ยนท่า ริมฝีปากหุบยิ้มไม่ได้ ก่อนจะหลับลงอีกครั้งจริงๆ แต่หลับลงด้วยความผ่อนคลาย และความฝันที่ลอยได้บนปุยเมฆ แตกต่างกับหลายชั่วโมงก่อนหน้า ผู้ชายคนนี้เป็นยาวิเศษของเธอ ของเธอคนเดียว

ทิวากรเดินเข้าครัว หาวัตถุดิบเพื่อทำอาหารเลี้ยงเจ้าบ้าน ผิวขาวบนหน้าขึ้นสีจาง พรนับพันจะรู้ไหมว่าเขาต้องใช้ความกล้าขนาดไหนในการพูดความรู้สึกออกไป จากถูกชะตาแต่แรกพบ มันดำเนินมาเรื่อยๆ จนกลายเป็นความรัก

แต่คนฟังก็ยังแกล้งหลับใส่ วันนี้เห็นว่าเธอเจอเรื่องหนักมา เขาจะยังปล่อยไป แต่วันหน้าถ้ายังมาแกล้งหลับใส่แบบนี้ จะจัดการมากกว่าจูบหน้าผาก ขโมยแก้มหอมๆ ยิ่งนึกทิวากรยิ่งรู้สึกมีดอกไม้มากมายเบ่งบานในกาย จากผู้หญิงที่มีพรมากมายดึงดูดใจเขา


หนึ่งชั่วโมงต่อมา พรนับพันก็ล้างหน้าล้างตาใหม่ให้สดชื่น ขึ้นห้องไปเก็บกระเป๋าใบย่อมลงมาสองใบ วางบนโซฟาโดยที่มีสายตาสงสัยของพ่อครัวจำเป็นมองตาม

“สรุปจะย้ายกลับมาอยู่กับผมเหรอ”

“อยู่กับคุณทิวน่ะใช่ แต่ไม่ใช่ที่เดิม” พรนับพันยิ้มกริ่ม เดินกลับมานั่งที่โต๊ะอาหาร มองอาหารหลายเมนูน่าทานยิ่งยิ้มพอใจ

“ผมอยู่กับคุณที่นี่ได้”

“พ่อแม่ฉันรู้คงเอาคุณตาย ครั้งที่แล้วตอนรู้เรื่องฉันจดทะเบียน แม่ฉันถึงกับเป็นลม จริงสิ เดี๋ยวฉันต้องโทรบอกความจริง ว่าลูกสาวของพวกท่านโสดสนิท ไร้พันธะ”

ทิวากรส่งเสียงฮึ่ม และกระแอมมา มองดุ “ผมบอกพ่อคุณไปแล้วว่าเรื่องจดทะเบียนเป็นเรื่องโกหก”

ปั้ก... ซีกแหลมของส้อมจิ้มพรวดทะลุไข่ดาวจนน้ำสีส้มไหลทะลัก ตัวคมกระทบจานกระเบื้องเสียงดัง แต่เจ้าตัวคนทำหาได้สนใจ นอกจากนั้นยังเป็นฝ่ายมีประกายไฟเปรี๊ยะในดวงตา

“คุณนี่มันแย่ยอดแย่ นิสัยเสีย โคตรจะแมนเลย หมามันยังน่ารักกว่าคุณ อย่างน้อยมันก็ไม่ต้องมาพ่นคำโกหก คิดอะไรก็ทำได้แค่เห่ากับกระดิกหาง มนุษย์นี่สิ แย่ คุณเองเคยปกป้องอะไรฉันได้บ้างไหม รู้อะไรบ้างว่าฉันโดนกระทำอะไรมา พ่อแม่คุณเกลียดขี้หน้า บ่นว่าฉันสารพัน แล้วยังมีไอ้โรคจิตบางคนที่ยังก่อกวนชีวิตฉัน คนรอบข้างฉัน ฉันปิด ฉันทน ก็เพื่อรู้ว่าคุณมันไม่เคยแคร์ฉันเลยหรือไง”

“คุณพราวด์ ผม...”

“หยุด!” พรนับพันถลึงตาปรามคนที่คิดจะแก้ตัว เอื้อมมือหยิบแก้วน้ำมาดื่มด้วยท่วงท่าราวกับเป็นนางพญา “ฉันเบื่อนิสัยของคุณ”

“ผมต้องทำยังไง”

“ฉันเคยต้องทำยังไงล่ะ” พรนับพันย้อนถามหน้าตาย ยิ้มมุมปาก “คุณต้องเชื่อฟังฉัน ห้ามหือ ห้ามอือ แล้วก็ห้ามสนใจคนอื่นมากกว่าฉัน แคร์ฉันได้คนเดียว ถ้าความประพฤติแย่มากๆ ฉันจะเลิกสนใจ แล้วก็ปล่อยทิ้ง เหมือนหมาที่โดนตัดหางปล่อยวัดนั่นแหละ”

ทิวากรกลืนน้ำลายลงคอ มาดสาวโหดสิงพรนับพันกดหัวเขาซะเงยมองตะวันไม่เห็น ได้แต่ยิ้มประจบเอาใจ ทุกอันตรายของพรนับพันล้วนมีเขาเป็นสาเหตุ และทุกความขุ่นเคืองในใจเจ้าหล่อน ก็เริ่มมาจากเขาเช่นกัน การโกหก หรือคนโรคจิต เขาสลัดความรับผิดชอบไปไม่ได้สักอย่างเดียว

“ผมจะทำให้คุณพอใจ ถ้าทำได้ ก็จะทำให้ทุกอย่าง”

“สัญญาลมปากจะเชื่อได้หรือเปล่า ฉันหมดความเชื่อใจกับคุณจริงๆ เพราะเรื่องที่ฉันจะขอ มันไม่ง่ายเลย ทั้งหมดคุณเป็นคนทำให้ยาก” ยกส้อมกลับมาวางที่จาน และกอดอกเริ่มการเจรจาอย่างเป็นทางการ คนอย่างพรนับพันไม่เคยยอมลงให้ใครเหมือนกัน โดยเฉพาะกับเรื่องที่ต้องการ

“ทำให้คุณหายจากอาการไม่พอใจมันยากกว่าสำหรับผม”

“ถ้ารู้ตัวก็ดี ฉะนั้นคุณต้องพาฉันเข้าไปในบ้านพ่อแม่คุณ ให้น้องฉันเข้าไปอยู่ด้วย แล้วก็เริ่มรับช่วงต่องานของพ่อคุณ ยังไม่ต้องทั้งหมด แต่เวลาที่มีประชุมสำคัญ งานใหญ่คุณต้องเริ่มช่วยท่านบ้าง คุณไม่สงสารเหรอ พ่อของคุณท่านอายุไม่น้อยเลยนะ แก่กว่าพ่อแม่ฉันเป็นสิบๆ ปี”

ทิวากรทำหน้าตะลึงไปราวครึ่งนาที ก่อนจะปล่อยเสียงหัวเราะออกมา “คุณทำข้อแลกเปลี่ยนอะไรกับพ่อแม่ผมหรือเปล่า”

“เปล่านะ” พรนับพันปฏิเสธเสียงหลง ก็แค่ถูกท้าทาย

“ผมไม่ใช่สายเลือดจริงๆ ผม...” พูดไม่จบ ทิวากรก็ถูกหลังช้อนเขกใส่หน้าผากเสียงดัง หน้าคนทำกราดเกรี้ยว

“เลิกคิดแบบนั้นสักทีได้ไหม ยิ่งคุณคิด ฉันยิ่งรู้สึกว่าคุณมันอ่อนแอยิ่งกว่าเด็กทารกแรกเกิดอีก ทั้งที่คุณอายุก็เลขสามขึ้นหน้าแล้ว” พรนับพันเม้มปาก ตาเรื่อวาวไปด้วยน้ำ “ถึงคุณจะเคยโดดเดี่ยวมาแต่เกิด แต่คุณควรภูมิใจ จะมีคนแปลกหน้าที่ไหนรักคุณได้เหมือนลูกจริงๆ บ้านอื่นขนาดพ่อแม่เดียวกันยังยิงโป้งป้างแย่งสมบัติ แต่นี่ท่านอยากจะยกทุกอย่างให้คุณ แต่คุณเอาแต่วิ่งหนี ไม่ใช่ว่าทำไม่ได้ แต่คุณหนีด้วยเหตุผลที่คุณสร้างมันขึ้นมาเอง พวกท่านรักคุณมากนะ ทำไมคุณไม่รักท่านบ้าง มองพวกท่านเป็นพ่อแม่จริงๆ อย่าให้มันสายไปสิ” พรนับพันน้ำตาร่วงเมื่อเอ่ยจบ ร้อนคนโดนต่อว่าต้องลุกขึ้นมาโอบร่างสมส่วนเข้าหา กอดไว้แน่น

“พ่อคุณอายุเกือบเท่าตาฉันเลย ฉันเห็นแล้วคิดถึงตา รู้ไหมว่าพ่อคุณอายุเยอะแล้ว แม่คุณก็ด้วย อย่าชักช้าไม่ได้เรื่อง ดื้อด้านอีก การสูญเสียมันไม่สนุกหรอก อะไรที่พวกท่านมีความสุขก็ทำไปเถอะ คุณเองก็ยังทำงานในวงการได้”

“พ่อผมน่าจะได้ฟังด้วย” ทิวากรโยกตัวคนขี้แยไปมา นึกถึงวันที่พบกันครั้งแรก คราวนั้นอ้อมกอดจากการปลอบใจมันเกิดขึ้นจากเหตุการณ์พาไป พรนับพันเวลานั้นเหม่อลอย ไม่ค่อยมีสติ แต่ครั้งนี้สติครบถ้วน แต่น้ำตาเกิดจากความคิดถึง

คุณตาของพรนับพันอาจกำลังแช่งชักเขาที่บังอาจทำให้หลานสาวสุดที่รักร้องไห้

“ผมยอมคุณตั้งแต่คุณเอาช้อนตีหน้าผากผมแล้ว”

“นิสัย หาเรื่องแต๊ะอั๋งฉันงั้นสิ” คนร้องไห้เบี่ยงตัวหลบ ยกหลังมือป้ายน้ำตาจนหมด บู้ปากงอน “ไปเลย คนจะกินข้าว ไม่ต้องมาทำหน้าอ้อน ไม่ใจอ่อน” ถึงจะว่าอย่างนั้น แต่หน้าคนได้รับอ้อมกอดกับไล่เฉดสีได้อย่างน่ามอง ขนาดคนโดนไล่ได้แต่มองตาละห้อย แต่ปากกลั้นยิ้ม

พรนับพันในสายตาเขาน่ารักขึ้นทุกวัน น่ารักแบบดุๆ ไม่มีใครเหมือน


นับพันพรจะยังอยู่โรงพยาบาล และพักที่ห้องพักของหมอ คงอยากจะอยู่เฝ้าไข้คนเจ็บมากกว่า พรนับพันออกปากว่าวันรุ่งขึ้นเธอจะไปเยี่ยมทองภูกับทิวากร และบอกถึงการตัดสินใจครั้งสำคัญที่จะย้ายมาพักที่บ้านของพ่อแม่ทิวากร ไม่วายย้ำว่าถ้าหากนับพันพรจะกลับบ้าน ต้องย้ายตามมาอยู่กับเธอทันที ทีนี้ก็ยกเหตุผลจริงๆ แต่บอกไม่ครบเพียงแค่เพื่อความปลอดภัยในชีวิต

เวลาสี่ทุ่ม ประตูอัลลอยด์สูง กับรั้วไฟฟ้าที่มีการป้องกันโจรผ่านกระแสไฟ ไหนจะยังมีสุนัขพันธุ์ดุอีกหลายตัวถูกขังไว้ในกรงทำให้พรนับพันมองอย่างหวาดๆ นึกไม่ออกว่าที่นี่คือบ้านเจ้าสัวนักธุรกิจใหญ่เจ้าของธุรกิจรถนำเข้า หรือเจ้าพ่อจากเซี่ยงไฮ้ บ้านตรงหน้า ตั้งแต่ประตูก็สลักด้วยทองเป็นลวดลายมังกรบานหนึ่ง กับหงส์อีกบาน พื้นเป็นกระเบื้องมันเลี่ยม พรนับพันมองความรวยไม่บันยะบันยังพลางส่ายหน้ามากกว่ายินดี มีสิ่งเดียวที่เธอชอบที่นี่ก็คงเป็นสนามหญ้ากว้างๆ ยกเว้นเจ้าหมาเสียงเล็กสีน้ำตาลพันธุ์ปอมที่กำลังจ้องเธอและเห่าแบบเอาเป็นเอาตายในยามนี้

“ฉันไปเหยียบหางมันเหรอ หรือมันคิดว่าฉันเป็นพันธุ์เดียวกับมัน คุณบอกมันทีสิ ว่าฉันรำคาญ อย่าให้ฉันของขึ้น เดี๋ยวจับเหวี่ยงจะหาว่าโหด” คนเกลียดสุนัขเขย่งปลายเท้ากระซิบกับทิวากร อีกฝ่ายหนึ่งเอาแต่ยิ้มขำ ขณะที่ปอมอตัวน้อยกำลังวิ่งพลางเห่า ซอยเท้าสั้นมาหาระยะประชิด

“เดี๋ยวก็โดนเตะหรอก” พรนับพันทำขู่แต่เดินไปหลบหลัง เกาะชายเสื้อทิวากร “ตัวเล็กแต่ก็ทำฉันโดนฉีดยาหลายเข็มได้ ไม่ขอเสี่ยงล่ะ”

“เคยโดนกัดด้วยเหรอคุณพราวด์”

“เคยสิ ยิ่งวิ่งหนี มันยิ่งวิ่งไล่ พอหยุดนะ หมามันแยกเขี้ยวน้ำลายยืดใส่ฉัน เห่าฉันไม่หยุด จ้องหน้ากันครึ่งชั่วโมง พอฉันจะหนี มันก็งับฉันเลย ตอนนั้นฉันอายุไม่ถึงเจ็ดขวบดีเลย ไม่มีวันลืมหรอก หมาที่ไหนก็เหมือนๆ กัน เสียงของมันก็น่ารำคาญ”

ทิวากรกลั้นขำ พยายามจะไม่ยิ้ม และทำหน้าเห็นใจ ขณะที่เขาก้มไปอุ้มเจ้าตัวเล็กที่ดูจะเรียบร้อย หยุดเห่าทันที พรนับพันถอยหลังเข้าบ้านไปอีกหลายก้าว

“หมาที่บ้านผมฉีดยาแล้วทุกตัวไว้ใจได้”

“แต่ก็กัดคนตายได้นะ ถึงเจ้าตัวเล็กนี่จะกัดฉันตายไม่ได้ เพราะจะถูกเตะตั้งแต่นาทีแรกก็เถอะ แต่เจ้าเบิ้มในกรงพวกนั้น” พรนับพันทำหน้าอยากจะร้องไห้ เบะปาก “มันคงไม่ปล่อยให้ฉันได้เตะแน่ๆ”

“ใครจะเตะลูกไมเคิลของฉันยะ” คุณนายจรัสศรีนวยนาดด้วยชุดนอนยาว ผ้าเบาลายดอกไม้ หน้าตาไม่รับแขก แต่ก็เปลี่ยนเป็นยิ้มแป้น โผเข้าหาทิวากร ไม่เห็นหัวสาวผมยาวที่ยืนตัวลีบอยู่หลังประตูสักนิด “ต๊ายลูกทิวของแม่ จะมาก็ไม่บอก นี่ถ้าวันนี้แม่ไม่ดูละครของลูก ป่านนี้แม่เข้านอนไปแล้ว”

“ผมจะขอย้ายมาอยู่ที่นี่นะครับ”

“จริงเหรอลูก” น้ำเสียงตื่นเต้น มาพร้อมอาการลูบแก้มลูบไหล่บุตรชายอย่างสุดปลื้ม ก่อนจะชะงักค้างเมื่อมีเสียงกวนหูของใครบางคนดังมา

“กับฉันด้วย”

“ใครเชิญหล่อนมาไม่ทราบ อย่าคิดว่าลูกฉันตาบอดไปคน แล้วฉันจะเปิดทางให้เธอง่ายๆ คิดว่าทำให้ลูกฉันกลับมาอยู่บ้านแล้วฉันจะมองเธอเป็นนางฟ้ามาโปรดล่ะก็คิดผิด”

“คิดว่าเป็นนางมารมาโปรดสิคะ จะได้สบายใจ” พรนับพันรอจนแน่ใจว่าทิวากรปล่อย ’ไมเคิล’ ออกจากอ้อมแขนแล้ว จึงไปเกี่ยวแขนเขาไว้ ยิ้มเย้ย “ถ้าไม่จัดห้องให้ฉัน วันนี้ฉันจะนอนห้องเดียวกับลูกชายคุณแม่ก็ได้นะคะ อบอุ่นดีหรอก”

“ก็ดีเหมือนกันนะครับแม่ ใครแถวนี้จะได้ไม่ขาดความอบอุ่น ผมจะกอดให้หายหนาวทั้งคืนเลย” ทิวากรพูดทีเล่นทีจริง แต่คนฟังสองคนอยู่ในอารมณ์เดียวกัน...นั่นคือความโกรธ

คุณนายจรัสศรีหันไปสั่งแม่บ้านใหญ่ของบ้านให้เปิดห้องรับรองแขกทันที ในขณะที่พรนับพันจัดการปล่อยหมัดซัดใส่ต้นแขนที่มีกล้ามเนื้อของทิวากรไปทีหนึ่ง ทำหน้าง้ำ กัดฟันพูด

“ไม่อยากหยอดน้ำข้าวต้มก็หุบปากไปเลย”

“แล้วทำไมแก้มแดง”

พรนับพันฟาดฝ่ามือลงไปอีกที เบือนหน้าหนี รู้สึกอยากซัดคนช่างแกล้งอีกหลายที เผื่อมันจะลดอุณหภูมิร้อนบนหน้าได้บ้าง ทีแรกก็เคืองอยู่หรอก แต่ไอ้สายตารู้ทันนั่นทำเธอทนสบตาไม่ได้ ได้แต่หันกลับมาแล้วซัดเพียะ ทั้งที่เขายังไม่พูดอะไร แต่กำลังยิ้มขำ

“ตลกอะไรนักหนา”

“คุณเขินแล้วน่ารักดีนะ แต่ถ้าคุณเขินหนักมือแบบนี้ ผมอ่วมแน่” ทิวากรอมยิ้ม ลูบต้นแขนตัวเอง

“ต้องอดทน” พรนับพันทำเสียงเหี้ยม กระซิบกระซาบเมื่อเด็กในบ้านเริ่มเดินเข้ามา “ฉันจะทารุณคุณให้หนักเลย”

“ผมพร้อมสู้ทั้งคืนนะ อดทนได้เลย” คำพูดสองแง่สามง่ามโดนกำปั้นหนักสวนไปบนต้นแขนอีกที พาให้คนโดนหัวเราะเสียงดัง ยอมยุติเรื่องกวนคนดุให้เขิน ขืนเขินหรือเคืองอีกที เขาควรจะกลายร่างเป็นกระสอบทราย หรือควรฝึกตั้งแต่เนิ่นๆ จะได้ชิน


“ผมเช็คไอพีของพวกแอนตี้แฟน หลายๆ ไอพี มีไอพีหนึ่งน่าสนใจ ไอพีเครื่องอยู่ที่คอมที่คุณทองภูเป็นเจ้าของ ที่ช้าก็เพราะว่ามันเป็นเรื่องที่ต้องพึ่งเส้นสายนิดหน่อย เรื่องแบบนี้ไม่ใช่เรื่องถูกกฎหมายนัก”

พรนับพันฟังการรายงานทางปลายสายอย่างตกตะลึง เธอเข้ามาพักในห้องรับรองแขกของบ้านเจ้าสัวกวี แต่ยังไม่ได้เจอเจ้าสัวเพราะเจ้าสัวขึ้นนอนไปก่อนไม่กี่นาทีก่อนเธอกับทิวากรมาถึง เธอเองก็รู้จักป้าสาย แม่บ้านเก่าแก่ของที่นี่ที่จัดห้องให้เธออยู่ ก่อนจะออกไป ดนพก็โทรมาด้วยเรื่องน่าตกใจนี้ทันที

“เป็นไปไม่ได้ คุณทองภูรับมีดคนร้ายนะ เขาช่วยน้องสาวฉัน”

“อะไรก็เกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะพวกคนร้ายเอาหน้าพ่อพระมาสวม” หนึ่งดาราที่ยอมโอนสายข้ามประเทศมาแชร์เรื่องคุยกันออกความเห็น “แกต้องให้แฟร์ระวังตัว ไม่เท่ากับว่าคนร้ายอยู่ใกล้ตัวแฟร์เลยเหรอ”

“ ไม่ลงทุนไปหรือไง เอาตัวเองมารับเคราะห์แบบนี้” พรนับพันยังไม่อยากเชื่อ

“แกเคยบอกว่าแฟนเก่าของคุณทิวก็เคยโดนแบบนี้ หรือแกว่าแฟนเก่าคุณทองภูสร้างเรื่องใส่ร้ายล่ะ”

“เป็นไปไม่ได้ ฉันอยู่กับคุณน้ำหนาวมาหลายวัน ฉันพอมองออกว่าเขาเป็นคนยังไง” เสียงถอนหายใจหนักดังอย่างจนปัญญา “ฉันไม่ได้เป็นญาติกับเชอร์ล็อกโฮล์ม ถึงฉันจะฉลาดมากก็ตาม” ปิดท้ายประโยคด้วยความมั่นใจ

“ตอนนี้ถ้าใครมาตีสนิทคุณก็ให้ระวังไว้มากๆ หรือถ้าเป็นคนแปลกหน้า พยายามถ่ายรูปหรือค้นหาตัวตนเขา” ดนพชี้ทางออกอย่างใจเย็น ในฐานะคนประกอบอาชีพเดียวกับนักสืบชื่อดังในนิยายของชาวอังกฤษ

“พรุ่งนี้เช้าฉันจะไปโรงพยาบาล”

หนึ่งดาราร้องกรี๊ด “แก ก็ฉันบอกว่าเขาเข้าข่าย แกจะไปทำไม อยากตายเหรอยะ”

“น้องฉันห่วงคุณทองภูยิ่งกว่ามานั่งคิดมากเรื่องตัวเองเกือบโดนข่มขืนอีก”

สองคนปลายสายจนปัญญาที่จะพูดห้ามปรามได้แต่เตือนกันมาอีกหลายประโยคให้ระวังตัว ยิ่งเธอย้ายที่พักมายังบ้านของทิวากร ใครก็ตามที่มุ่งร้ายต้องไม่รามือง่ายๆ แน่

“วันหยุดฤดูหนาว เดี๋ยวฉันจะกลับไป ฉันห่วงแก” หนึ่งดาราทำเสียงปริ่มจะสะอื้นออกมา “ถึงแกจะร้ายมาก ดื้อสุดขีด และชอบด่าฉัน แต่แกเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน เกิดแกเป็นอะไรขึ้นมาล่ะก็...”

“หยุดๆ แกอย่าได้ตีโพยตีพายล่วงหน้าได้ไหม แช่งกันนี่”

หนึ่งดาราทำเสียงงึมงำ หากพรนับพันเห็นหน้าปลายสายอาจจะหัวเราะกับอาการปากยื่นยาว ขยับรูจมูกจนขยายกว้าง

พรนับพันลาผู้หวังดีทั้งสองของเธอก่อนจะวางสายไป ล้มตัวลงนอนบนที่นอนขนเป็ดสุดนุ่ม ผ้าคลุมเตียงนุ่มมือทุกสัมผัส เรื่องของวันนี้เธอควรจบพร้อมกับการนอนเสียที

พรุ่งนี้ใช่ว่าจะมีแค่การเผชิญหน้ากับทองภูเสียที่ไหน เสื้อตัวเบิ้มที่เธอแอบไปโกหกคำโตกับทิวากรนั่นไง

ผู้ชายหน้าง้ำ ชอบย่นจมูก เม้มปาก ตาขวาง และขมวดคิ้วอย่างเจ้าสัวกวี ไม่มีทางเหมือนคุณตาใจดีของเธอสักนิด

แต่ตอนนั้นที่เธอร้องไห้ เพราะเธอคิดถึงตาจริงๆ ตาที่ชื่อตะวัน

ตาคะ ตาส่งผู้ชายคนหนึ่งมาให้พราวด์ แต่เขาน่ะพ่วงสารพัดปัญหามาให้พราวด์ไม่ได้หยุด ตากลัวพราวด์จะเหงาใช่ไหม

……………………………………………………………….

คุณ yimyum เจอระเบิดของพราวด์เข้าไปอาจจะถึงขั้นพูดไม่ออก ฮา

คุณ konhin มาเดากันต่อดีกว่าค่ะ ใครก็ไม่รู้

คุณ นักอ่านเหนียวหนึบ พราวด์เป็นพวกโกรธง่ายหายเร็วเนอะ ตอนที่แล้วยังตู้มต้าม มาตอนนี้ เหอะๆ

คุณ Sukhumvit66 อาหารจากคนช่างประชดค่ะ อิอิ

ขอบคุณสำหรับทุกความเห็น ทุกไลค์ และนักอ่านเงาทุกท่านค่า



ปวรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 21 มี.ค. 2557, 00:13:21 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 21 มี.ค. 2557, 11:47:09 น.

จำนวนการเข้าชม : 2023





<< บทที่ 12 : ระเบิดลง   บทที่ 14 : ถูกปั่นหัว >>
นักอ่านเหนียวหนึบ 21 มี.ค. 2557, 01:04:33 น.
เป็นห่วงหนูแฟร์จังเลยยยย
พี่พราวด์ดูแลน้องโด้ยยยย
ส่วนนายทิวนะเหรอ ยืนหน้าหล่อต่อไป 555


konhin 21 มี.ค. 2557, 01:39:35 น.
ไม่อยากให้เป็นทองภูเลยย


Sukhumvit66 23 มี.ค. 2557, 11:09:02 น.
ถ้าเป็นทองภูจริง ๆ ก็อดสงสารแฟร์ไม่ได้.....
หวังว่าจะไม่ใช่น๊า~~~


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account