ในเงาฝันปลายตะวัน
พรนับพัน ชีวิตของเธอจะมีตาอยู่ในทุกๆ ที่ แม้กระทั่งวันที่ตาจากไป หลายๆ สิ่งที่เธอทำก็ยังอยู่ในเงาของ 'ตะวัน' ผู้เป็นตาไม่เคยเปลี่ยน

และเพราะนิสัยที่เอาแต่ใจ โมโหร้าย ไม่สนใครหน้าไหนของพรนับพัน ชีวิตวันๆ หนึ่งเดินออกไปไหนไม่ได้ไกล หากมีเรื่องเข้ามาหาเจ้าหล่อนพร้อมพุ่งชน และนั่นเองทำให้รอบข้างกังวลและอยากจับเธอเปลี่ยนแปลง

ทิวากร ไม่รู้ว่าเขาโชคดี หรือโชคร้ายที่ได้รับหน้าที่จัดการเปลี่ยนมนุษย์ถ้ำ ให้ออกสู่สังคมได้อย่างปกติ แต่ดูเหมือนว่าคนที่ใครมองว่าโชคร้าย กลับเต็มใจรับสภาพ อ้าแขนรับมนุษย์ถ้ำคนนี้ซะด้วย
Tags: มนุษย์ถ้ำ โรแมนติก อมยิ้ม

ตอน: บทที่ 14 : ถูกปั่นหัว

บทที่ 14

ประตูห้องถูกเคาะรัว มือกระทบแผ่นไม้สักไม่ยอมหยุด เสียงเรียกจากสงบเสงี่ยมในทีแรกแปรเปลี่ยนเป็นกราดเกรี้ยวเสียงแหลม พรนับพันส่งเสียงหึ ดึงผ้าห่มออกจากตัวไมคิดพับ กระชากประตูออกอย่างแรง ในจังหวะที่คนหลังประตูลงกำปั้นลงมาอีกครั้ง และมันกระแทกหน้าผากเธอไปที ไม่เจ็บนักหรอก แต่มันเสียหน้า

“ฉันให้สายมาเรียกแล้ว แต่เธอก็ยังนอนอุตุ ได้เสียมารยาทมาก อย่าคิดว่าตัวเองเป็นแขก บ้านนี้ไม่เคยมีแขกไร้มารยาทอย่างเธอ ต๊ายดูสิ” คุณหญิงจรัสศรีเยื้องกรายก้าวย่างเข้ามาในห้องพักขนาดย่อม เตียงขนาดสามคูณสองเมตรครึ่งยับยู่ยี่ “ผ้าห่มก็ไม่รู้จักเก็บ ที่นอนไม่ตึงก็ไม่รู้จักดูแล ไม่ได้เรื่อง”

“ฮัดชิ่ว” คนไอยกมือปิดไม่ทัน ส่งสีหน้าสำนึกผิดมาให้ “พอดีอากาศยามเช้ามันไม่สดใส ร่างกายฉันเลยสร้างแอนติบอดีมั้งคะ” ยกมือป้องปาก เป่าลมทดสอบกลิ่นลมหายใจหน้าตาเฉย ขณะพยักหน้างึมงำ “ยังไม่ได้แปรงฟันเลยค่ะ”

“สายไม่ต้องมาเช็ดหน้าฉัน” คนได้รับละอองจากปากไม่แปรงฟันทำหน้าสยดสยอง คำด่าบริภาษค้างเติ่งอยู่ริมฝีปาก การกระทำอย่างคนไม่สนใจสิ่งใดหรือใครในโลกของพรนับพันทำให้รู้ว่าเธอจะจัดการยัยหัวยุ่ง หน้าซีดนี่ได้ยาก

“มาอยู่ที่นี่อย่าได้คิดมาอยู่เฉยๆ เด็ดขาด ฉันไม่ชอบให้ปลิงมาดูดเลือด แต่ฉันชอบดูดเลือด พวกที่มาเกาะให้กลับไปแต่โครงกระดูก”

“ฟังแล้วกลัวขนหัวลุกเลยค่ะ...คุณแม่”

ท่าทางการสั่นเทิ้ม หน้าเจ้าเนื้อบิดเบี้ยว จิกเกร็งเพื่อกลั้นเสียงร้องอย่างขัดใจกับหน้าระรื่น ไหวไหล่ ไม่กริ่งเกรงของพรนับพัน อาการความดันพานจะขึ้น

พรนับพันที่รู้สึกแกล้งหญิงอายุไม่น้อยจนพอใจ จึงยอมลงให้นิดหนึ่ง “ไม่ต้องห่วงนะคะ คุณแม่จะใช้งานอะไรดิฉันเชิญสั่งได้เลย ถ้าฉันทำได้ฉันก็จะทำให้”

ความเครียดลดลงไปจากใบหน้าคุณจรัสศรี คุณนายยิ้มมุมปากพอใจ “เตรียมรับการต้อนรับของแขกบ้านนี้ได้เลย สายเตรียมตัวให้พร้อม และสั่งคุณเขาว่าต้องทำอะไรบ้าง”

สายรับคำสั่งคุณนายอย่างรู้งาน มีรอยยิ้มหมายมาดไม่ต่างกัน งานนี้มันสงครามทางจิต ใครทนกว่ากัน

“ขออาบน้ำก่อนนะคะ...ป้า” คนเรียกยักคิ้วใส่ทีหนึ่งอย่างท้าทาย และปิดประตู หายลับไปหลังบานประตู ปล่อยคนสูงวัยสองคนตัวสั่นเทิ้มอีกรอบ

พวกหล่อนนี่ล่ะจะสั่งสอนความไร้มารยาทของพรนับพัน ผู้หญิงอะไรสมบัติผู้ดีหาไม่พบสักข้อ


กลิ่นอาหารหอมโชยมาจากอีกมุมครัว ข้าวต้มโรยกระเทียมเจียวยั่วน้ำลายคนที่กำลังคนอาหารอะไรสักอย่าง แม้กลิ่นกระดูกอ่อนหมูจะลอยมาได้น่ายั่วน้ำย่อยในกระเพาะ แต่ข้าวเหลว น้ำสีกะปินี่ ไม่ใช่อาหารของคนอย่างแน่นอน

คุณนายจรัสศรีมอบหน้าที่กิตติมศักดิ์อย่างการดูแลลูกรักหลายตัวของคุณนายแก่เธอ คงรู้ดีว่าเธอน่ะ ‘เกลียด’ พวกลูกรักของคุณนายมากขนาดไหน

แค่เสียงเห่าโฮ่งมากระทบหูถี่ขึ้น พรนับพันก็อยากจะเอาอาหารไปทิ้งไว้ที่สนาม ปล่อยให้คนงานในบ้านดูแลต่อ

“คุณต้องไปตักแบ่งด้วยนะคะ มีทั้งหมดห้ากรง ส่วนคุณไมเคิลต้องเลี้ยงด้วยบราวน์นี่ที่สั่งทำขึ้นมาเท่านั้นค่ะ อยู่ในตู้เย็นอยู่แล้ว”

“คุณไมเคิล” พรนับพันอยากจะหัวเราะ คนบ้านนี้ให้เกียรติกับสุนัขยิ่งกว่าเธอเสียอีก

“มาเดี๋ยวผมช่วย” ทิวากรเดินเข้ามาทันได้ยินคำสั่งการ ชายหนุ่มปิดแก๊ส ไม่รอให้สายเอ่ยคำห้าม จับหูหม้อทั้งสองค้างยกเดินนำออกไปทางประตูหลัง มีพรนับพันเดินตามพร้อมทัพพีในมือ “ผมทำคุณเดือดร้อน”

“แม่คุณเขาสนุก คุณน่าจะดีใจ” พรนับพันค่อนขอด และหยุดอยู่ใต้เงาหลังคาโรงรถเมื่ออ้อมมาหน้าบ้าน กรงสุนัขหลายพันธุ์พร้อมใจกันเห่าหอน น้ำลายยืด ทำจมูกฟุดฟิด กระหายสิ่งที่อยู่ในมือทิวากร

“ตามผมมาสิ เฉิน ลู่ เปียว ไห่ หลง ไม่ดุหรอกคุณ” บ้านน้องหมาชื่อจีนแต่ละตัวถูกจำกัดอยู่ในกรงขนาดสองคูณหนึ่งจุดห้าเมตร ด้านบนเป็นหลังคามุงด้วยกระเบื้องอย่างดีสีแดง สองตัวแรกเป็นสุนัขพันธุ์อาเซเชี่ยนที่เธอเคยเห็นตอนออกค่ายเนตรนารีสมัยประถมปลาย เธอจำได้ว่าทหารมักจะใช้ฝึกดมกลิ่น ขนสีน้ำตาลเหลือบดำยาวสวย หูตั้ง แต่เสียงเห่า ท่าคล้ายอยากกระโจนมางับทำให้พรนับพันส่ายหัวดิกยืนหยัดที่เดิมหลังเสา

ทิวากรวางหม้อลงกับโต๊ะไม้สูงเท่าเอวข้างกรงของเฉิน บนนั้นมีที่วางจานก้นตื้นสะอาดหลายใบที่คนงานนำมาวางรอไว้ให้ก่อนเวลาให้อาหาร ทิวากรเดินกลับไปหาพรนับพัน หญิงสาวถอยหนีอย่างระแวงเมื่อมือของอีกฝ่ายยื่นมา และคว้าไปเพียงทัพพี

“ยืนดูผมก็พอ หรือจะเข้าไปก่อนก็ได้ผมไม่ว่าอะไร”

พรนับพันกัดปากชั่งใจ สิ่งเดียวที่เธอกลัวก็คือสุนัขที่ไล่กัดเธอตอนเด็ก ตอนนั้นไม่มีใครอยู่บ้านด้วยซ้ำ ตอนที่เธอถูกกัดแล้วคนที่มาพบก็คือตา ตาเป็นคนปลอบเด็กขวัญเสียคนหนึ่ง

“มันเห่าเสียงดัง”

“หมาจะให้มันพูดเหรอครับ”

พรนับพันชี้ไปตรงปาก หน้าตาสยอง “น้ำลายไหลยืด มันบ้าหรือเปล่า”

“คนเราเวลาหิว ต่อมน้ำลายจะทำงาน สัตว์ก็เหมือนกันแหละครับ” ทิวากรไม่เหนื่อยกับการอธิบายให้ฟังอย่างใจเย็น และตัดสินใจยื่นมืออีกข้างที่ว่างจากการถือทัพพีส่งให้พรนับพัน “ลองไปกับผมเถอะ ผมไม่อยากให้คุณโดนแม่ผมกับป้าสายมาแกล้งคุณได้อีก”

“ไม่กลัวเวลาฉันแกล้งคนบ้านคุณคืนเหรอ”

ทิวากรยิ้มละมุน บีบมือกระชับด้วยความเชื่อใจ “ผมรู้ว่าจริงๆ คุณหวังดีกับผม ถึงคุณจะไม่ได้รักอะไรครอบครัวผม แต่คุณจะไม่มีวันทำร้ายพวกเขา”

พรนับพันยิ้มออก พยักหน้าเห็นด้วย “วันนี้ฉันทำให้คุณยอมรับครอบครัวของคุณได้เต็มปากเต็มคำ แล้วก็เต็มหัวใจด้วยใช่ไหม ฉันอยากให้คุณลืมเรื่องราวไม่ดีที่คุณเคยเจอ คุณมีครอบครัวที่นี่”

“แล้วคุณอยากมาลองเป็นครอบครัวเดียวกับผมไหม”

คำพูดเรียบเรื่อยของคนที่เริ่มตักอาหารให้สุนัขจอมหิว แม้ท่าทางจะไม่ได้โรแมนติก ไม่ใช่พระเอกที่สบตาหญิงสาวที่รักด้วยดวงตาหวานซึ้ง แต่ใจความของมันก็อาบไปด้วยน้ำตาล ที่เธอได้ฟังก็รู้สึกอิ่มตื้นตัน แม้กระทั่งมานั่งจ้องตากับเจ้าทั้งห้าตัวในกรง

เธอก็ลืมกลัวไปหมดสิ้น...ทิวากรช่างเจ้าเล่ห์นัก ถึงได้ทำให้เธอลืมสิ่งที่กลัวไปด้วยคำพูดแบบนั้น พรนับพันนึก และก็ได้แต่นั่งบิดไปมา พร่ำเพ้อกับเจ้าลาบาดอร์ตัวโตที่มีป้ายหน้ากรงว่าหลง

“แกก็น่ารักดีนะ”


หมาที่ทานของหวานมันมักดุ

ทฤษฎีนี้พรนับพันก็ไม่ทันได้ถามตา จริงๆ ก็ไม่สนใจเรื่องของสุนัขมาก่อน แต่เจ้าไมเคิลที่กระโดดตัวลอยอย่างกับเป็ดคิดข้ามคลองกว้างๆ ทำเธอตกใจ หน้าเกือบหงาย โชคดีไปที่เธอไม่ได้เอาศีรษะไปจูบกับพื้น ทิวากรประคองเธอไว้แล้วชิงเค้กบราวน์นี่หลบการจู่โจมเจ้าตัวเล็กขนฟูได้ทัน

“นิสัยไม่ดีเลยนะไมเคิล”

เสียงแหลมเล็กเห่าตอบมาอีกหลายครั้ง พรนับพันแยกเขี้ยวใส่เจ้าหมาชื่อหรูด้วยอารมณ์หมั่นไส้ หน้ายาวๆ ปากแหลมๆ เสียงก็เล็กหนวกหู ขนก็แห้งๆ ฟูๆ ชี้พุ่งกระจายอย่างกับซุปเปอร์ไซย่าจากดราก้อนบอล ซ้ำยังกระโดดลอยสูงพุ่งใส่ได้น้องๆ พุ่งหลาวอีก...พรนับพันสรุปได้ในใจว่าสุนัขตัวใดในบ้านนี้ที่ทั้งน่าเกลียด และน่ากลัวที่สุด

ไอ้เจ้าไมเคิลนี่ล่ะ

“ตัวก็เล็กยังใจร้อนอีก” พรนับพันหันไปเกาะหลังทิวากร และเริ่มทะเลาะกับเจ้าตัวเล็ก โดยตอบโต้มาด้วยการเห่าไม่หยุด “คอไม่พังบ้างเหรอ เห่าอยู่ได้” ไม่วายเอาเท้ามาเขี่ยลำตัวเจ้าตัวเล็กที่ยกขาดีดตัวอีกครั้งให้ไกลออกไป คราวนี้มันหันมาจ้องหน้าเธอ หุบปาก และเริ่มแยกเขี้ยวส่งเสียงขู่ในลำคอ

“กับหมาก็ไม่เว้น” เสียงห้วนไม่สบอารมณ์ดังขึ้นตรงทางเข้าครัว ชายสูงวัยผมขาวใช้สายตาดุต่อว่าคนที่ตั้งหน้าเขี่ยหมาตัวน้อยไปให้พ้นวงโคจร

คนถูกดุทางสายตาลดขาลงกับพื้น เบือนหน้าหนีแอบเบะปาก ไม่อยากพูดจากับคนบ้านนี้ที่มักใช้สายตา และการกระทำอย่างกับปืนใหญ่มาส่องเธอ ทั้งที่เธอเป็นคนพาลูกชายที่รักเขากลับมาแท้ๆ

“ตัวก็โต กลัวอะไรกับหมาที่สูงไม่ถึงเข่า เห็นเก่งกับทุกเรื่องไม่ใช่เหรอ เหอะ” การต่อว่าต่อขานไม่ไว้หน้าทำคนกลางอย่างทิวากรอึดอัด พรนับพันเลือกเงียบกระทั่งแน่ใจว่าเจ้าสัวเดินหายไป เธอจึงหันมาส่งตาวาววับ เอาเรื่องกับเจ้าตัวเล็ก

มือยกตีหัวทุยไปทีหนึ่งด้วยความเคือง มืออีกข้างเท้าสะเอว ขณะที่เจ้าหมาโดนตีหัวหุบปากเลิกเห่าด้วยความงง พอมันจะอ้าปากอีกครั้งก็โดนตีอีกรอบ คราวนี้มันคงรู้ว่าเปล่าประโยชน์จะเห่า ได้แต่ครางหงิงๆ

“น่ารักใครๆ ก็ประคบประหงมนักนี่ หึๆ” พรนับพันเบะปากหัวเราะ หันไปสั่งการเสียงเฉียบกับทิวากร “อยากทำงานศิลปะไหมคะ สวยๆ แก้เครียด”


แม้ความกดดันบนโต๊ะอาหารจะยังมีมาก แต่พรนับพันเลิกใส่ใจ เพราะทิวากรก็รู้ว่าไม่ควรทำให้เธอของขึ้นอีกเช่นกัน จึงคอยดูแล และหากพ่อแม่ตั้งท่าจะหาเรื่องเธอ ทิวากรจะดึงบทสนทนาเข้าที่ตัวเอง ทันทีที่มื้ออาหารปะหลับปะเหลื่อมื้อแรกอันพร้อมหน้าพร้อมตา หรือจะรวมส่วนเกินที่เจ้าสัวกับคุณนายคอยส่งสายตาไม่ยอมรับมาให้เป็นระยะ แต่เธอก็ไม่สนใจ

พรนับพันปล่อยเสียงหัวเราะออกมาดังลั่นขณะนั่งมาในรถออกมาจากบ้านเจ้าสัว ถ้าคนในบ้านเข้าไปในครัว เปิดกล่องลังที่มีช่องเล็กให้อากาศผ่านขนาดย่อม คงจะพบสิ่งมีชีวิตนามว่าไมเคิลนอนครางหงิง ขนฟูฟ่องถูกจับย้อมสีเขียวเหลืองละเลงเละ ไหนจะยังจับแต่งด้วยการใช้หนังยางรัดของมาจับเป็นจุกอีกสามจุกบนหัว คราวหน้าถ้าไมเคิลยังกล้าเห่าใส่อีก ก็แสดงว่าถูกใจในสิ่งที่เธอจัดแสดงศิลปะบนตัวให้

“คุณนี่ร้ายกาจจริงๆ”

“ไม่ร้ายฉันก็ต้องโดนรังแกฝ่ายเดียวสิ ขนาดไมเคิลยังไม่เลือกข้างฉัน ฉันก็ต้องสั่งสอนมันเล็กน้อย ครั้งหน้าเราคงจะเป็นมิตรกันได้มากขึ้น”

ทิวากรนึกสงสารไมเคิลเล็กน้อย บางทีเขาเองก็รู้สึกว่าคนในบ้านประคบประหงมมันยิ่งกว่าคุณชาย โดนไปแบบนั้นไม่รู้ว่าจะเข็ดขยาดพรนับพันกับเขาที่ยืนดูเฉยๆ หรือเปล่า

ทิวากรขับรถมาอีกไม่กี่นาทีก็เข้าเขตของโรงพยาบาล สีหน้าของพรนับพันจากรื่นเริงเปลี่ยนเป็นเครียดเขม็ง บทสนทนาระหว่างเธอ ดนพ และหนึ่งดาราไม่ได้ลบเลือนไปง่ายๆ ในเมื่อทองภู บุคคลรับเคราะห์แทนน้องเธอ กลายเป็นผู้เข้าข่ายว่าจะเป็นคนร้าย

พรนับพันอยากให้ทุกอย่างเป็นเพียงเรื่องเข้าใจผิด หากมันคือเรื่องจริง นับพันพรจะรู้สึกอย่างไร เธอไม่ใช่คนโง่ขนาดดูไม่ออกว่าเวลานี้นับพันพรมีความรู้สึกพิเศษต่อทองภู

“คุณรู้จักคุณทองภูมานานแค่ไหนแล้ว”

“รู้จักตั้งแต่เข้าวงการใหม่ๆ แต่มาร่วมงานกันจริงจังก็ตอนละครเรื่องแรกของผม ประมาณเกือบห้าปีก่อน”

“ฉันเคยได้ยินว่าคุณน้ำหนาวเคยถูกก่อกวนตอนคบกับคุณ”

“ผมไม่อยากให้คุณเจอเรื่องเลวร้าย”

“คุณรู้อะไรก็บอกฉันสิ” น้ำเสียงน้อยใจปิดไว้ไม่มิด “ฉันไม่กลัวหรอกอันตราย แต่การที่ฉันเผชิญอยู่กับสิ่งที่คุณรู้แต่ฉันไม่รู้ทำให้ฉันรู้สึกไม่สำคัญอะไรกับคุณ”

“คุณไปก่อนเถอะ เดี๋ยวผมมา” ทิวากรส่งกระเช้าผลไม้ที่เลือกซื้อก่อนมาถึงโรงพยาบาลให้กับพรนับพัน คนถือทำหน้ารับไม่ได้ ในเมื่อเขาเลือกไม่พูดไม่ตอบสิ่งที่เธอสงสัย พรนับพันจึงได้แต่กลั้นความไม่พอใจ สะบัดหน้าหนีอย่างคนน้อยใจ แค่มองหน้า เธอก็รู้สึกโกรธ

“เชื่อใจทองภูเถอะ ผมรู้จักเขาดี”

พรนับพันถลึงตาใส่ยานพาหนะที่เคลื่อนตัวห่างออกไป เขาบอกให้เธอไว้ใจทองภู แต่เขาต่างหากที่ทำตัวให้เธอรู้สึกคลางแคลงใจ

ทำไมมีอะไรไม่รู้จักบอก...พรนับพันหิ้วตะกร้าเข้าไปในโรงพยาบาล ปล่อยให้ความน้อยใจกัดกร่อนตัวเอง เธอไม่รู้สึกถึงน้ำหนักของความรักที่ทิวากรพูดไว้สักนิด บางครั้งก็เหมือนเขารัก แต่บางครั้งเขาก็กีดกันเธอไม่ต่างจากคนแปลกหน้า


รอยยิ้มสว่างไสวของนับพันพรขณะที่ป้อนแอปเปิ้ลให้คนป่วยบนเตียง พรนับพันหยุดชะงักอยู่หน้าประตูห้อง มองภาพความสัมพันธ์ของคนสองคนที่เหมือนได้รับประทานขนมสายไหม ความลังเลในใจจากความตั้งใจเดิมจึงถูกสั่นคลอน

นับพันพรดูมีความสุข และในใจนับพันพรคงจะดังก้องเป็นความรู้สึกรักได้ นับตั้งแต่ที่ทองภูเสี่ยงเอาชีวิตตัวเองมารับมีดนั้น ช่วยให้นับพันพรรอดพ้นชีวิต

แต่ความสงสัยของเธอจะไม่มีวันหมดไปจนกว่าจะได้พิสูจน์ด้วยตาและหูของตนเอง

สัญญาณเคาะประตูดังขึ้นขัดจังหวะหวานสองคนในห้อง พรนับพันยกตะกร้าผลไม้เข้ามาในห้อง นับพันพรลุกมารับไปวางไว้ที่โต๊ะวางของเยี่ยม ที่จริงหากข่าของทองภูหลุดออกไป แฟนคลับคงแห่กันมาเยี่ยมเยียน

“คุณหมอคะ มีคนไข้ด่วนค่ะ หมอของเราแผนกอีอาร์ไม่มีใครว่างเลย” พยาบาลจากต่างแผนกวิ่งกระหืดกระหอบมาตามคุณหมอประจำบ้านที่มักจะอยู่ในเวรกลางคืนเป็นประจำ ในฐานะที่ยังมีชั่วโมงงานน้อย

“พี่พราวด์อยู่คุยกับคุณทองภูไปก่อนนะคะ” นับพันพรรีบวิ่งออกไป ปล่อยให้ห้องที่มีบรรยากาศอบอุ่นพลันเย็นชืด พรนับพันนั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียงที่เอียงขึ้นสี่สิบห้าองศา หน้าตาจริงจัง

“สำหรับเรื่องปกป้องน้องสาวของฉัน ฉันรู้สึกขอบคุณ และเป็นหนี้บุญคุณคุณมากๆ แต่กับเรื่องที่ว่าทำไมคอมพิวเตอร์ที่บ้านคุณถึงเป็นหนึ่งในหัวโจกแอนตี้แฟนฉันกับคุณทิว มันยังเป็นเรื่องที่ฉันไม่เข้าใจ”

ทองภูเหม่อมองเพดานสะอาดในห้องพัก “ถ้าเกิดเป็นผมจริงๆ คุณจะทำยังไง คุณควรเลิกยุ่งกับทิว ถ้ายังอยากมีชีวิตที่ปกติสุข”

“แล้วถ้าฉันไม่เลิก แต่ขอให้คุณเลิกยุ่งกับน้องสาวฉันแทนล่ะ” ถึงจะรู้สึกผิดคาดกับประโยคทายใจ แต่คล้ายว่าข่มขู่จากทองภู แต่พรนับพันยังมีสติดีเยี่ยมตอบโต้กลับไป “ฉันอยากรู้เหตุผลของมนุษย์โรคจิตคนนั้น ถ้าไม่บ้าพอ ก็แปลได้ว่าเขาคลั่งคุณทิวมาก”

“อย่าเอาเวลาของคุณมาทิ้งเปล่าเลย”

“ฉันจะดึงน้องออกมาจากชีวิตของคุณ”

ทองภูผินหน้ากลับมา ยิ้มคล้ายจำยอม “พาเขาออกไปจากชีวิตผมเถอะ ผมไม่เคยรู้สึกอะไรกับเขาสักนิด” ประตูห้องที่เปิดออกอย่างเงียบเชียบเผยให้เห็นใบหน้าซีดเผือดของคนฟัง พรนับพันหันกลับไปมองนับพันพรอย่างตกตะลึง ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะกลับเข้ามารวดเร็ว

“แฟร์ลืมกระเป๋า ฝากพี่พราวด์เอาออกมาให้ด้วยนะคะ”

ประตูปิดเงียบอีกครั้ง พรนับพันมั่นใจว่าเธอเห็นสายตาของทองภูปรากฏร่องรอยเศร้า แม้จะไม่ชัดเมื่อดาราหนุ่มจงใจเบนหน้าหนี

เธอยิ่งรู้สึกไม่เข้าใจกับเรื่องในตอนนี้ ไม่เข้าใจสักนิดเดียว

“คุณบอกฉันได้ไหมว่าเรื่องพวกนี้ที่เกิดขึ้น ใครเป็นคนทำ ใครเป็นคนขู่”

“ผมเอง”

พรนับพันส่ายหน้า ไม่รู้จะเกลี้ยกล่อมให้อีกฝ่ายพูดออกมาได้อย่างไร ทองภูก็เหมือนทิวากร เก็บซ่อนความจริงไว้ และเลือกกันเธอและน้องให้เป็นเพียงบุคคลแปลกหน้า

“พวกคุณมันแย่ ทั้งคุณ ทั้งคุณทิว” นักเขียนสาวทิ้งไว้ได้เพียงคำบ่น แต่ไร้การตอบโต้ คว้ากระเป๋าถือของนับพันพรออกมา และกวาดสายตามองหา

ไม่นานเธอก็พบ ภาพแผ่นหลังคุณหมอในชุดกาวน์แขนสั้นเดินหายลับเข้าไปในห้องผ่าตัด พรนับพันนั่งลงที่เก้าอี้หน้าห้องผ่าตัด

นับพันพรเก่งกว่าเธอ ในช่วงเวลาแห่งความเสียใจก็ยังมุ่งมั่นกับหน้าที่การงานได้ แต่เธอจะนั่งรอน้องอยู่ตรงนี้ พรนับพันรู้ว่าหัวใจของนับพันพรก็จำเป็นต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วนเช่นกัน

หนึ่งชั่วโมงต่อมา นับพันพรเดินออกมาจากห้องผ่าตัดเป็นคนสุดท้ายหลังพยาบาลพาคนไข้ไปห้องพัก ใบหน้าของคนอ่อนหวานเสมอฝืนยิ้มมาให้ แต่ไม่นานปากก็เริ่มเบะ และโถมตัวมากอดพี่สาวไว้แน่น

“คิดถึงพ่อแม่จังพี่พราวด์”

“พี่เองก็คิดถึง คิดถึงมากๆ”

เวลานี้หากคุณหมอนับพัน และคุณหมอพรนภาอยู่ที่นี่ สิ่งที่พวกท่านจะทำก็คงไม่พ้นเรื่องให้เธอเลิกยุ่งกับทิวากรเสีย

ถ้าเกิดว่าทองภูเป็นคนร้ายจริง นับพันพรจะยิ่งเสียใจมากแค่ไหน เธอไม่อยากคิดเลย สิ่งเดียวที่อยากรู้คือเขาทำทั้งหมดไปเพื่ออะไร


‘อยากรู้ว่าฉันเป็นใครก็มาที่นี่สิ’

ข้อความจากเบอร์แปลก ส่งแนบมาพร้อมรูปร้านอาหารญี่ปุ่นไม่ห่างจากโรงพยาบาลนัก พรนับพันขอให้นับพันพรรอเธอที่โรงพยาบาล ส่วนตัวเองโทรเรียกดนพให้มาเป็นสารถีจำเป็น โชคดีที่วันนี้ดนพมาเฝ้าสังเกตเธอด้วยตัวเอง

พรนับพันไม่อยากเล่นตลกร้ายครั้งนี้นัก แต่ไม่รู้ทำไมเธอรู้สึกว่าตัวเองกำลังกลายเป็นหมากที่ต้องวิ่งตามบุคคลที่ปลุกปั่นอยู่ข้างหลัง ไม่รู้ว่าจะเปิดเผยตัวเมื่อใด และไม่รู้ว่าจะหยุดยั้งอย่างไรได้

ดนพจอดมอเตอร์ไซค์ บังคับให้พรนับพันต้องรอ เพราะไม่ไว้ใจในสถานการณ์แปลกประหลาดครั้งนี้

“คุณใจร้อนแบบนี้เสมอเลยหรือไง”

“ฉันใจเย็นมากเกินไปต่างหาก ปล่อยให้ใครบางคนปั่นหัวเป็นตัวตลกแบบนี้ คุณไม่เป็นฉันคงไม่เข้าใจว่ายิ่งรู้ตัวมันช้ามากเท่าไหร่ คนรอบข้างของฉันจะยิ่งอันตรายมากขึ้น”

“แล้วคิดว่ามันจะอยู่นั่งเจรจากับคุณง่ายๆ เหรอ ไม่คิดว่ามันเป็นแผนการ หรืออะไรสักอย่าง” ดนพพยายามชี้ให้เห็นอย่างฉลาด “ใจเย็นๆ แล้วรอดูสถานการณ์ดีกว่า” ฉุดมือพรนับพันไว้

“ไม่ ฉันจะเข้าไปข้างใน ฉันไม่กลัวมัน” คนใจร้อนสะบัดแขนออกอย่างแรง เดินหน้าเข้าร้าน มีดนพเดินตามหน้าเครียดไม่ห่าง เมื่อรู้ว่าห้ามไม่ได้ ก็ต้องคอยอารักขาเพื่อนของหนึ่งดาราให้ถึงที่สุด หลงมาช่วยขนาดนี้ หากใครที่อยู่ในข่ายผู้ต้องสงสัยเขาก็ต้องจดจำไว้ทั้งหมด

ดนพสอดส่ายสายตามองกล้องวงจรปิดที่มีตั้งแต่หน้าประตูร้านเหนือบานประตูไม้ที่ผลักเข้าไป พนักงานสองคนในชุดกิโมโนค้อมตัวต้อนรับ ภายในร้านมีคนรับประทานไม่ถึงห้าโต๊ะ แต่น่าแปลกที่พนักงานเชิญพวกเขาทั้งสองไปข้างในได้ และบอกว่าเป็นห้องพิเศษ

นักสืบที่ไม่ชอบปล่อยให้ความสงสัยครอบงำอยู่นาน รั้งพนักงานที่เดินนำให้หยุด “ขอโทษนะครับ ใครเป็นคนบอกว่าเราสองคนจะมา”

“คุณจิวค่ะ แต่เธอบอกว่าแค่คุณพราวด์คนเดียว”

“คุณเคยเจอเขาไหม” ดนพมองตามร่างของพรนับพันที่รู้ว่าเป็นห้องไหนก็ผลุบหายเข้าไป “รูปพรรณสัณฐานเขาเป็นยังไง”

“ดิฉันไม่เคยพบเขาค่ะ แต่ว่าเขาบอกแค่ว่าคุณพราวด์กับคุณทิวจะมาค่ะ”

“คุณทิวเหรอครับ”

เสียงวิ่งตึงตังกระแทกไหล่ของบดนพในเวลาอันรวดเร็ว ดนพเห็นว่าแววตาของพรนับพันตระหนกขนาดไหน และไม่เกินความคาดเดาเพียงแค่รู้ว่าที่นี่มีใครอีกคนมาด้วยเช่นกัน ทิวากรหุนหันวิ่งตามออกมา จ้องหน้าเขาอย่างกับกินเลือดกินเนื้อแล้วตามร่างพรนับพันออกไป

“มีใครมาอีกไหมครับ” ดนพเค้นเสียงลอดไรฟัน พนักงานร้านไม่กล้าโกหก

“คุณทิวมากับคุณหนาวค่ะ”

ดนพพยักหน้ารับ เดินตรงไปยังห้องที่ประตูเปิดอ้าค้าง ภาพน้ำหนาวตัวสั่นเทา เสื้อเปิดอวดเนื้อหนัง ตาเยิ้มฉ่ำ นี่มัน...

“เรียกรถพยาบาลมาที่นี่ด่วน และร้านของคุณจำเป็นต้องปิดร้านเดี๋ยวนี้ จะมีการตรวจค้น”

“เราทำแบบนั้นไม่ได้”

ตราตำรวจที่ดนพไม่ค่อยอยากหยิบออกมาอวดสายตาคนนักถูกแสดง ชายหนุ่มอดถอนหายใจด้วยความเหนื่อยหน่ายไม่ได้ อุตส่าห์ลาพักร้อนสองเดือน หลังจากเพิ่งปิดคดีเจ้าพ่อมาได้ มาแก้เหงาด้วยการสืบเรื่อง เป็นสายข่าวบ้าง ไม่คิดว่าเวลาเหล่านั้นต้องจบลงก่อนเวลาถึงหนึ่งเดือน

งานนี้หนึ่งดาราต้องรีบกลับมารับผิดชอบเวลาพักร้อนของเขาแล้วล่ะ...

“ผมพันตำรวจตรีดนพ พิทักษ์ปฐพี”


รถโรงพยาบาลที่ทิวากรโทรแจ้งไว้ก่อนหน้ามาถึง ในนาทีที่น้ำหนาวควบคุมร่างกายไม่ได้ และกระโดดใส่ตัวเขา ทิวากรก็ทำอะไรไม่ถูก กดเบอร์โรงพยาบาล สั่งปลายสายว่ามีคนถูกวางยา น้ำหนาวก็ปัดโทรศัพท์เขากระเด็น และตั้งท่าจะกอดรัดฟัดเหวี่ยงเขา แต่ไม่รู้ว่าเป็นกรรมดี หรือบาปหนัก

เวลานั้นพรนับพันก็โผล่มายืนจังก้าในห้อง และมองเหตุการณ์อย่างตะลึงตะลาน วิ่งหายลับไปจากสายตา เขาพยายามวิ่งตาม อธิบาย แต่พรนับพันไม่คิดฟัง กระโดดขึ้นไปบนรถโดยสาร เขาตามเธอไม่ทัน

ทิวากรเดินกลับมาอย่างหัวเสีย ยิ่งเผชิญหน้ากับคนที่ตำรวจชั้นผู้น้อยหลายนายยืนทำความเคารพเขาก็ยิ่งรู้สึกว่าสู้อะไรนายดนพไม่ได้สักอย่าง

“ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมส่งคนติดตามคุณพราวด์ไปแล้ว เธอกลับไปที่โรงพยาบาล”

แม้ไม่อยากยอมรับ แต่ทิวากรก็ยังรู้สึกดีที่รู้ความเป็นไปของพรนับพัน “ขอบคุณที่ดูแลคุณพราวด์นะครับ”

“ผมก็แค่ช่วยดูแลให้ในช่วงเวลาที่คุณกำลังเล่นวิ่งไล่จับกับคนร้าย” เห็นสีหน้าเลิกคิ้วสงสัยของทิวากรดนพจึงรีบอธิบาย “ผมส่งคนตามคุณกับคุณพราวด์ ลูกน้องของผมรายงานว่าคุณมักจะไปที่ห้องของคุณทองภู แต่ก็จะกลับมาพร้อมหน้าผิดหวังเสมอ คุณกำลังตามหาใคร”

“ผมอยากคุยกับคุณที่อื่น” ทิวากรยกมือลูบหน้า หลับตาด้วยความกังวล “ผมรู้ว่าใคร แต่ตามหาตัวไม่พบสักที ขนาดพี่ชายแท้ๆ ก็ยังไม่รู้”


คุณน้ำทิพย์วิ่งกระหืดกระหอบมา ยกผ้าซับน้ำตาด้วยความเป็นห่วง พรนับพันมองเรื่องทุกอย่างด้วยสายตานิ่งเงียบ อารมณ์ร้อนรนถูกแทนที่ด้วยความจริง น้ำหนาวถูกวางยา

ตำรวจหลายนายมาสอบปากคำเสร็จก็ขอตัวแยกย้าย ปล่อยให้พรนับพันนั่งเป็นเพื่อนน้ำทิพย์ ในใจอันแห้งผากของเธอยังบรรจุความเสียใจไว้เต็มเปี่ยม โกรธที่ทิวากรไม่ยอมบอกเธออะไรสักอย่างเดียว ไม่ว่าเขาจะรู้อะไรมา เขาเก็บเงียบ

เหมือนที่เขาชอบทำ...พรนับพันนึกอย่างกล้ำกลืน เพียงแค่คิดว่าเธออาจไม่ได้สำคัญอะไรกับเขาขอบตาก็ร้อนผ่าว ได้แต่อดกลั้นความรู้สึกอันประเดประดังให้ซ่อนลึกสุดกู่ ไม่อาจแสดงความอ่อนแอออกมา

“หนูไม่เป็นอะไรใช่ไหมลูก” คุณน้ำทิพย์หันมาถามด้วยความเป็นห่วง สายตาของคุณน้ำทิพย์เปี่ยมด้วยความเป็นผู้ใหญ่ “ลูกของน้าคงโดนคนโรคจิตคนนั้นทำร้ายอีก หนูต้องระวังให้มากๆ น้ำหนาวเคยเจอเรื่องทำนองนี้มา ไม่คิดว่าจะมาเจออีก เพิ่งหย่ากับนายกรดิษฐ์ก็เกิดเรื่องเลย นี่คงกลัวว่าน้ำหนาวจะกลับมาหาตาทิว”

“คุณหนาวต้องปลอดภัยค่ะ” พรนับพันไม่ตอบสิ่งที่เธอรู้สึกว่าตัวเองอ่านใจคนร้ายออก...เขาต้องการกำจัดทั้งเธอและน้ำหนาวในคราวเดียว ให้เธอเข้าใจผิด และน้ำหนาวต้องรู้สึกผิด ไม่ก็อับอาย จนเข็ดขยาดกับสิ่งที่เกิดขึ้นในครั้งนี้

คนๆ นั้นร้ายกระทั่งเธอตามเกมไม่ทัน แต่ละอย่างหวังร้ายกับเธอ ครอบครัว และคนรอบข้างของทิวากร

นับพันพรเป็นแพทย์ประจำตึกอุบัติเหตุเดินออกมาจากห้องด้วยอาการเหนื่อยล้าอยู่บ้าง แต่ยังพยายามทำให้แจ่มใสด้วยการยิ้มให้กับญาติคนไข้ บอกกับคุณน้ำทิพย์ว่าน้ำหนาวปลอดภัย และย้ายไปพักห้องพิเศษได้ คืนพรุ่งนี้ก็กลับบ้านได้

น้ำทิพย์เดินตามเตียงคนไข้ ปล่อยให้สองพี่น้องได้นั่งกันตามลำพัง สภาวะจิตใจของคนทั้งสองไม่ต่างกันนัก

“พี่พราวด์ แฟร์จะเลิกยุ่งกับคุณทองภู ถ้าเขาเกี่ยวข้องกับเรื่องร้ายๆ พวกนี้” นับพันพรเริ่มบทสนทนาที่ตัวเองรู้สึกเจ็บ

“ไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นหรอก คุณทิวบอกเองว่าคุณทองภูเชื่อถือได้ ก็ควรเชื่อไม่ใช่เหรอ” คนที่บอกให้เชื่อน้ำตาคลอ แต่ห้ามไว้สุดกำลัง เธออยากนึกหัวเราะให้กลายเป็นคนบ้าคนหนึ่ง ในเมื่อคำว่าเชื่อของเธอ ไม่มีอยู่ในหัวใจอีกต่อไป เธอหมดความเชื่อใจในตัวทิวากร ต่อให้เขายังทำตัวดี จับมือเธอไว้ แต่มันสื่อถึงความจริงใจไม่ได้

“พี่พราวด์เป็นอะไรคะ”

“เคยไหมที่ต้องทนอยู่กับความไม่รู้ เป็นคนโง่ที่รอให้เขาจูงจมูกไปทางนั้นทางนี้ ไม่รู้ว่าต้องระวังตัวเองจากใคร หรืออะไร ได้แต่ยอมรับมัน”

“พี่พราวด์”

“ช่างเถอะ พี่ไม่เป็นอะไร พี่ว่าเรากลับบ้านกันไหม พี่เอากระเป๋าเราไปไว้ที่บ้านคุณทิวด้วย สงสัยคงต้องไปเอากลับ อยู่ที่ไหนก็คงไม่ปลอดภัยหรอก ไม่ว่าจะทางร่างกาย หรือทางหัวใจ” ริมฝีปากเหยียดออกเป็นรอยยิ้มขื่น

“พ่อแม่โทรมาบอกว่าจะเดินทางกลับมาคืนนี้ค่ะ น่าจะถึงตอนสายพรุ่งนี้” นับพันพรเลือกเรื่องใหม่มาพูด เธอไม่อยากให้หัวใจอันเศร้าหมองของพี่ต้องจมอยู่กับเรื่องที่แก้ไม่ตกนี้นาน “พี่จำที่เคยบอกกับแฟร์ได้ไหม”

“เรื่องอะไร” พรนับพันหน้าตามีความสดใสมากขึ้น ลูกนกที่อ่อนแอย่อมคิดถึงอ้อมกอดของปีกอันแกร่งกล้าจากผู้ให้กำเนิด

“พี่เปลี่ยนแปลงตัวเอง เป็นพี่พราวด์คนใหม่ แฟร์ดีใจที่ได้พบพี่สาวคนใหม่คนนี้ คนที่คิดถึงจิตใจคนอื่น กล้าเผชิญกับโลก กับผู้คน แล้วก็หลุดออกมาจากเงาของตาได้แล้ว แฟร์ดีใจมากนะคะ”

“มีทั้งเธอ ทั้งยัยหนึ่งมาผนึกกำลังรวมกันพี่ไม่เปลี่ยนก็ต้องเปลี่ยนล่ะ แต่เรื่องของตา พี่ไม่ยอมอยู่ในเงาของตาหรอกน่า ถ้าเธอไม่เอาเรื่องความฝันของตามาหลอกพี่ล่ะก็...” พรนับพันชะงัก นึกถึงสิ่งที่ตาอยากเห็นดวงตาก็เริ่มเป็นประกายเศร้ากว่าเดิม

มันเป็นสิ่งที่เธอทำให้ตาไม่ได้ ความสุขมันจะเกิดขึ้นได้ง่ายดายเหมือนเวลาที่เธอเคยเห็นทิวากรยิ้มได้อย่างนั้นเหรอ ตอนนี้พรนับพันรู้แล้วว่ามันเป็นแบบนั้นอีกไม่ได้

บางทีถ้าเธอย้อนเวลากลับไปได้เธออาจเลือกใช้ชีวิตถ้ำๆ ของตัวเองต่อไป ไม่พาหัวใจตัวเองออกมาให้เจ็บ ในเมื่อเวลามันย้อนกลับไม่ได้ เธอจึงเลือกได้เพียงอดทน และยืนหยัดต่อไป

…………………………………………………..

คุณ นักอ่านเหนียวหนึบ เรื่องนี้นายทิวน่าหมั่นไส้ได้อีก พระเอกอะไรให้นางเอกเสียใจอยู่เรื่อย ไม่รู้จะเรียกคะแนนคืนได้ไหม

คุณ konhin ตัวการยังไม่ออก แต่เปิดเผยแล้ว น่าจะพอเดากันได้แล้วว่าใคร เป็นตัวละครที่ยังไม่ปรากฏค่ะ แต่มีอีกคนมาแล้ว แต่ยังไม่เผยไต๋ รอค่ะ ^^

คุณ Sukhumvit66 ให้สองพี่น้องเจ็บปวดกันไป ทองภูหลุดจากผู้ต้องสงสัยหรือยังคะ ^_^

ขอบคุณสำหรับทุกความเห็น ทุกไลค์ และนักอ่านเงาทุกท่านค่า



ปวรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 23 มี.ค. 2557, 15:51:13 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 23 มี.ค. 2557, 15:51:13 น.

จำนวนการเข้าชม : 2351





<< บทที่ 13 : ผู้ต้องสงสัย   บทที่ 15 : นายแปบ >>
Sukhumvit66 23 มี.ค. 2557, 20:25:52 น.
ลุ้น ๆๆๆ


นักอ่านเหนียวหนึบ 23 มี.ค. 2557, 23:10:36 น.
กลับบ้านเราเลย เจ้พราว!!!!
อิตาพระเอกทื่อมะลื่อนั่น เค้าก็ไม่รู้อะไรเหมือนกันนั่นละ อย่าไปหวังอะไรกะฮีมากนัก
พระเอกเรื่องนี้เป็นแค่ตัวประกอบเคอะ หุๆ รอดูเจ้ออกอิทธิฤทธ์ ต่อดีฝ่าาา 5555


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account