ในเงาฝันปลายตะวัน
พรนับพัน ชีวิตของเธอจะมีตาอยู่ในทุกๆ ที่ แม้กระทั่งวันที่ตาจากไป หลายๆ สิ่งที่เธอทำก็ยังอยู่ในเงาของ 'ตะวัน' ผู้เป็นตาไม่เคยเปลี่ยน

และเพราะนิสัยที่เอาแต่ใจ โมโหร้าย ไม่สนใครหน้าไหนของพรนับพัน ชีวิตวันๆ หนึ่งเดินออกไปไหนไม่ได้ไกล หากมีเรื่องเข้ามาหาเจ้าหล่อนพร้อมพุ่งชน และนั่นเองทำให้รอบข้างกังวลและอยากจับเธอเปลี่ยนแปลง

ทิวากร ไม่รู้ว่าเขาโชคดี หรือโชคร้ายที่ได้รับหน้าที่จัดการเปลี่ยนมนุษย์ถ้ำ ให้ออกสู่สังคมได้อย่างปกติ แต่ดูเหมือนว่าคนที่ใครมองว่าโชคร้าย กลับเต็มใจรับสภาพ อ้าแขนรับมนุษย์ถ้ำคนนี้ซะด้วย
Tags: มนุษย์ถ้ำ โรแมนติก อมยิ้ม

ตอน: บทที่ 15 : นายแปบ

บทที่ 15

เรื่องราวมากมายถูกประชุมรวบรัดในวงแคบ ทิวากรเป็นคนเสนอแผนการครั้งนี้โดยที่มีคนรู้คือเขา สารวัตรลาวา และหนึ่งดารา แต่แผนการนั้นจะเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าเขายังเหนี่ยวรั้งคนบางคนไว้ข้างกาย

คนๆ นั้นที่กำลังยืนมองมาจากประตูโรงพยาบาล ด้วยความเฉยชา ทิวากรกล้ำกลืนความรู้สึกอยากจะดึงร่างสมส่วนนั้นมากอดปลอบ และบอกความจริงทั้งหมดออกไป แต่เพราะว่าเขาเชื่อว่ารู้จักพรนับพันดี หากเจ้าตัวรู้ทุกอย่าง แทนที่จะอยู่เฉยๆ พรนับพันจะเอาตัวเองเข้ามาเสี่ยงให้เกิดอันตรายด้วย และนั่นเป็นสิ่งที่เขากลัวที่สุด

ทิวากรพาเท้าที่เหมือนจะเพิ่มน้ำหนักไม่อยากให้เขาก้าวเดินมาหยุดตรงหน้าพรนับพันได้ในที่สุด แววตาคล้ายรอคอยผสมกับความสิ้นหวังทำให้ใจคนมองยิ่งกว่าโดนน้ำกรดราดกลางใจ

“คุณอยากจะบอกอะไรฉันบ้างไหม”

“คุณไม่จำเป็นต้องรู้ทุกเรื่องของผม” ทิวากรกลั้นใจพ่นคำโหดร้ายออกไป “ยอมรับเถอะคุณพราวด์ เราสองคนเหนื่อยมามากพอแล้ว”

ดวงตากลมโตไม่ได้แสงดออกถึงความตกใจ นอนจากนัยน์ตาหลุบต่ำ และเสียงหัวเราะในลำคอ พรนับพันยิ้ม และพูดเพียงคำๆ เดียว แต่มีอานุภาพแรงกระแทกใจคนฟัง

“ขอบคุณมาก” พรนับพันยกนาฬิกาขึ้นดูเวลา พบว่าเข็มนาฬิกาในวันนี้หยุดเดิน หญิงสาวถอดมันออกจากข้อมือ “เผื่อคุณอยากได้เวลาคืน ฉันก็ให้คืนได้แค่นาฬิกา ฝากเด็กบ้านคุณจัดกระเป๋าเสื้อผ้าของฉันกับน้องมาคืนฉันด้วย ฉันเองก็อยากจะพักสักที” ส่งนาฬิกาเรือนเก่าหน้าปัดแก้วจากญี่ปุ่นที่เธอใส่มาตั้งแต่เรียนมัธยมต้นไว้ในมือทิวากร พรนับพันรีบกลับหลังเดินเข้าไปในโรงพยาบาลขณะยกมือขึ้นโบกไหวไปในอากาศ ทั้งที่น้ำตานองหน้า

จบลงตามที่เธอคาดไว้...ทุกอย่างจบลงจริงๆ

เหนื่อย เขากล้าบอกให้รู้ เธอก็กล้าที่จะปล่อยเขาไป ไม่ต้องมีคำใดๆ มาอธิบายให้มากความกว่านั้นอีก

ไม่จำเป็นอีกต่อไปที่เธอต้องรู้


แว่นสายตากรอบโตสีดำที่เลิกใส่มาได้พักใหญ่ถูกนำมาสวมติดหน้า พรนับพันทำจมูกฟุดฟิดอยู่บ่อยครั้ง หรือการกลืนน้ำลายอึกโต กะพริบตาถี่เพื่อช่วยให้อาการน้ำใกล้ไหลออกจากตาย้อนกลับสู้ที่เดิม งานจึงเป็นสิ่งเดียวที่ช่วยให้เธอลืมความวุ่นวายภายในชีวิตเธอได้ช่วงหนึ่ง

“ไม่นอนอีกแล้วนะคะ” วันหยุดของนับพันพรทำให้สองพี่น้องมีโอกาสอยู่กันพร้อมหน้า โจ๊กใส่ตับ ไส้อ่อนฝีมือน้องสาวนำมาเสิร์ฟให้ร้อนๆ ถึงโต๊ะที่เธอนั่งโซฟาทำงานอยู่

“งานใกล้เสร็จแล้ว อีกสักสองชั่วโมงก็คงปิดเรื่องได้” ปากตอบ แต่มือก็ยังรัวแป้นพิมพ์ชนิดไม่หยุด สมองแบ่งมาตอบ แต่อีกส่วนยังคงขบคิดการบรรยายในตัวเรื่องตอนท้าย

“แต่นี่เก้าโมงครึ่งแล้ว สิบเอ็ดโมงเราต้องไปรับพ่อแม่ที่สนามบินนะคะ” นับพันพรพยายามยิ้มเบิกบานกลบเกลื่อนอาการหัวใจเจ็บไม่ต่างจากผู้พี่

“แฟร์ไปรับทีสิ งานพี่จะเสร็จอยู่แล้ว ถ้าขืนไปไฟมันจะขาดตอน อีกอย่างกลับมาพี่ก็คงโดนพ่อแม่บ่นอะไรสักเรื่องจนหูแฉะ ให้พี่รับฟังเรื่องบ่นช้าไปอีกหน่อยเถอะนะ ถ้าเสร็จเร็วพี่อาจจะงีบสักหน่อย”

“ไม่ใช่ว่านอนไปก็นอนไม่หลับ”

“นั่นมันเธอหรือเปล่า” พรนับพันสวนกลับนิ่งๆ “พี่ว่าเมื่อคืนนี้กว่าแฟร์จะหลับก็คงดึกดื่นค่อนคืน ดูสิขอบตาบวมเชียว ระวังโดนพ่อแม่จับได้ว่าอกหัก”

“พี่พราวด์พูดอะไรไม่ดูตัวเองเลยนะคะ” นับพันพรค่อนขอด ปากเม้มแน่น ทิ้งตัวลงนั่งข้างพี่สาวที่มือหยุดพิมพ์ตั้งแต่โดนสวนทางคำพูด

“พี่ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย คนแบบนั้นไปให้พ้นๆ ได้ก็ดี ชีวิตสงบสุขของพี่จะได้กลับมา”

นับพันพรส่ายศีรษะ ถือโอกาสดึงพี่สาวมากอดไว้แน่น ลูบหลังปลอบโดยไม่มีคำพูดใด เพราะอาการไหล่สั่นเทิ้ม และเธอเองก็เช่นเดียวกัน สองพี่น้องร้องไห้ให้กับความรักอันน่าเจ็บปวด ที่ไม่อยากเดินหน้าต่อไป แต่ก็ทำใจหันหลังจากไม่ได้สักที

พรนับพันยกมือป้ายน้ำตาเป็นเด็กๆ ปากบู้ขึ้น “เธอทำพี่เสียสมาธิเขียนงานต่อไม่ได้”

“ขอโทษค่ะ”

“ไม่ต้องแล้ว วันนี้พี่จะไปว่ายน้ำ ยกหน้าที่รับพ่อแม่กลับบ้านให้แฟร์” นักกีฬาว่ายน้ำเก่า และชอบว่ายกระทั่งเป็นตัวแทนนักกีฬามหาวิทยาลัย แม้ว่าส่วนตัวจะไม่ได้อยากใช้ความสามารถนี้นักหากว่าตาจะไม่ได้ขอร้องให้เธอร่วมกิจกรรม ด้วยเหตุผลง่ายๆ

‘กลัวพราวด์ไม่ออกกำลังกาย’

คอมพิวเตอร์ปิดหน้าจอเรียบร้อย พรนับพันตั้งใจจะเดินไปหยิบชุดว่ายน้ำแบบวันพีช ผ้าลื่นแบบกางเกงสั้นรัดรูปตัวโปรด คำถามของนับพันพรพานทำเธอชะงักและคิดหนักทันที

“ได้ข่าวพี่พราวด์ไม่ได้ว่ายน้ำมาสามปี เพราะไม่ถูกขี้หน้ากับลูกชายเจ้าของหมู่บ้านไม่ใช่เหรอคะ หรือลืมวีรกรรมเขาไปแล้ว”

ก็ตั้งแต่ไม่มีตามาเคี่ยวเข็ญ เธอก็ลืมเลือนไปว่าจริงๆ เหตุผลหลักที่เธอไม่ไปว่ายน้ำมันมีสาเหตุ ผู้ชายขี้หลีหน้ากะล่อนนั่นไง ให้ตายเธอก็ไม่อยากเฉียดกรายใกล้เลย

แต่ถ้าไม่ทำให้หัวตัวเองเย็น และโล่งสบายขึ้น ผู้ชายอีกคนต้องวนเวียนมาในหัวเธอไม่หยุด หวังว่าการว่ายน้ำจะช่วยลบภาพทิวากรออกไปได้บ้างไม่มากก็น้อย ให้เธอหลับตาแล้วไม่ต้องคิดถึงเขาได้ก็ยังดี

“กินโจ๊กก่อนสิพี่พราวด์”

“ยังไม่หิว เดี๋ยวค่อยกลับมาอุ่น”

จริงๆ ตอนนี้เธอไม่อยากทานอะไรสักนิดต่างหาก...มันทานไม่ลง ต่อให้มีของโปรดมาวางยั่วตรงหน้า ก็เปล่าประโยชน์


กระเป๋าเป้ใบเล็กบรรจุชุดว่ายน้ำ ผ้าเช็ดตัว และครีมสำหรับอาบน้ำล้างตัวใส่ไว้ในตะกร้าจักรยานที่เธอไม่ค่อยอยากจะแตะนัก แต่เธอไม่อยากวิ่งหนีสุนัขในซอยให้เสียอารมณ์

พรนับพันเลิกพกเครื่องมือสื่อสารนับตั้งแต่กลับมาถึงบ้าน สำหรับเธอให้คนเลวคนนั้นมันข่มขู่ เยาะเย้ย หัวเราะเป็นคนบ้าลับหลังหลังการก่อวีรกรรมแย่ๆ ก็เชิญ เธอไม่ขอยุ่งเกี่ยวอะไรอีก ทิวากรอยากจมปลักนักก็ตามสบาย

การปั่นจักรยานผ่านเข้ามาในสปอร์ตคลับของหมู่บ้าน นี่เป็นครั้งแรกนับแต่ตาเสีย ที่เธอได้กลับมาที่นี่อีกครั้ง พรนับพันล็อกจักรยานเรียบร้อย วันนี้เป็นเวลาเกือบเที่ยง เวลาที่คนไม่นิยมออกกำลังกาย จึงไม่มีใครมาทำให้เธออารมณ์เสีย โดยเฉพาะเด็ก

หญิงสาวลงชื่อเข้าใช้โดยไม่จำเป็นต้องสมัครในฐานะที่ลูกบ้านแต่ละบ้านจะจ่ายค่าบำรุงหมู่บ้านเป็นประจำทุกปีอยู่แล้ว แต่ถ้าคนนอกจะมาใช้ก็ต้องทำบัตรสมาชิกกันไป

ห้องน้ำหลายห้องไว้สำหรับล้างตัว เปลี่ยนชุดเงียบเชียบ ไม่มีเสียงจอกแจกอย่างวันหยุด หรือเวลาเย็น พรนับพันเก็บผมในหมวกคลุมผม กระจกในห้องน้ำสะท้อนภาพผู้หญิงหน้าซีด ดวงตาเหม่อ พรนับพันเพิ่งมีโอกาสส่องหน้าตัวเองชัดๆ ความไม่มีอะไรโดดเด่นของเธอ อยู่เงียบๆ คนเดียวมาตลอด ไม่วายพานพบกับเรื่องปองร้ายจากใครบางคน เหตุผลหลักก็คือ...ทิวากร

ถ้าเธอรู้ล่วงหน้าไม่มีหรอกที่จะเอาชีวิตมาพลาดพลั้งแบบนี้ โดนเขาหลอกให้เหมือนคนโง่ไม่พอ ยังให้อภัยง่ายๆ ไม่นานเขาก็มาโพล่งว่าเหนื่อย

ใครกันแน่ที่ควรพูดคำนั้น เธอหรือเขา พรนับพันพ่นลมหายใจออกมาอย่างอึดอัด หยิบเสื้อคลุมมาสวมทับตัวในชุดว่ายน้ำแบบกางเกงสีเข้ม ศีรษะคาดแว่นกันน้ำ ได้เวลาที่เธอจะผ่อนคลายจากเรื่องไม่เป็นเรื่องเสียที

พรนับพันวางชุดคลุมพาดไปบนเก้าอี้ คาดแว่นลงมาระดับดวงตา กระโดดลงในส่วนที่ลึกโครมดัง ทิ้งตัวลงข้างล่าง กลั้นลมหายใจ หลับตา ความเย็นเฉียบจากผิวน้ำแผ่โอบล้อมรอบกายอุ่น พรนับพันรู้สึกความวุ่นวายนานาที่พบเจอถูกน้ำเย็นนี้พัดพาไปได้พอสมควร พรนับพันยิ้มก่อนจะดีดเท้าพุ่งตัวขึ้นผิวน้ำ สูดอากาศบริสุทธิ์เข้าไปให้ชุ่มปอด สายลมอุ่นของอากาศยามสายพรมลงบนผิวหน้า

ขาตีใต้น้ำก่อนจะเริ่มแหวกว่ายด้วยท่าพื้นฐานในระดับแนวน้ำลึกสามเมตร ว่ายเกือบจะแตะขอบสระอีกด้านในแนวขวาง จู่ๆ ก็มีมือเย็นเฉียบมาฉุดข้อเท้าจากใต้น้ำ กดเธอลงต่ำกระตุกแรงจนร่างเธอค่อยๆ จมลงไป พรนับพันเริ่มสะบัดตัวออก ขาอีกข้างที่ว่างยกปัดป่ายไปทั่วอย่างแรง และมันก็สำเร็จผลเมื่อเท้าเธอไปสัมผัสเนื้อเย็นเฉียบอย่างแรง มือที่รั้งข้อเท้าเธอไว้จึงเป็นอิสระ พรนับพันรีบพุ่งตัวขึ้นไปในน้ำ กอบโกยออกซิเจน หัวใจกระหน่ำรัวด้วยความตกใจ และกลัว ในหัวกระหวัดไปถึงคนที่มองปองร้ายเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ตั้งใจจะดำน้ำลงไปดูหนังหน้าคนตั้งใจจะฆ่าเธอ ตัวต้นเหตุก็โผล่เส้นผมสั้น หน้ายับยุ่ง มีเลือดไหลออกตรงรูจมูก “เธอนี่มันแรงเท้าช้างชัดๆ เตะมาได้เต็มหน้าฉัน มึนเลยเนี่ย”

“มึนเหรอ” จากอารมณ์กลัวแปรเปลี่ยนเป็นลูกไฟในอก พรนับพันกัดฟันเข่นเขี้ยว ดวงตาโต หน้าคมยกมือปาดเลือดใต้จมูกยิ่งทำให้มือในน้ำของหญิงสาวกำแน่นขึ้น ภาพผู้ชายอริกับเธอแต่เด็ก ควรป่วนไม่เลิก เจอกันกี่ครั้งเป็นต้องแกล้งนั้นยิ่งทำให้ความโกรธพุ่งสูงทะลุปรอท

“ไอ้แปบ แกตาย!”

“เย้ย!” ลูกชายเจ้าของหมู่บ้านไม่มีโอกาสได้หลบพลังช้างโถมใส่ของเจ้าแม่ของขึ้น พรนับพันกระโดดกอดคอ ซัดกำปั้นใส่กรามไปจังๆ หมัดหนึ่ง ก่อนจะเริ่มใช้แขนรัดคอ สั่งสอนมนุษย์ตัวร้าย “แกมันเลวไม่เปลี่ยน ฉันอุตส่าห์มาก็ยังเจอแกรังควาน กะให้ฉันตายเลยหรือไงฮะ”

“ค่อกๆ ปะ ปล่อย ฉันหายใจไม่ออก” น้ำเสียงแหบแห้งดังมา หน้าเริ่มขาดสีเลือด แต่ตรงข้างแก้มที่โดนปล่อยกำปั้นไปขึ้นสีเข้มต่างจากบริเวณอื่นชัดเจน

พรนับพันเหวี่ยงตัวเป็นไทออกอย่างโกรธจัด ด้วยอารมณ์แค้นไม่หายดี จึงยื่นเท้ามาเตะป้าบใส่ก้นผู้ชายตัวสูงอีกทีหนึ่งแรงๆ จนหน้าคะมำไปในน้ำ ถึงเจ้าตัวทำท่าเกินจริงไปนิดด้วยการเอาหน้าผากไปกระแทกขอบสระดังโป๊กอีกทีก็ตาม

“เธอนี่มันกินช้างเป็นอาหาร แล้วก็ดื่มเลือดเสือเป็นกับแกล้มใช่ไหมยัยผีดิบ ออกมาจากถ้ำทีก็ประกาศศักดาใส่”

“จะกินอะไรมันก็เรื่องของฉัน เห็นหน้าแกแล้วของขึ้น คนอุตส่าห์จะมาว่ายน้ำ ไปให้พ้นเลย”

“อ้าว คุณทิว”

เสียงสูงของเป็นไทไม่ได้ทำให้คนฟังนึกตกใจ ตรงกันข้าม ร่างของเธอยิ่งโมโหหนัก ดีดตัวไปจะบีบคอเพื่อนคู่แค้นวัยเด็กที่เฉียดกันในระยะร้อยเมตรก็ไม่อยากเห็นให้ผื่นขึ้น แต่เพราะว่าแทนไทรู้ทันจึงรีบรวบข้อมือเล็กไว้ แล้วดันออกห่างตัว กันขาพิฆาตจากใต้น้ำ

“คนเขาบอกอะไรก็หัดเชื่อบ้าง หันไปสามนาฬิกาสิ ที่รักเธอยืนแยกเขี้ยวจะกินหัวฉันอยู่แล้ว” เป็นไทกระซิบให้เสียงไม่ดังไปนัก พยักพเยิดไปยังทิศที่ว่า พรนับพันหันตามแต่พบเพียงพื้นที่ว่างเปล่า ได้แต่พ่นลมออกจมูกเมื่อคนช่างแกล้งปล่อยเสียงหัวเราะสะใจเสียงดัง

“หวายๆ โง่อ่ะ”

“แกตาย” พรนับพันตั้งใจจะโถมตัวไปจัดการมนุษย์ช่างอำอีกสักรอบ แต่เงาสูงที่ยืนบังแดดบนพื้นริมขอบสระทำให้เธอต้องแหงนหน้าขึ้นมอง ดวงตานิ่งสนิทมองมา ก่อนจะเลื่อนสายตามองผู้ชายที่สวมเพียงกางเกงว่ายน้ำสำหรับผู้ชายตัวเดียว เปลือยท่อนบน อวดกล้ามแขน กล้ามหน้าท้องขาว

“เฮ่ย! แฟนเธอนี่หว่า” คนไม่ตกข่าวร้องอย่างตกใจ ตั้งใจจะดีดตัวเองให้พ้นวงล้อมอันน่ากระอักกระอ่วน ไม่รู้ว่าทิวากรจะได้เห็นมวยน้ำย่อมๆ อย่างถึงเนื้อถึงตัว เจ็บทุกเม็ดไหม ถึงเขาจะรับหมัด รับเท้ามา แต่ก็ใช่ว่าการใกล้ชิดแบบนี้จะน่าดู

“ไม่ใช่สักหน่อย” แขนข้างเดียวคว้าคอผู้โชคร้ายไว้ พรนับพันลอยหน้าลอยตา ให้ลมหายใจร้อนของตัวเองเป่ารดข้างแก้มเป็นไท ทั้งที่ในชีวิตนี้ไม่เคยคิดทำกับใครมาก่อน เสียงดัดให้สั่นนิดๆ แต่สายตาจ้องคนที่ยืนเป็นยักษ์อย่างท้าทาย “เล่นกันต่อเถอะ กำลังสนุก”

“ฉันไม่สนุกว่ะ” เป็นไทส่ายหน้าหวือ พยายามพูดให้เสียงดังไปถึงหูคนบนฝั่ง แค่เห็นประกายตาอันยากหยั่งลึกจ้องมา พรนับพันไม่รู้สึก แต่เขานี่ล่ะขนลุกยะเยือก

“ทำไมอายใคร งั้นเราไปสนุกกันข้างในต่อเถอะ จะได้ไม่มีสายตาคนอื่นแอบมอง” พรนับพันพูด เธอแอบหวังจะได้เห็นปฏิกิริยาบางอย่างจากทิวากร แต่มันเหมือนสูญเปล่า คนอื่นคนนั้นนอกจากไม่ห้าม ยังเดินไปนั่งรอบริเวณที่นั่งริมสระ

“เธอนี่มันอยากลองใจแฟนหรือไง ไม่รู้เหรอว่าทำแบบนี้บ้านแตกมานักต่อนัก”

พรนับพันถลึงตาดุ ยกนิ้วเกลี่ยใต้จมูกเช็ดเลือดให้อย่างเบามือ พร้อมกับเลื่อนศีรษะไปใกล้เป่าลมเบาๆ “ยาวิเศษจะทำให้หายไวขึ้น เพี้ยง หายเจ็บไวๆ นะ”

“ขนลุกชิบเป๋ง” เป็นไทรีบเบี่ยงตัวออก ว่ายกลับไปขึ้นฝั่งอีกทางให้ห่างจากพรนับพัน ถึงจะเป็นเสือผู้หญิงชนิดเปลี่ยนบ่อยยิ่งกว่ากระดาษชำระ แต่คนๆ เดียวที่เขาไม่เคยแลมองในฐานะหญิงไว้ควงก็คงมีประเภทหน้าตาแย่ และคนที่ต่อให้หน้าตาพอใช้ได้อย่างพรนับพัน ก็เข้าข่ายเขาไม่แล เกรงว่าจะต้องกลายร่างเป็นอะไรสักอย่างก็ตามไว้ให้เจ้าตัวรองรับอารมณ์อันแปรปรวนยิ่งกว่าวันคลื่นลมไม่ปกติ

พรนับพันหัวเราะคิกแหวกว่ายฝ่าน้ำเย็นไปเกาะขอบอยู่เบื้องหน้าทิวากร อดอารมณ์เสียไม่ได้กับการเมินหน้าเธอ “มาที่นี่มีธุระอะไรคะ ได้ข่าวว่าเหนื่อย ทำไมไม่นอนพักอยู่ที่บ้าน”

ทิวากรหยิบกระเป๋าสองใบอันคุ้นตาของพรนับพันมาวางข้างตัวให้เจ้าของได้เห็นชัดถนัดตา “ผมเอาของของคุณมาคืน พ่อแม่ผมถึงกับบอกว่าตอนเย็นจะจัดงานเลี้ยงฉลอง”

“ก็ดีนี่ ฝากบอกท่านด้วยว่าฉันเองก็อยากจะปิดประเทศฉลองสามร้อยหกสิบห้าวันเลยเหมือนกัน” พรนับพันไม่ทันได้ฟังน้ำเสียงใส่อารมณ์ของอีกฝ่าย เพราะมัวแต่หงุดหงิดกับการมาของเขา “ไม่มีอะไรก็กลับไปสิ ฉันจะยั่วผู้ชายต่อ ป่านนี้รอฉันนานแล้ว” พรนับพันเหยียดยิ้มใส่ อารมณ์ประชดอยากให้เขาเจ็บปวดบ้าง แต่ยิ่งทำยิ่งพบว่าอีกฝ่ายไม่ได้สนใจใส่ใจเธอสักนิด

เพียงแค่เห็นร่างสูงกำลังจะลุกออกไปจริง อารมณ์น้อยใจก็พุ่งสูง พรนับพันงงงันที่น้ำตาไหลออกมาง่ายดาย เธอทนให้เขาพบมันง่ายๆ ไม่ได้ จึงรีบปล่อยตัวให้ลอยต่ำลงไปในน้ำ กลั้นหายใจไว้ หลับตา รอจนกว่าทิวากรจะเดินพ้นไป เธอถึงจะดีดตัวขึ้นมา

เท้าของเธอเพิ่งจะแตะพื้น เสียงดังตูมของร่างหนักกระทบน้ำเรียกให้เธอลืมตาขึ้น พรนับพันลืมตาขึ้นมองแต่ก็แสบตาจนต้องหลับไว้ดังเดิม เพราะว่าถอดแว่นออกจากหน้าตอนขึ้นผิวน้ำไปปล่อยหมัดใส่เป็นไท ร่างของเธอถูกดึงขึ้นสู่ผิวน้ำ อ้อมแขนอบอุ่นรัดร่างเธอไว้ชิดกาย เมื่อโผล่พ้นน้ำเธอจึงลืมตาขึ้นด้วยความที่ยังไม่เข้าใจ โดยเฉพาะการพบกับสายตาอันเป็นห่วงในระยะประชิดจากผู้ชายที่ชื่อทิวากร

“คุณเป็นอะไร จมน้ำไปใช่ไหม”

เธอควรตอบว่าอะไรดีล่ะ หลบไม่ให้เขาเห็นน้ำตาไหม แต่ศีรษะเธอพยักหน้าขึ้นลง เนื่องจากหาคำตอบไม่เจอ

“เป็นตะคริวหรือเปล่า เดี๋ยวผมนวดให้ หรือเจ็บหน้าอก ดื่มน้ำเข้าปอด คุณพราวด์อย่าเงียบสิ ผมเป็นห่วงคุณ”

อุตส่าห์พยายามซ่อนน้ำตาไว้ ในที่สุดมันก็ประจานออกมาตรงหน้าทิวากร ปากเม้มแน่น ได้แต่ส่ายศีรษะไปมา กระทั่งถูกเขาดึงเข้าไปกอดไว้แน่น กลิ่นกายสะอาดของผู้ชายเสื้อยืดเปียกน้ำจนแนบเนื้อ เขากำลังกอดเธอไว้ทั้งที่พยายามทำอาการปั้นปึ่งใส่ตั้งแต่เมื่อวานเย็น

“คุณกลัวใช่ไหม ผมอยู่นี่แล้ว ไม่มีอะไรมาทำอันตรายคุณได้ ไม่มีนะ”

นี่มันเรื่องอะไร... พรนับพันหยุดนิ่ง ไม่อยากเอ่ยอะไรอีก เธอรู้ว่าในอีกไม่กี่นาที ทิวากรจะกลับไปเป็นผู้ชายใจร้ายคนเดิม

“ฉันกำลังคิดว่าคุณป่วยหรือเปล่า ทำไมคุณทำตัวเหมือนคนฝืนใจทำอะไรสักอย่าง เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย อันไหนที่คุณอยากทำ อันไหนที่คุณกำลังหลอก ฉันไม่ฉลาดพอจะคิดได้ทันคุณหรอกนะ” พรนับพันดันอกอีกฝ่ายออก ความเจ็บปวดยังคงกรีดหัวใจเธอได้เสมอด้วยความจริง

“ผมบอกคุณตอนนี้ไม่ได้”

“ไปให้พ้น ฉันไม่อยากเห็นหน้าคุณ อย่ามาให้ฉันเจออีก หมดธุระของคุณแล้ว เชิญ” พรนับพันพยายามจะแหวกตัวเองออกมาจากอ้อมกอดนั้น แต่อีกฝ่ายดื้อด้วยการรั้งเธอไว้แทนคำตอบ

“ผมทำไม่ได้ ไม่มีวันทำได้ ขอให้รู้ว่าผมไม่เคยต้องการทำเฉยชากับคุณ แต่มันจำเป็น อย่าถามว่าทำไมผมต้องทำเลย ผมทำไปเพราะห่วงคุณ”

พรนับพันเบือนหน้าหนี กัดริมฝีปากจนเจ็บ เธอทนฟังเสียงละมุน จริงใจของเขาไม่ได้ สิ่งที่ทิวากรเคยทำมามันตอกย้ำว่าเขาหลอกเธอมาไม่น้อย และนี่อาจจะเป็นการแสดงของเขา

“คุณเอายาวิเศษของผมไปใช้กับคนอื่น” ลมหายใจเป่ารดใบหน้าเย็นเฉียบ แผ่นหลังติดขอบสระ ชุดว่ายน้ำอวดหุ่นซ่อนรูปของเธอทำให้เขาหงุดหงิดทวีคูณ “คุณยั่วให้ผมหึง คุณก็ต้องรับบทลงโทษ” ทิวากรพูดชิดริมฝีปาก “เพราะผมหึงคุณแทบบ้า”

อาการอ้าปากค้างเปิดโอกาสให้คนหึงจนหน้ามืดโฉบหน้าลงมาช่วงชิงริมฝีปากสีเชอร์รี่ มอบสัมผัสหวานล้ำที่เขาอยากนึกสัมผัสมานานให้กับร่างที่เริ่มสั่นเป็นลูกนกในอ้อมกอด ความนุ่มนิ่มบดเบียดกับกายเขาอย่างไม่ตั้งใจ ทั้งที่ทิวากรคิดว่าตัวเองควบคุมได้ แต่เมื่อถึงเวลาจริง เขาคิดผิด พรนับพันไม่ใช่สิ่งที่เขาควบคุมตัวเองได้สักนิด

ความรู้สึกคล้ายโลกลอยได้ สมองขาวโพลน ไม่ต้องคิดอะไร เบาสบายยิ่งกว่าได้นอนหลับ พรนับพันปล่อยตัวสบาย กอดคอเขาไว้เพื่อพยุงกาย

“ลูกสาวฉัน!”

พรนับพันตาค้าง ผลักทิวากรออกไปสุดแขน หันหลังไปตามเสียงที่เธอจำได้ดี ต่างกันตรงที่คราวนี้มาเป็นคน และกำลังซวนเซจะล้ม ต้องใช้คุณหมอนับพันพยุงกายไว้

แต่สายตาสามคู่นั้นจ้องเธอมาด้วยความตกใจ ทั้งเธอ และทิวากร พวกเขาคิดว่าคนที่กำลังอารมณ์เกือบเตลิด จะไม่ตะลึงกว่าเหรอ

“สวัสดีครับคุณพ่อคุณแม่” ทิวากรยกมือไหว้อย่างนอบน้อม ก่อนจะดันตัวขึ้นมานั่งบนขอบสระ ยืนขึ้น และส่งมือมารับมือเย็นเฉียบของพรนับพันให้ยืนขึ้นตาม จึงหันกลับมาเผชิญหน้ากับคุณหมอทั้งสาม “ขอเวลาผมคุยกับคุณพ่อคุณแม่ได้ไหมครับ แค่สามคน”

พรนับพันหน้าหงิก อารมณ์หวานในอกหายวับ เธอล่ะเกลียดนักผู้ชายความลับเยอะ ใครบอกกันว่าผู้ชายที่มีความลับมันน่าค้นหา คนแบบนี้ต่างหากที่กำลังจะทำเธอบ้าตาย

“ไปกันเถอะ เรามันเป็นเนื้องอก ยังไงก็ต้องโดนตัดทิ้ง” คนขี้งอนเดินสะบัดหน้า คว้าแขนนับพันพรออกมา หากเขาจะให้เธอโง่เพียงคนเดียว ระเบิดปรมาณูได้ระเบิดกลางศีรษะเขาแน่ แต่นี่ก็ดี ให้เขาเจอพ่อแม่เธอแบบตัวๆ ไป เกิดไปขัดหูขัดตาท่าน จะได้ไม่มีใครไปถือหางให้


สองพี่น้องกลับมาถึงบ้านได้เกือบหนึ่งชั่วโมง พรนับพันสามารถเปิดคอมทำงานได้เพื่อสงบสติตัวเองไปพลางๆ ความคิดที่มักจะลอยกระหวัดไปยังสปอร์ตคลับของหมู่บ้าน เอาแต่คิดว่าอะไรบ้างที่ทิวากรจะพูด และมีอะไรที่เธอไม่รู้ แต่พ่อแม่รู้

พรนับพันจบตอนเรื่องเกินจินตนาการได้อีกตอนจึงปิดคอม เลื่อนคอมวางไว้ข้างตัว ทำงานต่อไม่ได้ ทำได้เพียงยกขาขึ้นบนโซฟา วางคางชิดเข่า สายตาเหลือบมองออกไปประตูบ้านอยู่บ่อยครั้ง

“พักนี้ไม่เห็นพี่พราวด์รับงานเขียนข้างนอกเลยนะคะ” นับพันพรเดินมานั่งเป็นเพื่อน ไม่อยากเห็นพี่นั่งคิดมาก ทั้งที่จิตใจของตัวเองนั้นก็ไม่ได้ปกติเท่าไหร่

“ก็คนมันขี้เกียจ เสร็จหนังสือเล่มนี้พี่ก็ว่าจะพัก ตาคงดีใจที่พี่จบความฝันของตาได้สักที” นิ้วเลื่อนไปแตะคอมพิวเตอร์ที่บรรจุนิยายมหากาพย์ของตาไว้ครบทุกเล่ม กระทั่งต้นฉบับของเล่มจบ จินตนาการที่ตาร่างไว้ก็จะดำเนินมาถึงตรงนี้ พรนับพันคิดว่ามันถึงเวลาแล้วที่เธอจะเริ่มเดินใหม่ด้วยตัวเอง

“เร็วจังเลยนะคะ ตอนนั้นเหมือนตาเพิ่งจะเริ่มเขียนไปเอง ไม่นานมันก็ดำเนินมาจนจบเรื่อง พี่พราวด์เก่งจริงๆ แล้วจบจากเรื่องนี้ พี่พราวด์จะเขียนอะไรอีกไหมคะ”

หัวคิ้วขมวด ทำท่าคิดหนัก “พี่เคยคิดว่าจะอยู่กับสิ่งที่ตาอยากทำไปตลอดชีวิต แต่มาวันนี้ พี่เองก็มีอีกหลายอย่างที่อยากทำ ตาอยากเห็นพี่มีความสุข พี่ก็ต้องมีความสุขให้ตาเห็นสิ แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มด้วยการทำอะไรดี อาจไปเที่ยวรอบโลก เป็นนักพเนจรดีไหม”

“ไม่คิดแต่งงานบ้างเหรอคะ แฟร์ว่ามันถึงเวลาแล้วนะ โอ๊ย!” พูดเสร็จนับพันพรก็ร้องเสียงหลง นิ้วของพรนับพันดีดหน้าผากเหม่งเสียงดังเป๊าะ

“มีแล้วเครียดอย่ามีเลย ระแวงไปเปล่าๆ วันนี้เขาจะหลอกอะไรเราบ้าง แค่คิดก็ไม่เห็นความสุขสักนิด เป็นสาวโสดอย่างยัยหนึ่งจะมีความสุขกว่า หรือพี่จะบินไปเรียนกับยัยหนึ่งดี”

“ถ้าอยากไปจริง ไม่ใช่อารมณ์ประชดแม่ไม่ห้ามหรอก แต่เห็นทีว่าจะไม่ใช่” ศัลยกรรมหญิงพรนภาเดินมานั่งประกบอีกข้างของลูกสาว โอบไหล่พรนับพันไว้

“ลูกแม่เก่ง แสบ ไม่เคยกลัวอะไรจริงไหม”

“ยิ่งกว่าจริง” พรนับพันกอดอก ยืดไหล่ ยิ้มมุมปากภาคภูมิ

“ลูกแม่ไม่ชอบสนใครหน้าไหน ไม่ชอบรู้เรื่องไร้สาระ จริงไหม”

พรนับพันหรี่ตา มองด้วยสายตาไม่ไว้ใจ แต่ก็ยังตอบไปอย่างมั่นใจ “แน่นอนค่ะ”

“ลูกต้องเชื่อมั่น แข็งแกร่ง และมั่นคง ถึงไม่รู้อะไร สิ่งเดียวที่ลูกควรรู้ก็คือ ทุกคนหวังดีกับลูก”

“อันนี้ไม่ยอมรับค่ะ” ในที่สุดเธอก็รู้ความต้องการของมารดา “ทุกคนทำให้พราวด์รู้สึกโง่ในเรื่องที่เกี่ยวกับตัวเอง พราวด์ควรรู้นะคะ อย่าเอาความหวังดีมาปิดหูปิดตาพราวด์แบบนี้” น้ำเสียงหงุดหงิด แต่เมื่อเห็นมารดาเลิกคิ้วข้างหนึ่ง แสดงอาการไม่พอใจคล้ายเตือนในที เธอจึงได้แต่ก้มหน้า

“ขอโทษค่ะ”

“พราวด์ฟังแม่ ถึงแม่จะไม่ค่อยชอบที่ลูกกับแฟนไปสวีทกันที่สระน้ำหมู่บ้านอย่างไม่อาย”

“ไม่ใช่แฟนพราวด์” คนรั้นพาลให้ถึงที่สุด

“ถ้าเขาไม่สำคัญลูกแม่จะได้ไม่ใส่ใจ จริงไหม แม่จะได้เลิกพูด เราจะไม่เอาเรื่องเขามาข้องเกี่ยวในครอบครัวอีก ต่างคนต่างอยู่ ต่อให้ที่เขาบอกแม่ว่าหลังจากสะสางเรื่องวุ่นวายในชีวิตได้แล้วจะมาสู่ขอลูก แม่จะปฏิเสธ จบประเด็น”

คุณหมอพรนภาลุกขึ้นยืนอย่างไว้ท่า รอยยิ้มแห่งชัยชนะสาแก่ใจปรากฏเมื่อลูกสาวที่ไม่ว่าอย่างไรเธอก็รู้ทันดีเพราะเลี้ยงมาเองกระตุกชายเสื้อ ทำหน้าอ้อนเป็นเด็กน้อย ยอมแพ้เธอราบคาบ

“เขาพูดอะไรกับพ่อแม่คะ”

“เขาสำคัญกับลูกแม่ขนาดไหนล่ะ แม่จะได้เลือกตอบถูก”

มือของแม่และน้องที่จับมือพรนับพันไว้คนละข้าง บีบไว้ราวกับบอกให้รู้ว่าเธอต้องคิดก่อนตอบให้ดีๆ คนนั่งกลางแค่นยิ้ม ไม่มีทางโกหกหัวใจตัวเองได้อีก

“นอกจากตา พ่อ เขาเป็นผู้ชายคนที่สามในชีวิตที่พราวด์เป็นห่วงค่ะ”

………………………………..

คุณ Sukhumvit66 ตอนนี้มาลุ้นหัวใจพราวด์ก่อน พักเบรกแก้เครียด ฮา

คุณ นักอ่านเหนียวหนึบ เรื่องนี้หลังๆ พระเอกเพิ่งทำหน้าที่ค่ะ แรกๆ เป็นหนุ่มซึน (ปกป้องทิวได้เท่านี้แหละ) พาคู่กัดพราวด์ออกมาแวบๆ ให้ชีลับฝีปากและออกกำลังกายด้วยการทารุณกรรมเล่นค่ะ

ขอบคุณทุกคอมเมนท์ ทุกไลค์ และนักอ่านเงาทุกท่านค่า ^_^



ปวรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 25 มี.ค. 2557, 09:54:53 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 25 มี.ค. 2557, 09:54:53 น.

จำนวนการเข้าชม : 2121





<< บทที่ 14 : ถูกปั่นหัว   บทที่ 16 : ความจริง >>
Sukhumvit66 25 มี.ค. 2557, 11:06:37 น.
สงสาร นายแปบ โดนขนาดหนักเลยอ่ะ


นักอ่านเหนียวหนึบ 25 มี.ค. 2557, 11:30:48 น.
อะหืมมมมม เค้าขอรีเพลย์ฉากที่สระน้ำอีกทีได้มั้ยอะ จุ๊กกรู้ววว


yimyum 25 มี.ค. 2557, 12:03:16 น.
ชอบนายแปบอ่ะ แต่โดนซะหนักเลย 555


mhengjhy 25 มี.ค. 2557, 18:33:45 น.
ขอกรี้ดให้คำตอบของพราวด์


konhin 25 มี.ค. 2557, 23:34:47 น.
พราวนะจริงใจ แต่นายทิวต้องง้อนานหน่อยนะ ทำให้พราวเสียใจ


ผักหวาน 26 มี.ค. 2557, 21:40:15 น.
นายแปบมาเป็นที่ระบายให้หนูพราวด์พอดิบพอดีเชียวค่ะ หุหุ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account