ในเงาฝันปลายตะวัน
พรนับพัน ชีวิตของเธอจะมีตาอยู่ในทุกๆ ที่ แม้กระทั่งวันที่ตาจากไป หลายๆ สิ่งที่เธอทำก็ยังอยู่ในเงาของ 'ตะวัน' ผู้เป็นตาไม่เคยเปลี่ยน

และเพราะนิสัยที่เอาแต่ใจ โมโหร้าย ไม่สนใครหน้าไหนของพรนับพัน ชีวิตวันๆ หนึ่งเดินออกไปไหนไม่ได้ไกล หากมีเรื่องเข้ามาหาเจ้าหล่อนพร้อมพุ่งชน และนั่นเองทำให้รอบข้างกังวลและอยากจับเธอเปลี่ยนแปลง

ทิวากร ไม่รู้ว่าเขาโชคดี หรือโชคร้ายที่ได้รับหน้าที่จัดการเปลี่ยนมนุษย์ถ้ำ ให้ออกสู่สังคมได้อย่างปกติ แต่ดูเหมือนว่าคนที่ใครมองว่าโชคร้าย กลับเต็มใจรับสภาพ อ้าแขนรับมนุษย์ถ้ำคนนี้ซะด้วย
Tags: มนุษย์ถ้ำ โรแมนติก อมยิ้ม

ตอน: บทที่ 16 : ความจริง

บทที่ 16

ชอกโกแลตแท่งถูกกัดเข้าปากด้วยความใจเย็น พรนับพันยืนพิงกำแพง หลบมุม มองจอใหญ่ยักษ์ฉายภาพข่าวเป็นภาพเคลื่อนไหวโฆษณารายการข่าวบันเทิงของนิตยสารใหม่ บนปกขึ้นภาพทิวากรโดดเด่น และข่าวหนึ่งบนจอยักษ์ก็คือ

‘แตกหัก รักหวือหวาทิวพราวด์ถึงทางตัน’

และภาพนั้นก็ถูกตัดหายไปด้วยการโฆษณาอย่างอื่น พรนับพันรู้สึกว่าระยะเวลาหนึ่งเดือนนับตั้งแต่รับรู้เรื่องจากมารดาถึงความจริงที่ทิวากรปกปิดไว้ ก็มีน้อยครั้งที่เธอจะบังเอิญได้พบกับเขา

‘เขาบอกกับแม่ว่าถ้าลูกยังเป็นเป้าหมายให้คนที่หวังมุ่งร้าย เขาจะไม่ยอมให้เกิดขึ้นซ้ำสองอีก เขาจะขอจัดการทุกอย่างให้จบ และขอให้ลูกรอ แค่ลูกรอ’

พรนับพันปิดต้นฉบับไปได้เกือบครบเดือน งานของเธอจะวางจำหน่ายในวันพรุ่งนี้ คนว่างงานจึงเดินเตะฝุ่นตามท้องถนนเล่นแก้เบื่อ การเป็นนักเขียนไม่เปิดเผยตัว ก็ดีตรงนี้ ไม่ต้องรู้จักหน้า และให้แฟนๆ รู้จักในนามชายแก่ต่อไป ชายแก่ที่ปลีกเวลาจากการเลี้ยงหลาน(อายุไม่น้อย)มาแจกลายเซ็นไม่ได้

ความหวานปนขมของชอกโกแลตไหลผ่านลำคอไป ความหวานเลี่ยน และขมปร่าไม่ได้ต่างอะไรกับความรู้สึกของเธอในตอนนี้นัก พรนับพันได้แต่เฝ้ามองเงียบๆ กับภาพความหวานของทิวากรกับผู้หญิงปริศนาที่เขามักพาเดินเผยตามที่โล่งแจ้ง

ผู้หญิงคนนั้นสูงกว่าเธอ เอวเล็กกว่าเธอ ขนตาของเขาก็งอนยาว ซ้ำยังมีประกายตาหวานฉ่ำยามทอดมองทิวากรในขณะที่กล้องจับได้โดยบังเอิญ ทิวากรออกมายอมรับในเวลาไม่นานหลังจากนั้นถึงความสัมพันธ์กับเธอที่ขาดสะบั้น

นาทีแรกที่เห็นข่าว พรนับพันรู้สึกเหมือนถูกน้ำเย็นจัดราดลงบนศีรษะ มันยะเยือกไปถึงขั้วหัวใจ แต่ป่วยการที่เธอจะร้องถามหาความจริง โดยเฉพาะจากปากของทิวากร การรอคอยอะไรนั้น พรนับพันคิดว่ามันก็คงไม่ต่างอะไรนักกับคำหลอกลวง

“ยืนทำหน้าเบื่อโลก แล้วจะลากฉันออกมาทำไม” ลูกชายเจ้าของหมู่บ้านที่กลายเป็นลูกไล่ของพรนับพัน นับตั้งแต่เจ้าตัวประสบปัญหาขาดมิตร ในวันหยุดจึงต้องคอยเดินตามต้อย รับหมัดบ้างในยามที่เจ้าตัวอารมณ์เสียจากอะไรบางอย่าง เป็นไทไม่ได้รู้สึกพิเศษอะไรกับผู้หญิงข้างๆ นี้หรอก นอกจากสงสาร

จะมีแฟนทั้งที อุปสรรคขวากหนามก็ช่างเยอะ เขาเองนึกอยากให้มีผู้ชายที่ไหนก็ได้มารับเคราะห์แทน แต่คนว่างงานที่วันๆ นั่งแท่นผู้ช่วยบริหารหมู่บ้านที่มีอีกกว่าห้าแห่งในกรุงเทพ ออกแนวเกาะพ่อแม่กินไปวันๆ เพราะไม่ได้จับอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน โดนเนรเทศออกมาให้คุมเด็กมีปัญหาแถวนี้ทั้งที่ไม่ได้กินเส้นกันนัก

“หิว อยากกินอาหารจีน”

“อาทิตย์ที่แล้วไปสามรอบไม่เบื่อหรือไง” เป็นไททำหน้าแหย เขากินกระเพาะปลาในภัตตาคารเดิมมาสามรอบจนลิ้นจะไม่รับรสชาติอาหารชนิดอื่นแล้ว “ร้านอาหารอิตาลี ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น เวียดนาม ไทยก็ได้ มีให้เลือกตั้งหลายชาติ สักร้านไม่ได้หรือไง”

พรนับพันหัวเราะกับท่าไหว้ปลกๆ ยอมตามใจคนมาเป็นเพื่อนสักครั้ง “ตามใจนายสักครั้งก็ได้ แต่นายต้องจ่ายนะ”

“โอย ถ้าฉันรู้ว่าจ่ายแล้วได้เลือกร้าน ฉันยอมจ่ายตั้งแต่เธอพาฉันเข้าร้านเดิมรอบที่สองแล้ว”

พรนับพันถองศอกใส่ซี่โครงคนช่างเจรจา รู้ดีว่าทำไมเธอยังเลือกไปร้านเดิมซ้ำซาก ก็เผื่อตัวเธอจะได้บังเอิญพบกับใครสักครั้ง ใครที่ทั้งอยากเจอ และก็ไม่อยากเจอในคนๆ เดียว


“ถ้าฉันประกาศว่าไม่ได้ควงเธอ ฉันคงเอาป้ายห้อยคอไปแล้ว เสียดาย สาวๆ สวยๆ ทำหน้าเสียดายฉันเป็นโหลได้แล้วมั้ง”

“ฉันดีใจที่มีส่วนร่วมในการกีดกันความบริสุทธิ์ของหญิงสาวที่นายว่ามา ไม่ใช่เพราะนายมันกะล่อน ปลิ้นปล้อน ชอบหลอกฟันสาวเหรอ นายถึงต้องมาติดแหง็กกับฉัน พ่อแม่นายดูจะกลัวลูกชายเป็นโรคมั้ง”

หน้าตาคนพูดไม่ได้ยี่หระกับอาการเส้นสปาเกตตีติดคอจากคนถูกพูดถึง พรนับพันส่ายศีรษะให้ความไหลไปเรื่อยของเป็นไท เวลาเจอหน้ากันก็มักจะกัดกันเสมอ และเพราะเธออยู่ในข่ายที่เป็นไทประกาศว่าจะไม่มีวันเอามาควงเด็ดขาด พ่อแม่ของฝ่ายนั้นถึงได้ฝากลูกชายไว้เป็นเพื่อนชั่วคราว หยุดการคบสาวไม่เลือกหวั่นติดโรค

“ฉันป้องกันทุกครั้ง เวลาจะมีอะไรกับใครฉันไมได้หลับตาเลือก เจอใครก็จูงเข้าห้องหรอกน่า พูดซะฉันเสีย”

“นายนี่มันเลวจริง พูดได้หน้าไม่อาย ถึงผู้หญิงจะให้ท่า นายก็ควรอดทนบ้าง นั่นมันเพศแม่นาย ทำไมไม่ท่องคติโบราณของสังคมอันดีงามล่ะ แต่งงานก่อน ค่อยยุ่ง” พรนับพันถึงจะไม่สนโลกนัก แต่เรื่องความคิดในการครองคู่ เธอยังมีแบบอย่างที่ดีจากบิดามารดาเป็นแม่แบบ และเชื่อว่าการยึดมั่นในคู่ครองคนเดียว ไม่คบเผื่อเลือก ชีวิตจะมีความสุขมากกว่า

“หัวโบราณ สมแล้วที่อยู่ในถ้ำมาล้านปี” เป็นไทก้มศีรษะหลบกุ้งราดซอสตัวโตได้แบบฉิวเฉียดยามที่มันลอยข้ามกระเด็นไปด้วยฝีมือนักอาละวาดตัวแม่ และหัวเราะเสียงดัง กับท่าทางอ้าปากค้าง ทำส้อมหล่น “เป็นอะไร”

“ใครปากุ้งใส่หัวฉัน” เสียงแหลมดังลั่น พรนับพันได้สติรับเอนตัวลง ก้มหน้า ยกเมนูแผ่นใหญ่บังหน้าตัวเอง ส่งสัญญาณให้เป็นไทเลิกหัวเราะเยาะเธอเสียที

“เธอเหรอ” เสียงนั้นดังมาอยู่ข้างโต๊ะ พรนับพันพรูลมหายใจ ขณะยอมลดเมนูลง เกลียดจริงที่โลกกลมกับเธอกับใครที่ไม่ควรกลม

“พรนับพัน”

“ขอโทษค่ะ คุณนายจรัสศรี” เมื่อหนีไม่ได้ก็ได้แต่ปั้นหน้าหนาใส่

พรนับพันนึกว่าตัวเองต้องมาสู้รบปรบมือกับอาการคุณนายโกรธ และกระแนะกระแหนไม่เลิก แต่ผิดคาด คุณนายจรัสศรีหยิบกระดาษทิชชู่มาเช็ดคราบซอสที่เปื้อนออก หน้าตาอวบอูมเคร่งเครียดยามเพ่งมองเธอ และเป็นไทสลับไปมา

“นี่แฟนเธอเหรอ”

“อย่าเข้าใจผิดครับ เห็นอย่างนี้ผมก็เลือก” คนโสดรีบออกตัว ส่ายหัวดิก ไม่สนว่าคนฝั่งตรงข้ามจะถลึงตาใส่ขนาดไหน

“ก็ดี หน้าตาเธอมันสู้ลูกชายฉันไม่ได้เลย จะหาใหม่ทั้งทีก็ควรจะหาให้ดีกว่านี้” คำเหน็บแนมของคุณนายทำหน้าคนโสดม่อยลงทันตา พรนับพันหลุดขำคิก ถึงทิวากรจะถูกนำมาพูดเปรียบเปรยให้เธอเจ็บใจบ้าง แต่อาการทุรนทุรายไม่มีให้ใครได้เห็น

“เธอจะไปที่ไหนต่อหรือเปล่า” คุณนายจรัสศรีหมดความสนใจกับคนที่ไม่ใช่แฟนของพรนับพัน

“คุณนายมีอะไรหรือเปล่าคะ ถ้ามีก็พูดมาได้เลย ฉันยินดีฟัง”

“ไม่ใช่ที่นี่ และเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคนนอก” คุณนายหันหน้าใส่คนนอกอีกคนยิ่งกว่าชี้หน้าบอกให้รู้ เป็นไทส่งเสียงหืมในลำคอ รู้สึกเหมือนถูกระรานด้วยพรนับพันคนที่สอง เพียงแค่คนนี้มีอายุมากกว่า

“เรื่องของเขาใช่ไหมคะ ฉันขอปฏิเสธที่จะรับรู้” พรนับพันผุดลุกขึ้น หน้าตาเรียบสนิท ไม่แสดงอารมณ์ใด เธอจะไม่อ่อนแอต่อหน้าใครอีก

“ได้โปรดเถอะค่ะ อยู่ฟังพวกเราก่อน” รุ่งรวิกานต์ดักทางออกเธอไว้อีกคน พรนับพันกัดปากตัวเองจนเจ็บ สายตาของทั้งคู่ในยามนี้เต็มไปด้วยความกังวล และคนที่คล้ายว่าเจอทางตัน

“ฉันขอบอกตรงนี้ ว่าชีวิตของฉันตอนนี้สบายดี ไม่รู้สึกทุกข์ร้อน”

“โกหก”

“ฉันอยู่ได้ ฉันไม่อยากเดินย้อนกลับไปทางเก่า”

“โกหกทั้งเพ”

“หุบปากนายเถอะ นายแปบ” พรนับพันเหลืออดกับคนที่ช่างขัดทุกประโยคที่เธอพยายามกล่าวออกมา เธออยากให้ครอบครัวของทิวากรรู้ว่าเธอนั้นอยู่ได้ แกร่ง และไม่ได้รอลูกชาย หรือพี่ชายของพวกเขาสักนิด

“เข้าใจฉันนะคะ ขอโทษที่ฉันช่วยอะไรพวกคุณไม่ได้” พรนับพันหลบตา อยากจะต่อต้านความต้องการในใจของตัวเองในยามนี้ให้ถึงที่สุด ใครบอกว่าเธอไม่อยากรับรู้เรื่องของทิวากร ทุกอย่างที่เธอพูดมันโกหกทั้งเพจริงอย่างที่เป็นไทว่ามา “ส่วนนายจะกลับไหม ฉันกินไม่ลงแล้ว”

คนถามเดินลิ่วออกไป ลบคำว่ามารยาทหายไปเกลี้ยง ในใจของเธอมันดื้อด้าน ร่างกายจึงต้องพามาให้ห่าง โดยไม่ทันรู้เลยว่าคนที่นั่งในร้านจนโดนสั่งให้นั่งต่อไป ห้ามออกมาตาม หรือขัดเวลา หลังจากนั้นคุณนายจรัสศรีจึงต่อสายถึงนายดำรง ออกคำสั่งการ

“จับตัวพรนับพันกลับไปให้ได้ อย่าให้ขึ้นรถหนีเด็ดขาด เพิ่งออกจากร้านที่ฉันเข้ามา ห้ามทำอะไรกระโตกกระตาก แต่ถ้าไม่เชื่อ ก็ใช้วิธีการนั้นเลย”


ครอบครัวนี้เข้าใจยากยิ่งกว่าการหาความจริงเรื่องไก่กับไข่อะไรเกิดก่อนกัน

พรนับพันนั่งกอดอก หน้าบึ้ง ไม่รักษาสีหน้า เมื่อรถยุโรปภายในตัวรถทำจากไม้ขัดมันทั้งคันจะเริ่มเคลื่อนตัวออก โดยมีบุคคลสองคนเป็นสตรีต่างวัยนั่งประกบเธอคนละข้าง เมื่อห้านาทีก่อน เพียงแค่เธอเดินออกมาจากร้านอาหารได้ไม่กี่ก้าว นายดำรง เลขาคนสนิทของคุณนายจรัสศรีก็อวดปืนที่เหน็บอยู่ข้างเอวแทนการขู่ว่าผมมีปืนจี้เอวตามละคร และขอให้เธอตามเขาไป

ให้ตายเถอะ คนบ้านนี้เป็นนักเลงใหญ่มาจากไหน คนโดนบังคับมาปิดปากเงียบ

“ฉันขอให้เธอมาดีๆ แต่เธอท่ามากเอง ช่วยไม่ได้” คุณนายจรัสศรียิ้มหยัน ก่อนจะมีสีหน้าเคร่ง เมื่อเอ่ยถึงเจตนาที่พาคนไม่ถูกขี้หน้าขึ้นรถ “ทำไมเธอกับตาทิวถึงมีปัญหากัน”

“ถามลูกชายคุณนายเถอะค่ะ ก็เห็นๆ กันอยู่ เขามีผู้หญิงใหม่”

“ฉันเจอยัยนั่นแล้ว รุ่งป้าขอประวัติเขาหน่อย” แฟ้มประวัติจากรุ่งรวิกานต์ส่งมาให้พรนับพัน แต่คนได้รับไม่คิดเปิด ส่งต่อให้คนขอแบบหน้าตาย “อย่ามากวน ฉันไม่ตลก หรือจะให้ฉันเอาปืนมาจี้ขู่ให้เธออ่านดีล่ะ”

“อ่านเถอะค่ะ รุ่งคิดว่าพี่พราวด์ต้องอ่านค่ะ” อีกเสียงสำทับมา พรนับพันหมดทางเลือก เธอก็แค่อ่านประวัติหนามยอกอกคนนั้นให้จบๆ ไป

พวกเขาควรรู้ว่าแค่เห็นรูปประวัติ ใจเธอก็เจ็บมากแล้ว

“มันจะมีประโยชน์อะไรถ้าฉันอ่านคะ”

“เรื่องมากนักก็เอามานี่” คุณนายจรัสศรีกระชากแฟ้ม เปิดหน้ากระดาษที่มีเอสี่ ติดภาพสองภาพของคนสองคนไว้ จิ้มรูปแรกที่เป็นผู้ชายหน้าคมเข้ม ตัวผอม กับอีกรูปที่เป็นหญิงสาวผิวสีน้ำผึ้งผมยาว โครงหน้าเรียวเล็ก “ดูสองรูปนี้เห็นความต่างไหม”

“คนหนึ่งผู้ชาย อีกคนผู้หญิงไงคะ”

“นี่คือนายทองเอก” คุณนายจรัสศรีจิ้มนิ้วชี้นิ้วกลาง ไปยังทั้งสองรูปพร้อมกัน

“คนเดียวกัน หมายความว่า...”

“นายทองเอก หรือยัยจิว คือผู้ชายที่ไปแปลงเพศมา เป็นน้องชายของนายทองภู กำลังเป็นข่าวกับลูกชายฉัน สื่อยังไม่รู้ประวัติสาวปริศนา แต่พวกฉันรู้ก่อน ฉันจำเป็นต้องสืบประวัติผู้หญิงทุกคนที่ลูกชายฉันข้องเกี่ยว”

พรนับพันรู้ดีว่าประวัติของเธอก็คงโดนสืบจนรู้ละเอียดยิบถึงวีรกรรมทุกวีรกรรมขนาดไหน

“เรื่องเหยียดเพศมันล้าหลังไปแล้วนะคะ สมัยนี้โลกเปลี่ยน คุณทิวเขาอาจจะมีรสนิยมแบบนี้ ทำไมคนเป็นพ่อแม่ถึงไม่สนับสนุนคะ”

“ถึงเธอจะนิสัยแย่ มารยาท สมบัติผู้ดีก็ไม่มี” คำวิจารณ์ตรงไปตรงมาทำให้พรนับพันรู้สึกหัวโดนกดอย่างบอกไม่ถูก “แต่เธอเป็นผู้หญิง และฉันก็ยังอยากมีทายาทไว้สืบสกุล”

“ถ้าอย่างนั้นผู้หญิงคนไหนก็ได้ไม่ใช่เหรอคะ คุณรุ่งก็ได้ อย่าเอาฉันเข้าไปยุ่งด้วยเลย”

รุ่งรวิกานต์สะดุ้ง โบกมือไม่เอาด้วย “ที่จริงเหตุผลหลักที่คุณป้ากับรุ่งเห็นดีเห็นงามกับการให้พี่พราวด์มาเป็นหนึ่งในครอบครัวของเรา...”

“ยังไม่ขนาดเห็นดีเห็นงาม แต่ไม่เหลือตัวเลือกหรอก” คุณนายยังไว้หน้าตัวเอง เชิดคาง

“นั่นแหละค่ะ เหตุผลหลักก็เพราะพี่ทิวรักพี่พราวด์ มันเป็นสิ่งเดียวที่พวกเรารับรู้”

พรนับพันขยับตัวอึดอัด คำว่ารักที่คนอื่นพูด ไม่ได้ทำให้ใจเธอเต้นแรงสักนิด มันก็แค่เซไปนิด แล้วก็กลับมายืนที่เดิมได้ “ฉันไม่เชื่ออะไรทั้งนั้น ปล่อยฉันลงเถอะค่ะ ฉันขอร้อง เรื่องของฉันกับเขามันจบไปแล้ว”

“ทุกอย่างใกล้จะจบแล้วต่างหาก เธออยู่เฉยๆ แล้วก็รักลูกชายฉันต่อไป นั่นคือหน้าที่ของเธอ” คุณนายจรัสศรีสั่งเสียงเข้ม

“สั่งอะไรสั่งได้ แต่หัวใจของคนสั่งไม่ได้หรอกนะคะ”

จรัสศรีหันไปยิ้มกับรุ่งรวิกานต์ หน้าตามีแผนการในใจ “ถึงที่ก่อนแล้วเธอค่อยตอบก็ได้ ว่าเธอคิดยังไงกับลูกชายของฉัน”

คนไร้ทางหนีได้แต่มองคนในรถด้วยสายตาระแวดระวัง แต่เหนืออื่นใด ภาพนายทองเอกก็ยังจดจำในความคิด คนๆ นี้ลางสังหรณ์เธอบอกว่า เขาคนนั้นคือตัวอันตราย คือคนที่ทิวากรพยายามกันเธอไว้ให้ห่างไกล และคงจะเป็นเจ้าของข้อความขู่ทั้งหมดนั่นด้วย

เรื่องที่เธอพบเจอมา จรัสศรีกับรุ่งรวิกานต์คงยังไม่รู้

ตอนนี้เธอล่ะนึกเกลียดรสนิยมในการเลือกร้านของเป็นไทจริงๆ หมอนั่นทำให้เธอมาติดแหง็กรับรู้เรื่องหลอกอยู่หรือเปล่าก็ไม่รู้ เธอควรเชื่อใจใครดีล่ะ คนที่เกลียดขี้หน้าเธอ หรือคนที่ออกปากว่ารักแต่ก็หลอกทุกอย่าง

พรนับพันรู้ว่าเธอไม่มีสิทธิเลือกว่าควรเชื่อใครได้อีก


รถแล่นออกมาทางปริมณฑล เข้าสู่ถนนเลี่ยงเมือง และเลี้ยวเข้าสู่เขตบ้านสวน พรนับพันนั่งเงียบมาตลอดการเดินทาง สายตากวาดมองทางเพื่อจดจำ สวนร่มรื่นที่มีบ้านสีฟ้าอ่อนสองชั้นตั้งเด่น มีต้นไม้ดัดประดับเป็นสวน แซมด้วยไม้ดอกนานาพันธุ์อวดสีสันหลากตา พรนับพันมองเลยไปหลังบ้านเห็นคลอง ได้ยินแว่วเสียงเรือยนต์แล่นผ่านไป

และรถญี่ปุ่น รุ่นเดิม ทะเบียนเดิม สีเดิม ของทิวากรจอดนิ่งสนิทในโรงจอดรถ

คุณนายจรัสศรีลงรถฝั่งตัวเอง ยืนเชิดข้างประตู ไม่ออกคำสั่ง แต่ปฏิบัติให้พรนับพันเห็น คนโดนบังคับทางกายภาพลงจากรถอย่างช่วยไม่ได้ สติของเธอถูกหยุดไว้ตั้งแต่เห็นรถของทิวากรจอดอยู่

“ลูกชายฉันจะแอบมาที่นี่ เวลาเครียด ในช่วงหนึ่งเดือนเขาแอบมาที่นี่ นี่ก็ครั้งที่สี่ หลบยัยจิวมาอยู่ที่นี่”

“ทำไมต้องหลบคะ” พรนับพันอดถามไม่ได้ ความอยากรู้ของเธอสร้างความพอใจให้กับคนฟัง

“ไปถามเอาเองสิ สองสามวันมานี้ลูกชายฉันดูเพลียๆ รับงานหนักมาหลายวัน วันไหนไม่รับงานก็จะช่วยเจ้าสัวทำงาน มีวันนี้ที่ว่าง แต่ก็ยังโกหกยัยจิวว่าต้องไปรับงานต่างจังหวัด ยังไงวันนี้ฉันฝากลูกชายฉันด้วย”

“เขาคงไม่อยากเจอฉันหรอกค่ะ” พรนับพันอยากจะกลับ ความมั่นใจเคยมีหายไปด้วยระยะเวลาหนึ่งเดือน การไม่พบเจอ ไม่พบหน้า เคยทำให้เธอนึกว่าอยู่ได้ แต่ตอนนี้ที่ห่างกันไม่กี่เมตร พรนับพันรู้ว่าใจเธอกำลังห่วงทิวากรมากแค่ไหน

“ฉันรู้จักลูกชายดี เธอไม่ต้องกลัวว่าจะโดนยัยจิวรังควาน ฉันแอบเห็นตาทิวโทรศัพท์กับพวกตำรวจอยู่บ่อยๆ ถามความเคลื่อนไหวกับตำรวจที่เฝ้าตามเธอ ถึงฉันจะไม่ได้รู้สึกชอบเธอมากขึ้น แต่ฉันก็ต้องยอมลงบ้าง เพราะเธอทำให้เขายอมรับฉันกับเจ้าสัว ถ้าเธอเป็นความสุขของลูกชายฉัน ฉันก็ควรจะรักษาความสุขของลูกชายฉันบ้าง”

ท่าทียอมรับ และรอยยิ้มที่เธอไม่เคยพบว่าคุณนายจะยิ้มมาให้กำลังฉายชัดบนหน้าอวบอูมให้เธอได้เห็น พรนับพันรู้สึกหัวใจของเธอที่เย็นยะเยือก และว่างเปล่ามาตลอดหนึ่งเดือน เพิ่งได้รับความอบอุ่นเป็นครั้งแรก จากแม่บุญธรรมของทิวากร

“ฉันขอตัว ตาทิวไม่ลงมาสงสัยคงจะนอนอยู่ ใช้เวลาให้เต็มที่เถอะนะ”

“รุ่งฝากพี่ทิวด้วยนะคะพี่พราวด์”

พรนับพันยืนมองรถที่พาเธอมาแล่นจากไป กุญแจบ้านที่คุณนายยัดใส่มือไว้ถูกชูขึ้นมอง พรนับพันแหงนหน้ามองหน้าต่างห้องที่เปิดแง้มอยู่ด้วยความลังเลใจ แต่มาถึงที่นี่ ถูกยัดใส่รถมาทิ้งไว้แบบนี้ เธอหนีไป ครอบครัวสุดแปลกของทิวากรก็ต้องพร้อมใจหาทางพาเธอกลับมาให้เขาอยู่ดี

ประตูบ้านเปิดออกง่ายดายด้วยไม่ได้ล็อกจากด้านใน พรนับพันพยายามเข้าไปให้เสียงเท้าเบาที่สุด ภายในบ้านตกแต่งเรียบง่ายด้วยเฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้น ตามมุมต่างๆ ในบ้าน เครื่องเรือนดูสะอาด พรนับพันพบว่าข้างล่างมีเพียงห้องโถงนั่งดูทีวี ห้องน้ำ และ ห้องครัว ส่วนห้องนอนคงจะอยู่ข้างบน

ไม่รู้ว่าเธอเผลอโล่งใจหรือเปล่าที่ยังไม่เจอทิวากร เธอจึงเลือกเดินช้า และใจเย็นที่สุด ขณะเยื้องย่างไปตามขั้นบันได ด้านบนมีห้องนอนสามห้อง และห้องน้ำแยกมาอีกหนึ่ง พรนับพันหยุดยืนกลางชั้นสองที่เป็นพื้นที่ว่างเปล่าระหว่างประตูสามบานของห้องนอนด้วยใจที่เต้นแรงขึ้น

ทิวากรจะรู้ไหมว่าเขายังทำให้ใจเธอเต้นแรงได้เสมอ แต่เมื่อคิดว่าเขาจะยังอยากเจอเธอหรือเปล่า จังหวะหัวใจเธอก็เต้นช้าลงจนปกติ หากได้พบ และเขายังคงหลับสนิท ได้เจอหน้าทิวากรสักห้านาที เห็นว่าเขายังปกติดีทุกอย่าง เธอจะกลับออกไปเงียบๆ โดยไม่ปลุกเขาแล้วกัน

พรนับพันจับลูกบิดประตูห้องที่อยู่ริมซ้ายสุด จากพื้นที่ห้องนี้มีพื้นที่มากสุด เธอค่อยๆ หมุนเข้าไป ให้เกิดเสียงดังน้อย ภาพห้องที่สว่างด้วยแสงธรรมชาติ ผ้าม่านเลิกขึ้นทั้งสามทิศ วิวหันออกไปทางฝั่งคลอง บริเวณคลองยังมีศาลาริมน้ำ และท่าเรือเล็ก มีเรือแจวผูกไว้อยู่ พรนับพันเดินกลับมานั่งกับพื้นปูนข้างเตียง นั่งมองร่างสูงนอนเหยียดยาวบนที่นอน หัวคิ้วยังขมวดมุ่น แม้ในยามหลับ

นิ้วชี้แตะเบาๆ หว่างคิ้วของทิวากร เมื่อเห็นหัวคิ้วเขาคลายลงจึงเลิกแตะ ทิวากรหลับตาพริ้ม ลมหายใจยังคงเข้าออกสม่ำเสมอ กล้ามเนื้ออกกระเพื่อมขึ้นตามจังหวะการหายใจ พรนับพันสำรวจทิวากรผ่านทางสายตา เมื่อมั่นใจว่าเขายังดูปกติดี อาจดูผอมลงไปบ้างเล็กน้อย

เมื่อสำรวจจนน่าพอใจ พรนับพันจึงลุกขึ้นยืนอีกครั้ง ไม่อยากให้ตัวเองขัดช่วงเวลานอนของอีกฝ่าย เธออยากจะจากทิวากรไปเงียบๆ

“คุณทำผมตื่น” ทิวากรผุดลุกนั่ง

“ขอโทษที ฉันกำลังจะไป”

“อยู่เป็นเพื่อนผมก่อนได้ไหม”

ทิวากรยืนขึ้น รวบร่างสมส่วนมาชิดกายด้วยแขนข้างเดียว มืออีกข้างลูบผมนุ่ม ทิ้งริมฝีปากไปบนโคนผมนานชั่วนาที กระซิบชิดริมหูคนฟังขณะกระชับร่างของพรนับพันให้แน่นขึ้น

“ผมคิดถึงคุณ คิดถึงคุณมากนะคุณพราวด์”

“คิดถึงแล้วทำไมไม่ไปหา ฉันไม่เชื่อคุณหรอก”

“ผมพยายามปกป้องคุณ ทุกๆ อย่างที่ผมทำเพราะห่วงคุณ” มือหนาลูบแก้มนิ่มด้วยแสนคิดถึง นาทีต่อมาจมูกโด่งก็ฝังลงไปในแก้มอย่างหมั่นเขี้ยว มีคนโดนหอมดิ้นขลุกขลัก สะบัดหน้าหนียื่นปากงอน ซ้ำยังใช้มือดันหน้าเขาไว้เมื่อพยายามจะฝังจมูกลงแก้มอีกข้างหนึ่งเพื่อความเท่าเทียม

“ไม่ ฉันไม่ให้คุณเอาเปรียบฉันอีก ปล่อยแขนปลาหมึกคุณด้วย” พรนับพันตีเพียะไปบนท่อนแขนที่รัดเอวจนขึ้นรอยแดง

“ก็ได้ ผมยอมแพ้” ปากบอกว่ายอมแพ้ แต่ก็แค่คลายอ้อมแขนออกนิดหน่อย จมูกยังป้วนเปี้ยนแถวแก้มและปากคนพูด “ให้ผมหายคิดถึงคุณก่อนสักนาทีไม่ได้เหรอ”

“ไม่!”

น้ำเสียงเด็ดขาดหยุดคนอ้อนได้ชะงัก ทิวากรปล่อยพรนับพันให้เป็นอิสระ ตัวเองนั่งลงบนที่นอน และฉุดคนช่างงอนลงมานั่งข้างๆ ลูบหลังมือพรนับพัน กันหญิงสาวหนี จะได้ตะครุบตัวไว้ทัน

“ผมพยายามให้จิวมีสติมากขึ้น แต่ทุกครั้งที่ผมพูด เขาจะเอาเรื่องของคุณมาขู่ ตอนนี้ที่ผมพยายามทำคือการรวบรวมหลักฐาน ติดเครื่องดักฟัง ติดสัญญาณที่รถของจิว ผมทำทุกอย่างจนมั่นใจว่าจะเห็นจิวได้ กว่าผมจะทำให้จิวตายใจแล้วยอมออกมา ก็ตอนที่ผมไม่เจอคุณไปสองอาทิตย์”

เรื่องราวที่ทิวากรเล่าออกมา โดยที่เธอไม่ได้ร้องขอทำให้คนฟังตกตะลึง “คุณยังไม่พลาดท่าเขาใช่ไหม”

“ผมให้ทองภูคอยตามอยู่ห่างๆ บางครั้งก็จงใจให้ทองภูไปไหนมาไหนด้วย ตอนนี้ผมยังอยู่รอดปลอดภัยดี คุณไม่ต้องห่วง”

“คุณจิวเขาคงจะรักคุณมาก” พรนับพันนึกสะท้อนใจ ใครสักคนที่รักคนๆ หนึ่งมากขนาดจองเวรคนที่มาแย่งความรักของคนที่ตัวเองรักไปทุกวิถีทาง

“เขายอมไปแปลงเพศที่ต่างประเทศ แล้วเพิ่งกลับมา เขาบอกว่าเขาทำเพื่อผม”

“เขาคงไม่ยอมง่ายๆ และก็คงเกลียดฉันมากๆ”

“ตอนนี้ผมรวบรวมหลักฐานทั้งหมดได้แล้ว สารวัตรลาวามีหลักฐานทุกอย่างที่พร้อมเล่นงานจิว ทั้งเรื่องจ้างพนักงานวางยาในอาหารให้น้ำหนาว เรื่องไอพีเครื่องที่บอกว่าจิวเป็นคนใช้ในการใส่ร้ายป้ายสีคุณ เรื่องที่เขาจ้างคนมาเป็นแอนตี้แฟนผมกับคุณ ร้านกระเพาะปลาก็ใช่ หรือแม้แต่ส่งคนไปจัดการกับน้องสาวคุณ คลิปเสียงที่อัดไว้ในรถ ในห้องของจิวชัดเจนทุกอย่าง รวมทั้งพยาน หรือผู้ที่ลงมือเรามีพร้อม พรุ่งนี้ผมจะไปคุยกับเขา”

“เขาทำทุกอย่างคนเดียวไปได้ยังไง” พรนับพันยังไม่อยากเชื่อ

“มีอีกคนที่ร่วมด้วยในครั้งนี้ เครื่องส่งสัญญาณที่ติดไว้ที่รถของจิวไปจอดที่คอนโดของผมบ่อยๆ ตำรวจใช้เวลาตามเรื่องไม่นานก็พบ อีกคนที่จิวคบไว้ และเราไม่เคยระแคะระคาย เราตามหาเขาไม่เจอ ก็เพราะว่าจิวคบกับคุณชวิน จิวพักอยู่เหนือห้องผมไปไม่กี่ชั้น”

เรื่องนี้เหนือความคาดหมายยิ่งกว่าเรื่องของทองเอก พรนับพันอ้าปากค้าง สมองทำงานช้ากว่าปกติ

“จำเรื่องนักข่าวที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าได้ไหม” พรนับพันพยักหน้า ดวงตาเหม่อลอย ไม่คิดว่าชวิน ลูกของน้ารุจีจะมีส่วน

“ตอนนั้นเขาเป็นคนส่งฉันไปหาคุณที่ทำงาน ฉันไปก่อเรื่อง จนคุณต้องลาออกจากดีเจ” น้ำเสียงขุ่นเคืองขึ้น

“พวกเขารู้ความเคลื่อนไหวของพวกเรา ผมสงสัยมาตลอดว่าจิวอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล แต่ทำอะไรมากไม่ได้ วันนั้นผมโชคดีที่ได้เจอสารวัตรลาวา พอผมรู้ว่าคุณจะปลอดภัยเพราะมีตำรวจคุ้มครองแน่นอน ผมถึงตัดสินใจที่จะล่อให้จิวออกมา”

“ด้วยการบอกกับฉันว่าเหนื่อย”

“ผมขอโทษ” จากคนที่เคยถูกจับตา เมื่อเป็นฝ่ายจับตาทองเอก และให้ตำรวจตามประกบ เขาจึงรู้สึกเบาใจขึ้น ไม่ว่าฝ่ายนั้นจะคิดทำอะไร จะถูกขัดขวางตั้งแต่เริ่ม

นับตั้งแต่พบตัวทองเอก ในระยะเวลาเกือบสองสัปดาห์ หลักฐานทุกอย่างแน่นหนา พร้อมจะจับกุมคนต้นเรื่องทุกเมื่อ เวลานี้เขาจึงขอเลือกเจรจาก่อน เขาไม่อยากใช้ความรุนแรงตัดสิน ยังไงทองเอกก็เป็นน้องของทองภู

“แต่ผมก็คอยตามข่าวคุณ วันไหนผมคิดถึงคุณแต่ไปหาไม่ได้ ผมจะให้ตำรวจที่ตามคุณแอบถ่ายรูปคุณมาให้ดู แล้วรู้ไหมว่าผมต้องดูภาพอะไร”

ภาพอะไรนั้นย่อมเป็นภาพบางอย่างที่ทำให้คนพูดกดเสียงต่ำ หรี่ตามองมาดุ ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์มากดเปิดภาพที่ได้รับทางข้อความ ส่งให้พรนับพันดู เป็นภาพของเธอ กับเป็นไท เดินเล่นแถวบ้าน ไม่ก็ออกไปนอกบ้าน

“คนถ่ายฝีมือดีนะ”

“คุณพราวด์” ทิวากรไม่ยอมเปลี่ยนหัวข้อเรื่องง่ายๆ “คุณรู้ไหมว่าผมหึงคุณแทบบ้า อยากไปกระชากคุณออกมา แต่ผมทำไม่ได้”

“ก่อนมาฉันเพิ่งจะอยู่กับนายแปบมาด้วยเผื่อคุณไม่รู้ แล้วจู่ๆ แม่คุณก็ให้คุณดำรงเอาปืนขู่ลากฉันมาที่นี่ ทำน้ำเสียงอย่างพวกหมดหนทาง บอกว่าถึงฉันจะไม่มีมารยาท แต่ฉันก็เป็นผู้หญิง”

หน้าคล้ายว่าจะโกรธแปรเปลี่ยนเป็นเสียงหัวเราะ ทิวากรเงยหน้าขันเสียงดัง ไม่เกรงใจว่าคนฟังจะหมั่นไส้ขนาดไหน

“แม่ผมเขายอมรับคุณแล้ว คุณน่าจะดีใจนะ แค่ผมทำงานหามรุ่งหามค่ำ เวลาอยู่กับจิวก็ไม่เคยยิ้ม ถึงบ้านก็ขึ้นนอนเลย บางทีอาการของผมอาจทำให้พวกท่านรู้สึกตัว”

“ยกเว้นพ่อคุณอยู่ดี” พรนับพันเบะปาก

ทีนี้เสียงหัวเราะของทิวากรยิ่งดังขึ้น ยกมือทาบแก้มเนียน ใช้นิ้วโป้งเกลี่ยอย่างเอ็นดู มองสีผิวเนื้อขึ้นชมพูแดงปลั่ง “คนที่ผมรัก ยังไงพวกท่านก็ต้องรัก อาจไม่ได้รักในทีแรกที่เจอ แต่เชื่อเถอะว่าท่านต้องรัก ครั้งหน้าถ้าคุณได้เจอพ่อ เขาอาจเปลี่ยนท่าทีกับคุณ”

“ทำไมถึงมั่นใจ”

“คุณจะรู้เอง” ริมฝีปากบางทาบลงไปบนกลีบชมพูที่ตนเคยได้ลิ้มลองความหวานมาแล้วครั้งหนึ่ง ทิวากรสอดแทรกความหวานไปอย่างละมุน โดยมีคนรับไปอย่างเงอะงะ แต่ก็พยายามตอบสนองมาได้จนเขาเต็มอิ่มนานนับนาที

ดวงตาพริ้มปรือขึ้นมองหวานฉ่ำ มีร่องรอยความคิดถึงชัดไม่ต่างจากแววตาคมกล้าที่สบ หัวใจยังเต้นกระหน่ำดังออกมานอกอก

“ยังอยากให้ฉันรออยู่ไหม”

ทิวากรแตะหน้าผากกับหน้าผากนูนของพรนับพัน สบตาระยะใกล้ ย้ำชัดอย่างมั่นใจ “อีกไม่นานหรอกคุณพราวด์ รออีกนิด เชื่อใจผมนะ”

คำว่าเชื่อของพรนับพันตอบด้วยการสัมผัสริมฝีปากของทิวากรอย่างแผ่วเบา และมีหรือที่ทิวากรจะปล่อยให้จบลงเพียงแค่จุมพิตแผ่วเบาเพียงครั้งเดียว

....................................................

คุณ Sukhumvit66 นายแปบเป็นกระสอบทรายส่วนตัวของพราวด์ค่ะ ฮา

คุณ นักอ่านเหนียวหนึบ เดี๋ยวรีเพลย์ให้ใหม่ แต่เปลี่ยนฉากแทนได้ไหม อารมณ์มาครบ อิอิ

คุณ yimyum นายแปบน่ารักนะ กวนๆ มาป่วนๆ ค่ะ

คุณ mhegjhyนางเอกเรื่องนี้รักใครรักจริงค่ะ ฮิ้ววว

คุณ konhin นายทิวเรื่องนี้เป็นจอมโกหกค่ะ สงสารพราวด์ แต่รายนี้เคยโกรธอะไรได้นานที่ไหน

คุณ ผักหวาน เดี๋ยวพานายแปบแวบมาตอนหน้าอีกค่ะ

กว่าจะลงได้ค่ะ ตบตีกับอินเตอร์เน็ตมาพอสมควร เมื่อวานเข้าไม่ได้ทั้งวัน ไม่รู้ว่ามีใครได้ไปงานหนังสือหรือยัง ออมไปมาแล้ว วันแรกเลย ^_^ ขอบคุณทุกคอมเมนท์ ทุกไลค์ และนักอ่านเงาทุกท่านค่า



ปวรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 30 มี.ค. 2557, 00:32:30 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 30 มี.ค. 2557, 00:32:30 น.

จำนวนการเข้าชม : 2130





<< บทที่ 15 : นายแปบ   บทที่ 17 - 18 : มัดมือชก >>
yimyum 30 มี.ค. 2557, 01:13:21 น.
นั่นแหละใชาเลย(นิสัยนะคะ) กวนๆ ป่วนๆ อย่างเงี้ยอ่ะน่ารัก>< น่ารักกว่าพี่ทิวอีก อิอิ


konhin 30 มี.ค. 2557, 01:39:26 น.
ยอมง่ายไปมั้ยเนี่ยยยย


นักอ่านเหนียวหนึบ 30 มี.ค. 2557, 17:51:44 น.
อั้ยยะ จบตอนแบบนี้สิ มันใช่ มากเลยยยยย คิๆๆๆ


Sukhumvit66 30 มี.ค. 2557, 18:26:12 น.
เง้อ..ไม่ได้จบที่จูบ แล้วจบที่อัลไลล่ะ..


ผักหวาน 6 เม.ย. 2557, 20:27:37 น.
ในที่สุดก็รู้ว่าคุณทิวทำเพื่อหนูพราวด์นะจ๊ะ

ตอนหน้าขอสาวให้นายแปบคนค่ะไรเตอร์ขา


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account