ทะเลรัก สีเพลิง
ความเจ็บปวดในอดีต ทำให้เขากลับมาทวงคืนเอากับเธออย่างสาสม ทว่าเมื่อได้อยู่ใกล้กัน หัวใจเขากลับยังไหวหวั่นอยู่เช่นเดิม...แล้วเขาจะทำเช่นไร เมื่อมั่นใจว่ายัง 'รัก' อยู่ แต่เธอกลับเป็นฝ่ายเกลียดเขาเสียเอง...^^


Tags: Romance ^O^

ตอน: บทที่ 8



8.

เขมินทร์ไม่รู้ตัวเลยว่าตนตกอยู่ในสายตาของใครบางคนมาเป็นเวลานานแล้ว กระทั่งลูกน้องคนสนิทเดินเข้ามาสะกิดและกระซิบบอก เขาหันมองไปยังจุดที่ลูกน้องตนบอก ทันเห็นว่าฝ่ายที่แอบดูตนสะดุ้งก่อนเมินมองไปทางอื่น มุมปากกระตุกขึ้นเล็กน้อยคล้ายกับจะยิ้มแต่มันก็เป็นเพียงแว่บเดียวเท่านั้นก่อนจะจางหายไป
สายลมได้แต่ยืนละล้าละลังไม่กล้าขยับเดินเข้าไปหา เธอก้มมองของที่ถืออยู่แล้วก็ถอนใจเฮือก กำลังจะหมุนตัวกลับ ตัดใจไม่ทำอย่างที่ตนคิดไว้ แต่แล้วเธอก็หยุดนิ่ง ยืดหลังตรงหันกลับมาอีกครั้ง

“เอาวะ...เป็นไงเป็นกัน”หญิงสาวบอกกับตัวเอง สูดลมหายใจเข้าปอดเต็มแรง ก่อนออกเดินไปยังจุดหมาย

“พี่เขม…”

เขมินทร์หันขวับจ้องมองคนเรียกตนตาขวาง และนั่นเองทำให้หญิงสาวรู้ตัวว่าพลาด เธอเอ่ยเรียกเขาใหม่อีกครั้งด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก

“นะ...นายเขมินทร์”

“มีอะไร”เขมินทร์เมินหน้าหนีไปอีกทาง ถามออกไปด้วยน้ำเสียงห้วน

“ฉันเอาน้ำมาให้ กินหน่อยสิ”พูดจบก็ยื่นกระติกน้ำหวานสีแดงที่ตนลงมือชงเองส่งให้กับเขา เขมินทร์ชำเลืองตามอง เบะปากน้อย ๆ และบอกให้อีกฝ่ายหน้าเสีย

“ฉันไม่ชอบกินน้ำหวาน ยิ่งน้ำแดงฉันยิ่งเกลียด และที่สำคัญใครบอกเธอว่าฉันอยากจะกินน้ำ”
สายลมได้แต่มองน้ำในมือตนที มองหน้าเขาที พูดอะไรไม่ออก รู้สึกถึงแรงเต้นของหัวใจที่มันเต้นเร็วขึ้น แรงขึ้น มือที่ยื่นออกไปค่อย ๆ ตกลงดีที่ยังมีแรงพอจะถือกระติกน้ำในมือไว้ได้ เธอเหลือบมองคนงานที่ต่างพากันมองมาที่เธอเป็นตาเดียวด้วยความรู้สึกอับอายที่ถูกเขาตอกหน้าใส่เช่นนั้น หญิงสาวหันหลังเดินจากไปทันทีโดยไม่พูดอะไรอีก ก่อนวางกระติกน้ำใบดังกล่าวทิ้งไว้เมื่อเดินผ่านม้านั่งห่างออกมาจากที่เขาและคนงานทำงานกันอยู่

เขมินทร์มองตามคนที่เดินเร็ว ๆ ไปจนลับสายตา แล้วจึงหันมาสั่งงานกับคนงานของตนต่อ จวบจนเมื่อมีเสียงคนงานคนหนึ่งดังแว่วมาให้ได้ยิน

“เฮ้ย...นี่น้ำใครวะ ข้าขอกินหน่อยนะโว้ย!”

เขมินทร์หันขวับไปยังต้นตอของเสียงนั้น ตะโกนออกไปสุดเสียง เป็นเหตุให้คนงานคนดังกล่าวชะงักกึก ในมือถือกระติกน้ำค้างอยู่กลางอากาศ เหลียวมองคนเป็นนายด้วยความสงสัย

“วางลงเดี๋ยวนี้!....”เขาสั่งพร้อมกับเดินเร็ว ๆ เข้ามาหา แย่งกระติกน้ำในมือคนงานมาถือไว้

“ใครสั่งให้แกกิน”

“ผม...ผมยังไม่ได้กินเลยครับนาย”คนงานรีบละล่ำละลักบอก ใบหน้าซีดจนแทบไม่มีเลือด ไม่เข้าใจว่า แค่(เกือบ)จะกินน้ำในกระติกใบนี้ จะทำให้คนเป็นนายเกรี้ยวกราดถึงเพียงนี้ได้

“เออ...นั่นแหละ ทีหลังอย่ากินมั่ว ๆ อยากกินไปกินในโรงครัวโน่น เข้าใจมั้ย!”เขมินทร์บอกเสียงแข็ง แล้วหันหลังเดินออกไปอีกทาง ในมือถือกระติกน้ำเจ้าปัญหาไปด้วยไม่ยอมวางทิ้งไว้ตรงไหนอีก

“อะไรวะ...แค่น้ำเองนะ”คนงานหันไปบ่นกับเพื่อนอีกคนที่ยืนอยู่ด้วยกันอย่างงุนงง

“ไม่รู้เว้ย...ทีหลังจะกินอะไรก็หัดดูตาม้าตาเรือซะบ้าง เดี๋ยวจะซวยโดนไล่ออกจากงานไม่รู้ตัว”พูดจบก็เดินแยกไปทำงานต่อ ปล่อยให้คนที่ไม่รู้ตัวว่าทำอะไรผิดได้แต่เกาหัวแกรก ๆ บ่นพึมพำกับตัวเอง


เขมินทร์นั่งหน้าเครียด สองมือวางประสานอยู่ใต้คาง คิ้วขมวดเข้าหากันจนยับยุ่ง นานครั้งก็จะชำเลืองตามองไปยังกระติกน้ำที่ตั้งอยู่ไม่ไกลตัวนักสักทีเป็นอาการที่แม่บ้านใหญ่เฝ้าสังเกตมานาน นับตั้งแต่เขากลับมาพร้อมเจ้ากระติกน้ำนั่น

“ให้ป้าตั้งโต๊ะเลยมั้ยจ๊ะ”ป้าชื่นบอก ขยับตัวเข้ามาใกล้คนเป็นนาย แต่ก็ยังไม่มีเสียงตอบรับจากคนเป็นนาย สิ่งที่เห็นมีเพียงสายตาที่สอดส่ายไปหาเหมือนมองหาบางสิ่ง บางอย่าง

“นายต้องการอะไรหรือเปล่า บอกป้าได้นะจ๊ะ”

“ลูกน้องป้าไปไหน”เขมินทร์ถามเสียงห้วน ป้าชื่นเลิกคิ้วขึ้นคล้ายจะถามว่า ‘ลูกน้องตน’ ที่พูดถึงคือใคร มีความหมายยังไง ซึ่งเขมินทร์ก็พอมองออกจึงเอ่ยชื่อคนที่ตนถามหาออกไป

“สายลม”

“อ่อ...อยู่ในครัวจ้ะ ป้าบอกให้ช่วยดูแกงในหม้อที่ตั้งเตาไว้”ป้าชื่นขานรับในลำคอ มุมปากยกยิ้มน้อย ๆ และบอกคนเป็นนาย

เขมินทร์นิ่งไปนิด ปล่อยมือที่ประสานกันไว้ออก ยืดตัวตรงก่อนบอกอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง

“จัดเลยก็ได้....เดี๋ยวป้า!”

ป้าชื่นชะงัก เหลียวกลับมามองเจ้านายหนุ่มของตน เขมินทร์ใช้สายตามองไปยังกระติกน้ำที่ตั้งอยู่ตรงหน้าตน และออกคำสั่งสั้น ๆ

“เอาไปไว้ในห้องทำงานหน่อย”

ป้าชื่นเลิกคิ้วถาม ไม่เข้าใจคำสั่งในตอนแรก แต่เมื่อเห็นสายตาของนายที่จับจ้องของสิ่งนั้นอยู่ก็ร้องอ๋อ และรีบเดินกลับมาจัดการอย่างรวดเร็ว

“ไม่ต้องบอกคนในครัวล่ะ”เขาสั่งลอย ๆ ออกไปสำทับ ก่อนที่คนรับคำสั่งจะเดินหายออกไป แม่บ้านสาวใหญ่ยิ้มกริ่ม คาดหวังในใจว่า เรื่องราวทั้งหมดของทั้งสองอาจจะจบลงด้วยดีในไม่ช้า


ใบหน้าหงอยเหงาของหญิงสาวที่บังเอิญคนเดินผ่านมาได้เห็น ทำให้สองเท้าที่กำลังจะก้าวกลับที่พักของตน เปลี่ยนทิศทางเดินเข้าไปหาเธอแทน

“ดึกแล้ว มานั่งทำอะไรอยู่ตรงนี้ล่ะเรา”ป้าชื่นถาม น้ำเสียงฟังดูอบอุ่นและเป็นกันเอง

เสียงทักที่ได้ยินทำให้หญิงสาวละสายตาจากท้องทะเลมืดมิด มามองที่คนถาม เธอฝืนส่งยิ้มให้อีกฝ่ายพร้อมกับตอบไปด้วยน้ำเสียงเนือย ๆ

“มานั่งเล่นน่ะป้า ดูอะไรไปเรื่อย....ทะเลตอนกลางคืนบางทีมันก็ดูน่ากลัว แต่บางทีมันก็ดีมีชีวิตชีวานะ ป้าว่ามั้ย”

“อืม...มันก็แล้วแต่ความรู้สึกของคนมองล่ะมั้ง...แล้วเราคิดว่าทะเลคืนนี้เป็นยังไงล่ะ”ป้าชื่นเลือกที่จะนั่งลงใกล้ ๆ กับเธอ ถามต่อไปให้หญิงสาวได้คิด

“เงียบ เหงา ดูโดดเดี่ยว”

“ทะเล หรือความรู้สึกเรา”ป้าชื่นถามยิ้ม ๆ

“ทั้งสองอย่าง”

“ทำไมถึงไม่เลือกที่จะมีความสุขกับสิ่งที่เป็นอยู่ซะล่ะ จะได้ไม่เหงา ในเมื่อปัญหาเรายังแก้ไขอะไรไม่ได้ เราก็ต้องอยู่กับปัญหานั้น ๆ ให้ได้อย่างมีความสุขสิ อย่าเอาปัญหามาทำให้เราทุกข์ ไม่เคยได้ยินหรือไง ทุกปัญหามีทางออกเสมอ ขึ้นอยู่กับว่า เราจะมีสติพอที่จะคิดหาทางออกนั้นเจอมั้ย”

สายลมมองหน้าคนพูด หัวคิ้วมุ่นเข้าหากันกับคำพูดของแม่บ้านสาวใหญ่ ยิ้มน้อย ๆ ให้อีกฝ่าย

“ป้านี่พูดดูดีมีสาระยิ่งกว่า พวกมีการศึกษาสูง ๆ อีกนะ....ฉันเปล่าดูถูกป้านะ ฉันแค่จะหมายความว่า ฉันเจอผู้ใหญ่รุ่น ๆ ป้ามาหลายคนแล้ว แต่ว่าแต่ละคนที่ฉันเจอมานะ มีแต่พวกคุณหญิง คุณนาย ที่วัน ๆ เอาแต่อวดร่ำ อวดรวยกัน ‘วันนี้ฉันใส่ชุดเวอซาเช่นะ กระเป๋าหลุยซ์ใบนี้ฉันซื้อมาเฉียด ๆ แสน’ อะไรแบบนี้อ่ะ”

ป้าชื่นยิ้มกว้าง เข้าใจในสิ่งที่หญิงสาวพูดมา สังคมคนเมือง สังคมคนรวย ก็ไม่แปลกที่จะมีคนพวกที่หญิงสาวกล่าวถึงปะปนอยู่ด้วย

“ดึกแล้ว ลมแรงด้วย เข้าบ้านนอนเถอะ เดี๋ยวจะไม่สบายเอาได้”ป้าชื่นบอกสำทับ ก่อนลุกยืนและหันหลังเดินกลับไปยังที่พักของตน

“ฉันขอบคุณป้ามากนะ”สายลมตะโกนตามหลังไปให้คนฟังได้ยิ้ม

เธอยังคงนั่งอยู่ตรงที่เดิม แม้คนที่นั่งคุยด้วยเมื่อครู่จะลุกกลับเข้าห้องไปแล้ว สายตาเศร้าสร้อยเหม่อมองท้องทะเลดำมืด ถอนใจเฮือกใหญ่อยู่หลายครั้ง นึกทบทวนคำพูดของแม่บ้านสาวใหญ่ ‘ทุกปัญหามีทางออกเสมอ’ แต่ทางออกที่ว่ามันอยู่ตรงไหนล่ะ เธอจะได้รีบไปตามหา ‘สติ’ เธอก็มีอยู่ มีตลอดด้วยซ้ำ แต่ทุกอย่างมันก็ยังมืดมนอยู่ดีนี่สิ!!!

“เฮ้อ....”เธอถอนใจเสียงดัง ลุกขึ้นยืนเต็มตัว สะบัดหน้าไปมาอยู่หลายทีก่อนจะหันหลังเพื่อเดินกลับเข้าที่พักของตน ทว่าสิ่งที่ตนได้เห็นในขณะที่หันกลับมาทำให้เธอขยับตัวไม่ได้ หญิงสาวจ้องมองร่างสูงของคนที่ยืนอยู่ห่างจากตนไปไม่เท่าไหร่เหมือนไม่เคยพบเห็นกันมาก่อน จะเอื้อนเอ่ยถามออกไปว่าเขามาตั้งแต่เมื่อไหร่ ก็อ้าปากขยับพูดไม่ได้ ได้แต่ยืนนิ่งเมื่อสบเข้ากับนัยน์ตาคมดุคู่นั้นของเขา

หญิงสาวมองท่าทีของเขาคล้ายกับจะเดินเข้ามาหาตน แต่ก็ไม่ เหมือนจะพูดแต่ก็ไม่ยอมพูดอะไร เอาแต่จ้องหน้าเธออย่างเดียว และจู่ ๆ เขาก็หันหลังเดินกลับเข้าตัวบ้านไป

“เดี๋ยวก่อน!”สายลมอ้าปากร้องเรียกไปเป็นครั้งแรก ก่อนวิ่งตามเขามาติด ๆ มือเล็กคว้าจับข้อมือใหญ่ของอีกฝ่ายเอาไว้

“อย่าเพิ่งไปสิ”

เขมินทร์ไม่ได้โต้ตอบ แต่สายตาของเขาเบนมาหยุดอยู่ที่ข้อมือของตัวเองซึ่งถูกเธอจับเอาไว้ คล้ายกับจะถามเธอว่า มีสิทธิ์อะไร?...ซึ่งสายลมเองก็อ่านสายตาของเขาออก เธอจึงปล่อยมือตัวเองออกจากข้อมือของเขา

“มีอะไรกับ...เอ่อ...กับสายลมหรือเปล่าคะ”เธอเอ่ยถามออกไปกล้า ๆ กลัว ๆ

“ไม่มี”เขมินทร์ใช้หางตามองเธอก่อนตอบด้วยน้ำเสียงเมินเฉย

“เราคุยกันดี ๆ ไม่ได้เลยหรือคะพี่เขม”

เขมินทร์หันขวับมามองที่เธอ ดวงตาเป็นประกายจ้าเมื่อได้ยินเธอเรียกเขาด้วยคำที่แสดงถึงความสนิทสนม

“ใครเป็นพี่เธอ เธอไม่มีสิทธิ์มาเรียกฉันว่าพี่”

“ไม่ให้เรียกพี่ แล้วจะให้เรียกว่าอะไร ก็ในเมื่อเป็นพี่”

“เธอ!”เขมินทร์ตวาดก้อง ชี้นิ้วไปที่หน้าของเธอ ฮึดฮัด ๆ อยู่นานก่อนสะบัดมือทิ้งและหันหลังเดินเข้าบ้านไป เลิกที่จะต่อคำกับหญิงสาวอีก

สายลมมองตามเขาไปจนลับสายตา เรียวปากเผยอขึ้นเล็กน้อย ความหวังเล็ก ๆ จุดประกายขึ้นมาเมื่อเห็นท่าทีที่เริ่มอ่อนลงของเขา

“สายลมจะทำให้พี่เขมหายโกรธให้ได้....คอยดู”


เสียงเซ็งแซ่ที่ดังมาจากจุดที่คนงานกำลังเกาะกลุ่มเป็นวงกว้าง เรียกให้คนที่เพิ่งมาถึงขมวดคิ้ว ใบหน้าเรียบตึงไม่บ่งบอกอารมณ์ นัยน์ตาคมเพ่งมองไปยังจุดนั้นก่อนสาวเท้าเดินเข้าไปหา

“เอะอะ อะไรกัน....”เขมินทร์พูดได้เพียงเท่านั้นก่อนนิ่งอึ้งไป เมื่อมองเห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้าตน ภาพหญิงสาวที่กำลังยกค้อนตอกตะปูอยู่บนเสาคานซึ่งคนงานกำลังเริ่มก่อสร้างเรือนพักคนงาน ทำให้เขางันไป

“ขึ้นไปทำอะไรบนนั้น” ชายหนุ่มตวาดถามเสียงลั่น นั่งร้านที่สร้างขึ้นมาอย่างลวก ๆ ถึงแม้จะดูแข็งแรงทานน้ำหนักได้ดี แต่มันก็เหมาะกับคนที่คุ้นชินมากกว่า

มือที่กำลังจะฟาดค้อนลงบนตะปูอีกตัวชะงักค้าง หญิงสาวหันมองตามเสียงที่ได้ยิน ร่างสูงที่ยืนตีหน้าบึ้ง กอดอกแน่น มองตรงมาทำให้เธอรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ ขึ้นมาทันที

“ผมพยายามห้ามแล้วครับ แต่เธอ....”ลูกน้องคนสนิทเดินมาหยุดข้าง ๆ

“ลงมาเดี๋ยวนี้”เขมินทร์ตะโกนสั่งอีกครั้ง

“ฉันกำลังทำงานอยู่”สายลมพยายามรวบรวมความกล้า บอกกลับไปและทำงานตรงหน้าของตนต่อโดยแสร้งไม่แยแสต่อสายตาและใบหน้าน่ากลัวของเขา

การกระทำของเธอยิ่งทำให้เขมินทร์โมโห ชายหนุ่มเดินเข้าไปใกล้ เงยหน้าขึ้นมองร่างบางที่นั่งหมิ่นเหม่อยู่ด้านบนพร้อมกับบอกด้วยน้ำเสียงบ่งบอกว่าความอดทนของเขากำลังจะหมดลง

“จะลงมาดี ๆ หรือจะให้ฉันพังนั่งร้านนี่ให้เธอตกลงมา” ไม่เพียงแค่พูดแต่เขาหันไปคว้าไม้ขนาดเหมาะมือมาฟาดเปรี้ยงไปที่เสานั่งร้าน เป็นเหตุให้นั่งร้านที่หญิงสาวนั่งอยู่สั่นครืน

“ว้าย!”

“จะลงมามั้ย?”

สายลมยังคงดื้อแพ่งทำต่อ โดยไม่สนใจคำขู่ของเค้า แม้ลึก ๆ จะกลัวอยู่เหมือนกันว่าเขาจะทำอย่างที่พูดจริง ๆ

“ไม่ลงใช่มั้ย”เขมินทร์เค้นเสียงถาม และหันหลังเดินออกจากสถานที่แห่งนี้ไปเสียเฉย ๆ สร้างความงุนงง ให้กับหญิงสาวไม่น้อย แต่เขาก็ปล่อยให้เธองง สงสัยได้ไม่นาน ร่างสูงก็เดินกลับมาใหม่อีกครั้ง พร้อมกับถือบางอย่างมาด้วย และไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรทั้งสิ้น ด้วยการเงื้อมือขึ้นสูงแล้วฟาดฉับไปที่เสานั่งร้าน ทำเอาหลายคนในที่นั้นร้องเสียงหลงด้วยคาดไม่ถึงว่าเจ้านายตัวเองจะทำเช่นนั้น

“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดด”สายลมกรีดร้องดังลั่นเมื่อจู่ ๆ นั่งร้านที่เธออาศัยนั่งแบบไม่มั่นคงนักสั่นคลอน ไหวไปมาอย่างน่ากลัว

เขมินทร์ไม่ฟังเสียงใครทั้งสิ้น เขายังคงฟาดฉับ ๆ ไปที่เสานั้นหวังจะให้มันพังลงมาจริง ๆ เพื่อสั่งสอนให้คนข้างบนได้หลาบจำว่าอย่ามา ‘กำเริบ’ กับตน

“กรี๊ด...หยุดนะ ฉันบอกให้หยุด”สายลมกอดเสาที่พาดขวางอยู่ตรงหน้าตนเอาไว้มั่น ส่งเสียงร้องห้ามอีกฝ่าย น้ำหู น้ำตาไหลด้วยความหวาดกลัว ต่อให้อยากลงไปตอนนี้เธอก็ไม่กล้าที่จะขยับตัวไปไหนแล้ว หากเขายังไม่ยอมหยุด

เขมินทร์เงยหน้าขึ้นมองร่างบางที่นั่งตัวสั่นเป็นลูกนกด้วยความสาใจ ก่อนถามออกไปเสียงเรียบ

“จะลงมามั้ย”

“ลง”เธอเอ่ยบอกมาเสียงแผ่ว เสียงไม้ออดแอดที่ดังให้ได้ยินทำให้เธอแทบไม่กล้าจะหายใจด้วยซ้ำ เพราะเกรงว่าหากหายใจแรงไปอาจทำให้ไม้ที่เธอนั่งอยู่เซล้มไปเลยก็เป็นได้

“อะไรนะ...จะยังไม่ลงใช่มั้ย….ดี!”ไม่พูดเปล่า ชายหนุ่มเงื้อมือขึ้นเตรียมพร้อมอีกครั้ง

“อย่านะ!....ฉันจะลง ฉันจะลงแล้ว”

เขมินทร์ยิ้มอย่างผู้ชนะ ยอมลดมือลงแต่ก็ยังไม่หยุดข่มขู่คนหมดทางสู้ โดยตั้งใจจะทำให้อีกฝ่ายหลาบจำและไม่คิดต่อกรกับตนอีกไปตลอดชีวิต

“เอ้า...ลงมา ลงมาเร็ว ก่อนที่นั่งร้านนี่มันจะพังครืนลงมา ไม่ใช่แค่เธอที่จะเจ็บตัว พวกคนงานพวกนี้ก็จะโดนไปด้วย พวกแกจำเอาไว้ ถ้านั่งร้านนี่พัง พวกแกทุกคนจะถูกตัดเงินเดือน เดือนนี้ทั้งเดือน และถ้าผู้หญิงคนนี้ยังไม่ลงมาภายใน 1 นาที เดือนหน้าอีกเดือน
ที่พวกแกจะไม่ได้เงิน”

“ลงมาสิคุณ /อิหนูลงมาเร็ว ๆ”เสียงฮือฮาดังขึ้นทันทีที่เขาพูดจบประโยค ก่อนตามด้วยเสียงร้องเรียกหญิงสาวให้ลงมาจากนั่งร้านให้เร็วที่สุด บางคนก็รีบวิ่งไปที่นั่งร้านพยายามประคับประคองไม่ให้มันพังลงมา แต่ก็ดูเหมือนว่าการช่วยเหลือเช่นนั้นจะยิ่งทำให้หญิงสาวกรีดร้องและไม่กล้าขยับตัวมากขึ้นไปกว่าเก่า

“หยุด...หยุดเดี๋ยวนี้ ฉันจะลงได้ยังไง ถ้าไม่เลิกเขย่ากันแบบนี้...พอซักทีได้มั้ย หยุด!”สายลมตะโกนสุดเสียง ซึ่งก็ทำให้คนงานเหล่านั้นหยุดกระทำได้อย่างรวดเร็ว ก่อนที่เธอจะรวบรวมความกล้าของตัวเอง ไต่ลงมาช้า ๆ จนกระทั่งลงมาหยุดอยู่บนพื้นได้สำเร็จ หญิงสาวเดินตรงเข้าไปหาคนที่ยืนกอดอกนิ่งอย่างหมายมาดและทำในสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด

“เผียะ!!!”

ใบหน้าคร้ามคมหันไปตามแรงเหวี่ยงนั้นแบบไม่ทันตั้งตัว รู้สึกชาหนึบที่ซีกหน้าด้านซ้ายขึ้นมาทันที เขาค่อยหันกลับมาหาเธอช้า ๆ ดวงตาวาวโรจน์เต็มไปด้วยความโกรธต่อการกระทำนั้น ทว่าเพียงแค่เขาหันกลับมาฝ่ามือของเธอก็กระทบเข้ากับใบหน้าของเขาซ้ำเป็นครั้งที่สอง

“นายมันเลว ชั่ว นายตั้งใจจะฆ่าฉัน...ไอ้บ้า!!”สายลมพรั่งพรูความเสียใจออกมาด้วยการกระหน่ำทุบลงไปบนตัวของเขาไม่ยั้ง ภาพเหตุการณ์ตรงหน้าที่เกิดขึ้นทำให้เหล่าบรรดาคนงานมองด้วยความตกตะลึง ก่อนรีบถอยร่นออกไปอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นว่าทุกอย่างเริ่มบานปลาย และพวกตนไม่ควรเข้ามาเกี่ยวข้องอะไรอีก

“ฉันพยายามจะทำดีกับนาย ฉันพยายามจะทำให้นายเห็นว่าฉันพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อชดเชยความผิดที่เคยทำกับนายไว้ แต่นายก็ยังอยากจะฆ่าฉันให้ตาย นายมันใจร้าย ใจร้าย ใจร้าย”ร่างบางค่อย ๆ ทรุดลงไปกับพื้นอย่างคนหมดแรง สะอื้นไห้ตัวโยนจนคนมองสะท้านไปทั้งใจ

เขมินทร์ขยับตัวถอยออกมาจากที่ตัวเองยืนอยู่ ก่อนหันหลังเดินจากไปโดยไม่มีคำพูดแสดงความรู้สึก ปล่อยให้เธอนั่งอยู่ตรงนั้นเพียงลำพัง...


นานนับชั่วโมงที่หญิงสาวเอาแต่นั่งร้องไห้อยู่ที่เดิมไม่ไปไหน น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าที่ไหลรินออกมาบอกให้คนที่เห็นเหตุการณ์เข้าใจถึงความรู้สึกของเธอว่าเจ็บปวดมากแค่ไหนกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ทุกคนก็ได้แต่แอบมองดูเงียบ ๆ ไม่มีใครกล้าพอที่จะเข้าไปหา หรือแม้แต่จะคิดปลอบใจเธอ

“นายทำกับเธอเกินไป”เสียงแม่บ้านสาวใหญ่เอ่ยบอก ขณะที่สายตาของตนยังคงจดจ้องไปที่ร่างบางที่นั่งอยู่ตรงนั้นไม่ไปไหน เขมินทร์ชำเลืองตามองคนของตัวเองคล้ายจะตำหนินิด ๆ ที่ไปเข้าข้างฝ่ายนั้น แต่แล้วก็ต้องถอนใจออกมาเมื่อเห็นอีกฝ่ายหันมาสู้สายตาตน

“ผมไม่ได้ทำเกินไป ป้าก็รู้...บนนั้นมันอันตราย”

“นายก็รู้เหมือนกันนี่ว่ามันอันตราย แต่นายก็ยังทำแบบนั้น เป็นป้า ป้าคงเสียขวัญแย่”พูดจบเจ้าตัวก็หันกลับไปมองที่ร่างบางไกล ๆ นั่นอีกครั้ง

“ไปพากลับบ้านให้ด้วยนะ”ชายหนุ่มไม่ได้เอ่ยบอกว่าตนเองหมายถึงใคร และรู้ดีด้วยว่าคนที่ตนพูดด้วยรู้ดีว่า คน ๆ นั้นคือใคร

“ในเมื่อคุณเขาตั้งใจจะชดเชยในสิ่งที่เคยทำ ทำไมนายไม่ลองเปิดใจดูสักครั้งล่ะ เผื่ออะไร ๆ มันจะดีขึ้น อย่าใจแข็ง ใจร้ายกับเธอนักเลย ทำเธอเจ็บ ป้ารู้ว่านายเองก็เจ็บไม่แพ้กัน”

“อย่ามองป้าแบบนั้นเลย ถึงป้าจะยังเป็นโสดแต่ป้าก็เคยมีความรักมาก่อนนะ รู้จักดีว่ารักมันเป็นยังไง ทำร้ายเขาเราก็เจ็บ ถ้าอย่างนั้นสู้เราทำดีกับเขาเพื่อให้เขารักเรามันจะไม่ดีกว่าหรือ”แม่บ้านสาวใหญ่บอกต่อเมื่อเห็นสายตาของคนเป็นนายที่มองมาอย่างประหลาดใจ

“ผมจะลองเก็บไปคิดดู”เขมินทร์บอกเพียงสั้น ๆ ก่อนจะเงียบลงไม่มีคำพูดอะไรอีก

แม้คำตอบที่ได้ยินจะไม่ได้บ่งบอกว่า เขาจะทำหรือไม่ทำกันแน่ แต่คนฟังก็รู้สึกใจชื้นขึ้นมาบ้าง และหวังให้เขาทำอย่างที่ตนแนะนำ ไม่ใช่เพื่อใครแต่ทุกอย่างก็เพื่อตัวของเขาเอง เพื่อที่เขาจะเลิกจมอยู่กับอดีต และหันมาเริ่มต้นชีวิตใหม่


ภายในห้องพักแม่บ้านซึ่งไมได้ใหญ่โต แถมติดจะคับแคบเสียด้วยซ้ำ จำต้องเปิดห้องรับแขกไม่ได้เชิญอย่างไม่อาจหลีกหนีได้ เจ้าของห้องได้แต่ยืนมองหญิงสาวที่นั่งคุดคู้อยู่ข้างเตียงไม่ยอมขยับไปไหนแม้ตนจะบอกให้เธอทำก็ตาม

“ตกลงจะไม่กลับห้องหรือไงเรา”

“ฉันขอนอนกับป้าด้วยได้มั้ย”สายลมเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของห้อง ส่งสายตาเว้าวอนที่ทำเอาคนมองใจอ่อนยวบ

“ป้าก็ไม่ได้หวงห้ามอะไรเราหรอกนะ ถ้าอยากนอนก็นอนได้ แต่ว่า......”

“เขาไม่สนใจฉันหรอกป้า ฉันตาย ๆ ไปซะได้เขาจะยิ่งดีใจ….”พูดยังไม่ทันจะจบประโยคดี น้ำตาก็พาลจะไหลออกมาอีกครั้งจนหญิงสาวต้องหายใจเข้าลึก ๆ สะกดกลั้นความรู้สึกตัวเองเอาไว้

“ถ้าไม่สนใจจริง ๆ ก็แล้วไป...”

“อะไรนะ”สายลมร้องถามเมื่อได้ยินไม่ถนัดนัก

“ไม่มีอะไรหรอก ถ้าจะนอนที่นี่ก็ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าซะก่อนไป ดูเนื้อตัวมอมแมมไปหมด ถ้าจะมานอนแบบนี้ ป้าไม่ให้นอนนะ”

“ฉันขอบคุณป้ามากนะ ถ้าที่นี่ไม่มีป้าอยู่ ฉันก็คงไม่รู้จะอยู่ยังไง ดีไม่ดีป่านนี้ฉันอาจจะตายไปแล้วก็ได้”

“พูดเกินไปนะเรา...ไป ไปอาบน้ำ”

หญิงสาวยอมลุกเดินออกไปเข้าห้องน้ำตามที่เจ้าของห้องบอกแต่โดยดี สภาพร่างกายของเธอตอนนี้เรียกได้ว่า เกินคำว่า ‘มอมแมม เลอะเทอะ’ มากเสียจนจะกลายเป็น ‘สกปรก โสโครก’ อยู่แล้ว หญิงสาวถอนใจเฮือกเมื่อเห็นสภาพตัวเองจากกระจกที่แขวนอยู่ภายในห้องน้ำ

“สายลมเหนื่อยเหลือเกิน...พี่เขม”


ร่างสูงยืนมองร่างเล็ก ๆ ของหญิงสาวที่เพิ่งก้าวออกจากห้องน้ำเดินเข้าไปหาแม่บ้านของตนซึ่งนั่งรออยู่ไม่ไกลจากห้องน้ำนั้นนัก นัยน์ตาคมเข้มคล้ายจะไหวระริกเมื่อเห็นร่างผอมบางของอีกฝ่ายจากมุมไกลนี้ เขมินทร์เฝ้าแต่บอกตัวเองว่าให้อดทนเพราะมันยังไม่ถึงเวลา แต่เขาก็ไม่รู้ว่าจะอดทนต่อสิ่งที่มีผลกับจิตใจได้อีกนานแค่ไหน จู่ ๆ คำของแม่บ้านสาวใหญ่ก็วนมาให้คิดตามอีกครั้ง

….ทำไมไม่ลองเปิดใจดูสักครั้ง เผื่ออะไรมันจะดีขึ้น…

“เปิดใจอย่างนั้นหรือ”เขมินทร์เปรยขึ้นลอย ๆ หลายสิ่งหลายอย่างผุดขึ้นในหัวของตนเอง ก่อนรอยยิ้มจะค่อยฉายชัดบนใบหน้า ชายหนุ่มมองไปที่ร่างเล็กนั้นอีกครั้งจนกระทั่งเธอและคนของตนเดินลับสายตาไป เขาจึงหันหลังเดินกลับเข้าห้อง




--------------------------------------------------------------------------------------------



ภัทร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 26 มี.ค. 2557, 16:41:29 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 26 มี.ค. 2557, 16:41:29 น.

จำนวนการเข้าชม : 1578





<< บทที่ 7   บทที่ 9 >>
konhin 27 มี.ค. 2557, 00:55:36 น.
โห เล่นแรงไปมั้ง ตกมาพิการได้เลยนะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account