ในเงาฝันปลายตะวัน
พรนับพัน ชีวิตของเธอจะมีตาอยู่ในทุกๆ ที่ แม้กระทั่งวันที่ตาจากไป หลายๆ สิ่งที่เธอทำก็ยังอยู่ในเงาของ 'ตะวัน' ผู้เป็นตาไม่เคยเปลี่ยน

และเพราะนิสัยที่เอาแต่ใจ โมโหร้าย ไม่สนใครหน้าไหนของพรนับพัน ชีวิตวันๆ หนึ่งเดินออกไปไหนไม่ได้ไกล หากมีเรื่องเข้ามาหาเจ้าหล่อนพร้อมพุ่งชน และนั่นเองทำให้รอบข้างกังวลและอยากจับเธอเปลี่ยนแปลง

ทิวากร ไม่รู้ว่าเขาโชคดี หรือโชคร้ายที่ได้รับหน้าที่จัดการเปลี่ยนมนุษย์ถ้ำ ให้ออกสู่สังคมได้อย่างปกติ แต่ดูเหมือนว่าคนที่ใครมองว่าโชคร้าย กลับเต็มใจรับสภาพ อ้าแขนรับมนุษย์ถ้ำคนนี้ซะด้วย
Tags: มนุษย์ถ้ำ โรแมนติก อมยิ้ม

ตอน: บทที่ 17 - 18 : มัดมือชก

บทที่ 17

เกือบไป

คนสองคนกับอารมณ์ถลำลึกเกือบเปลือยตลอดร่าง พรนับพันตะครุบเสื้อที่เปิดไว้มากลัดกระดุมทัน รู้สึกโกรธ และขอบคุณโทรศัพท์ของทิวากร ขณะที่ฝ่ายหลังถึงกับส่งเสียงจิ๊ขัดใจ จงใจพาร่างเกือบเปลือยที่เหลือกางเกงที่ปลดตะขอ อวดกล้ามบน เผยความเซ็กซี่ยั่วใจสาวเพียงหนึ่งเดียวในห้องที่แต่งตัวมิดชิด เหลือไว้เพียงริมฝีปากบวมเจ่อ

“ว่าไงครับ” สีหน้าของคนเกือบผ่านช่วงเวลาสุขสันต์เครียดเขม็ง ดึงร่างที่ตั้งท่าจะผละลุกไปจากเตียงกลับมากอดไว้แน่น

“ผมจะรับมือเอง ขอบคุณสารวัตรมากครับ”

ผิวเนื้อร้อน กล้ามท้องเป็นลอนสวยยั่วสายตาคนมอง แต่พรนับพันเลือกจะหลับตาปี๋ เอียงหูฟังเสียงหัวใจของเขา

“มีเรื่องอะไรหรือเปล่า ห้ามปิดบังฉันด้วย”

“แม่ผมก่อเรื่องน่ะสิ เสร็จธุระจากคุณ ก็ออกอาละวาดใส่จิว บอกว่าผมจะแต่งงานกับคุณเร็วที่สุด ให้จิวเลิกยุ่งกับผมสักที”

“อะไรนะ! ใครจะแต่งงาน แม่คุณนี่มัดมือชกฉันนี่” พรนับพันพยายามเด้งตัวขึ้น แต่ก็ถูกรัดไว้แน่น ได้แต่ทุบมือลงอกดังพลั่กอย่างขุ่นเคือง เธอกับทิวากรจะไม่มีการขอแต่งงานที่โรแมนติกอย่างชาวบ้านชาวช่องเลยสินะ “เชิญคุณไปแต่งกับคุณจิวอะไรนั่นเถอะ ฉันไม่แต่งหรอก”

“ผมไม่ให้คุณเกเรเด็ดขาด”

“ฉันยังจำไอ้ทะเบียนหลอกนั่นได้นะ” คนไม่ยอมค้อนหน้าคว่ำ ปากบวมเม้มแน่น

“เราจะทำทุกอย่างให้มันถูกต้อง” คนพูดพลิกร่างพรนับพันให้หลังแนบเตียง ยิ้มเจ้าเล่ห์แบบที่เขาไม่เคยยิ้มให้ใคร มือปลดกระดุมที่กลัดไว้ช้าๆ เพียงแต่ครั้งนี้คนไม่ยอมเริ่มดิ้นรน

“ถ้าคุณทำอะไรฉัน ฉันจะฆ่าคุณ คุณบ้าไปแล้วเหรอ ไม่เจอกันหนึ่งเดือน คุณก็บอกว่าฉันต้องแต่งงานกับคุณ นี่คุณยังจะปล้ำฉันอีก คุณมัน...” เสียงอาละวาดหายไปในลำคอ ท่าทีดื้อดึง พยศร้ายยังไม่สิ้น ถึงปากจะถูกรุกราน และเจ้าตัวก็ไม่ใจร้ายพอจะงับลิ้นทิวากรให้ขาด จึงได้แต่ฝังเล็บยาวไว้บนต้นแขนของเขา

ประตูเปิดผัวะเข้ามาในห้องโดยไม่มีการเคาะล่วงหน้า บทสวาทชะงักกลางคัน ภาพอันดุเดือดเรียกเลือดจบลง พรนับพันที่ไม่ได้มีอารมณ์ไปด้วยหายใจหอบโยน ดวงตาแทบเหลือกถลนกับการมาของพ่อแม่เธอ และอีกคน เจ้าสัวกวี เสื้อรุ่มร่ามกระดุมออกจากรังดุมไปถึงสามเม็ดสร้างความอายแก่พรนับพันไม่น้อย ยิ่งมีแผ่นหลังเนื้อแน่นของทิวากรพยายามบดบังเธอ ความอายยิ่งบังเกิด

หน้าร้อนผ่าว ลามไปถึงหู อาย โกรธ และอยากฆ่าคนเจ้าแผนการทีเดียว มือสั่นกลัดกระดุมทุกเม็ดเรียบร้อย พรนับพันรีบลุกขึ้นยืนทันที แต่ดูปากเธอจะหาเสียงได้ช้ากว่าใครอีกคน

“ผมยินดีรับผิดชอบทุกอย่างครับ”

“นี่มันเรื่องสร้างสถานการณ์ค่ะ มันไม่มีอะไรเลย ถึงมีมันก็ยังไม่ต้องถึงกับแต่งงานหรอกค่ะ พราวด์ยังไม่เสียอะไร” พรนับพันตั้งใจพูดกับพ่อแม่ “จริงๆ นะคะ”

“เรื่องนี้พวกเราจะคุยกันเอง ผมยินดีให้ลูกชายรับผิดชอบทุกอย่างครับ” เจ้าสัวกวีหันมาบอกกับเธอด้วยใบหน้าเรียบเรื่อย ใบหน้าที่ผ่านฟ้าผ่านฝนมานานก้มศีรษะเล็กน้อย และผายมือเชิญคุณหมอทั้งสองที่ยังหน้าตาตื่นตกใจกับเหตุการณ์เมื่อครู่ไม่หาย

“เราไม่ต้องพูดอะไร นี่เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ จะเสียอะไรไปไหม เท่าที่แม่เห็นก็ไม่น้อยแล้ว” คุณหมอพรนภายุติความคิด และพังความดื้อทั้งหมดของเธอลง ด้วยการเดินลงไปคุยเรื่องสำคัญกับเจ้าสัว พรนับพันยืนคว้าง เพียงแค่พ่อเดินเข้ามาและกอดเธอไว้น้ำตาเธอก็คลอหน่วย

“พ่อเชื่อพราวด์นะ ถึงพราวด์จะนอกลู่นอกทางไปบ้าง แต่ไม่เลวร้ายขนาดแม่คิดนะ”

“พ่อรู้ๆ พราวด์ใจเย็นๆ พ่ออยู่ข้างพราวด์เอง” นับพันกล่าวอย่างมุ่งมั่น สายตามองสบกับบุคคลที่ยืนก้มหน้าทำสุภาพบุรุษอีกมุมห้องในสภาพที่เรียบร้อยขึ้นด้วยความไม่พอใจนัก “ใครทำไม่ดีกับลูกพ่อ คะแนนมันก็ติดลบแน่ๆ”

นับพันตั้งใจจะพาพรนับพันไปด้วย แต่เธอขออยู่จัดการตัวต้นเรื่องก่อน และสัญญาว่าจะไม่ถลำตัวเชื่อจอมโกหกอีกเด็ดขาด

ประตูห้องงับลง พรนับพันก็เดินมาหยุดตรงหน้าทิวากร น้ำตาคลอ มองอีกฝ่ายด้วยความผิดหวัง “มีอะไรที่จะหลอกฉันอีกไหม จะเติมเขาบนหัว เขียนชื่อฉันว่าไอคิวต่ำก็ได้นะ ถึงได้โง่ให้คุณหลอกได้หลอกดี”

“ผมขอโทษ แต่ผมทำครั้งนี้ แม่ผมคิด และผมก็เห็นว่าเรื่องของเราจะจบเรื่องจิวได้”

“หยุดอ้างสารพัดอย่างเถอะ ฉันขี้เกียจฟัง คำของคุณมันก็แค่กลิ่นผายลมเน่าๆ หาคุณค่าไม่ได้ ได้แต่ระบายออกมา ไม่มีอะไรที่ฉันจะเชื่อคุณอีก ฉันเหนื่อย”

ทิวากรรู้สึกเจ็บปวดกับทุกคำพูดของพรนับพัน น้ำตาที่คลอหน่วยแต่ไม่ไหลออกมาประจานความอ่อนแอแสดงถึงความแข็งแกร่งที่พรนับพันฝืนทนไว้

มือหนาจับฝ่ามือบาง และฟาดลงบนตัวเองหลายครั้ง “ฟาดผม ตีผม ผมยอมคุณทุกอย่าง ผมมันโง่เองที่ทำอะไรโดยไม่คิด”

พรนับพันฝืนมือ และดึงกลับมาข้างตัว ไม่มีบทสนทนาใดๆ อีกนอกจากเดินออกไปเงียบๆ ทิ้งไว้เพียงความรู้สึกหนักหน่วง ผิดหวัง สำคัญสุด คือการโกรธที่ไม่มีการให้อภัย


สายลมยามเย็นพัดผิวน้ำจนเกิดคลื่นเล็ก เรือไม้แจวลำเก่าโยกคลอนไปตามสายลมไม่มีการต่อต้าน คนหนุ่มที่นั่งดูการสัญจรทางน้ำยามค่ำผ่านริมตลิ่งได้แต่ทอดเงาตนอันสะท้อนบนผิวน้ำอย่างปลงตก ใบหน้าอันสว่างไสวด้วยผิวขาวดังลูกจีนทั้งที่เป็นเด็กกำพร้า โครงหน้าได้รูป บัดนี้มีสิ่งหนึ่งหม่นหมองคือแววตา หัวใจเขาเจ็บแปลบเพียงแค่นึกถึงสาเหตุที่เกิดขึ้น

เรื่องทุกอย่างตัวต้นเหตุเป็นเขาทั้งหมด...

สารวัตรดนพโทรมาเตือนว่าจะมีคาราวานย่อมๆ ยกโขยงมาบ้านเขา หลังจากมารดาเขาพบพรนับพันโดยบังเอิญ คุณนายจรัสศรีก็สามารถร่างแผนการขึ้นมานี้ได้ในเวลาไม่กี่นาที เริ่มตั้งแต่ไปเยาะเย้ยกับทองเอก หรือการนัดแนะให้พ่อเขาไปหาคุณหมอทั้งสอง และพามาจ๊ะเอ๋กันที่บ้านหลังนี้ หากเขาไม่ทำอะไรพรนับพันให้คนมองเข้าใจไปไกล เรื่องคงไม่จบลงที่ว่างานแต่งงานจะเกิดขึ้นในอีกหนึ่งเดือนแบบนี้

มันจะเกิดขึ้นทั้งที่เจ้าสาวโกรธเขาหนักขนาดไม่คุย ไม่มองหน้า หากถึงวันงานจริงก็คงจะหนี

“ยกเลิกงานเถอะครับพ่อ มันเป็นไปไม่ได้”

คนนั่งในศาลาส่งเสียงเหอะ นั่งพัดร่มขนนกในมือเลียนแบบจูกัดเหลียงกุนซือใหญ่ของเล่าปี่ในตำนานสามก๊ก “เกิดเป็นคนพูดแล้วห้ามคืนคำ ทางนั้นแม่เขาก็ตกลงยอมรับแล้ว จะไปคืนคำได้ยังไง”

“แต่เรื่องแต่งงานมันเป็นเรื่องของคนสองคนนะครับ ผมกับคุณพราวด์เรายังตกลงกันไม่ได้”

“ง้อเขาหน่อยเดี๋ยวก็หาย ผู้หญิงก็อย่างนี้แหละ”

“ตอนนั้นพ่อยังออกสื่อไม่เห็นด้วยเรื่องคุณพราวด์เลยนะครับ” คนเป็นลูกค่อนขอด

“นั่นมันก่อนที่พ่อจะเจอว่าทิวมีน้องชายทองภูมาติด” เจ้าสัวแค่นึกเรื่องนี้ขึ้นมาก็ยิ่งกว่าปวดหัว ทั้งที่ทิวากรไม่ได้แสดงออกว่าให้ความหวังอะไร แต่ฝ่ายนั้นก็ไม่เลิกเอาตัวมาผูกพัน ทำตัวเป็นเจ้าของ “ยังไงในหนึ่งเดือนทิวต้องแต่งงาน รีบตัดปัญหานี้ไปให้ได้ ในเมื่อพ่อให้ทิวแต่งงานกับคนที่ทิวรักแล้ว ถ้าไม่สำเร็จอีก ก็แต่งกับอาหมวยบ้านไหนก็ได้ พ่อมีให้ทิวเลือกเยอะแยะ”

“อย่าแม้แต่จะคิดทำแบบนั้นนะครับ ถ้าผมไม่ได้แต่งงานกับคุณพราวด์ ชาตินี้ผมก็ไม่แต่งกับใครแล้ว”

แววตามุ่งมาดยามนี้ถูกใจคนมองยิ่งนัก เจ้าสัวกวีเชื่อว่าคนอย่างลูกชายต้องหาทางง้อผู้หญิงจอมห่ามที่ยังมียางอายเหลือให้เขาเห็นนั้นสำเร็จ

บางทีเพราะคำว่าลูกรัก ในช่วงเวลาที่ต้องเลือก เขาก็อยากเลือกเห็นลูกมีความสุขที่สุด


อารมณ์ไม่มั่นคงทำให้พรนับพันนั่งแกร่วหน้าบ้านตั้งแต่ตะวันไม่ตกดิน หลายวันก่อนหน้าเธอมัวแต่ยุ่งกับต้นฉบับ และนอนช่วงบ่ายแทน ไม่ก็ผ่อนคลายด้วยการลากเป็นไทไปทัวร์นอกหมู่บ้าน หญิงสาวไกวชิงช้าตัวโปรด ใช้เท้าลากดินดันตัวไปมา ถ้าหากเป็นเธอสมัยก่อน ทิวากรต้องเละคาเท้าเธอแน่

แต่น่าแปลกที่วันนี้เรี่ยวแรงเธอมันหายไปหมด เพียงแค่เขายกมือเธอไปทุบอกเขาเสียงดังพลั่กไปหลายที เธอไม่รู้สึกเจ็บมือ ในอกต่างหากที่ร้าวระบมจนต้องฝืนมือออกมา จากเขามาโดยไม่ฝากแผลใดๆ

มันสับสน ผิดหวัง โกรธ ปนกันจนเธอทนมองหน้าเขาต่อไปไม่ได้ พรนับพันนึกอยากทำอะไรแผลงๆ ขึ้นมา เท้ายันพื้นเพื่อหยุดไกว ลุกขึ้น และจนชิงช้านิ่งสนิท จึงขึ้นไปยืนบนพื้นไม้ที่นั่งของชิงช้า มือสองข้างจับโซ่ไว้แน่น ขณะผลักตัวเองไปมา ความสูงที่ห่างจากพื้นประมาณสองฟุต เหวี่ยงแรงขึ้นก็เสียวไม่น้อยดี

เมื่อลมปะทะหน้า คนอยากระบายก็ร้องวู้วไปมา หลับตาพริ้ม ให้สายลมผ่านร่าง นึกอยากให้ความทุกข์ใจหายไปด้วย แต่เมื่อลืมตาก็ยังเหมือนเดิม ซ้ำรถที่จอดคาอยู่ตรงประตูบ้านไม่ยอมเข้ามา ทำเธอเซ เสียการควบคุม หล่นจากชิงช้า หน้าทิ่มกับพื้น

เสียงประตูบ้านเปิดขึ้น และฝีเท้าวิ่งเร็วรี่มาถึงตัวเธอ พรนับพันถูกพยุงแขนขึ้นสองข้าง ความมึนมองโลกเบลอไปทำให้เธอมองหน้าทองภูคล้ายว่ามีซ้อนทับสองคน ก็เขานั่นล่ะทำเธอตกใจ

พรนับพันสะบัดศีรษะไล่ความมึน รู้สึกริมฝีปากแตก ได้กลิ่นคาวเลือด แต่เธอยังไม่สิ้นสงสัย จะไม่เจ็บเด็ดขาด

“คุณทองภูมาได้ยังไงคะ”

“เอ่อ...” ท่าทีอึกอัก กับอาการสบตานับพันพรของทองภูบอกเธอก่อนตอบเสียอีก

“อ้ออออ” คนรู้ลากเสียงยาว ความโกรธสุมไว้ในอก มีเชื้อเพลิงเผาได้ไม่มีสิ้น “ยัยแฟร์เธอรู้ทุกอย่างมานานแล้วใช่ไหม”

“เกือบเดือน แต่พวกเราไม่อยากให้พี่พราวด์ไม่สบายใจนะคะ”

“พี่รู้ทีหลังก็สบายใจมากจนอยากยกโลกทั้งใบทุ่มใส่หัวคนเลยล่ะ” พรนับพันส่งเสียงร้องขัดใจใส่ลมฟ้าอากาศ ก่อนจะวิ่งไปคว้าจักรยานปั่นออกไปจากบ้านด้วยความอัดอั้น

ทิวากร เธออยากฆ่าผู้ชายที่ชื่อทิวากร เอามาสับให้เละ แล้วก็โยนให้หมู หมา กา ไก่ เป็ด แมวรับประทานให้หมด เขาให้ทุกคนรู้ แต่เธอไม่รู้ นับพันพรเองก็รู้ว่าทองภูเป็นผู้บริสุทธิ์มาเกือบเดือน แล้วเธอเล่า รู้ทุกอย่างในวันเดียว พร้อมกับถูกมัดมือชกให้แต่งงาน

ส่วนหนึ่งดารามีเหรอจะไม่รู้ ในเมื่อติดต่อกับดนพบ่อยขนาดนั้น

คนหงุดหงิดงุ่นง่านขับรถพุ่งใส่รถที่เพิ่งเลี้ยวเข้ามาในซอยอย่างจำได้ ทั้งจักรยานและรถสปอร์ตมีประทุนแข่งกันเบรกเอี๊ยดกระทั่งห่างกันไม่ถึงหนึ่งเมตร คนขับลดกระจกลงมาโหวกเหวกใส่ทันที

“ยัยมนุษย์ถ้ำ เธออยากให้ฉันติดคุกเหรอ อยากตายไปตายที่อื่นโน่น”

“ไอ้แปบ!” พรนับพันจูงจักรยานพิงประตูรถคนขับ แฮนด์จักรยานขูดผิวรถจนเป็นรอย “เอาขึ้นรถที”

“ลูกฉันเป็นรอยนะเว่ย โถ่ พ่ออุตส่าห์ถนอมมาตลอด” เป็นไทส่งเสียงฮื่อ เจอแววตารั้นถลึงใส่ได้แต่เก็บปากเงียบ ก็ถ้าในแววตารั้นนั้นจะไม่ได้มีแววไร้ที่พึ่งล่ะก็...

“จะไปไหน อย่าไกลนักล่ะ ฟ้าใกล้มืด เดี๋ยวเธอหน้ามืดมาปล้ำฉันจะซวย”

“ลูกชิ้นปิ้งหน้าปากซอย พาไปทีดิ”

“จักรยานปั่นไปอีกหน่อยก็ถึง มาฝากรอยบากไว้บนลูกฉันอีก” เป็นไทโวยวาย

“ขอโทษ เดี๋ยวออกค่าทำสีใหม่ให้ ทีนี้แกไปกับฉันได้ยัง แกคิดเหรอว่าถ้าฉันมีตัวเลือกอื่น ฉันจะเลือกแกหรือไง”

ตัวเลือกสุดท้ายผลักศีรษะคนช่างเลือก ผลักแฮนด์จักรยานใส่ตัวเจ้าของทิ้งทวน สั่งมาเสียงห้วนก่อนลดกระจก

“เออ เดี๋ยวไอ้ตัวเลือกสุดท้ายจะขี่จักรยานพาไปกิน อย่าลืมจ่ายค่าพาไปเป็นค่าทำสีใหม่ด้วย ถึงฉันรวยแต่ก็งก”


ร้านลูกชิ้นปิ้งเป็นแบบรถเข็น ใช้เตาถ่าน ตั้งริมฟุตบาทถนน ไร้โต๊ะ ไร้เก้าอี้นั่ง ลูกสาวอาจารย์หมอ และลูกชายทายาทเจ้าของหมู่บ้านจึงต้องนั่งริมฟุตบาท ทานลูกชิ้นปิ้งที่ราดน้ำจิ้มใส่ถุงร้อน มีแตงหั่นจิ้มเข้าปากแก้เลี่ยน

“แกว่าฉันโง่ไหม” คู่กัดแต่เด็กถามเสียงห้วน หน้างอ “ฉันอาจเคยสอบตกบ้างในวิชานาฏศิลป์ แต่วิชาเลขฉันไม่เคยทำต่ำกว่าเก้าสิบคะแนน ภาษาฉันไม่ขี้เหร่ เรียนปริญญาโทที่เนเธอร์แลนด์ฉันก็ได้ทุนฟรีไป วิทยาศาสตร์ก็เรียนได้ ฉันโง่ตรงไหนแกบอกหน่อย”

“เรียนไม่โง่ แต่การใช้ชีวิตเธอโง่หรือเปล่า อาจจะไม่ทันคนที่ฉลาดกว่า” เป็นไทจิ้มลูกชิ้นหมูสีน้ำตาลเหลืองเข้าปากเคี้ยวตุ้ย

คนไม่อยากโง่ส่งเสียงขัดใจ “แกนี่มันเลวมาก”

“อะไรว้า นี่เธออยากได้คำชมหลอกลวงเหรอ ก็ได้นะ เธอมันนิสัยดีเลิศ นางฟ้ามาเกิด เวลาโกรธทีเหมือนเด็กเบบี๋ไม่ใช่ระเบิดปรมาณู ไม่ใช่คนเจ้าอารมณ์ ของขึ้นไม่ง่าย คนอื่นหายใจแรงไม่โกรธ...” เกินจะฟังต่อไปได้ พรนับพันยัดแตงกวาเข้าปากคนพูดมากหน้าตาบอกบุญไม่รับ

“คนแย่ๆ แบบนี้ก็ยังมีคนอยากจะแต่งงานด้วยนะ แต่งไว้หลอกซ้ำแล้วซ้ำเล่า แล้วต้องโง่มากๆ ด้วยถึงหลอกแต่งงานได้”

“อะไรนี่เล่นตัวเหรอ เขามาขอก็แต่งๆ ไปเถอะน่า เขาไม่หลอกหรอก เห็นออกจะรัก ตอนสระน้ำตอนนั้น...” คนพูดมากหุบปากฉับ ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ แต่ไม่ทันเสียแล้ว

“นี่แกแอบดูฉันเหรอไอ้แปบ!”

“สวัสดีครับคุณทิว” เป็นไทยกมือทักทายหน้าตายิ้มแย้ม แต่พรนับพันไม่เล่นด้วย จึงถูกบิดเอวจนร้องโอย

“แกอย่ามาหลอกฉัน ฉันไม่โง่แล้ว”

“หยุดรังแกเพื่อนเถอะคุณพราวด์”

น้ำเสียงทุ้มดังขึ้นข้างๆ ตัว พรนับพันหันขวับไปมองผู้ชายที่พยายามยิ้มประจบเอาใจ แต่คนโกรธไม่หายได้แต่สะบัดหน้าคอแทบเคล็ดหนี

“คนไม่ได้แกล้งก็ไม่เชื่อ”

“รีบๆ กินให้หมด” พรนับพันหยิบลูกชิ้นทั้งไม้ขึ้นรูดใส่ปากเป็นไทรวดเดียวหมดไม้ คนพูดมากจึงพูดไม่ได้ ต้องเคี้ยวอย่างเดียว

“คนเขาจะสวีทกัน มาขัดจังหวะอยู่เรื่อย” หญิงสาวเริ่มบ่น หน้าง้ำ เป็นไทตั้งท่าจะลุกหนี แต่โดนคว้ามือหมับ กลายเป็นกันชนบุบๆ อีกครั้ง “ไม่ใช่แก”

“ถ้าโกรธกันก็ลงที่คนนั้นสิครับ จะไปลากคนอื่นมาทำไม ผมก็นั่งอยู่นี่แล้ว”

พรนับพันปัดมือไล่ไปมาในอากาศ “ยุงแถวนี้เยอะจริง แปบย้ายที่เถอะ ยุงจะได้ตามไม่ได้ นี่แค่ฉันกับแกไปเข้าด้ายเข้าเข็มให้พ่อแม่ฉันเห็นนะ แกก็ได้แต่งงานกับฉันแล้ว แกสนใจไหม”

กันชนหน้าหยกทำหน้าเจื่อน พยายามแกะมือกาวของพรนับพัน พยายามสะบัดให้หลุด ยิ่งฟังคำกระแนะกระแหน ก็เข้าใจเรื่องราวได้ลางๆ ทะเลาะกันทีไรพรนับพันช่างคิดถึงเขาเหลือเกิน

คิดถึงแบบนี้ ขอเขาคิดถึงสาวสวยหมวยเอ็กซ์คนเดียวดีกว่า...

“เธอปล่อยฉันไปตามทางเถอะ หน้าอย่างเธอให้หน้าอย่างนั้นรับไปคนเดียวก็พอ” เป็นไทรีบปลดมือพรนับพันออก พร้อมใจช่วยป้าร้านลูกชิ้นปิ้งเข็นรถหลบมลภาวะไม่ปกตินี้ ปล่อยให้คนสองคนพูดคุยตามสะดวก

“นายแปบ! ทิ้งฉันอีกแล้วนะ”

“เออ ยอมทิ้ง ทิ้งให้คนข้างๆ เธอดูแลนั่นแหละ” เป็นไทหันกลับมาแลบลิ้นปลิ้นตาใส่ก่อนจะลาลับหายไปในหมู่บ้าน

เมื่อหนีไม่ได้คนทำมึนมานานต้องเปิดหน้ากากเสียที

“มีอะไรก็รีบๆ พูดมา พูดมาให้หมด ฉันจะได้กลับบ้าน”

“ผมจะยกเลิกงานแต่งตามที่คุณพราวด์ต้องการ ต่อให้พ่อแม่ของผม กับแม่ของคุณพราวด์จะต้องการให้มีก็ตาม”

“ด้วยวิธีไหนล่ะ” พรนับพันรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา ทีแรกโกรธที่เขามัดมือชก หลอกลวง แต่พอเขาจะตามที่เธอต้องการง่ายๆ ในใจกลับโหวงแปลกๆ

“อย่ารู้เลยครับ เพราะเดี๋ยวคุณพราวด์จะโกรธถ้าผมเปลี่ยนวิธีการที่จะทำ รอดูที่จุดหมายของมันก็พอ”

คนถูกย้อนเม้มปากแน่น ยังรู้สึกเจ็บแปลบจากการเอาหน้าจิ้มพื้นโลก แต่รอยเล็บที่อยู่บนเนื้อต้นแขนของทิวากรก็ยังมีรอยเลือดซิบอยู่

ทำไมเขาถึงชอบทำอะไรขัดใจเธออยู่เรื่อย พรนับพันสะบัดหน้าหนี ความกลัวเกาะกินใจ เธอกลัวไม่ได้แต่งงาน มากกว่าโกรธที่เขาหลอกเธอเสียอีก

ให้ตายสิ พรนับพันหลับตาลงเผลอคิดหนัก เธอมันเป็นประเภทไม่ยอมเสียหน้าเสียด้วย

“แค่นี้ใช่ไหม” กระแทกเสียงห้วน

“ผมอยากจะถามว่าคุณพราวด์ต้องการแบบนี้จริงๆ ใช่ไหมครับ”

ผู้ชายคนนี้หัดง้อ ขอแต่งงานดีๆ ไม่เป็นหรือไง คนปากหนักส่งเสียงรับในลำคอ ทั้งที่ฝืนใจแทบบ้า โดยไม่ทันหันมองว่าคนเฝ้ามองนั้นจะกลั้นยิ้มกับปฏิกิริยาลมแปรปรวน มองหน้าหงิก หน้างอ เดี๋ยวบึ้ง เดี๋ยวขมวดคิ้วคิด ไหนจะอาการเม้มปากแน่นเวลาขัดใจอะไรบางอย่าง

สำหรับคำตอบที่พูดมานั้น เขาไม่ฟัง เขาดูจากอาการทางกายของคนปากแข็งมากกว่า

ทิวากรเลื่อนหน้ามากระซิบส่งท้าย น้ำเสียงเป็นต่อ “อีกสองอาทิตย์จะมีงานของเรา ผมไม่มีวันปล่อยคุณไปจากชีวิตเด็ดขาด อยากดื้อ อยากพยศ ผมรอรับคุณทั้งชีวิต” ร่างสูงลุกขึ้นไปจูงจักรยาน อมยิ้มกับใบหน้าตาโตอ้าปากค้างเหมือนเด็กกำลังเจอเรื่องน่าตะลึงสักเรื่อง

“แต่ว่าคุณบอกว่า...”

“ทวนคำถามของผมให้ดีๆ สิครับ”

‘ผมจะยกเลิกงานแต่งตามที่คุณพราวด์ต้องการ ต่อให้พ่อแม่ของผม กับแม่ของคุณพราวด์จะต้องการให้มีก็ตาม’

หัวคิ้วขมวดมุ่น ยังไม่เข้าใจนัก ทิวากรยิ้มเอ็นดู ขณะที่ฉุดร่างสมส่วนให้นั่งลงที่เบาะหลัง ส่วนตัวเขาเริ่มปั่นจักรยาน ตอบปัญหาที่เจ้าตัวสงสัย

“ก็ยกเลิกงานแต่งงานที่จะมีอีกหนึ่งเดือนตามที่คุณพราวด์ต้องการ แล้วใช้ฤกษ์อีกสองอาทิตย์แต่ง ตามที่ผมต้องการแทน”

“คุณทิวคุณมันร้ายกาจ”

“มีแฟนร้ายกาจ ผมต้องร้ายกว่าสิครับ”

เจ้าของแววตาวิบวับหันมายักคิ้วใส่ ท่าทีขี้เล่นผ่อนคลาย และประโยคยาวกระซิบข้างหูตอนที่เขาบอกร่นเวลาแต่งงานทำให้หัวใจคนฟังยอมตั้งแต่ตอนนั้น พรนับพันกอดเอวคนปั่น ศีรษะพิงหลังทิวากรอย่างขี้อ้อน

“เมื่อกี๊ที่พูดกระซิบฟังไม่ทัน พูดใหม่ได้ไหม”

“คุณดื้อ คุณชอบพยศ”

คำตอบนั้นไม่ถูกใจ โดนฟาดฝ่ามือลงมาที่พุงมีกล้ามไปทีหนึ่ง พรนับพันทำเสียงอืมยาว ขณะที่ซบหน้ากับแผ่นหลังของทิวากรอย่างสบาย

“ให้โอกาสพูดอีกครั้ง ถ้าไม่ถูกใจฉัน ไม่แต่ง”

ทิวากรหัวเราะจนร่างกระเพื่อม พรนับพันมองค้อน บิดเอวที่มีแต่กล้ามเนื้ออย่างหมั่นเขี้ยว แต่กลับถูกทิวากรปล่อยมือจากแฮนด์จักรยานมากุมมือเธอไว้ มือหนาชื้นเหงื่อ มีความสากกว่ามือนุ่มของเธอ มีความเย็นของบางสิ่งที่เล็กสัมผัสได้ขณะที่เขาบีบมือเธอกระชับ ของเล็กสิ่งนั้นค่อยๆ ถูกดันผ่านนิ้วนางข้างซ้าย มาพร้อมๆ กับบางสิ่งที่เติมเต็มในหัวใจเช่นกัน

“อุตส่าห์ถือไว้ตั้งนาน มันอาจจะเปียกเหงื่อผมนิดหน่อย” พรนับพันเงียบ และรอฟังทุกประโยคอย่างตั้งใจ

“คุณพราวด์ คุณอยากตื่นนอนทุกเช้ามาเจอผม อยากโกรธ อยากโมโหเวลาที่คุณรู้สึกถูกหลอกไหม ผมจะง้อคุณ จะคอยหากลยุทธ์มาปราบคุณให้ได้ จะสร้างห้องให้เหมือนบ้านญี่ปุ่น เวลาคุณทำพังผมจะได้ซ่อมใหม่ง่ายๆ”

จักรยานปั่นเข้ามาในโรงจอด คนถูกขอแต่งงานขมวดคิ้วกับคำขอแปลกๆ แอบหวานของทิวากร แต่มีส่วนหนึ่งที่เธอติดใจ

“นี่ยังจะหลอกฉันอีกเหรอ ไม่เข็ดใช่ไหม”

ทิวากรลงจากจักรยาน ตั้งขาตั้งเรียบร้อย จับมือข้างซ้ายที่มีแหวนทองกลมเกลี้ยงอยู่บนนิ้วนาง แสร้งทำหน้าขรึมขณะชะโงกมาพูดใกล้ๆ

“ผมหลอกคุณอยู่ไม่รู้เหรอ”

“เรื่องแต่งงานนี่คุณ...” อารมณ์ในหัวกำลังจะพุ่ง คนขี้แกล้งรีบกระซิบคำตอบโดยพลัน

“ผมหลอกให้คุณรักสำเร็จ จะหลอกให้คุณรักผมไปอย่างนี้เรื่อยๆ วันไหนที่ผมหลอกคุณไม่สำเร็จ ผมจะ...”

“จะปล่อยฉันไปใช่ไหม” แววตาเศร้า ประหนึ่งวันนั้นมาถึง

ชายหนุ่มส่ายศีรษะช้าๆ ย้ำชัดๆ ทุกคำ “แค่วันนี้เรายังรักกัน วันข้างหน้าจะเป็นยังไงไม่สำคัญจริงไหม ถ้าวันที่ผมพูดไว้มาถึงจริง ผมก็แค่หาวิธีการมาหลอกคุณให้รักผมใหม่ รักผมไปเรื่อยๆ”

พรนับพันพยักหน้ารับ ยิ้มแก้มปริ แต่เมื่อเห็นประกายตาวิบวับถูกใจ รอยยิ้มก็เปลี่ยนเป็นกึ่งบึ้ง

“คุณมันคนขี้ตู่ ใครไปบอกรักคุณกัน ฉันไม่ได้พูดนะ ขี้ตู่จริงๆ”

คนเขินพูดเสียงดังกลบเกลื่อน ทำหน้ามึนเดินเข้าบ้านโดยไม่ยอมให้คำตอบ

“แต่งนะ”

คนเขินและยังปากหนักไม่พูด แต่ยกมือข้างซ้ายที่สวมแหวนสดๆ ร้อนๆ โบกไปมาแทนคำตอบ น่าเสียดาย ถ้าเธอไม่เขินจนหน้าแดงก่ำ หันไปสักนิดจะพบว่าพระเอกโอโม่จะทำท่าดีใจ อยากวิ่งกอดพรนับพัน แล้วอุ้มหมุนไปรอบๆ อย่างละครที่เขาเล่นจบไปไม่กี่สัปดาห์ก่อน ถ้าไม่ติดว่ามีคุณพ่อยืนเขี้ยวงอกขู่ฟ่อตรงหน้าประตู

“เมื่อบ่ายคุณทำลูกผมร้องไห้ไป ผมยังไม่ทันสะสางบัญชี”

“ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมมีเวลาให้คุณพ่อสะสางทั้งชีวิต”

“ใครพ่อคุณ ยังไม่แต่งอย่ามานับญาติ”

“อีกสองอาทิตย์นะครับ เดี๋ยวผมจะให้ที่บ้านมาเปลี่ยนวันใหม่ จะไวกว่านั้นก็ได้ ถ้าคุณพ่อยังไม่สะดวก”

คนที่รุกแบบไม่ถอยวิ่งหนีไปขึ้นรถสตาร์ทออกไปแทบไม่ทันเมื่อคุณหมอที่คิดว่าสุขุมจะหันไปคว้ากรรไกรตัดหญ้ามากางใบมีดออก ตัดฉับๆ ขึ้นขู่ หน้านิ่ง

นิสัยโหดไม่บันยะบันยังนี้ ทิวากรพอจะรู้แล้วว่าพรนับพันได้รับกรรมพันธุ์มาจากใคร

บทที่ 18

แหวนบนนิ้วถูกยกขึ้นล่อแสงอาทิตย์ยามเช้า ตัวเรือนทองสะท้อนรับแสงเข้าตา พรนับพันมองพลางยิ้มรับ เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าจากเดิมที่เคยเป็นคนเจ้าอารมณ์โมโหร้าย ในวันนี้เธอถูกเขาหลอกตั้งเท่าไหร่ เพียงแค่มีคำหวานมากล่อมอยู่ข้างหู มีมือของเขาบีบกระชับให้เธอเชื่อใจ อารมณ์ร้ายก็ถูกหลอมละลายจนเหลวเป็นขี้ผึ้งลนไฟ

ไม่ว่าคำพูดของเขาจะน่าเชื่อหรือไม่ แต่หัวใจของเธอก็ยอมกระโดดลงหลุมนั้น ก่อนสัญชาตญาณด้านร้ายๆ จะทำงาน ผู้ชายเฉยชาที่ชอบปล่อยเธอให้เคว้งคว้างอยู่หลายครั้ง ขอเพียงแค่เขาปรากฏตัว ความมั่นใจที่หายไปจะคืนมา

พรนับพันยิ้ม ใช่ เจ็ดวันแล้วที่แหวนวงนี้อยู่อย่างสงบ และเป็นเพื่อนใจแทนตัวบุคคลที่สวมให้

ภาพชายเลยวัยเกษียรยิ้มตาหยีอยู่ในรูปบนแผ่นหินอ่อน ดวงตาอ่อนโยนคู่นั้นทำให้เธอคิดถึง และต้องมาหาภายในเขตวัดใกล้บ้านแห่งนี้

หนึ่งอาทิตย์ที่เปิดตัวนิยายเล่มจบไป เธอเพิ่งมีโอกาสได้มาหาตา ทิวากรสร้างเรื่องวุ่นวายทิ้งไว้ให้เธอ เพราะงานแต่งงานที่ง่วนเวลาเข้ามาใกล้นั้น อะไรๆ ก็ทำให้เธอวุ่นไปหมด ทั้งเรื่องโรงแรม แขกเหรื่อ ชุด แต่จะว่าเหนื่อย เหนื่อยของเธออาจไม่เท่ากับทางผู้ใหญ่ทางด้านทิวากร เจ้าสัวกวีและคุณนายจรัสศรีเป็นแม่งานออกหน้ารับทุกอย่างเอง พรนับพันไม่เคยคิดฝันที่จะได้เห็นปฏิกิริยาอันแปลกตานี้จากทั้งสองท่านมาก่อน

เป็นพ่อของเธอเสียอีกที่เขม่นใส่ทิวากรทุกครั้งที่มีโอกาส กันเธอให้พ้นรัศมีที่ทิวากรเอื้อมถึง ออกแนวไม่ปลื้มอย่างเห็นได้ชัด พรนับพันเองก็อยากจะหาพรรคพวกเป็นทุนเดิม ทิวากรควรรู้ว่าไม่ควรโกหก และทำให้เธอเสียใจอีก ทุกอย่างมันเริ่มมาจากแผนหวังรวบรัดให้เธอยอมแต่งงานด้วยแท้ๆ

สมน้ำหน้า...

หนังสือเล่มหนาวางลงหน้าเจดีย์ที่มีอัฐิของคุณตาตะวันอยู่ พรนับพันยืนสงบ หวนรำลึกถึงบุคคลอันเป็นที่รัก หากวันนี้ตายังอยู่ ตาจะร่วมยินดีกับความสุขของเธอด้วยแน่ๆ หญิงสาวคิดอย่างมั่นใจ

“ตาคะ วันนี้หลานของตากำลังมีความสุขอย่างที่ตาต้องการแล้วนะคะ แล้วหลานของตาคนนี้ก็ทำความฝันให้ตาสำเร็จ” ตอนจบของนิยายถูกเปลี่ยน พรนับพันไม่อยากให้คนที่อ่านพบเพียงความว่างเปล่าจากนิยายเรื่องนี้ การค้นพบของตัวละครในตอนจบ คือผืนแผ่นดินเล็กๆ ที่เป็นจุดเริ่มต้นของความหวัง ความสุข และอิสรภาพ ไม่ใช่ความว่างเปล่าอย่างที่เธอวางไว้ในตอนแรก

การผจญภัยในโลกเกินจินตนาการสิ้นสุดเมื่อตัวละครหยุดไขว่คว้าหาในสิ่งที่คนอื่นพูด และเริ่มทำในสิ่งที่ตัวเองทำได้ให้ดีที่สุด

“ตาส่งเขามาให้พราวด์ใช่ไหม ในวันนั้นตากลัวว่าพราวด์จะงอแงกับการจากไปของตา ตาถึงส่งเขามาให้” จมูกเริ่มแดงยามนึกถึงวันที่เธอรู้สึกสูญเสียมากที่สุดในชีวิตเท่าที่เคยเสียอะไรไป วันนั้นเธอร้องไห้ในอ้อมกอดของทิวากร เขาไม่ต่างจากคนแปลกหน้า และเธอก็ลืมเลือนเขาไปในเวลาอันรวดเร็ว

สภาพจิตใจแบบนั้นคงไม่พร้อมจะจำใคร หรืออะไร แผลจากการเสียบุคคลที่รักยังเป็นแผลสดใหม่

“ตาชอบเขาไหม เขารังแกหลานตาตั้งหลายครั้ง ชอบทำให้พราวด์เสียใจ ชอบโกหก” คำตำหนิติเตียนคนห่างไกล กลับมีรอยยิ้มแต้มปากตลอดการพูด “เขาน่ะชอบหลอกพราวด์มากๆ ยังมีหน้ามาบอกว่าจะหลอกให้พราวด์รักไปเรื่อยๆ”

แม้จะพูดกับรูปบนแผ่นหินอ่อน แต่อารมณ์เขินก็แล่นริ้วจนแก้มสองข้างขึ้นสีชมพูจัด พรนับพันรู้สึกไม่ชินกับความรู้สึกนี้เท่าไหร่

“เขาไม่รู้หรอกค่ะตา ว่าไม่ต้องพยายามหลอกให้รัก พราวด์ก็รักเขาไปตั้งนานแล้ว”

ทิวากรหยุดยืนฟังอยู่ไม่ห่าง หลังจากตั้งใจจะมาหาพรนับพันก่อนจะไปสะสางเรื่องกับทองเอก หลังจากฝ่ายนั้นเอาแต่บิดพลิ้วและหนีหน้าเขามาตลอดอาทิตย์ ในที่สุดเขาก็รู้แล้วว่าทองเอกไปอยู่ที่ไหน วันนี้เขาจะยุติปัญหา ไม่ให้พรนับพันต้องเดือดร้อนเพราะเขาอีก

แต่ไม่คิดว่าการมาเงียบๆ จะทำให้เขาได้ฟังความในใจที่พรนับพันไม่เคยพูดต่อหน้าให้ฟัง คำว่ารักดังชัดมาตามสายลม หน้าหล่ออมยิ้ม นึกอยากจะเดินไปกอดคนรักไว้ ขอบคุณสำหรับความในใจ โทรศัพท์ที่ตั้งสั่นไว้ก็ฉุดความตั้งใจเขาเสียก่อน

ดาราหนุ่มหยิบมากดรับ หน้าตาจริงจัง “ครับสารวัตร ผมจะไปเดี๋ยวนี้”

ทิวากรหันมองพรนับพันด้วยความรักเต็มดวงตา และล้นอยู่ในอก ไม่ว่าต้องทำอะไร เขาจะไม่ปล่อยให้พรนับพันเป็นอันตราย แม้แต่การข่มขู่ ไม่ว่า ‘ใคร’ ที่คิดทำอีก เขาจะไม่ปล่อยไว้เด็ดขาด


วันนี้ทองเอกกลับมายังบ้านของพี่ชายตัวเอง...

ทิวากรจอดรถถัดจากบ้านพักของทองภูไปอีกสองหลัง ไม่อยากให้คนที่ซ่อนตัวจากเขาได้มีโอกาสหนีการสนทนาครั้งสำคัญ ทองภูไม่ได้โทรมารายงานเขา จริงๆ แล้วฝ่ายนั้นไปซื้อคอนโดอยู่ใกล้กับโรงพยาบาลที่นับพันพรอยู่ได้เกือบเดือนแล้ว ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าน้องชายกลับมาอาศัยที่บ้าน หากว่าสายของพันตำรวจตรีดนพจะไม่ได้แจ้งมา

นับตั้งแต่เรื่องทุกอย่างเงียบ เขากับพรนับพันเปิดใจคุยกันไป ตำรวจก็ลดความเข้มงวดลง นอกจากคอยสอดส่องอยู่ห่างๆ เพราะทางชวินก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ แต่ก็ยังวางใจไม่ได้จนกว่าจะพ้นงานแต่งงานไป

เรื่องที่เกิดกับทองภู แม้ฝ่ายนั้นจะเรียกว่ามารับเคราะห์แทน แต่ไม่มีใครวางใจได้ว่าจะไม่เกิดเรื่องร้ายแรงกว่านี้อีก แม้นั่นจะเป็นแค่การข่มขู่ แต่คือการข่มขู่ที่จะทำให้เกิดเรื่องไม่ดีต่อนับพันพร และสร้างผลกระทบทางจิตใจต่อพรนับพัน

บ้านสองชั้นในพื้นที่หนึ่งงานเงียบสงบ รถในโรงจอดไม่มีจอดอยู่สักคัน และม่านก็ปิดมิดชิดทุกบานหน้าต่าง ทิวากรหยุดยืนหน้าประตูบ้าน กดออดอยู่สองครั้ง และรอคอย

เขาเชื่อว่าทองเอกจะต้องออกมา

เสียงประตูบ้านข้างในเปิดออก สภาพหญิงแปลงเพศผอม หน้าหม่น ไม่เหลือร่องรอยอันมาดมั่นสร้างความสะท้อนใจแก่คนมองอย่างมาก ดวงตาที่ยังบวมช้ำเหมือนว่าทองเอกเพิ่งผ่านการร้องไห้มาไม่กี่นาทีก่อนหน้า

“พี่ทิวจะมาตอกย้ำอะไรอีก”

“คุยกันหน่อยได้ไหมจิว” ชายหนุ่มบอกด้วยเสียงมั่นคง ประกายตาบอกทุกอย่างได้ดีโดยที่ทองเอกไม่จำเป็นต้องฟังในสิ่งที่เขาจะบอก ก็รู้ดี รู้มาได้สักพักหนึ่งแล้ว

“จิวไม่พร้อม”

“พี่จะขอพูดครั้งนี้ครั้งเดียว และขอให้จิวยอมรับมัน พี่รักพราวด์ รักแค่คนเดียว” ทิวากรรีบพูดออกไปก่อนที่ร่างของทองเอกจะเดินไปถึงประตู “ต่อให้ไม่มีพราวด์ จิวก็น่าจะรู้ว่าพี่มองจิวไปมากกว่าน้องสาวไม่ได้”

ทองเอกหันกลับมาอีกครั้ง น้ำตานองหน้า “พี่ทิวรู้ไหมว่าจิวต้องทนมีดหมอมาเท่าไหร่ เอาตัวเองไปนอนบนเตียงไม่ต่างจากหมูที่โดนเชือด มันเจ็บไปถึงกระดูก แต่เพราะว่าจิวคิดว่าพี่ทิวจะต้องชอบจิวคนใหม่ แล้วจิวกลับมาเจออะไร กลับมาพบว่าพี่ทิวกำลังแต่งงานเหรอคะ”

คนแพ้สารภาพออกมาอย่างหมดเปลือก ความพยายามมาเท่าไหร่ไม่เคยฝ่าไปถึงจิตใจทิวากรได้เลย ไม่ว่าทำมาเท่าไหร่ก็ไร้ค่า

“พี่ขอโทษ ถ้าพี่เป็นสาเหตุให้จิวต้องเจ็บตัว ต้องเจ็บใจ แต่หัวใจของพี่มันเปลี่ยนไม่ได้ พี่อยากให้จิวปล่อยวาง อย่าได้ข่มขู่ทำร้ายกันอีก ที่ผ่านมาพี่ยังพอให้อภัยได้ในฐานะที่จิวเป็นเหมือนน้องสาวของพี่คนหนึ่ง แต่ถ้าจิวยังทำอีกครั้งเดียว แม้แต่น้องสาวพี่ก็ให้จิวเป็นไม่ได้ พี่คงจะเกลียดจิว”

คำว่าเกลียดจากปากคนที่ตัวเองรักตอกย้ำคล้ายมีใครเอาลิ่มไปตอกกลางใจให้เจ็บหนัก ไหล่บางไหวตามแรงสะอื้น ทองเอกเงยหน้ามองทั้งน้ำตา

“ถ้าจิวอยู่แล้วพี่ทิวไม่รัก จิวขอตายดีกว่า”

คนที่คิดว่าต้องเจอคนพูดโหดร้ายอยู่แล้ว ยกมีดเล่มเล็กที่เตรียมมาล่วงหน้าจากเอวด้านหลัง ชูให้ปลายมีดสะท้อนเงาวับกับแสงแดดยามเที่ยง ดวงตาเหม่อลอยขณะที่กดปลายแหลมไปบนข้อมือ ทีละนิด ทีละนิด ปล่อยให้โลหิตสีแดงไหลออกมานองพื้น

“จิว!”

ทิวากรร้องขึ้นอย่างตกใจตั้งแต่เห็นน้องชายของเพื่อนหยิบมีดออกมา ประตูบ้านที่ล็อกถูกไขกุญแจด้วยมืออันสั่นเทา โชคดีที่ทิวากรขอกุญแจมาจากทองภูก่อน และเพียงแค่ประตูรั้วบ้านเปิดออก ร่างอันซีดเซียว และผอมแห้งจากการไม่ค่อยทานอาหารเป็นลมล้มพับไปกลางอาทิตย์อันระอุ มีดปล่อยลงข้างตัว และบาดแผลลึกบริเวณข้อมือด้านซ้ายไม่มีทีท่าว่าเลือดจะหยุดไหลลงง่ายๆ เลย

ใบหน้าของว่าที่เจ้าบ่าวเครียดเขม็งขณะช้อนร้างของทองเอกไปยังรถของตน ความเคร่งเครียด กังวลประดังเข้ามา นี่คือสิ่งที่เขากลัว

“คุณทิว” ลูกน้องของสารวัตรที่ทำหน้าที่เป็นสายสืบ ไม่ได้สังกัดกับราชการคอยตามเรื่องนี้มาตลอดโผล่หน้าอันเหนื่อยหอบมา

“รถพยาบาลมาถึงแล้วครับ”

ทิวากรส่งเสียงแปลกใจ แต่เมื่อชะโงกหน้าเลยไป ทองภูก็เร่งรีบวิ่งมาช้อนร่างน้องชายออกไป โดยมีนับพันพรคอยอธิบายอยู่ไม่ห่างให้คลายใจ

“คุณทองภูรู้เรื่องที่คุณทิวจะมาคุยกับคุณจิวค่ะ คุณทองภูคิดว่าต่อให้คุณจิวจะไม่ถึงกับทำร้ายตัวเอง ก็ต้องพาไปโรงพยาบาล คุณทองภูบอกว่าสมัยที่คุณจิวอยู่ต่างประเทศ เธอชอบทำร้ายตัวเองบ่อยๆ” นับพันพรไม่มีเวลาอธิบายเพิ่ม ต้องไปประจำที่รถของโรงพยาบาลเพื่อทำการรักษาขั้นต้น

“คุณทองภูโทรมาถามพอดี ผมก็เลยบอกไป”

“ดีแล้วล่ะ ไม่อย่างนั้นผมอาจรู้สึกผิดมากกว่านี้” ทิวากรพรูลมหายใจอย่างอึดอัด ขมับสองข้างปวดตุบด้วยความเครียดจัด

ทุกอย่างมันไม่ได้ราบรื่นเหมือนอย่างที่คิดสักนิด


ทองภูได้แต่เงียบ ไม่รู้จะเริ่มบทสนทนาในครั้งนี้กับทิวากรอย่างไรดี แม้ทิวากรจะผิดที่เป็นสาเหตุทำให้น้องชายของเขามีสภาพอมทุกข์ และถึงกับคิดสั้น แต่นั่นก็เริ่มมาจากที่น้องของเขาไม่รู้จักหักห้ามใจ ไม่รู้จักยอมรับความจริง

หลายครั้งที่เขาทดสอบทิวากร ถึงกับยุในเรื่องคู่จิ้นระหว่างตนกับทิวากรก็หลายครั้ง ฝ่ายทิวากรไม่เคยเลยสักครั้งที่จะแสดงออกว่ามีรสนิยมด้านนี้ ถึงไม่เคยปฏิเสธอะไรกับแฟนคลับ แต่เขาก็ไม่เคยยอมรับ นอกจากยิ้มรับ บอกขอบคุณเหล่าแฟนคลับ กระทั่งพรนับพันเข้ามา ทิวากรจึงออกมาเปิดเผยอย่างจริงใจ ไม่กลัวสื่อแม้แต่น้อย

เขาเองยังยอมยกหัวใจให้กับนับพันพรไปด้วย ทั้งที่การเข้าหานับพันพรในครั้งแรกก็เพียงแค่สืบประวัติพรนับพัน ไม่คิดไม่ฝันว่าจะเป็นการยกหัวใจตัวเองไปโดยไม่รู้ตัว นับพันพรอ่อนหวาน จิตใจดี น่ารัก ต่างจากพรนับพันที่จะเจ้าอารมณ์ เอาแต่ใจ และไม่สนใครหน้าไหน

นึกๆ แล้วดาราหนุ่มก็นึกขัน สภาพผู้ชายใจเย็น ยิ้มง่ายอย่างทิวากรกลับเลือกผู้หญิงที่มีนิสัยตรงข้ามกับตัวเอง จริงๆ ต้องเรียกว่าพรนับพันมีนิสัยตรงข้ามกับคนส่วนใหญ่มากกว่า

คนที่รักน้องมาก ถึงได้รู้ว่าไม่มีทางเลยที่น้องจะสมหวัง “นายเลิกทำหน้าเครียดได้แล้วทิว น้องฉันปลอดภัยแล้ว”

“ฉันขอโทษ”

“ฉันขี้เกียจฟัง นายพูดทุกครั้งที่ฉันอ้าปากพูดแบบนี้ ฉันเองก็ควรขอโทษนายเหมือนกันที่ปล่อยให้จิวสร้างเรื่องกับนายไม่หยุดหย่อน”

“ช่างเถอะ มันผ่านมาแล้ว”

“ขอบใจที่ไม่เอาเรื่องน้องฉัน หวังว่ามันจะได้สติมากขึ้น ทำอะไรโง่ๆ ไม่รู้จักคิดแบบนี้ คิดว่าพ่อแม่จะดีใจหรือไง” ทองภูถอนหายใจ พลางส่ายหน้า “คนที่ผิดมันคือน้องฉัน ไม่ใช่นายหรอกทิว”

ทิวากรยังไม่คลายความกังวล ในอกยังหนักอึ้ง “อีกหกวัน ฉันไม่อยากให้งานล่ม” เขายกมือลูบหน้า บีบหว่างคิ้วที่ขมวดตึง

“ฉันจะดูจิวไม่ให้คลาดสายตา ไม่ว่าจิวจะทำอะไร ฉันจะห้ามเอง”

“ฉันอยากให้จิวเข้าใจ แล้วปล่อยฉัน แต่ไม่รู้ว่าต้องทำยังไง” ทิวากรพูดอย่างจนปัญญา

หัวใจของคนจะบอกให้รัก หรือเลิกรักมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆ


ความเงียบบนโต๊ะอาหารของว่าที่เจ้าสาวพานให้คนที่เหลือบนโต๊ะได้แต่เก็บปากเงียบและไม่ยอมสบตาวาววับเอาเรื่องของพรนับพันกันตรงๆ นับพันพรที่รู้ทุกเรื่องดีนั้น นำความจริงบอกกับพ่อแม่ว่าเพราะอะไรทิวากรจึงเบี้ยวนัดมื้อเย็นในวันนี้

แต่ก็เหมือนเดิมคือไม่มีใครกล้านำเรื่องนี้บอกกับพรนับพันสักคน ทุกคนต่างกลัวว่าบ้านจะแปรเปลี่ยนเป็นสนามรบ

“พราวด์อิ่มแล้ว”

“ต้มเครื่องในของโปรดพราวด์เลยนะ ไม่ทานอีกหน่อยลูก” คุณหมอพรนภาถามเสียงหลง

“ไม่ล่ะค่ะ ไว้ถ้าเหลือเข้าตู้ไว้ก็ได้ค่ะ เดี๋ยวพราวด์เอามาอุ่นทานเอง”

ร่างสมส่วนลุกขึ้นยืนและเดินออกไปจากโต๊ะอาหาร ในขณะที่จานข้าวของตนนั้นพร่องไปไม่ถึงครึ่ง พรนับพันรู้สึกทานอะไรไม่ลง เพียงแค่ใครบางคนกล้าผิดนัดไม่ยอมมา สมองด้านร้ายของเธอเผลอนึกไปต่างนานา อาทิว่าทิวากรจะเบื่อเธอหรือเปล่า

ทิวากรไม่รู้เลยสินะว่าเธออยากเจอเขาแค่ไหน พรนับพันนั่งโยกชิงช้าไปด้วยหัวใจอันไม่มั่นคง ถึงเธอจะรู้ทุกอย่างก็จริง แต่มันไม่ใช่ทั้งหมด

เสียงแตรรถแท็กซี่บีบอยู่หน้าบ้าน พรนับพันขมวดคิ้วมองอย่างสงสัย แต่เมื่อเห็นร่างสาวผมบ็อบ หน้าม้าเต่อ แขนพาดสูทไว้ มืออีกข้างลากกระเป๋า หน้าซึมกะทือก็เปล่งประกายจ้า พรนับพันรู้สึกตื้นตันใจที่วันนี้เธอได้พบหนึ่งดารา

“แกจะมาเปิดประตูได้หรือยังยะ จะยิ้มอย่างเดียวเหรอ” หนึ่งดาราพูดยิ้มๆ เพราะเพียงแค่ประตูบ้านเปิดกว้าง สองสาวก็วิ่งกอดกันหลังจากไม่ได้พบหน้ากันนานหลายเดือน

“มาทำไมไม่บอกล่วงหน้า จะให้ฉันตื่นเต้นที่เห็นเธอเหรอ”

“แต่รู้สึกว่าจะสำเร็จนะ” หนึ่งดารายักคิ้วยียวน “จะไม่ให้มาได้ยังไง ตำแหน่งเพื่อนเจ้าสาวถ้าฉันไม่ได้ แล้วแกจะให้ใครมาเป็น คิดสิคิด”

พรนับพันพยักหน้าเห็นด้วย ถึงเพื่อนตัวดีจะตั้งใจหลอกว่าจะไม่มา แต่วันนี้ขนาดคนที่บอกไม่มายังมาจากอีกฝั่งโลก ต่างจากคนที่รับปากอย่างมั่นเหมาะ กลับผิดนัดกันเฉยๆ

ยิ่งนึกเธอก็ยิ่งรู้สึกโกรธทิวากรมากขึ้น


หนึ่งดาราบอกกับเธอไว้ว่าจะมาอยู่กับเธอจนกว่าจะถึงงานแต่งงาน และอยู่ต่อได้อีกเพียงอาทิตย์เดียวหลังงานแต่งงานก็ต้องบินกลับไปเรียนต่อ พรนับพันอยู่คุยกับเพื่อนจนดึกและหลับไป กระทั่งเสียงโทรศัพท์บ้านดังขึ้นในความเงียบ ใครบางคนนอกห้องเป็นคนรับ ไม่นานเลยเสียงฝีเท้าวิ่งรัวเร็วก็หยุดที่หน้าห้อง

“พี่พราวด์บอกอพี่โทรมา รับโทรศัพท์ด้วยค่ะ” นับพันพรเปิดประตูเข้ามาบอก หน้าตาแตกตื่นเกินกว่าจะบอกความจริงออกไป

พรนับพันงัวเงียลืมตาขึ้นมอง เอื้อมมือออกไปรับโทรศัพท์บนหัวเตียง มือข้างหนึ่งยีหัวตัวเองจนผมยุ่งไม่เป็นทรง

“สวัสดีค่ะ มีปัญหาอะไรหรือเปล่า”

“เกิดเรื่องยุ่งแล้ว ผมสาบานได้ว่าไม่ใช่ผม”

น้ำเสียงร้อนรนจากบอกอทำให้พรนับพันเริ่มได้สติ เธอรู้สึกว่ามีเค้าลางบางอย่าง จะมีเรื่องอะไรได้อีก “บอกอบอกฉันให้รู้ชัดๆ ทีได้ไหมคะ”

“มีคนออกมาเปิดเผยว่าคุณคือตะวัน”

“คะ?”

“ถ้าแค่นั้นเราก็น่าจะพอแก้ไขอะไรได้ แต่เขาเปิดเผยอีกว่าคุณคือคนที่เขียนพ็อกเก็ตบุ๊คส์ดาราดังหลายๆ คน แม้แต่ซุปเปอร์สตาร์ก็ยังมาใช้บริการคุณ หนังสือที่เขาแสนภูมิใจ เป็นฝีมือของคุณ ตอนนี้ผมดับไฟลามทุ่งนี่ไม่ไหวจริงๆ”

“ปล่อยไว้อย่างนั้นแหละค่ะ ฉันจะไม่ตอบคำถามใครทั้งนั้น” พรนับพันตัดสินใจได้ “นอกจากเรื่องที่ฉันจะแต่งงานกับคุณทิว คนพวกนั้นเล่นงานชื่อเสียงฉัน ต้องการให้กระทบกับงานแต่งงาน”

“คุณบอกใครเรื่องอาชีพคุณหรือเปล่า”

มีแน่ๆ และเธอก็รู้สึกโง่ที่สุด หลายครั้งที่ได้พูดคุยกับน้ารุจี เธอไม่ทันระวังตัวว่าคนที่หวังร้ายจะคือลูกชายของน้ารุจี

“ถ้าฉันทำให้บอกอเดือดร้อน ฉันจะรับผิดชอบเป็นตัวเงินเอง”

“ไม่ต้องห่วง แฟนหนังสือของคุณเขาอ่านที่ผลงานไม่ใช่ตัวบุคคล คุณสบายใจได้”

พรนับพันวางสายพลางถอนหายใจเฮือกโต รู้แน่ว่าเธอยังคงถูกเล่นงานอย่างต่อเนื่อง และเวลาที่ผ่านมาก็ทำให้เธอตายใจไปเท่านั้น ความสงบสุขยังไม่ได้มาเยือนเธอจริงๆ


โทรศัพท์ของพรนับพันแสดงเบอร์ของทิวากรนับสิบครั้ง แต่เธอไม่ให้ความสนใจ ทันทีที่เธอรู้เรื่องจากฝั่งบรรณาธิการ ในที่สุดเธอก็ได้รู้ว่า ใคร ทำให้ทิวากรยกเลิกนัดของเธอ

“มีอะไรก็พูดมาเถอะค่ะ” พรนับพันตัดสายโทรศัพท์ของเขาทิ้ง และยืนเคาะโทรศัพท์กับหลังมืออีกข้างไปมา หลังพิงกับกำแพง สายตาเห็นประกายขอโทษจากดวงตาคมกล้าของทิวากร

“คุณมาที่นี่ได้ยังไง”

“ฉันควรถามมากกว่าว่าคุณโทรมามีอะไร ฉันรอฟังอยู่”

ทิวากรถอนหายใจเฮือกใหญ่ พยายามเอื้อมมือมาคว้ามือนุ่มไว้ แต่พรนับพันกลับเบี่ยงมือหนี “คุณพราวด์ ผมขอโทษ”

“ขอโทษเรื่องอะไร”

“คุณต้องมาเดือดร้อนเพราะผม”

หญิงสาวกำมือข้างซ้ายไว้แน่น สัมผัสเย็นเฉียบของแหวนทองกลมเกลี้ยงมีประกายเจ็บปวดส่งผ่านมาถึงหัวใจ ยิ่งกำแน่นเท่าไหร่ หัวใจยิ่งทุรนทุรายมากขึ้นเท่านั้น

“จะเลื่อนงานแต่งงานเหรอคะ”

“ผมไม่...”

“ถ้าเลื่อนก็ไม่ต้องแต่งอีก ฉันเกลียดผู้ชายอ่อนแอ ในเมื่อเราตกลงที่จะใช้ชีวิตด้วยกัน เวลาที่พบเจอเรื่องอะไร เราก็ต้องเผชิญด้วยกัน คุณอย่าโทษว่ามันเป็นความผิดของคุณคนเดียว”

น้ำเสียงเย็นชา และแววตาพร้อมจะทอดทิ้งของพรนับพันผสานความผิดหวังกระแทกใจคนมอง “ฉันจะเข้าไปคุยกับเขา”

“ผมให้คุณเข้าไปไม่ได้”

คนไม่เคยใจเย็นกำลังระงับอาการอยากฟาดหน้าคนที่มานั่งอยู่ในใจของเธอ พรนับพันรู้สึกโกรธ ผิดหวัง แต่ไม่กล้าทำร้ายทิวากร เธอกลัวเขาเจ็บ หรือแค่เขาเจ็บ เธอเองก็คงรู้สึกเจ็บไม่ต่างกัน

ทำไมทิวากรต้องมามีอิทธิพลกับความรู้สึกนึกคิดของเธอขนาดนี้...

“ฉันจะให้คุณเลือกระหว่างฉันกับเขา ถ้าคุณยังขวางทาง ฉันจะหายไปจากชีวิตคุณ ฉันจะได้เข้าใจว่าคุณอยากกันฉันออกไปจากทุกๆ ปัญหาของคุณ เลิกยุ่ง เลิกเกี่ยวข้องกัน”

การนิ่งเงียบของทิวากรยิ่งกว่าการตอบคำถามทั้งปวง พรนับพันรู้สึกเรี่ยวแรงในกายกำลังเหือดหาย เธอกับเขาสู้กันมาตั้งเท่าไหร่ มาในวันนี้มันจะจบลงที่ตรงนี้จริงๆ อย่างนั้นเหรอ

“ฉันรู้แล้ว”

“คุณไม่รู้” ทิวากรไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะรังเกียจมือของเขาที่คว้าจับข้อมือไว้แน่นแค่ไหน แต่เขาให้มันจบลงง่ายๆ ไม่ได้ “รอ รอไปก่อนได้ไหมคุณพราวด์”

“ไม่! ฉันรอมามากพอแล้ว พอกันที ฉันขอโทษที่เข้ามาวุ่นวายในชีวิตคุณ” น้ำเสียงเข้มเด็ดเดี่ยว

“เขาจะฆ่าตัวตาย”

พรนับพันหันขวับ ทิวากรบอกเสียงเบา แต่มันทำให้คนฟังยิ่งโกรธ พรนับพันสะบัดมือหลุดจากการเกาะกุม น้ำเสียงเกรี้ยวกราด

“คนขี้ขลาดแบบนั้นทำไมคุณต้องไปปกป้อง ถ้างานแต่งงานของเรากำลังเริ่มต้น แล้วเขาเข้ามาในงานเอาปืนจ่อหัวตัวเองเพื่อขอให้คุณอย่าแต่ง คุณจะปล่อยมือฉันไปใช่ไหม” พรนับพันแค่นเสียงหัวเราะ สายตาเต็มไปด้วยความผิดหวัง “พวกคุณมันก็แค่คนขี้ขลาด ถ้าปกป้องฉันไม่ได้ ก็อย่ามาทำเป็นห่วง”

หญิงสาวหันหลังกลับ มือข้างขวาดึงแหวนออกจากนิ้วนางแล้วหย่อนมันทิ้งลงถังขยะต่อหน้าคนมอง เธอทำแกร่ง เข้มแข็ง ทั้งที่หัวใจทั้งดวงคล้ายจะหยุดเต้น

ทิวากรเป็นคนใจดี เขามักใจอ่อน แต่เธอทนไม่ได้ หากเขาจะใจอ่อนให้กับคนที่จะมาทำให้เรื่องของเธอกับเขาแย่ลง

ในตอนนี้เธอก็แค่ต้องปล่อย...ปล่อยเขาไปจากชีวิต ก่อนที่ใจเธอจะถลำลึก

“พี่พราวด์”

นับพันพรวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาในสถานการณ์อันกระอักกระอ่วน “ใจเย็นๆ ก่อนสิพี่พราวด์ มีอะไรค่อยๆ พูดกัน อย่าใช้อารมณ์”

“อย่าขวางทางพี่ ถ้าเธอไม่อยู่ข้างพี่ก็เลิกพูดกันได้เลย” พรนับพันส่ายศีรษะ ความอัดอั้นทะลักออกมาคลออยู่ในดวงตาสองข้าง แต่เธออดทนไว้ไม่ยอมให้มันไหลออกมาให้คนมองรับรู้ว่าในใจเธอนั้นเจ็บเท่าใด “พี่ไม่มีอะไรจะพูดอีก”

คนเป็นพี่เดินต่อไป ไม่สนใจว่าน้องสาวจะพยายามยื้อเธอให้อยู่คุยกับทิวากรต่ออย่างไร คุณหมอหันกลับมาทางทิวากร ก็พบว่าฝ่ายนั้นเดินมายังถังขยะ หยิบแหวนทองที่วางแน่นิ่งบนฝาถังมากำไว้แน่น

“พี่พราวด์ใจเย็นกว่านี้ค่อยคุยกันใหม่ก็ได้นะคะ”

“คุณพราวด์เขาพูดถูกครับ ผมมันขี้ขลาดเอง”


...................................
จุดพลุค่า ตอนนี้เขียนเรื่องนี้จบแล้ว แต่ทำไมไม่อัพหว่า ฮา พอดีต้องมาอัพอีกเครื่อง ถือรวบยอดอัพครั้งนี้สองตอนเลย เพิ่งจบบทพิเศษไปเมื่อเช้านี้เอง ^^

คุณ yimyum นายแปบจะถูกทำร้ายจนถึงตอนพิเศษเลยล่ะค่ะ ฮา ไว้ให้พี่ทิวมาเรียกคะแนนตอนหลัง

คุณ konhin คู่นี้ยังมีเรื่องให้เคลียร์อีกค่ะ ทีนี้ถึงคราวพราวด์โกรธนานบ้างแล้ว

คุณ นักอ่านเหนียวหนึบ อาจจะบ่นว่าเรื่องนี้พระเอกมันทำไมเป็นแบบนี้ แต่ไปเรื่อยๆ อาจเปลี่ยนใจ อิอิ

คุณ Sukhumvit66 จบที่แต่งงานไงคะ ฮิ้ววว

คุณ ผักหวาน ยังให้ทิวได้น่าสงสารอีกค่ะ

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านค่า จะทยอยมาอัพให้จนกว่าจะจบ อีกประมาณสี่ตอน ^_^




ปวรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 9 เม.ย. 2557, 14:47:48 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 9 เม.ย. 2557, 14:49:09 น.

จำนวนการเข้าชม : 2335





<< บทที่ 16 : ความจริง   บทที่ 19 : หมดความอดทน >>
Sukhumvit66 9 เม.ย. 2557, 15:37:02 น.
สลับกันไปมาเนอะ เด๋วดีกัน เด๋วทะเลาะกัน


อัศวินนภา 9 เม.ย. 2557, 15:48:47 น.
อ่านเต็มอิ่ม แบบค้างๆ555


yimyum 9 เม.ย. 2557, 19:40:56 น.
ชอบนายแปบมากกก โดนยายพราวด์ยัดลูกชิ้น 5555


นักอ่านเหนียวหนึบ 9 เม.ย. 2557, 23:54:20 น.
ก็บอกแล้ววว ว่าให้เอาพระเอกไปเก็บ
เออ แต่ก็น่าคิดนะ
ถ้าเราจะแต่งงาน แล้วมีคนจะมาฆ่าตัวตาย ทำไงอ้ะ!!!!!!


konhin 10 เม.ย. 2557, 03:27:27 น.
คือแบบ ไม่ว่ายังไงเราก็ไม่เอาชีวิตไปผูกไว้กับคนอื่นป่ะ พราวถามได้ตรงจุดมาก ต้องปกป้องคนที่สำคัญที่สุดก่อนดิ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account