ไฟรักทรายเสน่หา
'ทะเลทรายมักแอบซ่อนความรักและมนตร์ขลังเอาไว้เสมอ' ‘เจน’ สาวน้อยลูกครึ่งไทย-อาหรับ รับรู้มาตลอดว่าตนเองเป็นชาวทะเลทราย ทว่าวันหนึ่ง ‘ไฟซารห์’ เจ้าชายหนุ่มรูปงามกลับเข้ามาทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนแปลง...หญิงสาวจะทำเช่นไรเมื่ออดีตถูกเปิดเผยและความรักก็เร่งเร้ารุนแรงจนเธอไม่อาจสั่งการหัวใจตนเองได้
Tags: ทะเลทราย ความรักหวานซึ้ง เข้มข้น

ตอน: 10

น้อง Siang จะว่าเป็นความรักคงยังไม่ใช่หรอกค่ะ น่าจะเป็นความประทับใจมากกว่า อาจเป็นเพราะเจนนาห์ไม่เหมือนเด็กผู้หญิงคนอื่นด้วยจ้า

น้อง แว่นใส ถามท่านน้าแน่นอนค่ะ แต่ถามใครๆ ก็ไม่ยอมบอกนี่สิคะ น่าข้องใจจริงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น ^^




ไฟรักทรายเสน่หา กำลังจะวางแผงแล้ว

ฉบับ จริงผ่านการรีไร้ทสนุกกว่าฉบับร่างที่นำมาลงแน่นอนนะคะแต่ไม่แน่ใจว่าจะทัน งานหนังสือหรือเปล่า ยังไงก็ฝากอุดหนุนกันด้วยนะคะ ได้ราคามาเมื่อไหร่จะเปิดจองหน้าเวปจ้า

ตอนที่ 10



ยาม บ่ายของวิหารร้างกลางทะเลทราย ริมหน้าต่างสี่เหลี่ยมผืนผ้ากว้าง วรองค์สูงสง่าแนบชิดกับร่างบาง ริมฝีปากแนบเรียวปากสีชมพูพร้อมพระหัตถ์แกร่งที่เกี่ยวกระหวัดไปทั่ว ร่างอย่างนุ่มนวล

“เทพธิดาของฉัน ฉันอยากทำให้เธอจำทุกอย่างได้”

เสียงทุ้มเปล่งผ่านเรียวปากสีชมพูอิ่ม และอะไรบางอย่างก็ทำเจนนาห์ดันอกแกร่งให้ออกห่างจากตนเอง ไม่อยากเชื่อเลยว่าเธอจะปล่อยตัวปล่อยใจไปกับเขาได้ขนาดนี้

“พอเถอะค่ะ”

“ทำไม” พระหัตถ์หนายังพันธการร่างบางเอาไว้จนเธอขยับหนีไม่ได้ ดวงหน้าหวานจึงก้มลงแม้มปากแดงก่ำเข้าหากันอย่างหาคำตอบไม่ได้เพราะแม้ว่า ทุกอย่างจะอยู่ในส่วนลึกของความทรงจำแต่ก็ยังมีบางอย่างที่ทำให้เธอรู้สึก ไม่แน่ใจ

“หม่อมฉัน...ไม่รู้เหมือนกัน...ตอนนี้...มีหลายอย่างที่หม่อมฉันยังไม่เข้าใจ”

ช่วง ที่ได้สูดลมหายใจอย่างเต็มที่ช่างเป็นเหมือนการได้เรียกสติตนเองกลับมา มือเรียวดันแผงอกกว้างและถอยตัวออกห่าง หัวใจเต้นไม่เป็นส่ำยิ่งกว่าตอนที่ได้รับฟังเรื่องในอดีตที่เขาเล่าให้ฟัง เสียอีก สิ่งที่พูดออกไปจึงไม่รู้ตัวว่าเป็นเรื่องจริงหรือข้ออ้าง และการถอยห่างของเธอก็ทำให้เจ้าชายหนุ่มจำต้องปลดปล่อยร่างงามออกจากอ้อมกอด ทั้งๆ ที่ดวงเนตรสีไพลินยังมองตามอย่างอาวรณ์

“...เธออาจจะต้องการเวลา แต่ฉันมั่นใจว่าทุกอย่างจะชัดเจนขึ้นในอีกไม่นาน...”

เจนนาห์ไม่ยอมตอบเธอใช้มือกอดแขนของตนเองเพราะอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสั่นๆ และเมื่อถอยไปถึงอีกด้านของหน้าต่างลมหายใจเบาๆ ก็ถูกผ่อนออกมา

“ไม่น่าเชื่อเลย เรื่องที่เกิดตอนเรายังเด็กถ้าไม่ได้คิดถึงหรือไม่มีใครพูดถึง มันก็กลับเลอะเลือนเหมือนความฝันไปได้ หม่อมฉันจำได้ว่าเวลามองเห็นเด็กๆ คนอื่นอ้อนแม่หรือเดินจูงมือกับแม่ หม่อมฉันจะรู้สึกอิจฉาและพยายามนึกว่าตัวเองเคยทำแบบนั้นกับแม่บ้างไหม แต่นึกไปนึกมา...ก็ดันจำได้แต่ตอนที่ตนเองฝันว่าอยู่กับแม่ พอนานๆ เข้าก็เลยชักงงว่าตัวเองฝันหรือมันเกิดขึ้นจริงๆ กันแน่”

“ความรู้สึกแบบนั้นไม่ได้หายไปไหนหรอกเจนนาห์ มันแค่ผ่านมานานมากแล้วก็ไม่มีใครรื้อฟื้นมันขึ้นเท่านั้นเอง” เจ้าชายไฟซารห์ตรัสพร้อมมองหญิงสาวที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม ดวงตาสีน้ำตาลจึงสว่างขึ้นวูบหนึ่ง

“แต่หม่อมฉันไม่เคยลืมความรู้สึกหนึ่ง...ความรู้สึกอบอุ่น ผูกพัน อบอุ่นอย่างประหลาดทุกๆ ครั้งที่คิดถึงท่าน” เจนนาห์นึกถึงหญิงที่ปรากฏตัวในความฝัน อยากจะเล่าให้เขาฟังแต่ก็ยังมีความรู้สึกลังเล สุดท้ายจึงได้แต่ถอนหายใจยาวๆ จนคนฟังไม่รู้ว่าโล่งอกหรือหนักใจกันแน่

“เหมือนเธอยังไม่แน่ใจอะไรบางอย่าง...หรือว่าเธอต้องการให้ฉันช่วยเตือนความจำอีกสักครั้ง” ราชนิกุลหนุ่มหยักมุมปาก แต่คนฟังรีบส่ายศีรษะยกมือห้าม

“ไม่ต้องเพคะ...หม่อมฉันคิดว่าตอนนี้เราควรกลับได้แล้ว กลับกันเถอะค่ะ มีตั้งหลายเรื่องที่หม่อมฉันอยากจะถามท่านพ่อ”

เอ่ยจบหญิงสาวก็ยืนตัวตรงและเดินออกจากวิหารร้างโดยเร็ว คนเดินตามหลังได้แต่ยิ้มอย่างเอ็นดู พระองค์ก็ไม่ต่างไปจากเจนนาห์ ถึงแม้ว่าอดีตบางอย่างจะเลือนรางแต่ความรู้สึกยามเจอเด็กผู้หญิงคนนั้นไม่เคยจางหายไปจากพระทัยเลย

“เดินเร็วจัง”

ทรงสัพยอกขำๆ เมื่อเห็นเจนนาห์ยืนอยู่ข้างรถทำให้หญิงสาวค้อนขวับอย่างเขินๆ เธอแน่ใจเหลือเกินว่าตัวเองกลายเป็นคนที่หย่อนความสามารถในการบังคับจิตใจและร่างกายยามอยู่ใกล้ๆ เขาเสียแล้ว

พอ เจ้าชายหนุ่มยกรีโมทปลดล๊อคประตูให้ ร่างบางระหงจึงรีบขึ้นไปนั่งทันทีและครุ่นคิดอะไรเงียบๆ ไปตลอดทาง ทุกสิ่งทุกอย่างดูคล้ายเลือนรางแต่บางครั้งก็ปรากฏชัดขึ้นในหัวสมอง ซึ่งคนขับรถก็ไม่รบกวนเธออีกเพราะตอนนี้แค่เขารู้ว่าเธอคือเด็กผู้หญิงซึ่ง ตนเองเคยผูกพันในวัยเด็กก็รู้สึกดีใจแล้ว

กว่าจะกลับมาถึงพระราชวังซาบัคก็เป็นเวลาใกล้ค่ำ คราวนี้เจ้าชายหนุ่มขับรถไปจอดตรงหน้าตำหนักและเรียกเพื่อให้คนที่นั่งเหม่อลอยอยู่รู้สึกตัว

“เจนนาห์”

“คะ...”

หญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ หันมามองคนขับเหมือนเพิ่งออกจากภวังค์ ดวงเนตรสีไพลินจึงมองใบหน้าหวานนิ่งๆ อยู่ครู่หนึ่ง ความรู้สึกที่ทั้งคู่รื้อฟื้นขึ้นมานั้นช่างช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์ ณ ปัจจุบันให้ยิ่งรุนแรงขึ้นทุกขณะ หากกระนั้นเจนนาห์ก็ยังรู้สึกถึงบางสิ่งบางอย่างที่ค้างคาอยู่ในใจ

“ฝ่าบาท...หม่อมฉันเข้าไปข้างในก่อนนะเพคะ”

“ฉันจะเข้าไปส่ง เพราะอย่างน้อยพี่สาวของเธอจะได้ไม่ว่าเอาว่าเธอออกไปกับคนที่ไม่รู้จัก” เจ้าชายหนุ่มตรัสก่อนก้าวลงจากรถทันที

ทั้งคู่เดินเข้าไปในตำหนักรับรองพร้อมกันและไม่ผิดจากสิ่งที่พระองค์คาดเดานักเนื่องจากยังไม่ทันเข้าประตูนีสรีนก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมๆ กับเสียง

“ทำไมเพิ่งกลับ พี่บอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าออกไปข้างนอกอีก รีบเข้ามาเถอะท่านพ่อรอเธออยู่นะ...” หญิงสาววัย 25 ชะงักเมื่อเห็นชายหนุ่มทีเดินตามเข้ามา

“คุณคือ...”

“เจ้าชายไฟซารห์ค่ะ” เจนนาห์บอกพี่สาวพร้อมถอนหายใจอย่างคนที่เตรียมตัวรับคำดุจากอีกฝ่าย เนื่องจากจำสิ่งที่ตนเองปฏิเสธเมื่อเช้าได้ แต่ผิดคาดเมื่อนีสรีนกลับยิ้มและย่อตัวก้มศีรษะลงทำความเคารพชายหนุ่มที่ยืนอยู่

“เป็นฝ่าบาทจริงๆ ด้วย มีหลายคนในวังนี้พูดถึงพระองค์ให้ฟัง”

“แล้วผิดหวังหรือเปล่า” เจ้าชายไฟซารห์เอ่ยยิ้มๆ รอยหยักมุมโอษฐ์นั้นทำให้เจนนาห์นึกขวางเขาอยู่รำไร แต่พี่สาวของเธอก็ยิ้มตอบอย่างไม่คิดอะไร

“ไม่เลยเพคะ เจ้าชายไฟซารห์ทรงรูปงามสมกับคำร่ำลือจริงๆ”

“พี่สาวของเธอตาถึงไม่ใช่เล่น” ราชนิกุลหนุ่มยิ้มยั่วเจนนาห์ซึ่งกำลังมองทั้งสองอยู่ด้วยอารมณ์กรุ่นๆ คนถูกมองจึงรีบเปลี่ยนเรื่องโดยการถามพี่สาว

“เมื่อกี้พี่บอกว่าท่านพ่อกำลังรออยู่งั้นเหรอคะ”

พอนีสรีนได้ฟังก็นึกขึ้นได้และรีบดึงมือน้องสาวไปที่ห้องโถงกลางทันที ก่อนจะไปถึงหญิงวัย 25 ก็เกริ่นไปพลางๆ

“เธอทำเรื่องวุ่นวายอีกแล้วรู้ไหม...ถ้าพ่อรู้ว่าเธออกไปกับพระอนุชาของเจ้าชายคาซาลต้องโกรธมากขึ้นแน่ๆ”

“เจนนาห์...”

จริงดั่งที่นีสรีนบอกเพราะท่านซารานเรียกขึ้นทันทีเมื่อก้าวเข้าห้องโถง ชายมีอายุชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นว่ามีอีกคนตามเข้ามา

“เจ้าชายไฟซารห์ค่ะท่านพ่อ เจนนาห์ออกไปกับเจ้าชายไฟซารห์...หลายครั้งแล้วอย่างที่บีดันบอก”

นีสรีนรายงาน เสียงของเธอเบาลงเมื่อต่อท้ายประโยค ความจริงแล้วเธอก็ไม่เกลียดชังเจนนาห์แต่บางครั้งก็คิดว่าหญิงสาวถูกตามใจจนเคยตัว จนแทบจะไม่เกรงกลัวใครทั้งนั้น เวลาเจนนาห์ทำอะไรผิดท่านพ่อก็มักจะเข้าข้างจนบางครั้งเธอเองก็น้อยใจ

“หลายครั้งงั้นเหรอ”

ท่าน ซานพึมพำพลางขมวดคิ้ว วันนี้เขาได้รับจดหมายยืนยันจากสุลต่านอัสตาฟาอีกครั้งจึงต้องการคุยกับทุก คนให้รู้เรื่องแต่พอเรียกประชุมกลับหาลูกสาวคนเล็กไม่เจอ ใจหนึ่งชายมีอายุก็คิดว่า ‘ดีเหมือนกันเราควรคุยกับคนของเราให้รู้เรื่องก่อนค่อยไปคุยกับเจนนาห์เป็นการส่วนตัว’ ทว่าระหว่างที่กำลังตกลงกันเสียงรถยนต์ก็จอดที่หน้าตำหนักพร้อมคนรับใช้เข้ามารายงานว่าเจนนาห์มาแล้ว

“ที่แท้คนที่มารับเจนนาห์ออกไปบ่อยๆ ก็คือฝ่าบาท แต่ถึงอย่างนั้นพระองค์ก็น่าจะบอกให้ผู้ใหญ่รับรู้บ้าง” เสียงเชิงตำหนินั้นทำให้เจนนาห์มองผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นบิดาก่อนออกรับแทน

“เป็นความผิดของเจนเองค่ะ เจนน่าจะบอกทุกคน”

เจ้า ชายหนุ่มขมวดคิ้วและมองท่านซารานพร้อมตรัสเรียบๆ “ฉันไม่ได้คิดว่าการออกไปกับเจนนาห์เป็นเรื่องเสียหาย อย่างน้อยเธอก็ออกไปกับพระโอรสของสุลต่านแห่งซาราเวียไม่ได้ออกไปกับผู้ชาย กะเรกะราดข้างถนนและคนอย่างฉันก็มีเกียรติเพียงพอที่จะรับผิดชอบทุกอย่างที่ เกิดขึ้นในทุกกรณี”

คำพูดจริงจังของอีกฝ่ายนั้นทำให้เจนนาห์อดไม่ได้ที่จะหันมามองพระพักตร์คม ความอุ่นวาบกระจายไปทั่วร่างเพราะคำตรัสของพระองค์นั้นก็เปรียบเสมือนการให้เกียรติเธอด้วยเช่นกัน

“เป็นความคิดของฝ่าบาทคนเดียว”

แต่ท่านซารานกลับบอกเสียงเข้ม คำพูดของชายมีอายุทำให้ดวงเนตรสีไพลินเข้มขึ้น ขนงขมวดจ้องอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจ

“ท่านหมายความว่ายังไง”

“เจนไปที่วิหารซอฟัรมาค่ะ...”

ความอึดอัดตรงหน้าทำให้เจนนาห์ตัดสินใจโพล่งขึ้นซึ่งถือว่าได้ผลเพราะผู้ชายทั้งสองคนหันกลับมาทันที รวมถึงทุกคนในห้องนั้นด้วย ชีคก้านาบีร่ายกมือทาบอกอย่างตกใจ ส่วนท่านซารานก็ขมวดคิ้วมุ่นไม่ต่างไปจากบีดันซึ่งยืนอยู่อีกด้านหนึ่ง

“ลูกรู้จักวิหารนั่นได้ยังไง หมายความว่าฝ่าบาทเป็นคนพาลูกสาวของกระหม่อมไปที่นั่นอย่างนั้นเหรอ” ชายมีอายุถามขึ้น เจนนาห์จึงตอบอีกฝ่ายด้วยคำถามซึ่งตนยังไม่เข้าใจเหมือนกัน

“เจนน่าจะถามพ่อมากกว่าว่าทำไมพ่อไม่เคยพูดเรื่องวิหารนั่นให้เจนฟังเลย” เมื่อได้ยินคำพูดและเห็นท่าทางของเจนนาห์ ท่านซารานก็ตวาดขึ้นทันที

“เงียบนะเจนนาห์! ชีคก้า บีดัน กลับที่ห้อง นีสรีนด้วยพาเจนนาห์กลับห้องไปเดี๋ยวนี้ รีฮานคุมอยู่ที่หน้าประตูอย่าให้ใครเข้ามา” พร้อมนั้นเขาก็หันไปหาเจ้าชายไฟซารห์พร้อมบอกเสียงต่ำ

“ฝ่าบาท กระหม่อมมีเรื่องจะคุยด้วย”

เจ้าชายไฟซารห์ยังยืนนิ่งอดไม่ได้ที่จะมองตามเจนนาห์ซึ่งถูกคนถึง 3 คนช่วยกันห้อมล้อมพาออกไปจากห้องซึ่งก็คือ บีดัน นีสรีน และมารดาเลี้ยง

“หาเรื่องใส่ตัวจริงๆ เลยนะเจนนาห์” บีดันพูดพลางใช้มือหนึ่งจับแก้มตนเอง อีกมือก็ดึงข้อมือสาวสวยด้วยอาการรุนแรงผิดปกติ “เธอนี่หมั่นทำให้ตัวเองสำคัญขึ้นจริงๆ รู้ไหมว่าพี่ซาราน...ที่ซอฟัร...”

“พอเถอะบีดัน!” ชีคก้านาบีร่าขัดขึ้นทันที พอถึงหน้าห้องของเจนนาห์พ้นไกลจากโถงรับรอง เธอก็ถอนหายใจอย่างกลัดกลุ้ม “เราควรแยกย้ายกันกลับห้องตามคำสั่งของท่านชีคได้แล้ว นีสรีนเองก็พาเจนนาห์เข้าไปในห้องเฝ้าดูอย่าให้ออกมาก่อเรื่องอีกล่ะ”

“ใช่สิ เธอไม่อยากพูดเรื่องวิหารนั่นหรอกใช่ไหม มันแทงใจดำคนตั้งหลายนี่นา” บีดันยังไม่เลิกบ่น “...แต่ใครจะรู้ดีเท่าฉัน...เรื่องวิหารซอฟัรน่ะ...”

“เธอด้วยนั่นแหละบีดัน! ยอมรับมาตามตรงสิว่ามันแทงใจเธอด้วยเหมือนกัน ” ชีคก้าขัดขึ้นอีกครั้ง เธอมองบีดันที่มีสีหน้าเจื่อนลงก่อนชี้มือไปทางห้องของอีกฝ่าย ”กลับห้องไปซะเถอะ”

“เชอะ! ฉันก็ไม่อยากยุ่งกับลูกนอกไส้ของเธอนักหรอก”

บีดันสะบัดเสียงใส่ชีคก้าแต่ท้ายประโยคก็อดไม่ได้ที่มองมาทางเจนนาห์อย่างเกลียดชังก่อนจะเดินหนีไป ในขณะที่ชีคก้าใช้มือนวดศีรษะตนเองอย่างปวดหัวและไล่ให้ลูกสาวกับลูกเลี้ยงกลับเข้าห้อง ซึ่งเมื่ออยู่กันเพียงสองคน นีสรีนก็พูดขึ้นทันที

“เธอโกหก! ออกไปกับเจ้าชายไฟซารห์แท้ๆ แต่จงใจบอกกับพี่ว่าไม่ใช่ ตกลงพี่จะเชื่อใจเธอสักคำได้ไหม เมื่อเช้าพี่เพิ่งสอนเธอเรื่องการออกไปไหนมาไหนตามอำเภอใจแต่เธอไม่เคยสนใจฟังคำพูดของพี่เลย เธอคิดว่าพี่ยังเป็นพี่สาวของเธอบ้างหรือเปล่าเจนนาห์”

“ไม่ใช่นะ” เจนนาห์อยากจะบ้าตาย แค่เรื่องที่เธอรู้ที่วิหารร้างก็รู้สึกหนักใจพออยู่แล้วจึงไม่คิดอยากจะฟังอะไรอีก “ฉันไม่ได้จงใจ เจนก็เพิ่งรู้ตอนที่พี่บอกเมื่อเช้านั่นแหละ”

“ไม่ต้องมาพูดหรอกเจนนาห์ ที่พี่โกรธก็เพราะเธอกล้าโกหกพี่ เธอไม่เคยเคารพใครเลยก็เพราะมีท่านพ่อคอยให้ท้าย น่าเจ็บใจที่ท่านพ่อก็เข้าข้างเธอเสมอด้วย...ทั้งเจ้าชายคาซาล เจ้าชายไฟซารห์ แล้วก็มี...อีกหน่อยเธอก็ยังจะได้เป็นคนที่ยอมเสียสละเพื่อดินแดนส่วนน้อยให้ชาวอัลคาซานอีก นี่เธอคงคิดว่าตัวเองสำคัญที่สุดแล้วสินะ” นีสรีนขมวดคิ้วตะโกนใส่น้องสาวด้วยอารมณ์พลุ่งพล่าน เมื่อเย็นหลังจากที่ท่านซารานกลับมาก็เรียกทุกคนประชุมและแจ้งว่าคนที่จะได้อภิเษกกับองค์รัชทายาทลำดับ 1 ก็คือเจนนาห์

‘ไม่ได้นะ’ บีดันโวยขึ้นทันที ‘เจ้าชายคาซาลไม่มีวันเลือกเด็กนั่นหรอก พระองค์ยังไม่เคยเจอกับเจนนาห์ด้วยซ้ำ’

‘ทรงเจอเจนนาห์แล้ว และรู้สึกถูกพระทัยในอัธยาศัยกับเธอมากด้วย’ ท่านซารานยืนยัน บีดันจึงร้องขึ้นอย่างโกรธเกรี้ยว

‘พี่โกหก พี่ไปโกหกพูดอะไรกับสุลต่านให้รับอีเด็กกำพร้านั่นใช่ไหม พี่เห็นขี้ดีกว่าไส้ของตัวเองใช่ไหม!’

เพี้ยะ! ท่านซารานตบหน้าน้องสาวฉาด ‘ปากดีเกินไปแล้วนะบีดัน เคารพการตัดสินใจของฉัน และท่านสุลต่านกับเจ้าชายคาซาลบ้าง ไม่ว่าจะเพราะอะไรตอนนี้พระองค์ก็เลือกเจนนาห์แล้วเข้าใจไหม’

นีสรีนนึกอย่างช้ำใจ ที่จริงเธอก็ไม่ได้อยากอภิเษกจนตัวสั่นหรือแอบหลงรักเจ้าชายคาซาลหรือตำแหน่งองค์รานีนั่นหรอก เพียงแต่ความรู้สึกที่มีตอนนี้ก็คือน้อยใจที่บิดามักจะเห็นเจนนาห์สำคัญกว่าตนเองเสมอ อย่างเช่นวันนี้ที่ท่านพ่อถึงกับตบหน้าน้องรักอย่างบีดันเพราะเห็นต่างกับเขาเรื่องเจนนาห์ นีสรีนกำลังน้อยใจจึงไม่ได้มองเห็นว่าบิดาเองก็ถูกกดดันโดยหลายๆ เรื่องเหมือนกัน หญิงสาวจึงมองอีกฝ่ายพร้อมกัดฟัน

“มันเป็นเรื่องจริงที่บีดันพูดว่ากำพืดอย่างเธอ...มันไว้ใจไม่ได้!”

“พี่นีสรีน!” เจนนาห์ขมวดคิ้วมองอีกฝ่าย ตอนนี้เธอเองหูอื้อและก็โกรธไม่แพ้กันแต่ไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะทะเลาะกับใครทั้งนั้น หญิงสาวจึงก้าวไปที่ประตูแล้วรีบเปิดออกไปจากห้องทันที

“เจนนาห์! กลับมานะ เจนนาห์! ดีล่ะไปเลย ไปเลย ผู้หญิงอย่างเธอมันเห็นแก่ตัว ไว้ใจไม่ได้ ขอให้ท่านพ่อเห็นความดื้อรั้นของเธอและจัดการเธอซะทีเถอะ”

นีสรีนตะโกนคร่ำครวญพร้อมร้องไห้ด้วยความเจ็บใจ ในขณะที่เจนนาห์รีบตรงไปยังห้องโถงซึ่งบิดาคุยอยู่กับเจ้าชายไฟซารห์และได้ยินเสียงดังๆ ของท่านซาราน

“กระหม่อมยืนยันว่าเจนนาห์เป็นลูกสาวของกระหม่อมกับจันทรา ภรรยาชาวไทย” ท่านซารานยืนยันกับเจ้าชายไฟซารห์ อีกฝ่ายจึงขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ

“ไม่จริง เจนนาห์เองก็จำเรื่องในอดีตเมื่อตอนที่เธออยู่ที่วิหารซอฟัรกับแม่ของเธอได้”

“เจน นาห์ก็แค่เอาเรื่องที่ฟังไปปะติปะต่อกัน ตอนเด็กๆ กระหม่อมเคยเล่าเรื่องวิหารนั่นให้เธอฟัง...เธอเคยฟังแล้วตอนเด็ก เธอเลยเอามาปะติดปะต่อกัน” ท่านซารานพูดเสียงเข้มและไม่มองหน้าอีกฝ่าย “กระหม่อมหวังว่าฝ่าบาทจะไม่พูดถึงเรื่องนี้อีกและหวังว่าฝ่าบาทจะไม่นำ เรื่องเพ้อเจ้อนี่ไปทูลพระมารดาของพระองค์ ทรงจำได้ใช่ไหมว่ารานีฟารินาห์เกลียดวิหารนั่นขนาดไหน”

เจนนาห์เอาหูแนบผนังเพื่อฟังทั้งคู่คุยกัน เมื่อถึงตอนนี้เธออยากออกไปยืนยันกับบิดาว่าทั้งหมดที่ตนเองจำได้มันอยู่ในหัวของเธอ เธอไม่ได้เพ้อเจ้อเอาเรื่องต่างๆ มาปนกัน พร้อมความคิดนั้นหญิงสาวก็ปรากฏตัวขึ้นทันที

“ท่านพ่อคะ เจนไม่ได้...”

“เจนนาห์” เจ้าชายไฟซารห์เรียกขึ้นในขณะที่รีฮานขยับมาขวาร่างระหงไว้

“ถอยไปรีฮาน” หญิงสาวแค่นเสียงมองชายฉกรรจ์ผิวคล้ำซึ่งขวางอยู่ แต่รีฮานก็ส่ายศีรษะทำให้เจนนาห์โมโหนัก เธอทำท่าจะก้าวเข้าไปในห้องนั้นอีก รีฮานจึงคว้าแขนหญิงสาวดึงออกไปตรงนั้นทันที

“เจนนาห์” เจ้าชายไฟซารห์ลุกขึ้นทำท่าจะเดินตาม แต่ท่านซารานก็ขยับเข้ามาขวางพร้อมห้ามด้วยเสียงเครียดๆ

“เป็นเรื่องในครอบครัวของเรา หวังว่าฝ่าบาทจะไม่ก้าวก่าย” คำพูดขัดขวางเช่นนั้นทำให้ราชนิกุลหนุ่มได้แต่มองตามไปอย่างอึดอัดใจ



“รีฮาน!” เจนนาห์ร้องลั่นเมื่อถูกดึงออกมาไกลจนถึงทางด้านหลังตำหนัก เพิ่งตระหนักเดี๋ยวนี้เองว่ารีฮานแกล้งแพ้เธอมาตลอดเพราะเวลาเขาเอาจริงเธอสู้แรงอีกฝ่ายไม่ได้เลย

“ดึงเจนออกมาทำไม เจนอยากคุยกับพ่อให้รู้เรื่อง”

“คุณหนูไม่ควรเข้าไป”

“ทำไม ก็ในเมื่อที่พ่อพูดมันไม่ถูก ฉันไม่ได้เอาอะไรมาปะติดปะต่อกัน ทุกอย่างมันอยู่ในนี้” เจนนาห์ชี้ที่ศีรษะของตัว “มันอยู่ในหัว เจนจำวิหารนั่นได้ เจนรู้สึกคุ้นเคยกับเจ้าชายไฟซารห์ เจนฝันถึงวิหารนั่น เสียงของแม่...”

“คุณหนู...”

“รู้ไหมรีฮานตั้งแต่เด็กมาแล้ว เจนอยากมีแม่...เจนอยากมีแม่กับเขาบ้าง” เจนนาห์ดึงแขนเสื้อของชายฉกรรจ์หลายครั้ง “เจนอยากให้ท่านกอด มันเป็นสิ่งเดียวที่เจนยังจำได้ อ้อมกอดของแม่มันอบอุ่น รอยยิ้มของท่านมีทั้งความเมตตาปราณี ความห่วงใย ไม่เคยมีใครมองเจนแบบนั้นเลย แล้วทำไมฉันถึงจะไม่มีสิทธิ์รู้จักแม่จริงๆ ของฉัน ทำไม!”

รีฮานได้แต่มองเจนนาห์อย่างเห็นใจ บางสิ่งบางอย่างเขาก็รู้มาโดยตลอด แต่บางสิ่งบางอย่างก็โหดร้ายจนเขาคิดว่าเจนนาห์ไม่สมควรจะรับรู้มัน

“อย่าเข้าไปในห้องนั้นเลยครับ ถ้าท่านซารานพร้อมท่านจะเล่าทุกอย่างให้คุณหนูฟังเอง ถ้าตอนนี้คุณหนูอยากจะอยู่คนเดียว ผมจะรออยู่ข้างหลัง”

ชายหนุ่มพูดเรียบๆ ก่อนถอยห่างจากหญิงสาว แม้จะไกลเกินช่วงตัวทว่าไม่ไกลเกินที่จะสามารถจับตาดูเธอได้ ซึ่งเจนนาห์เองก็รู้ดีว่ารีฮานจะไม่ยอมให้เธอคลาดสายตาแน่ๆ และเธอก็รู้อีกว่ารีฮานไม่มีวันพูดในสิ่งที่พ่อของสั่งห้าม ด้วยเหตุนี้หญิงสาวจึงไม่ถามสิ่งที่ตนอยากรู้ เธอเดินออกมาเรื่อยๆ ตามทางและทรุดตัวนั่งตรงซุ้มเหล็กดัดสีขาว ดวงตาคลอด้วยน้ำหยาดใสๆ จนสักพักใหญ่ๆ ดวงตาสีน้ำตาลก็มองเห็นรถของเจ้าชายไฟซารห์แล่นห่างไปจากตำหนักรับรอง ร่างบางระหงจึงลุกขึ้นและมองตามรถคันนั้นไปจนลับตา

คืนนั้นเจนนาห์ไม่ยอมคุยกับใครทั้งสิ้น เธอขังตัวเองอยู่ในห้อง และหยิบกระดาษขึ้นมาขีดๆ เขียนเป็นรูปมารดาที่เคยเห็นในความฝัน

“แม่คะ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ตอนนี้เจนงงไปหมดแล้ว ทำไมพ่อซารานถึงได้พูดกับเจ้าชายแบบนั้น เจนไม่รู้ว่าควรเชื่อความทรงจำของตัวเองหรือว่าควรเชื่อในสิ่งที่ทุกคนต้องการให้เจนเชื่อกันแน่...แม่บอกเจนทีได้ไหม มันเป็นความทรงจำหรือความฝันกันแน่คะ”

หญิงสาววางภาพของมารดาที่ตนเองร่างไว้ข้างๆ ก่อนปิดเปลือกตาลงและผล็อยหลับไปในลักษณะนั้นนั่นเอง กระทั่งเสียงเรียกหนึ่งดังขึ้น

“เจนนาห์...”

ร่างเพรียวลุกขึ้นอย่างรู้สึกรวดร้าวในหัวสมอง เธอมองไปรอบๆ ห้องและเห็นมารดายืนถือสมุดโน๊ตของเธออยู่ข้างกระจกหน้าต่าง

“แม่...แม่คะ”

หญิงสาวรู้สึกดีใจยิ่งนัก ในยามที่สับสนเช่นนี้ เธออยากมีใครสักคนที่พร้อมจะเข้าใจและบอกทุกอย่างกับตนเองโดยไม่ปิดบัง

“เจนนาห์...อารียา”

“หนูชื่ออารียาใช่ไหมคะแม่ หนูจำได้ หนูจำเสียงที่แม่เคยเรียกหนูได้ รียาอย่าซนสิ รียาอย่าไปทางนั้น รียาทานข้าวเยอะๆ หนูไม่ได้ฝันใช่ไหมคะ ทุกอย่างคือความทรงจำเกี่ยวกับแม่ที่หนูเกือบจะลืมมันไปแล้ว เรื่องพวกนี้หนูลืมไปได้ยังไง หนูเป็นลูกที่แย่มากใช่ไหม แม่คะ แม่อย่าโกรธหนูนะ” เจนนาห์พูดพร้อมน้ำตาที่ไหลพรากอย่างอัดอั้นเธอกอดขามารดาไว้แน่น “แม่จ๋า แม่อย่าไปไหนอีกนะ แม่อยู่กับหนูนะคะ อยู่ข้างๆ หนู หนูไม่อยากลืมแม่ หนูไม่อยากลืมความรู้สึกแบบนี้”
“แม่จะอยู่กับหนูจ๊ะ หลับตาสิลูก นอนซะนะ”

มารดาใช้มือลูบศีรษะลูกสาวอย่างอ่อนโยนพร้อมย่อตัวลงนั่งพับเพียบก่อนที่จะเปล่งเสียงเห่กล่อมเพลงภาษาไทย ‘จันทร์เจ้าขา แม่ขอถามข่าว พระจันทร์โศกเศร้า แม่เจ้าเป็นทุกข์ พระจันทร์เป็นสุข แม่สบายใจ พระจันทร์เดือนหงาย พาเจ้าเที่ยวเล่น เดือนมืดไม่เห็นขอเจ้านอนเอย’

“แม่จ๋า...” เจนนาห์ครางเบาๆ ศีรษะทุยหนุนตักมารดา หลับตาลงทั้งๆ ที่ยังกอดท่านอยู่ ความรู้สึกในตอนนั้นคือความอบอุ่น ความรักละมุน สายใยระหว่างสายเลือดที่ไม่สามารถหาที่ไหนได้อีก เปลือกของหญิงสาวจึงค่อยๆ ปิดลงจนจวนจะหลับแต่จู่ๆ ก็เหมือนมีคนกระชากตัวหญิงสาวขึ้นพร้อมกับเสียงกรีดร้องอื้ออึง ‘กรี๊ด!’ พร้อมกันนั้นเลือดแดงๆ ก็สาดกระเซ็นเต็มหน้าตาพร้อมกับกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง พลันร่างของมารดาก็หายวับ!

“แม่!”

เจนนาห์ร้องลั่นดวงตาเบิกโพลงและพบกว่าตนเองนอนอยู่บนเตียงสีขาว ข้างๆ มีรูปของมารดาวางอยู่ คราวนี้หญิงสาวรู้สึกว่าทุกอย่างยิ่งเหมือนจริงมากกว่าเดิม หัวใจของเธอเต้นดัง รู้สึกหวาดกลัวผสมกับความหวาดระแวง สองมือกำผ้าปูที่นอนแน่นและสั่นเทาไปทั้งร่าง



*********************************************************





แพรพริมา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 30 มี.ค. 2557, 14:05:06 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 30 มี.ค. 2557, 14:25:53 น.

จำนวนการเข้าชม : 1258





<< 9   11 >>
แว่นใส 30 มี.ค. 2557, 19:00:26 น.
เกิดอะไรขึ้นนะ อยากรู้จริง


Siang 30 มี.ค. 2557, 20:20:45 น.
เกิดอะไรขึ้นกันแน่นะ


Zephyr 2 เม.ย. 2557, 10:05:52 น.
แม่นารีโดนปาดเหรอคะ
โหดจริงเลยยยยย
อยากรู้ควาทจริงแล้วว


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account