ไฟรักทรายเสน่หา
'ทะเลทรายมักแอบซ่อนความรักและมนตร์ขลังเอาไว้เสมอ' ‘เจน’ สาวน้อยลูกครึ่งไทย-อาหรับ รับรู้มาตลอดว่าตนเองเป็นชาวทะเลทราย ทว่าวันหนึ่ง ‘ไฟซารห์’ เจ้าชายหนุ่มรูปงามกลับเข้ามาทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนแปลง...หญิงสาวจะทำเช่นไรเมื่ออดีตถูกเปิดเผยและความรักก็เร่งเร้ารุนแรงจนเธอไม่อาจสั่งการหัวใจตนเองได้
Tags: ทะเลทราย ความรักหวานซึ้ง เข้มข้น

ตอน: 11

ขอโทษนะคะที่มาลงช้า เพราะว่ามัวแต่รีไร้ทครั้งสุดท้ายก่อนพิมพ์เล่ม และจัดการอีบุ๊คที่คั่งค้างมานานแล้ว อีกอย่างก็คือ ตอนท่ี่ 11-13 จะครบ 60เปอร์เซ็นต์ตามที่บอกไว้ตอนแรก จึงรอลงพร้อมพร้อมหนังสือทางหน้าเวปเลยทีเดียว ติดตาม "ไฟรักทรายเสน่หา" กันได้นะคะที่นี่เลยค่ะ

http://www.greenmindbook.com/product-%E0%B9%84%E0%B8%9F%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%99%E0%B9%88%E0%B8%AB%E0%B8%B2-356540-1.html

หรือว่าจะจองผ่านเฟสบุ๊คตอนนี้ในราคาพิเศษด้วย

https://www.facebook.com/photo.php?fbid=659922994056278&set=a.103087873073129.1858.100001157496841&type=1&theater

ตอนที่ 11



ที่ตำหนักหลวงส่วนของฝ่ายใน องค์รานีฟารินาห์ยืนอยู่ที่ริมหน้าต่างในห้องรับรองส่วนพระองค์ เรือนกายผอมนั้นทรงสง่าใบหน้าเชิดขึ้นและมองไปทางตำหนักรับรองขณะที่อาลีซ่ากำลังรายงาน

“นางกำนัลบอกว่าเห็นเจ้าชายไฟซารห์กับเจ้าชายคาซาลไปที่นั่นบ่อยๆ เพคะ”

“คาซาลก็คงไปดูตัวเจ้าสาวของเขาละมัง พวกอัลคาซานก็แปลก มีการเสนอด้วยว่าจะให้รัชทายาทเป็นผู้เลือกระหว่างลูกสาว 2 คน ทำแบบนี้ก็คงอยากให้พระโอรสรู้สึกว่าได้เลือกเองมากกว่าถูกคลุมถุงชน ถือว่าท่านซารานฉลาดมาก” รานีฟารินาห์เป็นลูกสาวของรัฐมนตรีกลาโหมในอดีตรวมทั้งเป็นน้องสาวของ รัฐมนตรีกลาโหมในปัจจุบันและเป็นภรรยาคนเดียวที่อยู่เคียงคู่สุลต่านอัสตาฟา มาตั้งแต่สมัยที่พระองค์ยังไม่ได้ขึ้นเป็นประมุขของซาราเวีย ทำให้ผู้เป็นพระสวามีเกรงใจและให้เกียรติเธอเป็นอย่างมาก

“เอ่อ...แล้วทรงทราบหรือยังคะว่าเจ้าชายคาซาลทรงเลือกคนน้อง”

อาลีซ่าถามเสียงเบา องค์รานีจึงพยักพระพักตร์ ถึงจะทรงไม่พอใจเพราะไม่ชอบชาวอัลคาซานแต่ก็ไม่อาจปฏิเสธคำตรัสของพระโอรสได้

‘หม่อมฉัน ก็ไม่ได้พิศสมัยพวกนั้นนักหรอก แต่เสด็จแม่ต้องเก็บเรื่องส่วนพระองค์ไว้ในใจก่อน จริงอยู่ว่าเราอาจจะส่งคนไปคุกคามหรือประกาศสงครามกับอัลคาซานเพื่อเข้าไปหา แหล่งน้ำมันในทะเลทรายก็ได้ แต่ถ้าทำแบบนั้นเราก็จะเสียทั้งงบประมาณทั้งกำลังคนไหนจะต้องสำรวจแหล่ง น้ำมันอีก แล้วจะทำไปเพื่ออะไรในเมื่อพวกอัลคาซานรู้ทุกซอกมุมของทะเลทรายคานัคดีที่ สุด และการอภิเษกก็ไม่ได้ทำให้เราเสียเปรียบสักนิดเดียว’

“รู้แล้วจะไปทำอะไรได้” ทรงตอบคนโปรดด้วยเสียงสะบัด อาลีซ่าเลยรีบทูล

“แต่มีคนเห็นว่าลูกสาวท่านซารานคนน้องเคยไปไหนมาไหนกับเจ้าชายไฟซารห์นะเพคะ ไปกับคนน้องแต่จะมาเป็นชายาคนพี่ไม่เหมาะละมังเพคะ”

“งั้นทำยังไงล่ะอาลีซ่า จะให้ฉันไปบอกเจ้าชายคาซาลว่าให้เปลี่ยนมาเลือกคนพี่งั้นเหรอ นั่นมันไม่ใช่ประเด็นใช่ไหมเพราะยังไงๆ เธอก็ทำใจรับไม่ได้อยู่ดี”

รานีฟารินาห์ไม่อยากรับฟังและอยากให้ทุกอย่างลุล่วงพ้นๆ ไปเสีย แต่กระนั้นคำพูดของอาลีซ่าก็ทำให้พระองค์อดไม่ได้ที่จะคิดถึงคราวที่พระโอรสมาคาดคั้นถามความเป็นจริงของเรื่องเมื่อ 19 ปีที่แล้ว พระพักตร์คมดูเครียดขึงเต็มไปด้วยความรวดร้าวหากก็เปลี่ยนกลับมาเป็นเรียบเฉยได้อย่างรวดเร็ว

“พอๆ เลิกพูดเถอะ หัดทำใจซะบ้างเถอะอาลีซ่าแค่นี้ฉันก็ปวดหัวจะแย่อยู่แล้ว”

“หม่อมฉัน...” อาลีซ่าครางในลำคอ แล้วเธอจะทำใจได้ยังไงในเมื่อทรงให้ความหวังมาตลอดว่าเธอจะได้เป็นชายาคนแรกและมีสิทธิ์ในตำแหน่งรานีคนต่อไป เธอมองทั้งกายมอบทั้งใจให้สองคนแม่ลูกนี่แต่กลับได้รับผลตอบแทนแค่คำพูดปลอบใจเช่นนั้นหรือ หญิงสาวกัดฟันพยายามข่มความน้อยใจไว้ก่อนจะอ้าง

“ไม่ใช่แบบนั้นหรอกเพคะ หม่อมฉันน่ะไม่อยากทำให้ทรงปวดหัวเพิ่มอยู่แล้ว แต่...แค่คิดว่าองค์รานีอาจจะไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ เพราะทรงไม่เคยเสด็จตำหนักรับรองเลย”

“หึ! ก็ฉันชังน้ำหน้าพวกนั้นมาแต่ไหนแต่ไรแล้วน่ะสิ ยิ่งมานำเสนอลูกสาวของตัวเองแบบนี้ก็ยิ่งนึกโกรธ เรื่องทำป่วนปั่นน่ะพวกนั้นถนัดนัก”

“แล้วองค์รานีจะปล่อยไปแบบนี้หรือเพคะ” อาลีซ่าทูลถามอีกครั้งหวังว่าอีกฝ่ายจะช่วยอะไรเธอบ้างแต่รานีฟารินาห์ได้แต่ถอนพระปัสสาสะ

“อย่าทำเสียงแบบนั้นเลยอาลีซ่า ถ้านี่เป็นความคิดของฝ่าบาทคนเดียว ฉันคงค้านหัวชนฝาไปแล้วล่ะ แต่เธอก็เห็นว่าคาซาลอยากจะได้ดินแดนทะเลทรายนั่นมาก แล้วถ้าฉันขวางก็ไม่กลายเป็นคนถ่วงความเจริญของซาราเวียหรือไงกัน ใจเย็นเถอะ ถึงแม้คาซาลจะอภิเษกกับลูกสาวของท่านซารานแต่เขาก็มีสิทธิ์อภิเษกได้อีกตั้ง 3 ครั้ง ยังไงเธอก็ต้องได้เป็น 1 ในนั้นแน่นอน คนเป็นรานีอย่างฉันทำอะไรก็ต้องคิดให้ละเอียดถี่ถ้วนเหมือนกันนะ รอให้คาซาลสำรวจน้ำมันในทะเลทรายให้เรียบร้อยก่อนเถอะ”

“....” อาลีซ่าฟังแบบไม่ปะติดปะต่อนักเพราะแม้ภายนอกจะดูสงบเสงี่ยมเรียบร้อยทว่าในใจกลับกำลังร้อนรุ่มทุ่มเถียงอย่างโมโห ‘แต่หม่อมฉันอยากเป็นชายาองค์แรกของเจ้าชายคาซาล หม่อมฉันสู้อุตสาห์อดทนรับใช้ถวายทั้งใจถวายทั้งกายให้ขนาดนี้แล้ว จะทรงตบหัวตั้งความหวังให้หม่อมฉันแล้วจะมาลูบหลังง่ายๆ แบบนี้หรือเพคะ’

“เลิกกังวลเรื่องนี้แล้วไปหาน้ำชามาให้ฉันกินหน่อยดีกว่า” เสียงขององค์รานีทำให้อาลีซ่าออกจากภวังค์ เธอสะดุ้งเล็กน้อยก่อนย่อตัวลงถอยออกจากห้องนั้น และเดินคิดอย่างเลื่อนลอยไปยังห้องชงชา



ที่ตำหนักรับรอง

เพราะฝันร้ายจึงทำให้เจนนาห์ตื่นขึ้นมาพร้อมกับอาการปวดศีรษะและไม่ได้ลงมาร่วมรับประทานอาหารเช้ากับทุกคน แต่เมื่อรู้สึกตัว เธอก็อาบน้ำเปลี่ยนชุดเพื่อจะเข้าไปคุยบางอย่างกับบิดา ทว่ายังเดินไปไม่ถึงก็พบชายฉกรรจ์ผิวคล้ำเดินสวนออกมาและพูดขึ้นอย่างรู้ทัน

“ท่านซารานไม่อยู่”

“พ่อไปไหนเหรอ” เจนนาห์ถามหนุ่มผิวคล้ำ อีกฝ่ายจึงตอบด้วยเสียงเรียบๆ

“ท่านชีคไปธุระ ยังไม่รู้ว่าจะกลับเมื่อไหร่ คุณหนูมีอะไรหรือเปล่า”

“ที่จริงนายน่าจะรู้ดีว่าเจนมาที่นี่ทำไม แล้วบอกหน่อยสิว่าทำไมพ่อถึงออกไปโดยที่รีฮานไม่ไปด้วย” เจนนาห์อดไม่ได้ที่จะค้อนชายฉกรรจ์ซึ่งเป็นคนสนิทของบิดาเพราะบางครั้งเขาก็รู้ทั้งรู้แต่พูดน้อยเสียจนน่าหมั่นไส้ รีฮานจึงถอนหายใจ

“ผมไม่ได้ปล่อยให้ท่านชีคไปคนเดียวหรอกครับมีคนอื่นดูแลท่านอยู่แล้ว แต่ที่ผมอยู่ก็เพราะท่านชีคให้คอยดูคุณหนูไม่ให้ออกไปไหน”

“ไม่ให้ไปไหน” เจนนาห์รู้สึกโมโหที่มีหลายสิ่งหลายอย่างค้างคาใจแล้วยังถูกกักบริเวณอีก แต่อีกฝ่ายก็ยืนยัน

“ใช่ครับ ถึงท่านชีคจะไม่อยู่แต่ก็สั่งไว้ว่าห้ามคุณหนูออกไปไกลจากตำหนัก โดยเฉพาะ...ห้ามพบกับเจ้าชายไฟซารห์...”

“รีฮาน” คนถูกห้ามสารพัดขัดขึ้นเสียงเครียด “นายรู้ใช่ไหมว่าฉันเกลียดการถูกบังคับมากที่สุด เกลียดที่ต้องทำอะไรก็ตามโดยไม่รู้เหตุผล งั้นตอบสิว่าฉันควรจะทำตามไหม”

“คุณหนูควรจะทำตามเพราะรู้ดีว่าท่านซารานทำทุกอย่างก็เพื่อความปลอดภัยของคุณหนูเอง ทำตามที่ท่านชีคสั่งเถอะครับ...” รีฮานมองหญิงสาวอย่างขอร้อง เจนนาห์จึงถอนหายใจอย่างอัดอั้น

“ถ้าอย่างนั้นก็น่าจะมีใครสักคนอธิบายทุกอย่างให้ฉันฟังบ้าง”

ขณะนั้นนางกำนัลคนหนึ่งก็เดินขึ้นมาที่ชั้นบนและเมื่อเห็นทั้งคู่ เธอก็เดินตรงมาหาทันที “คุณเจนนาห์คะ เจ้าชายคาซาลต้องการพบคุณค่ะ ทรงรออยู่ที่ด้านหลังตำหนัก”

“หลังตำหนัก...” เจนนาห์หันมามองรีฮานก่อนพูดขึ้นเชิงประชด “ไม่รู้ว่าจะไปได้หรือเปล่า?”

“บอกฝ่าบาทว่าเดี๋ยวคุณหนูจะลงไปหา” รีฮานสั่งนางกำนัลก่อนมองลูกสาวคนเล็กของท่านซาราน “คุณหนูอย่างประชดผมแบบนี้เลย”

“เจนไม่ได้ประชดแต่แค่ขออนุญาต”

เสียงเน้นๆ ของหญิงสาวทำให้รีฮานถอนหายใจและเดินตามอีกฝ่ายไปที่หลังตำหนัก บริเวณซุ้มสีขาว ซึ่งวรกายสูงของเจ้าชายคาซาลยืนรออยู่ ทรงชะงักเล็กน้อยที่เห็นว่าเจนนาห์ไม่ได้ออกมาคนเดียวแต่เมื่อเห็นว่ารีฮานเพียงแต่ยืนนิ่งๆ ในลักษณะคุ้มกันมากกว่ารบกวนจึงไม่ได้สนใจเขาอีก

“เธอคงแปลกใจที่ฉันมาที่นี่....ความจริงก็คือฉันมาทวงสัญญา” ทรงเอ่ยขึ้นตอนหนึ่ง ทำให้เจนนาห์ทวนคำอย่างงงๆ

“สัญญา?”

“ก็เรื่องวันนั้นเธอบอกจะตามเข้ามาในตำหนักแต่กลับหายไปเฉยๆ”

เจ้า ชายคาซาลทวงคำพูดของอีกฝ่าย ทั้งที่รู้ตัวว่าเหตุผลนี้เป็นเพียงข้ออ้างสำหรับการมาดูหน้าคนที่กำลังจะมา เป็นเจ้าสาวของตนเองให้ชัดๆ เท่านั้น เหตุเพราะเมื่อวานเสด็จพ่อเร่งรัดเรื่องการเลือกเจ้าสาวของเขาและตัวเจ้าชาย คาซาลเองก็ยังเลือกไม่ได้ระหว่างสาวชาวอัลคาซานเต็มตัวอย่างนีสรีนซึ่งดู เรียบร้อยแต่เข้มแข็ง กับสาวสวยเชื้อสายลูกครึ่งซึ่งมีใบหน้าหวานซ่อนคม รูปร่างเพรียวระหง อุปนิสัยเป็นธรรมชาติไม่เสแสร้ง สุลต่านอัสตาฟาจึงเสนอขึ้นมา

‘ถ้างั้นให้พ่อช่วยเลือกได้ไหม’ บิดาของเขารอจนพระโอรสพยักหน้า ‘พ่อว่าเจนนาห์สวยและเหมาะสมกับลูกมาก นีสรีนก็สวยแต่ก็สวยแบบพื้นๆ แล้วก็เรียบๆ เกินไป แต่เจนนาห์ดูเป็นธรรมชาติ สวยงามและมีเสน่ห์ ผู้หญิงแบบนี้หายากนะคาซาล พ่อเชื่อว่าถ้าได้เธอเป็นชายาคนแรก ประชาชนและนานาประเทศคงชื่นชม นักข่าวคงจะประโคมข่าวเรื่องงานอภิเษกกันไปทั่วโลกแน่ๆ’

เหตุผลหลังนั้นของสุลต่านอัสตาฟาทำให้เจนนาห์เข้าไปนั่งอยู่ในใจของพระโอรสในทันที กอปรกับพระองค์ประทับใจคำพูดของเธอเมื่อแรกเจอกันอยู่แล้วจึงตอบตกลงกับพระบิดา

“ฉันรอเธออยู่ตั้งนาน” เจ้าชายคาซาลในปัจจุบันพินิจหญิงตรงหน้าอย่างวิเคราะห์อีกครั้ง เจนนาห์สวยจริงๆ อย่างที่พระบิดาบอก เธอไม่เหมือนชาวซาราเวียทั่วๆ ไปเพราะรูปร่างเพรียวระหงกว่า ใบหน้างดงาม ดวงตาสีน้ำตาลคมมีแววฉลาดเฉลียวและซ่อนความหวานไว้ภายใต้ขนตางอนงาม

“ขอโทษเพคะฝ่าบาท...หม่อมฉันบังเอิญ...หม่อมฉันติดธุระจำเป็นบางอย่าง ขออภัยที่ผิดสัญญากับฝ่าบาท” คนตอบรู้สึกแปลกๆ เหมือนกันที่โดนจ้องขนาดนี้

“ถ้าอย่างนั้น...เธอคิดว่าควรทำอะไรเป็นการไถ่โทษหรือเปล่า” เจ้าชายหนุ่มรับสั่งยิ้มๆ ทำให้หญิงสาวเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะถาม

“เป็นโทษหนักมากหรือเปล่าเพคะ”

คนฟังแย้มสรวลน้อยๆ อย่างถูกพระราชหฤทัย “ไม่ใช่โทษหนักหนาสาหัสหรอก...ก็แค่วันนี้อย่าเพิ่งไปไหน ฉันว่าเราน่าจะได้คุยกันมากกว่านี้นะ”

“คุยกับหม่อมฉัน...?” บางทีเจนนาห์ก็คิดว่าพระองค์น่าจะเสวนากับพี่นีสรีนมากกว่าอยากคุยกับเธอแต่อีกฝ่ายก็ยืนยัน

“ใช่...เธอนั่นแหละเจนนาห์ รู้หรือเปล่าว่าอาทิตย์หน้าจะมีงานต้อนรับชาวอัลคาซานอย่างเป็นทางการ และฉันก็คิดว่าเราน่าจะรู้จักกันให้มากกว่านี้” เจ้าชายคาซาลตรัสขึ้นทำให้เจนนาห์ยิ่งงงเข้าไปอีก

“งานเลี้ยง?”

“อย่าบอกนะว่าเธอไม่รู้”

“หม่อมฉันไม่รู้เลยเพคะ...” หญิงสาวยอมรับในที่สุด นอกจากจะงงเรื่องที่พระองค์อ้างว่าต้องคุยกับเธอให้มากกว่าเดิมแล้ว เธอยังไม่ทราบเรื่องงานเลี้ยงอีกด้วย

“อาทิตย์หน้าจะมีงานเลี้ยงต้อนรับท่านซารานและพวกเธอที่พระราชวังซาบัค คนสำคัญของซาราเวียจะมาร่วมงานพร้อมหน้าและพร้อมๆ กันนั้นท่านพ่อก็จะประกาศเรื่องการอภิเษก...อย่าบอกนะว่าเธอไม่รู้เรื่องนี้อีกเหมือนกัน”

“ตอนนี้ฝ่าบาทคงจะนึกขำหม่อมฉันขึ้นมากจริงๆ แล้วใช่ไหมเพคะ”

เจนนาห์แก้เก้อด้วยการพูดชวนหัวและยิ้มให้อีกฝ่าย องค์รัชทายาทลำดับที่ 1 จึงทอดพระเนตรหญิงสาวด้วยสีพระพักตร์ละมุน ‘นี่เองใช่ไหมที่เสด็จพ่อบอกเจนนาห์เป็นคนที่มีเสน่ห์และฉลาด เธอสามารถทำให้คนที่คุยด้วยลืมข้อบกพร่องอื่นๆ ของตนเองได้อย่างไม่น่าเชื่อ’

“ฉันคิดว่าคนที่อยู่ข้างๆ เธอน่าจะมีความสุขนะ”

จู่ๆ คนตัวโตในชุดสีขาวก็พูดขึ้นทำให้เจนนาห์ชะงักเล็กน้อยก่อนจะเปรยเล่นๆ ด้วยคิดว่าอีกฝ่ายไม่มีเหตุผลอะไรที่จะมาพูดเพื่อเรื่องนี้อย่างจริงจังกับตน

“คงมีฝ่าบาทคนเดียวแน่ๆ เลยที่คิดแบบนั้น”

“ถ้างั้นเธอคิดว่าจะอยู่ข้างๆ และทำให้ฉันมีความสุขได้ไหม”

ทว่าคำตรัสตรงๆ นั้นก็ทำให้เจนนาห์ชะงักไป ดวงตาสีน้ำตาลโตขึ้นอย่างไม่คิดฝันว่าจะได้ยินถ้อยคำแบบนี้จากชายที่เพิ่งเจอกันเพียง 2 ครั้ง ความไม่แน่ใจทำให้เธอหันไปหารีฮานซึ่งยืนอยู่ด้านหลัง ถ้าไม่เสียมารยาทอยากจะตะโกนถามด้วยว่า ‘รีฮานได้ยินอย่างที่ฉันได้ยินหรือเปล่า’ แต่ชายฉกรรจ์ผิวคล้ำกันเมินสายตาไปอีกทาง

“เอ่อ...หม่อมฉันกำลังเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าเพคะ”

“ไม่ผิดหรอก” เจ้าชายคาซาลลุกขึ้นยืนและนิ่งไปเล็กน้อย เนื่องจากคิดว่าท่านซารานบอกสิ่งนี้กับลูกสาวไปแล้ว “ที่ฉันพูดแบบนี้ก็เพราะอนาคตเธอจะต้องเป็นชายาของฉันไงเจนนาห์ เราสองคนจึงสมควรรู้จักกันให้มากกว่านี้...พ่อของเธอยังไม่บอกอีกเหรอ”

“อะไรนะคะ ทรงล้อเล่นแน่ๆ เลย อนาคตชายาของพระองค์ก็คือพี่นีสรีนต่างหาก”

เจนนาห์ลุกขึ้นตามและเงยมองดวงพักตร์ของอีกฝ่าย ดวงตาโตหวานสีน้ำตาลเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ หากเจ้าชายคาซาลกลับคิดว่ามันยิ่งทำให้เธอดูมีเสน่ห์ ริมโอษฐ์ได้รูปจึงเหยียดเล็กน้อยพร้อมยกมือขึ้นอยากจะแตะใบหน้านวลๆ นั่นสักครั้ง อยากรู้ว่าร่างงามตรงหน้านั้นจะนุ่มเนื้อสักขนาดไหน

“คุณหนูเจนนาห์”

เสียงของรีฮานทำให้องค์รัชทายาทชะงักพระหัตถ์ ทรงหันขวับไปมองชายฉกรรจ์ผิวคล้ำผู้มีรอยแผลเป็นยาวลากผ่านปลายคิ้วด้วยพระทัยที่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว แต่รีฮานก็สบสายตาเช่นนั้นเพียงชั่ววินาทีเพราะเจนนาห์ก็เรียกเขาอย่างคาดไม่ถึงเช่นกัน

“รีฮาน...”

“ผม เพิ่งนึกได้ว่าตั้งแต่เช้าคุณหนูยังไม่ได้ทานอะไรเลย ทำไมฝ่าบาทไม่เข้าไปรับประทานอาหารว่างด้วยในตำหนักล่ะครับ” รีฮานพูดพร้อมก้าวเข้ามาหาเจนนาห์แทรกตัวขึ้นบังร่างระหงและดันให้เธอถอย หลังห่างจากเจ้าชายคาซาล ทุกอย่างรวดเร็วและนุ่มนวลเกินกว่าที่ใครจะโวยวาย

“ไม่!” เจ้าชายคาซาลแค่นเสียงขณะยังมองชายฉกรรจ์และเมื่อระงับความโกรธได้สักกึ่งหนึ่งก็ทรงหันกลับมาหาหญิงสาว “ฉันคงไม่ไปเพราะนึกได้ว่ายังมีงานต้องสะสาง”

“งั้นน้อมส่งฝ่าบาท”

รีฮานก้มศีรษะเล็กน้อยให้อีกฝ่ายและมองจนวรกายสูงใหญ่เดินจากไปจึงหันกลับมาหาเจนนาห์ แต่อีกฝ่ายก็เดินเร็วๆ เข้าไปในตำหนักแล้ว

“คุณหนู” ชายฉกรรจ์เดินตามพร้อมเรียกแต่เจนนาห์ไม่ยอมฟัง ตอนนี้เธอรู้สึกว่าตนเองกำลังโกรธ เวลาโกรธเวลามีปัญหาเธอมักชอบออกไปยืนบนเนินทรายมองออกไปไกลแสนไกล และตอนนี้เธออยากออกไปให้ไกลจากที่นี่ ไปที่ไหนก็ได้ รีฮานรู้ดีจึงคว้าแขนอีกฝ่ายไว้ “คุณหนูจะไปไหนไม่ได้นะครับ”

“ปล่อยฉันนะรีฮาน!”

“คุณหนู ความจริงเรื่องนี้ท่านซารานจะบอกคุณหนูตั้งแต่เมื่อคืนแล้วแต่ก็เกิดเรื่องมากมาย”

“ฉันโง่เองต่างหาก พี่นีสรีนก็พูดอะไรแปลกๆ ทำนองนี้เหมือนกัน แต่ฉัน! ฉันไม่เคยคิดว่าคนเรามันต้องเก็บอะไรซับซ้อนกันถึงขนาดนี้ ทำไมต้องโกหกกัน ทำไมไม่บอกกันตรงๆ ไปซะเลยว่าท่านพ่อโกรธที่ฉันออกไปกับเจ้าชายไฟซารห์เพราะต้องการส่งฉันไปให้เจ้าชายคาซาลนี่เอง แม้แต่นายก็เห็นด้วยงั้นเหรอรีฮาน นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน”

“คุณหนู...” รีฮานมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเจ็บปวด เขาหรือจะเห็นด้วยกับเรื่องที่ทำให้เจนนาห์เจ็บช้ำน้ำใจ “ถ้าเลือกได้ผมก็ไม่อยากให้เกิดขึ้น แต่นี่คือประสงค์ของสุลต่านอัสตาฟา พวกเขาอยากได้คุณหนูเป็นชายา”

“ทำไมล่ะ เพราะอะไรทำไมถึงต้องเป็นเจน ไม่มีเหตุผลเลยสักนิด ไม่มีทาง บังคับกันแบบนี้มันมากเกินไปแล้วนะ”

เจนนาห์กัดริมฝีปากแน่น ไม่เคยนึกมาก่อนเลยว่าหน้าที่ซึ่งคิดว่าพี่นีสรีนจะเป็นผู้กระทำนั้นจะตกทอดมายังเธออย่างไม่ได้ตั้งตัว จนกระทั่งชีคก้านาบีร่าได้ยินเสียงโวยวายและเดินออกมาพูดให้เจนนาห์เข้าใจเกี่ยวกับเหตุผลที่อัลคาซานต้องพึ่งพาสุลต่านอัสตาฟา แต่เจนนาห์ก็ยังทำใจไม่ได้จึงขอขึ้นไปอยู่บนห้องคนเดียว

ส่วนอีกด้านนั้นเจนนาห์กับเจ้าชายคาซาลอยู่ในสายตาของคนสองคนตลอดเวลา หนึ่งก็คือบีดันซึ่งมองหญิงสาวอย่างชิงชัง อีกหนึ่งก็คืออาลีซ่าซึ่งตามเจ้าชายหนุ่มมาตั้งแต่ต้นและรีบแอบเข้าหลังต้นไม้เมื่อราชนิกุลหนุ่มเดินกลับมา คิ้วเรียวขมวดชิดอย่างโกรธเกรี้ยว หึงหวง



******************************************************




แพรพริมา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 26 เม.ย. 2557, 12:13:45 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 26 เม.ย. 2557, 12:13:45 น.

จำนวนการเข้าชม : 1084





<< 10   12 >>
Zephyr 28 เม.ย. 2557, 18:33:28 น.
ไม่ชอบคาซาลทันใด


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account