บ่วงรักนายพราน
เรื่องชุลมุน ซุ่มซ่าม เข้าใจผิดของธีรดากับจอมวายร้ายปารินทร์ เจ้าของคำจำกัดความ หล่อ สปอร์ต ใจดี รักหมา(ไม่น่ารอด) 'หากใครจะคิดว่าผมกำลังคบกับใคร ผมอยากให้ใครต่อใครคิดว่าผมคบกับคุณ'

การรู้สึกว่า 'ใช่' กับใครสักคนไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นได้ทุกวัน ปารินทร์รู้สึกว่าธีรดา 'ใช่' สำหรับเขา แต่กลับพบในภายหลังว่าเธออาจเป็นผู้หญิงที่เข้ามาทำลายความรักของน้องสาว การเอาคืนในแบบชิงไหวชิงพริบที่ใช้ธุรกิจบังหน้าทั้งที่เป็นเรื่องของหัวใจล้วนๆ จึงเกิดขึ้น
Tags: ความรัก ภาคต่อ หวานรักพยัคฆ์ร้าย

ตอน: ตอนที่ 1...50%

ตอนที่ 1

ดอกส้มสีขาวเป็นธีมสำคัญของงานหมั้นระหว่างธีมากับดาวิกาในวันนี้ ธีรดามองคู่แฝดด้วยความรู้สึกยินดี ระคนตื้นตันใจ ความตั้งใจของของธีมาคือมีลูกก่อนอายุ 35 ตอนนี้คู่แฝดคงทำสำเร็จได้ไม่ยาก หมั้นวันนี้ อีกปีกว่าๆ ดาวิกาก็เรียนจบ ธีมา 30 พอดี พอแต่งงานกันหลังจากนั้นไม่ถึงปีคงได้มีลูกสมใจ
ธีรดายังจำคำพูดของแม่ได้แม้ว่าเราทั้งสองคนจะสูญเสียท่านไปตอนอายุ 15 แม่บอกเสมอว่าอยากให้เธอเหมือนแม่ ส่วนธีมาเหมือนพ่อ แต่พอโตขึ้นเธอถึงได้รู้ว่าเราทั้งสองคนต่างมีนิสัยเหมือนทั้งพ่อและแม่ เพียงแต่ธีมาเป็นผู้นำมากกว่า ส่วนเธอหัวเราะกับชีวิตได้มากกว่า จนมาถึงวันนี้ เธออยากให้แม่ได้มาเห็นว่าธีมาหัวเราะง่ายและยิ้มเก่งเหมือนแม่แล้ว ดาวิกาทำให้ลูกชายของแม่และพ่อมีความสุข เธอเสมือนลูกสาวอีกคนของบ้านเรา เช่นเดียวกับธีมาที่เป็นเหมือนลูกชายคนโตของพลิศก็ว่าได้ หญิงสาวยกกล้องขึ้นมาถ่ายภาพแห่งความทรงจำ ธนะดียิ้มกว้างพอเห็นกล้องแพนมาก่อนจะเดินมาหาลูกสาว
“ไม่น่าเชื่อเหมือนกันนะที่สองคนนี้จะได้ลงเอยกันจริงๆ นึกว่าจะฆ่ากันตายตั้งแต่ตอนแรกไปแล้ว” ผู้เป็นพ่อเอ่ย ตอนนี้ก็ห่วงแต่ลูกสาวอีกคนนี่แหละ
“เสือต้องได้แฟนแบบลูกจันทร์ค่ะพ่อ คนนึงชอบให้ดูแล ให้ปกป้อง อีกคนก็ชอบดูแลคนอื่น พอมีแฟนแล้วน่ารักขึ้นตั้งเยอะ พูดหวานๆ ก็เป็น เมื่อก่อนเป็นแบบนี้เสียที่ไหน”
“แล้วเราล่ะยัยกวาง”
ธีรดาคว้าแขนพ่อมากอด นึกแล้วพ่อคงถามเข้าสักวัน คิดแล้วมันก็น่าเสียววาบๆ เหมือนกันนั่นแหละ อีก 2 ปีธีมาคงแต่งงาน ในขณะที่เธอจะอายุ 30 ทำไมเวลาผ่านไปเร็วจังแฮะ
“กวางก็จะอยู่กับพ่อไปจนแก่เลยน่ะสิคะ”
“ให้มันจริงเถอะ” ธนะดีหัวเราะไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ ลูกสาวของเขาหน้าไม่ได้ขี้ริ้ว การศึกษาไม่ได้เป็นรองใคร แต่ไม่ถูกใจเองมากกว่ากระมัง แต่ก็นั่นล่ะของแบบนี้ถ้าเจอแล้วใช่ก็ใช่ ถ้าไม่ใช่ก็แค่นั้น “ไปกันดีกว่า จะได้ถึงฤกษ์หมั้นแล้ว”
ธีรดาเดินจับมือพ่อตามเข้าไปในงาน งานหมั้นเริ่มขึ้นจนถึงเวลาสวมแหวน ใครจะหน้าบานเท่าธีมาเป็นไม่มี ดาวิกาอาจดูเหมือนอยู่คนละโลกกับผู้ชายห่ามๆ ทว่าพอทั้งสองคนมาอยู่ด้วยกัน มันช่างเป็นความต่างที่ลงตัว ไม่อยากยอมรับเลยว่าเธอใจหายนิดๆ แต่ก็เอาเถอะ แค่ธีมามีความสุข เธอก็พร้อมเหงาไปตลอดชีวิตแล้ว หรือไม่อาจจะไม่เหงาเพราะมีหลานมาให้ช่วยเลี้ยงละมั้ง

1 ปีผ่านไปอย่างรวดเร็ว สองครอบครัวได้กลับมาฉลองกันอีกครั้งในวันสอบเสร็จของดาวิกา เจ้าตัวมั่นใจว่าเรียนได้รับปริญญาจบแน่นอน ธีมาหน้าบานน้อยกว่าพลิศนิดเดียวเท่านั้น ไปรยาแซวว่าทำอย่างกับจะได้รับปริญญาด้วย พวกเรายกเว้นดาวิการู้ดีว่าธีมาดีใจเพราะพลิศขอให้รอจนลูกสาวรับปริญญาก่อน แล้วเรื่องตบแต่งจะไม่ขัดอีกแล้ว
พ่อกับคู่แฝดมาค้างกับเธอได้วันเดียวก็ต้องเดินทางกลับ ธีรดาไปส่งที่ดอนเมือง แต่พ่อมีข้อแม้ว่าถ้าไปส่งต้องไปรถแท็กซี่ ห้ามขับรถไปเองเพราะเมื่อเดือนก่อนเธอเพิ่งเกิดเหตุขับรถไปจูบท้ายรถคนอื่นเลยถูกสั่งห้ามขับรถเป็นเวลา 3 เดือน ลูกที่ดีก็เลยต้องยอมทำตามที่พ่อขอ แม้ว่าจะหงุดหงิดเวลาไปไหนมาไหน ยังดีที่ช่วงนี้ไม่ได้เดินทางไปติดต่อลูกค้าเองแล้วเลยค่อยยังชั่วหน่อย
เธอกับธีมาเพิ่งทำโปรเจคใหม่ด้วยกันอย่างการท่องเที่ยวเชิงทัศนะศึกษาที่ปางไม้ธารธีราเพื่อให้ความรู้และพ่วงผลพลอยได้การเปิดตลาดใหม่ๆ จากการท่องเที่ยว ทำให้เกิดธุรกิจท่องเที่ยวตามมา การทำรีสอร์ตเล็กๆ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่ชอบการอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ทำให้มีแขกไปเยี่ยมเยือนปางไม้ธารธีราทุกสัปดาห์สำหรับนักท่องเที่ยว ส่วนการทัศนะศึกษาจะมีทุกวันพุธและศุกร์เพื่อไม่ให้กระทบการทำงานในปางไม้ ส่วนส้มแบรนด์ธีรากำลังไปได้สวยในธุรกิจค้าผลไม้ ในขณะที่องุ่นกำลังเติบโตและจะออกผลอีก 1 ปีข้างหน้า
ธีรดาคิดอะไรเพลินๆ แป๊บเดียวก็นั่งรถพาพ่อกับธีมามาถึงดอนเมือง กระเป๋าเดินทางของพ่อไม่มีเสื้อผ้าของพ่อเลย แต่ก็หนักอึ้งเพราะเต็มไปด้วยเสื้อผ้าเด็กๆ ลูกคนงานและอุปกรณ์ทำแผลสำหรับคนงานในปางไม้ หัวใจของแพทย์เต็มไปด้วยความเมตตาเสมอ ตลอดเวลาที่เติบโตจนถึงตอนนี้ เธอเห็นพ่อทำเพื่อคนอื่นเสมอ วันไหนคลินิกปิดถ้าพ่อไม่ได้มีธุระต้องไปที่ไหนก็แสดงว่าป่วยเท่านั้น
“ดูแลตัวเองดีๆ ล่ะ อย่าไปซุ่มซ่ามที่ไหนอีก เดี๋ยวพอพ่อกับเสือไปแล้วก็กลับบ้านไปเลยนะ พรุ่งนี้จะได้ไม่เพลียเวลาไปทำงาน”
“ค่ะพ่อ เอาไวปลายเดือนนี้กวางจะขึ้นไปพร้อมกรุ๊ปทัวร์นะคะ เสือขอสลับงานบอกว่าจะมาดูออฟฟิศใหม่ ดีเหมือนกันกวางจะได้อู้งานเสียเลย”
ธีมาพยักหน้าเห็นด้วยอย่างเดียว ยกเว้นเรื่องอู้ๆ ให้มันจริงเถอะ ธนะดีกอดลูกสาวและหอมแก้มให้รู้ว่ารัก ถึงจะพูดบ่อยๆ แต่การกระทำสำคัญเสมอ ตั้งแต่ภรรยาตายจากไป เขาก็ทำหน้าที่เหล่านี้แทนทั้งหมดเพื่อไม่ให้ลูกรู้สึกขาด การศึกษา เงินทอง พ่อแม่ให้ลูกได้ก็จริง แต่การบอกรักและแสดงออกว่ารักสำคัญกว่า
ธีรดารอจนเครื่องบินออกจึงเดินออกมารอรถแท็กซี่กลับบ้าน แต่คนก็เยอะเหลือเกิน เธอเลยเดินเรื่อยๆ ออกมาจนถึงถนนด้านนอกจำได้ว่าแถวๆ นี้มีร้านก๋วยเตี๋ยวอร่อย แวะกินก่อนกลับบ้านก็ดีเหมือนกัน วันนี้แม่บ้านขอลางานเสียด้วย กลับไปเธอคงไม่พ้นนำอาหารกล่องในตู้เย็นเข้าไมโครเวฟ

ครึ่งชั่วโมงต่อมา ธีรดาอิ่มท้องและได้รถแท็กซี่สมใจ แต่ชักง่วง แต่ต้องฝืนไว้ บ้านเธอกับดอนเมืองมันไกลกันไม่น้อย รถติดแหง็ก เธอหาวแล้วหาวอีกจนกระทั่งรถขึ้นทางด่วน ก่อนจะลงมาทางปกติที่ถนนเริ่มโล่งขึ้น แท็กซี่เริ่มขับเร็ว เธอขอให้ขับช้าๆ ไว้เหตุการณ์จูบท้ายยังติดตาเพราะฉะนั้นช้าไว้ก่อนปลอดภัย บางสิ่งที่วิ่งได้กำลังวิ่งตัดข้ามถนน พอใกล้ระยะที่พอรู้ได้ว่ามันเป็นอะไร มือของธีรดาคว้าออกไปทั้งที่อยู่ในรถ ปากก็รีบเอ่ยออกไปเสียงดังแทบจะกรี๊ด
“อย่าชนนะ!”
ลุงคนขับแบรกแทบไม่ทัน ยังดีที่ไมได้ขับมาเร็วมาก แต่เจ้าสี่ขายังวิ่งกระซ่านด้วยความตกใจ เธอร้อนใจรีบบอกให้แท็กซี่จอดแล้วเปิดประตูวิ่งลงไปหาเจ้าหมาตัวนั้น เสียงลมหวิวๆ มาพร้อมรถที่วิ่งตรงมาแล้วแว้งหลบเธอไป ถามว่ากลัวรถชนไหม ตอบได้เลยว่ามาก แต่อีกนิดเดียวจะถึงตัวหมาตัวนั้นแล้ว รถคนหนึ่งแล่นมาด้วยความเร็วเธอเห็นชัด แต่มันจวนเจียนเกินกว่าจะหลบ ฉับพลันนั้นร่างของเธอก็ลอยหวือ
แอ๊ก...!
นี่เธอถูกรถชนแล้วใช่ไหม?!?
รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงเครื่องยนต์ดังใกล้เข้ามาแล้วห่างออกไป แล้วได้ยินเสียงลมหายใจดังอยู่ใกล้ๆ แต่กลับไม่ไกลออกไป ร่างของเธอชาหนึบ แต่ก็รู้สึกได้ว่าเจ็บที่แขนซึ่งแนบอยู่กับพื้นถนน หญิงสาวลองหายใจก่อนจะยิ้มออกมาด้วยความดีใจสุดชีวิต เธอยังหายใจอยู่ แล้วทำไมแขนกับขาขยับไม่ได้ล่ะ
“นี่คุณ! นึกยังไงไปวิ่งตัดหน้ารถแบบนั้น”
หือ...อะไรนะ?
หัวของเธอกระแทกจนได้ยินเสียงคนแทนเสียงรถงั้นหรือ แถมยังรู้สึกเหมือนถูกอุ้มขึ้นมาด้วย เจ็บแขนจัง ธีรดาพยายามลืมตาที่ปิดสนิทด้วยความกลัวสุดฤทธิ์ ทำไมเบลอๆ เหมือนหน้าคน พอกะพริบตาก็ชักเห็นดวงตาสีน้ำตาลเข้ม ริมฝีปากเม้มปิดที่มาพร้อมผมยาวหลุดลุ่ย ผู้ชายหรือผู้หญิง แต่เสียงนี่ผู้ชายชัดๆ
“มันรอดหรือเปล่า”
“อะไร”
เธอย่นคิ้ว ถามดีๆ ทำไมต้องเสียงดังใส่ อีตานี่ใครหว่า หรือว่ายมบาลอัพเลเวลไม่หน้าแดง ผิวแดง แต่มาใส่สูทผูกไทแล้ว นี่เธอหัวกระแทกจนสมองเริ่มเพ้อเจ้อหรือเปล่าเนี่ย เอ...เธอมาทำอะไรตรงนี้นะ
อ๋อ! ใช่แล้ว
“หมาไง รอดมั้ย”
“ไม่แน่ใจ รอดมั้ง”
“ดีจังเลย” หญิงสาวพยักหน้ายิ้ม บางทียมบาลอาจจะใจดีมาช่วยเธอกับหมาตัวนั้น แต่เธออาจไม่รอดก็ได้เพราะตาเริ่มลืมไม่ได้ ไม่นะ! เธอไม่ได้อยากหลับ...สายไปแล้ว
“สลบไปง่ายๆ อย่างนี้เนี่ยนะ”
ร่างสูงเขย่าร่างเพรียวอ่อนปวกเปียกเบาๆ แต่กลับไม่ไหวติง เขายุ่งจนได้เรื่องอีกแล้วกระมัง พอยื่นนิ้วมาอังจมูกก็ค่อยโล่งใจ ลุงคนขับแท็กซี่รีบเข้ามาช่วยพาคนเจ็บเข้าไปในรถของชายแปลกหน้า ก่อนที่คนขับรถแถวนั้นจะพากันมองมาเมื่อเห็นหมาถูกอุ้มไปในรถโฟร์วีลคันใหญ่ ไม่ถึงนาทีต่อมาถนนบริเวณนั้นก็กลับสู่สภาวะปกติ

ธีรดานิ่วหน้า รู้สึกเหมือนร่างจะแหลก กลิ่นอะไรหนอ เหมือน...เหมือนกลิ่นยา ป้าอรทำอะไรทำไมเหมือนกลิ่นยาได้ขนาดนี้ ป่านนี้กี่โมงแล้ว วันนี้เธอมีประชุมหรือนัดลูกค้าไว้หรือเปล่านะ เฮ้อ! ลืมตาก็ได้ เมื่อคืนเธอคงลืมปิดไฟก่อนนอนแน่ๆ แต่ทำไมไฟที่เพดานไม่ใช่แชนเดอเลียร์ที่เธออุตส่าห์ไปตามหาซื้อมาล่ะ ทำไมเป็นหลอดผอมธรรมดา ความทรงจำเหมือนธนูที่ทะลวงเข้ามาในสมอง
ใช่แล้ว!
เธอ ถนน หมาตัวนั้นและใครไม่รู้ที่อุ้มเธอขึ้นมา แล้วยังผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างเตียง เครื่องแบบแบบนี้ คุ้นๆ แฮะ ธีรดานิ่วหน้าเซ็งที่สุด ทำไมต้องมาฟื้นที่โรงพยาบาลทุกๆ 3 เดือนเนี่ย
“ฟื้นแล้วหรือคะ หมอเพิ่งหล่อเฝือกให้เสร็จ อาจไม่สบายตัวไปบ้างนะคะ ส่วนอื่นๆ ไม่มีอะไรบุบสลาย แค่หัวโนอีกอย่างเท่านั้น”
“ฉันเป็นอะไรหรือคะ แล้ว...เฝือก ฉันต้องมีมันอีกแล้วเหรอ” ธีรดามองแขนตัวเองแล้วอยากจะบ้าตาย ถ้าจำไม่ผิดช่วงเดือนนี้ของปีที่แล้ว เธอมีเฝือกที่แขน ขอบใจที่ไม่ใช่แขนเดิม แล้วทำไมเธอแค่แขนหัก รถชนไม่น่าเจ็บแค่นี้ละมั้ง
“คุณถูกรถเฉี่ยวนะคะ ยังดีนะที่เพื่อนของคุณคว้าตัวหลบทันไม่งั้นอาจไม่แค่เฉี่ยว หลังจากนั้นเพื่อนคุณก็พาคุณมาส่งโรงพยาบาลไงคะ จำอะไรไม่ได้เลยหรือคะ”
ธีรดาพอจะนึกได้แล้ว ไอ้ลมหวือๆ ที่เธอได้ยินนี่เพราะรถที่เฉี่ยวสินะ แล้วแรงที่กระแทกคงเป็นคนที่เข้ามาคว้าตัวเธอ ฟังดูก็โอเคหมดยกเว้น
“เพื่อน...หรือคะ?”
“ค่ะ เพื่อน ผู้ชายตัวสูงๆ ผมยาว” พยาบาลยกมือขึ้นกะความสูงของเพื่อนคนไข้
ธีรดายิ้มเหวอๆ ลุงคนขับแท็กซี่ไม่น่าสูงอย่างที่พยาบาลบอก แล้วใครล่ะที่มาช่วยเธอไว้ เอาล่ะน่า อย่างน้อยก็คนแน่ๆ แล้วที่มาช่วยไม่ใช่ยมบาล
“เข้าใจผิดแน่ๆ เลย ผู้ชายคนนั้นไม่ใช่เพื่อนของฉันหรอกค่ะ”
“อ้าว ถ้างั้นอีกประเดี๋ยวคนที่พาคุณมาส่งคงมาหานะคะ” พยาบาลบอกแล้วช่วยทายาที่รอยช้ำให้
คนป่วยนั่งเฉยแต่คิ้วขมวดยุ่งเมื่อพยายามนึกหน้าตาของคนที่มาช่วย แต่ให้นึกยังไงก็นึกไม่ออก จำได้ว่าผมยาว ตาสีน้ำตาล ริมฝีปากสีชมพูอมแดง ส่วนอื่นๆ รางเลือน แน่ล่ะสิก็เธอดันสลบไปก่อนนี่ แล้วอย่างนี้จะขอบใจได้ถูกคนไหมนี่
ธีรดานั่งมองคนป่วยคนอื่นๆ ไปเรื่อย เธอไม่ได้อาการหนักหนาขนาดต้องนอนโรงพยาบาลละมั้ง พยาบาลสั่งให้เธอนั่งรอในระหว่างที่รอหมอมาตรวจอีกครั้ง พ่อโทรมาหาเธอเลยจำใจปดว่ากลับถึงบ้านแล้ว ขืนบอกว่าไปสร้างวีรกรรมอะไรเสือมันได้มาเฉ่งเธอคนแรกก่อนถามอาการด้วยความเป็นห่วง
“ฟื้นแล้วเรอะ คุณนี่บ้าบิ่นดีนะ นึกยังไงวิ่งไปกลางถนนแบบนั้น”
คนถูกทักหันไปมองเจ้าของเสียงทุ้มๆ เธอยิ้มให้ชายคนนั้น ผมยาวๆ อย่างที่เห็นแบบเบลอๆ แถมยังใส่สูทมาเสียโก้ เลขารัฐมนตรีหรือว่า ส.ส. ออกหาเสียงกันล่ะนี่ ว่าแต่ใช่ผู้ชายที่มาช่วยเธอหรือเปล่านะ
“เรารู้จักกันเหรอคะ ถ้ามาหาญาติหรือหาเสียงเชิญไปข้างในก่อนดีกว่านะคะ ตอนนี้ฉันคงจำอะไรที่คุณพูดไม่ได้หรอกค่ะ”
ชายคนนั้นขมวดคิ้วใส่และไม่ได้เดินไปข้างไหน แต่เลื่อนเก้าอี้มานั่งข้างเตียง ธีรดาเผลอเขยิบห่างเขาไปนิดหนึ่ง
“สงสัยต้องขอให้หมอเช็คสมอง ตอนกลิ้งกับถนนน่ะหัวกระแทกพื้นบางหรือเปล่าน่ะคุณ”
ชัดเลย คงไม่มีใครเห็นเธอตอนกลิ้งกับถนนหรอกนอกจากเพื่อนของเธอที่คุณพยาบาลบอกไว้
“คุณ...”
“นั่นแหละ ทีนี้เรารู้จักกันได้หรือยังครับ” เขาถามเสียงสุภาพ แม้ว่าจะไม่เข้ากับมาดกวนๆ ที่ทำให้นึกถึงโรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ขึ้นมาทันที แต่อยู่ในโหมดเรียบร้อยกว่า...นิดนึง



บรรพตี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 4 เม.ย. 2557, 11:14:24 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 6 เม.ย. 2557, 06:55:22 น.

จำนวนการเข้าชม : 1703





<< บทนำ   ตอนที่ 1...100% >>
แว่นใส 4 เม.ย. 2557, 13:15:39 น.
เจอกันครั้งแรก


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account