อลวน ถนน หัวใจ (จบแล้ว)

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: 5.วันที่สอง

5.

รังสิตาพาคนทั้งสามขึ้นมาในห้อง 849 เพื่อให้ทุกคนแน่ใจว่าเธอไม่ได้พูดเล่น หรือปั้นเรื่องต่างๆ ขึ้นมา เหมือนที่พวกเขาแสดงสีหน้าและหลุดคำพูดดูถูกเธออกมา

เธอไม่คิดเลยว่าเรื่องมันอาจจะเลยเถิดไปถึงตำรวจ ถ้าเธอต้องไปนั่งอยู่ต่อหน้าเจ้าหน้าที่บ้านเมือง ถ้ามีการขู่ตะคอก หรือบีบบังคับ เค้นเอาความจริง เธอเป็นคนขวัญอ่อน ซึ่งจะต้องตายแน่ๆ

“นี่ไง หลักฐานว่าพวกมันกวาดเสื้อผ้าและของของฉันเกือบจะทุกอย่างออกไป” เจ้าของห้องทรุดตัวลงที่เก้าอี้โต๊ะเครื่องแป้งทันที โดยไม่สนใจว่าพวกเขาที่เดินตามเข้ามาจะนั่งหรือยืนกันตรงไหน

ทั้งสามคนกวาดสายตาไปทั่วห้อง เห็นร่องรอยการเคลื่อนย้ายวัตถุสิ่งของออกไปจากห้องนี้ อินทราตรงไปยังตู้เสื้อผ้าแล้วเปิดมันออกมา พบเพียงไม้แขวนเสื้อไม่กี่อันที่ห้อยไว้ไม่เป็นระเบียบ หญิงสาวไล่มองไปตามซอกตามมุม ซึ่งมีเพียงเศษกระดาษและคราบฝุ่นเท่านั้น

“ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามันเป็นความจริง” ประดิพัทธ์เกาจนผมยุ่งเหยิงเสียรูปไปหมด

“ฉันก็ไม่อยากจะเชื่อว่ามันจะเป็นเรื่องจริง” รังสิตากุมขมับ

โชคชัยเห็นสภาพนั้น เขาเริ่มปักใจเชื่อแล้วว่าพวกมันมากวาดข้าวของของรังสิตาไปทั้งหมดจริงๆ เพราะเมื่อเช้าของในมือของเธอพะรุงพะรัง แต่ตอนนี้แม้แต่ถุงของห้างสรรพสินค้าเขาก็ไม่เห็น

แต่พวกมันมาเอาของไปเพื่อให้เธอตามกลับไปเอาคืน แค่นั้นจริงๆ หรือ โชคชัยครุ่นคิด

อินทราซึ่งจ้องหน้าโชคชัยอยู่ หาวออกมา

“ฉันง่วงนอนแล้วนะ พาฉันกลับบ้านเถอะ มีอะไรพรุ่งนี้ค่อยปรึกษากัน”

“ผมคงนอนไม่หลับ” ประดิพัทธ์พูดความจริงจากใจ

โชคชัยถอนหายใจออกมาบ้าง เขาก็ง่วงนอน แต่เขาเชื่อว่าหากพวกเขาออกไปจากห้อง รังสิตาคนหน้าหวานก็ต้องนอนไม่หลับเช่นกัน ไม่เช่นนั้นในเวลาค่ำคืนเธอคงไม่ออกไปทำหน้าหงอยเหงาอยู่ข้างถนนได้

“มาสรุปกันดีกว่าเราจะเอาอย่างไรกัน”

“ฉันช่วยไปเอากระเป๋าของประดิพัทธ์คืนให้ได้ แต่” น้ำเสียงของรังสิตาจริงจัง

“แต่พวกคุณต้องตามไปช่วยฉันจากบ้านเสี่ยด้วยนะ”

“เฮ้ย! แล้วเสี่ยนี่อยู่ที่ไหน” ประดิพัทธ์รู้สึกว่าเรื่องมันจะบานปลายไม่มีที่สิ้นสุด

“แล้วคุณติดหนี้เสี่ยเท่าไหร่” อินทรารีบซักต่อตามประสาคนหัวไว

“คุณกลับไปแล้ว คุณก็ต้องยอมเป็นเมียเขาซิ”

“เอาเป็นว่าฉันจะกลับไปที่เมืองกาญจนบุรี ฉันมั่นใจว่าพวกคุณจะต้องได้กระเป๋าคืน แต่ฉันจะไม่ได้ออกมาจากบ้านหลังนั้น สรุปเลยแล้วกันนะ ขอเบอร์โทรศัพท์ของคุณประดิพัทธ์แล้วกัน พรุ่งนี้ฉันจะไปกาญจนบุรี แล้วฉันจะให้คนส่งกระเป๋ากลับมา เพียงแต่ว่าพวกคุณต้องตามไปช่วยฉันนะ”

“ช่วย?” อินทรายังแคลงใจ

“ใช่ ช่วย ช่วยไปเอาฉันกลับออกมาจากบ้านหลังนั้น แล้วพาฉันหนีไปให้พ้น”

“ผมเครียดเรื่องของผมก็แย่แล้วนะคุณ ยังมีเรื่องอะไรของคุณอีกเล่า” ประดิพัทธ์โวยวายขึ้นมาบ้าง

“แล้วคุณอยากได้กระเป๋า อยากได้งานของคุณกลับมา
หรือเปล่า ฉันชื่นชอบผลงานของคุณนะ ฉันถึงได้คิดช่วย”

“ครับ ขอบคุณ เอ้า! ช่วยก็ช่วย แล้วพวกผมจะไปช่วยคุณ
ได้อย่างไร”

“ขอให้ฉันเอากระเป๋าส่งมาให้พวกคุณก่อนแล้วกัน แล้วฉัน
จะโทรศัพท์กลับมาแจ้งทีหลัง¬
-----------------------------------------------------------
เมื่อออกมาจากห้องหญิงสาวสุดสวยแล้ว ทั้งสามคนยังไม่ได้มุ่งกลับบ้านอย่างที่ได้พูดไว้ โชคชัยเลี้ยวรถเข้าไปจอดที่หน้าสนามกีฬาแห่งชาติ ประดิพัทธ์ลงจากรถพร้อมกระป๋องเบียร์ที่อินทราวิ่งลงจากรถไปซื้อมาให้จากร้านสะดวกซื้อด้วยข้อแม้ที่ว่าเงินทอนต้องไม่คืนเจ้าของ

“พวกคุณเชื่อที่เธอเล่าไหม”

“ฉันเชื่อแค่ห้าสิบเปอร์เซ็นต์”

“ผมเชื่อเธอ เหมือนกับที่ผมเชื่อคุณ” โชคชัยยิงคำคมมาให้

“บางทีเรื่องไม่เป็นเรื่องของคุณ ยังกลายเป็นเรื่องขึ้นมาได้ แล้วทำไมเรื่องไม่เป็นเรื่องของเธอจะเป็นเรื่องจริงขึ้นมาไม่ได้”

“ป่านนี้เก็บกระเป๋าหนีไปแล้วมั้ง” อินทราโพล่งข้อสงสัยขึ้นมา แม้จะง่วงนอนแต่เธอก็ยังรู้สึกตื่นเต้นเต็มกำลัง มันยิ่งกว่างานสืบสวนสอบสวนของฮ่องกงเสียอีก

แล้วโทรศัพท์เครื่องที่เอวของเธอก็ดังขึ้น

“แม่

“ทำไมไม่กลับบ้านกลับช่องเสียทีจะตีสองแล้วนะ”

“จ้ะๆ แม่ไม่ต้องห่วงหรอก หนูมีเพื่อนไปส่งถึงบ้านเลย”

พูดจบเธอก็ตัดสายโทรศัพท์ทิ้ง เพราะรู้ว่าจะมีคำพูดอะไรหลุดออกมาอีก หญิงสาวถอนหายใจออกมา

“ต้องไปส่งฉันถึงในบ้านนะ เพราะทางเดินระหว่างปากตรอกถึงบ้านสลัมของฉัน มีพวกขี้ยาเยอะ มันไม่ปลอดภัย”

โชคชัยฟังน้ำเสียงเศร้าๆ ของคนผมซอยสั้นแล้วรู้สึกสงสารวูบขึ้นมา เธอจน เธอลำบาก เธอตะเกียกตะกายเพื่อไปให้ถึงฝัน ไม่แปลกที่เธอจะคิดเร็ว ทำอะไรรวดเร็วเพื่อเอาตัวให้รอด

“ตกลงเอาอย่างไรสรุปกันได้แล้วนะ” อินทราคุมเกมอีกครั้ง

“เอาเป็นว่าไปส่งเธอ แล้วไปส่งผม แล้วคุณก็กลับบ้านคุณ ส่วนวันพรุ่งนี้ ผมจะโทรหาพวกคุณอีกทีแล้วกันนะ อย่างไรสำหรับคืนนี้ ผมขอบใจพวกคุณเป็นอย่างมากที่ช่วยผม”

“หากไม่ได้กระเป๋าคืน” อินทรายังถามต่อ

“ผมก็ต้องตัดใจ ก็ผมทำดีที่สุดแล้วนี่”

“หากถ้าได้กระเป๋าคืนมาจริงๆ ล่ะ”

“พวกเราต้องไปช่วยเธอออกมานะ” โชคชัยรู้สึกว่าระหว่างคนทั้งสามคนนี้ยังไม่จบง่ายๆ แน่

“ครับ ผมคงไปช่วยเธอแน่ แต่พวกคุณล่ะ จะไปกับผมไหม”

“ผมรับปากเขาไปแล้วนี่” โชคชัยรีบบอก

“เห็นแก่ของสวยของงามละไม่ว่า” อินทราค่อนให้¬
--------------------------------------------
รถแท็กซี่คันนั้นเคลื่อนตัวออกตามถนนรามคำแหง โชคชัยกลับรถแล้วเลี้ยวเข้าซอยมหาดไทยอีกครั้ง ชายหนุ่มอดมองไปยัง KL คอนโดไม่ได้ เขาต้องช่วยเธออย่างแน่นอน ด้วยใบหน้าของเธอคนนั้นมันมารบกวนจิตใจของเขาอย่างแรง

เขาถอนหายใจออกมา ผู้หญิงที่มีเงื่อนงำมากมาย คงเป็นได้เพียงคนที่ทำให้เขาชุ่มฉ่ำใจเพียงชั่วครู่ชั่วยามเท่านั้น

ในความเงียบ แต่ทุกคนหาได้หยุดครุ่นคิด อินทราบอกทางไปยังซอยบ้านของตน จนกระทั่งรถไปหยุดอยู่ที่ดินลานโล่งหน้าสลัมแห่งหนึ่ง

“เข้าไปส่งฉันด้วยนะ สักสองร้อยเมตร” อินทราลงจากรถ อันที่จริงเธอเดินเข้าไปคนเดียวก็ได้ แต่เธออยากให้พวกเขาเห็นว่าชีวิตของเธอนั้น มันลำบากเพียงใด

เพื่ออะไรนะ

เธอมั่นใจว่าการได้รู้จักกับนายประดิพัทธ์คนนี้มันไม่ได้เสียเวลาไปสักนิด วันข้างหน้าเขาอาจจะได้ช่วยเธอ ส่วนนายโชคชัย อินทรามั่นใจว่าเขาไม่ใช่คนธรรมดา คงเป็นใครสักคนที่ปลอมตัวมาทดลองขับรถแท็กซี่เล่น¬

โชคชัยเดินตามหญิงสาวไปด้วยท่าทีเหลียวซ้ายแลขวา สลัมเป็นอย่างนี้เองหรือ เขานึกถึงเช็คใบนั้น นึกถึงกล้องดิจิตอลที่เขาทำของเธอตกลงมาเสียหาย

เขาต้องรีบชดใช้ให้เธอ

ส่วนประดิพัทธ์ ก็สลดวูบ เมื่อเห็นสภาพบ้านของคนที่ดูเข้มแข็ง

“โอเคค่ะ นี่บ้านฉัน”

“อ้าวกลับมาแล้วรึ พาใครมาด้วยน่ะ” แม่ของหญิงสาวอยู่ในชุดผ้าโสร่งลายดอก มีเสื้อคอกระเช้าเผยกล้ามเนื้อต้นแขน ใบหน้าของคนเป็นแม่นั้นมันเยิ้มผมเผ้าหยิกรุงรังทีเดียว

ชายหนุ่มทั้งสองคนยกมือไหว้นางตามมารยาทไทย นางยกมือตอบอย่างสำรวจตรวจตรา คนที่มาส่งลูกสาวเหมือนกัน

“เฮ้ย! ดารานี่” นางจำเขาได้ ประดิพัทธ์ยิ้มเก้อๆ ให้ เพราะกลัวใครต่อใครในละแวกข้างๆ จะตื่นมาร่วมตื่นเต้น

“กลับไปกันเถอะ แล้วอย่างไรค่อยคุยกันค่ะ” อินทรารีบไล่แขก

เมื่อคนทั้งคู่ลับสายตาไปแล้ว หญิงสาวถอนหายใจออกมา

“อิน แม่มีเรื่องจะบอก”

อินทราจ้องหน้าแม่ หากแม่เริ่มต้นแบบนี้ รับรองเลยว่าไม่ใช่เรื่องดีแน่ หญิงสาวเดินไต่สะพานไม้เข้าไปยังบ้านพัก ซึ่งแทบจะเป็นบ้านโล่งๆ โดยที่นอนของเธอกับน้องนั้น มีเพียงตู้ไม้เก่าๆ ที่บ้านคนมีเงินทิ้งไว้ข้างทางเอามากั้นไว้

“โทรทัศน์บ้านเราหายไป”

อินทรามองไปยังกล่องไม้ที่เคยมีโทรทัศน์ขนาดยี่สิบนิ้วตั้งอยู่ เลือดขึ้นหน้าหญิงสาวในทันที เธอรู้ว่ามันหายไปไหน

“หนูบอกแม่แล้วใช่ไหมว่าอย่าไปหวังรวยทางลัดแล้วเป็นไง แล้วเป็นไง”

“เป็นไงวะ อีอิน ก็หมดตูดนะซิ มันถึงจนอยู่ถึงทุกวันนี้ไง แม่เอ็งมันก็เป็นอย่างงี้ หวยกินทั้งปี”

“หุบปากเลยไอ้แก่ เอ็งล่ะ วันๆ ดีแต่แดกเหล้า เงินทองเคยตกถึงมือข้าบ้างไหม ทำงานได้ก็ลงขวดหมด”

“ข้าก็ยังได้กินเองโว้ย ดีกว่าเอ็งหรอก ที่เอาไปให้คนอื่นกิน” คนเป็นพ่อแม้จะอยู่ในมุ้งแต่หาได้ยุติเสียงต่อว่าต่อขาน

อินทราสลัดรองเท้าไปที่ข้างฝาอย่างขัดเคืองใจ ทะเลาะกันไปเถียงกันไป โยนความผิดกันไปมา ทำไมไม่หันหน้าเข้าหากันแล้วช่วยกันแก้ไข เบื่อ เซ็ง เครียด หญิงสาวออกไปยังห้องน้ำ ตักน้ำล้างหน้า ความเย็นของน้ำทำให้จิตใจที่ร้อนรุ่มสงบ แล้วใบหน้าของรังสิตาก็ลอยเข้ามาในห้วงมโนนึก ผู้ชายอยากได้ผู้หญิงสวยๆ เป็นเมียทั้งนั้น แต่จะมีใครอยากได้ผู้หญิงดีๆ อย่างเธอนี่บ้างนะ¬
---------------------------------------------------------
เมื่อรถแท็กซี่ของโชคชัยแล่นออกไปจากบริเวณบ้านเดี่ยวในหมู่บ้านจัดสรรที่เขาพัก ประดิพัทธ์ก็ค้นหากุญแจในกระเป๋าเสื้อและกางเกง แล้วเขาก็ต้องหัวเสียอีกครั้ง มันอยู่ในรถเบนซ์ของเขา แล้วจะเข้าบ้านอย่างไร คืนนี้เขาจะไปนอนที่ไหน เขาเดินหัวเสียครุ่นคิด คงได้กลับไปที่บริษัทในวันพรุ่งนี้ ขอกุญแจรถจากเจ้านาย แล้วก็แจ้งให้รู้ว่าอย่างไรเสีย เขาจะได้เงินหนึ่งล้านบาทคืนอย่างแน่นอน

ประดิพัทธ์ยืนมองบ้านเดี่ยวของตนในสวนไม้ประดับที่อยู่
รายรอบ สิ่งปลูกสร้างนี้เขาได้มันมาด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง เวลาที่จากชุมพรมาเพื่อมาเรียนทางด้านนิเทศฯ ในเมืองหลวงนั้นไม่ได้ทำให้เขาเสียความตั้งใจ เมื่อเรียนจบเขาได้เข้าฝึกงานในสถานีโทรทัศน์ หลังจากนั้นมีการเปิดสอนการแสดง เขาเป็นหนึ่งในสิบคนของนักเรียนรุ่นนั้น ด้วยหน้าตาคมคายและนิสัยขี้เล่น ทำให้เขาได้รับบทพระเอกอยู่หนึ่งเรื่อง หลังจากนั้นก็รับบทพระรองเรื่อยมา จนกระทั่งได้มาเป็นนักร้องออกเพลงหนึ่งชุด จนเมื่อเขาอยู่ในวงการได้สักสิบปีจึงผันตัวเองมาทำงานด้านพิธีกร จนอายุสามสิบห้าปี งานแสดงเริ่มรับบทเป็นพ่อพระเอกนางเอก เขาจึงมุ่งมาทำงานด้านพิธีกรเต็มตัวควบด้วยตำแหน่งครีเอทีฟ ซึ่งนายพหลจ้างเขาไว้เพราะต้องการช่วยเหลือกัน

เขาอยากมีรายการเป็นของตัวเอง แต่แค่นี้กับเรื่องงานถือว่าเขาโชคดีแล้ว ที่ผ่านมาหากเขารู้จักเก็บหรือไม่หลงระเริงไปกับผู้หญิงกับฟุตบอล เขาก็คงมีเงินฝากหลายสิบล้าน

ส่วนเรื่องความรัก มีทั้งคนในและนอกวงการ มีทั้งก่อนและหลังเข้าวงการ เขาใช้ผู้หญิงเปลือง คำว่า ‘เข้ากันไม่ได้’ มันมีมากมายหลายเรื่อง

แต่ในที่สุดเขาก็มาจนมุมกับนางแบบลูกครึ่งไทยอเมริกัน
แรกทีเดียวนั้นเขาไม่ได้คิดจริงจังเช่นคนอื่นๆ แต่เมื่อเธอยืนยันว่าท้องกับเขา การแต่งงานชนิดสายฟ้าแลบหมดค่าจัดงานไปมากมายจึงเกิดขึ้น เมื่ออยู่ด้วยกัน เธอรู้ว่าเขาไม่ได้ร่ำรวยหรือมีทรัพย์สมบัติทำให้เธอมีความสุขมากนัก การแยกทางกัน การขอเงินค่าเลี้ยงดูลูกสาวในต่างแดน ‘บ้าง’ คือสิ่งที่เธอต้องการ

วันนี้ เมื่อเหตุการณ์เป็นอย่างนี้ เขากลับนึกถึงใครไม่ออกจริงๆ หรือว่าเขามี ‘หน้าตา’ ที่ต้องรักษาไว้จนลืมคำว่ามิตรภาพไปแล้ว เขาจะเดินไปหาเพื่อนดาราคนไหนก็ได้ แต่ในนาทีนี้ เขาไม่อยากเป็นตัวตลก ไม่อยากให้ใครเอาไปพูดปากต่อปาก จนกลายเป็นเรื่อง ‘โจ๊ก’ ประดิพัทธ์ถอนหายใจออกมา คืนนี้เขาคงได้อาศัยโรงแรมแทนการไปเคาะห้องผู้หญิงสักคนที่เขาปรารถนาเพียงเป็นเพื่อนร่วมเตียง แต่ไม่มีวันเป็นเพื่อนเดินร่วมชีวิต¬


(วันที่ 2)


ในเวลาเช้าตรู่ อินทรารีบลุกขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าในตู้ที่มีอยู่น้อยชุด เสื้อเชิ้ตแขนยาวพับแขน กางเกงยีนสีซีดกับรองเท้าผ้าใบคู่เก่า อันที่จริงเธอก็ไม่อยากแต่งตัวมีสไตล์ติสต์แตกแบบนี้ แต่เมื่อชีวิตมันจำเป็นต้องมีเท่านี้ การทำตัวอย่างนี้ก็เท่ากับทำให้เธอลดข้อครหาเรื่องความไม่มี ไม่ทันสมัย ลงไปได้บ้าง

และการแต่งตัวอย่างนี้ การมีท่าทีอย่างนี้ ก็เป็นการป้องกันตัวเธอได้ระดับหนึ่ง

ผู้ชายทุกๆ คนอันตราย เข้าใกล้ๆ ไม่ได้

แต่วันนี้ อินทรากลับนึกถึงไรเคราเขียวครึ้มและแววตาขี้เล่นที่คุ้นเคยยามออกโทรทัศน์ของประดิพัทธ์ และแววตาอ่อนโยนบนใบหน้าอ่อนเยาว์ของโชคชัยขึ้นมา

เธอรู้สึกว่าผู้ชายดีๆ ยังมี แต่คนดีๆ เหล่านั้น จะมองเธอเป็นอย่างไร

“ไปแล้วหรือ ทำไมไปแต่เช้า” แม่ที่ตื่นมานั่งห่อข้าวเหนียวนึ่งกับกล้วยและมันบดสำหรับปิ้งขายที่หน้าสลัมในตอนสาย ถามขึ้น

“เออ ไอ้ชัยวัฒน์หายไปไหน ไม่เห็นกลับมานอนบ้าน”

“ไปนอนบ้านเพื่อน” คนไปแม่พูดไปพลางก้มหน้าทำงานง่วน อินทรารู้ว่าไม่ใช่ว่าแม่ยุ่ง เพียงแต่แม่ไม่อยากให้เธอถามเรื่องโทรทัศน์เมื่อวานมากกว่าแต่ถ้าไม่พูดอะไรเสียเลย แม่ก็จะได้ใจ

“ปล่อยปละละเลย เชื่อใจกัน ระวังเถอะแม่ ลูกชายแม่จะกู่ไม่กลับ ติดคุกติดตะรางขึ้นมาใครล่ะจะพลอยเดือดร้อนไปด้วย ปรามมันบ้างนะ เงินทองอย่าให้มันติดตัวมากนัก แม่ เรื่องหวยอีก หยุดได้แล้วนะ ถ้าเสียอีกคราวนี้ สงสัยจะเป็นหม้อหุงข้าวนะ”

“เออ” คนเป็นแม่พูดได้แค่นั้นแล้วก็พลิกตัวหยิบใบตองขึ้นมาเช็ดทำความสะอาด ลูกสาวถอนหายใจออกมา

“หนูไปแล้วนะ ฟังหรือเปล่า”

“ฟังซิ แม่ลูกบังเกิดเกล้า¬
-------------------------------------------------
วันนี้อินทรามาถึงที่ทำงานเกือบสี่โมงเช้า เหตุผลหลักที่แจ้งให้เจ้านายได้ทราบก็คือรถติด

“ติดทั้งปี มาฝึกงานสามเดือน รถติดมาสายไปสองเดือนครึ่ง”

แท้จริงแล้ว อินทราไปธนาคารที่ระบุอยู่ในเช็คใบนั้น เธอเปิดบัญชีใหม่ เมื่อเอาเช็คเข้าแล้วเธอก็โอนเงินไปยังบัญชีประจำของเธอ ‘เงิน’ เก็บเอาไว้ก่อน เรื่องคิดจะซื้อของ หรือปรับปรุงบ้านนั้น คงต้องหยุดไว้

มีเงิน เอาไว้ใช้ในเรื่องที่ทุกข์ร้อนในอนาคตดีกว่าใช้หาความสุขในปัจจุบัน

“ตกลงว่าไงเรื่องข่าวของเธอเมื่อวาน”

“ข่าวเมื่อวาน ข่าวไหน”

“อ้าวแล้วเธอขออนุญาตไปทำข่าวไหนล่ะ” ว่าแล้วเจ้านายก็โยนหนังสือพิมพ์ฉบับเช้าส่งมาให้

“ประดิพัทธ์ลืมเงินล้านไว้บนรถแท็กซี่โชคดีได้คืน ยังเป็นปริศนา จัดฉากหรือเรื่องจริง”

หญิงสาวพลิกเข้าไปดูด้านใน อ่านรายละเอียดของข่าว และสรุปที่นายประดิพัทธ์ให้สัมภาษณ์ว่าลืมแค่กระเป๋าเอกสารธรรมดามีเงินติดในกระเป๋าพร้อมบัตรประชาชน บัตรเครดิตและบัตรเอทีเอ็มธนาคารต่างๆ นิดหน่อยเท่านั้น ซึ่งพอแจ้งไปทางรายการ ‘ร่วมด้วยช่วยกันเถิดนะ’ แท็กซี่ที่นั่งไปก็ติดต่อกลับมา เขาต้องการยกย่อง แต่แท็กซี่ไม่ต้องการชื่อเสียงบอกว่าเป็นเพียงคุณธรรมธรรมดาของคนเท่านั้นเอง แต่เนื้อข่าวที่ว่ามีแหล่งข่าวแจ้งว่ายังมีการวิ่งไล่หากระเป๋าเงินนับล้านในร้านนมกลางซอยมหาดไทย โดยผู้แจ้งยืนยันว่า “รู้” และ “ได้ยิน” ถ้อยคำที่น่าสงสัยว่ามันคืออะไรกันแน่ ซึ่งทางนักข่าวคงจะติดต่อขอสัมภาษณ์ต่อไป


“เป็นไง มันคืออะไรแน่ยะ ฉันรู้ว่าเธอรู้ดี”

“ความจริง ก็คืนไปแล้ว” อินทรายืนกระต่ายขาเดียว

“ได้มาเท่าไหร่ ค่าปิดปาก อย่าคิดนะว่าฉันไม่มีตาเป็นสับปะรด”

“พี่เก่งอยู่แล้ว แต่หนูไม่ได้อะไร” อินทราจำต้องรักษาความลับให้ได้มากที่สุด เธอเองก็ไม่อยากที่จะแบ่งเงินก้อนนี้กับใครหรอก ทีตัวเองได้ค่าเชียร์ดาราคนนั้นคนนี้ ยังไม่เห็นแบ่งใครในกองหรือซื้อหาอะไรมาฝากน้องๆ สักครั้ง แล้วเมื่อเธอได้บ้างจำเป็นด้วยหรือ

“ไม่ได้ก็ไม่ได้ แต่นี่” พี่รติยื่นถุงพลาสติกซึ่งมีกระเป๋าสีดำเล็กอยู่ข้างในมาให้ อินทราชะโงกหน้ามอง ยังไม่เชื่อสนิทใจนักว่าเจ้านายจะไม่มีอะไร

“มีคนฝากรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างมาให้ เน้นว่าเป็นของ คุณอินทรา วังอินทะ”

อินทรารับมันมาถือแล้วรีบเปิดดู

“กล้องดิจิตอล” อยากจะดีใจแต่ความสงสัยก็ยังมี

“ใครให้เธอเหรอ”

“เพื่อนค่ะ”

“เพื่อนก็เพื่อน รุ่นนี้ดีนะ หวังว่าไม่ได้เอาอะไรไปแลกมา”

“ค่ะ ไม่ได้เอาอะไรไปแลก” อินทราเน้นคำ

“แต่ถ้าต้องแลก เธอก็น่าจะยอมนะ รู้ไหมว่าคุณพหลโทรมาหาพี่ บอกว่าอยากให้เธอไปรับข่าวสารในบริษัทแมสมอร์นิ่งด้วยตัวเอง”

“ปกติก็ส่งเมล์มาให้นี่คะ”

“แต่วันนี้ขอพิเศษ”

“ไม่ค่ะ ไม่ชอบมาพากล หนูไม่ไป”

“ก็แค่พึงใจเธอเท่านั้นเอง ไปเถอะ คุยกันดีๆ ยอมไม่ยอม มันเรื่องของเธอ แต่ถ้าไม่ยอมแล้วได้ประโยชน์กลับมาทั้งตัวเอง ทั้งหนังสือ พี่นับว่าเธอเก่ง ไปเถอะ”

อินทราถอนหายใจ ก่อนจะขออนุญาตออกมาข้างนอก เพื่อนนักศึกษาที่มาฝึกงานพร้อมๆ กันจ้องมอง ทุกคนรู้ว่าเธอมาจากที่ไหน เครื่องแบบจึงไม่จำเป็นสำหรับเธอ ผลงานเท่านั้นเป็นการพิสูจน์ว่าเธอพร้อมที่จะก้าวไปเป็นคนของสื่อได้ไหม



จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 23 มิ.ย. 2554, 09:22:06 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 23 มิ.ย. 2554, 09:22:06 น.

จำนวนการเข้าชม : 1940





<< 4.รังสิตา   ุ6.ชีวิตตัวเองลำบากไม่พออีกหรือ >>
Zephyr 23 มิ.ย. 2554, 18:05:58 น.
ยัง งง เดาเรื่องไม่ออก ได้แต่ติดตามต่อไปค่ะ


ปูสีน้ำเงิน 23 มิ.ย. 2554, 23:08:23 น.
ชักสงสัยแล้วสิว่าใครคู่ใครกันแน่


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account