ในเงาฝันปลายตะวัน
พรนับพัน ชีวิตของเธอจะมีตาอยู่ในทุกๆ ที่ แม้กระทั่งวันที่ตาจากไป หลายๆ สิ่งที่เธอทำก็ยังอยู่ในเงาของ 'ตะวัน' ผู้เป็นตาไม่เคยเปลี่ยน

และเพราะนิสัยที่เอาแต่ใจ โมโหร้าย ไม่สนใครหน้าไหนของพรนับพัน ชีวิตวันๆ หนึ่งเดินออกไปไหนไม่ได้ไกล หากมีเรื่องเข้ามาหาเจ้าหล่อนพร้อมพุ่งชน และนั่นเองทำให้รอบข้างกังวลและอยากจับเธอเปลี่ยนแปลง

ทิวากร ไม่รู้ว่าเขาโชคดี หรือโชคร้ายที่ได้รับหน้าที่จัดการเปลี่ยนมนุษย์ถ้ำ ให้ออกสู่สังคมได้อย่างปกติ แต่ดูเหมือนว่าคนที่ใครมองว่าโชคร้าย กลับเต็มใจรับสภาพ อ้าแขนรับมนุษย์ถ้ำคนนี้ซะด้วย
Tags: มนุษย์ถ้ำ โรแมนติก อมยิ้ม

ตอน: บทที่ 19 : หมดความอดทน

บทที่ 19

ร่างสูงเดินกลับเข้ามาในห้องพลางทรุดตัวลงนั่งยังเก้าอี้ข้างเตียงคนเจ็บ หน้าตาเหม่อลอย ชายหนุ่มได้แต่เฝ้าทบทวนถึงการกระทำของตัวเอง ว่าได้พลาดอะไรไปบ้าง

และสิ่งเดียวเขาพลาดก็คือ การมานั่งอยู่ในห้องนี้แทนที่จะไขว่คว้าหัวใจที่โบยบินหนีจากไปจากร่างกายเขา

“โดนทิ้งเหรอคะ” ทองเอกดัดเสียงแหลมเล็กพลางหัวเราะเย้ยหยัน “ไม่อดทนเอาซะเลย”

“สนุกพอหรือยัง” ทิวากรถามเสียงเหี้ยม ดวงตาจ้องเขม็งไปยังน้องชายหน้าสวยของเพื่อน

“ยังค่ะ ยังไม่สะใจ เป็นไงคะเจ็บหรือเปล่าความรู้สึกของการโดนทิ้ง”

ทิวากรกำหมัดแน่น ระงับอารมณ์เต็มที่ “มนุษย์เราบางครั้งก็มีแค่เนื้อหนังเท่านั้นเองที่เป็นคน จิวว่าอย่างนั้นไหม” แหวนที่กำแน่นอยู่ในมือเย็นเยียบไปถึงใจ “มนุษย์เราสูงกว่าสัตว์ตรงที่รู้จักยับยั้งชั่งใจ รู้จักผิดชอบชั่วดี แต่ถ้าทำไม่ได้ ก็ไม่ต่างอะไรเลยกับ...”

“จะด่ายังไงก็เชิญค่ะ ยังไงยัยนั่นก็คงไม่กลับมา” ทองเอกสวนขึ้นมา มุมปากยิ้มร้ายสาแก่ใจ

ดาราหนุ่มผุดลึกขึ้น พยายามหายใจเข้าปอดลึกๆ ให้ตัวเองใจเย็นมากที่สุด แม้ว่ามือกำลังสั่น

“จากนี้จิวจะทำยังไงกับชีวิตต่อไปเชิญจิวทำมันได้เต็มที่ แต่จิวจะไม่มีวันรั้งชีวิตพี่ไว้ได้อีก ให้จิวตายต่อหน้า พี่ก็จะไม่มีวันใจอ่อน ชีวิตมนุษย์เลือกเกิดไม่ได้แต่เลือกเป็นได้ กับผู้ชายที่ไม่รักคนเดียวแล้วจิวจะเป็นจะตาย พี่ก็ไม่รู้จะช่วยอะไรจิวเหมือนกัน พี่ขอพูดอีกครั้งว่าต่อให้พี่ไม่ได้แต่งงาน จิวก็ไม่มีวันเป็นได้แม้กระทั่งตัวเลือกของพี่”

“พี่ทิว!”

“จะให้พี่พูดว่าเกลียดใช่ไหมจิวถึงจะหยุด พอสักที เลิกทำลายชีวิตของพี่ ของคนที่พี่รักสักที”

ร่างบางยกมือปิดหู เริ่มกรีดร้องออกมา ส่ายหน้าไม่ยอมรับฟัง “จิวไม่ฟัง พี่ทิวหยุดพูดนะ”

ทิวากรมองน้องชายเพื่อนด้วยดวงตาเฉยชา ไม่มีประกายความใจดีอีก มาถึงวันนี้เขาไม่เหลือหัวใจให้เห็นใจใครเช่นกัน

“พี่ไม่ใช่คนใจดี ไม่ใช่คนที่ควรค่าให้ใครมารัก ถ้าพี่รักคุณพราวด์ไม่ได้ พี่ก็จะไม่รักใครอีก ยิ่งจิวทำร้ายคุณพราวด์มากเท่าไหร่ พี่ก็ยิ่งเกลียดจิวมากเท่านั้น”

น้ำตาของคนบนเตียงไม่สามารถทำให้คนมองเห็นใจได้เลย ทิวากรส่ายหน้า กำลังจะเดินออกไป ไม่วายหันกลับมาตอกตะปูลงกลางใจคนฟังอีกหนึ่งดอก

“พี่ขอให้จิวคิดให้มากๆ ความรักมันคืออะไร ความสุขมันคืออะไร การไขว่คว้ามาในสิ่งที่รู้ว่าไม่มีวันได้มามันดีไหม หรือการเห็นคนที่ตัวเองรักมีความสุข ปล่อยในสิ่งที่ไม่ใช่ของตัวเองไป จิวไม่มีคนที่รักจิวบ้างเหรอ ทำไมไม่คิดกลับกัน เพราะอะไรทำไมจิวถึงไม่รักเขา จิวควรจะรู้ว่าหัวใจคนเรามันบังคับกันไม่ได้”

ชายหนุ่มใช้สายตาเย็นชาปราศจากความเห็นใจเชือดหัวใจคนมองให้เจ็บหนัก ก่อนจะเดินออกจากห้องไปโดยไม่หันหลังกลับมา ได้แต่ปล่อยให้ทองเอกโหยหวนอย่างเจ็บปวด

เขารู้ว่าตอนนี้สิ่งที่เขาทำ มันคงไม่มีประโยชน์ หรือแก้ไขทำให้พรนับพันกลับมาได้เลย


ร่างสมส่วนเดินอย่างเชื่องช้ามาตามริมถนน ดวงตามีน้ำคลอหน่วยหล่อเลี้ยงความชุ่มชื้นของลูกตาตลอดเวลา มันสืบทอดมาจากความเจ็บปวดภายในจิตใจ พรนับพันไม่เคยรู้สึกว่าความรักจะทำให้เจ็บได้มากขนาดนี้ เจ็บเพราะจาก ไม่ทรมานเท่าเจ็บแต่รักกันไม่ได้

เธอไม่ใช่สัตว์กินหญ้าที่จะได้อดทน ขนาดวัวที่เข้าโรงเชือดยังหลั่งน้ำตาได้ แล้วนับประสาอะไรกับมนุษย์ ที่ยิ่งรู้ว่าเดินไปก็มีแต่เหนื่อยเปล่า สู้หันหลังกลับมาไม่ดีกว่าเหรอ

พรนับพันหัวเราะให้กับตัวเองราวกับคนบ้า เธอควรรู้ว่าที่ผ่านมาแท้จริงแล้วหัวใจของเธอไม่เคยปักใจเชื่อว่าทิวากรจะรักเธอมากพอ ไม่เคยเชื่อว่าเขาจะปกป้องเธอได้ และไม่เคยเชื่อว่าเขาจะไม่โกหกอีก

หัวใจเธออ่อนไหว ยอมแพ้ง่ายๆ กับคำขอโทษของเขา แต่ในอนาคตเธอจะไม่ทำแบบนั้นอีก จะไม่โง่ซ้ำๆ อีก เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอถูกคนอื่นเล่นงาน เขาไม่รู้อะไรเลย...

เช้านี้หลังจากรู้เรื่องที่ตัวตนของเธอที่ใช้นามปากกาตาวันพรนับพันก็สงบสติอารมณ์ชั่วคราว เธออยากคุยกับทิวากรก่อนว่าเขาได้พบกับทองเอกไหม ส่วนเธอก็เดินทางไปหารุจี ก่อนจะได้รับรู้ว่าชวินไม่ได้กลับมานอนที่บ้านร่วมเดือนแล้ว

และเพียงแค่ถามหาทิวากรจากดนพเธอถึงได้รู้ว่าเขามีเรื่องอะไรปิดบังเธอ...เขายังจัดการทองเอกไม่ได้

ถ้าเป็นเธอทองเอกคงจะไปพ้นจากชีวิตได้นานแล้ว แต่นี่ทิวากรไม่แม้แต่จะให้เธอเข้าไปด้วยซ้ำ ยังเหลืออะไรต้องพูดกันอีก

พรนับพันกำนิ้วที่ไร้แหวนอย่างเจ็บปวด หัวสมองชาหนึบคิดอะไรไม่ออกนอกจากกลั่นออกมาแต่ภาพอันทำร้ายจิตใจ การตีความที่มีแต่ติดลบอยู่ภายในหัวสมอง ยามนี้หญิงสาวไม่สามารถคิดอะไรดีๆ ได้ออกเลย...มีแต่เรื่องแย่ๆ

ลูกบอลกลิ้งมาแตะถูกฝ่าเท้าของพรนับพัน ใบหน้าอันเศร้าหมองก้มลงมองลูกบอล กวาดตาหาที่มาของมันก็พบว่าเป็นเด็กน้อยวัยเจ็ดขวบจากอีกฟากของถนน พรนับพันย่อตัวลงไปเก็บ ขณะที่รถรายังคงวิ่งพลุกพล่านบนท้องถนน

เมื่อถนนเริ่มว่าง พรนับพันตั้งใจจะวิ่งเอาบอลไปคืนให้ แต่เด็กชายอีกฝั่งก็ใจร้อนรีบวิ่งมา เสียงแตรจากไม่ใกล้ไม่ไกลดังขึ้นยาว พรนับพันตาเบิกโตเมื่อเห็นรถเก๋งคันที่เธอเคยนั่งพุ่งเร็วมา

ชวิน... ขนคอพรนับพันตั้งชัน ความกลัวจู่โจมจิตใจ เธอกลัวว่าเด็กชายที่ไม่รู้เรื่องอะไรด้วยจะมารับเคราะห์ รีบออกตัววิ่งไป ในมือปล่อยบอลทิ้งไปบนพื้น ช่วงระยะที่รถกำลังแล่นมาถึงตัวเด็กชาย พรนับพันคิดเพียงเสี้ยววินาที เธอรีบเอื้อมมือสุดแขนคว้ามือเด็กชายเหวี่ยงออกไปอีกทางสุดตัว ส่วนตัวเองกลายเป็นรับแรงกระแทกช่วงกลางลำตัวล้มไปกับพื้น

พรนับพันรู้สึกเหมือนร่างกายจะฉีกออกจากร่าง ความเจ็บเกือบทำให้เธอสลบไป แต่ก็ยังปรือตาขึ้นมามองเด็กชายที่นั่งร้องไห้โยเยอยู่กับพื้นข้างๆ ร่างของเธอ

“พี่สาว พี่สาวเลือดออก”

เสียงรถตำรวจดังขึ้นรอบบริเวณ แต่หูของเธอเริ่มคล้ายจะได้ยินไม่ชัด พรนับพันยิ้มซีดเซียวทั้งที่ช่วงท้องของเธอเหมือนถูกควักอวัยวะออกมา แต่เธอไม่อยากให้ใครมาร้องไห้ให้เธอเลย ไม่เลยสักนิด

“อย่าร้องสิ ลูกผู้ชายต้องเข้มแข็ง”

และใจดี อ่อนโยน เหมือนกับทิวากร พรนับพันน้ำตาร่วงออกมา ไม่เหลือแรงต้านทานขณะปล่อยให้ตัวเองจมลงไปในความเจ็บปวด และอนธการ

จะไม่ได้เจอกันแล้วเหรอ...


ถ้าหากเขาเอื้อมมือไปคว้าพรนับพันตอนที่อยู่หน้าห้องทองเอก เธอจะไม่ต้องพบเจอเรื่องแบบนี้...

ทิวากรนั่งกุมศีรษะ ปิดหน้าที่กำลังหลั่งน้ำตาออกมาเงียบๆ ความเจ็บปวด และเลือดที่เขาพบเห็นตอนวิ่งตามออกมาเพื่อตามหาพรนับพันหยุดหัวใจของเขา เหมือนใครสักคนมากำหัวใจเขาให้หยุดเต้น

ตำรวจรวบตัวชวินไว้ได้ก่อนที่ฝ่ายนั้นจะหนีไป แต่เขาไม่มีเวลาไปใส่ใจเรื่องอื่นอีก ชวินถึงมือตำรวจ เขาก็ไม่ต้องห่วงอะไร นอกจาก...คนที่เป็นหัวใจของเขา

สามชั่วโมงที่พรนับพันเข้าไปในห้องผ่าตัดจนกระทั่งเวลานี้เขาก็เห็นเพียงแค่พยาบาลคอยขนเลือดเข้าไปเรื่อยๆ เป็นระยะ

ทิวากรรู้สึกว่าความผิดทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันเริ่มมาจากเขาคนเดียว...ทุกๆ อย่าง ทุกๆ เรื่อง

คนอย่างเขาไม่สมควรลากพรนับพันมาผจญเรื่องราวในครั้งนี้ด้วยเลยสักนิด

“ผมขอโทษ ผมขอโทษ”

ชายหนุ่มพึมพำคำเดิมซ้ำๆ ในใจภาวนาให้พรนับพันอย่าเป็นอะไร หากให้เขาเจ็บแทนยังจะดีเสียกว่า

“ตายๆ ไปเถอะ นังมารหัวใจ”

เสียงเล็กบาดหูกระแทกใจคนฟังที่กำลังจิตตกถึงขีดสุด ทิวากรมีดวงตาแข็งกร้าวขึ้น ร่างสูงที่ไหล่ลู่ตกหมดสง่าลุกขึ้นยืน ยกมือฟาดไปบนซีกหน้าคนพูดอย่างแรง หากไม่เพราะทองเอกอยู่ในร่างของจิว อยู่ในร่างผู้หญิง ตนเชื่อว่าจากฝ่ามือมันอาจแปรเปลี่ยนเป็นกำปั้นได้

“พี่ทิว!” หน้าสวยหันกลับมา มุมปากมีเลือดซิบ ดวงตาแสดงความเสียใจ “รักมันมากใช่ไหม!”

“ใช่ คนอย่างเธอควรรู้ แล้วก็จำไว้ด้วย ว่าคนที่พี่รักจะมีแค่คุณพราวด์”

“จิวเกลียดมัน มันมาทีหลังมีสิทธิ์อะไร แล้วนี่พี่ทิวถึงกับทำร้ายจิวเพราะมัน” เสียงเล็กกรีดเสียงอย่างทนไม่ไหว มือเริ่มมาทุบตีคนที่เจ้าหล่อนรักถวายหัว แต่ฝ่ามือถูกทิวากรกุมไว้แน่นทั้งสองข้าง ข้างหนึ่งแผลที่กรีดยังไม่ทันหายดีด้วยซ้ำถูกกดจนเลือดซึม และถูกผลักอย่างแรงจนก้นกบกระแทกกับพื้น

“พี่เคยคิดมองเธอเป็นน้อง แต่วันนี้แม้แต่น้องพี่ก็ให้ไม่ได้ เพราะพี่เกลียดเธอมาก เกลียดจนไม่อยากให้เธอมายุ่งวุ่นวายกับชีวิตพี่อีก พี่ยอมเธอมามาก ยอมมาตลอด เพราะเห็นแก่เธอเป็นน้องของทองภู ถ้าการกระทำของชวินที่รักเธอถวายหัวในครั้งนี้จนต้องติดคุกจะทำให้เธอรู้ผิดชอบบ้าง พี่อาจยังพอให้อภัยเธอได้ แต่เธอคงเลวเกินไป เลวเกินไปที่พี่จะเสียเวลาเสวนาด้วยอีก”

“หมายความว่าไง...”

ผู้ชายดวงตาแดงก่ำมีประกายดุร้าย รังสีในตัวแฝงไปด้วยความกระหายอยากฆ่า มือข้างหนึ่งที่มีแหวนอยู่กำไว้แน่น เขานึกอยากจะฆ่าทองเอกเป็นพันๆ ครั้ง อยากจะทำให้ทองเอกพบเจอความเจ็บปวดให้เหมือนที่เขากับพรนับพันต้องเจอ

“สารวัตรครับ” ทิวากรยิ้มขมขื่นตรงมุมปาก ทอดสายตามองชายในเครื่องแบบที่เดินตรงดิ่งมาอย่างรู้งานเมื่อทิวากรเรียกหา ทองเอกเองก็น้ำตานองหน้า ตั้งใจจะกอดขาทิวากรเพื่อร้องหาความเห็นใจ แต่ทิวากรถอยออกห่างอย่างรังเกียจเสียก่อน “ดำเนินตามคดีเถอะครับ ทุกๆ เรื่องที่เขาทำ ผมเอาเรื่องทุกคดี”

“ไม่จริง พี่ทิวไม่กล้า พี่ทิวที่จิวรู้จักไม่มีวันทำแบบนี้กับจิว”

ร่างอ้อนแอ้นพยายามสะบัดตัวออกจากการจับกุมของเจ้าหน้าที่หลายนายแต่ไม่เป็นผล ทิวากรมองด้วยดวงตาว่างเปล่า ไม่แยแสที่จะช่วย

“จิวเป็นน้องพี่ภูนะ พี่ทิวทำแบบนี้กับน้องเพื่อนได้ยังไง”

“เลิกเอาฉันมาอ้างได้แล้ว” ทองภูเดินดุ่มเข้ามาใบหน้าแดงก่ำ มาถึงก็ยกมือฟาดหน้าน้องสาวอย่างแรงคนละข้างกับที่ทิวากรฝากรอยไว้ก่อน เค้นเสียงพูดออกมาต่อว่า “ตำรวจดักฟังโทรศัพท์แก รู้ว่าแกโทรไปร้องห่มร้องไห้กับนายชวิน ขอให้เขาช่วยจัดการคุณพราวด์ให้ อย่าให้มีชีวิตอยู่เป็นเสี้ยนหนามแกอีก จิตใจแกมันต่ำ ต่อให้แกเป็นน้องฉัน ฉันก็คงทำได้แค่ปล่อยให้แกรับโทษที่ตัวเองก่อ”

“พี่ภู!”

“แกเดินมาไกลจนฉันช่วยเหลืออะไรไม่ไหวแล้ว ครั้งนี้มันชีวิตของคน” ทองภูส่ายหน้าอย่างผิดหวัง ปล่อยให้เจ้าหน้าที่ลากน้องของตนออกไป แม้อีกฝ่ายจะดิ้นต่อต้าน และส่งเสียงไม่ยอมรับขนาดไหนก็ตาม

ทิวากรนั่งลงหลับตาอย่างอ่อนแรง นึกโทษตัวเองที่ไม่ยอมทำแบบนี้มาแต่ต้น

“ขอโทษที่ฉันเคยขอให้นายอย่าดำเนินคดีกับจิว ถ้าฉันปล่อยให้นายจัดการจิวตั้งแต่แรก เรื่องคงไม่เป็นอย่างนี้”

“เรื่องที่ผ่านมา มันแก้อะไรไม่ได้แล้ว”

“ยังไงฉันก็รู้สึกผิด” ทองภูแตะบ่าเพื่อนแทนความรู้สึกผิดทั้งหมด สภาพทิวากรในเวลานี้คล้ายคนที่มีเพียงร่างแต่ขาดจิตวิญญาณ

“คุณพราวด์ต้องไม่เป็นอะไร พอคุณพราวด์ตื่นฉันจะช่วยอธิบายให้เขาฟังด้วย”

หนึ่งดาราเดินตรงเข้ามา ส่งน้ำเย็นให้ทิวากรดื่มบ้าง หลังจากที่มาเฝ้าหน้าห้องผ่าตัดนานหลายชั่วโมง เธอก็ขอตัวออกไปซื้อน้ำมาให้ผู้ชายอาการหัวใจแย่ ตอนกลับเข้ามาจึงพบตัวการของเรื่องทั้งหมดถูกตำรวจใส่กุญแจมือลากไปขึ้นรถ

“เดี๋ยวฉันไปดูจิวหน่อย” ทองภูที่พอเห็นว่ามีหนึ่งดารามาจึงขอตัวบ้าง ไม่ว่ายังไงเขาก็ยังต้องทำหน้าที่พี่ชาย ถึงไม่ได้ช่วยในเรื่องคดี อย่างน้อยก็อยู่เป็นเพื่อนทองเอก ไม่ให้เสียขวัญมากกว่านี้

“พราวด์มันเป็นมนุษย์ห่ามๆ ชอบทำอะไรพุ่งชนเสมอ ถึงจะเป็นคนปากร้าย เจ้าอารมณ์ แต่พอถึงนาทีวิกฤตพราวด์ก็เลือกเอาตัวเองไปช่วยเหลือคนอื่น พราวด์ทำให้ฉันประหลาดใจมากจริงๆ ถ้าเป็นพราวด์สมัยก่อน ฉันอาจไม่คิดว่าเพื่อนฉันมีมุมแบบนี้ด้วย คุณทิวทำให้พราวด์แสดงมุมดีๆ ออกมามากขึ้นนะคะ”

“ผมไม่ดีใจหรอกนะครับ”

“เชื่อเถอะค่ะ พราวด์มันหัวแข็ง กระดูกเหล็กจะตาย คนแบบนี้ยิ่งมีอะไรค้างคาในใจมากๆ ไม่ยอมให้จบลงง่ายๆ หรอกค่ะ ถ้ามีเรื่องแค้นกับใคร ตื่นมาแม่เจ้าประคุณก็ยังจำได้เลย” หนึ่งดาราพยายามยิ้มทั้งที่ปลายจมูกแดง ขอบตามีน้ำรื้น

“ฉันตั้งใจกลับมางานแต่งมันแท้ๆ นี่ให้มานั่งรออะไรก็ไม่รู้ ไอ้เพื่อนบ้า” ยิ้มได้ไม่เท่าไหร่ก็ถูกความจริงในใจที่คนเป็นเพื่อนอัดแน่นไปด้วยความกลัวล้นทะลักออกมา

ไฟในห้องผ่าตัดดับลง ทิวากรและหนึ่งดาราลุกขึ้นยืน หัวใจลุ้นกับความหวังเมื่อบุรุษพยาบาลเข็นเตียงคนไข้ออกมา หน้าขาวซีดหลับพริ้ม ตามแขนเจาะสายถุงเลือด ชายหนุ่มตั้งใจจะเดินตามไปอย่างที่หนึ่งดาราเดิน แต่พบว่าคุณหมอทั้งสามที่วันนี้ถึงกับยอมเข้าไปเพื่อช่วงชิงลมหายใจคนในครอบครัวจากมัจจุราชกลับมาส่งสายตาห้ามทัพไว้แทนการพูด


ห้องพักแพทย์ที่มีเตียงนอนอยู่ถูกคุณหมอสามท่านจับจองยืนในบริเวณว่างข้างเตียง และมีหนึ่งแขกนั่งบื้อใบ้รอรับคำตัดสินจากคนในครอบครัวของพรนับพันบนเก้าอี้ ก้มหน้ายอมรับชะตากรรม

“คุณพราวด์ปลอดภัยดีใช่ไหมครับ”

“รถแค่เฉี่ยวค่ะ แต่ขนาดเฉี่ยว อวัยวะภายในของพี่พราวด์ก็บอบช้ำมาก” นับพันพรเป็นคนตอบ สีหน้าเคร่งเครียด “ที่หนักก็คือขาค่ะ”

“ขาเหรอครับ” ทิวากรเงยหน้าขึ้นมองนายแพทย์ทั้งสาม หัวใจตกวูบ “คุณพราวด์จะเป็นอะไรมากไหมครับ”

“อาจจะพิการไปทั้งชีวิต” นายแพทย์ใหญ่นับพันกล่าวเสียงเหี้ยม

“ผมจะรับผิดชอบเอง”

“พูดง่ายแต่ทำยากนะคะ ฉันได้ยินจากปากยัยแฟร์มาว่าคุณกับยัยพราวด์ทะเลาะกันรุนแรงก่อนเกิดเรื่อง พราวด์บอกยกเลิกงานแต่งงานกับคุณ” แพทย์พรนภายิ้มเพียงปาก แต่ดวงตาแข็งกร้าว “หากลูกสาวฉันไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวกับคุณอีก ต่อให้พิการจริง พวกฉันคงต้องขอเชิญคุณออกไปจากชีวิตลูกสาวฉัน คุณก็สบายไม่ต้องรับผิดชอบอะไรทั้งสิ้น”

ทิวากรกำมือแน่น ในความคิดมีสิ่งเดียวที่แจ่มชัด “ขอโทษที่ผมทำให้ผิดหวัง ผมไม่สนว่าคุณพราวด์จะไม่ต้องการผม ไม่สนว่าเธอจะขับไล่ผมยังไง จากนี้ผมจะไม่ไปจากคุณพราวด์อีก ผมจะดูแล จะรักคุณพราวด์ไปตลอดชีวิตที่เหลือของผม ผมยินดีมีชีวิตอยู่เพื่อเห็นเธอเกลียดผม ดีกว่าเห็นเธอจากไป”

“พวกเราจะไม่ช่วยอะไรคุณทั้งนั้นขอให้รู้ไว้” พรนภาเมินหน้าไปทางอื่น

“ผมจะพยายามด้วยตัวของผมเอง ขอแค่ให้ผมได้ดูแลคุณพราวด์เท่านั้นครับ”

พ่อลูกสบตากัน ในประกายมีบางสิ่งที่สื่อถึงกันแทนคำพูด

“ตามใจ แต่ฉันขออีกอย่างนะคะ อย่าได้ทำให้พี่พราวด์เสียใจอีกเด็ดขาด ถ้ามีอีกครั้งพวกเราจะขอพี่พราวด์คืน จะไม่มีโอกาสให้คุณทิวแก้ตัวอีกเป็นครั้งที่สอง”

“ผมทราบดีครับ” ทิวากรก้มหน้ายอมรับ ขอเพียงแค่มีโอกาสอีกครั้ง

ครั้งสุดท้าย...เขาจะไม่มีวันทำตัวเป็นคนโง่อย่างที่แล้วมาอีก


หนึ่งวันอันน่าเจ็บปวดผ่านไปอย่างเชื่องช้า ทุกวินาทีสำหรับทิวากรดูเวลามันเคลื่อนคล้อยผ่านไปไม่ต่างจากเต่าตัวหนึ่ง ชายหนุ่มนั่งอยู่ข้างเตียงคนป่วยมาเป็นเวลาหนึ่งวันเต็ม พรนับพันก็ยังไม่มีทีท่าจะตื่นขึ้นมาง่ายๆ จากนิทรา

มือที่เคยเย็นเฉียบของพรนับพันตอนที่ออกจากห้องผ่าตัดมาใหม่ๆ อุ่นขึ้น หน้าที่เคยซีดเซียวมีเลือดมาเลี้ยงจนแก้มขึ้นสีชมพูอ่อน ทิวากรลูบลูกผมที่ปรกข้างแก้มพรนับพันออกไปทัดหูให้อย่างเบามือ เกรงจะทำให้คนเจ็บตื่น

ขาของพรนับพันข้างหนึ่งเข้าเฝือกไว้ หลายครั้งที่เขามองขาข้างนั้นเขาพานจะรู้สึกเจ็บปวด และคล้ายมีก้อนหินหล่นมากดทับกลางใจ หากพรนับพันเดินไม่ได้ไปตลอดชีวิต นี่จะเป็นความผิดติดตัวของเขาที่ได้ทำให้คนที่รักพบเจอเรื่องเลวร้าย

หลายครั้งที่เขาอยากปล่อยมือพรนับพันในช่วงเวลาที่อันตราย และเสี่ยงจะเกิดเรื่องทำนองนี้ขึ้น แต่เขาตัดใจไม่เคยได้สักครั้ง เขายังอยากเห็นรอยยิ้ม เสียงกราดเกรี้ยว และการทำลายล้างของพรนับพัน อยากจะกอดสาวอารมณ์ร้ายไว้ในอ้อมอก กอดเธอให้แน่นในยามที่เธอกำลังดื้อถึงขีดสุด

แต่เขามีเวลาทำสิ่งเหล่านั้นน้อยเหลือเกิน...

นิ้วมือเรียวเริ่มขยับ ทิวากรไม่มั่นใจนักจึงเอื้อมมือไปคว้ากุมมืออุ่นไว้ และการบีบตอบกลับมาทำให้ชายหนุ่มรู้สึกลิงโลดในอก ไม่นานเปลือกตาที่มีขนตางอนยาวประดับเริ่มขยับยุกยิก ดวงตาคู่ที่เขาแสนคิดถึงหรี่ลืมขึ้นมาครั้งหนึ่ง ก่อนจะหลับลงไป ขมวดหัวคิ้วแน่น ก่อนจะรวบรวมแรงอีกครั้ง คราวนี้พรนับพันจึงลืมตาขึ้นมาได้สำเร็จ

“คุณพราวด์”

พรนับพันส่งเสียงครางเบาๆ จากการเจ็บแผล หันขวับมายังต้นเสียง ผู้ชายที่อยู่ในชุดฆ่าเชื้อสีเขียว ใบหน้าสว่างไสวด้วยรอยยิ้มกว้างเป็นจานดาวเทียมทำให้คนมองนึกโกรธพานเจ็บไปถึงแผล

“ออกไป!” พรนับพันใช้เสียงแหบต่ำตัวเองไล่ หน้าตาเหยเกจากความเจ็บ “ออกไปให้พ้นหน้าฉันเดี๋ยวนี้!”

“ผมจะตามคุณหมอมาตรวจคุณ” ทิวากรลุกขึ้นยืน รอยยิ้มหายไปกว่าครึ่ง แต่เขารู้ว่ามันเป็นความผิดของเขา พรนับพันจึงมีอาการเช่นนี้

แต่ก้าวไปได้ไม่กี่ก้าว น้ำเสียงหวานก็ฝ่าขึ้นมาในความเงียบ ด้วยประโยคอันโหดร้าย

“จากนี้อย่าเอาหน้าที่ฉันเกลียดมาเสนอให้ฉันเห็นอีก ฉันเกลียดคนขี้ขลาด คนอ่อนแอ ไปให้พ้นๆ หน้าฉันทีเถอะ”

ทิวากรออกไปเงียบๆ ไม่มีการตอบโต้ด้วยประโยคใด พรนับพันเม้มปากมองตาม เจ็บแผลก็เจ็บ แต่แผลที่ใจเหมือนว่ามันจะเป็นแผลที่สดใหม่ยิ่งกว่า

ผู้ชายคนนี้เขาเอาหน้ามาเสนอ แต่เอาปากไปซุกอยู่ใต้โลกหรือไง ดี เขาควรรู้ว่าเธอจะไม่มีวันให้อภัยให้กับความไม่เด็ดขาดของเขา เพราะเขาเธอถึงต้องเจ็บตัวแบบนี้

เขาควรรู้ตัว...แต่เหนืออื่นใด หัวใจเจ้ากรรมของเธอกลับมีความยินดีแทรกมาบางเบา

เธอดีใจที่ตื่นมาเจอเขา...พรนับพันรีบสะบัดศีรษะไล่ความคิดนั้นไป จากนี้จะไม่มีการใจอ่อนให้เขาอีกแล้ว


ไม่นานพรนับพันก็ถูกย้ายมายังห้องพักผู้ป่วยพิเศษ มีดอกไม้หลายกระเช้าส่งมาเยี่ยมจนเต็มห้อง จากทั้งเพื่อนในวงการของทิวากร ผู้ใหญ่ที่เธอรู้จัก และที่น่าตกใจที่สุดก็คือ ในมุมหนึ่งมีทั้งดอกไม้ ตุ๊กตา และขอน่ารักขนาดเล็กที่ทุกคนจัดแยกให้ไว้ชัดเจนและบอกกับเธอว่าของเหล่านี้มาจากแฟนคลับหนังสือของเธอ

“มองยิ้มไม่เลิกเลยนะ” หนึ่งดาราส่งเสียงแซว กอดอกมองเพื่อนที่นั่งกึ่งยิ้มกึ่งบึ้งจากที่นอนของคนเฝ้าไข้ ยิ้มเพราะของเยี่ยมจากแฟนหนังสือ แต่บึ้งเพราะมนุษย์หน้านิ่งนั่งจองที่นั่งข้างเตียงไม่ยอมไปไหน ขนาดเจ้าตัวออกปากไล่อย่างจริงจังตั้งแต่ตื่นนอนตอนเช้าราวหนึ่งชั่วโมง

แต่ทิวากรก็ทำเป็นอ่านหนังสือ ไม่สนใจใดๆ แต่พอพรนับพันต้องการอะไร เพียงแค่ขยับตัวนิดหน่อย ทิวากรก็รู้ว่าพรนับพันหิว อยากเข้าห้องน้ำ หรืออยากเปลี่ยนท่าก็จะกระวีกระวาดดูแลได้ทันทีไม่มีขาดตกบกพร่อง

“ไม่มีงานแต่งงานแล้วเธอไม่เสียเวลามาฟรีเหรอหนึ่ง” คนเจ็บอดถามไม่ได้

“ก็แต่งซะสิ ยังเหลือเวลาอีกตั้งอาทิตย์กว่า แกก็เลือกวันมาสักวันหนึ่ง แต่งๆ ไป ฉันจะได้ไม่มาเสียเที่ยว”

“ก็ดีนะครับ ผมเห็นด้วย” คนรอจังหวะเงียบๆ หย่อนระเบิดลงมากลางสมรภูมิด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

พรนับพันมองรอยยิ้มอันตาพร่าของทิวากรก่อนเบือนหน้าหนี ยกมุมปากขึ้น “หนึ่งเธอไปเรียกแปบมาให้ฉันทีสิ จะได้คุยเรื่องแต่งงาน เธอจะได้ไม่มาเสียเที่ยว”

คนพูดไม่สะทกสะท้านกับไอยะเยือกสมความกรุ่นจากคนข้างเตียง รอยยิ้มราวผู้ชนะ และเป็นต่อของเธอทำให้หนึ่งดาราหน้าหงายอย่างคาดไม่ถึง แต่ทิวากร...เธอไม่สนใจว่าเขาจะรู้สึกอย่างไร

“เอะอะก็เรียกหาแต่นายแปบ ตัวติดกันนักหรือไง สมัยก่อนเห็นขยะแขยงกันจะตาย นี่อะไรตื่นมาก็เรียกหาแต่เช้าแล้ว”

“ใครเคยขยะแขยง นายแปบน่ารักจะตาย กวนๆ แต่โคตรจริงใจเลย ไม่ตลบตะแลง หลอกลวง ถูกใจฉันที่สุด”

หนึ่งดารากลืนน้ำลายลงคอดังเอื๊อก ขนาดนั่งห่างทิวากรมาตั้งไกลเธอยังรู้สึกขนคอลุกชัน นึกอยากตบปากตัวเองโทษฐานเปิดประเด็นเรื่องเป็นไท รายนั้นมาเยี่ยมพรนับพันก็เอาแต่คุยไม่หยุด ขนาดคุยแล้วเจ้าตัวโกรธจนแผลปริเพราะความปากดีของฝ่ายนั้น เผลอลุกพรวดพราดจนเรียกเลือด เพิ่งกลับไปไม่กี่ชั่วโมงที่แล้ว ก็ยังจะเรียกหา

เรียกมาทำให้แผลปริอีกรอบสิไม่ว่า...ดูก็รู้ว่าตั้งใจประชดทิวากรชัดๆ

“หิว ขอไปหาอะไรกินก่อน เดี๋ยวซื้อมายั่วน้ำลายคนเจ็บดีกว่า”

“เธอมันร้ายกาจ อย่าให้ฉันหาย ฉันจะฟาดอาหารให้หมดโลกเลยคอยดู”

หนึ่งดาราหัวเราะกลับมาเสียงพลิ้ว พยักหน้าเออออคนเจ็บ ก่อนจะสะพายกระเป๋าออกไป ก่อนจะกลับมาทำหน้าที่คนเฝ้าไข้เพื่อน ตั้งแต่กลับมา เธอก็ตัวติดกับพรนับพัน บ้านช่องกลับไปได้แวบๆ พรนับพันก็เกิดเรื่อง บ้านที่มีแต่หมอแบบนี้จะให้ใครมานอนเฝ้าอีกถ้าไม่ใช่เธอ

พ่อแม่ และน้องของพรนับพันไม่ใช่ว่าเห็นลูกเป็นเด็กไม่โต ขนาดที่ว่านอนโรงพยาบาลคนเดียวไม่ได้ แต่พรนับพันน่ะ ถ้าไม่อยู่ในสายตาพานจะไม่ยอมให้แผลหายโดยเร็ว ขนาดทิวากรที่อยากมานอนเฝ้าใจแทบขาด ยังทำได้แค่มาเฝ้าเช้าและเย็นกลับ พวกท่านกลัวว่าพรนับพันจะโกรธ โมโหร้ายใส่สิ่งที่ไม่พอใจพานแผลฉีกขาดหมด

ตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้นมา พรนับพันก็กลับมาเป็นสาวเจ้าอารมณ์ โมโหร้ายเหมือนเดิม ของแบบนี้มันคงเปลี่ยนกันไม่ได้ง่ายๆ

หนึ่งดาราออกไปจากห้อง พรนับพันก็หลับตาตั้งท่าจะนอนหลับเอาแรง ไม่อยากรับรู้การมีตัวตนของทิวากรในห้องนี้ อีกฝ่ายก็ไม่ได้ว่าอะไร นอกจากนั่งอ่านหนังสือในมือต่อไปเงียบๆ

พรนับพันหน้าง้ำ ลืมตาขึ้นเพราะทนไม่ไหว “ใครอนุญาตคุณมิทราบ”

“อนุญาต?” ทิวากรปิดหนังสือในมือลง ถามย้อนเสียงกวน

คนเจ็บทำท่าฮึดฮัด ดวงตาวาวโรจน์ โกรธทีไรเธอจะเจ็บไปถึงแผลด้วยทุกที “หนังสือนั่นน่ะใครอนุญาตให้อ่าน ฉันไม่อนุญาตหรอกนะ เลิกอ่านมันซะ”

“นักเขียนเขาหวงงานตัวเองเหรอครับ ผมในฐานะผู้อ่านถึงไม่มีสิทธิ์จะอ่าน” ทิวากรพูดเสียงนุ่ม พยายามคุมไม่ให้สถานการณ์มันบานปลาย เขาห่วงอาการพรนับพัน กลัวจะทำให้เจ้าหล่อนโกรธปรี๊ดจนแผลฉีก

“กับคุณคนเดียว ฉันไม่ให้อ่านหรอก”

“แปลว่าผมเป็นคนพิเศษ ผมไม่อ่านก็ได้ครับ” หนังสือเล่มหนาที่อ่านไปได้ครึ่งเล่มวางลงบนโต๊ะวางผลไม้ ชายหนุ่มหันกลับมามองหน้าคนเจ็บยิ้มเอาใจ “ผมว่างแล้วก็ขอจ้องหน้าคุณพราวด์ดีกว่า ไม่ผิดกฎหมายไม่ไปแย่งลิขสิทธิ์ใคร”

“มันรุกล้ำความเป็นส่วนตัวฉันนะ ออกไปเลยไป แค่เห็นคุณฉันก็เจ็บแผลแล้ว เบื่อขี้หน้าคุณชะมัด มาให้รกหูรกตาทุกวันอยู่ได้”

พรนับพันไม่สนว่าใจความจะรุนแรงกระแทกใจคนฟังแค่ไหน ขอแค่เธอสะใจ อยากจะพูด เขาทนฟังไม่ได้ก็เรื่องของเขา แต่ทำไมนอกจากทนฟังได้เขายังยิ้มรับอย่างหน้าชื่นตาบานอีก

“โรคจิตหรือไง ยิ้มอยู่ได้ ชอบฟังคนด่า คนไล่ใช่ไหม”

“ผมไม่โกรธนี่ครับ คุณด่าผมได้เต็มที่ เพราะต่อให้คุณไล่ผมไปลงนรก ยังไงผมก็ไม่ไป ผมจะอยู่ตรงนี้ข้างๆ คุณ ในเมื่อผมหน้าหนาหน้าทนไม่สนว่าคุณจะไล่ยังไงขนาดนี้แล้ว กับคำด่าเล็กๆ น้อยๆ พวกนั้นไม่สะเทือนขนแขนผมหรอกครับ ผมรับได้”

“คะ...คุณ นี่มัน....” พรนับพันนึกเข่นเขี้ยว เกิดอาการติดอ่างขึ้นมา อ้าปากนึกอยากจะด่าอีกสารพัด แต่พอเห็นเขายิ้มรับเธอก็ฟาดฟันเขาไม่ทัน ซ้ำร้ายยังเกิดอาการปวดหัวจี๊ดที่เล่นงานอะไรเขาไม่ได้

“โอ๊ย!”

“เป็นอะไรครับคุณพราวด์”

มือบางกุมท้องไว้ บิดตัวงอ หน้าตาเหยเก สายตาคาดโทษตัวต้นเหตุ เมื่อมือสัมผัสของเหลวหนืด “เพราะคุณเลย เพราะความหน้าทนของคุณ แผลฉันเลยฉีก โอ๊ยยย”

“ผมขอโทษ ผมจะไปตามหมอพยาบาลมา คุณก็ควรจะเริ่มชินหน้าหนาๆ ของผมบ้างนะครับ อย่าโกรธจนแผลฉีกแบบนี้ ผมจะนึกว่าผมสำคัญต่อความรู้สึกของคุณ”

“โอ๊ยยย” จะไปเฉยๆ ไม่ได้ ยังถือโอกาสมาลูบหัว พูดประโยคแสนน่าเจ็บใจให้พรนับพันฟัง ครั้งนี้แม้บานประตูจะปิดหลังจากทิวากรออกไปตามหมอมา แต่เธอก็ขอโอ๊ยอีกหลายๆ รอบ

โอ๊ยยย...นี่เธอต้องผจญกับความหน้าหนาของเขาโดยไม่มีอาการตอบโต้ได้ยังไง แค่คิดแผลก็ยิ่งเจ็บจี๊ด

ไม่สำคัญ เขามันไม่สำคัญ เธอไม่โกรธ ไม่เจ็บ

โอ๊ยยย...เจ็บแผลชะมัด พรนับพันทิ้งหัวลงบนหมอน หน้าซีดหมดสภาพ จดบัญชีความร้ายกาจของทิวากรไว้ในใจ

เห็นยิ้มง่ายแบบนี้ ยั่วโมโหเธอเก่งนัก...


..........................................................

กลัวแรกๆ จะด่าพี่ทิวกันขรม เลยต้องเอาตอนนี้มาแก้ตัวค่ะ ฮา

คุณ Sukhumvit66 ให้โอกาสทิวเขาง้อเต็มที่ค่ะ จะจบแล้ว

คุณ อัศวินนภา ตอนนี้ไม่ค้างแล้วนะ แต่รอดูทิวง้อต่อ

คุณ yimyum แปบจะโผล่มาอีกทีตอนบทส่งท้ายค่ะ ชอบเขียนทำร้ายนายแปบ ฮา

คุณ นักอ่านเหนียวหนึบ ตอนนี้ลากทิวมาสะสางแล้วค่ะ มาดูว่าพราวด์จะใจแข็งไปได้นานไหม

คุณ konhin เรื่องนี้นางเอกเขาไม่ได้คิดแบบน้ำใจงาม ผู้เสียสละ ถ้าไม่แน่ชีทิ้งแน่ ฮา พี่ทิวคงรู้แล้ว

ขอบคุณทุกความเห็น ทุกไลค์ และนักอ่านเงาทุกท่านค่า เหลืออีกสองตอน กับอีกหนึ่งบทพิเศษ ^^




ปวรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 11 เม.ย. 2557, 00:47:33 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 11 เม.ย. 2557, 00:47:33 น.

จำนวนการเข้าชม : 2579





<< บทที่ 17 - 18 : มัดมือชก   บทที่ 20 - 21 : ประกาศศักดา (จบ) >>
นักอ่านเหนียวหนึบ 11 เม.ย. 2557, 01:34:25 น.
เอาทองภูมาเสิร์ฟด่วนๆ เลยค้าาา
ไหนว่าจะมาแก้ต่างให้จำเลยไง
ไวๆๆๆ


konhin 11 เม.ย. 2557, 03:15:11 น.
ไงหล่ะนายทิว ถนอมน้ำใจจนคนร้ายได้ใจถึงขั้นจะทำให้พราวตาย มันต้องเด็ดขาด เสียแฟนไปแล้วคนยังคิดไม่ได้จนพราวเกือบตายถึงได้คิด


อัศวินนภา 11 เม.ย. 2557, 11:37:14 น.
เรารักนายแปบจัง หาบทให้heเยอะๆนะคะ


yimyum 11 เม.ย. 2557, 14:09:44 น.
รักนายแปบที่สู้ดดด ทำไมไม่เขียนบทที่นายแปบคุยกับพราวด์ ง่า ฮือๆๆๆ


Sukhumvit66 11 เม.ย. 2557, 16:27:10 น.
มารอจำเลยแก้ต่างละกัน..


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account