บ่วงรักนายพราน
เรื่องชุลมุน ซุ่มซ่าม เข้าใจผิดของธีรดากับจอมวายร้ายปารินทร์ เจ้าของคำจำกัดความ หล่อ สปอร์ต ใจดี รักหมา(ไม่น่ารอด) 'หากใครจะคิดว่าผมกำลังคบกับใคร ผมอยากให้ใครต่อใครคิดว่าผมคบกับคุณ'

การรู้สึกว่า 'ใช่' กับใครสักคนไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นได้ทุกวัน ปารินทร์รู้สึกว่าธีรดา 'ใช่' สำหรับเขา แต่กลับพบในภายหลังว่าเธออาจเป็นผู้หญิงที่เข้ามาทำลายความรักของน้องสาว การเอาคืนในแบบชิงไหวชิงพริบที่ใช้ธุรกิจบังหน้าทั้งที่เป็นเรื่องของหัวใจล้วนๆ จึงเกิดขึ้น
Tags: ความรัก ภาคต่อ หวานรักพยัคฆ์ร้าย

ตอน: ตอนที่ 2...100%

ตอนที่ 2(จบตอน)


ธีรดาลางานช่วงบ่ายเพื่อจะได้มีเวลาพาสมาชิกใหม่กลับบ้าน โดยบอกให้ป้าอรทำความสะอาดบ้านหมาเก่าที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นที่อยู่ของชวนชมให้สะอาดเอี่ยมเพราะต่อไปมันจะเป็นบ้านน้อยกลอยใจของบานชื่นแทนแล้ว เธอไปถึงคลินิกตอนบ่าย 3 โมง หมอเจนไม่มีลูกค้าพอดี เยี่ยม! การมีเฝือกที่แขนทำให้พลังงานของเธอหมดไปเร็วจริงๆ ให้ตายเถอะ ปีก่อนยังไม่เหนื่อยเท่านี้เลย
หมอเจนยิ้มร่ารีบเดินมาหาแทบประคอง อย่าทำอย่างนั้น....ธีรดาตะโกนอยู่ในใจ เธอยังไหว แม้ว่าจะใกล้อายุ 30 เต็มที แต่ยังไม่หง่อมถึงขนาดต้องช่วยประคองหรอกมั้ง
“คุณกวางมาพอดีเลยค่ะ พี่สิงห์เพิ่งมาถึงเหมือนกัน ตอนนี้อยู่กับบานชื่น กำลังคุยกันถูกคอเลย”
“ดีเหมือนกันค่ะ ฉันจะได้คุยกับเขาเรื่องนั้นเสียเลย” ธีรดาบอกรีบลากสังขารไปที่ด้านหลังคลินิก
วันนี้ผู้ชายคนนั้นไม่ใส่สูท ผูกไท แต่ใส่เสื้อยืดกับกางเกงยีนดูสบายๆ อย่างกับไม่ใช่วันทำงาน ผมของเขามัดไว้ด้วยโบว์สีดำเหมือนเดิม ยังไงก็เหมือนมาเฟียอิตาลีแต่หน้าไทยอยู่ดี เธอยิ้มให้ แต่เขากลับทำหน้าเฉยๆ ใส่ ทำอย่างกับมวนท้องอยู่อย่างนั้นแหละ
“มาแล้วหรือคุณ ลูกคุณกำลังรออยู่พอดี”
“มันบอกคุณหรือคะ” เธอแกล้งรวนใส่ โทษฐานไม่รับไมตรี แค่แยกเขี้ยวให้ทำยากตรงไหน(ยะ)
“อือ มันเพิ่งบอก” เขาตอบสีหน้าและน้ำเสียงจริงจัง
คนตีรวนยิ้มกว้างรีบย่อตัวลงนั่งใกล้ๆ คนรู้ภาษาหมา “คุณฟังหมาพูดรู้เรื่องด้วยเหรอ ทำยังไง สอนฉันบ้างสิ”
“ลองพูดให้มันเห่าตอบสิ เดี๋ยวผมจะแปลให้ฟัง”
คนหน้าเฉยจริงๆ แล้วแสบเหมือนกัน ดูสิ มาทำหน้าตายบอกจะแปลให้ เอาเป็นว่าเราหายกันก็ได้ ไหนๆ เขาก็เป็นคนช่วยเธอไว้ ไม่งั้นไอ้ที่หักคงไม่ใช่แค่แขนหรอก
“ถึงฉันจะซุ่มซ่าม แต่ก็ไม่เฟอะฟะถึงขนาดเชื่อว่าคนคุยกับหมารู้เรื่องหรอกนะคุณ ไหนๆ เจอกันแล้ว นี่รับไป ฉันไม่ชอบเป็นหนี้เงินใคร” ธีรดาเปิดกระเป๋าหยิบซองใส่เงินออกมา เธอเตรียมพร้อมเสมอ เจอเขาเมื่อไหร่จ่ายคืนได้เมื่อนั้น
สิงห์มองซองเงินเฉยๆ ไม่แม้จะยื่นมือมารับ แถมยังตีหน้าขรึมใส่คนพูดไม่รู้เรื่อง วันก่อนที่เขาฝากเจนจิรามาบอก เธอไม่เข้าใจหรือไง
“เจนไม่ได้บอกคุณเหรอว่าผมไม่รับ ถือว่าเป็นน้ำใจ”
“เราไม่รู้จักกัน แล้วคุณจะมาจ่ายเงินให้คนแปลกหน้าทำไม” เธอย้อนพลางทิ่มซองเงินไปที่อกหนาๆ ที่ใส่เสื้อยืดสีดำของเขา เลยถูกขมวดคิ้วใส่
“วันก่อนที่โรงพยาบาลผมบอกคุณแล้วนี่ว่าชื่อสิงห์ หรือว่าจำไม่ได้ครับคุณธีรดา”
“คุณสิงห์! ฉันคิดว่าไม่ได้พูดอะไรที่มันยากเกินเข้าใจเลยนะคะ ช่วยรับเงินไปด้วย” ธีรดาขมวดคิ้วกลับ โชคดีจริงๆ ที่วันนี้เธอเหนื่อยจนต่อมเพ้อคนหล่อไม่ทำงาน ไม่งั้นคงนึกคำเถียงกลับเขาไม่ทัน
“เอาอย่างนี้แล้วกัน ผมขอลูกของบานชื่อตัวนึง ให้ด้วยน้ำใจ ก็ตอบแทนด้วยน้ำใจ” เขาต่อรองพลางกอดอกเหมือนกำลังต่อรองกับลูกค้าสำคัญ
ธีรดาทำหน้าคิด ในเมื่อให้เงินแล้วไม่รับ ถ้าลองแกล้งยัดใส่กระเป๋าเสื้อหรือกางเกง อืม ไม่ดี เธอกับเขาไม่ได้รู้จักกันมากพอที่จะทำแบบนั้นได้ แล้วที่ขอลูกบานชื่นน่ะ มันเรียกว่าการใช้หนี้ตรงไหน
“ขอบานชื่นมันเอาเองแล้วกันคุณ คุยกันรู้เรื่องไม่ใช่เหรอ”
ให้บานชื่นตัดสินปัญหาหนักอกหนักใจให้เธอแล้วกัน เจอมุกนี้เข้าไปสิงห์ถึงกับอึ้ง ก่อนจะหัวเราะเบาๆ ออกมา ถ้าเป็นการต่อรองที่มีเรื่องกำไรขาดทุน งานนี้เขาก็ไม่ได้กำไรล่ะ ชายหนุ่มหันไปมองบานชื่น มันผงกหัวขึ้นมอง เรื่องที่จะถามมันว่าโอเคไหมคงไม่ทำหรอก แต่ถ้าแม่ของแม่หมายอม บานชื่นมันก็ต้องยอมใช่ไหมล่ะ
“คุณไม่ได้เอารถมาใช่ไหม” เขาถามคนแทนที่จะถามหมา
“ค่ะหลังจากผลงานชิ้นโบว์แดง ฉันถูกสั่งห้ามขับรถ 3 เดือน ตอนนี้ก็ต้องพึ่งบริการรถแท็กซี่ ถามทำไมล่ะคุณ”
สิงห์พยักหน้าพอจะเข้าใจคนบ้าบิ่นไม่ค่อยคิดหน้าคิดหลังมักเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ นับว่าเป็นข่าวดีของคนขับรถทั่วประเทศ
“ถ้าผมไม่ไปส่งคุณ แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าบ้านของคุณอยู่ที่ไหน เผื่อคุณเบี้ยว ผมก็ขาดทุนน่ะสิ”
“ที่จะไปส่งบ้านนี่คุณพูดตามมารยาทหรือเปล่า...คะ” ถามเพราะเกรงใจ จริงๆ แล้วเขาอาจไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้ แต่เธอดันพูดเรื่องถูกห้ามขับรถขึ้นมา เอาไว้บานชื่นคลอดเมื่อไหร่ เธอค่อยโทรบอกเขาก็ได้ แต่ทำไมถามแค่นี้กลับโดนเหล่ใส่
“ผมไม่จำเป็นรักษามารยาทกับคนเพิ่งรู้จัก เหตุผลของผมมีเท่าที่บอกคุณไปจริงๆ หรือคุณคิดว่ามีเหตุผลอื่น”
“ใครจะคิด ปากขนาดนี้” เธอขมุบขมิบพูดกับตัวเอง ตอบว่าเปล่ามันสั้นไปหรือไง คราวก่อนไม่น่าหลงเพ้อเพราะความหล่อไปตั้ง 5 นาทีเลย ให้หายเหอะ
“อะไรนะ”
“รีบไปกันเถอะค่ะ เดี๋ยวมืดค่ำ คุณจะขับรถลำบาก”
สิงห์เป็นคนอุ้มกรงของบานชื่นออกมา หมอเจนขอกุญแจรถของเขาแล้วไปเปิดประตูรถรอไว้ ส่วนธีรดารอรับยาและเคลียร์ค่ารักษา ไม่ถึง 10 นาที เธอก็เข้ามานั่งในรถของคนรู้จักที่ตอนนี้เป็นได้เท่านี้แหละ บานชื่นชะเง้อมองลอกแลกไปนอกหน้าต่างมันคงสงสัยว่าสองคนนี้กำลังพามันไปที่ไหน ธีรดาหันไปบอกมันว่า...กลับบ้านของเรากัน สิงห์หันมามองเจ้าของเสียงนุ่มที่คอยปลอบหมา เวลาพูดกับคนไม่เห็นทำเสียงแบบนี้เลย

โชคไม่ดีที่รถติดจนทั้งคนและหมาพากันติดแหง็กอยู่บนรถเกือบ 2 ชั่วโมงกว่าจะถึงซอยเข้าบ้านของธีรดา สิงห์เปิดวิทยุฟังข่าวเมื่อนึกไม่ออกว่าจะคุยอะไร ธีรดานั่งน้ำลายบูดทั้งที่ปกติแล้วเธอไม่ได้เป็นแบบนี้ การพบกัน 2 ครั้งที่รวมๆ เวลาแล้วไม่น่าจะเกิน 3 ชั่วโมงทำให้ไม่รู้จะพูดอะไรกันนอกจากเรื่องหมากับอาการบาดเจ็บของเธอ แน่ล่ะไม่เกิน 3 ประโยคความเงียบก็เข้ามาเยือนจนเธอคิดว่าต่างคนต่างหายใจน่าจะเป็นที่พอใจของเขามากกว่า ผู้ชายคนนี้ทำให้เธอเกร็งทำตัวไม่ถูก น่ากลัวนิดๆ ลึกลับหน่อยๆ แต่พอยิ้มทีหัวใจพานจะละลายถ้าวาจาของเขาจะลดความห้วนลงบ้าง
“เลี้ยวอีกที ก็ถึงบ้านของฉันแล้วค่ะ” เธอบอกเขา
รถเลี้ยวเข้าไปในซอยที่ธีรดาบอก สิงห์ไม่เคยมาหมู่บ้านนี้มาก่อน แต่ทางมาค่อนข้างจำง่ายเพราะฉะนั้นการทวงหนี้ไม่พลาดแน่นอน หญิงสาวชี้บ้านหลังเกือบสุดท้ายของซอยให้เขาไปจอดหน้าบ้าน ตอนนี้ 5 โมงกว่าๆ เธอเดาว่าป้าอรอาจทำอาหารอยู่ในครัว เลยควานรีโมทในกระเป๋าถือมาสั่งเปิดรั้วหน้าบ้าน รถขับเข้าไปจอดในบ้าน ธีรดาเดินไปที่ประตูถึงได้เห็นโน้ตของป้าอรว่าไปบ้านลูกสาวจะกลับมาตอนค่ำๆ
สิงห์ลงมาจากรถพร้อมกับอุ้มกรงของบานชื่นลงมาด้วย ธีรดาเดินมาหาเริ่มคิดว่าถ้าเขาขอกินข้าวเย็นด้วยเธอคงต้องพาเขาไปปากซอยเพราะไม่แน่ใจว่าป้าอรทำอาหารเย็นไว้ให้หรือยัง บางทีอาจทำแล้วแต่เป็นอาหารง่ายๆ อย่างพวกข้าวผัด สุกี้ เขาคงซึ้งน่าดู
“ไหนล่ะที่ที่จะให้บานชื่นของคุณอยู่”
“โน่นน่ะ” เธอชี้ไปข้างบ้านซึ่งถูกกั้นไว้มีหลังคาคลุมอย่างดี ที่พ้นมีบ้านหมาขนาดใหญ่พอให้คนเข้าไปได้ แต่สีซีดไปบ้างเพราะไม่ได้ใช้มาเกือบ 3 ปีแล้ว “เมื่อก่อนเสือเคยเลี้ยงชวนชมที่นี่ก่อนจะไปพบรักกับดอกรัก ตอนนี้มีลูกอีก 3 ครอบครัวสุขสันต์เชียวล่ะ”
สิงห์ฟังหน้าเฉยแม้จะสงสัยว่าใครเป็นใคร แต่นั่นไม่ใช่ธุระกงการของเขา
“อุ้มตะกร้าตามมาด้วยสิคุณ เจนฝากมาให้ เผื่อไว้ใช้ตอนบานชื่นมันตกลูก จะได้ไม่ฉุกละหุกหาของ”
“รอบคอบดีจัง”
สิงห์เปิดกรงให้บานชื่นออกมา มันกลัวไม่กล้าออกมาธีรดาเลยวิ่งเข้าไปในบ้านแล้วหยิบคุกกี้มาล่อ พอได้กลิ่นขนมหอมๆ บานชื่นก็คลานต้วมเตี้ยมออกมาจากกรง ตามกลิ่นคุกกี้ที่ถูกวางไว้ที่บ้านหมา มันละเลียดกินอย่างถูกใจ ธีรดาหากระป๋องพลาสติกมาใส่น้ำให้มันก่อนจะลากรั้วกั้นเตี้ยๆ ออกมากันมันออกไปวิ่งเพ่นพ่าน คราวก่อนชวนชมหลุดออกไปจากบ้าน สองแฝดวิ่งตามกันหอบแฮก
ร่างสูงยืนมองความใส่ใจเล็กๆ น้อยๆ ของธีรดา ดูละเอียดรอบคอบ แต่ทำไมเวลาทำอะไรถึงบ้าบิ่นไม่คิดหน้าคิดหลังจนตัวเองเจ็บ เขาหันกลับมามองสนามหญ้าใกล้ๆ กันสวนดูน่ารักเหมาะกับคนรักธรรมชาติ อีกทั้งยังมีศาลาเล็กๆ ที่ดูสะดุดตา
“ศาลากลางสวนของคุณสวยดีนะ เข้าใจเลือกไม้ ใครออกแบบให้คุณหรือว่าไปซื้อมาจากที่ไหนหรือครับ ดูไม่เหมือนใครดี”
“ไม่ได้ซื้อจากที่ไหนหรอกค่ะ เสือหาไม้มาให้ ส่วนฉันหาช่างกับออกแบบ” เธอตอบไม่คิดว่าเขาจะสนใจ
สิงห์หันมาเลิกคิ้วมองธีรดาเหมือนไม่อยากเชื่อเลยถูกขมวดคิ้วใส่ แค่มองเธอยังรู้ทันได้ ไม่ใช่แค่ผู้หญิงโก๊ะๆ แล้วกระมัง ถ้าออกแบบศาลาหลังนั้นให้ออกมาถูกใจเขาได้ เสียงโทรศัพท์ดัง การต่อสู้ด้วยสายเลยถูกพักยก
“ผมขอรับโทรศัพท์สักครู่” สิงห์บอกแต่ไม่ได้เดินไปไหน เขากดรับโทรศัพท์และฟังอยู่นาน ก่อนจะพูดประโยคเดียวก่อนวางสาย “ก็ได้พิช เดี๋ยวพี่ไปถึงงานภายใน 30 นาที”
“คุณมีธุระก็เชิญเถอะนะคะ เอ่อ ฉันไม่ได้ไล่นะคะ พอดีได้ยินว่าคุณมีนัด” ธีรดายิ้มเจื่อนๆ ไม่น่าปากไวเลยให้ตายเถอะ อยู่ใกล้กันแค่นี้ยังไงเขาต้องรู้อยู่แล้วว่าเธอต้องได้ยิน
สิงห์เดินกลับไปที่รถ ธีรดาเดินมาส่งเขาตามมารยาท เสียงเครื่องยนต์ทำงานแต่เขายังไม่ขับรถออกไป หญิงสาวเห็นประตูรถยังเปิดอ้าคิดว่าเขากำลังยุ่งเลยจะเข้าไปช่วยปิดให้ แต่กลับไม่ใช่อย่างที่คิด
“ไหนๆ ผมก็น่าจะอายุมากกว่าคุณ ด้วยความปรารถนาดี ต่อไปคุณอย่าบ้าบิ่น อย่าใจร้อนอย่างที่ไปช่วยยัยบานชื่นของคุณอีก คนทำดี แต่ตายไวมีให้เห็น ทำอะไรต้องมีสติ แล้วที่สำคัญอย่าอนุญาตให้คนแปลกหน้าเข้าบ้านมาแบบนี้อีก” เขาพูดแถมยังปรายตามองเจ้าของบ้านพลางส่ายหน้า
ธีรดาเป็นงง “อ้าว ไหนว่าเรารู้จักกันแล้ว”
“โตแต่ตัวกับอายุเลยจริงๆ เลยคุณนี่ ผมไปแล้วก็รีบประตูเสียด้วย” เขาสั่งกำลังจะปิดประตูรถ แต่ธีรดาคว้าไว้ชักฉุนหน่อยๆ
“โห ทั้งสอนทั้งด่า ฉันควรขอบคุณคุณหรือเปล่าคะเนี่ย”
“คิดได้เมื่อไหร่ค่อยบอกผมคราวหน้าแล้วกัน” เขาคว้าประตูรถแล้วเลิกคิ้วใส่ให้หญิงสาวปล่อยมือ ก็ใครจะยื้อไว้ล่ะ น่ากลัวชะมัด
รถถูกขับออกไปแล้วเลี้ยวชะลออยู่ข้างทางและรอจนธีรดาปิดรั้วบ้านเรียบร้อยถึงได้ขับออกไป หญิงสาวกอดอกยืนมองอย่างไม่เข้าใจ อีตาคุณสิงห์เป็นห่วงเธองั้นหรือ หรือว่ากลัวใจตัวเอง อย่างหลังนี่คงไม่ใช่อย่างรุนแรง คงต้องเปลี่ยนนิยามของผู้ชายคนนั้นเสียใหม่ หล่อ สปอร์ต ใจดี รักหมา ปากจัด...ดับฟิน นี่แหละเหมาะสุดๆ

ธีมาโทรหาคู่แฝดเมื่อได้รู้ข่าวว่าธีรดาแขนหัก เขาอยากลงไปกรุงเทพฯ ทันทีเมื่อรู้ข่าวจากสปายส่วนตัว แต่ดันติดงานเลยยังมาไม่ได้ภายในวันพรุ่งนี้ อย่างน้อยอีก 2 วันนั่นล่ะถึงจะลงไปได้ ธีรดาโล่งใจหน่อยๆ ที่คู่แฝดรู้แค่ว่าเธอแขนหัก แต่ไม่รู้ว่าหักเพราะอะไร ค่อยยังชั่ว ไม่งั้นหูชาก่อนแน่ๆ
“นึกแล้วว่าในบริษัทต้องมีสปาย เสือบอกมาเถอะค่ะว่าใคร เดี๋ยวกวางจะได้ขึ้นเงินเดือนให้” ไม่ได้จะให้เงินเดือนรวดเดียวแล้วไล่ออกหรอก แต่คราวหน้าจะได้ไปเตี๊ยมถูกคน
“เรื่องอะไรจะบอก เตรียมของมาอยู่ปางไม้เลย พ่อบอกว่าอย่างน้อย 2 อาทิตย์ให้แน่ใจว่ากระดูกกระเดี้ยวยังอยู่ครบ นี่เป็นคำสั่ง”
คนถูกสั่งถอนใจพรืด “ก็ได้ย่ะ ฝากถามพ่อด้วยว่าจะให้ซื้ออะไรขึ้นไปหรือเปล่า พรุ่งนี้ว่างๆ จะได้ไปซื้อให้แล้วแพ็คใส่กระเป๋า”
“ได้ ดูแลตัวเองดีๆ ล่ะ”
ธีรดาวางสายรีบไปอาบน้ำ พอเสร็จก็ลงไปดูบานชื่น ป้าอรคงเอ็นดูมันเหมือนกัน พอกลับมาตอนค่ำก็หาโน่นหานี่มาให้มันทั้งยากันยุง ทั้งผ้ารองพื้นเพราะอากาศเริ่มหนาวแล้ว เราสองคนเลยรอจนมันหลับถึงได้เข้าห้องไปนอนกันบ้าง ระหว่างที่เธอไม่อยู่ป้าอรคงดูแลบานชื่นได้ เสือคงเอ็นดูมัน รายนั้นรักหมาอย่างกับลูก สบายใจหายห่วง

เข้าสู่วันแรกของสัปดาห์ต่อมาซึ่งมีข่าวดีเดินทางมาถึงก่อนธีรดาจะต้องไปขึ้นเครื่องเช้าวันพรุ่งนี้ วีรชัย...หัวหน้าทีมเซลล์ของเธอเข้ามาในห้องพร้อมกับวิภาเพื่อรายงานว่าหลังจากมีการติดต่อกับบริษัทพาราลิสต์มาร่วม 2 เดือน ทางนั้นจึงเปิดโอกาสโดยขอให้มีการส่งไม้ตัวอย่างไปให้ทางแล็บของพาราลิสต์ตรวจสอบถึงคุณภาพไม้และอาจรวมถึงการขอเข้าเยี่ยมชมกระบวนการผลิตไม้แปรรูป
จากการประเมินเบื้องต้นของวีรชัยพบว่าหากคุณภาพของไม้ซึ่งทางพาราลิสต์มีความต้องการไม้สัก ยางนาและยูคาผ่านในการตรวจสอบคุณภาพ การออเดอร์ไม้ต่อปีอาจเป็นมูลค่าถึง 75 ล้านบาท แล้วถ้าธารธีราสามารถนำเสนอในส่วนของงานออกแบบได้ด้วยล่ะก็ ธีรดาหยุดคิด ตอนนี้ต้องทีละขั้นตอน
“เยี่ยมมากค่ะ เป็นข่าวดีก่อนสิ้นเดือนจริงๆ ทางพาราลิสต์จะส่งตัวแทนเข้ามาเมื่อไหร่หรือคะ” ในส่วนนี้ธีมาต้องดูแลต่อจากเธอ เรื่องของสัญญาระหว่างสองบริษัทเธอจะให้ทีมกฎหมายร่างไว้ก่อน
“ประมาณสัปดาห์หน้าครับ คุณเสือรับช่วงต่อพอดี” วีรชัยตอบหน้าตาหยีเหมือนวิภาเพิ่งส่งมะดันให้กิน
ธีรดายิ้มรู้ทัน “แค่ 2 สัปดาห์เองค่ะ บอกทุกคนว่าเดี๋ยวนี้เสือไม่ดุแล้ว สบายใจได้ เอาไว้พ่อสบายใจกับความซุ่มซ่ามของกวางเมื่อไหร่ อาจได้กลับมาก่อนกำหนด” แต่คงยาก คราวก่อนอยู่ปางไม้ไปเดือนเต็มๆ
“ถ้าได้อย่างนั้นก็ดีน่ะสิคะ พวกเด็กๆ คงหายใจคล่อง” วิภาเอ่ยยิ้มๆ แต่จริงทุกคำ
ธีรดาหัวเราะไม่พูดอะไรต่อ การดูแลคนหมู่มากคงต้องมีคนแบบเธอและบางครั้งต้องมีคนแบบเสือ การอ่อนเกินไปหรือแข็งเกินไม่ดีทั้งนั้น การที่มีผู้บริหารสองคนคงมีข้อดีตรงนี้ การสลับงานกันทำบ้างก็ดีเหมือนกัน ถ้ารายนั้นไม่อึดอัด เอ ไม่หรอก คงดีใจจนเนื้อเต้นมากกว่าได้มาอยู่ใกล้คู่หมั้น



บรรพตี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 11 เม.ย. 2557, 09:21:43 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 11 เม.ย. 2557, 09:21:43 น.

จำนวนการเข้าชม : 1395





<< ตอนที่ 2...50%   ตอนที่ 3...50% >>
แว่นใส 11 เม.ย. 2557, 13:50:22 น.
ยินดีด้วย


Sukhumvit66 11 เม.ย. 2557, 16:33:49 น.
นั่น...ใครจะเป็นตัวแทนมาดูงานละนี่


ปรางขวัญ 16 เม.ย. 2557, 01:43:04 น.
มาต่อเร็วๆนะคะ อยากรู้ว่าสิงห์จะเจอเสือกับกวางเมื่อไหร่


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account