พ่ายพรหมลิขิต
พลับพลึงทำงานด้านสถาปัตย์ประจำอยู่ที่เชียงใหม่วันหนึ่งเธอได้รับมอบหมายงานให้ออกแบบบ้านพักของธนดลโดยไม่นึกไม่ฝันว่าวันหนึ่งเธอกลับต้องมารับบทเจ้าสาวของเขาเนื่องจากญาติผู้น้องซึ่งเป็นลูกสาวของป้าหนีออกจากบ้านก่อนวันแต่งงานหนึ่งวัน ด้วยเสียงขอร้องแกมบังคับของป้าและลุงทำให้พลับพลึงไม่สามารถปฏิเสธได้ เพราะหากเธอปฏิเสธป้าก็อ้างว่าหล่อนกับสามีจะต้องถูกอีกฝ่ายฟ้องจนถึงขั้นล้มละลาย เพราะนอกจากธนดลจะเป็นเจ้าบ่าวแล้วยังเป็นเจ้าหนี้อีกด้วย พลับพลึงจำยอมตกเป็นเจ้าสาวสำรองจนกว่าปิติและพิลาวรรณจะนำเงินมาชดใช้หนี้สินได้หมด และนั่นคือจุดเริ่มต้นของความวุ่นวายของคนสองคน....
Tags: รักหวานซึ้ง

ตอน: พ่ายพรหมลิขิต ตอนที่ 10

10
อากาศยามดึกกระทบผิวหน้าจนเย็นเยียบจมูกก็รู้สึกแสบนิดๆ พลับพลึงยกมือขึ้นอังที่ปากเพื่อลดความเหน็บหนาว ได้เจอไออุ่นจากลมหายใจก็พอช่วยให้รู้สึกดีขึ้นบ้าง คนเพิ่งเสร็จงานค่อยๆ ย่องเข้าไปในห้องกวาดสายตามองไปในความมืดเพื่อหาที่วางเอกสาร คนย่องเข้าห้องวางมันลงที่โต๊ะอย่างเบามือแล้วจึงย่องไปที่เตียง มุดตัวเข้าไปในผ้าห่มที่ต้องใช้ร่วมกัน ทุกอย่างจะต้องเบาและเงียบที่สุดขืนทำธนดลตื่นตอนนี้คงหมดอารมณ์จะนอน สีหน้าของเขายังอาจจะชวนให้หายง่วง พลับพลึงค่อยๆ พลิกผ้าห่มเกือบจะมุดตัวเข้าไปได้สำเร็จแล้วเชียว

“อย่าไป...ดา...อย่าไป!...”

เสียงครางกระสับกระส่ายน้ำเสียงนั้นเจ็บปวดอย่างที่สุดทำคนกำลังจะเข้านอนชะงัก พลับพลึงเพ่งความสนใจไปที่คนนอนกระสับกระส่าย เธอนั่งมองหน้าคนฝันร้ายที่ครางเรียกชื่อใครบางคนอยู่เงียบๆ เพ่งพินิจจากน้ำเสียงที่เจ็บปวดนั้น

'ดา' ชื่อนี้คงจะทำให้เขาเจ็บปวดไม่ใช่น้อย พลับพลึงก้มหน้าลงไปหาหมายจะได้เห็นสีหน้าอันแสนเจ็บปวดนั้นชัดๆ จากแสงสว่างของดวงจันทร์ที่ลอดผ่านเข้ามา

“ดา! ไม่นะ...”

“ว้าย!”

คนกำลังจ้องหน้าคนฝันร้ายสะดุ้งสุดตัวหน้าหงายเกือบจะตกจากเตียงเมื่อจู่ๆ คนฝันร้ายก็ตะเบ็งเสียงออกมาพร้อมกับลุกพรวดขึ้นนั่ง นี่หากผละหน้าออกช้ากว่านี้อีกนิดหน้าคงชนกันโครมไม่ใครก็ใครได้ดั้งหักกันบ้างล่ะ

“คะ คุณ เป็นอะไรหรือเปล่า ฝันร้ายหรือ”

คนตกใจยังมีกระจิตเอ่ยถามแต่ดูเหมือนคนที่เพิ่งตื่นจากฝันร้ายจะยังมีอาการลอยๆ
“ฮึ” เขาคราง

“ก็คุณฝันร้าย”
ธนดลเอื้อมไปเปิดไฟแล้วลูบหน้าแรงๆ ผ่อนลมหายใจออกพรืดใหญ่
“ผมทำให้คุณตื่นหรือเปล่า”

“เปล่า ฉันกำลังจะนอนแต่เห็นคนมีอาการแปลกๆ คุณละเมอด้วย”
“งั้นหรือ ผมคงกินมากไปหน่อยเลยเก็บมาฝันนะ”

พลับพลึงอยากจะหัวเราะให้ฝันร่วง ฝันเพ้อเรียกชื่อ 'ดา ดา อย่าไป อย่าไป' นี่นะ อาหารประเภทไหนมีชื่อว่า 'ดา' โกหกได้ไม่แนบเนียนเอาเสียเลย

“งั้นหรือคะ ถ้างั้นคุณก็นอนเถอะ อย่าคิดมาก แล้ววันหลังก็อย่าทานมากอีกล่ะ เดี๋ยวอาหารไม่ย่อยจะแย่เอา”
ว่าแล้วพลับพลึงก็ล้มตัวลงนอนตะแคงหันหลังให้ เธอคงมีเขางอกอยู่บนหัวถ้าเชื่อว่าที่ธนดลฝันร้ายเพราะทานมากเกินไป




“นั่นคุณจะรีบไปไหน”

ธนดลร้องเรียกให้อยู่ก่อนเมื่อเห็นหญิงสาวหอบหิ้วข้าวของพะรุงพะรังทั้งกล่องใส่แบบและกระเป๋าเอกสารจะเดินผ่านห้องรับแขกไป เมื่อคืนกว่าจะเข้านอนก็ค่อนคืนยังสามารถตื่นเช้าได้อีกแหนะ พลับพลึงชะงักตัวแล้วเดินออกไปนอกระเบียงเมื่อเห็นชายหนุ่มผู้เอ่ยเรียกนั่งมองอยู่ เธอเองก็อยากพบเขาเช้านี้เช่นกันด้วยเหตุว่ามีเรื่องรบกวน

“คุณอยู่นี่เอง ฉันกำลังหาคุณอยู่พอดี”

พลับพลึงกระตือรือร้นเข้าไปหาแล้ววางของลงที่เก้าอี้ตัวที่ว่างอยู่ก่อนจะเดินไปนั่งเก้าอี้อีกตัว
“อ๋อ ผมออกไปวิ่ง” ชายหนุ่มตอบ

พลับพลึงพยักหน้ารับรู้เมื่อเห็นเขายังอยู่ในชุดวอร์ม เสื้อยืดสีขาวและกางเกงวอร์มสีกรมท่า แล้วยังมีผ้าขนหนูผืนเล็กสีขาวพาดอยู่ที่ลำคออีก บนใบหน้ายังมีร่องรอยของเม็ดเหงื่อโดยเฉพาะเส้นผมที่เขาเสยขึ้นไปอย่างลวกๆ

“คุณจะทานอะไรมั้ย” ธนดลตั้งท่าจะหันไปสั่งแม่บ้าน
“ไม่เป็นไรค่ะ พอดีว่าฉันรีบ”

ธนดลย่นคิ้ว “กาแฟก็ไม่?...”
“ไม่ค่ะ” พลับพลึงปฏิเสธ แล้วเข้าเรื่อง “จริงๆ แล้วฉันคิดว่าจะคุยกับคุณตั้งแต่เมื่อคืน แต่ฉันก็ลืม”
ธนดลดึงตัวจากพิงพนักเก้าอี้นั่งตัวตรง ท่าทางอึกอักของหญิงสาวเหมือนเกรงใจ

“วันนี้ฉันต้องไปพบลูกค้า เอ่อ...ฉันอาจจะต้องใช้รถคุณ”
“ก็ใช้ไปสิ ผมก็บอกแล้วว่าคันนั้นให้คุณใช้ได้ตามสบาย”

“แต่วันนี้ฉันต้องไปบนดอย ฉันก็กลัวว่าคุณจะหวง”
ธนดลกลอกตาแล้วถอนหายใจ นี่หญิงสาวยังถือสาเรื่องเมื่อวานอยู่อีก

“คุณนี่เรื่องมากจริง ถ้าคิดว่าผมหวงก็ขับระวังๆ หน่อยก็แล้วกัน” เขาตัดความรำคาญ
พลับพลึงฉีกยิ้มกว้าง เพราะหากจะให้เสียเวลาขับรถไปที่ไซด์งานเพื่อใช้รถประจำตำแหน่งที่เข้าขั้นโกโรโกโสก็กลัวว่าจะไม่ถึงปลายดอย หากได้รถดีๆ ของที่นี่ยังทำเวลาได้บ้าง

“ขอบคุณมากนะคะ ฉันจะขับระวังๆ รับรองว่าจะไม่ให้รถคุณมีรอยขีดข่วนแน่นอน”

ธนดลแค่นยิ้มอย่างไม่อยากจะเชื่อ จะเป็นไปได้อย่างไร ขับรถขึ้นเขาจะไม่ให้มีรอยขีดข่วนแต่ก็พยักหน้ารับส่งๆ เพราะไม่อยากจะชวนหญิงสาวทะเลาะแต่เช้า อีกอย่างรถที่นี่เขาก็เก็บไว้เพื่อขับเที่ยวเล่นแถวๆ นี้อยู่แล้ว

“ถ้าอย่างนั้นฉันไปนะคะ อ้อ แล้ววันนี้อย่าทานเยอะนะคะ เดี๋ยวฝันร้าย”

ธนดลแค่นหัวเราะที่ถูกแขวะ ดูเหมือนว่าเขาจะหลุดเพ้ออะไรออกมาเยอะเลยสิ เขามองตามร่างบางกระฉับกระเฉงลงจากเรือนแล้วยิ้มโดยไม่รู้ตัวจนเธอก้าวขึ้นรถถึงได้หันกลับมาสนใจกาแฟที่วางอยู่บนโต๊ะก่อนกวาดสายตามองหาแม่บ้าน
“น้อยบอกส่วยเตรียมรถด้วยนะ วันนี้ฉันจะเข้าเมือง”






เส้นทางค่อนข้างคดเคี้ยว บ่อยครั้งที่จอดดูแผนที่เมื่อผ่านหมู่บ้านแม้วมาได้ซักระยะ หัวหน้าสถาปนิกบอกว่าเลยหมู่บ้านแม้วมาเล็กน้อยจะเป็นไร่ชาขนาดใหญ่ ตรงไปอีกนิดก็จะถึงบ้านพักของลูกค้า ที่นั่นสังเกตไม่ยากเพราะมีบ้านขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่เพียงหลังเดียว รายล้อมรอบบริเวณมีดอกไม้นานาพรรณตั้งแต่ประตูทางเข้าไปจนถึงตัวบ้านแบบล้านนา

'หลังนี้แน่'

พลับพลึงพึมพำแล้วจอดรถแอบข้างทางเพื่อเช็คแผนที่ น่าจะเป็นบ้านพักตากอากาศของพวกเศรษฐีที่ชื่นชอบธรรมชาติที่มักปลูกบ้านไว้ต่างจังหวัดสำหรับพักผ่อนหรือหนีความวุ่นวายมาพักใจและสูดอากาศบริสุทธิ์ให้เต็มปอด ทางเข้าปูด้วยคอนกรีตลาดยาวไปตามแนวถนน มีประตูไม้เนื้อแข็งขนาดใหญ่กั้นขวางพลับพลึงบีบแตรสองสามทีเพื่อเรียกคนงาน ก่อนจะเลื่อนกระจกลงเมื่อคนงานวิ่งออกมาจากมุมหนึ่งของตัวบ้าน

“ฉันเป็นสถาปนิกโครงการโมเดิร์นฮิลล์ ฉันมาขอพบคุณคาร์เวล”

เธอแจ้งกับนายทวารโดยไม่รอให้อีกฝ่ายเป็นฝ่ายถาม ค่อนข้างพอใจเมื่อนายทวารพยักหน้าหงึกๆ แล้วเปิดประตูให้อย่างไม่เกี่ยงงอน เมื่อวานตระการหัวหน้าสถาปนิกบอกเธอแล้วว่าจะติดต่อลูกค้าไว้ให้ พลับพลึงก้าวลงจากรถเมื่อขับรถเข้าไปอีกประมาณยี่สิบเมตรเห็นจะได้ แล้วพบกับสถาปัตยกรรมล้านนาแบบผสมผสานกับแนวตะวันตกไม่ว่าจะมองมุมไหนก็สวยสะดุดตา ถึงตอนนี้เธอไม่แปลกใจเลยว่าทำไมมุขด้านหน้าของตัวอาคารสำนักงานที่เธอกำลังออกแบบนั้นถึงได้แก้ไขไปแล้วไม่ต่ำกว่าสี่ครั้ง และพอจะเดาความต้องการของลูกค้าคนนี้ได้มากพอสมควร

พลับพลึงวางแบบลงที่โต๊ะแล้วนั่งลงรอเจ้าของบ้านตามที่นายทวารบอก ไม่นานเท่าไหร่ชายหนุ่มในชุดลำลองสีเย็นตาก็เดินเข้ามา รูปร่างนั้นสูงใหญ่แบบชาวตะวันตก ใบหน้ามีเค้าคนไทยอยู่บ้างแต่ก็ไม่มาก ที่เห็นเป็นไทยเด่นชัดบนใบหน้าชายหนุ่มเห็นจะเป็นเส้นผมที่ดำขลับเท่านั้น เธอลุกขึ้นยืนทันทีเมื่อเดาได้ว่าคนนี้น่าจะเป็นคุณคาร์เวล

“คุณคงเป็นสถาปนิก” ชายหนุ่มเอ่ยทัก
“ใช่ค่ะ ฉันเป็นสถาปนิกที่ออกแบบตัวอาคารสำนักงาน ฉันชื่อพลับพลึงค่ะ”

ชายหนุ่มย่นคิ้วนิดหนึ่งแล้วคลายออกก่อนที่จะเป็นจุดให้หญิงสาวสงสัย
“ผมแพททริค คาร์เวล” ชายหนุ่มยื่นมือออกไปทักทายและพลับพลึงก็ไม่ยอมเสียมารยาทยื่นมือมาจับเพื่อทักทายลูกค้าเช่นกัน “ผมต้องขอโทษด้วยที่ต้องให้คุณขึ้นมาถึงที่นี่”

“ไม่เป็นไรค่ะ เป็นหน้าที่ของฉันอยู่แล้ว จริงๆ แล้วฉันเองก็ต้องขอโทษคุณคาร์เวลด้วยที่มาช้า พอดีอาทิตย์ที่ผ่านมาฉันลาพักร้อนค่ะ เลยพลอยทำให้งานคุณล่าช้า”

“อ้อ...ครับ ไม่เป็นไร งานช้าแต่ถ้าชัวร์ ผมยอมให้ช้าดีกว่า”

ชายหนุ่มยิ้มจริงใจพลอยทำให้พลับพลึงรู้สึกผ่อนคลายและพร้อมที่จะทำงานตามความต้องการของลูกค้าอย่างเต็มที่
“คุณตระการบอกว่าคุณยังไม่ชอบหน้ามุขเท่าไหร่”

พลับพลึงไม่เสียเวลาเปิดประเด็นงานทันที แพททริค คาร์เวลดึงตัวนั่งตรงแล้วมองแบบที่สถาปนิกสาวเริ่มกางออก
“ใช่ครับ ผมคิดว่ามันยังแข็งไป”
“อ๋อ ค่ะ ให้ฉันเดานะคะ คุณคงชอบสถาปัตยกรรมแบบล้านนา”

พลับพลึงยิ้มไม่ได้มีแววว่าหงุดหงิดอะไร ตั้งแต่ทางเข้าจนถึงตัวบ้านสถาปัตยกรรมแบบล้านนาดูจะมากกว่ายุโรปมาก
“ครับ คุณตระการไม่ได้บอกถึงเรื่องนี้หรือครับ” แพททริค คาร์เวล ย้อนถาม

“บอกค่ะ แต่ฉันคงเอาแต่ใจมากไปหน่อย เลยใส่โมเดิร์นมาซะเยอะเลย จนเมื่อมาเห็นบ้านพักของคุณ”
“งั้นหรือครับ ถ้าอย่างนั้นก็คงจะทำให้คุณทำงานง่ายขึ้น”
“เยอะเลยค่ะ คุณจะว่าอะไรมั้ยคะ ถ้าฉันจะขอเดินดูรอบๆ”

ชายหนุ่มยักไหล่ เพราะเขาก็อยากอวดบ้านพักหลังนี้อยู่แล้ว นานๆ ทีจะมีใครซักคนขึ้นมาถึงที่นี่ จริงๆ แล้วเขายังไม่เปิดเผยบ้านพักหลังนี้ เพราะเพิ่งสร้างเสร็จเมื่อครึ่งปีที่แล้วนี้เอง แพททริค คาร์เวลลุกขึ้นหมายจะเป็นไกด์นำเที่ยวบ้าน แต่ก็ต้องชะงักเมื่อคนงานเข้ามารายงาน
“นายครับ โทรศัพท์ครับ”
เขาพยักหน้ารับรู้แล้วให้คนงานออกไปก่อนแล้วหันมาทางหญิงสาวที่ยืนรออยู่
“ผมขออนุญาตซักครู่ เชิญคุณตามสบาย”
“ขอบคุณค่ะ”
พลับพลึงตอบรับพร้อมกับก้มศีรษะเล็กน้อย รอจนเจ้าของบ้านเดินออกไปจากตรงนั้นจึงได้เริ่มหามุมที่จะสำรวจความสวยงาม

ยิ่งเดินก็ยิ่งนึกทึ่ง นี่ต้องไม่ใช่สถาปนิกธรรมดาแน่ๆ เพราะทุกจุดเก็บรายละเอียดได้ดีเยี่ยม ไม่ว่าจะมุข จั่ว หรือแม้แต่ผนังยังใช้วัสดุชั้นดี บางส่วนลอกได้แนบเนียนเสียจนดูไม่ออกว่าเป็นสักทองหรือวัสดุเลียนแบบ ทั้งลวดลายและการจัดเรียงเรียกได้ว่านอกจากจะเป็นการออกแบบที่ดีเยี่ยมแล้วช่างก่อสร้างยังถือได้ว่าฝีมือดีหาตัวจับยาก น่าแปลกใจว่า เหตุใดลูกค้ารูปหล่อถึงไม่ใช้บริการสถาปนิกที่เคยออกแบบบ้านพักหลังนี้ กลับหันมาใช้สถาปนิกบริษัทของเธอแทน

“เอ๊ะ”
พลับพลึงอุทานแล้วเดินเข้าไปยังมุมหนึ่งซึ่งเป็นสวนหย่อมเล็กๆ บริเวณนั้นเหมือนเป็นสวนเพาะกล้วยไม้ เธอเลียบๆ เคียงๆ หรี่ตามองเพราะด้านหลังนั้นคุ้นๆ เดินเข้าไปใกล้อีกนิดแต่ก็ยังไม่ปักใจว่าเป็นคนที่เคยรู้จักจนเมื่อหญิงสาวนั้นเอ่ยขึ้น
“คุณไม่ต้องย่องเลยนะคะ นี่คิดจะแกล้งอะไรฉันอีกล่ะ”

เจ้าของเสียงหวานนั้นเอ่ยอย่างรู้ทันเมื่อได้ยินเสียงเดินตั้งนานแล้ว แต่เมื่อหันหลังกลับไปก็ตกใจราวกับเห็นผี มือที่ถือกรรไกรตัดแต่งกิ่งกล้วยไม้อยู่นั้นหล่นจากมือราวกับเป็นสิ่งของที่หนักเหลือทน ดวงตาเหลือกหลน อ้าปากค้าง ซึ่งไม่ต่างจากพลับพลึงที่หน้าซีดเผือดตัวชาเช่นกัน

“พิมพ์!” พลับพลึงคราง น้ำเสียงแทบจะไม่หลุดออกมาจากริมฝีปากซึ่งไม่ต่างจากหญิงสาวอีกคนเมื่อหาเสียงตัวเองเจอ
“พี่พลับ!”

เพียงแค่เห็นว่าใครยืนอยู่ตรงหน้าพิมพ์พรรณก็แข้งขาอ่อนแรง ความละลายบวกสงสารพี่สาวจับใจก็แล่นกลับเข้ามาในใจ หลายวันก่อนเธอเห็นข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ก็ยิ่งทำให้รู้สึกละลายจนไม่อาจจะยืนอยู่สู้หน้าพี่สาวได้
“หยุดนะพิมพ์!”

พลับพลึงเรียกไว้เสียงเข้มเมื่อน้องสาวที่เธอตามหากำลังจะหมุนตัววิ่งหนี รีบปรี่เข้าไปกระชากแขนผู้มีศักดิ์เป็นน้องให้หันกลับมาเผชิญหน้า
“พิมพ์มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง พิมพ์! ไม่ได้ยินที่พี่ถามเหรอ”

พลับพลึงเริ่มตะคอกเมื่อน้องสาวเอาแต่หลุบตาเบือนหน้าหนี
“หันหน้ามามองพี่เดี๋ยวนี้นะ รู้หรือเปล่าว่าลุงกับป้าเป็นห่วง”

“ปล่อยพิมพ์เถอะค่ะพี่พลับ”
พิมพ์พรรณพยายามขืนลำแขนออกจากมือเหนียวเป็นตุ๊กแกของพี่สาว
“ไม่ จนกว่าพิมพ์จะยอมบอกเหตุผลและกลับบ้านกับพี่ พิมพ์ไม่รู้หรือไงว่าทำแบบนี้ลุงกับป้าเสียใจแค่ไหน ท่านกินไม่ได้นอนไม่หลับเลยรู้มั้ย”

“ไม่นะคะพี่พลับ! พิมพ์ขอร้องอย่าพาพิมพ์กลับบ้าน”
ด้วยความกลัวว่าจะถูกทำโทษพิมพ์พรรณอ้อนวอนพลับพลึงทุกอย่าง ใบหน้าของน้องสาวเริ่มแดงก่ำจะร้องไห้
“ทำไมล่ะพิมพ์ พิมพ์ไม่เคยเป็นคนเหลวไหลแบบนี้”

พลับพลึงต่อว่า เมื่อเห็นว่าน้องสาวไม่คิดที่จะหนีอีกจึงปล่อยตัวให้เป็นอิสระ เธอจ้องหน้าพิมพ์พรรณเขม็งไม่ใช่เพราะความโกรธเคืองที่น้องสาวหนีการแต่งงานจนเธอต้องเป็นฝ่ายรับเคราะห์กรรม แต่เพราะห่วงใยและอยากรู้ความจริงในใจของน้องสาวต่างหาก

“พิมพ์ขอโทษพี่พลับที่ทำแบบนั้น แต่พิมพ์แต่งงานกับคุณธนดลไม่ได้”
“ก็เลยหนีมา”
“ค่ะ แต่พิมพ์ก็ไม่คาดคิดว่าแม่จะจับพี่พลับแต่งงานแทน”

พลับพลึงเริ่มหัวเสีย คนที่จับเธอแต่งงานไม่ใช่พิลาวรรณหรอกแต่เป็นความประสงค์ของธนดลต่างหาก ข้อนี้พลับพลึงรู้ดีแก่ใจ เพราะถ้าฝ่ายชายไม่ยินยอมงานแต่งงานก็คงไม่เกิดขึ้น

“เรื่องนั้นช่างเถอะ มันคงแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว แต่ตอนนี้พี่อยากรู้ว่าทำไมพิมพ์ต้องหนีมาอย่างนี้ พิมพ์มีเหตุผลอะไร”
ทั้งๆ ที่น้องสาวไม่เคยออกนอกกรอบที่พ่อแม่ขีดเส้นไว้ให้ อีกอย่างเรื่องการแต่งงานครั้งนี้พิมพ์พรรณก็ไม่คิดจะปฏิเสธตั้งแต่แรก
“เป็นเพราะผมเองครับ”

พลับพลึงหันขวับกับเสียงห้าวไม่ต่างจากพิมพ์พรรณที่เบิกตากว้างกับการปรากฏตัวของเขา
“พีท!”
“คุณคาร์เวล”

สองสาวเอ่ยชื่อของชายหนุ่มผู้ปรากฏตัวในช่วงบรรยากาศตรึงเครียด
“หมายความว่าไง”

พลับพลึงที่อยู่ในอาการงงเอ่ยถาม ซึ่งไม่สนใจว่าใครจะเป็นคนตอบคำถาม
แพททริค คาร์เลวหรือชื่อเล่นที่คนสนิทใช้เรียก ‘พีท’ เดินผ่านร่างของพลับพลึงไปหยุดอยู่ข้างพิมพ์พรรณ เขายกมือขึ้นโอบไหล่ลูบเบาๆ เพื่อปลอบประโลมให้หญิงสาวหายกลัว

“ว่าไง!”
พลับพลึงหันตามร่างชายหนุ่มตั้งแต่เดินผ่านเธอแล้วยิ่งโกรธมากขึ้นเมื่อเห็นลูกค้าของเธอโอบไหล่น้องสาว
“ผมเองที่เป็นคนพาพิมพ์หนีการแต่งงาน”
“ว่าไงนะ”

พลับพลึงครางอย่างไม่อยากจะเชื่อว่าชายหนุ่มผู้มั่งคั่งด้วยเงินทองและรูปร่างหน้าตาทำไมถึงได้ทำเรื่องแบบนี้ได้
“ผมรักพิมพ์มาตั้งนานแล้ว”

“รักหรือ รักแล้วทำไมต้องทำแบบนี้ ทำไมคุณไม่ทำทุกอย่างตามกรอบประเพณี” พลับพลึงต่อว่า
“ผมไม่รู้จะอธิบายยังไง”

แพททริค คาร์เวลพยายามจะอธิบายแต่เหมือนมีอะไรเหนียวๆ มายึดริมฝีปากไว้
“ถ้าอย่างนั้นฉันจะพาน้องสาวฉันกลับบ้าน พิมพ์ กลับบ้าน!”

“ไม่นะคะพี่พลับ กลับไปพ่อกับแม่เอาพิมพ์ตายแน่”
พลับพลึงเม้มปากทำหน้าขึงขัง ตอนนี้ล่ะทำเป็นกลัวก่อนหน้านี้ทำไมไม่รู้สึกกลัว
“ไม่ได้ พิมพ์ต้องกลับบ้านเดี๋ยวนี้” พลับพลึงยื่นคำขาด

“พิมพ์ต้องอยู่ที่นี่เพราะพิมพ์เป็นคนรักของผม”
“ว่าไงนะ!”
พลับพลึงเบิกตาโพลง แม้จะพอเดาสถานการณ์ออกแต่แรกแล้วก็เถอะ
“ผมจะไม่ยอมให้พิมพ์ไปไหนทั้งนั้น” แพททริคเองก็ยื่นคำขาดเช่นกัน

“ก็เอาซี้ ถ้าคุณคิดว่าจะห้ามฉันได้ ฉันจะแจ้งความว่าคุณลักพาตัวน้องสาวฉัน”
“อย่าทำแบบนั้นเลยครับ คุณมองดูพิมพ์ให้ดีๆ สิ เธออายุเกินวัยที่จะต้องมีผู้ปกครองคอยชี้นำแล้ว อีกอย่าง เราสองคนรักกัน และนี่คือเหตุผลที่ผมยอมให้พิมพ์แต่งงานกับผู้ชายคนนั้นไม่ได้”

แพททริค คาร์เวลตอบเสียงดังฟังชัด และตอนนี้เขาก็แน่ใจแล้วว่าเคยเห็นสถาปนิกสาวคนนี้ที่ไหน จะที่ไหนซะอีกล่ะ ก็ในหน้าหนังสือพิมพ์เมื่อสองอาทิตย์ที่แล้วนั่นไง เธอเป็นเจ้าสาวสำรองของนายธนดล สุทธิการ ทายาทเพียงคนเดียวของเจ้าของธนาคารชื่อดัง แม้ลึกๆ จะนึกสงสารหญิงสาวอยู่มากแต่เขาก็ยังอยากเห็นแก่ตัวเพื่อความสุขของตัวเองและหญิงสาวคนรัก
“ผมต้องขอโทษที่ทำตามที่คุณขอไม่ได้ แต่ถ้าเป็นเรื่องอื่นผมรับรองว่าจะช่วยสุดความสามารถ อ้อ อย่างเช่นเรื่องงาน ผมจะยินยอมให้คุณได้ใช้ความสามารถเต็มที่โดยที่ผมจะตามใจคุณทุกอย่าง”

พลับพลึงขบกรามเพราะนี่ไม่ต่างจากสินบนซึ่งเธอไม่ใช่คนประเภทนั้น หญิงสาวเชิดหน้าตวัดสายตามองอย่างไม่ชอบในคำพูดเหล่านั้น

“ฉันแยกแยะออกระหว่างเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัว คุณไม่จำเป็นต้องเอาเรื่องงานมาต่อรอง แต่ตอนนี้ฉันต้องการคุยกับน้องสาวฉันเป็นการส่วนตัว”

แพททริค คาร์เวลหันมองคนรักซึ่งยังอยู่ในอ้อมแขนของเขาแล้วต้องยอมตัดใจให้อยู่กับสถาปนิกสาวตามลำพังเมื่อพิมพ์พรรณพยักหน้าว่าไม่เป็นไร

แพททริค คาร์เวลก้าวเดินออกไปจากสวนกล้วยไม้อย่างลังเลใจ พลับพลึงรอจนชายหนุ่มลับตาถึงได้ตั้งคำถามจู่โจม
“ว่าไงพิมพ์ มีอะไรจะบอกพี่มั้ย”

แน่นอน เธอถามในฐานะผู้เสียหายคนหนึ่งซึ่งต้องตกอยู่ในวังวนความวุ่นวายครั้งนี้!



*************
ยังจำกันได้หรือเปล่าคะ ขอภัยจริงๆ ค่ะที่หายไปนานมาก แต่ตอนนี้กลับมาแล้วค่ะ...



แก้วมุกดา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 16 ก.ค. 2557, 13:40:15 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 16 ก.ค. 2557, 13:40:15 น.

จำนวนการเข้าชม : 1472





<< พ่ายพรหมลิขิต ตอนที่ี่ 9   พ่ายพรหมลิขิต ตอนที่ 11 >>
แว่นใส 16 ก.ค. 2557, 17:51:04 น.
หายไปนานมากเลย ในที่สุดก็มา


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account