บ่วงรักนายพราน
เรื่องชุลมุน ซุ่มซ่าม เข้าใจผิดของธีรดากับจอมวายร้ายปารินทร์ เจ้าของคำจำกัดความ หล่อ สปอร์ต ใจดี รักหมา(ไม่น่ารอด) 'หากใครจะคิดว่าผมกำลังคบกับใคร ผมอยากให้ใครต่อใครคิดว่าผมคบกับคุณ'

การรู้สึกว่า 'ใช่' กับใครสักคนไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นได้ทุกวัน ปารินทร์รู้สึกว่าธีรดา 'ใช่' สำหรับเขา แต่กลับพบในภายหลังว่าเธออาจเป็นผู้หญิงที่เข้ามาทำลายความรักของน้องสาว การเอาคืนในแบบชิงไหวชิงพริบที่ใช้ธุรกิจบังหน้าทั้งที่เป็นเรื่องของหัวใจล้วนๆ จึงเกิดขึ้น
Tags: ความรัก ภาคต่อ หวานรักพยัคฆ์ร้าย

ตอน: ตอนที่ 3...100%

ตอนที่ 3 (จบตอน)

โทรศัพท์สายส่วนตัวที่น้อยคนนักจะมีเบอร์สั่นระรัวอยู่ที่กระเป๋ากล้อง ปารินทร์เปิดซิปหยิบโทรศัพท์ออกมา ศศิภานั่นเอง เขารับสายแม้จะพอเดาได้ว่าน้องสาวโทรมาด้วยเรื่องอะไร
“พี่สิงห์อยู่ที่ไหนคะ สาวใช้บอกว่าพี่สิงห์ขับรถออกไปแต่เช้า”
“ตอนนี้พี่ไม่ได้อยู่กรุงเทพฯหรอกนะศศิ มีอะไรหรือเปล่า”
ราวกับคำพูดนี้เป็นตัวเปิดก๊อก เพียงแต่สิ่งที่พรั่งพรูไม่ใช่น้ำตา แต่เป็นคำพูดแสนเศร้าระคนโกรธเคืองจากศศิภา
“พี่สิงห์ ศศิจะทำยังไงดี ข้อความพวกนั้นมาอีกแล้ว พวกผู้หญิงหน้าด้านกำลังจะแย่งคู่หมั้นของศศิไป พี่สิงห์ต้องช่วยน้องนะคะ”
“พี่ให้นักสืบตามอยู่นะ ไม่เกิน 2 อาทิตย์คงได้เรื่อง ศศิใจเย็นๆ ไว้ก่อนดีกว่า เชื่อมั่นในตัวคนของเราไว้ บางทีอาจจะไม่มีอะไร คนที่ส่งมาอาจจะชอบคนของเราเพียงฝ่ายเดียวก็ได้” ปารินทร์พูดอย่างเป็นกลาง น้องสาวของเขาเป็นคนขี้หึง แล้วยังมีอาการซึมเศร้า ในขณะที่คนรักเป็นคนสุภาพและดูไม่เจ้าชู้เลย เท่าที่ถามปุราณก็ยืนยันหนักแน่นว่าไม่มีอะไร แต่เขายังไม่ปักใจเชื่อนัก ต้องรอนักสืบที่เขาจ้างก่อนว่าข้อความเหล่านั้นมีมูลความจริงบ้างหรือเปล่า
“พี่สิงห์แน่ใจอย่างนี้จริงๆ หรือคะ” เสียงพูดของหญิงสาวเริ่มกลับมาเป็นปกติ ไม่สั่นเครืออย่างเมื่อครู่
“แน่ใจสิ พี่ไม่เคยโกหก ศศิไปทำอาหารหรืออ่านหนังสือที่ชอบดีกว่านะ อย่าเพิ่งทำอะไรลงไป รอให้คนของพี่สืบจนแน่ใจก่อน”
“ขอบคุณนะคะพี่สิงห์ บางทีศศิอาจคิดมากไปเองก็ได้ค่ะ ศศิไม่น่าใจร้อนเลยจริงๆ ด้วยล่ะ” หญิงสาวถอนใจเริ่มยิ้มได้ก่อนจะวางสายไป
ปารินทร์วางสายตาม ธรรมชาติของผู้หญิงเป็นอย่างนี้ทุกคนหรือเปล่า ช่างวะแวง ขี้หึง เขาพอใจว่าที่น้องเขยคนนี้ แต่ดูเหมือนความน่าเชื่อถือจะเริ่มลดลงเมื่อมีข้อความแปลกๆ มาหาศศิภาว่าเป็นคนรักเก่าอยู่หลายครั้ง พอย้อนคิดดูข้อความบ้าๆ นั่นเริ่มมีมาตั้งแต่ทั้งสองคนประกาศว่าจะแต่งงานกันในเลี้ยงบริษัทของเขาเมื่อเดือนก่อน สัปดาห์หน้านักสืบของเขาคงได้เรื่องที่อยากรู้เสียทีกระมัง

เสียงรถกำลังแล่นมาทางนี้ วิราวัณออกไปยืนรอ รถกระบะจอดตรงร่มที่ทีมงานกางไว้สำหรับลำเลียงอาหารลงมาจากรถ ซึ่งมีทั้งข้าวกล่องและอาหารพื้นเมืองพวกข้าวแช่ถ้านักท่องเที่ยวอยากลองชิม อาหารไม่ดึงดูดปารินทร์เท่าคนที่ลงมาจากประตูด้านข้างคนขับ
“คุณกวางมาเองเลยหรือคะ อ้อ จริงด้วย วันนี้ป้าติ๋วป่วย คุณวรามาช่วยทำอาหารกับป้าศรี” วิราวัณถามเองตอบเอง ธีรดาหัวเราะเช่นเดียวกับทีมงาน
“กวางแค่ช่วยขนใส่รถมาให้เท่านั้นล่ะค่ะ ยังเดี้ยงทำอะไรมากไม่ได้ ฝากคุณกิ๊ฟดูแลต่อทีนะคะ มีของฝากให้ลูกคนงาน ว่าจะไปแถวเรือนพักเสียหน่อย”
คนงานช่วยหยิบกระเป๋าเป้ลงมาจากรถให้ธีรดา หญิงสาวรับมาแล้วสะพายใส่หลังจะได้เดินสะดวกๆ
“แล้วใครขับรถให้ล่ะคะ” วิราวัณถาม
“ใกล้ๆ แค่นี้เอง เดินไป 10 นาทีก็ถึงแล้วล่ะค่ะ”
ไกด์สาวพยักหน้าหงึกๆ แต่ก็รีบไปหยิบร่มมาให้นายสาว ตอนนี้เที่ยงแล้วถึงอากาศเย็น แต่แดดแรง เดี๋ยวไม่สบาย ธีรดาบอกขอบใจแล้วกางร่มเดินไปยังบ้านพักคนงานที่ส่วนใหญ่เป็นชาวเขา บริเวณนั้นใกล้กับการเดินทางไปมาของคนงานชาวเขา ธีมาเลยสร้างบ้านพักไว้ให้เดินทางสะดวก บางคนมาอยู่เป็นครอบครัวพาลูกมาพักด้วยเพื่อจะได้ไปโรงเรียนใกล้ๆ ก็มี

มีเด็กลูกคนงานอยู่ที่บ้านพัก 3 คนส่วนพ่อแม่ไปทำงานงานปางไม้ เด็กทุกคนได้เรียนเพราะเธอกับธีมาตั้งกองทุนสำหรับคนงาน เงินส่วนใหญ่มาจากการตั้งเป้าหมายของการผลิตหากได้ตามเป้าหมายจะแบ่งเงินออกมา 1% เพื่อเป็นเงินสำหรับการศึกษาและอีกส่วนจากการบริจาคของนักท่องเที่ยวและคนทั่วไปที่รู้โครงการนี้
เด็กๆ วิ่งออกมาจากบ้านพักเมื่อได้ยินเสียงเรียก ปิงปองอยู่ ป.5 ส่วน หน่อยกับหน่องเรียนอยู่ ป. 2 ทั้ง 3 วิ่งออกมาจากบ้านพร้อมของที่เตรียมไว้รอ เมื่อเช้าลุงสอนมาบอกแล้วว่าอีกเดี๋ยวพี่กวางจะมาหา
“ไหน ของที่สั่งให้เตรียมมา เอามาเตรียมกันไว้หรือยังเอ่ย”
สมุดพก 3 เล่มถูกส่งให้ ธีรดารับมายิ้มแฉ่งก่อนจะหาที่นั่งแถวๆ นั้นดูผลงานของเด็กๆ ที่พากันมานั่งใกล้ๆ ผลการเรียนของทั้ง 3 คนอยู่ในเกณฑ์ที่ดี อาจมีอ่อนบ้างบางวิชา แต่พัฒนาต่อไปได้ กระเป๋าเป้ถูกเปิดข้างในมีรองเท้า 3 คู่ที่กะขนาดของเท้ามา เด็กโตเร็วเธอซื้อมาเผื่ออยู่แล้ว ทั้ง 3 คนพากันดีใจยกมือไหว้ขอบคุณธีรดากันยกใหญ่
“เทอมหน้าตั้งใจเรียนกันนะ ที่พี่ให้ของไม่ใช่ให้เพราะอยากให้ แต่ให้เพราะเด็กดีตั้งใจเรียน ถ้าเรียนเก่งต่อไปจะได้เรียนต่อ พอได้ทำงานดีๆ แล้วก็อย่าลืมดูแลพ่อแม่ล่ะเข้าใจไหม”
“เข้าใจครับ”
แช๊ะๆๆ
ธีรดาหันขวับตามหาเสียงชัตเตอร์ “อ้าว! ทำไมมาอยู่ตรงนี้ล่ะคุณ ไม่ไปรวมกับกลุ่มหรือไงคะ นี่มันจะบ่ายโมงแล้วนะ ตอนบ่ายไปไร่องุ่นกับสวนส้มนี่นา”
ปารินทร์เดินมาหาที่นั่งใกล้ๆ กัน เด็กๆ พากันยกมือไหว้เขาจนแทบรับไหว้ไม่ทัน เขาเลยเบนกล้องไปถ่ายรูปเด็กที่พากันโพ้สท่าใส่กล้องกันสนุกสนาน พอถ่ายเสร็จถึงได้หันมาตอบคำถาม
“ผมบอกคุณกิ๊ฟแล้วว่าจะมาเดินถ่ายรูป ถ้าที่นี่ไม่ได้มีความลับหรือทำเรื่องผิดกฎหมายก็น่าจะเดินเล่นถ่ายรูปได้ไม่ใช่หรือครับ”
“เดินเล่นตอนเที่ยงๆ เนี่ยนะ แล้วกินข้าวกลางวันหรือยังล่ะคุณน่ะ”
“ยังเลย อีกเดี๋ยวค่อยกลับไป อยากถ่ายรูปก่อน”
“ถ้างั้นรอเดี๋ยวนะคะ” ธีรดาหันมามองเด็กโตสุด “ปิงปองขี่จักรยานไปขอข้าวกล่องจากพี่กิ๊ฟให้พี่กวางทีนะครับ แล้วพวกเราล่ะกินอะไรกันหรือยัง ถ้ายังก็เอามาเผื่อตัวเองก็ได้นะ ข้าวกล่องทำมาเกินจำนวนคนอยู่แล้ว”
“ครับพี่กวาง”
ปิงปองรีบคว้าจักรยานมาปั่นออกไป ส่วนหน่องกับหน่อยช่วยกันเก็บของที่อยู่บนโต๊ะซึ่งก็เป็นพวกฝาน้ำอัดลมที่คนงานเอาไว้เล่นหมากฮอสซึ่งกาตารางไว้ที่โต๊ะนั่นเอง
“ไหนขอดูหน่อยสิ ถ่ายอะไรไปบ้าง เผื่อเป็นสปายจากปางไม้อื่น ฉันจะได้ลบรูปได้ทัน” เธอไม่ได้พูดเล่น ไม่ไกลกันเท่าไหร่ก็ปางไม้ ‘พลธนา’ ของพ่อยัยวิตาไงล่ะ
“มาดูด้วยกัน เผื่อลบรูปที่ผมชอบจะได้คุยกันก่อน” เขาบอกพลางเปิดภาพจากกล้องรอ
ธีรดาเขยิบเข้ามาใกล้ๆ แต่เว้นพอมีระยะห่างแล้วยื่นหน้าเข้าไปใกล้หน้าจอของกล้อง รูปที่เขาถ่ายก็เป็นรูปวิวนั่นแหละ แต่มันดันมีรูปของเธอที่น้ำตกด้วยนี่สิ
“นี่คุณถ่ายรูปฉันทำไม ลบเดี๋ยวนี้เลยนะ”
“ผมถ่ายวิวต่างหาก คุณน่ะแค่ส่วนประกอบ รูปนี้ผมไม่ยอมให้ลบ” เขายืนกรานหันมามองคนใจร้ายที่กำลังย่นจมูกใส่ แต่ไม่เซ้าซี้รอดูรูปต่อไป
“คุณถ่ายรูปสวยจัง เล่นกล้องหรือคะ”
“ผมเป็นช่างภาพสมัครเล่น ถ้าว่างๆ ก็หาที่สวยๆ แล้วถ่ายภาพไว้ ที่นี่มีมุมสวยๆ ให้ถ่ายอีกไหมคุณกวาง ถ้าได้ลงหนังสือจะได้โปรโมตปางไม้ของคุณไปในตัว” เขาเสนอ งานถ่ายรูปไม่ใช่อาชีพของเขา แต่หากมีรูปสวยๆ เขาสามารถส่งให้เพื่อนที่ทำหนังสือท่องเที่ยวเอาไปลงในนิตยสารการท่องเที่ยวได้
ธีรดาพยักหน้าสนใจเต็มที่ “มีสิ วันนี้คิวแน่นแล้ว พรุ่งนี้ฟรีสไตล์ถ้าคุณไม่เหนื่อยฉันจะพาไปแล้วกัน แต่ต้องตื่นเช้าหน่อยนะคะ”
“โอเค แล้วมาที่นี่ ใครดูแลลูกสาวของคุณล่ะ” เขาถามพลางปิดกล้องเมื่อหมดรูปที่ถ่ายในปางไม้แล้ว
“แม่บ้านกับนายเสือน่ะสิ” ธีรดาตอบไม่ทันได้เห็นคิ้วเข้มขมวดเพราะหันไปมองปิงปองกำลังขี่จักรยานกลับมาเสียก่อน “ข้าวของคุณมาแล้ว”
เด็กๆ แยกย้ายกันไปกินข้างกล่อง แต่ก็ไม่ลืมยกน้ำเย็นๆ เพราะอากาศมาให้ธีรดาด้วย สองหนุ่มสาวกินข้าวด้วยกันตรงหน้าบ้านพัก คนงานคงพากันไปกินข้าวที่โรงอาหารจะกลับมาบ้านพักก็ตอนเย็นโน่นเลย เธอยิ้มนึกชอบใจในความเรียบง่ายของปารินทร์ ตอนเจอกันครั้งแรกเขาดูไฮโซอู้ฟู่มากในชุดสูทสีดำและผมที่มัดไว้เรียบกริบ ครั้งต่อมาถึงไม่ไฮโซอะไร แต่ก็ไม่ธรรมดาอยู่ดี ต่างจากตอนนี้ที่ดูธรรมดาด้วยเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงสามส่วน ที่คอมีกล้องคล้องไว้ แถมยังกินง่ายไม่เรื่องเยอะเหมือนผู้ชายหล่อเนี้ยบที่เธอเคยพบ
ปารินทร์เดินไปถ่ายรูปไก่ที่คนงานเลี้ยงไว้ในกรงไม้ที่ตีเป็นซี่ห่างๆ แถมยังชวนเธอให้มาเป็นนางแบบเสียด้วย ธีรดาไม่อยากขัดเลยจัดให้ไป 2 รูป ก่อนจะตามมาด้วยกล้วยไม้ป่า หญิงสาวยกข้อมือขึ้นมาดูนาฬิกาก็ร้องเสียหลง
“ป่านนี้รถไปแล้วละมั้ง คุณกิ๊ฟคงคิดว่าคุณคงไม่ไปที่ไร่องุ่นกับสวนส้ม ว้า ทำยังไงดีไม่ได้เอาโทรศัพท์มาเสียด้วยสิ คุณอยากไปหรือเปล่า”
“ตกรถแล้วก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมเดินไปรอที่น้ำตกก็ได้” ปารินทร์ไม่ได้เดือดร้อนอะไร
“ได้ไงล่ะ ไหนๆ มาแล้วก็ต้องไปให้ทั่ว บ้านคุณกับปางไม้ไม่ได้อยู่ใกล้ๆ มาได้ทุกวันเสียหน่อย” ธีรดาเสียอีกที่เดือดร้อนแทนทำหน้าคิด พอเห็นจักรยานก็ตะโกนบอก “เด็กๆ พี่ของยืมจักรยานหน่อยนะ”
ปิงปองเปิดประตูออกมาช่วยใสจักรยานออกมาจากที่เก็บ แถมยังหยิบร่มที่ธีรดาถือมาส่งให้เพราะแดดยังร้อนอยู่ หญิงสาวบอกขอบใจพลางยิ้มตอบ
“ผมขี่คุณซ้อนคอยบอกทางก็แล้วกัน แขนยังเดี้ยง ขี่จักรยานไม่ถนัดหรอกคุณน่ะ เดี๋ยวได้แผลเพิ่มจะมาโทษผมอีก”
“ค่ะ คุณนี่ชอบพูดอะไรยาวๆ จัง บอกว่าเดี๋ยวขี่ให้ก็จบแล้ว”
ปารินทร์ขี่จักรยานออกจากบ้านพักคนงานโดยมีธีรดาซ้อนท้ายมาด้วย เงาของร่มที่กางเผื่อแผ่มาถึงเขา ชายหนุ่มจอดจักรยานแล้วดึงร่มมาถือเสียเอง ก็ถ้าเธอถือร่มให้เราสองคน แล้วจะเอาแขนกับมือที่ไหนกอดเอวเขาไว้ล่ะ เผื่อตกจักรยานขึ้นมาจะทำยังไง แต่จนแล้วจนรอดเธอกลับไม่กอดเขา ชายหนุ่มเลยขี่จักรยานเร็วขึ้นอีกนิดอีกทั้งยังเป็นช่วงลงเนินยิ่งเร็วไปกันใหญ่
“นี่คุณอย่าซิ่งสิ” ธีรดาร้องเสียงหลง
“ก็มันลงเนินนี่คุณ ถ้ากลัวก็กอดเอวผมไว้ ไม่คิดเงินหรอกน่า ถ้าคุณไม่สบายใจอยากให้ผมคิดเงินก็บอกได้”
“ฉันกอดเอวคุณแลกกับที่ฉันคอยบอกทางแล้วกัน เราจะได้ไม่คิดค้างอะไรกัน” หญิงสาวรีบใช้แขนที่ยังอยู่ดีกอดเอวของปารินทร์ไว้ กลัวแทบแย่ ที่ไม่กอดเอวแต่แรกเพราะไม่อยากให้เขาเสียหายนั่นแหละ
ปารินทร์ยิ้มกว้างพลางลดความเร็วลงเมื่อลงจากเนินแล้ว ลมเย็นๆ พัดผ่านยิ่งทำให้เย็นสบาย อีกทั้งทางในปางไม้ก็เรียบไม่ขรุขระทำให้ขี่จักรยานมือเดียวได้ง่าย แถมยังมีไกด์กิตติมศักดิ์คอยบอกทางพร้อมกับชี้ให้ดูว่าตรงนั้นตรงนี้ต้นอะไร ทำให้เกิดชีวิตชีวาขึ้นมาได้อย่างประหลาด การเดินทางระยะทางไม่ใช่ใกล้ๆ กลับเหมือนใกล้เมื่อเธอชี้ไปยังขบวนรถแทรกเตอร์ที่จอดอยู่ตรงไร่องุ่นแล้ว นักท่องเที่ยวกำลังทยอยลงมาจากรถพอดี
“จอดตรงร่มๆ นั่นเลยคุณ”
ปารินทร์มุ่งหน้าไปยังซุ้มที่หลังคามุงด้วยใบสัก ใต้ร่มของซุ้มมีเก้าอี้ไม้ที่ทำจากท่องซุงแกะจนเป็นเก้าอี้จากไม้ชิ้นเดียว ธีรดาปล่อยแขนที่กอดเอวของปารินทร์ เขาดันขาตั้งจักรยานลงแล้วยื่นร่มคืนให้เจ้าของ
“แล้วคุณจะไปไหนต่อ”
“ก็ตรวจงานน่ะสิ มาตั้งไกลขนาดนี้ฉันคงเดินกลับไม่ไหวหรอก รถของโรงครัวกลับไป ฉันคงต้องกลับพร้อมขบวนรถแทรกเตอร์แล้วล่ะ เพราะคุณเลยทำให้ฉันตกรถ” เธอแกล้งบ่นแล้วโยนความผิดมาให้แขก
“ดีออก ผมกำลังอยากได้นางแบบให้วิวของปางไม้สวยขึ้นอยู่พอดี” ปารินทร์ชวน
“ไปรวมกลุ่มของคุณได้แล้วค่ะ ฉันจะไปตรวจงาน หานางแบบเอาเองแล้วกัน”
ธีรดาเดินไปตามทางเดินที่ต้นไม้ช่วยให้เกิดร่มเงา เธออาจคิดมาก แต่ยังดีกว่าคิดน้อยล่ะน่า เธอกับคุณสิงห์เพิ่งรู้จักกัน การที่เราคุยกันสนิมสนมคงไม่ค่อยดีเท่าไหร่ คนงานอยู่กันเต็มปางไม้ไปหมด เธอไม่ชอบให้เกิดข่าวซุบซิบที่ไม่ดี แม้ว่าเราจะบริสุทธิ์ใจก็ตาม เมื่อหันกลับมามองเธอเห็นปารินทร์เดินไปสมทบกับกลุ่มนักท่องเที่ยวแล้วก็ค่อยเบาใจ

ขอบคุณที่ติดตามอ่านค่ะ



บรรพตี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 22 เม.ย. 2557, 10:12:25 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 22 เม.ย. 2557, 10:12:25 น.

จำนวนการเข้าชม : 1442





<< ตอนที่ 3...50%   ตอนที่ 4...50% >>
Sukhumvit66 22 เม.ย. 2557, 10:43:13 น.
~_____________~


แว่นใส 22 เม.ย. 2557, 19:03:08 น.
อิอิอิ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account