บ่วงรักนายพราน
เรื่องชุลมุน ซุ่มซ่าม เข้าใจผิดของธีรดากับจอมวายร้ายปารินทร์ เจ้าของคำจำกัดความ หล่อ สปอร์ต ใจดี รักหมา(ไม่น่ารอด) 'หากใครจะคิดว่าผมกำลังคบกับใคร ผมอยากให้ใครต่อใครคิดว่าผมคบกับคุณ'

การรู้สึกว่า 'ใช่' กับใครสักคนไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นได้ทุกวัน ปารินทร์รู้สึกว่าธีรดา 'ใช่' สำหรับเขา แต่กลับพบในภายหลังว่าเธออาจเป็นผู้หญิงที่เข้ามาทำลายความรักของน้องสาว การเอาคืนในแบบชิงไหวชิงพริบที่ใช้ธุรกิจบังหน้าทั้งที่เป็นเรื่องของหัวใจล้วนๆ จึงเกิดขึ้น
Tags: ความรัก ภาคต่อ หวานรักพยัคฆ์ร้าย

ตอน: ตอนที่ 4...50%

ตอนที่ 4

ปกติแล้วในส่วนของออฟฟิศจะทำงานวันเสาร์ครึ่งวัน แต่เพราะมีนักท่องเที่ยวเลยปิดออฟฟิศช้าประมาณบ่าย 2 โมง พอตรวจงานเสร็จธีรดาเลยเดินไปหลังออฟฟิศเพื่อตรวจสระที่กำลังขุดเพื่อเป็นทั้งจุดชมวิวและเป็นแหล่งน้ำขององุ่นจะได้ไม่ต้องดึงน้ำจากอ่างเก็บน้ำท้ายปางไม้มาที่นี่ ประหยัดพลังงานและได้มุมสวยๆ เพิ่ม
รถแบคโฮกำลังขุดดินขึ้นมาจนเป็นสระลึกตามที่วางแบบไว้ น้ำก็เริ่มผุดขึ้นมาจนเกือบครึ่งเมตรได้ เธอเดินไปใกล้เพื่อดูสระอีกฝั่ง แต่ดินที่เหยียบนั้นยังไม่เกาะกันดีจึงร่วนทำให้ลื่นไถลลงไปในพริบตา
“กรี๊ด!?!”
“อ้าว! เฮ้ย คุณ”
ปารินทร์ตะโกนลั่นเมื่อจู่ๆ ธีรดาก็หายวับไปจากโฟกัสของกล้อง พอมองด้วยตาเปล่าก็ไม่เห็นเธอบนเนินดินที่รถแบคโฮขุดขึ้นมาเหมือนกัน เขารีบวิ่งไปหาเอากล้องวางไว้ที่พื้นตัวหนอนก่อน ไม่งั้นกล้องคงขึ้นสวรรค์ตามเลนส์ที่เขาเผลอเหยียบไปเมื่อหลายวันก่อน พอขึ้นไปบนเนินดินก็เห็นว่าเธอร่วงไปที่ก้นสระ พอเขาจะตามลงไปช่วยกลับลื่น แต่เพราะแข็งแรงกว่าเลยไม่ได้ไถลลงไป แค่ลงไปเร็วกว่าปกติเท่านั้น
เขาคว้าเอวของธีรดาให้ลุกขึ้น เธอหน้าซีดเผือดเดาว่าตอนตกลงมาจนถึงก้นสระคงเจ็บไม่น้อย ยังดีที่ก้นสระไม่ได้ลึกมาก เขามองหาทางขึ้น รถแบคโฮหยุดทำงานรีบลงมาช่วยด้วยการโยนเชือกลงมาให้ วิราวัณกับทีมงานพากันมุง เขาเหนี่ยวตัวเองขึ้นไปพร้อมกับดึงเชือก หญิงสาวช่วยดึงอีกแรงแม้จะเจ็บไปทั้งตัว จนกระทั่งขึ้นมาข้างบนได้
“แค๊กๆๆๆ” หญิงสาวไอจนหน้าแดงน้ำตาเกือบไหล ใจหาบวาบ ถึงจะว่ายน้ำเป็น แต่เวลาตกใจอะไรก็ทำไม่ถูกเหมือนกัน
ปารินทร์นั่งยองๆ อยู่ข้างๆ เปียกปอนพอกัน
“ตรวจงานของคุณนี่นอกจากภาคพื้นดินแล้วยังรวมถึงภาคบาดาลด้วยหรือ”
“จะบ้าเหรอ ฉันไม่ได้อยากตกลงไปสักหน่อย มันลื่นต่างหากล่ะ” ธีรดาแก้ตัวสุดชีวิต
ปารินทร์หัวเราะคงมีแค่เธอคนเดียวละมั้งที่ทำได้ ก่อนหน้านี้เขาเห็นคนงานเดินผ่านมาก็ไม่เห็นมีใครลื่นลงไปจนตกสระสักคน ถ้าพูดว่าซุ่มซ่ามสงสัยเถียงขาดใจ ดีเท่าไหร่ที่หันมามองพอดี ว่าแต่แค่ตกสระคงไม่เท่าไหร่ แต่แขนที่เข้าเฝือกไว้นี่สิ ป่านนี้น้ำเข้าจนชุ่มแล้วมั้ง
“เดี๋ยวกิ๊ฟโทรเรียกลุงสอนให้นะคะ คุณกวางกับคุณปารินทร์จะได้กลับบ้านอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วแขนที่เข้าเฝือกไว้จะเป็นอะไรหรือเปล่าคะ”
“สงสัยต้องไปหาหมอด้วยอีกอย่างค่ะคุณกิ๊ฟ” ธีรดาบอกหน้าเซ็งๆ ที่เกิดเรื่องอีกจนได้ ปีที่แล้วว่าซวย แต่ปีนี้กลับซวยซ้ำซวยซ้อน
วิราวัณคุยโทรศัพท์ไม่กี่คำก็วางสาย “ลุงสอนไปซื้อของในเมืองกำลังกลับมาค่ะ ถ้างั้นถอดขบวนเอารถแทรกเตอร์ไปส่งคุณกวางกับคุณปารินทร์ก่อนดีไหมคะ”
“ไม่ดีมั้งคะ เดี๋ยวกวางขอคิดก่อน บางทีรถที่โรงอบน่าจะมี” ธีรดาเสนอ ในปางไม้มักเดินทางโดยใช้จักรยานมากกว่ารถยนต์อยู่แล้ว เวลามีเรื่องฉุกเฉินเลยต้องโทรหากันใหญ่ ต่อไปคงต้องแก้ปัญหาเรื่องนี้ ขอคิดก่อนว่าควรทำยังไงดี ถ้าซื้อรถมาแล้วจอดรอคนโทรเรียกคงไม่คุ้มค่าเท่าไหร่
วิราวัณรีบโทรหาหัวหน้าคนงานที่โรงอบทันที ไม่ถึงนาทีก็ได้เรื่อง “รถที่โรงอบว่างค่ะ กำลังมา ขอโทษนะคะคุณปารินทร์”
แขกส่ายหน้าพร้อมกับรับกล้องที่พนักงานถือมาคืนให้ “ไม่เป็นครับผมลงไปช่วยเอง ไม่ได้มีใครบังคับสักหน่อย”
รอไม่ถึง 5 นาทีรถกระบะตอนเดียวก็ขับมาจอดใกล้ๆ วิราวัณช่วยพยุงธีรดาไปที่รถ ปารินทร์เดินตามไปขึ้นรถเพราะสภาพนี้คงชมความงามของลูกองุ่นและผลส้มต่อไม่ไหวเหมือนกัน เขาเหนี่ยวตัวขึ้นไปบนกระบะท้าย คนเจ็บจะได้นั่งในรถสบายๆ เปียกไปทั้งตัวขืนโต้ลมนั่งกระบะท้ายเดี๋ยวได้สั่นงันงกไม่สบาย
“เดี๋ยวผมนั่งกระบะท้ายดีกว่า คุณจะได้นั่งสบายๆ”
“ดึงฉันขึ้นไปทีสิคุณ ทำคุณลำบาก แล้วจะไปนั่งสบายคนเดียวได้ยังไงล่ะ”
กระบะท้ายถูกเปิดธีรดาถูกทั้งดึงและดันจนถึงขึ้นบนกระบะท้ายได้ เธอขอบใจทุกคนที่มาช่วยและสั่งให้แยกย้ายไปดูแลแขก รถเคลื่อนออกมาจากไร่องุ่นในเวลาบ่าย 3 โมงพอดี ปารินทร์เห็นสภาพของตัวเองแล้วก็หัวเราะออกมาแข่งกับเสียงรถและเสียงลม
“ขำอะไรน่ะคุณ” ธีรดาถามรู้สึกแขนหนักๆ ทำพิษอีกแล้ว
“ก็ตั้งแต่พบกันมา ผมช่วยคุณมา 2 ครั้งแล้วน่ะสิ คุณนี่มีเรื่องให้เจ็บตัวได้ตลอดจริงๆ”
“ถ้าครบ 3 ครั้งเมื่อไหร่ คุณขออะไรฉันจะทำให้แล้วกัน”
“คุณพูดเองนะ”
“ก็ใช่น่ะสิคุณ” ไม่กล้าการันตีว่าไม่มีหรอกครั้งที่ 3 น่ะ
“ถ้างั้นผมจะคิดรอไว้เลยว่าอยากได้อะไร เพราะมั่นใจว่ามีครั้งที่ 3 แน่นอน”
ธีรดาหัวเราะใส่ตัวเอง ปารินทร์ยกมือขึ้นมาเมื่อรู้สึกเจ็บแปลบๆ ที่ปลายนิ้ว เลือดกำลังซึมออกมาจากปลายนิ้วชี้ มือบางคว้ามือหนาไว้ด้วยอารามตกใจ
“มือของคุณเป็นอะไร” เธอถามพลางเอื้อมไปหยิบขวดน้ำใกล้มือมาเปิดแล้วเทน้ำลงมาที่นิ้วของปารินทร์ ถึงได้เห็นว่านิ้วของเขาถูกบาดลึกมากเหมือนกัน แผลยาวเกือบ 2 เซนได้
“สงสัยถูกหินบาดตอนลงไปช่วยคุณละมั้ง”
“ถ้างั้นฉันคงไม่ใช่คนเดียวที่ไปโรงพยาบาลแล้วล่ะ” เธอบอกแล้วดึงผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋าเสื้อ แล้วจัดการใช้น้ำจากขวดล้างรอยดินจากผ้าให้ออกไป ก่อนจะใช้มือจากแขนที่ใส่เฝือกมาจับมือของเขาไว้ “ห้ามเลือดไว้ก่อน ขอโทษนะผ้าเช็ดหน้ามันเปียกเหมือนเจ้าของมันนั่นแหละ”
ปารินทร์มองมือเล็กๆ ที่กำลังห้ามเลือดให้เขา เรียวปากหนายิ้มอ่อนโยนให้คนใจดี แม้ดูเหมือนพันผ้าเช็ดหน้าไม่ถนัดนัก แต่เธอก็ทำสำเร็จจนได้ ดวงหน้าซับเหงื่อเงยหน้าขึ้นยิ้มให้ คนเจ็บเหมือนกันยิ้มตอบก่อนจะพากันมองไปท้ายรถที่เต็มไปด้วยวิวของต้นไม้เต็มสองข้างทาง การมาเที่ยวครั้งนี้ได้พบเรื่องราวให้จดจำมากกว่าถ่ายรูปเพียงอย่างเดียว อย่างน้อยเขาก็ได้แผลกลับไปเป็นที่ระลึก

หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว ปัญหาก็เกิดอีกเมื่อรถที่มาส่งต้องขับไปส่งคนงาน ลุงสอนก็ยังไม่กลับมา ปารินทร์เลยต้องรับหน้าที่ขับรถของเธอทั้งที่เขามาเที่ยวแท้ๆ เธอรับหน้าที่บอกทางเหมือนเดิม ระหว่างทางพ่อโทรมาเพราะโทรไปหาลุงสอนเลยรู้ว่าลูกสาวตกระกำทำตัวเองอีกแล้ว เธอเลยอ้อมแอ้มบอกว่าไม่ได้เป็นอะไรมาก แค่อาจต้องไปหาหมออีกครั้งเพราะตอนตกลงมาเสียวแปลบที่แขน ทางที่ดีอย่าเพิ่งให้พ่อเห็นเธอในสภาพร่างใกล้แหลกคงดีกว่า
ใช้เวลาชั่วโมงกว่าๆ เราก็มาถึงโรงพยาบาล เป็นเรื่องดีและไม่ดีส่วนหนึ่งที่เธอรู้จักกับหมอที่นี่เพราะเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เรียนมัธยม การมีหมอเป็นเพื่อนก็เหมือนเป็นเพื่อนกับหมอทั้งโรงพยาบาลก็ว่าได้ หมอจัดการเอ็กซเรย์แขนของเธอและบอกว่าต้องเปลี่ยนเฝือกให้ใหม่ เธอนั่งรอพยาบาลมาเลื่อยเฝือกเดิมออก
ส่วนปารินทร์...นั่นไงพอคิดถึงก็เดินมาหาพอดี
“ทำไมยังไม่ไปทำแผลล่ะคุณ”
“ผมขอให้พยาบาลมาเย็บแผลให้ตรงนี้” เขาบอก พอเธอขมวดคิ้วมองอย่างสงสัยเลยอธิบายให้ฟังว่า “น้องสาวของผมเคยต้องเลื่อยเอาเฝือกออกเหมือนคุณนี่แหละ แกกลัวเสียงเลื่อยจนร้องไห้ ผมไม่ได้คิดว่าคุณจะร้องไห้หรอกนะ แต่ไหนๆ เรามาด้วยกัน อยู่ใกล้ๆ กันไว้ดีกว่า”
ธีรดายิ้มกว้างรู้สึกได้ถึงน้ำใจของเขา ผู้ชายคนนี้ไม่ได้พูดให้ซาบซึ้งจนน้ำตาไหล แต่การกระทำของเขากระแทกเข้าสู่ใจเธอเต็มๆ ที่เคยคิดว่าปากดีๆ ของเขาดับฟิน คงไม่ใช่แล้วละมั้ง
“ถูกของคุณฉันคงไม่ร้องไห้หรอก แค่เสียวฟันเท่านั้นเอง เกลียดที่สุด” แล้วเวลาเสียวฟันแต่หยุดเสียงเลื่อยไม่เนี่ยเหมือนตกนรกชัดๆ “ขอบคุณนะ”
ปารินทร์พยักหน้ารับคำขอบคุณพร้อมยื่นแขนให้ ธีรดามองแล้วตามไม่ทัน เดือดร้อนคนทำให้สงสัยต้องอธิบายตามเคย
“ผมให้ยืมแขนชั่วคราว เผื่อจิกแขนผมแล้วจะพอช่วยได้”
“ฉันใช้หมอนแทนก็ได้ เกรงใจ คุณเจ็บตัวเพราะฉัน แล้วยังจะมาให้ฉันทำร้ายร่างกายอีก”
ชายหนุ่มเก็บแขนของตัวเอง ก็แค่ลองถามดู ไม่ได้ตามารยาทอะไร เขาซื่อตรง ส่วนเธอเท่าที่เห็นก็น่าจะไม่ใช่คนมีมาดหรือฟอร์มอะไร คุยด้วยแล้วก็สบายใจดีเหมือนกัน
“ค่ารักษาพยาบาลฉันขอออกให้คุณนะ ถ้าคราวนี้คุณดื้อจะจ่าย ฉัน...” อะไรดีล่ะ เราไม่ได้สนิทกันจนถึงขนาดที่เธอบอกว่าจะโกรธหากเขาไม่ยอมทำตามที่ต้องการได้เสียหน่อย
“คุณจะทำไม”
“ฉันจะไม่ยอมยกลูกของบานชื่อให้คุณน่ะสิ” ฮ่าๆ ดีจังที่นึกออกว่าเธอยังมีไม้ตาย
ปารินทร์ฮึ่มๆ อยู่ในลำคอคิ้วขมวดทำท่าคิดหนัก ธีรดามองออกหรอกว่าเขาแกล้งทำ
“เป็นข้อต่อรองที่น่ากลัวมากจริงๆ ผมคงต้องยอมแล้วล่ะ”
ธีรดายักคิ้วให้ เห็นไหมว่าเธอยังมีไม้ตาย พยาบาลเข้ามาเลื่อยเฝือกให้เธอและมาทำแผลให้เขาพอดี หญิงสาวจิกหมอนแน่นๆ เสียงเลื่อยมันช่างสร้างความทรมานให้จริงๆ ให้ตายเถอะ ปารินทร์มองมาทำหน้าเฉย แต่จู่ๆ ก็ส่งโทรศัพท์พร้อมหูฟังมาให้ เธอรับหูฟังมาใส่หู เขาเปิดเพลงจากโทรศัพท์ เสียงเลื่อยครืดๆ หายไป เมื่อเพลงของปารินทร์ดังก้องในสมองแทน เธอยกนิ้วโป้งให้เขา อย่างนี้ชีวิตสิถึงค่อยรื่นรมย์ขึ้นมาหน่อย
ธีรดากลับมาที่รถพร้อมเฝือกขาวสะอาดเอี่ยม ส่วนปารินทร์เย็บแผลไป 3 เข็มนิ้วพันผ้าก๊อซ ในมือหิ้วยาที่หมอจัดให้ เขาเข้ามานั่งในรถเช่นเดียวกับเธอ รถถูกขับออกมาจากโรงพยาบาล พอเห็นผู้ชายที่เคยหล่อเนี้ยบตั้งแต่ปลายเท้าจรดเส้นผมมีรอยตำหนิอยู่ที่นิ้วก็รู้สึกไม่ดีเท่าไหร่ แต่พอมองสภาพตัวเองสลับกับเขา เธอกลับหัวเราะออกมา
“หัวเราะอะไรน่ะคุณ”
หญิงสาวยกมือเป็นเชิงขอโทษ กันเขาเข้าใจผิด ไม่รู้ว่าเรื่องอะไรล่ะ แค่กันไว้ก่อน
“สงสัยฉันคงเป็นเทพีแห่งความโชคร้ายของคุณ เจอกันไม่กี่หน คุณก็เจ็บตัวแล้วเห็นไหมล่ะ ทางที่ดีคุณน่าจะอยู่ห่างๆ ฉันไว้ เพราะฉันมั่นใจว่าคุณคงเจ็บตัวอีกแน่ๆ”
ปารินทร์ถอนใจส่ายหน้า เขาไม่เคยได้ยินตรรกะแบบนี้มาก่อนจนกระทั่งได้มาพบเธอนี่แหละ
“เหลวไหล ถ้าผมไม่ไปช่วยคุณ แล้วเป็นคนอื่นมาช่วยก็อาจจะบาดเจ็บเหมือนกันก็ได้ ทุกอย่างอยู่ที่การกระทำ ถ้าคุณมีสติ สิ่งไม่คาดคิดก็จะไม่เกิด”
“สอนยาวเลยนะคุณ ทำอย่างกับอายุมากกว่าฉันมากอย่างงั้นหละ” เธอเหล่ใส่กำลังเดาว่าเขาอายุเท่าไหร่ หน้าตาแบบนี้ บุคลิกดูเป็นผู้ใหญ่ ไม่เหมือนเธอที่เป็นผู้ใหญ่เพราะอายุ อย่างมากก็แค่ 30 ละมั้ง
ปารินทร์หันมามองธีรดาแวบหนึ่ง “ปีนี้ผมอายุ 35 มากพอที่จะพูดสิ่งที่พูดไปแล้วได้หรือเปล่าครับ”
คนอายุ 35 ถูกจ้องจากคนอายุน้อยกว่า ใช้ครีมอะไรหนอ หน้าเด็กกว่าอายุเยอะเลย ธีรดาคิด แต่ขืนพูดออกไปอาจโดนย้อนกลับมาให้หน้าเหวอ เพราะฉะนั้นช่วยมองทางอย่าหาเรื่องใส่ตัวด้วยการชวนคุยต่อแล้วเขาถามอายุกลับมาดีกว่า ให้ตายเถอะ ถ้าเพิ่งจบมหา’ลัยจะบอกเองแบบไม่ต้องถามเลยจริงๆ
เกือบ 6 โมงปารินทร์ขับรถมาถึงบันไดหินที่พาไปยังบ้านบนเนิน เขาจอดรถแล้วออกมายืนรอจนกระทั่งธีรดาลงมาจากรถเรียบร้อย
“ขอบคุณมากค่ะ คืนนี้พบกันที่แคมป์รอบกองไฟนะคะ” เธอบอกแล้วเดินขึ้นบันไดไป
ปารินทร์ยืนมองจนกระทั่งเธอเดินไปจนถึงบันไดขั้นสุดท้ายจึงเดินไปที่บ้านพักของเขาบ้าง ธีรดาหันมามองขมวดคิ้วสงสัยว่าเห็นขาวยาวๆ ทำไมถึงได้เดินช้าจัง เธอขึ้นมาข้างบนแล้ว เขาเพิ่งเดินไปได้ไม่กี่ก้าวเท่านั้นเอง

แล้วจะมา up ต่อนะคะ



บรรพตี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 25 เม.ย. 2557, 09:46:58 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 25 เม.ย. 2557, 09:46:58 น.

จำนวนการเข้าชม : 1401





<< ตอนที่ 3...100%   ตอนที่ 4...100% >>
แว่นใส 25 เม.ย. 2557, 12:54:48 น.
เขาเป็นห่วงไง


Sukhumvit66 25 เม.ย. 2557, 19:23:08 น.
โหมดนี้คุณสิงห์น่ารักดีนะ...


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account