^วันอยากเขียน^
รวมเรื่องสั้น ฉบับลิขิตราค่ะ ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว จับเรื่องสั้นมารวมกันไปเลยดีกว่า
Tags: เรื่องสั้น ลิขิตรา

ตอน: ...บางตอนของความฝันอันแสนหวาน(2)...

ตั้งแต่เมื่อไร ที่ข้อความถูกส่งแลกเปลี่ยนเรื่องราวต่าง ๆ เริ่มกลายเป็นเรื่องคุ้นชิน รู้ตัวอีกครั้ง ในหน้าจอโปรแกรมสนทนาที่พูดคุยกับเขาก็เต็มไปด้วยตัวอักษรมากมายที่ทำให้ฉันเผลอยิ้มได้ทุกครั้งที่อ่าน

หลังราว์นวอร์ดเช้าเสร็จ พี่เรสิเดนท์แยกไปเข้าห้องผ่าตัด ส่วนพวกฉันก็ลงไปสแตนด์บายที่ห้องฉุกเฉินตามเดิม แต่ที่แปลกไปคือวันนี้ ปีศาจตัวโตในชุดสีเขียวของห้องผ่าตัดที่มักโผล่มาที่ห้องฉุกเฉินในเวลาใกล้เที่ยงกลับมาถึงเร็วกว่าปกติ พร้อมเสียงทักทายที่คุ้นเคย "หิวหรือยัง แวะไปหากาแฟกินกันดีไหม”

"โหย...เพิ่งสิบโมงกว่าเองค่ะ วันนี้เคสน้อยเหรอคะ" เพื่อนสาวคนหนึ่งเอ่ยถามเมื่อมองนาฬิกา ขณะที่ฉันยังง่วนอยู่กับการทำแผลผู้ป่วยที่ถูกส่งมาจากแผนกผู้ป่วยนอก

"ครับ วันนี้มีแค่ดีไบรด์บ้านๆ" เขาหมายถึงการผ่าตัดแผล

"ถ้าอยู่บ้านหนู ต้องอ่านดีบริเดอมองท์ เพราะคำนี้มาจากภาษาฝรั่งเศส" ฉันบอกกลั้วหัวเราะ “ใครอ่านดีไบรด์เมนท์จะโดนคุณครูล้อไปสามวันแปดวันเลยล่ะค่ะ"

"ภาษาอะไรก็เหมือนกัน พี่ทำแล้วแผลออกมาสวยก็แล้วกัน”

"ค่า...พี่มิคทำอะไรก็ดีทั้งนั้นล่ะ" ฉันหันไปย่นจมูกใส่ "แต่นี่ยังไม่ถึงเวลาพักเลยน่ะค่ะ พี่มิกมาช่วยพวกหนูดูคนไข้ก่อน แล้วค่อยไปหากาแฟกินกันดีไหมคะ”

"เดี๋ยวก็เสร็จแล้ว น้อง ๆ ไปหาขนมกินกับพี่มิคก็ได้ ตรงนี้พี่อยู่สแตนด์บายเอง" รุ่นพี่อินเทิร์นสาวสวยบอก “แล้วอย่าลืมหิ้วขนมกลับมาฝากด้วยนะคะ"

"โอเค เอาอะไรกันบ้าง จดออร์เดอร์มา เดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง" พี่มิคบอก

เรสิเดนท์ปีศาจที่กลายเป็นเทพบุตรใจดีนั่งเล่นรออยู่ไม่นาน ฉันกับเพื่อน ๆ ก็จัดการดูแลผู้ป่วยเรียบร้อย บางคนโบกมือลาขอตัวอยู่เฝ้าห้องฉุกเฉิน ฉันเองก็ตั้งใจจะบอกอย่างนั้น แต่พี่มิคเหมือนจะรู้ทัน รีบบอกเสียก่อน

"ถ้าหนูไม่ไปบอกทาง พี่คงได้หลงวนรอบเมืองแน่ ยังไงก็ต้องไปเป็นเนวิเกเตอร์ล่ะ" เพราะร้านที่เขาตั้งใจจะไปนั้นเป็นร้านกาแฟที่ฉันบังเอิญไปพบ และแนะนำเขาไว้ ถึงอย่างนั้น ร้านนี้ก็พอเป็นที่รู้จักสำหรับเพื่อน ๆ หลายคน ไม่จำเป็นที่ฉันจะต้องไปเป็นเนวิเกเตอร์สักนิด แต่เมื่อเขาพูดดักทางกันอย่างนี้ ก็ถือว่าเปิดโอกาสให้ฉันอู้งานออกไปเที่ยวละกันนะ

“เรียบร้อยแล้วใช่ไหม มีใครจะไปอีกไหม” เพื่อนรักเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าฉันล้างมือเรียบร้อยดีแล้ว

พี่มิกเดินเข้ามาใกล้ บอกเบา ๆ “วันนี้อยากกินอะไรไหม เดี๋ยวซื้อกาแฟเสร็จแล้วไปหาอาหารกลางวันกินกัน”

“ฮั่นแน่ะ ได้ยินนะคะ...นี่ชวนคนเดียวหรือชวนทั้งหมดคะนี่” เพื่อนคนเดิมนั่นล่ะรีบถามหน้าซื่อตาใส

“ชวนทั้งหมดสิครับ”

“กาแฟยังไม่ได้เลยค่ะ เดี๋ยวไปเจอขนมปังปิ้งเข้า ขี้คร้านจะอิ่มเสียก่อน”

“อย่างนั้นก็รีบไป รีบกิน รีบย่อย แล้วไปกินต่อ” นี่ล่ะเพื่อนฉัน...เรื่องกินเรื่องใหญ่


‘…วันนี้มีอะไรไหมครับ’

ข้อความที่ปรากฏบนโปรแกรมสนทนาทำให้ฉันต้องหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิด เพื่อกดส่งคำตอบ

‘เรียบร้อยดีค่ะ’

‘เตียง 15 ที่ off ICD ไป film หลังออฟมีลมนิดหน่อย หนู aspirate ไปแล้ว ได้ 30 ml เดี๋ยวพรุ่งนี้รีพีทฟิล์มเช้า ถ้าไม่มีปัญหาอะไรน่าจะกลับบ้านได้’

ฉันส่งข้อความไปเล่ารายละเอียดของผู้ป่วย ซึ่งเพิ่งเอาสายระบายลมในช่องอกออก แต่ผลฟิล์มหลังดึงสายออกยังมีลมในช่องอก อาจเป็นจากลมที่เหลือค้าง หรือลมเข้าไปขณะดึงสายออก ฉันจึงใช้เข็มฉีดยาดูดเอาลมออกแทนการใส่สายระบายทรวงอกอีกครั้ง หากพรุ่งนี้ฟิล์มไม่มีลมเพิ่ม ก็สามารถให้คนไข้กลับบ้าน นัดมาดูอาการซ้ำได้

เขาส่งรูปตัวการ์ตูนชูป้ายว่า ok มาให้

‘วันนี้จะลงมาราว์นไหมคะ จริง ๆ ไม่ค่อยมีอะไร ถ้าพี่ไม่มา พวกหนูจะหนีกลับละนะ’

‘ไม่ลงแล้วกัน เราช่วยดูให้พี่แล้วนี่ เดี๋ยวพี่มีเคสต่อ คงจะยาวเลย’

‘วันนี้เวรใช่ไหมคะ สู้ ๆ นะคะ’

‘ครับผม’

เขาตอบก่อนจะส่งรูปสติชกอดตุ๊กตาที่มีอักษรว่า thank you มาให้แทนการขอบคุณ ฉันมองแล้วเริ่มอยากได้สติ็กเกอร์มีราคานี่ขึ้นมา จนอดพิมพ์บอกไปไม่ได้

‘อย่าส่งสติชมายั่วกันสิคะ’

‘ชอบสติชเหรอ’

อย่างฉันน่ะ ไม่เรียกว่าชอบธรรมดาหรอก ใกล้จะเข้าขั้นคลั่งไคล้เลยต่างหาก แต่ที่ยั้งมือยั้งใจไม่ซื้ออะไรมากมายเกี่ยวกับเจ้าสัตว์ประหลาดน้อยตัวนี้ ก็เพราะเจียมเนื้อเจียมตัวว่ายังทำเงินไม่ได้เท่านั้นหรอก ลองมีเงินเดือนเองสิ ฉันกว้านซื้อตามใจตัวเองแน่นอน

‘โธ่…สติชน่ะ เป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ารักที่สุดในโลกแล้วนะคะ’

‘น่ารักกว่าพี่อีกเหรอ’ เขาส่งสติชทำหน้าหงอยกลับมาให้

‘โธ่…เทียบกันได้ที่ไหนล่ะคะ’

ฉันนิ่งไปครู่เมื่อคิดถึงความสัมพันธ์ระหว่างพี่มิคกับฉัน ช่วงเวลาเพียงอาทิตย์กว่า กลับทำให้เราคุ้นเคย ไปไหนมาไหนด้วยกันแทบจะเป็นปาท่องโก๋โดยไม่ตั้งใจ

ฉันชอบผ่าตัด และเขาชอบสอน ความสนใจของเราทั้งคู่ต่างลงตัวบนพื้นฐานของการเรียนรู้ แต่กลับทำให้ใครหลายคนที่มองผ่าน ๆ เริ่มมีข้อกังขา จนฉันเองก็เริ่มไม่มั่นใจในสถานะที่เราต่างวางกันไว้ บางครั้ง...ความสนิทสนมที่มากมายขนาดนี้ก็ต้องการคำนิยามที่มากกว่าปกติ

‘ยังไงพี่ชายหนูก็ต้องน่ารักที่สุดอยู่แล้ว’ ฉันมอบคำจำกัดความสัมพันธ์ให้เขาในที่สุด

หลายครั้งที่พวกผู้ชายในนิยายมักตัดพ้อถึงความสัมพันธ์แบบพี่ชายกับน้องสาว แต่ผู้หญิงอย่างฉันก็อยากบอกเหมือนกัน ในวันที่ไม่มีอะไรแน่นอนเช่นนี้ การที่ฉันวางเขาไว้ในฐานะพี่ชายเป็นอะไรที่ปลอดภัยที่สุดแล้วสำหรับหัวใจ

เพราะนั่นแปลว่า...ฉันไม่มีวันรักเขาได้มากกว่านี้ และฉัน...อยากให้ความสัมพันธ์ระหว่างพี่กับน้องนั้น ดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ ไม่จบลงตามวันเวลาที่เขาและฉันไม่ได้อยู่ในโรงพยาบาลเดียวกัน

เขาเงียบไปนานจนฉันเริ่มหวั่นใจ หน้าจอในโปรแกรมบอกให้รู้ว่าเขาได้อ่านข้อความนั้นแล้ว แต่ยังไม่ยอมตอบกลับ

ฉันพยายามควบคุมสติกลับมาทำงานต่อไปจนเสร็จเรียบร้อย ฉันเก็บแฟ้มประวัติผู้ป่วยเข้าไปในเคาท์เตอร์พยาบาล พับเป็นรูปสามเหลี่ยมแล้วแจ้งกับพี่พยาบาลถึงคำสั่งเพิ่มเติม ดูจนแน่ใจว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้วจึงชวนเพื่อนเดินลงมาจากวอร์ด ไปที่ห้องฉุกเฉิน

เพื่อนๆนั่งรออยู่กับรุ่นพี่อินเทิร์น ฉันขยิบตาให้แล้วบอก “พี่มิกติดโออาร์”

“เย่…” เพื่อนชายคนหนึ่งตะโกนขึ้นแทบทันทีจนฉันต้องขึงตาดุ

“เฮ้ย…เบาหน่อย นี่อีอาร์นะ”

“กลับกันเถอะ กลับกันเถอะ” เพื่อนอีกคนรีบบอก ขณะที่พี่อินเทิร์นนั่งอมยิ้ม

“ไปเลย...พักผ่อน ๆ”

“ไปหาอะไรกินข้างนอกกัน” ฉันเสนอทันที ก่อนหันไปถามรุ่นพี่อินเทิร์นคนสวย “พี่อยากได้อะไรไหมคะ เดี๋ยวพวกหนูซื้อเข้ามา”

“ไปกินแถวไหนล่ะ”

“น่าจะเข้าห้างนะคะ อยากไปซื้อของด้วย”

“อยากกินไก่ทอดอ่ะ” รุ่นพี่สาวทำหน้าครุ่นคิด ก่อนบอก “เฮ้ย…เดี๋ยวพี่โทร.สั่งเอาก็ได้ง่ายกว่า จะได้หาแนวร่วมก่อนด้วย แต่พี่ฝากหิ้วโดนัทมาหน่อยสิ เดี๋ยวพี่จดให้”

เธอหันไปหยิบกระดาษมาเขียนเลือกหน้าโดนัท ก่อนจะส่งให้ฉัน “ค่อยซื้อตอนจะกลับก็ได้นะ จะได้ร้อน ๆ ”

“แน่นอนค่ะ ถ้ามีอะไรเพิ่มเติมพี่โทร.บอกได้เลยนะคะ”

“จ้ะ ขอบใจนะ”

วันนั้น ฉันซื้อโดนัทมาฝากรุ่นพี่อินเทิร์นคนสวย และเดินเลยไปที่ห้องผ่าตัด เพื่อจะวางถุงขนมเค้กไว้ที่เคาท์เตอร์ด้านหน้า ไลน์บอกพี่มิคให้ทราบว่าฉันซื้อของมาฝาก ก่อนจะเดินกลับห้อง



พี่มิกส่งข้อความกลับมาขอบคุณ เรากลับมาคุยกันเหมือนปกติ เพียงแต่ฉันเรียกเขาว่าพี่ชายบ่อยขึ้น และเขาก็ดูเหมือนจะยอมรับดี นั่นทำให้ฉันไม่ต้องกังวลวุ่นวายอีก แม้ยามที่เพื่อนรักมาล้อ ฉันก็ตอบได้หน้าตาเฉยว่าเขาเป็นพี่ชายที่น่ารักและเคารพคนหนึ่ง

อาทิตย์ต่อมา ฉันเข้าเวรห้องผ่าตัด เวรโปรดที่ฉันจะได้อยู่ในห้องผ่าตัดตลอดคืน ฉันรีบเดินเข้าไปตรวจสอบตารางผ่าตั้งแต่สี่โมงตรง แต่ยังไม่ทันถึงดี เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นก่อน

“เฮ้ย…น้องอยู่เวรโออาร์วันนี้เปล่า”

“ค่ะ” ฉันตอบรับอย่างงุนงง

“เออ…พี่เข้าเวรนะ ฝากไปที่โออาร์ตอนนี้เลยนะ มันมีเคสนิวโรจะผ่าหัว ดมยาเพิ่งเห็นฟิล์มว่ามีริบหัก พี่ฝากไปใส่ไอซีดีหน่อย” เขาบอกอย่างเร่งรีบ ขณะที่ฉันเบิกตาโต อ้าปากค้างจนแทบงับแมลงวันเข้าไปได้ทั้งตัว

โอว…เอ็กซ์เทิร์นตัวน้อย ๆ อย่างฉันจะไปใส่สายระบายทรวงอกโดยไม่มีรุ่นพี่คุม

“เคยใส่ไหม”

“เอ่อ…เคยครั้งเดียวค่ะ แต่มีพี่คุม” หัตถการหลายอย่างเอ็กซ์เทิร์นอย่างพวกฉันอาจฉายเดี่ยวทำได้เลย แต่บางอย่างก็ต้องการรุ่นพี่ช่วยคุม การใส่สายระบายทรวงอกเป็นหัตถการที่ก้ำกึ่ง คือทำเองได้ถ้าชำนาญ

แล้วการที่เคยทำครั้งหนึ่งโดยมีรุ่นพี่ช่วยดูนี่ จะเข้าข่ายว่าชำนาญได้ไหมนะ???

“เออ…งั้นก็ไปทำเลย ไม่ต้องกลัวยังไงก็มีพี่นิวโรอยู่ ถ้าไม่ไหวเขาก็คงช่วยล่ะมั้ง”

“เอ่อ…ค่ะ”

“ขอบคุณมาก พอดีพี่ติดเคสที่อีอาร์ ถ้าเสร็จแล้วก็ไปกินข้าวก่อนเลยนะ” เสียงห้าว ๆ นั้นบอกก่อนจะตัดสายไป ทิ้งให้ฉันยืนตะลึงอยู่เพียงวินาทีเดียว แล้วรีบเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าเสื้อกาวน์แล้ว...โกยแน่บ!

ฉันเปลี่ยนชุดเข้ามาในห้องผ่าตัดด้วยความเร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ ถามหาห้องผ่าตัดศัลยกรรมประสาท แล้วรีบวิ่งเข้าไป อาจารย์วิสัญญีเตรียมพร้อมจะดมยาผู้ป่วยแล้ว รุ่นพี่ศัลยแพทย์ประสาทนั่งอ่านเอกสารประวัติผู้ป่วยอยู่ที่มุมห้อง เงยหน้ามามองฉันแว่บเดียว

“น้องมาใส่ไอซีดีใช่ไหม”

“เอ่อ…ค่ะ”

ฉันบอกก่อนจะเดินออกจากห้องมาล้างมือ เมื่อเข้าไปในห้องอีกครั้ง เครื่องมือทุกอย่างก็ถูกเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว ฉันหยิบถุงมือมาสวม แล้วเริ่มทำความสะอาดผิวหนังบริเวณอก เหลือบมองรุ่นพี่ศัลยแพทย์ที่มุมห้อง เห็นเขาเหลือบตามามองบ้างก็ค่อยคลายใจ ค่อยทบทวนขั้นตอนช้า ๆ ในใจ ปูผ้า แล้วกรีดมีดลงบนช่องซี่โครงตามที่เรียนมา

ฉันค่อยใช้คีมเลาะเข้าไปในชั้นกล้ามเนื้อ หาตำแหน่งใส่ท่อ รุ่นพี่ลุกขึ้นมายืนกอดอกมอง เมื่อปลายคีมนำทางเข้าไปถึงช่องอกแล้ว ฉันจึงง้างคีมเปิดทางสำหรับใส่สายระบายเข้าไปภายใน เรียบร้อยแล้วจึงเย็บผูกสายคาไว้กับอก ก่อนจะปิดผ้าเก็บเครื่องมือที่เหลือให้เรียบร้อย

“ขอบคุณนะครับ” รุ่นพี่บอกเมื่อฉันถอดถุงมือใส่ในถัง

“ขอบคุณค่ะ” ฉันยิ้มรับทั้งที่ในใจเต้นรัวราวกลองสะบัดชัย

พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าฉันตื่นเต้นแค่ไหน ที่คุมมือไม่ให้สั่นได้นี่ฉันก็ชื่นชมตัวเองมากแล้ว

ทันทีที่ออกจากห้องผ่าตัดหมายเลข 7 ฉันรีบวิ่งไปนั่งหน้ากระดานรายงานเคสผ่าตัด กลัวเหลือเกนว่าหากหาเก้าอี้ไม่ได้ ตัวจะทรุดลงไปแปะกับพื้นเสียก่อน

เมื่อนั่งเรียบร้อย ฉันจึงหยิบโทรศัพท์ออกมา รีบกดข้อความเล่าให้พี่ชายคนดีด้วยความตื่นเต้น

‘พี่มิค ตะกี้หนูได้ใส่ไอซีดีเองด้วยล่ะ’

เพียงครู่เดียว ก็ปรากฏอักษรบอกว่าอีกฝ่ายได้อ่านแล้ว ก่อนจะตามมาด้วยข้อความตอบกลับ ‘ใส่เอง?’

‘ค่ะ…เวรโออาร์น่ะ’

‘ได้ไหม’

‘แหม…ถ้าไม่ได้ ก็ไม่มาอวดสิคะ’ ฉันพิมพ์ตอบ อดจะเบะปากใส่โทรศัพท์เหมือนพี่มิคมายืนอยู่ตรงหน้าไม่ได้ โธ่…คนต้องการให้ชมนะ ไม่ใช่มาถามเหมือนปรามาสกันอย่างนี้

‘เก่ง…’ เขาชมกลับมาในที่สุด ก่อนจะส่งตัวการ์ตูนยกนิ้วโป้งแปลว่ายอดเยี่ยมมาให้ เท่านั้นฉันก็ยิ้มหน้าบ้าน

‘แน่นอน…น้องสาวพี่มิคเสียอย่าง’

เขาเงียบไปนาน ขณะที่ฉันเดินออกไปหาขนมกินเล่น สายฝนโปรยลงมาไม่ขาดสายทำให้ฉันเดินวนอยู่ได้เพียงร้านกาแฟเล็ก ๆ ที่มีระเบียงทางเดินเชื่อมไปถึง ซื้อซาลาเปามากินได้สองลูกก็กลับห้องผ่าตัด มานั่งเขียนเคสรอผ่าที่วอร์ดแจ้งขึ้นมา

เสียงกริ๊งบอกว่ามีข้อความเข้าทำให้ฉันวางปากกาไวท์บอร์ด หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดอ่าน

…เป็นพี่มิค...

‘ฝนตก’

‘ค่ะ…’

‘พี่ออกมาที่ยิม หนูกินอะไรหรือยัง’ เขาหมายถึงยิมเนเซียมซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโรงพยาบาลนัก

‘ซาลาเปาไส้ครีม 2 ลูกค่ะ’ ฉันส่งรูปการ์ตูนยิ้มตอบกลับไป

‘อิ่มเหรอ’

‘พอรองท้องได้อยู่ค่ะ’

‘ถ้ายังไม่มีเคส ออกมาหาอะไรกินก่อนไหม’ คำถามนั้นทำให้ฉันย่นจมูกใส่อย่างไม่ชอบใจนัก เขาเองก็รู้ว่าฉันรอเวลาเข้าเวรห้องผ่าตัดมานานแค่ไหน ชุดสีเขียว แสงไฟ บรรยากาศที่ทุกอย่างดำเนินไปภายใต้มือของศัลยแพทย์นั้นเป็นสิ่งที่ฉันหลงรักที่สุดในการเรียนแพทย์

‘ไม่เอาล่ะค่ะ หนูอยากเข้าเคสจะแย่แล้ว เดี๋ยวพี่เดนท์มาแล้วไม่เจอ อดพอดี’

‘ถ้ามีแอพเพนดิก อยากให้พี่คุมก็บอกนะ’ เขาหมายถึงการผ่าตัดไส้ติ่ง ที่เรสิเดนท์จะสอนให้เอ็กซ์เทิร์นทำได้

‘ค่ะ…แต่พี่มิกไม่พักเหรอ’ ฉันจำได้ว่าเขาเพิ่งเข้าเวรไปเมื่อวานนี้

‘พักสิคะ แต่ถ้าหนูอยากผ่า พี่ก็เข้าไปสอนได้’

‘นั่นแน่ะ...ไหนว่าอยู่ยิม’

เขาส่งรูปสติชทำหน้าหงอยมาให้ฉัน ‘เดี๋ยวจะกลับแล้ว ไม่มีคนมาเล่นด้วย’

‘หวา…ลองหาหนุ่ม ๆ แถวนั้นสิคะ เผื่อมีคนอยากเล่นด้วย’ ฉันแกล้งล้อ ทั้งที่รู้ตั้งแต่วันแรกที่พบแล้วว่าผู้ชายคนนี้ไม่ได้มีรสนิยมชอบเพศเดียวกัน แต่การที่เขาเลือกสติ๊กเกอร์ลายสัตว์ประหลาดสีม่วงตัวนี้ ก็ทำให้ฉันอดจะสงสัยขึ้นมาบาง ๆ ไม่ได้

เพื่อนผู้ชายของฉันแทบทั้งหมดที่ชอบสติช เป็นเกย์!

‘เดี๋ยวหาขนมกินแล้วกลับไปนั่งเล่นกับหนูดีกว่า’ เขาพิมพ์ตอบกลับมาได้รวดเร็ว ‘กินอะไรไหม เดี๋ยวพี่ซื้อไปฝาก’

‘ไม่เป็นไรหรอกค่ะ พี่มิคทานเถอะ หนูชักขี้เกียจกินแล้ว’

‘ไม่กินเดี๋ยวก็ไม่มีแรงช่วยผ่าตัดหรอก’ เขาตอบกึ่งดุ แต่ฉันไม่ได้ใส่ใจ แล้วก็ไม่มีข้อความใดตอบมาอีก เพราะรุ่นพี่เรสิเดนท์ที่เข้าเวรเดินเข้ามาพอดี ฉันลุกขึ้นส่งยิ้ม เอ่ยแนะนำตัว แล้วค่อยรายงานเคสที่เขียนไว้บนกระดานอย่างรวดเร็ว

“อ่อ…ไม่เยอะมาก เดี๋ยวพี่เอาแอพเพนดิก(ไส้ติ่งอักเสบ)มาทำก่อนแล้วกัน น้องจะได้เข้าช่วย” ฉันฉีกยิ้มกว้างทันทีที่ได้ยิน และรอยยิ้มก็กว้างขึ้นเมื่อเขาเอ่ยถาม “เคยช่วยไหม อยากเป็นมือหนึ่งหรือเปล่า”

ฉันเบิกตาโต เมื่อเขาจะให้ฉันเป็นศัลยแพทย์มือหนึ่ง ลงมีดผ่าตัดเอง “เอ้อ…ก็เคยช่วยอยู่บ้างค่ะ ถ้าพี่...จะกรุณา”

เขาหัวเราะ “ได้ยินว่าเราอยากเรียนศัลย์ เป็นมือหนึ่งเลยก็ได้ เดี๋ยวพี่ช่วย”

ฉันอ้าปากค้าง แทบจะกระโดดกอดเขาแน่น ๆ ถ้าไม่เกรงใจว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ชายตัวโตหน้าตาเหี้ยวโหดราวหมีป่า และที่สำคัญคือ เราเพิ่งรู้จักกันไม่ถึงสิบนาที

“ได้ค่ะ...หนูโทร.เรียกเคสเลยนะคะ แล้วพี่จะให้เคสไหนต่อดี”

“จัดดิกมาสองเคสเลย แล้วก็ เดี๋ยวพี่ขอเปิดห้องดีไบรด์อีกเคส ให้พี่เดนท์หนึ่งทำ”

“ได้ค่ะ”

ฉันรับคำ แล้วจัดการโทรศัพท์แจ้งวอร์ดให้ส่งตัวผู้ป่วยลงมาที่ห้องผ่าตัด เพียงไม่นาน ฉันก็ได้อยู่ในชุดปลอดเชื้อสีเขียวสะอาด เบื้องหน้าคือร่างของผู้ป่วยที่นอนนิ่ง กับรุ่นพี่หมีป่าที่ยืนให้กำลังใจอยู่อีกฝั่งหนึ่ง

“ลงมีดตรงนี้เลยนะ ชอบแบบไหน”

“กริดค่ะ” ฉันหมายถึงการกรีดแนวเฉียงคล้ายแนวล้วงกระเป๋าที่ราบลงไปเล็กน้อย รุ่นพี่หนุ่มพยักหน้าอนุญาต ฉันจึงจรดปลายมีดลงไป แล้วค่อย ๆ แหวกผ่านชั้นกล้ามเนื้อท้อง ลงไปจนถึงเยื่อบุช่องท้อง ภายใต้คำแนะนำและการช่วยเหลืออย่างใกล้ชิดของเขา

---
พาพี่มิคกลับมาฝากแล้วค่ะ ดูเหมือนทุกคนจะตกหลุมรักหนุ่มคนนี้เสียแล้ว ลองเดาสิคะว่า 'ฉัน' คนนี้ หลงเสน่ห์พี่มิคหรือยังเอ่ย ???

คุณ mhengjhy : เอ...สงสัยอะไรเอ่ย???

คุณ pkka : เอ๊ะ...นั่นสิคะ ^^

คุณ คิมหันตุ์ : อุต๊ะ...ทำไมมองพี่มิคอย่างนั้นล่ะคะ

คุณ นักอ่านเหนียวหนึบ : พี่มิคบอกว่ากรี๊ดดัง ๆ ก็ได้ค่ะ พี่มิคชอบ 55

คุณ goldensun : 55 ใช่ค่ะ พี่มิคออกจะเอ็นดูเด็ก ๆ

คุณ ใบบัวน่ารัก : พี่มิคเขาพยักหน้ายอมรับใหญ่เลยค่ะ

คุณ konhin : น่าฮักแล้วฉักก่???

คุณ เพาพะงา : ไอซ์ก็คิดถึงค่ะ

คิดถึงทุกท่านเลยค่ะ
ps. ไอซ์เอาเรื่องที่เคยเขียนเป็นตอน ๆ ไว้ในเว็บเดิมมารวมเล่มเป็น e-book ลงไว้ในเว็บ meb แวะไปเยี่ยมชม download กันได้นะคะ ที่ http://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&book_id=12832

ps2 โปรดติดตาม...เรื่องราวของฉันกับพี่มิคยังไม่จบนะคะ



ลิขิตรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 23 เม.ย. 2557, 17:54:21 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 23 เม.ย. 2557, 17:54:31 น.

จำนวนการเข้าชม : 1743





<< ...บางตอนของความฝันอันแสนหวาน(1)...   ...บางตอนของความฝันอันแสนหวาน(3)... >>
หมีสีชมพู 23 เม.ย. 2557, 18:29:14 น.
ขอให้พี่มิคสมหวัง เพี้ยง


kraten 23 เม.ย. 2557, 18:29:45 น.
ชักจะสงสารพี่มิคนะคะ


นักอ่านเหนียวหนึบ 23 เม.ย. 2557, 18:36:09 น.
อ่านตอนนี้จบ คิดออกแค่ว่า ไรเติร์ดูจะหลงรักการผ่า มากก ถึงมากที่สุดนะคะ อ่านแล้วแอบหลอนๆ 5555


ใบบัวน่ารัก 23 เม.ย. 2557, 19:50:59 น.
ทำไมแทนตัวเองว่า หนู
ทำให้พี่มิค ดูแก่ ไปทันที
เหมือนหลอกเด็กจัง หรือรักจริงๆๆ


mhengjhy 23 เม.ย. 2557, 21:36:31 น.
ยั้งงงงงง


pkka 23 เม.ย. 2557, 22:32:09 น.
เห็นภาพเลย


คิมหันตุ์ 24 เม.ย. 2557, 00:24:27 น.
เอ่อ......ตอนนี้ย้ำคำว่าพี่ชายจนสงสารพี่มิคเลยแฮะ


goldensun 25 เม.ย. 2557, 18:52:55 น.
ฉันนี่ มั่นคงกับการวางตำแหน่งพี่ชายให้พี่มิคจัง ย้ำอยู่เรื่อย ขนาดพี่มิคจ๋อย ยังไม่หยุดย้ำเลย
แล้วรู้สึกว่า จะรักการผ่าตัดมากกว่าพี่มิคแน่


grazioso 1 พ.ค. 2557, 17:58:17 น.
เจอพี่เดนท์ศัลย์แบบนี้ รักตายเลยค่ะ :))
คิดถึงพี่ไอซ์ :)


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account