ไฟรักทรายเสน่หา
'ทะเลทรายมักแอบซ่อนความรักและมนตร์ขลังเอาไว้เสมอ' ‘เจน’ สาวน้อยลูกครึ่งไทย-อาหรับ รับรู้มาตลอดว่าตนเองเป็นชาวทะเลทราย ทว่าวันหนึ่ง ‘ไฟซารห์’ เจ้าชายหนุ่มรูปงามกลับเข้ามาทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนแปลง...หญิงสาวจะทำเช่นไรเมื่ออดีตถูกเปิดเผยและความรักก็เร่งเร้ารุนแรงจนเธอไม่อาจสั่งการหัวใจตนเองได้
Tags: ทะเลทราย ความรักหวานซึ้ง เข้มข้น

ตอน: 12

ติดตาม "ไฟรักทรายเสน่หา" กันได้นะคะที่นี่เลยค่ะ

http://www.greenmindbook.com/product-%E0%B9%84%E0%B8%9F%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%99%E0%B9%88%E0%B8%AB%E0%B8%B2-356540-1.html

หรือว่าจะจองผ่านเฟสบุ๊คตอนนี้ในราคาพิเศษด้วย

https://www.facebook.com/photo.php?fbid=659922994056278&set=a.103087873073129.1858.100001157496841&type=1&theater

ตอนที่ 12

เจ้าชายไฟซารห์ยุ่งกับงานเตรียมผังเมืองใหม่ที่สุลต่านอัสตาฟามอบหมายให้จัดการ ซึ่งที่จริงแล้วเรื่องนี้ก็เป็นความเต็มใจของพระองค์ด้วย ทว่าเมื่อมีเวลาว่าง วรองค์สูงก็มักจะนั่งอยู่ที่ห้องโถงซึ่งเป็นผนังกระจกมองเป็นพันธ์ไม้ที่จัดเป็นสวนเล็กๆ ภายในบ้านของตน

ทรง พยายามทบทวนทุกอย่างเริ่มจากการให้ซากีร์ไปหาข้อมูลเกี่ยวกับเจนนาห์และการ ที่พระองค์สังเกตหญิงสาวก่อนที่จะเล่าเรื่องในอดีตให้เธอฟัง แม้ทุกอย่างจะไม่มีหลักฐานเป็นชิ้นเป็นอันแต่พระองค์ก็เชื่อในสิ่งที่ตนเอง รู้สึกและสิ่งที่เจนนาห์จำได้...เชื่อว่าเธอคืออารียาเด็กผู้หญิงที่หายสาป สูญไปเมื่อ 19 ปีที่แล้ว

“ไฟซารห์...หลานกำลังคิดอะไรอยู่เหรอ”

เช้าตรู่ของวันหนึ่งนาร่าห์เดินเข้ามาหาหลานชาย ความที่เลี้ยงดูอีกฝ่ายมาตั้งแต่ยังเป็นทารกจึงรู้สึกถึงความผิดปกติที่เขาเป็นมาหลายวันแล้ว

“เรื่องเมื่อ 19 ปีที่แล้ว”

เจ้าชายไฟซารห์ตรัสสั้นๆ ดวงเนตรสีไพลินยังตกอยู่ห้วงคำนึง พยายามรื้อฟื้นเรื่องเมื่อเกือบยี่สิบปีที่แล้ว ภาพบิดาและมารดาทะเลาะกันอย่างหนักยามที่ฝ่ายแรกกลับมาจากวิหารซอฟัรผุดขึ้นในหัว ‘ทรงจำได้ใช่ไหมว่ารานีฟารินาห์เกลียดวิหารนั่นขนาดไหน’ เสียงที่ท่านซารานพูดเมื่อวานดังก้องขึ้น

“ตอนนั้นจำได้ว่าเสด็จแม่ไม่เคยเสด็จไปที่วิหารซอฟัรเลย เวลาที่ผมกับพ่อกลับมาจากวิหารก็ชอบทำท่าไม่พอใจใส่ บางทีก็ทะเลาะกับพ่อ”

เอ่ยจบราชนิกุลหนุ่มก็มองหน้าน้าสาว อีกฝ่ายหลบตาวูบอย่างตกใจ ทำให้คนมองยิ่งสงสัยหนัก

“มีอะไรมากกว่าที่ผมรู้หรือเปล่า?”

“ไม่หรอก...ไม่มีอะไรสักหน่อย” นาร่าห์รีบตอน แต่คนถามไม่หยุดแค่นั้น

“เรื่องที่คนอื่นลือกันที่ผมเคยได้ยิน...ผู้หญิงที่ชื่อนารี...เสด็จพ่อชอบเธอใช่ไหม ตอนนั้นน้าสนิทกับเธอที่สุด เธอเป็นเพื่อนของน้า น้าต้องรู้เรื่องนี้ดีสิ”

“ก็ ใช่นะ...นารีสนิทกับน้าเพราะเราเคยเป็นพยาบาลมาด้วยกัน” นาร่าห์หายใจเข้าลึกๆ ก่อนหันไปมองหลานชาย “แต่นารีเป็นหญิงม่ายนะไฟซารห์ การที่องค์สุลต่านจะไปคบหากับหญิงมีราคีก็จะทำให้ทรงมีราคีไปด้วยมันเป็น ประเพณีต้องห้ามของซาราเวีย หลานไม่ควรพูดหรือถามเรื่องนี้กับใครๆ ทั้งนั้น แล้วที่องค์รานีไม่ชอบไปที่วิหารซอฟัรก็เพราะทรงไม่โปรดความร้อนแรงของทะเล ทรายเท่านั้นเอง แล้วมันก็ผ่านมาตั้ง 19 ปีแล้ว จะมารื้อฟื้นอะไรกันอีก เลิกพูดเรื่องนี้เถอะพูดแล้วใจคอไม่ดียังไงก็ไม่รู้”

เจ้าชายไฟซารห์ขมวดขนงเพราะความทรงจำของคนนั้นก็ไม่ต่างจากแผ่นฟิลม์ที่ม้วนเก็บไว้ในลิ้นชัก พอวันหนึ่งที่เราเปิดมันออกมันภาพก็จะฉายผ่านไหลเข้าในหัวสมอง แม้ไม่อยากจำแต่ก็ย่อมชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ อย่างปฏิเสธไม่ได้

“ทำไมตลอดเวลาผมมักจะคิดว่าเรื่องนี้มีอะไรมากกว่านั้นและทุกคนก็พยายามปิดบัง สงสัยว่าผมคงถึงเวลาที่ผมจะต้องไปหาคำตอบจากคนอื่นบ้างแล้ว”

วรองค์สูงลุกขึ้นและพูดกับน้าสาว ทำให้อีกฝ่ายขมวดคิ้ว “หาคำตอบจากคนอื่นหมายความว่ายังไง หลานคิดว่าใครจะรู้เรื่องนี้อีกงั้นเหรอ แล้วที่พูดเรื่องนี้...สาเหตุมาจากเรื่องของแม่สาวลูกครึ่งชาวอัลคาซาน ลูกสาวของท่านซารานนั่นหรือเปล่า”

เมื่อเอ่ยจบนาร่าห์ก็ชะงักไปครู่หนึ่ง คำว่าสาวลูกครึ่งไทย-อาหรับทำให้นางคิดในใจ ‘ใช่สินะ อารียา ลูกสาวของนารีก็มีเชื้อชาตินี้เช่นกัน นี่พอไฟซารห์เห็นแล้วก็คงคิดถึงเด็กคนนั้นขึ้นมา ถึงได้รื้อฟื้นเรื่องที่ไม่ควรพูดถึงขึ้นมาอีกล่ะสิ’

“ไฟซารห์...ที่หลานไปข้องเกี่ยวกับผู้หญิงคนนั้น...หลานคงไม่รู้ใช่ไหมว่า ท่านซารานยื่นข้อเสนอให้เจ้าชายคาซาลเลือกที่จะอภิเษกกับธิดาคนใดคนหนึ่ง...นีสรีน หรือไม่ก็ เจนนาห์ ทางที่ดีหลานไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงสองคนนั่นจนกว่าพี่ชายของหลานจะเลือกได้ว่าจะให้ใครเป็นชายาของตัวเอง”

“อะไรนะครับ” เจ้าชายหนุ่มหรี่ตาลงเพราะหลายอาทิตย์ที่ผ่านมานั้นทรงสนใจแต่เจนนาห์และไม่ได้สนใจเรื่องอื่นเลย น้าสาวจึงย้ำขึ้น

“ไม่ว่านีสรีนหรือเจนนาห์ก็มีสิทธิ์เป็นชายาของเจ้าชายคาซาลทั้งนั้น และอาทิตย์หน้าในงานต้อนรับพวกอัลคาซานอย่างเป็นทางการ เราก็จะได้รู้กันว่าพระองค์จะเลือกใคร”

“พี่คาซาลต้องเลือกนีสรีนอยู่แล้ว” เจ้าชายไฟซารห์ตรัสขึ้นทั้งๆ ที่ในใจรู้สึกหวั่นๆ แม้จะรู้สึกเหมือนกันว่าเป็นการคิดเข้าข้างตนเองแต่ตามเหตุผลแล้วพระองค์ก็ยังคิดว่าพี่ชายจะต้องเลือกนีสรีนอยู่ดี “เสด็จแม่ก็จะต้องเห็นด้วยเพราะนีสรีนเป็นกุลสตรีที่เรียบร้อยอย่างที่ควรมีในชายาขององค์รัชทายาท”

“แล้วถ้าเป็นหลานล่ะ ในฐานะผู้ชายคนหนึ่ง...หลานจะเลือกใคร บางทีเจ้าชายคาซาลก็อาจจะคิดเหมือนหลานก็ได้นะ”

นาร่าห์พูดขึ้นอย่างกลางๆ และคำพูดของน้าสาวก็ทำให้เจ้าชายไฟซารห์ขมวดคิ้วมุ่นและก้าวออกไปจากวังทันที แม้แต่นาร่าห์ก็ตามเรียกไว้ไม่ทัน เธอส่ายศีรษะน้อยๆ ก่อนตรองอย่างหนักถึงเรื่องที่หลานชายพูดและคิดอย่างหนักเช่นกันว่าตนควรจะเล่าให้พี่สาวฟังหรือไม่



ใน เวลาไม่นานเจ้าชายไฟซารห์ก็มาปรากฏตัวที่พระราชวังซาบัคและคราวนี้พระองค์ก็ มาพร้อมกับซากีร์ทหารองครักษ์คนใหม่ที่กลายเป็นคนสนิทไปแล้ว ราชนิกุลหนุ่มลงรถที่ตำหนักหลวงและบอกให้ซากีร์ไปจัดการบางอย่างก่อนจะที่ มุ่งหน้าไปยังห้องของพระเชษฐา

ภาพที่อาลีซ่าเดินถือถาดชาสวนออกมาในเวลาเที่ยงนั้นทำให้เจ้าชายไฟซารห์หรี่พระเนตรมองอย่างแปลกพระทัย ทว่าคนสนิทของพระมารดาก็รีบก้มหน้างุดและก้าวออกไปจนอะไรบางอย่างหล่นและกลิ้งมาโดนพระบาทของราชนิกุลหนุ่ม วรองค์สูงจึงอดไม่ได้ที่จะก้มลงเก็บและพบว่ามันคือกระดุมเสื้อของผู้หญิง

“มีอะไรหรือเปล่าไฟซารห์”

เสียงของพระเชษฐาทำให้ราชนิกุลผู้น้องเก็บมันใส่กระเป๋าเสื้อและมองอีกฝ่ายซึ่งอยุ่ในชุดสีขาวคลุมยาวเหมือนที่พระองค์ใส่เป็นประจำ

“หม่อมฉันมีบางอย่างอยากจะคุยกับเสด็จพี่”

“น่าสนใจ” เจ้าชายคาซาลเลิกขนงอย่าแปลกพระทัย “ธรรมดาแล้วเราแทบไม่ได้คุยกัน นั่งก่อนสิ”

“เพราะเสด็จพี่งานยุ่ง ส่วนหม่อมฉันตั้งแต่กลับมาก็มัวรับผิดชอบควบคุมดูแลผังเมืองใหม่จนแทบไม่มีเวลาเจอกัน” เจ้าชายผู้น้องตรัสก่อนนั่งลงที่โซฟาตามคำเชิญของพระเชษฐา หากท่อนขาก็สัมผัสกับวัสดุชิ้นเล็กๆ แข็งๆ บางอย่างซึ่งพอใช้มือจับจึงพบกระดุมแบบเดียวกับที่อาลีซ่าทำหล่นเมื่อครู่ คิ้วเข้มของพระอนุชาจึงขมวดชิดโดยไม่ตั้งใจ

“เมื่อกี้หม่อมฉันเจออาลีซ่า”

“อืม” พี่ชายมีสีหน้าปกติแต่ก็ยังมีแววร้อนพระทัย “เสด็จแม่ให้เธอเอาอาหารกลางมาให้พี่ อยู่ดีๆ ทำไมพูดเรื่องนี้ ตกลงที่มาเพราะมีเรื่องอะไรกันแน่”

เจ้าชายไฟซารห์พอจะเดาออกทันทีเพราะจำได้ว่าเมื่อครู่อาลีซ่าคว้าถาดชาเปล่าออกไป แถมในห้องนี้ยังไม่มีอาหารวางอยู่เลยสักอย่าง เรื่องที่เดาออกทำให้ทรงถามพระเชษฐาอย่างจริงจัง

“ทรงเลือกได้หรือยังว่าจะอภิเษกกับเจนนาห์หรือนีสรีนกันแน่”

“ที่แท้ก็มาเพราะเรื่องนี้” เจ้าชายคาซาลหยักมุมโอษฐ์ เมื่อสักครู่หลังจากร่วมหลับนอนด้วยกันตามปกติ อาลีซ่าก็พร่ำเพ้อฟ้องเรื่องที่เจนนาห์ออกไปกับพระอนุชาให้ฟัง นึกไม่ถึงว่ามันจะมีเค้ามูลความจริง “ถามทำไมหรือว่าจะแสดงความยินดีล่วงหน้า ไม่เคยเห็นเธอเคยสนใจเรื่องนี้เลยนี่นา”

“ฝ่าบาทยังไม่ได้ตอบคำถาม” ราชนิกุลผู้น้องยังยืนยันที่จะไดรับคำตอบ แต่คนพี่กลับยักไหล่ทำท่ากวนโมโห

“ทำไมล่ะ ฉันอาจจะเลือกนีสรีนหรือว่าเลือกเจนนาห์ หรือไม่ก็เลือกทั้งสองคน ยังไงซะท่านซารานก็ต้องยอมอยู่แล้ว เธอก็รู้นี่ไฟซารห์ตอนนี้พวกเร่ร่อนกำลังแย่ ทะเลทรายร้อนขึ้นแหล่งน้ำเหือดหายถ้าขืนยังมัวถืออุดมการณ์อยู่พวกจรจัดนั่นก็อาจจะตายในทะเลทราย เราเป็นต่อทุกอย่าง จะเรียกร้องอะไรพวกนั้นก็ต้องยอมอยู่แล้ว”

“ถึงพวกนั้นจะเป็นคนเร่ร่อนแต่ก็ถือว่าเป็นประชากรซาราเวีย”

“ไม่ใช่! จำไม่ได้เหรอไฟซารห์ ท่านแม่บอกเสมอว่าพวกอัลคาซานไม่เคยถือว่าตัวเองอยู่ในอาณัติของสุลต่านแห่งซาราเวีย พวกนั้นถือดี ถือว่าตัวเองแข็งแกร่งมีอิทธิพล จำเมื่อ 19 ปีที่แล้วได้ไหม ตอนนั้นฉันกำลังเริ่มเรียนวิชาการปกครองกับพวกรุ่นพี่ในราชวงศ์ และยังจำได้เมื่ออาจารย์ซึ่งก็คือท่านตาของเรายกตัวอย่างเรื่องความอ่อนแอ ของเสด็จพ่อให้ฟัง ท่านตาบอกว่าพวกนั้นไม่ยอมเข้ามาในเขตซาราเวียแต่วางอำนาจสูงกว่าโดยการต่อ รองให้สุลต่านผู้ยิ่งใหญ่เสด็จออกไปหาในทะเลทรายและน่าเจ็บใจที่เสด็จพ่อก็ ยอม รู้ไหมว่าฉันอายมากขนาดไหน! เพราะฉะนั้นวันนี้พวกเร่ร่อนก็สมควรจะได้รับบทเรียนบ้างว่าพวกเขาควรสวามิภักดิ์สุลต่านแห่งซาราเวียมาตั้งแต่แรก”

“ถ้างั้น...เสด็จพี่คิดจะทำอะไร”

“ก็แค่เล่นบทตามที่ท่านซารานต่อรอง แต่งงานกับลูกสาวของเขาและหาที่อยู่อย่างยั่งยืนพร้อมที่ทำกินให้ชาวอัลคาซาน”

“ทั้งๆ ที่พี่มีอาลีซ่าอยู่แล้ว เธอเป็นลูกสาวของรัฐมนตรีการคลัง เธอจะยอม...”

“ฉันจัดการเรื่องนี้ได้ไฟซารห์ ทุกคนเป็นชายาของฉัน แต่ฉันก็ไม่เคยบอกว่าจะให้ใครได้ขึ้นเป็นองค์รานีไม่ใช่เหรอ เหมือนกับที่ฉันบอกว่าจะให้ที่อยู่กับพวกเขาแต่ก็ไม่ได้บอกไม่ใช่เหรอว่าจะให้อยู่ตรงไหน”

เจ้าชายคาซาลเหยียดมุมโอษฐ์มองพระอนุชา สิ่งนี้ทำให้พระทัยของเจ้าชายไฟซารห์ร้อนมากขึ้นกว่าเดิมเสียอีก พระองค์ทนไม่ได้ที่จะต้องเสียเจนนาห์ และยิ่งทนไม่ได้ถ้าเธอต้องถูกพี่ชายของตนเองหลอกใช้แต่ปัญหาสำคัญที่ทรงรู้แก่ใจก็คือ ท่านซารานคงสั่งให้คนทั้งตำหนักกีดกันไม่ยอมให้พระองค์ได้เข้าไปพบกับเจนนาห์แน่นอน ฉะนั้นจึงหวังอย่างเดียวว่าซากีร์จะไปหาเพื่อนของเขาและพาหญิงสาวออกมาได้



ซา กีร์ยืนคอยอยู่ที่ซุ้มเหล็กดัดสีขาวหลังตำหนักรับรองในขณะที่เจนนาห์เองก็ กำลังเดินลงมาจากชั้นสองเพราะนางกำนัลแอบไปบอกว่าคนของเจ้าชายไฟซารห์เสด็จ มาหาแต่ไม่ทันถึงห้องโถง รีฮานซึ่งอยู่แถวๆ นั้นก็ขยับเข้ามาขวางพลางเตือน

“คุณหนูเจนนาห์...ท่านซารานสั่งไว้ว่ายังไงคุณหนูจำได้หรือเปล่า”

“จำได้แต่ท่านพ่อสั่งไว้ว่าห้ามพบเจ้าชายไฟซารห์ แต่เจนก็ไม่ได้ขัดคำสั่ง เจนแค่ไปพบคนของพระองค์เท่านั้นเอง”

“ก็ไม่ได้เหมือนกัน” รีฮานขมวดคิ้ว

“เกินไปแล้วนะรีฮาน เจนไม่ใช่เด็กเล็กๆ นะ ไม่มีเหตุผลเลย” เจนนาห์ขมวดคิ้วใส่ชายฉกรรจ์บ้าง แต่รีฮานก็ไม่อ่อนข้อให้

“ทุกคนทราบคำสั่งของท่านชีคดี ท่านชีคบอกว่าห้ามคุณหนูออกไปเจอเจ้าชายไฟซารห์หรือรับข่าวใดๆ จากพระองค์ อย่าทำให้เรื่องมันแย่ไปกว่านี้เลยนะครับ”

“นายก็พูดได้สิ นายไม่ได้มาเป็นฉันนี่ ลองนายโดนบังคับให้อยู่แต่ในห้อง ได้แต่มองคนที่นาย...คนที่นายชอบแต่แตะต้องเธอไม่ได้สิ นายจะรู้ว่าฉันรู้สึกยังไง”

“ผม...” รีฮานได้แต่มองอีกฝ่ายอย่างพูดไม่ออก เขานั่นหรือที่ไม่เคยรู้สึกอย่างที่เจนน่าห์พูด หากบางสิ่งบางอย่างก็ค้ำคออยู่ ชายฉกรรจ์จึงเม้มปากสนิทจ้องมองหญิงสาวด้วยแววตาซึ่งข่มอาการตัดพ้อไว้อย่างเต็มที่

“ก็ได้...” ที่สุดเจนนาห์ก็แค่นเสียง เธอหลับตาอย่างข่มใจเช่นกัน และหันหน้าหนีอย่างโกรธๆ “ถ้าจะบังคับกันขนาดนี้เจนก็จะขึ้นไปบนห้อง ส่วนนายก็ออกไปบอกคนของฝ่าบาททีนะว่าเจนตายไปแล้ว...แต่อย่าไว้ใจเจนนะ นายควรเฝ้าประตูหน้าตำหนักไว้ให้ดี ไม่งั้นเจนจะอาจหนีออกไปก็ได้”

เอ่ยจบหญิงสาวก็เดินเร็วๆ กลับไปที่ห้อง มือเรียวคว้าลูกบิดประตูปิดอย่างแรง!

รีฮานรู้ดีว่าเจนนาห์อึดอัดใจแค่ไหนแต่ก็ไม่อาจทำอะไรได้ เขาเดินลงไปบอกกับซากีร์ว่าเจนนาห์ไม่อยากพบใครทั้งนั้น องครักษ์เจ้าชายไฟซารห์ขมวดคิ้วอย่างไม่เชื่อแต่ก็ต้องยอมออกจากที่นั่นพร้อมโทรไปรายงานเจ้านาย

“งั้นกลับมาก่อน เสด็จพ่อก็ไม่อยู่ซะด้วย เดี๋ยวฉันต้องไปชุมชนนอกเมืองต่ออีกเพราะนัดกับนายช่างเอาไว้”

เจ้าชายไฟซารห์สั่งอย่างรู้ดีว่าแม้ตอนนี้จะทรงบุกไปที่นั่นก็ไม่แน่ใจว่าจะฝ่าด่านท่านซารานไปหาเจนนาห์ได้ อีกทั้งยังมีเรื่องงานของชุมชนแอดอัดที่ยังค้างคาและรอให้พระองค์ไปแก้ไขอีก ทรงนั่งรอซากีร์อยู่ที่ห้องรับรองในพระราชวังซาบัคจนพักใหญ่เลยทีเดียวกว่าทหารมหาดเล็กจะเดินเข้ามาตาม

ทรงเดินมาที่หน้าประตูด้วยสายตาที่ยังครุ่นคิดไม่หาย พระองค์จะทำอย่างไรถึงจะได้เจอเจนนาห์ จะทำอย่างไรถึงจะแก้ความคิดของพระเชษฐาเกี่ยวกับชาวทะเลทรายเร่ร่อน วรองค์สูงจึงก้าวขึ้นนั่งประจำที่ด้านหลังรถ jeep คันสีบอร์นด้วยจิตใจที่หนักหน่วงยิ่งนัก ดวงเนตรสีไพลินหลับลงอย่างคิดไม่ตก ตั้งแต่เล็กจนโตชีวิตส่วนใหญ่ของพระองค์จะอยู่ในสวีเดิน ด้วยไม่อยากแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกับพระญาติคนอื่นๆ ในราชวงศ์ แต่ทรงไม่เคยรู้เลยว่าบ้านเกิดเมืองนอนของตนเองนั้นยังต้องการความช่วยเหลืออีกหลายด้าน แถมพอได้รู้ความคิดของคนที่น่าจะช่วยประชาชนได้อย่างพี่ชายพระทัยก็ยิ่งเครียด พระหัตถ์ได้รูปจึงยกขึ้นกดที่ศีรษะ เกือบจะบอกให้ซากีร์เลี้ยวรถไปที่โรงพยาบาลเพื่อหายากินก่อนแล้วหากไม่ได้ยินเสียงของใครคนหนึ่งดังขึ้นด้านหลัง

“ปวดหัวเหรอเพคะ”

“อืม...” ทรงครางในลำคอก่อนขมวดคิ้วและหันไปมองด้านหลังตนเอง “เจนนาห์”

“หม่อมฉันเองเพคะ”

“ทำไมเธอถึงเข้าไปนั่งอยู่ในนั้นเจนนาห์” เสียงทุ้มเปล่งถามคนที่นั่งพับเพียบอยู่ด้านหลังพร้อมยังเห็นผ้าคลุมสีเทาซึ่งพระองค์มักติดรถไว้ด้วยประจำคลุมไว้ครึ่งตัว เจนนาห์จึงโบ้ยไปหาคนสนิทของเขา

“ถามคนขับโน้นสิเพคะ”

“กระหม่อมกลัวมีคนเห็นคุณเจนนาห์น่ะฝ่าบาท ก็เลยบอกให้เธอแอบอยู่ด้านหลัง”

“แต่นายบอกว่าพวกนั้นไม่ให้นายพบเจนนาห์ แล้วทำไม...” เจ้าชายไฟซารห์ถามอย่างงงๆ พระองค์เอื้อมมือดึงแขนของหญิงสาว “มานี่สิ”

“ปีนเลยนะเพคะ” เจนนาห์อยากทำแบบนั้นอยู่เหมือนกัน เพราะด้านหลังของรถคันนี้มีทั้งเสื้อผ้าและเอกสารจนเธอต้องนั่งตัวลีบอึดอัดไปหมด

“มาสิ” คำเสมือนอนุญาตนั้นทำให้ร่างบางปีนข้ามเบาะรถและถูกคนช่วยจับรวบกอดเอาดื้อๆ เจนนาห์จึงตีมืออีกฝ่ายเบาๆ

“ฝ่าบาท!”

“ทำร้ายเจ้าชายโทษหนักนะเจนนาห์” ทรงคำรามจ้องแก้มนวลๆ อย่างประสงค์จะหอมสักฟอดให้หายคิดถึงทำให้คนโดนจ้องหน้าแดงก่ำจนกระทั่งซากีร์กระแอมขึ้นเพราะดูเหมือนทั้งสองจะลืมเขาไปเสียสนิท

“ก็เล่าต่อสิซากีร์” เจ้าชายไฟซารห์บอกคนขับอีกฝ่ายจึงพูดต่อยิ้มๆ

“คือพอกระหม่อมโทรหาฝ่าบาทเสร็จก็เผอิญเจอเพื่อนสาวที่อยู่ในตำหนักรับรองพอดี แล้วกระหม่อมก็เลยถามจนได้เรื่องว่าห้องของคุณเจนนาห์อยู่ตรงไหน แล้วก็...”

“คนของฝ่าบาทปีนเข้าห้องหม่อมฉัน โชคดีมากที่หม่อมฉันกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ไม่ได้อาบน้ำ”

“ซากีร์!”

“โธ่ ฝ่าบาท ถ้าเผื่อคุณเจนนาห์อาบน้ำกระหม่อมสาบานได้เลยว่าจะหลับตาไม่มองสักนิดเดียว แต่ตอนนั้นกระหม่อมคิดแต่ว่าทำยังไงก็ได้ให้ฝ่าบาทได้เจอเธอ ทรงบอกเองไม่ใช่เหรอว่าต้องเจอกับคุณเจนนาห์ให้ได้” คนขับพูดเป็นชุดอย่างเกรงอาญา ทำให้เจ้าชายไฟซารห์กลับมาอยู่ในอารมณ์เดิมนั่นก็คือความกังวล ซึ่งไม่ต่างไปจากเจนนาห์ ทั้งสองมองหน้ากันแล้วก็ต่างพูดไม่ออกเพราะรู้ดีว่าหนทางข้างหน้าไม่สวยหรู เสียแล้ว

“เจนนาห์...ฉันรู้เรื่องที่ท่านซารานกับเสด็จพ่อต้องการให้เธออภิเษกกับเจ้าพี่คาซาลแล้ว” ราชนิกุลหนุ่มทอดพระเนตรหญิงสาวและตรัสถามเธออย่างจริงจัง “ฉันอยากถามเธอสักคำว่าเธอเต็มใจจะทำตามรับสั่งของเสด็จพ่อหรือเปล่า”

“ถ้าหม่อมฉันเต็มใจคงไม่ตามคนของฝ่าบาทออกมาแบบนี้หรอก” เจนนาห์ถอนหายใจอย่างหนักหน่วง

“ฉันก็แน่ใจอย่างนั้นถึงได้ให้ซากีร์บุกเข้าไปพาเธอออกมา แม้ว่าวิธีที่เขาทำฉันจะคาดไม่ถึงแต่ก็ขอบคุณนะซากีร์” สีพระพักตร์ดูแช่มชื่นขึ้น หลังจากขอบคุณคนสนิท พระหัตถ์ได้รูปก็จับมือของเจนนาห์ขึ้นมา “งั้นสัญญากับฉันได้ไหมว่าเธอจะต้องปฏิเสธการอภิเษกครั้งนี้”

คำ ตรัสของเจ้าชายไฟซารห์ทำให้เจนนาห์ลำบากใจอยู่ไม่น้อยเพราะรู้ดีว่าการแต่ง งานครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องของคนสองคนแต่หมายถึงความเป็นอยู่ของชาวอัลคาซาน ด้วย

“หม่อมฉันอยากปฏิเสธใจจะขาดแต่ฝ่าบาทก็น่าจะรู้ว่าการแต่งงานครั้งนี้มีเหตุผลอะไรแอบแฝงอยู่”

“ฉันรู้แต่มั่นใจว่าเราสองคนจะหยุดเรื่องนี้ได้ เพราะถ้าเธอต้องแต่งงานกับเจ้าพี่คาซาลเพราะต้องการแลกเปลี่ยนเป็นดินแดนซาราเวีย ฉันจะทูลเสด็จพ่อว่าจะหามันให้ท่านซารานเอง และถ้าเธอต้องยอมทำอย่างนั้นเพราะเธอเป็นลูกสาวของท่านชีคซาราน ฉันก็จะหาหลักฐานให้ได้ว่าเธอไม่ใช่! เธอคืออารียา แม่ของเธอชื่อนารีเป็นพยาบาลชาวไทยที่เคยมาทำงานที่ซาราเวีย พ่อของเธอก็เป็นบุรุษพยาบาลอยู่ในโรงพยาบาลซาบัค เธอไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบชีวิตชาวบ้านในอัลคาซานเพราะสิ่งที่เธอต้องรับผิด ชอบคือการที่เธอขโมยหัวใจของฉันไปตั้ง 19 ปี ทีนี้ฉันขอทวงสิ่งที่เธอต้องรับผิดชอบบ้างนะเจนนาห์”

พระพักตร์คมจ้องหญิงสาวตรงหน้านิ่ง ตอนนี้ไม่มีอะไรจะมาทำให้พระองค์ไม่แน่ใจในตัวเจนนาห์อีกแล้ว มีแค่เพียงว่าทรงต้องหาพยานหลักฐานเรื่องนี้ให้ได้เท่านั้นเอง

“แล้วฝ่าบาทจะทำยังไง...” เจนนาห์ถามเสียงเบา ตอนนี้สมองของเธอมันตีบตันจนคิดอะไรไม่ออกแล้ว เจ้าชายหนุ่มยกพระหัตถ์ขึ้นทัดปอยผมซึ่งเคลียอยู่บนแก้มนวล

“ฉัน จะเริ่มจากเล่าทุกอย่างที่รู้และจำได้ให้เธอฟัง และฉันก็เชื่อว่าถึงแม้คนในอัลคาซานจะไม่กล้าพูดเรื่องของเธอ แต่ชาวทะเลทรายคนอื่นๆ ต้องพอรู้บ้าง การมีชีคก้าเป็นคนไทยมีลูกสาวเป็นคนต่างเชื้อชาติมันคือเรื่องที่ใครๆ ก็ต้องสังเกตเห็นบ้าง ข้อสำคัญคือต้องหาหลักฐานเป็นพยานบุคคลหรือสิ่งที่จับต้องได้เพราะถ้ามีคำ พูดยังไงๆ ท่านซารานก็ไม่ยอมรับอยู่ดี ส่วนเรื่องที่ทำกินของชาวอัลคาซาน ฉันกำลังให้คนของฉันหาที่ว่างและประสานงานกับท่านรัฐมนตรีให้จัดสรรที่ทำกิน สำหรับคนเร่ร่อนและขึ้นทะเบียนให้พวกเขาเป็นชาวซาราเวียเช่นกัน แต่เรื่องนี้มันต้องใช้เวลา...ขอแค่เธอรอฉัน...อย่ายอมรับการอภิเษกกับเจ้า พี่คาซาลก็พอ”

“ค่ะ เจนจะไม่ยอมรับการแต่งงานครั้งนี้ เจนจะรอฝ่าบาท”

เจนนาห์มองพระพักตร์คมจักษุสีไพลินอย่างเชื่อใจ เธอไม่รู้หรอกว่าความรู้สึกที่เป็นอยู่นี้มันต้องใช้เวลาบ่มเพาะกันนานเท่าไหร่ แต่ตอนนี้หญิงสาวอยากจะยอมรับอย่างไม่อายว่า เธอกำลังต้องการเขา อยากฟังเสียง อยากได้สัมผัสแผ่วๆ อ่อนโยนจากอีกฝ่าย อยากให้ดวงเนตรงามคู่นี้คอยมองและให้กำลังตนเองอยู่ทุกเวลา



***************************************************



แพรพริมา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 26 เม.ย. 2557, 12:14:47 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 26 เม.ย. 2557, 12:15:21 น.

จำนวนการเข้าชม : 1001





<< 11   13 >>
Zephyr 28 เม.ย. 2557, 18:46:31 น.
มันคงไม่ราบรื่นอย่างที่หวังแน่ๆ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account