ร้อยรักพรางตะวัน (Just To Love You)
ชีวิตและจิตใจของฉันเหมือนดั่ง..ตุ๊กตาแก้ว..
เปราะบาง..อ่อนแอแตกหักง่าย..
แต่มันจะยังอยู่ได้..ถ้ายังมีใครบางคนอยู่เคียงข้าง’
(อรณี)

‘หัวใจของผม..มีไว้เพื่อเธอ..
ดวงอาทิตย์เฉิดฉายที่ปลายฟ้า
ดวงนั้น..คงไม่มีวันตกลงมาถึงผม..’
(ภาณุ)

‘คนอย่างฉัน..ไม่เคยต้องง้อใคร..
ถึงจะวีน..เหวี่ยง..แรง..ร้าย..
แต่ยังไง..ฉันก็ยังรักเขา..’
(ชลดา)

‘ถ้าเลือกได้..สักครั้งในชีวิต
ผมไม่ต้องการ..อะไรเลย
นอกจากเธอ..ผู้เป็นดั่งรอยยิ้มของผม’
(ชัชพล)

Tags: ร้อยรักพรางตะวัน,รักซึ้งๆ,รักโรแมนติก

ตอน: บทที่ 3 ช่วงเวลา..ระหว่างทาง

ภาพเด็กน้อยละเลียดไอศกรีมในถ้วยทรงสูงอย่างเอร็ดอร่อยเคียงข้างชายหนุ่มที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์ไปตอบคำถามเด็กน้อยไป เป็นที่น่าเอ็นดูในสายตาผู้คนผ่านไปมา ภาณุถอนหายใจเล็กน้อยกับความช่างจ้อไม่ยอมหยุดริมฝีปากเล็กเปรอะไปด้วยไอศกรีมรสช็อคโกแลตจนอดใจไม่ไหวต้องเอาทิสชูมาเช็ดให้พร้อมรอยยิ้มขบขันในหน้า

“ค่อยๆกินสิครับ อาร์ม ไอติมไม่หนีไปไหนหรอกนะ”

“อ๊า!! ไม่เช็ดฮะอาณุ..เดี๋ยวมันละลายก็หมดอร่อยพอดีสิฮะ..นี่ของชอบอาร์มเลยนะฮะ”

เด็กน้อยเอื้อนเอ่ยวาจาน่ารัก แต่กิริยาแสนซนเขย่าโต๊ะไปมา จนโต๊ะนั่งสำหรับสองคนของร้านไอศกรีมสั่นไหวตามแรงเขย่าอย่างสนุกสนาน ภาณุขยี้ผมเด็กชายด้วยความหมั่นเขี้ยวแต่ไม่วายบ่น

“ของชอบก็ต้องค่อยๆกินสิครับ หกเลอะเทอะหมดอดกินนะ”

“แต่..อาร์ม..อยากกิน..อ๊ะ!! อาอรมา”

เด็กน้อยยุติการสนทนาค้างไว้แต่เพียงเท่านั้นพร้อมส่งสายตาดีใจผ่านไปด้านหลังของภาณุที่ไม่ทันจะได้บ่นต่อชายหนุ่มก็ต้องเหลียวมองตามสายตาเด็กน้อยที่มองผ่านด้านหลังของเขาไปด้วยดวงตาเป็นประกาย อรณีในชุดเดรสสั้นลำลองสีขาวสะอาดตา เดินยิ้มหวานส่งมาให้อาร์มพร้อมทั้งเดินรี่ตรงมายังที่สองอาหลานนั่งอยู่ โดยไม่มองหน้าภาณุที่ยิ้มเก้อ

“สวัสดีจ้ะ...สุดหล่อของอา”

อรณีก้าวเข้ามาประชิดพร้อมค้อมตัวโอบกอดเด็กน้อยตัวกลมไว้แน่นอย่างหมั่นเขี้ยว กลิ่นหอมอ่อนของน้ำหอมกลิ่นคุ้นเคยโชยเข้าจมูก ภาณุถึงกับอึ้งไปเมื่ออรณีเข้ามานั่งแทรกกลางระหว่างตัวเขาและอาร์มได้แต่นั่งนิ่งดูสองอาหลานคุยกันสนิทสนม

“สวัสดีฮะ..อาอรมาดูน้องของอาร์มเหรอฮะ”

“จ้ะ..แต่เดี๋ยวอาก็ต้องไปแล้วล่ะ ว่าแต่อาร์มถอะเห็นน้องรึยังลูก น้องน่ารักมั๊ย”

“ไม่รู้สิฮะ ตัวเล็กๆ แดงๆ ร้องไห้ไม่หยุด ไม่รู้น่ารักรึเปล่า”

อรณีจับแก้มนิ่มที่ปากยังคงกระเง้ากระงอดไม่หยุดบาๆอย่างหมั่นเขี้ยว อาร์มสะบัดหน้าพรืดมองเมินไปอีกทางพร้อมหลบสายตาภาณุที่รอฟังคำตอบเช่นกัน อรณีเหลือบตามองเพื่อนรักชั่วครู่ก่อนจะกอดเด็กน้อยหลวมๆปลอบใจ

“ต้องน่ารักสิจ้ะ ขนาดพี่ชายยังน่ารักขนาดนี้แล้วน้องชายจะไม่น่ารักเหมือนพี่ชายได้ยังไงใช่มั๊ย ณุ”

“อ่ะ...อืม น่ารัก...ทั้งคู่เลย”

คำพูดลอยๆ ที่ภาณูพูดออกมาโดยไม่ตั้งใจสะดุดหูคนขอความเห็นอย่างจัง อรณีเหลือบตามองดวงหน้าคมข้างกายชั่วครู่สีหน้าไม่บ่งบอกความรู้สึกใด แต่เฉไฉอุ้มเด็กน้อยมานั่งตักแทนโดยไม่กลัวชุดขาวสวยจะเปื้อนไอศกรีม ภาณุถึงกับส่ายหน้าเบาๆ

“ระวังเหอะ ชุดสวยจะเปื้อนหมด”

“ไม่กลัว..เพราะอาอรรักอาร์มม๊ากมาก..มาเป็นลูกอาดีกว่ามั๊ยครับอาร์ม..หืม”

เด็กน้อยกอดเอวบางเพื่อนรักของมารดาไว้อย่างเอาใจทำให้ริมฝีปากเปรอะไอศกรีมเผลอไปโดนเข้าใส่ปกเชิ๊ตสีขาวของชุดเดรสเนื้อดีจนปรากฏรอยขึ้นชัดเจน ภาณุผุดลุกขึ้นยืนคว้าทิสชูมาเช็ดปกเสื้อให้ทันที จนหญิงสาวเผลอสะดุ้งเมื่อมือหนาแบะปกเชิ๊ตจนเห็นเนินอกรำไรแล้วเช็ดไอศกรีมออกอย่างเป็นห่วงโดยไม่ทันได้สังเกตว่าคนที่เป็นฝ่ายได้รับความช่วยเหลือหน้าแดงไปถึงไหนกันแล้วเพราะหลังมือหนาที่สัมผัสอบอุ่นภายนอกร่มผ้า และทันทีที่เสร็จภารกิจ ภาณุก็ถอยออกห่างอรณีทันทีที่เห็นอธิปเดินคุยกันเข้ามากับสาวแว่นคนคุ้นตา

“อร..ผู้จัดการมารับแน่ะ ฉันเลยชวนเธอเดินมาด้วยกันว่าจะพาเจ้าอาร์มไปฝากปู่ให้ช่วยเลี้ยงซะหน่อย”

“อ่ะ..อืม...เอ่อ ขอบใจนะ ณุ”

อรณีอ้อมแอ้มตอบเสียงเบาสีหน้าแดงเลือดฝาดขณะที่ภาณุก็ยิ้มทักทายอธิปและแสงสุรีย์ที่กำลังตรงเข้ามาหา อธิปตรงรี่เข้ามาอุ้มลูกน้อยวัยกำลังซนที่กางแขนรอรับกอดจากบิดาอย่างรู้งาน มือหนาโอบกระชับเจ้าตัวกลมไว้ในวงแขนก่อนจะหอมฟอดใหญ่อย่างหมั่นเขี้ยว อรณีถึงกับค้อนขวับที่โดนแย่งไปกับมือ “มาครับลูก..คิดถึงพ่อรึเปล่าน้องอาร์ม”

“คิดถึงครับ..แด๊ดดี้” คำตอบน่ารักน่าหมั่นเขี้ยวของเด็กน้อยทำให้หญิงสาวคนเดียวในกลุ่มถึงกับหมั่นไส้ อดไม่ได้ที่จะค่อน

“หมั่นไส้..เอาลูกไปฝากปู่จะได้จู๋จี๋กับยัยมินนะสิ..เชอะ อย่าคิดว่ารู้ไม่ทัน”

“ตัวก็มีมั่งสิ บอยเฟรนด์น่ะ ถ้าหาไม่ได้แนะนำคนไม่ใกล้ไม่ไกลแถวๆนี้นะ..สนมั๊ย”

อธิปไม่ยอมลดราวาศอกเช่นกัน สายตาคมหรี่มองเพื่อนรักที่ยืนเคียงข้างสาวสวยเพื่อนสนิทแต่กลับทำหน้าตาเฉยไม่รู้ร้อนหนาว ไม่คิดจะทำอะไรอย่างที่ใจคิดแล้วก็ได้แต่ขัดใจ ภาณุสบตาอธิปก่อนจะเบนสายตาและความสนใจไปหาแสงสุรีย์ที่มายืนคั่นกลางระหว่างตนและอรณีย์

“วันนี้มารับเองเลยเหรอครับ งั้นผมคงหมดหน้าที่ขอตัวก่อนนะครับ..ไปนะอร โอม..อ้อ สุดหล่อของอาด้วยนะ”

ภาณุยิ้มมุมปากส่งไปยังผู้จัดการสาวราวกับรู้ทันสิ่งที่หล่อนกำลังกระทำ อรณีมองตามแผ่นหลังคุ้นเคยที่เดินผ่านไปอย่างไม่แยแสแล้วได้แต่ถอนใจ พาลหงุดหงิดหันมาแหวใส่ผู้จัดการสาวข้างกายทันที “มาทำไมคะ จะมาควบคุมความประพฤติรึไง ไหนว่าวันนี้อรได้หยุดไง”

“ก็ที่จริงว่าหยุดล่ะนะ แต่เมื่อกี้ท่านประธานโทรมาเรียกให้อรไปพบ เห็นว่าติดต่อไม่ได้ นี่ทำไมต้องปิดโทรศัพท์ด้วยล่ะ ติดต่อไม่ได้เลยต้องมาตามเนี่ยแหละ ไปกันได้แล้วอย่าเสียเวลา”

แสงสุรีย์เสียงขุ่นมองตามอรณีที่ยักไหล่เดินผ่านไปนั่งเก้าอี้ตัวเดิมอย่างไม่สนใจ อธิปเห็นท่าไม่ดีจึงเรียกพนักงานเสิร์ฟให้เช็คบิลแล้วบอกลาพร้อมกับอุ้มลูกน้อยจากไป อรณีนั่งจิบกาแฟอย่างสบายอารมณ์โดยไม่ได้สนใจว่ามันเย็นชืดเพียงใด ผู้จัดการสาวขยับแว่นสายตาพร้อมถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายก่อนจะรวบรวมสติ

“จะไปได้รึยัง” น้ำเสียงจริงจังบ่งบอกอารมณ์ทำเอาคนฟังแอบหน้าเบ้ด้วยความรำคาญถึงกับสวนทันควัน

“มีใครเคยบอกมั๊ยว่าเจ้น่ารำคาญ”

“อรณี!!” แสงสุรีย์ตวาดแหวใส่อย่างลืมตัว ดวงตาภายใต้แว่นกรอบหนาแดงก่ำอย่างขุ่นเคือง เสียงดังทำให้ใครหลายคนในค็อฟฟี่ช็อปหันมาให้ความสนใจในทันที เมื่อเห็นท่าไม่ดีจึงเอาน้ำเย็นเข้าลูบ

“ท่านประธานได้ข่าวเรื่องเมื่อวานที่อรเม้งใส่ทีมงานคุณชัชแล้ว ไม่รู้ใครคาบข่าวไปบอกมันน่านักนี่ก็เลยเรียกหาอรแต่เช้าเลยน่ะสิ”

“นึกว่าเรื่องอะไร.. เรื่องเล็กน่า เดี๋ยวเจอกันที่ดรีมแล้วกันนะเจ้ อรเอารถมาเองแยกย้ายกันไปก็แล้วกัน”

อรณีตัดบทลุกเดินตัวปลิวนำหน้าไป สุดที่แสงสุรีย์จะเรียกไว้ได้ทัน ผู้จัดการสาวแว่นส่ายหน้าอย่างเอือมระอาในความเอาแต่ใจแต่ก็เดินตามไปในที่สุด

///////////

ตึกแปดชั้นสไตล์โมเดิร์นเป็นตึกคู่เชื่อมต่อตัวอาคารชั้นบนสุดและชั้นล่างสุดเป็นรูปทรงตัวดีตั้งตระหง่านใจกลางกรุงเกิดความโกลาหลเล็กๆด้านหน้าบริษัทเมื่อรถของอรณีแล่นเข้ามาด้านข้างเพื่อจะเข้าไปภายในตัวอาคารทำให้ไม่สามารถเข้าได้เมื่อนักข่าวออกันเข้ามา

“เกิดอะไรขึ้น!!” เสียงหวานของคนขับภายใต้แว่นกันแดดสีดำขนาดใหญ่ ที่เปิดกระจกรถฟิล์มดำสนิทเอ่ยทักถามรปภ.ที่เฝ้าอยู่หน้าประตู รปภ.หนุ่มหน้าตื่นตอบระล่ำระลักแทบฟังไม่ได้ศัพท์เมื่อสายตาเหลือบมองเห็นนักข่าวที่กำลังกรูกันเข้ามายังรถเป้าหมาย

“ผมได้ยินนักข่าวที่มารอกันแต่เช้าว่าวันนี้บ่ายสองโมงครึ่งคุณอรจะมีแถลงข่าวครับ แต่ผมไม่แน่ใจ”

“แถลงข่าว?..เรื่องอะไร ฉันไม่เห็นรู้เรื่อง”

อรณีถามกลับสีหน้าสงสัยแต่ไม่ทันจะได้คำตอบ ก็ได้รู้คำตอบทันทีเมื่อได้ยินคำถามพร้อมไมค์ที่ยื่นส่งมาจ่อตรงข้างกระจกโดยไม่ทันตั้งตัวจนหญิงสาวถึงกับสะดุ้ง

“คุณอรณีคะ..เมื่อวานที่มีปัญหากับคุณศรุตที่กองถ่ายไม่ทราบเท็จจริงเป็นยังไงคะ แล้วอย่างนี้จะกระทบแผนการโปรโมทคู่ขวัญคู่ใหม่ของดรีมรึเปล่าคะ”

อรณีรีบปิดกระจกรถขึ้นอย่างรวดเร็วพร้อมเก็บอาการได้เป็นอย่างดี แค่คำถามเดียวก็ทำเอาหงุดหงิดไม่พอ เมื่อมองไปรอบๆ ตัวรถพบบรรดานักข่าวหลากหลายสำนักซึ่งส่วนมากเป็นคนคุ้นตาเฝ้ามองและประชิดด้วยความอยากรู้และต้องการข่าว หญิงสาวถอนหายใจพรีดสีหน้าหงุดหงิดขึ้นมาทันที

“เรื่องแค่นี้ก็เอามาเป็นประเด็นข่าว บ้าเอ๊ย!!”

หญิงสาวสบถอย่างหงุดหงิดก่อนจะกระชากรถเข้าไปภายในตัวอาคารอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางสายตานักข่าวที่มองตามด้วยความเสียดาย อีกทั้งไม่พอใจจนเกิดวิพากย์กันอย่างหนัก

เสียงล้อรถบดกับพื้นถนนดังเอี๊ยดก่อนจะพาตัวเข้าจอดยังพื้นที่ส่วนตัวชั้นบนสุดของดรีมเอนเตอร์เทนเมนท์ เรียกความสนใจของใครบางคนที่เพิ่งลงจากรถ

ร่างสูงเพรียวชะงักฝีเท้าหยุดมองคนมาใหม่อยู่นานทันทีที่อีกฝ่ายก้าวลงจากรถด้วยสีหน้าหงุดหงิดแม้ภายใต้แว่นสายตากรอบใหญ่จะปิดบังดวงหน้านวลสวยแต่กิริยาอาการหงุดหงิดเรียกความสนใจให้หยุดยืนรออยู่หน้าลิฟท์ รอจนกระทั่งคนมาใหม่ก้าวเข้ามาพร้อมเปิดประเด็นจากคนรอด้วยคำทักทายกึ่งประชดประชันในน้ำเสียงเยือกเย็นของคนตรงหน้า อรณีถอดแว่นสายตาพับเก็บใส่ลงกระเป๋าสะพายแล้วก้าวมายืนเคียงข้าง

“วันนี้ดูหงุดหงิดนะ อร ไปกินรังแตนที่ไหนมา”

“วันนี้สวยดีนี่ ชล จะไปล่อเสือล่อตะเข้ที่ไหนล่ะ”

สองสาวยืนเคียงข้างกันแต่สายตากึ่งเชือดเฉือนกันอยู่ในที ชลดาเอื้อมมือมาปัดปกเชิ๊ตชุดเดรสสีขาวให้อรณีอย่างสมเพชพร้อมยิ้มหวานและคำพูดเฉือน

“แหม เดี๋ยวนี้ถือว่าดังแล้วไม่รักษาลุคเลยนะ ใส่ชุดสวยๆ แต่สกปรกออกสื่อได้ยังไง เกิดใครมาเห็นเข้าจะว่าเอาได้นะว่าดรีมเลี้ยงเธอไม่ดี”

“ฉันเลี้ยงตัวเอง ไม่ต้องให้ใครมาเลี้ยง ชุดก็ชุดของฉัน สปอนเซอร์จัดให้ฉัน แล้วเธอมีปัญหาอะไร..อ๋อ หรือว่าเพราะชุดสวยๆที่เธอหมายตากลายมาเป็นแอคเซสเซอรีของฉัน เธอเลยกระสันอยากได้จนตัวสั่น ...ฮึ ชลดา ได้ข่าวว่าเธอไปจองไว้นี่ แต่เสียใจนะชุดนี้มันของฉันจ้ะ”

“เธอ!! มันจะมากไปแล้วนะ อรณี!!”

อรณียักไหล่ก้าวเดินเข้าไปในลิฟท์ทันทีที่ประตูลิฟท์เปิดออก หญิงสาวก้าวเข้าไปยืนในสุดพิงผนังลิฟท์อย่างสบายอารมณ์ ชลดาก้าวตามเข้ามาเผชิญหน้ายังไม่ทันได้เอ่ยเอาความ แสงสุรีย์ก็ตามเข้ามาทันขัดตาทัพจนได้

“ไม่รอเจ้เลยนะอร รีบแทบแย่ ..อ้าว คุณชล วันนี้ไม่ได้ไปพัทยากับเซ็ตบีเหรอคะ เห็นว่ามีนัดสัมภาษณ์นักแสดงไม่ใช่เหรอ”

แสงสุรีย์ถามเสียงอ่อน อย่างนอบน้อม จนอรณีนึกหมั่นไส้เล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไร

“ไปก็คงไม่เห็นสิคะเจ้แสง..อืม ว่าแต่วันนี้หนังสือพิมพ์ขายดีน่าดูเลยนะคะ ข่าวฉาวๆของนางเอกดังเนี่ย..แหม น่าปลื้มจนท่านประธานต้องเรียกหาเลยสิคะ”

เสียงหัวเราะคล้ายจะหยันอยู่ในที อรณีถึงกับหน้าตึง แต่แสงสุรีย์บีบมือไว้เป็นการห้ามกลายๆ หญิงสาวสะบัดหน้าพรืดพยายามสะกดกลั้นอารมณ์ฟังสองสาวคุยกัน

“อ๋อ เรื่องนั้น คือพอดีว่าท่านประธานมีงานใหญ่เรียกใช้บริการอรอีกแล้วค่ะ คุณชล จะทำยังได้ล่ะนะคะ ก็คนมันฮอตใครๆก็ต้องการตัว นี่ขนาดสามสิบแล้วนะยังฮอตไม่เลิก ไม่เหมือนใครบางคนที่ผันตัวไปเป็นพิธีกรซะแล้ว อืม..ว่าแต่วันนี้คุณชลมีนัดกับท่านประธานรึเปล่าคะเนี่ย ถึงได้สวยเปรี้ยวเฉี่ยวเซ็กซี่สั้นจู๋เป็นพิเศษ”

“ฮึ..ถามทำไม ไม่ต้องมายุ่งเรื่องของฉัน!!”

ชลดาเสียงสะบัดทันทีที่เห็นสายตามองตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าของผู้จัดการสาวแว่นที่ยิ้มในที ทันที่ประตูลิฟท์เปิดออกก็จ้ำพรวดออกไปทันที อรณีและแสงสุรีย์ยิ้มให้กันอย่างขบขันก่อนจะพากันกระหนุงกระหนิงออกมานอกลิฟท์ลืมเรื่องหมองใจกลับมาสามัคคีกันได้เหมือนเคย

////////////

ห้องกระจกติดฟิล์มสีขุ่น ภายในห้องเย็นเยียบจับใจ อรณีเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับแสงสุรีย์ ก็พบกับ ‘ปราณ’ หรือที่สองสาวเรียกขานกันว่าท่านประธานบริษัทดรีมเอ็นเตอร์เทนเมนท์ นั่งรออยู่ที่โซฟาก่อนแล้ว

ชายสูงวัยผมแซมสีดอกเลานิดๆ ดวงตาคมรีแฝงไปด้วยอำนาจมองปราดสำรวจนักแสดงสาวในคอนโทรลก่อนจะลุกขึ้นยืนผายมือไปยังที่นั่งว่างตรงข้ามเป็นการเชื้อเชิญ

“มาแล้วเหรอ ผมรอคุณตั้งนานนะ อรณี” ไม่รอช้าให้เสียเวลา ปราณเปิดประเด็นทันที

“ท่านประธานเรียกหาอร มีอะไรเหรอคะ”

“มีสิ..ระยะนี้ไม่ค่อยได้คุยกันเลยนะ งานเป็นยังไงบ้าง”

ถ้อยคำถามไถ่เหมือนไม่มีอะไร แต่อรณีจับน้ำเสียงนั้นได้ ดวงหน้านวลใสตึงขึ้นในทันทีพร้อมตอบกลับคำถามอย่างไม่ต้องคิด

“ถ้าไม่ต้องประกบเด็กใหม่ อ่อนกว่าหกเจ็ดปี แล้วโดนขายเป็นแพคเกจคงจะดีกว่านี้ค่ะ”

“หึหึ..สมเป็นคุณนะอรณี..ดี!! เป็นดาราใหญ่ต้องทระนงตัวให้สมกับความโด่งดัง แต่ คุณแสง พรุ่งนี้คุณจัดการแคนเซิลงานให้อรณีด้วยนะ ผมจะให้ไปถ่ายแบบคอนเซ็ปต์คู่รักกับหัวหนังสือแองเจิ้ลตอกย้ำกระแสตอนนี้ ร้อนแรงมากนี่เมื่อวาน ผมชอบ คุณเหวี่ยงได้กระแสดี วันนี้หนังสือพิมพ์ลงข่าวคุณกับศรุตไม่พลาดสักฉบับ.หึหึ”

อรณีถึงกับหุบยิ้มทันทีที่ฟังจบไม่นึกว่าเขาจะมาไม้นี้ ใบหน้านวลใสแตะแต้มเครื่องสำอางเล็กน้อย ออกอาการขุ่นเคืองในหน้าถามเอาเรื่องผู้เป็นเจ้านายอย่างไม่เกรงกลัวทันที

“ทำไมคะ อย่าบอกว่าให้อรไปถ่ายคอนเซ็ปต์คู่รักกับนายนั่นหรอกนะคะ ไม่มีทางคนไม่เป็นมืออาชีพวันๆเอาแต่ทำหน้าหล่อสัมภาษณ์เรียกคะแนนสงสาร อรรำคาญก็บอกไปแล้วไม่ใช่เหรอคะว่าอรไม่เล่นด้วยและไม่่อยากเล่นข่าวรักโปรโมทแบบนี้หรอกนะคะ”

“แต่ถึงจะไม่อยากทำ คุณก็ต้องทำ อย่าลืมสิทั้งหมดมันเกี่ยวกับภาพลักษณ์ของคุณ อีกอย่างอายุก็ไม่ใช่น้อยๆแล้ว ได้เวลาที่คุณจะทำตัวให้สมกับเป็นรุ่นพี่ในบริษัท ดันได้ก็ต้องช่วยกันจะทำยังไงให้เราแฮปปี้กันทั้งสองฝ่าย คุณได้หน้า ผมได้เงิน ไม่ต้องตามแก้ข่าวเรื่องคุณรังแกเด็กใหม่ให้ยุ่งยากเข้าใจมั๊ย อรณี”

“แต่ฉัน..ไม่ได้รังแก ฉันแค่พูดความจริง..มันไม่แม่นบท ท่องอยู่นั่นทำตัวเป็นท่อนไม้สื่ออารมณ์ก็ไม่ถึง น่ารำคาญ!!”

"แต่คุณต้องให้โอกาสเขา..ลืมแล้วหรือไงใครฉายาเจ้าแม่ร้อยเทคเมื่อก่อนน่ะ ทำไมคนอื่นเขายังทนคุณได้!!"

คำพูดเด็ดขาดของปราณและอรณีที่กำลังจะโต้แย้งด้วยอารมณ์ทำให้แสงสุรีย์ที่นิ่งเงียบอยู่นานต้องเอ่ยแก้ขัด

“เอ่อ..ขอโทษนะคะ ขอแทรกนิดนึงค่ะ.คือ..ท่านประธานคะ พรุ่งนี้อรมีคิวเข้าฉากของเซ็ตเอที่บางปู มันจะทันเหรอคะ แสงว่าเลื่อนแองเจิ้ลไปเป็นวันอื่นก่อนไม่ดีกว่าเหรอคะ

“ภาพลักษณ์รอไม่ได้ ถึงจะดังขนาดไหนก็อย่าลืมว่าศรัทธาสำคัญ คุณจะต้องรีบกู้มันคืนมาก่อนที่จะไม่มีเหลืออย่าลำพองตัวเองว่าโด่งดังคิดจะทำอะไรก็ได้ ตราบใดที่ยังมีผมและดรีมอยู่ คุณก็ต้องฟังผม คุณไม่มีวันได้ทำอะไรตามใจและทำร้ายภาพลักษณ์ของดรีมได้ เข้าใจผมนะ..อรณี”

“ถ้าอย่างนั้นถึงไม่มีฉัน ดรีมก็คงอยู่ได้สิคะ..ก็ดี น่าสนใจ ฉันจะลองเอากลับไปคิดดู ท่าทางว่าสัญญาอีกสองเดือนฉันคงต้องคิดดีๆซะแล้วสิคะ ว่าฉันจะยังคู่ควรกับดรีมอยู่รึเปล่า”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านค่ะ ^^

สัญญารัก..ข้ามฟ้า รีไรท์ใกล้เสร็จแล้ว
จะเอามาลงสลับกับเรื่องนี้ก่อนส่งสำนักพิมพ์พิจารณาอีกทีค่ะ

ขอบคุณมากๆค่า

^____^



lovereason
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 27 เม.ย. 2557, 10:49:42 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 27 เม.ย. 2557, 10:52:17 น.

จำนวนการเข้าชม : 1422





<< บทที่ 2 จะผิดไหม..หากหัวใจต้องการไออุ่น   บทที่ 4 ปีกของไฮยาซินแสนสวย >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account