ร้อยรักพรางตะวัน (Just To Love You)
ชีวิตและจิตใจของฉันเหมือนดั่ง..ตุ๊กตาแก้ว..
เปราะบาง..อ่อนแอแตกหักง่าย..
แต่มันจะยังอยู่ได้..ถ้ายังมีใครบางคนอยู่เคียงข้าง’
(อรณี)
‘หัวใจของผม..มีไว้เพื่อเธอ..
ดวงอาทิตย์เฉิดฉายที่ปลายฟ้า
ดวงนั้น..คงไม่มีวันตกลงมาถึงผม..’
(ภาณุ)
‘คนอย่างฉัน..ไม่เคยต้องง้อใคร..
ถึงจะวีน..เหวี่ยง..แรง..ร้าย..
แต่ยังไง..ฉันก็ยังรักเขา..’
(ชลดา)
‘ถ้าเลือกได้..สักครั้งในชีวิต
ผมไม่ต้องการ..อะไรเลย
นอกจากเธอ..ผู้เป็นดั่งรอยยิ้มของผม’
(ชัชพล)
เปราะบาง..อ่อนแอแตกหักง่าย..
แต่มันจะยังอยู่ได้..ถ้ายังมีใครบางคนอยู่เคียงข้าง’
(อรณี)
‘หัวใจของผม..มีไว้เพื่อเธอ..
ดวงอาทิตย์เฉิดฉายที่ปลายฟ้า
ดวงนั้น..คงไม่มีวันตกลงมาถึงผม..’
(ภาณุ)
‘คนอย่างฉัน..ไม่เคยต้องง้อใคร..
ถึงจะวีน..เหวี่ยง..แรง..ร้าย..
แต่ยังไง..ฉันก็ยังรักเขา..’
(ชลดา)
‘ถ้าเลือกได้..สักครั้งในชีวิต
ผมไม่ต้องการ..อะไรเลย
นอกจากเธอ..ผู้เป็นดั่งรอยยิ้มของผม’
(ชัชพล)
Tags: ร้อยรักพรางตะวัน,รักซึ้งๆ,รักโรแมนติก
ตอน: บทที่ 3 ช่วงเวลา..ระหว่างทาง
ภาพเด็กน้อยละเลียดไอศกรีมในถ้วยทรงสูงอย่างเอร็ดอร่อยเคียงข้างชายหนุ่มที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์ไปตอบคำถามเด็กน้อยไป เป็นที่น่าเอ็นดูในสายตาผู้คนผ่านไปมา ภาณุถอนหายใจเล็กน้อยกับความช่างจ้อไม่ยอมหยุดริมฝีปากเล็กเปรอะไปด้วยไอศกรีมรสช็อคโกแลตจนอดใจไม่ไหวต้องเอาทิสชูมาเช็ดให้พร้อมรอยยิ้มขบขันในหน้า
“ค่อยๆกินสิครับ อาร์ม ไอติมไม่หนีไปไหนหรอกนะ”
“อ๊า!! ไม่เช็ดฮะอาณุ..เดี๋ยวมันละลายก็หมดอร่อยพอดีสิฮะ..นี่ของชอบอาร์มเลยนะฮะ”
เด็กน้อยเอื้อนเอ่ยวาจาน่ารัก แต่กิริยาแสนซนเขย่าโต๊ะไปมา จนโต๊ะนั่งสำหรับสองคนของร้านไอศกรีมสั่นไหวตามแรงเขย่าอย่างสนุกสนาน ภาณุขยี้ผมเด็กชายด้วยความหมั่นเขี้ยวแต่ไม่วายบ่น
“ของชอบก็ต้องค่อยๆกินสิครับ หกเลอะเทอะหมดอดกินนะ”
“แต่..อาร์ม..อยากกิน..อ๊ะ!! อาอรมา”
เด็กน้อยยุติการสนทนาค้างไว้แต่เพียงเท่านั้นพร้อมส่งสายตาดีใจผ่านไปด้านหลังของภาณุที่ไม่ทันจะได้บ่นต่อชายหนุ่มก็ต้องเหลียวมองตามสายตาเด็กน้อยที่มองผ่านด้านหลังของเขาไปด้วยดวงตาเป็นประกาย อรณีในชุดเดรสสั้นลำลองสีขาวสะอาดตา เดินยิ้มหวานส่งมาให้อาร์มพร้อมทั้งเดินรี่ตรงมายังที่สองอาหลานนั่งอยู่ โดยไม่มองหน้าภาณุที่ยิ้มเก้อ
“สวัสดีจ้ะ...สุดหล่อของอา”
อรณีก้าวเข้ามาประชิดพร้อมค้อมตัวโอบกอดเด็กน้อยตัวกลมไว้แน่นอย่างหมั่นเขี้ยว กลิ่นหอมอ่อนของน้ำหอมกลิ่นคุ้นเคยโชยเข้าจมูก ภาณุถึงกับอึ้งไปเมื่ออรณีเข้ามานั่งแทรกกลางระหว่างตัวเขาและอาร์มได้แต่นั่งนิ่งดูสองอาหลานคุยกันสนิทสนม
“สวัสดีฮะ..อาอรมาดูน้องของอาร์มเหรอฮะ”
“จ้ะ..แต่เดี๋ยวอาก็ต้องไปแล้วล่ะ ว่าแต่อาร์มถอะเห็นน้องรึยังลูก น้องน่ารักมั๊ย”
“ไม่รู้สิฮะ ตัวเล็กๆ แดงๆ ร้องไห้ไม่หยุด ไม่รู้น่ารักรึเปล่า”
อรณีจับแก้มนิ่มที่ปากยังคงกระเง้ากระงอดไม่หยุดบาๆอย่างหมั่นเขี้ยว อาร์มสะบัดหน้าพรืดมองเมินไปอีกทางพร้อมหลบสายตาภาณุที่รอฟังคำตอบเช่นกัน อรณีเหลือบตามองเพื่อนรักชั่วครู่ก่อนจะกอดเด็กน้อยหลวมๆปลอบใจ
“ต้องน่ารักสิจ้ะ ขนาดพี่ชายยังน่ารักขนาดนี้แล้วน้องชายจะไม่น่ารักเหมือนพี่ชายได้ยังไงใช่มั๊ย ณุ”
“อ่ะ...อืม น่ารัก...ทั้งคู่เลย”
คำพูดลอยๆ ที่ภาณูพูดออกมาโดยไม่ตั้งใจสะดุดหูคนขอความเห็นอย่างจัง อรณีเหลือบตามองดวงหน้าคมข้างกายชั่วครู่สีหน้าไม่บ่งบอกความรู้สึกใด แต่เฉไฉอุ้มเด็กน้อยมานั่งตักแทนโดยไม่กลัวชุดขาวสวยจะเปื้อนไอศกรีม ภาณุถึงกับส่ายหน้าเบาๆ
“ระวังเหอะ ชุดสวยจะเปื้อนหมด”
“ไม่กลัว..เพราะอาอรรักอาร์มม๊ากมาก..มาเป็นลูกอาดีกว่ามั๊ยครับอาร์ม..หืม”
เด็กน้อยกอดเอวบางเพื่อนรักของมารดาไว้อย่างเอาใจทำให้ริมฝีปากเปรอะไอศกรีมเผลอไปโดนเข้าใส่ปกเชิ๊ตสีขาวของชุดเดรสเนื้อดีจนปรากฏรอยขึ้นชัดเจน ภาณุผุดลุกขึ้นยืนคว้าทิสชูมาเช็ดปกเสื้อให้ทันที จนหญิงสาวเผลอสะดุ้งเมื่อมือหนาแบะปกเชิ๊ตจนเห็นเนินอกรำไรแล้วเช็ดไอศกรีมออกอย่างเป็นห่วงโดยไม่ทันได้สังเกตว่าคนที่เป็นฝ่ายได้รับความช่วยเหลือหน้าแดงไปถึงไหนกันแล้วเพราะหลังมือหนาที่สัมผัสอบอุ่นภายนอกร่มผ้า และทันทีที่เสร็จภารกิจ ภาณุก็ถอยออกห่างอรณีทันทีที่เห็นอธิปเดินคุยกันเข้ามากับสาวแว่นคนคุ้นตา
“อร..ผู้จัดการมารับแน่ะ ฉันเลยชวนเธอเดินมาด้วยกันว่าจะพาเจ้าอาร์มไปฝากปู่ให้ช่วยเลี้ยงซะหน่อย”
“อ่ะ..อืม...เอ่อ ขอบใจนะ ณุ”
อรณีอ้อมแอ้มตอบเสียงเบาสีหน้าแดงเลือดฝาดขณะที่ภาณุก็ยิ้มทักทายอธิปและแสงสุรีย์ที่กำลังตรงเข้ามาหา อธิปตรงรี่เข้ามาอุ้มลูกน้อยวัยกำลังซนที่กางแขนรอรับกอดจากบิดาอย่างรู้งาน มือหนาโอบกระชับเจ้าตัวกลมไว้ในวงแขนก่อนจะหอมฟอดใหญ่อย่างหมั่นเขี้ยว อรณีถึงกับค้อนขวับที่โดนแย่งไปกับมือ “มาครับลูก..คิดถึงพ่อรึเปล่าน้องอาร์ม”
“คิดถึงครับ..แด๊ดดี้” คำตอบน่ารักน่าหมั่นเขี้ยวของเด็กน้อยทำให้หญิงสาวคนเดียวในกลุ่มถึงกับหมั่นไส้ อดไม่ได้ที่จะค่อน
“หมั่นไส้..เอาลูกไปฝากปู่จะได้จู๋จี๋กับยัยมินนะสิ..เชอะ อย่าคิดว่ารู้ไม่ทัน”
“ตัวก็มีมั่งสิ บอยเฟรนด์น่ะ ถ้าหาไม่ได้แนะนำคนไม่ใกล้ไม่ไกลแถวๆนี้นะ..สนมั๊ย”
อธิปไม่ยอมลดราวาศอกเช่นกัน สายตาคมหรี่มองเพื่อนรักที่ยืนเคียงข้างสาวสวยเพื่อนสนิทแต่กลับทำหน้าตาเฉยไม่รู้ร้อนหนาว ไม่คิดจะทำอะไรอย่างที่ใจคิดแล้วก็ได้แต่ขัดใจ ภาณุสบตาอธิปก่อนจะเบนสายตาและความสนใจไปหาแสงสุรีย์ที่มายืนคั่นกลางระหว่างตนและอรณีย์
“วันนี้มารับเองเลยเหรอครับ งั้นผมคงหมดหน้าที่ขอตัวก่อนนะครับ..ไปนะอร โอม..อ้อ สุดหล่อของอาด้วยนะ”
ภาณุยิ้มมุมปากส่งไปยังผู้จัดการสาวราวกับรู้ทันสิ่งที่หล่อนกำลังกระทำ อรณีมองตามแผ่นหลังคุ้นเคยที่เดินผ่านไปอย่างไม่แยแสแล้วได้แต่ถอนใจ พาลหงุดหงิดหันมาแหวใส่ผู้จัดการสาวข้างกายทันที “มาทำไมคะ จะมาควบคุมความประพฤติรึไง ไหนว่าวันนี้อรได้หยุดไง”
“ก็ที่จริงว่าหยุดล่ะนะ แต่เมื่อกี้ท่านประธานโทรมาเรียกให้อรไปพบ เห็นว่าติดต่อไม่ได้ นี่ทำไมต้องปิดโทรศัพท์ด้วยล่ะ ติดต่อไม่ได้เลยต้องมาตามเนี่ยแหละ ไปกันได้แล้วอย่าเสียเวลา”
แสงสุรีย์เสียงขุ่นมองตามอรณีที่ยักไหล่เดินผ่านไปนั่งเก้าอี้ตัวเดิมอย่างไม่สนใจ อธิปเห็นท่าไม่ดีจึงเรียกพนักงานเสิร์ฟให้เช็คบิลแล้วบอกลาพร้อมกับอุ้มลูกน้อยจากไป อรณีนั่งจิบกาแฟอย่างสบายอารมณ์โดยไม่ได้สนใจว่ามันเย็นชืดเพียงใด ผู้จัดการสาวขยับแว่นสายตาพร้อมถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายก่อนจะรวบรวมสติ
“จะไปได้รึยัง” น้ำเสียงจริงจังบ่งบอกอารมณ์ทำเอาคนฟังแอบหน้าเบ้ด้วยความรำคาญถึงกับสวนทันควัน
“มีใครเคยบอกมั๊ยว่าเจ้น่ารำคาญ”
“อรณี!!” แสงสุรีย์ตวาดแหวใส่อย่างลืมตัว ดวงตาภายใต้แว่นกรอบหนาแดงก่ำอย่างขุ่นเคือง เสียงดังทำให้ใครหลายคนในค็อฟฟี่ช็อปหันมาให้ความสนใจในทันที เมื่อเห็นท่าไม่ดีจึงเอาน้ำเย็นเข้าลูบ
“ท่านประธานได้ข่าวเรื่องเมื่อวานที่อรเม้งใส่ทีมงานคุณชัชแล้ว ไม่รู้ใครคาบข่าวไปบอกมันน่านักนี่ก็เลยเรียกหาอรแต่เช้าเลยน่ะสิ”
“นึกว่าเรื่องอะไร.. เรื่องเล็กน่า เดี๋ยวเจอกันที่ดรีมแล้วกันนะเจ้ อรเอารถมาเองแยกย้ายกันไปก็แล้วกัน”
อรณีตัดบทลุกเดินตัวปลิวนำหน้าไป สุดที่แสงสุรีย์จะเรียกไว้ได้ทัน ผู้จัดการสาวแว่นส่ายหน้าอย่างเอือมระอาในความเอาแต่ใจแต่ก็เดินตามไปในที่สุด
///////////
ตึกแปดชั้นสไตล์โมเดิร์นเป็นตึกคู่เชื่อมต่อตัวอาคารชั้นบนสุดและชั้นล่างสุดเป็นรูปทรงตัวดีตั้งตระหง่านใจกลางกรุงเกิดความโกลาหลเล็กๆด้านหน้าบริษัทเมื่อรถของอรณีแล่นเข้ามาด้านข้างเพื่อจะเข้าไปภายในตัวอาคารทำให้ไม่สามารถเข้าได้เมื่อนักข่าวออกันเข้ามา
“เกิดอะไรขึ้น!!” เสียงหวานของคนขับภายใต้แว่นกันแดดสีดำขนาดใหญ่ ที่เปิดกระจกรถฟิล์มดำสนิทเอ่ยทักถามรปภ.ที่เฝ้าอยู่หน้าประตู รปภ.หนุ่มหน้าตื่นตอบระล่ำระลักแทบฟังไม่ได้ศัพท์เมื่อสายตาเหลือบมองเห็นนักข่าวที่กำลังกรูกันเข้ามายังรถเป้าหมาย
“ผมได้ยินนักข่าวที่มารอกันแต่เช้าว่าวันนี้บ่ายสองโมงครึ่งคุณอรจะมีแถลงข่าวครับ แต่ผมไม่แน่ใจ”
“แถลงข่าว?..เรื่องอะไร ฉันไม่เห็นรู้เรื่อง”
อรณีถามกลับสีหน้าสงสัยแต่ไม่ทันจะได้คำตอบ ก็ได้รู้คำตอบทันทีเมื่อได้ยินคำถามพร้อมไมค์ที่ยื่นส่งมาจ่อตรงข้างกระจกโดยไม่ทันตั้งตัวจนหญิงสาวถึงกับสะดุ้ง
“คุณอรณีคะ..เมื่อวานที่มีปัญหากับคุณศรุตที่กองถ่ายไม่ทราบเท็จจริงเป็นยังไงคะ แล้วอย่างนี้จะกระทบแผนการโปรโมทคู่ขวัญคู่ใหม่ของดรีมรึเปล่าคะ”
อรณีรีบปิดกระจกรถขึ้นอย่างรวดเร็วพร้อมเก็บอาการได้เป็นอย่างดี แค่คำถามเดียวก็ทำเอาหงุดหงิดไม่พอ เมื่อมองไปรอบๆ ตัวรถพบบรรดานักข่าวหลากหลายสำนักซึ่งส่วนมากเป็นคนคุ้นตาเฝ้ามองและประชิดด้วยความอยากรู้และต้องการข่าว หญิงสาวถอนหายใจพรีดสีหน้าหงุดหงิดขึ้นมาทันที
“เรื่องแค่นี้ก็เอามาเป็นประเด็นข่าว บ้าเอ๊ย!!”
หญิงสาวสบถอย่างหงุดหงิดก่อนจะกระชากรถเข้าไปภายในตัวอาคารอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางสายตานักข่าวที่มองตามด้วยความเสียดาย อีกทั้งไม่พอใจจนเกิดวิพากย์กันอย่างหนัก
เสียงล้อรถบดกับพื้นถนนดังเอี๊ยดก่อนจะพาตัวเข้าจอดยังพื้นที่ส่วนตัวชั้นบนสุดของดรีมเอนเตอร์เทนเมนท์ เรียกความสนใจของใครบางคนที่เพิ่งลงจากรถ
ร่างสูงเพรียวชะงักฝีเท้าหยุดมองคนมาใหม่อยู่นานทันทีที่อีกฝ่ายก้าวลงจากรถด้วยสีหน้าหงุดหงิดแม้ภายใต้แว่นสายตากรอบใหญ่จะปิดบังดวงหน้านวลสวยแต่กิริยาอาการหงุดหงิดเรียกความสนใจให้หยุดยืนรออยู่หน้าลิฟท์ รอจนกระทั่งคนมาใหม่ก้าวเข้ามาพร้อมเปิดประเด็นจากคนรอด้วยคำทักทายกึ่งประชดประชันในน้ำเสียงเยือกเย็นของคนตรงหน้า อรณีถอดแว่นสายตาพับเก็บใส่ลงกระเป๋าสะพายแล้วก้าวมายืนเคียงข้าง
“วันนี้ดูหงุดหงิดนะ อร ไปกินรังแตนที่ไหนมา”
“วันนี้สวยดีนี่ ชล จะไปล่อเสือล่อตะเข้ที่ไหนล่ะ”
สองสาวยืนเคียงข้างกันแต่สายตากึ่งเชือดเฉือนกันอยู่ในที ชลดาเอื้อมมือมาปัดปกเชิ๊ตชุดเดรสสีขาวให้อรณีอย่างสมเพชพร้อมยิ้มหวานและคำพูดเฉือน
“แหม เดี๋ยวนี้ถือว่าดังแล้วไม่รักษาลุคเลยนะ ใส่ชุดสวยๆ แต่สกปรกออกสื่อได้ยังไง เกิดใครมาเห็นเข้าจะว่าเอาได้นะว่าดรีมเลี้ยงเธอไม่ดี”
“ฉันเลี้ยงตัวเอง ไม่ต้องให้ใครมาเลี้ยง ชุดก็ชุดของฉัน สปอนเซอร์จัดให้ฉัน แล้วเธอมีปัญหาอะไร..อ๋อ หรือว่าเพราะชุดสวยๆที่เธอหมายตากลายมาเป็นแอคเซสเซอรีของฉัน เธอเลยกระสันอยากได้จนตัวสั่น ...ฮึ ชลดา ได้ข่าวว่าเธอไปจองไว้นี่ แต่เสียใจนะชุดนี้มันของฉันจ้ะ”
“เธอ!! มันจะมากไปแล้วนะ อรณี!!”
อรณียักไหล่ก้าวเดินเข้าไปในลิฟท์ทันทีที่ประตูลิฟท์เปิดออก หญิงสาวก้าวเข้าไปยืนในสุดพิงผนังลิฟท์อย่างสบายอารมณ์ ชลดาก้าวตามเข้ามาเผชิญหน้ายังไม่ทันได้เอ่ยเอาความ แสงสุรีย์ก็ตามเข้ามาทันขัดตาทัพจนได้
“ไม่รอเจ้เลยนะอร รีบแทบแย่ ..อ้าว คุณชล วันนี้ไม่ได้ไปพัทยากับเซ็ตบีเหรอคะ เห็นว่ามีนัดสัมภาษณ์นักแสดงไม่ใช่เหรอ”
แสงสุรีย์ถามเสียงอ่อน อย่างนอบน้อม จนอรณีนึกหมั่นไส้เล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไร
“ไปก็คงไม่เห็นสิคะเจ้แสง..อืม ว่าแต่วันนี้หนังสือพิมพ์ขายดีน่าดูเลยนะคะ ข่าวฉาวๆของนางเอกดังเนี่ย..แหม น่าปลื้มจนท่านประธานต้องเรียกหาเลยสิคะ”
เสียงหัวเราะคล้ายจะหยันอยู่ในที อรณีถึงกับหน้าตึง แต่แสงสุรีย์บีบมือไว้เป็นการห้ามกลายๆ หญิงสาวสะบัดหน้าพรืดพยายามสะกดกลั้นอารมณ์ฟังสองสาวคุยกัน
“อ๋อ เรื่องนั้น คือพอดีว่าท่านประธานมีงานใหญ่เรียกใช้บริการอรอีกแล้วค่ะ คุณชล จะทำยังได้ล่ะนะคะ ก็คนมันฮอตใครๆก็ต้องการตัว นี่ขนาดสามสิบแล้วนะยังฮอตไม่เลิก ไม่เหมือนใครบางคนที่ผันตัวไปเป็นพิธีกรซะแล้ว อืม..ว่าแต่วันนี้คุณชลมีนัดกับท่านประธานรึเปล่าคะเนี่ย ถึงได้สวยเปรี้ยวเฉี่ยวเซ็กซี่สั้นจู๋เป็นพิเศษ”
“ฮึ..ถามทำไม ไม่ต้องมายุ่งเรื่องของฉัน!!”
ชลดาเสียงสะบัดทันทีที่เห็นสายตามองตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าของผู้จัดการสาวแว่นที่ยิ้มในที ทันที่ประตูลิฟท์เปิดออกก็จ้ำพรวดออกไปทันที อรณีและแสงสุรีย์ยิ้มให้กันอย่างขบขันก่อนจะพากันกระหนุงกระหนิงออกมานอกลิฟท์ลืมเรื่องหมองใจกลับมาสามัคคีกันได้เหมือนเคย
////////////
ห้องกระจกติดฟิล์มสีขุ่น ภายในห้องเย็นเยียบจับใจ อรณีเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับแสงสุรีย์ ก็พบกับ ‘ปราณ’ หรือที่สองสาวเรียกขานกันว่าท่านประธานบริษัทดรีมเอ็นเตอร์เทนเมนท์ นั่งรออยู่ที่โซฟาก่อนแล้ว
ชายสูงวัยผมแซมสีดอกเลานิดๆ ดวงตาคมรีแฝงไปด้วยอำนาจมองปราดสำรวจนักแสดงสาวในคอนโทรลก่อนจะลุกขึ้นยืนผายมือไปยังที่นั่งว่างตรงข้ามเป็นการเชื้อเชิญ
“มาแล้วเหรอ ผมรอคุณตั้งนานนะ อรณี” ไม่รอช้าให้เสียเวลา ปราณเปิดประเด็นทันที
“ท่านประธานเรียกหาอร มีอะไรเหรอคะ”
“มีสิ..ระยะนี้ไม่ค่อยได้คุยกันเลยนะ งานเป็นยังไงบ้าง”
ถ้อยคำถามไถ่เหมือนไม่มีอะไร แต่อรณีจับน้ำเสียงนั้นได้ ดวงหน้านวลใสตึงขึ้นในทันทีพร้อมตอบกลับคำถามอย่างไม่ต้องคิด
“ถ้าไม่ต้องประกบเด็กใหม่ อ่อนกว่าหกเจ็ดปี แล้วโดนขายเป็นแพคเกจคงจะดีกว่านี้ค่ะ”
“หึหึ..สมเป็นคุณนะอรณี..ดี!! เป็นดาราใหญ่ต้องทระนงตัวให้สมกับความโด่งดัง แต่ คุณแสง พรุ่งนี้คุณจัดการแคนเซิลงานให้อรณีด้วยนะ ผมจะให้ไปถ่ายแบบคอนเซ็ปต์คู่รักกับหัวหนังสือแองเจิ้ลตอกย้ำกระแสตอนนี้ ร้อนแรงมากนี่เมื่อวาน ผมชอบ คุณเหวี่ยงได้กระแสดี วันนี้หนังสือพิมพ์ลงข่าวคุณกับศรุตไม่พลาดสักฉบับ.หึหึ”
อรณีถึงกับหุบยิ้มทันทีที่ฟังจบไม่นึกว่าเขาจะมาไม้นี้ ใบหน้านวลใสแตะแต้มเครื่องสำอางเล็กน้อย ออกอาการขุ่นเคืองในหน้าถามเอาเรื่องผู้เป็นเจ้านายอย่างไม่เกรงกลัวทันที
“ทำไมคะ อย่าบอกว่าให้อรไปถ่ายคอนเซ็ปต์คู่รักกับนายนั่นหรอกนะคะ ไม่มีทางคนไม่เป็นมืออาชีพวันๆเอาแต่ทำหน้าหล่อสัมภาษณ์เรียกคะแนนสงสาร อรรำคาญก็บอกไปแล้วไม่ใช่เหรอคะว่าอรไม่เล่นด้วยและไม่่อยากเล่นข่าวรักโปรโมทแบบนี้หรอกนะคะ”
“แต่ถึงจะไม่อยากทำ คุณก็ต้องทำ อย่าลืมสิทั้งหมดมันเกี่ยวกับภาพลักษณ์ของคุณ อีกอย่างอายุก็ไม่ใช่น้อยๆแล้ว ได้เวลาที่คุณจะทำตัวให้สมกับเป็นรุ่นพี่ในบริษัท ดันได้ก็ต้องช่วยกันจะทำยังไงให้เราแฮปปี้กันทั้งสองฝ่าย คุณได้หน้า ผมได้เงิน ไม่ต้องตามแก้ข่าวเรื่องคุณรังแกเด็กใหม่ให้ยุ่งยากเข้าใจมั๊ย อรณี”
“แต่ฉัน..ไม่ได้รังแก ฉันแค่พูดความจริง..มันไม่แม่นบท ท่องอยู่นั่นทำตัวเป็นท่อนไม้สื่ออารมณ์ก็ไม่ถึง น่ารำคาญ!!”
"แต่คุณต้องให้โอกาสเขา..ลืมแล้วหรือไงใครฉายาเจ้าแม่ร้อยเทคเมื่อก่อนน่ะ ทำไมคนอื่นเขายังทนคุณได้!!"
คำพูดเด็ดขาดของปราณและอรณีที่กำลังจะโต้แย้งด้วยอารมณ์ทำให้แสงสุรีย์ที่นิ่งเงียบอยู่นานต้องเอ่ยแก้ขัด
“เอ่อ..ขอโทษนะคะ ขอแทรกนิดนึงค่ะ.คือ..ท่านประธานคะ พรุ่งนี้อรมีคิวเข้าฉากของเซ็ตเอที่บางปู มันจะทันเหรอคะ แสงว่าเลื่อนแองเจิ้ลไปเป็นวันอื่นก่อนไม่ดีกว่าเหรอคะ
“ภาพลักษณ์รอไม่ได้ ถึงจะดังขนาดไหนก็อย่าลืมว่าศรัทธาสำคัญ คุณจะต้องรีบกู้มันคืนมาก่อนที่จะไม่มีเหลืออย่าลำพองตัวเองว่าโด่งดังคิดจะทำอะไรก็ได้ ตราบใดที่ยังมีผมและดรีมอยู่ คุณก็ต้องฟังผม คุณไม่มีวันได้ทำอะไรตามใจและทำร้ายภาพลักษณ์ของดรีมได้ เข้าใจผมนะ..อรณี”
“ถ้าอย่างนั้นถึงไม่มีฉัน ดรีมก็คงอยู่ได้สิคะ..ก็ดี น่าสนใจ ฉันจะลองเอากลับไปคิดดู ท่าทางว่าสัญญาอีกสองเดือนฉันคงต้องคิดดีๆซะแล้วสิคะ ว่าฉันจะยังคู่ควรกับดรีมอยู่รึเปล่า”
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านค่ะ ^^
สัญญารัก..ข้ามฟ้า รีไรท์ใกล้เสร็จแล้ว
จะเอามาลงสลับกับเรื่องนี้ก่อนส่งสำนักพิมพ์พิจารณาอีกทีค่ะ
ขอบคุณมากๆค่า
^____^
“ค่อยๆกินสิครับ อาร์ม ไอติมไม่หนีไปไหนหรอกนะ”
“อ๊า!! ไม่เช็ดฮะอาณุ..เดี๋ยวมันละลายก็หมดอร่อยพอดีสิฮะ..นี่ของชอบอาร์มเลยนะฮะ”
เด็กน้อยเอื้อนเอ่ยวาจาน่ารัก แต่กิริยาแสนซนเขย่าโต๊ะไปมา จนโต๊ะนั่งสำหรับสองคนของร้านไอศกรีมสั่นไหวตามแรงเขย่าอย่างสนุกสนาน ภาณุขยี้ผมเด็กชายด้วยความหมั่นเขี้ยวแต่ไม่วายบ่น
“ของชอบก็ต้องค่อยๆกินสิครับ หกเลอะเทอะหมดอดกินนะ”
“แต่..อาร์ม..อยากกิน..อ๊ะ!! อาอรมา”
เด็กน้อยยุติการสนทนาค้างไว้แต่เพียงเท่านั้นพร้อมส่งสายตาดีใจผ่านไปด้านหลังของภาณุที่ไม่ทันจะได้บ่นต่อชายหนุ่มก็ต้องเหลียวมองตามสายตาเด็กน้อยที่มองผ่านด้านหลังของเขาไปด้วยดวงตาเป็นประกาย อรณีในชุดเดรสสั้นลำลองสีขาวสะอาดตา เดินยิ้มหวานส่งมาให้อาร์มพร้อมทั้งเดินรี่ตรงมายังที่สองอาหลานนั่งอยู่ โดยไม่มองหน้าภาณุที่ยิ้มเก้อ
“สวัสดีจ้ะ...สุดหล่อของอา”
อรณีก้าวเข้ามาประชิดพร้อมค้อมตัวโอบกอดเด็กน้อยตัวกลมไว้แน่นอย่างหมั่นเขี้ยว กลิ่นหอมอ่อนของน้ำหอมกลิ่นคุ้นเคยโชยเข้าจมูก ภาณุถึงกับอึ้งไปเมื่ออรณีเข้ามานั่งแทรกกลางระหว่างตัวเขาและอาร์มได้แต่นั่งนิ่งดูสองอาหลานคุยกันสนิทสนม
“สวัสดีฮะ..อาอรมาดูน้องของอาร์มเหรอฮะ”
“จ้ะ..แต่เดี๋ยวอาก็ต้องไปแล้วล่ะ ว่าแต่อาร์มถอะเห็นน้องรึยังลูก น้องน่ารักมั๊ย”
“ไม่รู้สิฮะ ตัวเล็กๆ แดงๆ ร้องไห้ไม่หยุด ไม่รู้น่ารักรึเปล่า”
อรณีจับแก้มนิ่มที่ปากยังคงกระเง้ากระงอดไม่หยุดบาๆอย่างหมั่นเขี้ยว อาร์มสะบัดหน้าพรืดมองเมินไปอีกทางพร้อมหลบสายตาภาณุที่รอฟังคำตอบเช่นกัน อรณีเหลือบตามองเพื่อนรักชั่วครู่ก่อนจะกอดเด็กน้อยหลวมๆปลอบใจ
“ต้องน่ารักสิจ้ะ ขนาดพี่ชายยังน่ารักขนาดนี้แล้วน้องชายจะไม่น่ารักเหมือนพี่ชายได้ยังไงใช่มั๊ย ณุ”
“อ่ะ...อืม น่ารัก...ทั้งคู่เลย”
คำพูดลอยๆ ที่ภาณูพูดออกมาโดยไม่ตั้งใจสะดุดหูคนขอความเห็นอย่างจัง อรณีเหลือบตามองดวงหน้าคมข้างกายชั่วครู่สีหน้าไม่บ่งบอกความรู้สึกใด แต่เฉไฉอุ้มเด็กน้อยมานั่งตักแทนโดยไม่กลัวชุดขาวสวยจะเปื้อนไอศกรีม ภาณุถึงกับส่ายหน้าเบาๆ
“ระวังเหอะ ชุดสวยจะเปื้อนหมด”
“ไม่กลัว..เพราะอาอรรักอาร์มม๊ากมาก..มาเป็นลูกอาดีกว่ามั๊ยครับอาร์ม..หืม”
เด็กน้อยกอดเอวบางเพื่อนรักของมารดาไว้อย่างเอาใจทำให้ริมฝีปากเปรอะไอศกรีมเผลอไปโดนเข้าใส่ปกเชิ๊ตสีขาวของชุดเดรสเนื้อดีจนปรากฏรอยขึ้นชัดเจน ภาณุผุดลุกขึ้นยืนคว้าทิสชูมาเช็ดปกเสื้อให้ทันที จนหญิงสาวเผลอสะดุ้งเมื่อมือหนาแบะปกเชิ๊ตจนเห็นเนินอกรำไรแล้วเช็ดไอศกรีมออกอย่างเป็นห่วงโดยไม่ทันได้สังเกตว่าคนที่เป็นฝ่ายได้รับความช่วยเหลือหน้าแดงไปถึงไหนกันแล้วเพราะหลังมือหนาที่สัมผัสอบอุ่นภายนอกร่มผ้า และทันทีที่เสร็จภารกิจ ภาณุก็ถอยออกห่างอรณีทันทีที่เห็นอธิปเดินคุยกันเข้ามากับสาวแว่นคนคุ้นตา
“อร..ผู้จัดการมารับแน่ะ ฉันเลยชวนเธอเดินมาด้วยกันว่าจะพาเจ้าอาร์มไปฝากปู่ให้ช่วยเลี้ยงซะหน่อย”
“อ่ะ..อืม...เอ่อ ขอบใจนะ ณุ”
อรณีอ้อมแอ้มตอบเสียงเบาสีหน้าแดงเลือดฝาดขณะที่ภาณุก็ยิ้มทักทายอธิปและแสงสุรีย์ที่กำลังตรงเข้ามาหา อธิปตรงรี่เข้ามาอุ้มลูกน้อยวัยกำลังซนที่กางแขนรอรับกอดจากบิดาอย่างรู้งาน มือหนาโอบกระชับเจ้าตัวกลมไว้ในวงแขนก่อนจะหอมฟอดใหญ่อย่างหมั่นเขี้ยว อรณีถึงกับค้อนขวับที่โดนแย่งไปกับมือ “มาครับลูก..คิดถึงพ่อรึเปล่าน้องอาร์ม”
“คิดถึงครับ..แด๊ดดี้” คำตอบน่ารักน่าหมั่นเขี้ยวของเด็กน้อยทำให้หญิงสาวคนเดียวในกลุ่มถึงกับหมั่นไส้ อดไม่ได้ที่จะค่อน
“หมั่นไส้..เอาลูกไปฝากปู่จะได้จู๋จี๋กับยัยมินนะสิ..เชอะ อย่าคิดว่ารู้ไม่ทัน”
“ตัวก็มีมั่งสิ บอยเฟรนด์น่ะ ถ้าหาไม่ได้แนะนำคนไม่ใกล้ไม่ไกลแถวๆนี้นะ..สนมั๊ย”
อธิปไม่ยอมลดราวาศอกเช่นกัน สายตาคมหรี่มองเพื่อนรักที่ยืนเคียงข้างสาวสวยเพื่อนสนิทแต่กลับทำหน้าตาเฉยไม่รู้ร้อนหนาว ไม่คิดจะทำอะไรอย่างที่ใจคิดแล้วก็ได้แต่ขัดใจ ภาณุสบตาอธิปก่อนจะเบนสายตาและความสนใจไปหาแสงสุรีย์ที่มายืนคั่นกลางระหว่างตนและอรณีย์
“วันนี้มารับเองเลยเหรอครับ งั้นผมคงหมดหน้าที่ขอตัวก่อนนะครับ..ไปนะอร โอม..อ้อ สุดหล่อของอาด้วยนะ”
ภาณุยิ้มมุมปากส่งไปยังผู้จัดการสาวราวกับรู้ทันสิ่งที่หล่อนกำลังกระทำ อรณีมองตามแผ่นหลังคุ้นเคยที่เดินผ่านไปอย่างไม่แยแสแล้วได้แต่ถอนใจ พาลหงุดหงิดหันมาแหวใส่ผู้จัดการสาวข้างกายทันที “มาทำไมคะ จะมาควบคุมความประพฤติรึไง ไหนว่าวันนี้อรได้หยุดไง”
“ก็ที่จริงว่าหยุดล่ะนะ แต่เมื่อกี้ท่านประธานโทรมาเรียกให้อรไปพบ เห็นว่าติดต่อไม่ได้ นี่ทำไมต้องปิดโทรศัพท์ด้วยล่ะ ติดต่อไม่ได้เลยต้องมาตามเนี่ยแหละ ไปกันได้แล้วอย่าเสียเวลา”
แสงสุรีย์เสียงขุ่นมองตามอรณีที่ยักไหล่เดินผ่านไปนั่งเก้าอี้ตัวเดิมอย่างไม่สนใจ อธิปเห็นท่าไม่ดีจึงเรียกพนักงานเสิร์ฟให้เช็คบิลแล้วบอกลาพร้อมกับอุ้มลูกน้อยจากไป อรณีนั่งจิบกาแฟอย่างสบายอารมณ์โดยไม่ได้สนใจว่ามันเย็นชืดเพียงใด ผู้จัดการสาวขยับแว่นสายตาพร้อมถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายก่อนจะรวบรวมสติ
“จะไปได้รึยัง” น้ำเสียงจริงจังบ่งบอกอารมณ์ทำเอาคนฟังแอบหน้าเบ้ด้วยความรำคาญถึงกับสวนทันควัน
“มีใครเคยบอกมั๊ยว่าเจ้น่ารำคาญ”
“อรณี!!” แสงสุรีย์ตวาดแหวใส่อย่างลืมตัว ดวงตาภายใต้แว่นกรอบหนาแดงก่ำอย่างขุ่นเคือง เสียงดังทำให้ใครหลายคนในค็อฟฟี่ช็อปหันมาให้ความสนใจในทันที เมื่อเห็นท่าไม่ดีจึงเอาน้ำเย็นเข้าลูบ
“ท่านประธานได้ข่าวเรื่องเมื่อวานที่อรเม้งใส่ทีมงานคุณชัชแล้ว ไม่รู้ใครคาบข่าวไปบอกมันน่านักนี่ก็เลยเรียกหาอรแต่เช้าเลยน่ะสิ”
“นึกว่าเรื่องอะไร.. เรื่องเล็กน่า เดี๋ยวเจอกันที่ดรีมแล้วกันนะเจ้ อรเอารถมาเองแยกย้ายกันไปก็แล้วกัน”
อรณีตัดบทลุกเดินตัวปลิวนำหน้าไป สุดที่แสงสุรีย์จะเรียกไว้ได้ทัน ผู้จัดการสาวแว่นส่ายหน้าอย่างเอือมระอาในความเอาแต่ใจแต่ก็เดินตามไปในที่สุด
///////////
ตึกแปดชั้นสไตล์โมเดิร์นเป็นตึกคู่เชื่อมต่อตัวอาคารชั้นบนสุดและชั้นล่างสุดเป็นรูปทรงตัวดีตั้งตระหง่านใจกลางกรุงเกิดความโกลาหลเล็กๆด้านหน้าบริษัทเมื่อรถของอรณีแล่นเข้ามาด้านข้างเพื่อจะเข้าไปภายในตัวอาคารทำให้ไม่สามารถเข้าได้เมื่อนักข่าวออกันเข้ามา
“เกิดอะไรขึ้น!!” เสียงหวานของคนขับภายใต้แว่นกันแดดสีดำขนาดใหญ่ ที่เปิดกระจกรถฟิล์มดำสนิทเอ่ยทักถามรปภ.ที่เฝ้าอยู่หน้าประตู รปภ.หนุ่มหน้าตื่นตอบระล่ำระลักแทบฟังไม่ได้ศัพท์เมื่อสายตาเหลือบมองเห็นนักข่าวที่กำลังกรูกันเข้ามายังรถเป้าหมาย
“ผมได้ยินนักข่าวที่มารอกันแต่เช้าว่าวันนี้บ่ายสองโมงครึ่งคุณอรจะมีแถลงข่าวครับ แต่ผมไม่แน่ใจ”
“แถลงข่าว?..เรื่องอะไร ฉันไม่เห็นรู้เรื่อง”
อรณีถามกลับสีหน้าสงสัยแต่ไม่ทันจะได้คำตอบ ก็ได้รู้คำตอบทันทีเมื่อได้ยินคำถามพร้อมไมค์ที่ยื่นส่งมาจ่อตรงข้างกระจกโดยไม่ทันตั้งตัวจนหญิงสาวถึงกับสะดุ้ง
“คุณอรณีคะ..เมื่อวานที่มีปัญหากับคุณศรุตที่กองถ่ายไม่ทราบเท็จจริงเป็นยังไงคะ แล้วอย่างนี้จะกระทบแผนการโปรโมทคู่ขวัญคู่ใหม่ของดรีมรึเปล่าคะ”
อรณีรีบปิดกระจกรถขึ้นอย่างรวดเร็วพร้อมเก็บอาการได้เป็นอย่างดี แค่คำถามเดียวก็ทำเอาหงุดหงิดไม่พอ เมื่อมองไปรอบๆ ตัวรถพบบรรดานักข่าวหลากหลายสำนักซึ่งส่วนมากเป็นคนคุ้นตาเฝ้ามองและประชิดด้วยความอยากรู้และต้องการข่าว หญิงสาวถอนหายใจพรีดสีหน้าหงุดหงิดขึ้นมาทันที
“เรื่องแค่นี้ก็เอามาเป็นประเด็นข่าว บ้าเอ๊ย!!”
หญิงสาวสบถอย่างหงุดหงิดก่อนจะกระชากรถเข้าไปภายในตัวอาคารอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางสายตานักข่าวที่มองตามด้วยความเสียดาย อีกทั้งไม่พอใจจนเกิดวิพากย์กันอย่างหนัก
เสียงล้อรถบดกับพื้นถนนดังเอี๊ยดก่อนจะพาตัวเข้าจอดยังพื้นที่ส่วนตัวชั้นบนสุดของดรีมเอนเตอร์เทนเมนท์ เรียกความสนใจของใครบางคนที่เพิ่งลงจากรถ
ร่างสูงเพรียวชะงักฝีเท้าหยุดมองคนมาใหม่อยู่นานทันทีที่อีกฝ่ายก้าวลงจากรถด้วยสีหน้าหงุดหงิดแม้ภายใต้แว่นสายตากรอบใหญ่จะปิดบังดวงหน้านวลสวยแต่กิริยาอาการหงุดหงิดเรียกความสนใจให้หยุดยืนรออยู่หน้าลิฟท์ รอจนกระทั่งคนมาใหม่ก้าวเข้ามาพร้อมเปิดประเด็นจากคนรอด้วยคำทักทายกึ่งประชดประชันในน้ำเสียงเยือกเย็นของคนตรงหน้า อรณีถอดแว่นสายตาพับเก็บใส่ลงกระเป๋าสะพายแล้วก้าวมายืนเคียงข้าง
“วันนี้ดูหงุดหงิดนะ อร ไปกินรังแตนที่ไหนมา”
“วันนี้สวยดีนี่ ชล จะไปล่อเสือล่อตะเข้ที่ไหนล่ะ”
สองสาวยืนเคียงข้างกันแต่สายตากึ่งเชือดเฉือนกันอยู่ในที ชลดาเอื้อมมือมาปัดปกเชิ๊ตชุดเดรสสีขาวให้อรณีอย่างสมเพชพร้อมยิ้มหวานและคำพูดเฉือน
“แหม เดี๋ยวนี้ถือว่าดังแล้วไม่รักษาลุคเลยนะ ใส่ชุดสวยๆ แต่สกปรกออกสื่อได้ยังไง เกิดใครมาเห็นเข้าจะว่าเอาได้นะว่าดรีมเลี้ยงเธอไม่ดี”
“ฉันเลี้ยงตัวเอง ไม่ต้องให้ใครมาเลี้ยง ชุดก็ชุดของฉัน สปอนเซอร์จัดให้ฉัน แล้วเธอมีปัญหาอะไร..อ๋อ หรือว่าเพราะชุดสวยๆที่เธอหมายตากลายมาเป็นแอคเซสเซอรีของฉัน เธอเลยกระสันอยากได้จนตัวสั่น ...ฮึ ชลดา ได้ข่าวว่าเธอไปจองไว้นี่ แต่เสียใจนะชุดนี้มันของฉันจ้ะ”
“เธอ!! มันจะมากไปแล้วนะ อรณี!!”
อรณียักไหล่ก้าวเดินเข้าไปในลิฟท์ทันทีที่ประตูลิฟท์เปิดออก หญิงสาวก้าวเข้าไปยืนในสุดพิงผนังลิฟท์อย่างสบายอารมณ์ ชลดาก้าวตามเข้ามาเผชิญหน้ายังไม่ทันได้เอ่ยเอาความ แสงสุรีย์ก็ตามเข้ามาทันขัดตาทัพจนได้
“ไม่รอเจ้เลยนะอร รีบแทบแย่ ..อ้าว คุณชล วันนี้ไม่ได้ไปพัทยากับเซ็ตบีเหรอคะ เห็นว่ามีนัดสัมภาษณ์นักแสดงไม่ใช่เหรอ”
แสงสุรีย์ถามเสียงอ่อน อย่างนอบน้อม จนอรณีนึกหมั่นไส้เล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไร
“ไปก็คงไม่เห็นสิคะเจ้แสง..อืม ว่าแต่วันนี้หนังสือพิมพ์ขายดีน่าดูเลยนะคะ ข่าวฉาวๆของนางเอกดังเนี่ย..แหม น่าปลื้มจนท่านประธานต้องเรียกหาเลยสิคะ”
เสียงหัวเราะคล้ายจะหยันอยู่ในที อรณีถึงกับหน้าตึง แต่แสงสุรีย์บีบมือไว้เป็นการห้ามกลายๆ หญิงสาวสะบัดหน้าพรืดพยายามสะกดกลั้นอารมณ์ฟังสองสาวคุยกัน
“อ๋อ เรื่องนั้น คือพอดีว่าท่านประธานมีงานใหญ่เรียกใช้บริการอรอีกแล้วค่ะ คุณชล จะทำยังได้ล่ะนะคะ ก็คนมันฮอตใครๆก็ต้องการตัว นี่ขนาดสามสิบแล้วนะยังฮอตไม่เลิก ไม่เหมือนใครบางคนที่ผันตัวไปเป็นพิธีกรซะแล้ว อืม..ว่าแต่วันนี้คุณชลมีนัดกับท่านประธานรึเปล่าคะเนี่ย ถึงได้สวยเปรี้ยวเฉี่ยวเซ็กซี่สั้นจู๋เป็นพิเศษ”
“ฮึ..ถามทำไม ไม่ต้องมายุ่งเรื่องของฉัน!!”
ชลดาเสียงสะบัดทันทีที่เห็นสายตามองตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าของผู้จัดการสาวแว่นที่ยิ้มในที ทันที่ประตูลิฟท์เปิดออกก็จ้ำพรวดออกไปทันที อรณีและแสงสุรีย์ยิ้มให้กันอย่างขบขันก่อนจะพากันกระหนุงกระหนิงออกมานอกลิฟท์ลืมเรื่องหมองใจกลับมาสามัคคีกันได้เหมือนเคย
////////////
ห้องกระจกติดฟิล์มสีขุ่น ภายในห้องเย็นเยียบจับใจ อรณีเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับแสงสุรีย์ ก็พบกับ ‘ปราณ’ หรือที่สองสาวเรียกขานกันว่าท่านประธานบริษัทดรีมเอ็นเตอร์เทนเมนท์ นั่งรออยู่ที่โซฟาก่อนแล้ว
ชายสูงวัยผมแซมสีดอกเลานิดๆ ดวงตาคมรีแฝงไปด้วยอำนาจมองปราดสำรวจนักแสดงสาวในคอนโทรลก่อนจะลุกขึ้นยืนผายมือไปยังที่นั่งว่างตรงข้ามเป็นการเชื้อเชิญ
“มาแล้วเหรอ ผมรอคุณตั้งนานนะ อรณี” ไม่รอช้าให้เสียเวลา ปราณเปิดประเด็นทันที
“ท่านประธานเรียกหาอร มีอะไรเหรอคะ”
“มีสิ..ระยะนี้ไม่ค่อยได้คุยกันเลยนะ งานเป็นยังไงบ้าง”
ถ้อยคำถามไถ่เหมือนไม่มีอะไร แต่อรณีจับน้ำเสียงนั้นได้ ดวงหน้านวลใสตึงขึ้นในทันทีพร้อมตอบกลับคำถามอย่างไม่ต้องคิด
“ถ้าไม่ต้องประกบเด็กใหม่ อ่อนกว่าหกเจ็ดปี แล้วโดนขายเป็นแพคเกจคงจะดีกว่านี้ค่ะ”
“หึหึ..สมเป็นคุณนะอรณี..ดี!! เป็นดาราใหญ่ต้องทระนงตัวให้สมกับความโด่งดัง แต่ คุณแสง พรุ่งนี้คุณจัดการแคนเซิลงานให้อรณีด้วยนะ ผมจะให้ไปถ่ายแบบคอนเซ็ปต์คู่รักกับหัวหนังสือแองเจิ้ลตอกย้ำกระแสตอนนี้ ร้อนแรงมากนี่เมื่อวาน ผมชอบ คุณเหวี่ยงได้กระแสดี วันนี้หนังสือพิมพ์ลงข่าวคุณกับศรุตไม่พลาดสักฉบับ.หึหึ”
อรณีถึงกับหุบยิ้มทันทีที่ฟังจบไม่นึกว่าเขาจะมาไม้นี้ ใบหน้านวลใสแตะแต้มเครื่องสำอางเล็กน้อย ออกอาการขุ่นเคืองในหน้าถามเอาเรื่องผู้เป็นเจ้านายอย่างไม่เกรงกลัวทันที
“ทำไมคะ อย่าบอกว่าให้อรไปถ่ายคอนเซ็ปต์คู่รักกับนายนั่นหรอกนะคะ ไม่มีทางคนไม่เป็นมืออาชีพวันๆเอาแต่ทำหน้าหล่อสัมภาษณ์เรียกคะแนนสงสาร อรรำคาญก็บอกไปแล้วไม่ใช่เหรอคะว่าอรไม่เล่นด้วยและไม่่อยากเล่นข่าวรักโปรโมทแบบนี้หรอกนะคะ”
“แต่ถึงจะไม่อยากทำ คุณก็ต้องทำ อย่าลืมสิทั้งหมดมันเกี่ยวกับภาพลักษณ์ของคุณ อีกอย่างอายุก็ไม่ใช่น้อยๆแล้ว ได้เวลาที่คุณจะทำตัวให้สมกับเป็นรุ่นพี่ในบริษัท ดันได้ก็ต้องช่วยกันจะทำยังไงให้เราแฮปปี้กันทั้งสองฝ่าย คุณได้หน้า ผมได้เงิน ไม่ต้องตามแก้ข่าวเรื่องคุณรังแกเด็กใหม่ให้ยุ่งยากเข้าใจมั๊ย อรณี”
“แต่ฉัน..ไม่ได้รังแก ฉันแค่พูดความจริง..มันไม่แม่นบท ท่องอยู่นั่นทำตัวเป็นท่อนไม้สื่ออารมณ์ก็ไม่ถึง น่ารำคาญ!!”
"แต่คุณต้องให้โอกาสเขา..ลืมแล้วหรือไงใครฉายาเจ้าแม่ร้อยเทคเมื่อก่อนน่ะ ทำไมคนอื่นเขายังทนคุณได้!!"
คำพูดเด็ดขาดของปราณและอรณีที่กำลังจะโต้แย้งด้วยอารมณ์ทำให้แสงสุรีย์ที่นิ่งเงียบอยู่นานต้องเอ่ยแก้ขัด
“เอ่อ..ขอโทษนะคะ ขอแทรกนิดนึงค่ะ.คือ..ท่านประธานคะ พรุ่งนี้อรมีคิวเข้าฉากของเซ็ตเอที่บางปู มันจะทันเหรอคะ แสงว่าเลื่อนแองเจิ้ลไปเป็นวันอื่นก่อนไม่ดีกว่าเหรอคะ
“ภาพลักษณ์รอไม่ได้ ถึงจะดังขนาดไหนก็อย่าลืมว่าศรัทธาสำคัญ คุณจะต้องรีบกู้มันคืนมาก่อนที่จะไม่มีเหลืออย่าลำพองตัวเองว่าโด่งดังคิดจะทำอะไรก็ได้ ตราบใดที่ยังมีผมและดรีมอยู่ คุณก็ต้องฟังผม คุณไม่มีวันได้ทำอะไรตามใจและทำร้ายภาพลักษณ์ของดรีมได้ เข้าใจผมนะ..อรณี”
“ถ้าอย่างนั้นถึงไม่มีฉัน ดรีมก็คงอยู่ได้สิคะ..ก็ดี น่าสนใจ ฉันจะลองเอากลับไปคิดดู ท่าทางว่าสัญญาอีกสองเดือนฉันคงต้องคิดดีๆซะแล้วสิคะ ว่าฉันจะยังคู่ควรกับดรีมอยู่รึเปล่า”
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านค่ะ ^^
สัญญารัก..ข้ามฟ้า รีไรท์ใกล้เสร็จแล้ว
จะเอามาลงสลับกับเรื่องนี้ก่อนส่งสำนักพิมพ์พิจารณาอีกทีค่ะ
ขอบคุณมากๆค่า
^____^

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 27 เม.ย. 2557, 10:49:42 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 27 เม.ย. 2557, 10:52:17 น.
จำนวนการเข้าชม : 1497
<< บทที่ 2 จะผิดไหม..หากหัวใจต้องการไออุ่น | บทที่ 4 ปีกของไฮยาซินแสนสวย >> |