ร้อยรักพรางตะวัน (Just To Love You)
ชีวิตและจิตใจของฉันเหมือนดั่ง..ตุ๊กตาแก้ว..
เปราะบาง..อ่อนแอแตกหักง่าย..
แต่มันจะยังอยู่ได้..ถ้ายังมีใครบางคนอยู่เคียงข้าง’
(อรณี)

‘หัวใจของผม..มีไว้เพื่อเธอ..
ดวงอาทิตย์เฉิดฉายที่ปลายฟ้า
ดวงนั้น..คงไม่มีวันตกลงมาถึงผม..’
(ภาณุ)

‘คนอย่างฉัน..ไม่เคยต้องง้อใคร..
ถึงจะวีน..เหวี่ยง..แรง..ร้าย..
แต่ยังไง..ฉันก็ยังรักเขา..’
(ชลดา)

‘ถ้าเลือกได้..สักครั้งในชีวิต
ผมไม่ต้องการ..อะไรเลย
นอกจากเธอ..ผู้เป็นดั่งรอยยิ้มของผม’
(ชัชพล)

Tags: ร้อยรักพรางตะวัน,รักซึ้งๆ,รักโรแมนติก

ตอน: บทที่ 4 ปีกของไฮยาซินแสนสวย

ทางเดินทอดยาวของอาคารรูปตัวดีชั้นบนสุดดูจะเล็กลงไปถนัดใจ เมื่ออรณีต้องมาประสบพบเจอชลดาเป็นรอบที่สองของวันหลังจากปะทะฝีปากกันไปเมื่อช่วงสาย ร่างงามเฉิดฉายในชุดเดรสเครื่องแต่งกายใหม่ดูหรูระยับสีแดงเพลิงตัดกับผิวขาวผ่องมาหยุดยืนตรงหน้า อรณีชะงักฝีเท้าลงในทันทีที่โดนกักกันไว้ไม่ให้เดินผ่านไปได้ หญิงสาวชุดเดรสแดงหัวเราะแหลมเบาๆ ก่อนจะเอ่ยทัก

“เป็นไงจ้ะ เข้าห้องเย็นเมื่อกี้ ได้ข่าวว่าหนักเลยนี่”

“ก็ไม่เท่าไหร่ สบายดี พอทน ถ้าเธอไม่มีอะไรก็หลีกทางด้วย ฉันจะไปพักผ่อน”

อรณีเดินเบี่ยงหลบขี้เกียจต่อล้อต่อเถียง ดวงตากลมใสภายใต้เครื่องสำอางบางเบาฉาบหน้าทอประกายหงุดหงิดฉุนเฉียว จนชลดาอดสัพยอกไม่ได้

“องครักษ์ไปไหนซะแล้วล่ะ ถึงต้องให้ราชินีแห่งดรีมเดินมาตามลำพัง ไม่ต้องแห่มาเอาใจแล้วเหรอ หรือใกล้ปลดระวางแล้ว ฉันได้ยินมานะ..อร ว่าน้องใหม่ที่แคสติ้งผ่านเข้ามาปีนี้สวยมาก โปรไฟล์ล้ำเลิศสุดๆไปเลย เธออยากเห็นมั๊ย”

“ไม่จำเป็น ไม่ได้อยากรู้ ขอตัวนะ ฉันจะไปพักผ่อน”

“นี่!! เดี๋ยวสิ”

แรงดึงเบาๆ แต่ก็ทำให้อรณีถึงกับนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ เพราะเล็บยาวสีแดงแสบตามสีชุดจิกลงบนต้นแขนเปลือยของตนไม่แรงแต่ก็ไม่เบา จนหญิงสาวต้องเค้นฟันพูดออกมา

“เจ็บนะชล!! ปล่อย!!”

“คนอย่างเธอเจ็บเป็นด้วยเหรอ..อร นึกว่าจะมีแต่ฉันคนเดียวซะอีกทีเจ็บ”

น้ำคำเยาะ เสียงมั่นสั่นไหวของคนที่ไม่ได้เป็นฝ่ายถูกกระทำ อรณีจ้องลึกเข้าไปในดวงตาเรียวที่ตกแต่งเครื่องสำอางเข้มอย่างสงสัยในคำพูด หญิงสาวบีบมือเรียวที่คาดว่าลืมตัวเผลอจิกเล็บแน่นกว่าเดิม กว่าที่ชลดาจะรู้ตัวก็เมื่อเสียงหนึ่งดังมาจากทางด้านหลัง อรณีเหลือบมองหาตัวช่วยแทบจะทันที

“ทำอะไรกันน่ะ อร!! ชล!!”

“พี่ชัช!!”

เพียงได้ยินชื่อที่อรณีเรียกขาน ชลดาถึงกับปล่อยมือทันทีเหลือทิ้งเพียงหลักฐานรอยจ้ำแดงๆบนต้นแขนขาวของอรณีและรอยจิกย้ำเป็นจุดๆ

“พูดกันดีๆไม่ได้เหรอ เราสองคน พี่เห็นเจอกันทีไรทะเลาะกันทุกที..หือ”

“คือ..ชล..คือ”

“ไม่ต้องพูดแล้วพี่เห็นกับตาเข้าใจดีทุกอย่าง..เธอไปซะ”

“แต่..พี่ชัช”

ชลดาพยายามอธิบายเมื่อมองสบนัยน์ตากร้าวที่จ้องเธออย่างกรุ่นโกรธ แต่แล้วยังไม่ทันได้อธิบายคนที่ถามเอาความผิดกับหล่อนเมื่อครู่ก็หันไปหาหญิงสาวข้างกายอีกคนแล้วลูบต้นแขนขาวที่เต็มไปด้วยรอยจ้ำแดงอย่างเป็นห่วง จนชลดาถึงกับเบือนหน้าหนี ไหนยังจะน้ำเสียงห่วงใยบาดลึกนั่นอีกทำให้หญิงสาวถึงกับทนไม่ไหวเดินจากไป

“เป็นไรรึเปล่าอร ไหนขอพี่ดูหน่อย”

“ไม่ค่ะ นิดหน่อย อรไม่เป็นไร..เอ่อ พี่ชัชถอยห่างออกไปหน่อยค่ะ ใครมาเห็นเข้ามันจะไม่ดี”

อรณีก้าวถอยหลังหนีพร้อมทั้งเบี่ยงแขนออกจากการเกาะกุม ชัชพลรู้ตัวเหลียวซ้ายมองขวาก่อนจะปล่อยมือ แต่สีหน้าก็ยังคงวิตกเป็นห่วงคนตรงหน้า

“แน่ใจนะว่าไม่เป็นไร วันนี้พี่ได้ข่าวว่าจะมีแถลงข่าวเรื่องอะไร”

น้ำเสียงหวานหยดแสดงความเป็นห่วงเสียเต็มประดา อรณีหลุบตาลงไม่ยอมมองสบ หวั่นไหว..ก็อาจมีบ้างแต่

“ทีแรกก็เกือบจะมีค่ะนักข่าวมาออกันเต็มไปหมด..อรไม่รู้ตัวมาก่อน แต่ยกเลิกไปแล้ว”

“แถลงข่าวเรื่องของ ‘เรา’ที่กองถ่ายใช่ไหมอร..หรือว่า..เอ่อ เรื่องจับคู่อรกับเด็กใหม่”

ชัชพลพูดเน้นย้ำบางคำเป็นพิเศษ ก่อนที่จะได้พูดอะไรต่อ อรณีก็ขัดจังหวะเสียก่อน ด้วยคำพูดบางคำที่ทำเอาหัวใจคนฟังยอกแสยงอย่างรู้สึกได้ในทันที

“อย่าสนใจเลย แค่เรื่องขำขำน่ะค่ะ..ไม่มีอะไรหรอก ไร้สาระ อรขอตัวก่อนนะคะเหนื่อยแล้ววันนี้เจอสงครามประสาทกับท่านประธานทำเอาแทบบ้าแน่ะค่ะ”

“จ้ะ แล้วพี่จะโทรหานะ”

ชัชพลพูดตามหลังคนไม่ฟังอะไรเดินหนีเขาไปทันทีที่พูดจบ ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่กับความเฉยชาของหล่อน จะให้ได้ใจใครบางคนมันช่างยากเสียยิ่งกว่ายาก ความหงุดหงิดแสดงออกมาด้วยท่าทางเตะผนังห้องข้างๆอย่างขัดใจของชัชพลอยู่ในสายตาชลดาที่แอบลอบมองอยู่ไม่ไกล สาวสวยกัดริมฝีปากแน่นอย่างเจ็บใจไม่ต่างกัน

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

เอกสารสัญญาของ ‘อรณี’ ถูกวางลงบนโต๊ะทำงานตัวใหญ่ของห้องประธานบริษัทดรีมเอ็นเตอร์เทนเมนท์ แสงสุรีย์นั่งหวั่นใจมือไม้เย็นเฉียบอยู่ฝั่งตรงข้ามหลังจากเลขาพ้นออกไปจากห้องทำงาน ปราณ..เปิดเอกสารดูอย่างใจเย็น สีหน้านิ่งไม่แสดงความรู้สึกใดๆ ไม่นานก็เปรยประโยคเยียบเย็นที่ทำเอาหัวใจคนฟังแทบหยุดเต้นอย่างเกรงบารมี

“แสงสุรีย์..คุณอยู่ในตำแหน่งผู้จัดการส่วนตัวของอรณีมากี่ปีแล้วนะ บอกผมหน่อยซิ”

“เอ่อ..สามปีแล้วค่ะท่านประธาน”

แสงสุรีย์นับนิ้วแก้เก้อ ความกริ่งเกรงในตัวปราณมีสูงยิ่งกว่าสิ่งใด เพราะเมื่อใดที่เจ้าพ่อวงการเอนเตอร์เทนเมนท์ออกปาก สิ่งนั้นมักส่งผลไม่ทางดีมากก็ร้ายมาก ยิ่งเป็นเรื่องปากท้องของตน สาวแว่นกรอบหนายิ่งรู้สึกกังวลเป็นพิเศษ

“สามปี..นับว่านานพอดูนะกับการประคบประหงมนักแสดงเกรดบีคนหนึ่งให้ขึ้นมาผงาดเป็นยิ่งกว่าเกรดเอเช่นทุกวันนี้ คุณคิดว่าค่าตอบแทนที่ผมให้คุณเป็นยังไงบ้าง ดีพอสมควรไหม” ปราณยิ้มเย็นจ้องตาแสงสุรีย์หน้านิ่ง

“เป็นความกรุณาของท่านประธานค่ะ ดิฉันมีทุกสิ่งทุกอย่างในวันนี้ได้เพราะท่านแท้ๆเชียวค่ะ”

แสงสุรีย์ยิ้มแหยตอบนอบน้อมแต่หลบสายตาที่มองมา หญิงสาวกระชับแว่นอย่างเคยชินก่อนจะเสหยิบกาแฟในแก้วทรงเตี้ยที่เลขานำมาให้จนบัดนี้เย็นชืดไปหมดแล้วยกขึ้นดื่มอย่างใจคอไม่ดี ปราณพยักหน้าพอใจกับคำตอบก่อนจะเคาะปากกาด้ามแพงระยับกับมุมโต๊ะอย่างชั่งใจ

“ก็ดี..ที่คุณยังจำได้ คุณเห็นภาพนั้นไหม..แสงสุรีย์”

“คะ?”

แสงสุรีย์หันไปตามด้ามปากกาที่ปราณชี้ไปยังผนังภาพทางด้านขวาของเขาและด้านซ้ายของหล่อน ภาพนกแสนสวยบินโฉบเฉี่ยวสยายปีกอย่างเริงร่าสวยงาม แสงสุรีย์ทำหน้างงก่อนจะมองสบตากร้าวของปราณ

“ไฮยาซินแสนสวย..นกแก้วมาคอว์สีน้ำเงินที่สวยที่สุดในโลก คุณว่าสวยไหม”

“ค่ะ ว่าแต่ทำไมคะ?”

ไม่วายที่สาวแว่นหนาจะแย้งถามด้วยความประหลาดใจ ดวงหน้าเรียวภายใต้แว่นกรอบหนายังคงมองจ้องภาพนกแสนสวยไม่วางตา

“ไฮยาซินแสนสวย..มันคงสวยไปกว่านั้นไม่ได้ถ้าขาดปีกสีเหลืองสดคู่งามที่เสริมความสวยงามแข็งแกร่งของมัน หลังจากปีกอ่อนอย่างรินลดาทิ้งไฮยาซินแสนสวยไป..คุณคือปีกแข็งแรงที่พาไฮยาซินแสนสวยของผมบินขึ้นได้สูงขนาดนี้นะ..แสงสุรีย์ ต้องขอบคุณคุณมากๆ ผมไว้ใจคนไม่ผิดจริงๆ”

“คะ? หมายความว่ายังไงคะท่าน..ท่านจะ!!”

คำถามสั้นที่หลุดออกมาจากปากยังไม่เท่าหัวใจที่แทบหล่นตกลงมาอยู่ที่ตาตุ่ม แต่ปราณก็พูดแทรกคำถามสั้นของหล่อนพร้อมรอยยิ้มเยือกเย็นชวนขนลุก

“ยังหรอกอย่ากังวลไปเลย..คุณรู้ไหม ธรรมชาติของนกชนิดนี้ทั้งฉลาด หลักแหลม สวยงาม น่ารัก และแสนรู้มากมายแต่วันนี้ปากสวยงามของมันกำลังแว้งมากัดเจ้านายที่สุดแสนจะรักและทนุถนอมมัน คุณคิดว่าเจ้านายของมันยังสมควรจะเลี้ยงมันให้สมกับความรักอยู่ไหม..”

“เอ่อ..ท่านประธานคะ ดิฉันไม่เข้าใจค่ะ หมายความว่ายังไงคะ”

“บางทีผมอาจจะต้องเด็ดปีกแสนสวยของไฮยาซินตัวนี้แล้วไปประดับให้ไฮยาซินตัวอ่อนตัวใหม่ที่พร้อมจะเฉิดฉายขึ้นมาแทนที่ตัวเก่าก็ได้ คุณคิดว่าไง..เข้าใจที่ผมพูดไหม”

“ไม่เข้าใจค่ะ..คือฉันทำงานกับอรณีก็เข้าขากันดีไม่อยากเปลี่ยนนี่คะ ถึงเธอจะเข้าใจยากสักหน่อย หรือทะนงตนไปนิด แต่ดิฉันรับได้ค่ะ เนื้อแท้อรณีไม่ใช่คนใจร้ายแบบที่เป็นข่าวหรอกค่ะ”

“นั่นสิ..แต่วันนี้ไฮยาซินแสนสวยของผมทำให้ผมสำนึกได้ว่าอาจถึงเวลาที่ควจจะเด็ดขาดกับเธอบ้างก่อนที่เธอบินหนี คุณเอากลับไปคิดดูนะถ้าคุณยังอยากรักษาตัวมันเอาไว้ไม่ให้บาดเจ็บเพราะขาดปีกโอบอุ้มอย่างคุณ..ผมอยากให้คุณควบคุมดูแลไฮยาซินแสนสวยของผมให้ดีๆ อย่าให้มีปัญหา โดยเฉพาะเรื่องข่าว กระแสคู่รักตอบรับดีมากๆ เม็ดเงินทั้งนั้นที่จะหลั่งไหลเข้ามาหาบริษัทพร้อมทั้งงานสารพัด ผมไม่อยากให้พลาดงานนี้รีบไปจัดการให้เธอยอมด้วยนะ”

แสงสุรีย์กลืนน้ำลายลงคอยากเย็น มือเรียวกำแน่นกับกระโปรงตัวเก่งจนยับย่น ดวงตาภายใต้แว่นกรอบหนาเหลือบมองสบตาคนตรงข้ามอย่างมุ่งมั่น

“ได้ค่ะ..ท่านประธาน ดิฉันจะเข้มงวดกับเธอให้มากกว่านี้ค่ะ”

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

แสงแดดแรงกล้ากระทบแยงตาชายหนุ่มในชุดคุมงานวิศวกรเต็มขั้นสวมแว่นตาดำกรอบใหญ่ปิดบังใบหน้ากว่าค่อนพร้อมทั้งหมวกนิรภัยครบสูตร ภาณุละสายตาจากตัวอาคารสูงมาทางคนที่เอ่ยเรียกชื่อของเขาอย่างรีบเร่ง

“คุณภาณุครับ..ดูนี่สิครับ ผมว่ามันไม่ใช่สเป็คที่เราสั่งนะครับ”

“หืม..อะไรครับ”

ชายหนุ่มร่างสูงสมส่วนรับแผ่นวัสดุชิ้นนั้นมาพินิจดู แล้วก็ต้องร้องถามออกมาอย่างแปลกใจ

“นี่มันแกรนิตโต้แบบเกรดบีนี่ แล้วสถาปนิกโครงการไปไหนซะล่ะ คุณต้องรอให้เขามาเช็คอีกทีนะอย่าทำโดยพลการจะได้ไม่คุ้มเสีย”

“ผมติดต่อคุณน่านฟ้าแล้วครับ แต่ติดต่อไม่ได้เลย ทีแรกว่าจะใช้เลยไม่ถาม แต่ผมก็ว่าอยู่ว่าแปลกๆ รู้สึกของมีตำหนิแผ่นไม่เรียบเลยครับ”

ภาณุสำรวจความผิดปกติของวัสดุแผ่นนั้นอีกครั้งอย่างชั่งใจก่อนจะเดินนำนายช่างเข้าไปในตัวอาคาร เมื่อมาถึงยังจุดที่วัสดุจำนวนมากกองเรียงรายอยู่จึงเข้าไปสำรวจตรวจตราอยู่พักใหญ่ แล้วถึงกับหน้านิ่วคิ้วขมวดอย่างสงสัย

“นี่ไม่ใช่แกรนิตโต้ผิวหินทรายนี่ อันนี้มันเกรดบีแถมยังอันตรายลื่นก็ง่าย อย่าเพิ่งทำอะไรกับของพวกนี้ เดี๋ยวผมขอเข้าบริษัทไปคุยกับคุณน่านฟ้าก่อน ถ้าไม่ผิดพลาดที่บริษัทที่ส่งมาให้เรา ผมว่าคงมีการเข้าใจผิดอะไรบางอย่างแล้วล่ะ”

“ได้ครับ แต่แหมเสียดายเวลาจังนะครับ แทนที่จะได้งานกันบ้างสักห้าถึงสิบเปอร์เซ็นต์ เด็กๆต้องรองานอีกแล้ว”

นายช่างคุมงานทอดถอนใจอย่างสุดเซ็ง ภาณุตบบ่าให้กำลังใจเบาๆ ในใจรู้สึกไม่ค่อยสบายใจถึงที่มาของมันแปลกๆ


ใช้เวลาไม่นานรถญี่ปุ่นสีเทาเข้มของภาณุก็แล่นมาถึงยังหน้าบริษัท ด้านหน้าโถงกว้างหนาแน่นไปด้วยรถผู้มาติดต่อรวมไปถึงรถพนักงานเหลือเพียงที่ว่างไม่ใหญ่มากให้เขาได้ถอยเข้าจอดอย่างทุลักทุเล

“เฮ้อ..เมื่อไหร่บริษัทจะทำที่จอดรถหลายๆชั้นซะทีเนี่ย คับแคบได้ใจจริงๆ”

น้ำคำสบถไม่สนใจใคร กับช่องว่างเพียงนิดที่แทรกตัวออกมาเป็นไปอย่างติดขัดเพราะนอกจากกระเป๋าเอกสาร ยังรวมไปถึงอุปกรณ์สื่อสารพกพาสองชนิดที่ต้องทั้งสะพายและหอบหิ้ว ไหนจะแบบแปลนม้วนใส่หลอดทรงยาวที่สะพายเฉียงพาดไหล่อีกข้างของเขา

ร่างสูงเคลื่อนกายแนวตะแคงอย่างเบียดเสียดกลัวว่าประตูจะไปชนสีรถชมพูเข้มคันข้างๆ กิริยาวุ่นวายของภาณุสร้างความขบขันให้สาวน้อยในรถที่ถอดแว่นกันแดดสีชาวางไว้หน้าคอนโซลรถก่อนจะพาตัวลงมายืนด้านคนขับอีกคันหนึ่ง

“มีอะไรให้ช่วยรึเปล่าคะ”

แล้วเสียงหวานใสก็เอ่ยขึ้นมาพร้อมเสียงหัวเราะคิกคักเรียกสติชายหนุ่มที่กำลังวุ่นวายให้หันมามองที่มาของเสียง

“เอ่อ..ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณ”

“มา ฉันช่วยดีกว่าค่ะ ฉันกำลังจะเข้าไปพอดี”

ไม่พูดพร่ำทำเพลง สาวน้อยลูกครึ่งหุ่นกระทัดรัดก็คว้าหมับเข้าที่กระเป๋าเอกสารหนักอึ้งของเขาแล้วพากันเดินเข้าไปภายใน

“ขอบคุณมากนะครับ เอ่อ...คุณ”

“คัคนานต์ค่ะ หรือคุณจะเรียกฉันว่านางก็ได้นะคะ ฉันเป็นน้องสาวพี่น่านฟ้า เจ้าของที่นี่ค่ะ”

“น่านฟ้า? นายน่าน?..คุณเป็นน้องสาวเขา งั้นเราก็คนกันเอง น่านเป็นเพื่อนผมเองครับ”

คัคนานต์พยักหน้ายิ้มกว้างเมื่อเห็นสายตามองมาอย่างเป็นมิตรของชายหนุ่มที่เดินเคียงกันก่อนที่เขาจะเปิดประตูกระจกสำนักงานให้ด้วยรอยยิ้มสว่างไสวพาหัวใจลอยล่องตามหลังชายหนุ่มที่ปิดประตูทันทีที่หญิงสาวก้าวเข้ามาพ้นแนวประตูแล้วเดินนำหน้าหล่อนเข้าไปภายใน

“คุณจะขึ้นไปหรือจะรอที่ล็อบบี้ครับ”

“เอ่อ..ดิฉันรอที่นี่ก็ได้ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ”

คัคนานต์ยิ้มหวานหยด นึกพึงใจชายหนุ่มที่ดูอนาทรหล่อนไม่เบา จะด้วยมารยาทหรืออะไรก็แล้วแต่..

“อ่านหนังสือพิมพ์ไปพลางๆก่อนนะครับ เดี๋ยวผมให้พนักงานแจ้งพี่ชายคุณทราบก่อน”

“ขอบคุณมากนะคะ”

คัคนานต์ยิ้มรับพลางเปิดหน้าหนังสือพิมพ์ดูอย่างไม่ได้ใส่ใจเป็นพิเศษ ภาณุแจ้งเลขาน่านฟ้าเรียบร้อยจึงเดินกลับมายังหญิงสาวพร้อมน้ำส้มแก้วทรงสูงเย็นเฉียบ ท่าทางใส่ใจบางอย่างในหนังสือพิมพ์เป็นพิเศษทำให้เขานึกสนใจ

“อ่านอะไรอยู่ครับดูน่าสนใจนะ”

“อ๋อ..ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ข่าวดาราน่ะค่ะ อรณีนักแสดงสาวชื่อดังกับรักลับๆในกองถ่ายค่ะ ไม่รู้งานนี้รักโปรโมทหรือเปิดตัวคู่รักต่างวัยในวงการค่ะ เนี่ยค่ะ หัวข่าวโปรยไว้น่าสนใจมากเลย คุณชอบเธอไหมคะ ฉันจะได้อ่านให้ฟัง”

คัคนานต์ยื่นหนังสือพิมพ์หน้าทีพูดถึงให้ภาณุดูทันทีที่ชายหนุ่มวางแก้วน้ำผลไม้ที่โต๊ะตรงหน้า

“ไม่เป็นไรเชิญคุณเถอะครับ ผมไม่ค่อยสนใจข่าวดารา”

ภาณุปฏิเสธแต่ปรายหางตามองอย่างไม่ค่อยสนใจนักแล้วหัวใจก็กระตุกวูบกับภาพที่ถูกเลือกมาเป็นหัวข้อข่าว เป็นภาพอรณีกับ ‘คู่รัก’ ที่คัคนานต์เอ่ยถึงเมื่อครู่

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านค่ะ ^____^



lovereason
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 29 เม.ย. 2557, 21:31:11 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 29 เม.ย. 2557, 21:31:11 น.

จำนวนการเข้าชม : 1291





<< บทที่ 3 ช่วงเวลา..ระหว่างทาง   บทที่ 5 ทางแยก >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account