หัวใจเดิมพันรัก
หนี้สิน ฆ่าตัวตาย ชีวิตใหม่ ความรัก และอุปสรรค โชคชะตาจะนำพาไปในทิศทางใด....
Tags: หนี้สิน

ตอน: บทที่ 5

อรุณสวัสดิ์เช้าวันอังคารค่ะ วันนี้มาแต่เช้า เพราะมีภารกิจนอกสถานที่กลัวว่าจะไม่มีเวลามาอัพ หรืออีกนัยกลัวลืมค่ะ ^^

บทที่ 5

ร่างผอมบางเปิดประตูบ้านออกมาพบใครคนหนึ่งนอนอยู่หน้าระเบียง จึงนั่งคุกเข่าลงข้างร่างของนายภูมิของใครหลายคน ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ยังไม่มีโอกาสได้สังเกตหนุ่มคนนี้ชัดๆ เลย ดวงตาที่ปิดสนิททาบด้วยขนตายาวยังกับขนตาผู้หญิง คิ้วเข้มพาดเฉียงอยู่เหนือดวงตาคู่คม ผิวคล้ำเพราะแดดมากกว่าสีผิวจริง จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากได้รูป มีไรหนวดเคราขึ้นเล็กน้อย ร่างสูงใหญ่ กล้ามเป็นมัดๆ สมชายชาตรี ถ้าไม่ได้พูดคุยกันก็คงคิดว่าเขาเป็นคนดุ น่ากลัว แต่เมื่อได้รู้จักกันก็พบว่าเขาเป็นผู้ชายที่อบอุ่น เป็นผู้ใหญ่สมอายุ และใจดีกับทุกคน เธอทำงานที่นี่แค่เดือนเดียว ยังได้ยินใครๆ พูดถึง ‘นาย’ ด้วยความรักและนับถือทั้งนั้น

“พี่ภูมิคะ” มือนิ่มจับแขนแข็งเขย่า ส่งผลให้คนที่ระวังตัวตลอดเวลาอย่างภูมิรพี คว้าแขนคนที่ถูกตัวเขา พร้อมกับกดเจ้าของมือลงกับพื้น แล้วพลิกตัวเองขึ้นมาคร่อมร่างนั้นเอาไว้ตามสัญาชาตญาณที่ถูกฝึกฝน

“โอ๊ย! พี่ภูมิจะทำอะไรพายคะ” คนถูกจู่โจมร้องถามอย่างเสียขวัญ

“ทีหลังอย่ามาถูกตัวพี่ตอนหลับนะ คราวหน้าอาจจะเจ็บตัวกว่านี้” ‘นาย’ สั่งเสียงเข้ม เมื่อรู้ตัวคนร้าย

“ใครจะไปรู้ล่ะคะ แล้วปล่อยพายได้หรือยัง” คนร้ายชั่วคราวค้อนขวับ ส่วนคนร่างสูงยิ้มน้อยๆ ก่อนที่จะปล่อยอีกฝ่ายเป็นอิสระ

“มานอนที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่คะ”

“ก็เมื่อวานพี่บอกแล้วไม่ใช่หรือว่าจะมานอนเป็นเพื่อน”

“แล้วทำไมไม่เรียกให้พายเปิดประตูคะ” เจ้าของบ้านถามอย่างสงสัย

“เมื่อวานใครบอกพี่ครับว่า ไม่ว่าใครมาเรียกก็จะไม่เปิดประตู” พิจิกาถึงกับอมยิ้มกับคำกล่าวที่ถูกย้อน

“ไปนอนข้างในดีกว่าค่ะ ยังเช้าอยู่เลย” หญิงสาวฉุดคนตัวโตให้ลุกขึ้นเดินตามเข้าไป

ภูมิรพีมองตามเจ้าของร่างที่เสียสละที่นอนให้กับตน ส่วนตัวเองก็ไปทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำที่อยู่ด้านนอก ทำให้เขามีเวลาคิดทบทวนความรู้สึกบางอย่างที่ก่อเกิดขึ้นในใจ ผู้หญิงหน้าตาธรรมดาคนนี้มีอะไรให้สะดุดใจอย่างนั้นหรือ ชายหนุ่มคิดหาเหตุผลวนไปวนมาจนกระทั่งหลับไปในที่สุด

“พี่ภูมิคะ ตื่นได้แล้ว แปดโมงแล้วค่ะ” พิจิกายืนเรียกในระยะห่างพอสมควร เพราะเมื่อเช้าเขาทำให้หัวใจเธอเต้นจนแทบจะหลุดออกมาจากตัว แต่คนนอนอยู่ก็ยังหลับสนิท หญิงสาวได้แต่หันซ้ายหันขวาไม่รู้จะทำยังไงดี แล้วก็เหลือบไปเห็นไม้แขวนเสื้อที่หน้าตู้ จึงหยิบมันมาเขี่ยแขนชายหนุ่มแทน “พี่ภูมิคะ” คราวนี้ได้ผล คนขี้เซายอมลืมตาขึ้นมอง เมื่อเห็นวิธีปลุกของคนที่ยืนอยู่ก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้

“ไม่มีวิธีอื่นแล้วหรือพาย” ภูมิรพีลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียง

“ก็พี่ภูมิบอกพายว่าไม่ให้ถูกตัวพี่ภูมิ พายเรียกพี่ภูมิตั้งหลายครั้งแล้ว พี่ภูมิก็ไม่รู้สึกตัวสักที” คนปลุกแก้ตัวอย่างอายๆ

“หึหึ มานี่หน่อยครับ” เขาตบลงที่ข้างตัว หญิงสาวลังเลอยู่สักพักก็ตัดสินใจนั่งลง

“มีอะไรหรือคะ”

“กลับไปอยู่ที่เรือนเล็กนะครับ พี่จะได้ไม่ต้องเป็นห่วง” ชายหนุ่มคว้ามือเธอมาตบเบาๆ อย่างให้กำลังใจ

“พายอยู่ที่นี่ดีแล้วค่ะพี่ภูมิ”

“ไม่ว่ายังไงก็จะไม่กลับใช่ไหมครับ” พิจิกาพยักหน้ารับ “ถ้างั้นรับปากพี่ได้ไหมว่าจะไม่คิดถึงเรื่องราวในอดีตอีก จะไม่ทำร้ายตัวเองอีก ต่อไปพายจะอยู่กับปัจจุบัน จะทำทุกอย่างเพื่ออนาคตของตัวเอง”

“พายจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ พายจะเป็นนางสาวพิจิกา จิระกาลนนท์ คนใหม่ คนที่เข้มแข็ง ไม่ยอมแพ้ให้กับโชคชะตาอีก แค่นี้พอไหมคะ” คนให้คำมั่นส่งยิ้มให้คนที่นั่งพิงหัวเตียงอยู่

“พายเข็ดเรื่องความรักด้วยหรือเปล่า” หญิงสาวก้มหน้าหลบตา

“ไม่รู้เหมือนกันค่ะ พายไม่ใช่คนสวย อายุก็ป่านนี้แล้ว ใครจะมารับเลี้ยง ทรัพย์สินเงินทองก็ไม่มี เอาตัวเองยังไม่รอดเลย จะไปดูแลใครก็คงไม่ได้หรอกค่ะพี่ภูมิ” พิจิการู้สึกท้อกับโชคชะตานัก

“แล้วถ้าเป็นคนที่เขาพร้อมที่จะดูแลพาย โดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ ทั้งสิ้น นอกจากความรักและความเข้าใจจากพายล่ะ พายจะยอมเสี่ยงอีกครั้งหรือเปล่า” ภูมิรพีลองถามหยั่งเชิง

“จะมีหรือคะพี่ภูมิ คนสมัยนี้ ถ้าไม่เงินต่อเงิน ก็ต้องเป็นประเภทที่ต่างคนต่างพอจะช่วยเหลือตัวเองได้ทั้งนั้น ถ้าคิดจะไปเกาะใครคนใดคนหนึ่งก็คงเป็นไปได้ยากค่ะ” คนเคยผิดหวังค้านหัวชนฝา

“ถ้างั้นเราก็ต้องรอพิสูจน์กันว่าคำพูดของพี่จะเป็นจริงหรือเปล่า แต่ตอนนี้หิวจังเลย” ภูมิรพีลูบท้องตัวเอง ฝ่ายหญิงก็หัวเราะคิก
“พี่ภูมิไปจัดการกับตัวเองก่อนดีกว่าค่ะ พายเตรียมแปรงสีฟันอันใหม่ให้แล้ว จะอาบน้ำด้วยก็ได้นะคะ แต่ที่ไม่ได้เตรียมไว้ก็คือของกินค่ะ ในบ้านไม่มีของกินอะไรเลย”

“ถ้างั้นวันนี้พี่พาพายไปซื้อของในตัวเมืองดีไหม แต่มื้อเช้าคงต้องไปฝากท้องที่โรงอาหารก่อน” คนอยากได้ของใช้เพิ่มเติมก็รีบตอบตกลงทันที


สองหนุ่มสาวเดินอยู่ในแผนกเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ห้างแห่งหนึ่ง ภูมิรพีเดินไปดูตู้เย็นขนาดกลางและตรวจดูคุณสมบัติเบื้องต้นของมันเพื่อเปรียบเทียบราคากับความคุ้มค่า คนที่เดินตามมาติดๆ ก็ถามด้วยความสงสัย เพราะเห็นอีกฝ่ายเปิดนั่นดูนี่ แถมอ่านรายละเอียดที่แปะอยู่บนตัวเครื่องอยู่นานสองนาน

“พี่ภูมิทำอะไรคะ”

“ดูตู้เย็นไงหรือพายเห็นเป็นเครื่องซักผ้า” ได้คำตอบแบบยียวนหญิงสาวเลยค้อนใส่

“ก็รู้ค่ะว่าตู้เย็น จะดูไปทำไมคะ ที่เรือนก็มีแล้วไม่ใช่หรือ”

“จะซื้อไปไว้ที่บ้านของพายไง ตู้เย็นกับไมโครเวฟก็พอนะ หรือจะเอาเครื่องซักผ้าด้วย” คนมีเงินขอความเห็นจากเจ้าของบ้าน

“ไม่เอาค่ะ ไม่เอาสักอย่างด้วย”

“ไม่เอาไม่ได้ ไม่เอาแล้วจะเอาของสดไปเก็บไว้ที่ไหน ที่ซื้อให้นี่เพราะคิดว่าต้องใช้ ต่อไปพายไม่ได้ใช้คนอื่นเขาก็จะได้ใช้ต่อ เข้าใจหรือเปล่า” ครานี้คนเป็นนายไม่ยอมอ่อนข้อให้

“ถ้างั้นเอาแค่ตู้เย็นกับไมโครเวฟค่ะ” คนที่ต้องใช้จึงตัดสินใจรับของเท่าที่จำเป็น แต่คนอยากซื้อก็ยังไม่วายเสนอของใช้เพิ่มอีก

“ลืมนี่ด้วย กาน้ำร้อนไฟฟ้า”

“จะซื้ออะไรก็ตามใจนายเถอะค่ะ ค้านไปก็เท่านั้น” ภูมิรพีอดไม่ได้ที่จะโยกหัวเธอเล่น เมื่อสำรวจของที่ต้องซื้อแล้ว ก็ไปสั่งพนักงานขายให้นำไปส่งที่รถ หลังจากนั้นสองหนุ่มสาวก็เดินไปดูที่แผนกอื่นต่อ ระหว่างทางที่จะเดินไปก็มีคนเดินเข้ามาทักเจ้าของสวนส้มที่ใหญ่ที่สุดของจังหวัด

“สวัสดีค่ะคุณภูมิ”

“สวัสดีครับคุณหญิง มาซื้อของหรือครับ” ภูมิรพีทักทายภรรยาของท่านผู้พิพากษาหัสดิน

“มาเดินดูของนิดหน่อยค่ะ แม่นายเป็นยังไงบ้างสบายดีหรือเปล่า ช่วงนี้ไม่ออกงานเลยนะ”

“สบายดีครับ ช่วงนี้แม่นายอยากพัก เลยกลับไปคุมความประพฤติของผมที่พนารักษ์ครับ” ชายหนุ่มตอบกระเซ้าอีกฝ่ายอย่างสนิทสนม

“คุณภูมิก็ไม่ยอมสละโสดสักทีนี่คะ แม่นายจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงแบบนี้”

“คงยังไม่ถึงเวลาครับคุณหญิง” คุณหญิงกรองทองใช้สายตามองไปยังหญิงสาว ราวกับต้องการถามอีกฝ่ายว่า แล้วคนนี้ล่ะคือใคร

“พายครับ นี่คุณหญิงกรองทอง ภรรยาท่านผู้พิพากษาหัสดินครับ ส่วนนี่พิจิกาผู้ช่วยของผมเองครับ” เหมือนจะรู้ทางกันอยู่ ภูมิรพีจึงรีบแนะนำให้คนอ่อนกว่ารู้จักกับผู้ใหญ่ก่อน

“นึกว่าคุณภูมิจะพาใครมาประกาศตัวซะแล้ว”

“ยังหรอกครับ ถ้ายังไงผมขอตัวก่อนนะครับ พอดีว่ายังต้องซื้อของอีกหลายอย่างครับ”

“เชิญตามสบายค่ะ ยังไงฝากความระลึกถึงแม่นายด้วยนะคะ”

“ได้ครับ”


ผู้เป็นนายและผู้ช่วยสาวกลับมาถึงสวนส้มพนารักษ์ในเวลาบ่ายแก่ๆ โดยมีไอ้จืดมาช่วยขนของขึ้นบ้านให้สาวเจ้าด้วย เพราะคนเป็นนายต้องการจัดการทุกอย่างให้พร้อมใช้งานในวันนี้

“เมื่อเช้าพี่เอาจักรยานมาจอดไว้หน้าเรือนแล้วนะ มาไม่เจอใครที่แท้ไปกับนายนี่เอง” จืดบอกกับเจ้าของบ้าน

“ขอบคุณค่ะพี่จืด” หญิงสาวคนเดียวในกลุ่มยื่นมือไปรับกุญแจสายยูที่คล้องล้อจักรยานจากนายจืด

“นายไปเที่ยวกันไม่ชวนไอ้จืดบ้างเลยนะ” จืดหันไปหยอกเย้าผู้เป็นนายอย่างไม่เกรงบารมี

“น้อยๆ หน่อย ข้าเห็นเอ็งไปโน่นมานี่ตลอด ไม่เคยเห็นอยู่สวนสักวัน ยังมีหน้ามาพูดมากอีกนะ”

“โห! นายก็ นานๆ ไอ้จืดจะได้หยุดติดกันหลายวันสักที จะอยู่ในสวนให้เหี่ยวแห้งทำไม ไม่เหมือนนายหรอก วันๆ อยู่แต่กับส้ม ระวังจะได้แต่งงานกับส้มสักวัน” จืดโวยวายหน้าเป็น ตบท้ายด้วยคำกระเซ้าเล็กๆ

“ก็ไอ้ที่ข้าทำอยู่ มันไม่ได้ทำให้เอ็งมีกินมีใช้อยู่ทุกวันนี้หรือยังไง ขืนข้ามีลูกน้องอย่างเอ็งสักสองสามคน มีหวังสวนข้าเจ๊งกันพอดี” คนเป็นนายก็อดแขวะคืนไม่ได้

“จืดไม่เคยขาดงานสักวัน นายพูดซะเสียหมด ถ้าอย่างไอ้จืดขี้เกียจ คนอื่นก็ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรแล้ว”

“คนอื่นเขาก็เรียกว่าขยันยังไงล่ะ” ภูมิรพีตอกกลับซะคนสนิทแทบหงายท้อง

“โห! นายเปิดโอกาสให้ไม่ได้เลยนะ” ส่วนหญิงสาวคนเดียวได้แต่หัวเราะคิก

“พายเอาของแช่ในตู้เย็นเลยนะ ไอ้จืดแกเอาไมโครเวฟไปวางไว้ตรงนั้นหน่อยสิ มัวแต่พูดมากอยู่นั่นแหละ แล้วเมื่อไหร่จะเสร็จ” ไม่ว่าเรื่องอะไร ‘นาย’ ก็มักจะเจ้ากี้เจ้าการเสมอ ทั้งๆ ที่ไม่ใช่เรื่องของตัวเอง จืดได้แต่คิด เพราะถ้าพูดออกไปมีหวัง...

“ครับเจ้านาย นายเดี๋ยวแวะไปที่โรงเรือนหน่อยสิครับ”

“มีอะไรหรือ”

“พี่คำแปงบอกมีปัญหาเรื่องลูกค้าแย่งของกันครับ ไม่รู้จะขายให้ใครดี”

“ขนาดนั้นเลยหรือคะพี่จืด” พิจิกาถามอย่างไม่อยากเชื่อ

“ของเราได้มาตรฐานนะ ปีนี้ลูกโตมาก แล้วลูกไหนไม่สวย นายไม่ให้ออกจากสวนหรอก แต่ก็ดีเหมือนกัน เพราะพวกเราจะได้มีโอกาสกินสตอว์เบอร์รี่แสนอร่อยกันฟรี ถ้าไปซื้อกินเองเงินคงหมดกระเป๋า กิโลหนึ่งตั้งหลายร้อย”

“ก็จริงนะคะพี่จืด พายเคยซื้อทานไม่กี่ลูกเองตั้งหลายสิบ” พิจิกาได้ทีบ่นอุบ

“งั้นเดี๋ยวก็ไปด้วยกัน แล้วพี่จะให้กินจนเบื่อไปข้างหนึ่งเลย”


ในที่สุดภูมิรพีก็แก้ปัญหาโดยให้ไปตามอัตราส่วนที่ทุกเจ้าได้รับในปีก่อน และรับปากว่าจะพิจารณาเรื่องขยายการผลิตเพิ่มขึ้น ในส่วนของโรงเรือนสตอว์เบอร์รี่จะถูกแยกเด็ดขาดจากส่วนของสวนส้ม ที่นี่พี่คำแปงจะเป็นคนรับผิดชอบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการปลูก จัดหาตลาด และรวบรวมรายได้ส่งให้กับนาย ซึ่งในส่วนนี้ภูมิรพีก็ไม่ได้นำไปไหน นอกจากนำมาจัดเป็นสวัสดิการให้กับคนงานนั่นเอง ทำให้เขาไม่อยากขยายฐานการผลิตให้มันมากไปกว่านี้ ที่มาของการปลูกสตอว์เบอร์รี่ในสวนส้ม ก็เพราะเป็นของโปรดของมารดา บิดาจึงจัดการปลูกไว้ให้กับภรรยาสุดที่รักและแจกไปยังคนรู้จัก จนกระทั่งบิดาเสีย เขาจึงเข้ามาจัดการในส่วนนี้ให้เกิดเป็นรายได้

“เย็นนี้ไปกินข้าวที่เรือนใหญ่กันนะพาย”

“คะ...ว่าไงนะคะ” คนถูกชวนถามย้ำเพื่อความแน่ใจ

“พี่บอกว่าไปกินข้าวที่เรือนใหญ่กัน” คนชวนก็ย้ำด้วยประโยคเดิมเช่นกัน

“ไม่ไปได้ไหมคะ พายไปทานที่โรงอาหารกับพี่จืดดีกว่าค่ะ” พิจิกาถามเชิงปฏิเสธหน้าแหย

“กลัวอะไร”

“ไม่ได้กลัวค่ะ แต่ว่า”

“แม่นายไม่ทำอะไรพายหรอก หรือว่าไม่พอใจที่ท่านทำให้พายต้องย้ายไปอยู่ที่เรือนรพี”

“ไม่ใช่ค่ะ พี่ภูมิพาพายไปแบบนั้นไม่กลัวแม่นายไม่พอใจหรือคะ”

“แล้วพายทำอะไรให้แม่นายไม่พอใจหรือเปล่าล่ะ” พิจิกาตอบไม่ถูก ก็เธอไม่รู้ว่าไปทำอะไรให้แม่นายไม่พอใจหรือเปล่า แล้วการที่แม่นายมาพูดแบบนั้น เพราะไม่อยากให้เธอยุ่งกับลูกชายของท่านหรือเปล่า

“ไม่มีอะไรหรอกน่า ไปเถอะ เย็นมากแล้ว เดี๋ยวแม่นายรอนาน ทีนี้จะได้ไม่พอใจคนมาช้าอย่างเราสองคนแน่ๆ เลย” ภูมิรพีใช้เวลาไม่นานรถก็มาเทียบจอดที่เรือนเพียงฟ้า

พิจิกาหิ้วตะกร้าสตอว์เบอร์รี่ยืนนิ่งอยู่ข้างรถ ไม่ยอมก้าวเดินตามชายหนุ่มขึ้นเรือนใหญ่ ทำให้ลูกชายเจ้าของเรือนหันกลับไปมอง และยิ้มด้วยความเอ็นดู

“พาย ทำไมไม่ขึ้นเรือนล่ะ ให้ผู้ใหญ่รอไม่ดีนะ มาเร็ว”

“กลับตอนนี้ทันไหมคะ” หญิงสาวถามหน้าแหยๆ

“ไม่ทันแล้ว” ภูมิรพีคว้าข้อมือเธอจูงขึ้นเรือนหน้าตาเฉย

“สวัสดีค่ะแม่นาย สวัสดีค่ะ” พิจิกาทำความเคารพมารดาของนายและหญิงอาวุโสอีกคน ก่อนวางตะกร้าสตอว์เบอร์รี่ลงบนโต๊ะรับแขก แล้วนั่งพับเพียบลงกับพื้น ในขณะที่ชายหนุ่มเดินไปนั่งลงข้างมารดา

“อ้าว! ทำไมไปนั่งกับพื้นอย่างนั้นล่ะพาย”

“นั่งนี่ดีแล้วค่ะนาย” ภูมิรพีได้แต่ส่ายหน้าให้กับการกระทำของฝ่ายหญิง

“วันนี้ผมไปที่โรงเรือนมาครับแม่ เอาของโปรดมาฝากแม่ด้วย”

“ฝากแต่แม่นายหรือคะคุณภูมิ” ป้านุ้ยแสร้งถาม

“แหมก็ฝากป้านุ้ยด้วยครับ ทั้งเรือนมีแค่สองสาว แล้วผมจะลำเอียงได้ยังไงครับ”

“แล้วทำไมคุณภูมิไม่หาใครมาอยู่เป็นเพื่อนแม่นายอีกสักคนล่ะคะ จะได้อยู่เป็นเพื่อนคุณภูมิด้วย”

“เปิดช่องไม่ได้เลยนะครับ ทั้งแม่นายทั้งคนสนิทแม่นาย แม่ครับวันนี้ผมชวนพายมาทานข้าวเย็นด้วยกัน คุณแม่ไม่ว่าอะไรนะครับ”

“แม่จะว่าอะไรได้ ในเมื่อแกพาเขามาถึงที่แล้วนี่” พิจิกาได้ยินคำพูดนั้นถึงกับสะอึก

“พายขอโทษแม่นายด้วยนะคะที่มารบกวนโดยไม่บอกกล่าวก่อน พายลากลับเรือนก่อนดีกว่าค่ะ แม่นายกับนายจะได้พักผ่อน พายกลับก่อนนะคะนาย” พิจิกาพูดจบก็ยกมือไหว้ลา แล้วคลานเข่าออกไปห่างพอสมควร แล้วลุกขึ้นเดินลงเรือนไป

“แม่พูดแรงไปหรือเปล่าครับ”

“หรือที่แม่พูดมันไม่จริง ในเมื่อแกมาพาถึงนี่แล้วจะให้แม่พูดว่ายังไงได้อีก” แม่นายเพียงฟ้าค้อนขวับ

“แต่แม่นายก็พูดแรงไปจริงๆ นะคะ ดูแม่หนูนั่นสิคะหน้าเสียไปเลย เป็นอิฉัน อิฉันก็ไม่กล้าอยู่สู้หน้าต่อหรอกค่ะ” คนสนิทแม่นายออกอาการติงเล็กน้อย

“สรุปว่าฉันเป็นคนใจดำงั้นสิ”

“โธ่! ไม่มีใครว่าแม่นายแบบนั้นหรอกครับ แค่พายเขาไม่รู้ว่าแม่นายเป็นคนปากร้ายแต่ใจดีเท่านั้นเอง” คนเป็นลูกโอบกอดไปที่เอวหนาพร้อมเสียงหัวเราะเบาๆ

“ย่ะ! ใครจะดีเท่ากับนายของพนารักษ์ไม่มีอีกแล้ว” คนเป็นแม่อดหมั่นไส้ลูกไม่ได้

“คุณภูมิรีบตามไปดูแม่หนูนั่นเถอะค่ะ ไม่รู้เดินไปถึงไหนแล้ว” ป้านุ้ยเป็นคนห้ามศึกระหว่างแม่ลูก ทั้งยังเป็นห่วงแขกไม่ได้รับเชิญอีกคน ภูมิรพีจึงขออนุญาตมารดาก่อนจะลงจากเรือนไป


ทางด้านของพิจิกาก็โชคดีที่ระหว่างเดินกลับเรือนนั้นได้พบกับกรีณาเพื่อนบ้านข้างเคียง จึงอาศัยติดรถกลับมาด้วย แม้จะรู้สึกว่าตนเสียมารยาทที่กลับออกมาแบบนั้น แต่จะให้ทนอยู่ในสภาพที่เจ้าของบ้านไม่ต้อนรับเธอก็ทำไม่ได้ ในขณะที่กำลังจะขึ้นเรือน แสงไฟจากหน้ารถคันหนึ่งก็ส่องเข้ามา ทำให้ต้องหันกลับไปมอง ก็พบว่าเป็นคนสนิทของนายที่ได้รับคำสั่งให้มาตามหาเธอ เพราะติดต่อผ่านมือถือก็ไม่มีคนรับสาย ทำให้เจ้าของเครื่องมือสื่อสารไร้สายเพิ่งรู้ตัวว่าได้ทำมือถือหล่นหาย ไม่แน่ใจว่าหล่นอยู่ในรถของผู้เป็นนายหรือเปล่า ส่วนคนเป็นนายนั้นก็กำลังตามตัวเธออยู่ด้วยเช่นเดียวกัน เพราะคาดไม่ถึงว่าจะมีสารถีข้างทางรับเธอกลับมาด้วย หญิงสาวจึงฝากจืดไปแจ้งกับนายว่าเธอถึงเรือนเรียบร้อยแล้ว และต้องขอโทษที่สร้างความลำบากใจให้กับผู้เป็นนาย

เมื่อจืดกลับไปแล้วก็ถึงเวลาทำอาหารง่ายๆ กิน เพื่อยุติความหิวโหยที่เกิดขึ้น และในเวลาค่ำคืนแบบนี้ก็คงไม่มีอะไรดีไปกว่าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปผัดไข่ใส่หมูและผัก พิจิกาถืออาหารจานด่วนของตัวเองออกมานั่งที่ระเบียงบ้าน กินอาหารจานเด็ดสำหรับคืนนี้อย่างเงียบๆ เหงาๆ ต่อไปคงทำตัวสนิทสนมกับนายไม่ได้แล้ว แม่นายจะไม่สบายใจ อีกอย่างทั้งสองคนก็มีบุญคุณกับเธอมาก
หลังจากท้องอิ่ม คนผลัดถิ่นก็นั่งมองดาวนับล้านดวงบนท้องฟ้า ในใจก็คิดว่าจะมีที่ตรงไหนบนนั้นเป็นที่ของดวงดาวดวงเล็กๆ อย่างเธอหรือเปล่านะ อากาศเริ่มเย็นลงเรื่อยๆ จนต้องนั่งชันเข่าขึ้นมากอดเอาไว้ หนาวกายยังไม่เท่ากับหนาวใจ ความเย็นยะเยือกแล่นเข้าสู่หัวใจของหญิงสาว ‘ตัวคนเดียว’ ตอนนี้เธอตัวคนเดียวจริงๆ ครอบครัวก็ไม่มีโอกาสได้อยู่ด้วยกัน เพราะเธอต้องจัดการเคลียร์หนี้สินให้เรียบร้อยก่อนถึงจะกล้ากลับไปสู้หน้าพ่อกับแม่ได้ ‘คิดถึง’ เธอรู้สึกคิดถึงท่านทั้งสองเหลือเกิน เธอมันลูกอกตัญญู แทนที่จะอยู่ดูแลท่าน แทนที่จะทำงานหาเงินมาเลี้ยงดูท่าน กลับต้องมาหาเงินเพื่อใช้หนี้ให้กับคนอื่น



หนึ่งจันทร์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 29 เม.ย. 2557, 06:58:51 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 29 เม.ย. 2557, 06:58:51 น.

จำนวนการเข้าชม : 1387





<< บทที่ 4   บทที่ 6 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account