Sweetheart รักละมุนอุ่นหัวใจ
เมื่อความรักเป็นเรื่องไม่เข้าใครออกใคร เมื่อเจอแล้วต้องจับไว้ให้แน่น เช่นเดียวกับ 'อัษฎางค์' ที่ไม่ปล่อยให้ 'รดา' ต้องหลุดมือไป ทว่าคนที่ผิดหวังกับความรักอย่าง 'รดา' จะมั่นใจหนุ่มเจ้าสำราญอย่างเขาได้อย่างไร ความรักครั้งนี้เหมือนจะเป็นเรื่องของคนสองคน แต่ยังมี 'มิรันตี' ถูกดึงมาร่วมเกมรักอย่างเลิี่ยงไม่ได้ เรื่องราวชักจะอลหม่านแล้วสิ
Tags: Sweetheart รดา

ตอน: บทที่ 8 กลิ่นโรงพยาบาล

บทที่ 8

กลิ่นโรงพยาบาล

“โทรศัพท์น่ะพี่ธาม” รดาบอกเจ้าของโทรศัพท์ที่ไม่สนใจมันเลยสักนิด

“พี่ขับรถอยู่ถือไม่ถนัด” คำพูดของอัษฎางค์เหมือนจะบังคับว่าเธอต้องถือโทรศัพท์ให้ระหว่างเขาสนทนาธุระกับปลายสาย หากเป็นเวลาปกติเธอคงแว้ดเสียงแหลมกับเขาว่า ‘ใช้ Small Talk ก็ได้’ หากคนที่เพิ่งก่อคดีไปหมาดๆ รู้ว่าไม่ควรขัดใจชายหนุ่มเพราะจะทำให้เรื่องราวบานปลายอย่างสุภาษิตที่ว่า ‘ความวัวไม่ทันหาย ความควายเข้ามาแทรก’

รดาจึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องถือโทรศัพท์เอาใจแฟนหนุ่มป้ายแดง ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะมีความสุขที่แฟนสาวยอมตามใจ

“ว่าไงเจ้าตัวยุ่ง”

“...”

“อะไรนะ”

“...”

“อืม จะรีบไป”

“...”

“ฝากด้วย”

ไม่รู้ปลายสายเป็นใคร หากใบหน้าของอัษฎางค์เคร่งเครียดเล็กน้อย แววตาที่มองถนนนั้นฉายความกังวลจนรดานึกเป็นห่วงว่าจะเกิดเรื่องราวใหญ่โต

“มีอะไรหรือเปล่าคะ” รดาถามอย่างสงสัย

“พี่จะไปเชียงใหม่ มิไม่สบายเข้าโรงพยาบาล” คิ้วหนายังคงขมวดอย่างใช้ความคิดว่าผู้ชายที่โทรมาแจ้งข่าวเป็นใคร เกี่ยวข้องอะไรกับมิรันตี

“เป็นอะไรมากหรือเปล่าคะ”

อัษฎางค์ส่ายหน้าว่าไม่รู้ คำพูดจากปลายสายไม่ได้ช่วยให้เขาคลายความเป็นห่วงมิรันตีได้เลย ‘ผมเพิ่งพาส่งโรงพยาบาล คุณหมอยังไม่ออกมาเลย’

“รดาไปด้วยนะ” หญิงสาวซบท่อนแขนแล้วถูเชิงอ้อนให้เขาใจอ่อน

“ไม่ต้องขอก็ให้ไปอยู่แล้ว” อีกครั้งที่รดายิ้มหวานให้เขาอย่างเอาอกเอาใจ

“ทำไมพี่ธามใจดีอย่างนี้เนี่ย”

“เพราะนาทีนี้พี่คงปล่อยให้รดาอยู่ห่างไม่ได้สักนาทีเดียว”

แน่ล่ะว่าอัษฎางค์ไม่อาจปล่อยให้รดามีอาการแมวไม่อยู่หนูร่าเริงได้ ตอนนี้เขาทั้งรัก ทั้งหลงเธอ ถ้าคุณหญิงรดีสุดากลับมาเขาจะหมั้น ตีตราจองมัดจำหญิงสาวไว้ก่อน ไม่ให้หนุ่มคนไหนมาเกาะแกะเธอ

“ไม่ใช่ว่าคบกันสามเดือนแล้วเบื่อรดานะ อย่าคิดจะไล่รดาไปไกลๆ ก็แล้วกัน”

“ไม่มีทางหรอกจ้ะ สุดที่รักของพี่”

รดาเบือนหน้าไปนอกรถ แอบเบ้หน้ากับผู้ชายน้ำเน่าคนนี้ บทจะหวานก็หวานซะน้ำหวาน น้ำตาล น้ำเชื่อม เรียกพี่ ...แหวะ เลี่ยน

ถ้าอัษฎางค์เดินทางมาถึงเชียงใหม่เร็วราวกับลมพัดคงได้มีโอกาสได้ยินบทสนทนาของมิรันตี และผู้หวังดีในห้องพักผู้ป่วยพิเศษที่โรงพยาบาลเป็นแน่

“เพราะนายนั่นแหละที่ทำให้ฉันเป็นอย่างนี้” มิรันตีบ่นกระปอดกระแปดด้วยกลัวว่าท้องขาวๆ ของเธอจะเป็นแผลเป็น

“อ้าว โทษผมได้ยังไงนะคุณ” เรวัตเงยหน้าจากหนังสือพิมพ์มองมิรันตีที่ส่งสายตาโกรธๆ

“ก็นายโยนฉันแรงๆ เมื่อวานแหละ”

“อ้อ ผมเพิ่งรู้นะว่าคนถูกโยนแรงๆ น่ะจะเป็นไส้ติ่งอักเสบได้ด้วย” ชายหนุ่มส่ายหน้าอย่างอิดหนาระอาใจ

“มันเป็นแผลเป็น ไม่สวยนี่นา”

“ไม่เป็นไรหรอก ผมรับผิดชอบคุณตลอดชีวิตอยู่แล้ว”

มิรันตีสงบปากสงบคำ ไม่พูดอะไร เพราะยิ่งพูดไปจะเข้าตัวเองหมด เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเธอยังติดค้างอ่อยลายเซ็นบนทะเบียนสมรสนั่นเอง

“เออ ผมโทรหาพี่ธามอะไรของคุณน่ะ เดี๋ยวก็คงมา” เขาบอกอย่างเพิ่งนึกขึ้นได้

“จริงหรือ” มิรันตีทำตาโต ไม่อยากเชื่อว่าเขามีน้ำใจกับเธอแล้วทำหน้าดีใจสุดฤทธิ์จนชายหนุ่มหมั่นไส้ ถามเสียงเขียว

“มัน-เป็น-ใคร”

“หืม” คิ้วเรียวของมิรันตีขมวดเมื่อน้ำเสียงของเรวัตช่างละม้ายคล้ายคลึงกับพวกเจ้าพ่อในหนังต่อสู้ที่อัษฎางค์ชอบดูบ่อยๆ

“ผมถามว่ามันเป็นใคร”

แรกทีเดียวมิรันตีไม่เข้าใจว่า ‘มัน’ ที่เรวัตพูดถึงเป็นใคร แต่เมื่อเห็นสายตาโกรธๆ ของชายหนุ่มจึงทราบได้ทันทีว่าเขาหมายถึงใคร มิรันตีได้ทีเอาคืนคนขี้ตู่ และเอาแต่ใจอย่างร้ายกาจ

“คนพิเศษ คนสำคัญ” มิรันตีพูดตามความจริง แม้จะเพียงครึ่งเดียวก็เถอะทำให้เรวัตตาเขียวปั้ด

“ลืมมันซะ ผมสั่งให้คุณลืมมันซะ แล้วเราค่อยมาเริ่มต้นกันใหม่”

“จริงเหรอ อืม...ถ้าจะให้ฉันลืมเขาต้องใช้เวลานะคุณ” มิรันตีแสร้งทำท่าใช้ความคิด

“นานเท่าไหร่ ผมก็จะรอ”

เรวัตพูดจบก็ปาหนังสือพิมพ์ลงพื้นแล้วเดินออกไปที่ระเบียงสงบสติอารมณ์ที่พุ่งกระฉูดจากการหึงหวงหญิงสาว ทิ้งให้มิรันตีมองตามขันๆ

“ฉันลืมเขาตั้งแต่ที่เจอคุณแล้ว” เธอรำพึงรำพันคนเดียว เธอยังไม่บอกให้เขารู้หรอกว่าเธอคิดว่าเขาคือ Love at first sight ของเธอ

เพลง Because you loved me ของป้า Celine Dion ครวญขึ้นทำให้ชายหนุ่มที่กินลมชมวิวหันมาทำหน้ายักษ์ใส่มิรันตี หญิงสาวยิ้มเจื่อนแต่ก็รับโทรศัพท์แต่โดยดี

เห็นทีคราวนี้เธอน่าจะใช้เพลง กลิ่นโรงพยาบาลของ Paradox จะเหมาะกว่า...ได้กลิ่นรางร้ายมาเยือนจริงๆ

“ค่ะ พี่ธาม”

เรวัตเปิดเรดาร์เต็มที่ คอยเงี่ยหูฟังว่ามิรันตีพูดอะไรกับไอ้ผู้ชายคนนั้นขณะที่ในใจคิดว่าเขาหาเธอจนพบแล้วจะไม่มีวันที่เขาปล่อยให้ใครฉกเธอไปหรอก

แค่ได้คุยโทรศัพท์ด้วยกันไม่กี่ประโยค เรวัตรู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายก็หวงมิรันตีอยู่เอาการ ยิ่งได้ยินเสียงเรียกเข้าที่แสดงถึงความรักที่มีต่อกัน หัวใจของเรวัตก็ร้อนรุ่มจนทนไม่ไหว อยากเห็นหน้าผู้ชายคนนั้นอยู่ครามครัน...มิรันตีสำคัญกับผู้ชายคนนั้นถึงขนาดที่เขาต้องมาหาถึงที่นี่



..

บางทีหัวใจของเธอ คงไม่มีที่ไว้ให้เขา

“ไม่เป็นไรค่ะ แค่ไส้ติ่งเอง” มิรันตีพูดเสียงหวาน

หึ ไม่เป็นไรค่ะ แค่ไส้ติ่งเอง ทีเขาชวนทะเลาะตลอด

“ไม่เป็นไรจริงๆ ค่ะ” หญิงสาวแกล้งดัดเสียงหวานเชื่อมเมื่อรู้อยู่หรอกว่าเรวัตฟังอยู่แต่ก็อยากแกล้งเขาให้หึงก็เท่านั้นเอง “ค่ะ เดี๋ยวเจอกันนะที่รัก”

ถ้าอัษฎางค์อยู่ที่นี่เขาคงได้เขกมะเหงกเธอ โทษฐานทำทะลึ่งตึงตังใส่พี่ใส่เชื้อ ...งานนี้งานเดียวนะพี่ธาม

เมื่ออะไรไม่ได้ดั่งใจ โทรไประบายอารมณ์กับเด็กป๋าดีกว่า เพราะตั้งแต่กลับมาเขายังไม่ได้ยินเสียงแจ๋นๆ ของน้องสาวสุดที่รักเลย

‘เลขหมายที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้’

เรวัตมองโทรศัพท์อย่างงงๆ ร้อยวันพันปี รดาไม่เคยปิดโทรศัพท์ บางคืนเขายังนึกฮึกโทรไปขัดขวางนิทรารมณ์ของหล่อน ทำเอาหูชาไปหลายวัน แต่ก็คุ้มค่าหายคิดถึง จากนั้นเรวัตก็โทรศัพท์สายตรงกลับไปที่บ้าน รอเพียงชั่วครู่ก็มีคนรับโทรศัพท์

“คุณหนูไม่อยู่ค่ะคุณเร คุณหญิงให้ลูกชายเพื่อนมารับไปอยู่ด้วย” เรวัตขมวดคิ้ว

เอ๋ หมายความว่าน้องสาวเขาไปนอนค้างอ้างแรมกับผู้ชายที่ไหนล่ะหนอ แล้วมารดาเขานึกอะไรอยู่ถึงให้น้องสาวเขาไปอยู่กับผู้ชายสองต่อสอง ต่อมหวงน้องสาวทำงานได้ดีเกินคาด ครั้งก่อนที่น้องสาวเขาคบกับสมาร์ทเขายังภาวนาให้เลิกกันเร็วๆ ครั้งนี้ก็เหมือนกัน ไม่ว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใครก็ตาม เขาก็จะลบมันออกจากหัวใจน้องเขาให้จงได้

“ใคร” เขาก็ถามไปอย่างนั้นแหละ เรียกว่าถามตามมารยาท

“ชื่อธาร หรือธามนี่แหละค่ะ ฟังไม่ค่อยถนัด”

เออนั่น แล้วเขาจะติดต่อน้องรักได้อย่างไรหนอ แล้วแม่บ้าน คนเก่าคนแก่ก็เล่าเรื่องวีรกรรมที่สุดแสนจะปวดหัวของรดาให้ฟัง ก็สมควรแล้วล่ะที่รดาจะโดนดัดนิสัยอย่างนั้น

“คราวนี้ คุณหนูเจอคู่ปรับที่สมน้ำสมเนื้อแล้วล่ะคะ” เรวัตหัวเราะหึๆ กับคำพูดที่ว่า ‘หล่อ คมเอาการ’


/////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////


สามชั่วโมงหลังจากรายงานผล อัษฎางค์ และรดาก็เดินทางถึงเชียงใหม่โดยสวัสดิภาพ ชายหนุ่มจัดการติดต่อรถเช่าที่สนามบินแล้วรีบบึ่งมาดูอาการน้องรักทันที

สองเท้าที่จะก้าวเข้าห้องผู้ป่วยพิเศษชะงักเมื่อได้ยินเสียงทะเลาะของมิรันตีกับชายแปลกหน้าทำให้รดาชนกับหลังกว้างของอัษฎางค์อย่างจัง

“ฉันบอกแล้วไงว่าไม่กินผัก” มิรันตีว่าเสียงแข็งเมื่อเขาใส่ต้นหอมลงในโจ๊กของเธอ

“โทษทีนะทูนหัว เผอิญคุณบอกผมช้าไปนิดนึง” เรวัตจีบนิ้วบอกว่านิดนึงจริงๆ นั่นแหละ

“ไม่ต้องมาโทษทง โทษทีเลยนะ ฉันบอกนายตั้งแต่รู้ว่าเป็นข้าวต้มแล้ว นายแกล้งฉัน...นาย-แกล้ง-ฉัน”

“รู้ใจผมเชียวนะ” เรวัตยอมรับหน้าระรื่นว่าแกล้งเธอทำให้มิรันตีหมั่นไส้อยากปาช้อนใส่หน้าเขานัก “กินผักเยอะๆ ท้องจะได้ไม่ผูก”

“ฉันจะท้องผูกก็เรื่องของฉัน”

“โธ่ๆๆ ทำบุญบูชาโทษจริงๆ เลยเชียว” เรวัตร้องโอดโดยราวกับโดนทำร้ายให้ได้รับความเจ็บปวด

“นายนี่มัน...เหลือเชื่อจริงๆ เลย โอ๊ย กินก็ได้แค่ต้นหอม” มิรันตีเป็นฝ่ายทนไม่ได้เองที่เห็นแอ็คติ้งของชายหนุ่มที่โอเวอร์ยิ่งกว่าดาราตุ๊กตาทอง

ก็อกๆ

เสียงเคาะประตูทำให้สงครามต้นหอมสงบลง ชายหญิงที่เดินเข้ามาสร้างความประหลาดใจให้เรวัต
ยัยน้องสาวตัวดีรู้จักกับมิรันตีด้วยหรือเนี่ย

อัษฎางค์ตั้งตัวไม่ทันเมื่อจู่ๆ ว่าที่คู่หมั้นของตัวผวากอดผู้ชายที่อยู่ในห้องพักผู้ป่วยก่อนแล้ว แถมยังส่งเสียงกรี๊ดๆ อีกด้วย

“ป๋าขา รดาคิดถึงที่ซู้ด”

ว่าแล้วรดาก็หอมแก้มเรวัตหนึ่งฟอด สองฟอด และสามฟอด เรวัตเองก็ไม่น้อยหน้าอุ้มหญิงสาวหมุนไปรอบห้องทิ้งให้มิรันตีมองตามงงๆ

“ปล่อยมือจากผู้หญิงของฉันเดี๋ยวนี้”

แม้อัษฎางค์จะไม่เห็นหน้าไอ้ผู้ชายคนนั้นชัดเพราะรดาระดมหอมแก้ม ‘มัน’ จนเขาเวียนหัวไปหมดแต่เขาก็ไม่ยอมให้มันมาเกาะแกะรดาหรอก

อัษฎางค์กระชากคอเสื้อเรวัตอย่างโกรธๆ รดารีบห้ามก่อนจะมีมวยคู่เอกที่กำลังจะขึ้นสังเวียนในเร็วๆ นี้ (แถมไม่ชั่งน้ำหนักก่อนซะด้วย) สองหนุ่มประจันหน้ากัน ด้วยอารมณ์ร้อน

“นายนั่นแหละปล่อย โธ่ ป๋าขาเป็นไงบ้างเนี่ย” รดาผลักอัษฎางค์จนเซแล้วจัดคอเสื้อพี่ชายที่ยับยู่ยี่ให้เรียบร้อย

“โธ่เว้ย” ภาพตรงหน้ายิ่งทำให้อัษฎางค์หัวเสีย

ให้ตายเถอะ นี่เธอดุเขาเพื่อเข้าข้างไอ้แว่นนั่น แถมยังโอ๋มันอีก จำไว้เลย งอนแล้ว...ง้อด้วย

ไอ้แว่นนั่น เขาจำได้จนตายเลยล่ะ ความทรงจำในวัยเยาว์ที่เขาไม่มีวันลืม เห็นหน้าหล่อๆ ขาวๆ อย่างนี้ก็เถอะ

“ป๋าไม่เป็นไรนะคะ” รดาแล้วเอาจมูกรั้นชนจมูกโด่งของเรวัตแล้วส่งเสียงกรี๊ดๆ อีกรอบ

“อะแฮ่ม”

มิรันตีที่นอนเอ๋อบนเตียงส่งเสียงขึ้น หลังจากที่อึ้งกับภาพตรงหน้า ดีนะที่เธอไม่หลวมตัวจดทะเบียนสมรสกับเขา ...ไม่รู้ว่าเป็นทะเบียนซ้อนด้วยหรือเปล่า

“มานี่เลยรดา” อัษฎางค์คว้าแขนหญิงสาวให้ตามตนมา

เรวัตถลึงตามองคนที่บังอาจใช้ความรุนแรงกับน้องสาวของเขา

“ไม่เอา รดาจะอยู่กับป๋า” รดาส่งเสียงฮึดฮัดพยายามแกะมือหนาออก

“ไม่ได้” ชายหนุ่มบอกเสียงห้วน

ถ้าปกติรดาคงเกรงใจอัษฎางค์หัวหด แต่ตอนนี้หญิงสาวไม่มีอะไรต้องกลัวอะไรแล้วในเมื่อพี่ชายสุดที่รักอยู่ตรงนี้แล้ว...ไม่เห็นต้องกลัวเลยนี่นา

“มาอยู่กับมันได้ยังไง” เรวัตถามอย่างใคร่รู้

“เอ่อ พี่ธาม เป็นลูกชายเพื่อนคุณแม่”

เอ๋ งั้นก็คนนี้ที่ดัดหลังยัยรดาได้อยู่หมัด

“แล้วก็แฟนรดา”

อัษฎางค์ทำตัว ‘หมูเขาจะหามเอาคานเข้าไปสอด’ เต็มที่ ไม่ว่าเปล่า ชายหนุ่มยังโชว์เหนือชั้นหอมแก้มรดาเสียฟอดใหญ่ต่อหน้าต่อตาคนหวงน้องสาว

“หา รดาหนูไปเป็นแฟน ‘มัน’ เมื่อไหร่ ป๋าสั่งให้หนูเลิกกับมันเลยนะ” เรวัตเองก็ตกใจกับว่าที่น้องเขยที่น้องสาวเขาสรรหามาให้แต่ละคนนี่ชวนปวดหัวทั้งนั้น

“อย่ามีเรื่องกันเลยนะป๋าขา”

รดาจับนำ้เสียงของพี่ชายได้ก็เข้าใจว่าสองหนุ่มรู้จักกันมาก่อนแถมยังไม่ค่อยจะชอบขี้หน้ากันด้วย มือน้อยๆ กระตุกแขนเรวัตเบาๆ

“รดามากับป๋า...เรื่องของพี่น้องคลานตามกันมาจะคุยกัน คนอื่นไม่เกี่ยว” เรวัตหันไปบอกอัษฎางค์อย่างคนถือไพ่เหนือกว่าแล้วคว้าแขนรดาไปคุยกันที่ระเบียง

อัษฎางค์กระพริบตาปริบๆ ก่อนจะเรียบเรียงคำพูดของเรวัตก่อนสรุปกับตัวเองว่า ‘งานนี้เขาเจอของแข็งแล้ว’ แต่ก็เก็บเรื่องของเรวัตไว้ก่อนแล้วถามไถ่อาการของมิรันตีโดยมีสายตาจับผิดจากเรวัตเป็นระยะ

รดายืนงงกับคำสั่งของพี่ชายที่ว่า ‘อัษฎางค์เป็นบุคคลต้องห้าม’ เรวัตสั่งห้ามหญิงสาวเฉียดใกล้อัษฎางค์ในรัศมีสิบเมตร

“ไม่ได้นะคะ หนูกับเค้าเราคบกันอยู่”

“ไม่ได้ก็ต้องได้ หนูไม่รู้หรือไงว่ามันเป็นผู้ชายอันตราย ปากว่ามือถึง” เรวัตพยายามหาเหตุผลมาลบล้าง

“ก็รู้ค่ะ แต่เขาไม่ได้เลวร้ายเหมือนที่ป๋าว่าสักหน่อย” รดาพยายามแก้ตัวแทน แม้ว่าเขาจะมีนิสัยเสียๆ อย่างที่พี่ชายว่าแต่ส่วนดีเขาก็มี มันก็น่าจะหักลบกลบหนี้ได้

“นี่รดาไม่เชื่อป๋าแล้วหรือ” เรวัตตาโตมองน้องสาวที่อยู่ในโอวาทอย่างไม่เชื่อสายตา

“เปล่านะคะ ป๋าไม่มีเหตุผล ไม่รู้ล่ะยังไงรดาก็จะคบกับเขา”

“การกระทำของรดาทำให้พี่ผิดหวังมากที่สุด”

“แค่คบกันเอง ไม่มีอะไรเสียหายสักหน่อย”

“ไม่ใช่ว่าพี่ไม่ไว้ใจรดา พี่ไม่ไว้ใจ ‘มัน’ ” นำ้เสียงของเรวัตเต็มไปด้วยความชิงชังที่มีต่ออัษฎางค์

“ป๋าก็พูดเกินจริง พี่ธามไม่ได้เป็นคนอย่างนั้นสักหน่อย เขาให้เกียรติรดา แล้วก็เอาใจรดาเก่งมากๆ เลยค่ะ”

“อะไรกัน คบกับมันแค่ไม่นาน...ออกรับแทนมันแล้ว” เรวัตเอ่ยเสียงแผ่ว เห็นความพ่ายแพ้ไม่ไกล

“ความรักมันไม่ขึ้นอยู่กับเวลาหรอกค่ะ”

“รดายังเด็กจะรู้อะไร”

“รดาไม่ใช่เด็กแล้วนะคะ เรียนจบแล้ว...ว่าแค่รดา พี่ธามเองก็เหมือนกัน รดาเห็นนะว่าชอบคุณมิ”

“อย่านอกเรื่อง คุยเรื่องของเราให้รู้เรื่องก่อน” เรวัตรู้ทันน้องสาวที่พยายามออกนอกเรื่อง

“รดาไม่ได้นอกเรื่องสักหน่อย รดาเดาว่าป๋าต้องเจอคุณมิที่ปารีสแน่ๆ เลย รดารู้นะว่าคุณมิไปเที่ยวปารีสมา...แอร๊ย แอบมาคุณมิที่เชียงใหม่ด้วย ชอบเขามากล่ะสิ” รดาล้อเรวัตจนหน้าแดง

“เออๆๆ ชอบก็ได้ แต่พี่โตแล้ว แล้วก็สั่งห้ามรดาเลยนะว่าให้เลิกกับมันเสีย”

รดาอดโมโหพี่ชายไม่ได้ที่อ้างเหตุผลงี่เง่า ไม่สนใจความรู้สึกของเธอเลยสักนิด ครั้นจะให้โมโห ฟาดงวงฟาดงากับพี่ชายอย่างที่เคยทำกับอัษฎางค์ รดาก็ทำไม่ได้ เลือดย่อมข้นกว่านำ้

“โธ่ ป๋าขา เห็นใจรดาหน่อยสิคะ” รดาเอานำ้เย็นเข้าลูกกระพริบตาขอความเห็นใจจากพี่ชายก่อนจะนึกถึงตัวช่วยชั้นเยี่ยมได้ “คุณหญิงแม่ก็อนุญาตแล้วด้วย”

“อะไรนะ” เรวัตแทบหยุดหายใจเมื่อไพ่ใบสุดท้ายเปิดออก

“คุณหญิงแม่บอกว่ากลับมาจะจัดงานหมั้นให้รดากับพี่ธาม ถ้าป๋าไม่เห็นด้วยก็หาเหตุผลไปอ้างกับคุณหญิงแม่เองนะคะ” รดายอมเทหมดหน้าตักแล้วกลับไปหาอัษฎางค์ ทิ้งให้พี่ชายยืนโกรธหน้าดำหน้าแดง

“เพราะแกคนเดียว...ไอ้ธาม” เรวัตกัดฟันกรอดโทษอัษฎษงค์ที่ทำให้น้องสาวสุดที่เลิฟเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังเท้า แถมยังไปดึงคุณหญิงแม่เขาให้เชียร์ออกนอกหน้าอีก

เด็กชายเรวัต กับเด็กชายอัษฎางค์ ศัตรูตัวฉกาจสมัยไพ่ Dragon Ball!

เมื่อจัดการกับน้องสาวไม่ได้ เรวัตจึงได้แต่นับวันถอยหลังรอวันกลับมาของมารดา เห็นทีคราวนี้เขาต้องคุย ‘เรื่องนี้’ กับมารดาอย่างจริงจังเสียที

ไม่มีทางซะหรอกที่เขาจะนับญาติกับศัตรูคู่อริ ที่สำคัญเป็นตำแหน่งที่เขาหวงสุดๆ

“มิบอกแล้วว่าไม่เป็นไรพี่ธามก็ไม่เชื่อ” มิรันตียังคงทำตัวเป็นลูกแมวอ้อนเจ้าของกอดท่อนแขนน่าซบของอัษฎางค์

“แล้วมิรู้จักเขาได้ยังไง” ชายหนุ่มยังคงทำหน้ายุ่ง

คำถามนี้หน้าแดงทำเอาคนถูกถามปั้นหน้าไม่ถูกจะให้บอกว่าเธอกลายเป็นแม่สาวอารมณ์เปลี่ยวตอนไปฝรั่งเศสแล้วจับเขาเผด็จศึกคงมีหวังถูกคุณระรินทิพย์ตีหลังลาย แต่ก่อนจะถึงมือคุณระรินทิพย์คงถูกอัษฎางค์แปลงร่างเป็นช้างตกมันกระทืบตายคาที่เสียก่อน

“เรารู้จักกันตอนบังเอิญตอนที่มิอยู่ปารีสน่ะค่ะ”

“แล้วก็บังเอิญมาพบกันต่อที่เชียงใหม่” อัษฎางค์ถามอย่างไม่เชื่อนักทำให้มิรันตีหน้าแดงไปอีก

“แหม พี่ธามก็” หญิงสาวก้มหน้างุดแล้วซบหน้ากับท่อนแขนอย่างอายๆ

“ตอนนี้ล่ะ เป็นอะไรกัน” เสียงอ่อนโยนเหนือศีรษะทำให้มิรันตีเงยหน้าขึ้นมองผู้มีศักดิ์เป็นพี่ชายงงๆ

“ปล่อยแขนแฟนฉันนะโว้ย”

คราวนี้เป็นเรวัตที่เฉลยความข้องใจ เรวัตไม่รู้ตื้นลึกของทั้งคู่จึงหึงสะบัดไม่เลือกหน้า

“เฮ้ย อะไรวะ” อัษฎางค์โวยวายเมื่อถูกเรวัตลากให้ลุกขึ้น แถมยังทำตาขวางใส่อีก

“ก็แกมาทำรุ่มร่ามกับแฟนฉันทำไม”

“เฮ้ย ไม่ใช่นะพี่ธาม เขาไม่ใช่แฟนมิสักหน่อย”

คนที่นอนป่วยบนเตียงสะดุ้งเสียงหลง...ไม่ใช่แฟนแต่เป็นสามีต่างหาก มิรันตีอยากบอกอย่างนี้มากกว่าแต่กลัวว่าอัษฎางค์จะอาละวาดบ้านแตก

“ไม่ใช่แฟนแต่จะเป็นสามีภรรยากันในเร็วๆ นี้ ลืมแล้วหรือไงทูนหัว” เรวัตหันไปดุมิรันตี เว้นวรรคหายใจแล้วหันมาสั่งอัษฎางค์เสียงเฉียบขาด “แล้วฉันขอสั่งให้แกอย่าเข้าใกล้แฟนฉัน และน้องสาวฉันเป็นอันขาด เข้าใจ๋”

“ถ้าฉันทำตามคำสั่งแก ฉันก็กลัวแกน่ะสิ” อัษฎางค์ยักคิ้วยียวน

ถนัดนักแล ยั่วประสาทคนอื่น

“ไอ้ธาม! แก...”

“โอ๊ย รดาบอกแล้วไงคะว่าอย่ามีเรื่องกัน”

รดาที่นั่งไขว่ห้างมองเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดแหวไม่พอใจ รีบห้ามมวยคู่เอก เวลานี้เธอเบื่อนิสัยแย่ๆ ของผู้ชายทั้งสองจริงเชียว

“ป๋ามานี่เลย ส่วนพี่ธามเฝ้าคุณมิไป” หญิงสาวคว้าแขนเรวัตไว้พลางชี้นิ้วสั่งให้อัษฎางค์

“ไม่ได้นะ พี่ไม่ปล่อยให้ไอ้หมอนี่อยู่กับมิหรอก” เรวัตร้องเสียงหลงเพราะตอนนี้คะแนนความนิยมของเขายิ่งดิ่งลงเหว แม้ว่าไอ้ศัตรูตัวร้ายจะประกาศปาวๆ ว่าเป็นแฟนน้องสาวของเขาก็เถอะ

“งั้นพี่ธามมานี่ปล่อยให้ป๋าหวงก้างไป” หญิงสาวตบปุที่โซฟาข้างตัว

“นั่นยิ่งไม่ได้ใหญ่ ป๋าไม่ยอมให้มันนั่งใกล้หนูหรอก แล้วหนูอย่ามาหาว่าป๋าเป็นหมานะ เดี๋ยวเจอดี”

“แกจะทำอะไรแฟนฉัน”

คราวนี้เป็นฝ่ายอัษฎางค์ที่ร้อนตัววิ่งแจ้นไปขวางหน้าพี่ชายที่เตรียมเบิดกะโหลกน้องสาว

“แฟนแกก็น้องฉันนั่นแหละ และอีกอย่างฉันไม่ยอมรับแกเป็นน้องเขยด้วย”

“งั้นฉันก็ไม่รับแกเป็นน้องเขยฉันเหมือนกัน” อัษฎางค์ประกาศกร้าว

“หมายความว่าไง” คราวนี้เป็นเรวัตที่ทำหน้าฉงน มองศัตรูตัวร้ายที่บอกเขาอย่างถือดี

“ก็หมายความว่ามิรันตีเป็นน้องฉันน่ะสิ”

“แกอย่ามาโกหกฉันหน่อยเลยไอ้ธาม แกน่ะเป็นลูกโทน ไม่มีพี่ไม่มีน้อง” พี่ชายของรดายังจดจำประวัติส่วนตัวของอัษฎางค์ได้ขึ้นใจ จำได้แม้กระทั่งชื่อพ่อ ชื่อแม่!

“มิเป็นลูกพี่ลูกน้องกับฉัน เข้าใจไหมว่ามิรันตีมีศักดิ์เป็นน้องสาวฉัน ไอ้โง่!” อัษฎางค์เน้นคำสุดท้าย

“แต่ยังไงก็พี่น้องนอกไส้ ไม่เหมือนกับฉันกับรดาสักหน่อย ไอ้งั่ง!” เรวัตยังคงตอกกับอย่างเจ็บแสบ

“โอ๊ย รดาบอกให้พอ อยากกัดกันนักใช่ไหม ไปกัดกันข้างนอกโน่น รดาจะเฝ้าคุณมิเอง” เป็นสาวน้อยร่างอวบที่ทนไม่ไหว ชี้นิ้วไล่นักมวยมุมแดงและมุมน้ำเงินลงจากเวทีไปยังประตู

“ป๋าไม่ออกไปนะ / พี่ก็ไม่ไป” สองหนุ่มรีบปฏิเสธ

“ไม่รู้ล่ะ ถ้าจะอยู่ที่นี่กรุณารูดซิปปากด้วย” คำสั่งประกาศิตทำเอานักมวยทั้งสองแยกออกจากกันแทบไม่ทัน

อัษฎางค์เดินมานั่งแปะข้างๆ แฟนสาวโดยมีเรวัตมองตามเป็นระยะๆ นี่ถ้ามือน้อยๆ ของมิรันตีกระตุกไว้เขาคงลุกไปกระชากนายตัวร้ายลงไปกองกับพื้นแล้ว

จริงๆ แล้วมิรันตีกลัวว่าเรวัตจะถูกอัษฎางค์เตะโด่งออกมามากกว่าเพราะดูจากรูปร่างแล้วเรวัตจะไปทางบางกว่าพี่ชายเธอมากกว่า

“นี่ฉันจะจดทะเบียนสมรสกับคุณก็เพราะว่าคุณบังคับฉันหรอกนะ” มิรันตีกระซิบกระซาบให้ได้ยินกันสองคน

“ผมไม่ได้บังคับคุณ คุณเลือกเองต่างหาก”

“ก็นั่นแหละ คุณบังคับให้ฉันเลือก ฉันไม่ได้เต็มใจ รู้ไว้เลยนะว่าฉัน-ไม่-เต็ม-ใจ” หญิงสาวยังคงยืนยันคำเดิม

“ผมไม่สนใจ”

คำพูดเฉียบขาดของเรวัตทำให้มิรันตีอยากลุกขึ้นจระเข้ฟาดหางพ่อยอดชายสักป้าบ เธอไม่รู้เลยว่าภายใต้ความมั่นใจที่เขาแสดงออกนั้นมันไม่จริงเลย

กระดาษใบเดียวคงผูกมัดเธอไว้ไม่ได้


/////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////


“หา หมั้น!” เรวัตอุทานอย่างตกใจแล้วตามด้วยเสียงสำลักกาแฟ ผู้เป็นน้องสาวรีบส่งกระดาษทิชชูให้พร้อมกับน้ำเปล่า

นี่เขาให้น้องให้นุ่งแซงหน้าไปแล้วหรือเนี่ย แล้วอีกอย่างเขาก็ไม่ชอบใจนักกับว่าที่น้องเขยคนนี้

“ค่ะ ก็หมั้นไว้ก่อน” รดารอดูปฏิกิริยาของพี่ชาย

“แค่กๆ พี่ว่ามันเร็วไปนะ ที่สำคัญพี่ไม่ชอบขี้หน้ามัน” เรวัตดึงกระดาษทิชชูมาเช็ดปาก เมื่อบอกเสร็จก็คว้าขนมปังปิ้งเข้าปาก เคี้ยวตุ้ยๆ

“ก็ไม่รู้ล่ะ เขาจะหมั้นกับหนูไม่ได้หมั้นกับป๋าสักหน่อย”

“รดา!” เรวัตทนไม่ไหว...นี่น้องสาวเขากลายเป็นเด็กนิสัยเสีย ชอบต่อปากต่อคำไปตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย หรือว่าตั้งแต่คบกับไอ้ผู้ชายนิสัยเสียคนนั้น

“หนูไม่กวนป๋าแล้วค่ะ ไปดีกว่า” เมื่อเห็นอาการน้ำลายฟูมปากของพี่ชาย ผู้เป็นน้องสาวชักลน รดาก้มลงจุ๊บที่เคราสากๆ ของเรวัตแล้วเดินออกจากห้องอาหาร

“ฮึ่มป๋านะป๋า ช่วยน้องหน่อยก็ไม่ได้” เธอบ่นมาตลอดทาง

ตั้งแต่เรวัตกลับมา เขาเฝ้าเธอไม่ให้คลาดสายตา ไม่มีเวลาที่เธอจะไปสวีตจ๋ากับหวานใจ เมื่อวานเขาก็ลากเธอมาเช็กอินที่โรงแรม

เมื่อเดินผ่านล็อบบี้ของโรงแรม หญิงสาวที่จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวก็ชนกับร่างสูงใหญ่เข้าเต็มๆ ทำเอาฝ่ายนั้นคว้าเธอไว้แทบไม่ทัน

“เป็นอะไรมากไหมครับ” เสียงสุภาพดังข้างหู

“ไม่เป็นไรค่ะ” เป็นจังหวะเดียวที่เธอเงยหน้ามอง เป็นโอกาสให้เขารู้ว่ายัยโก๊ะซุ่มซ่ามที่ค่อยๆ ช้อนตาขึ้นมองอย่างมีจริตเป็นใคร

“ว๊าย!” สมาร์ทลืมตัวปล่อยเธอให้ลงไปกองกับพื้น

“โอ๊ย ปล่อยมาได้นะนายสมาร์ท” รดาบ่นประปอดกระแปดขณะที่อีกฝ่ายยื่นไปฉุดเธอให้ลุกขึ้น

“เจ็บไหม เราขอโทษ” หญิงสาวยังคงลูบบั้นท้ายตนเอง

“ก็ลองเอาก้นนายไปจูบพื้นดูสิ”

“ยังไงเราก็ต้องขอโทษด้วย คือเราตกใจน่ะ”

“นายมาทำอะไรที่นี่” เออนั่นสิ ว่าแต่เขามาทำอะไรที่นี่ล่ะ

แม้ว่าจะเลิกรากันไปแล้ว เธอก็ยังเหลือความเป็นเพื่อนให้แฟนเก่าอยู่ เพราะว่าตลอดเวลาเขาก็ดีกับเธอมาก ถึงแม้ว่าเหตุการณ์ที่เจอกันครั้งสุดท้ายจะไม่น่าประทับใจก็ตาม

“เรื่องมันยาวน่ะ ถ้ารดาอยากฟังไว้เย็นนี้เราจะเล่าให้ฟัง”

เมื่ออีกฝ่ายไม่ได้ทำการงี่เง่าอย่างที่เคยทำที่ร้านอาหาร รดาก็ลืมความผิดที่สมาร์ทเคยก่อ หญิงสาวหยิบยื่นมิตรภาพให้แฟนเก่าอย่างคนมองโลกในแง่ดี

“นี่นายจะชวนเราเดทหรอ” รดากระดี๊กระด๊าตามประสาผิดกับสมาร์ทที่ทำหน้าราวกับกินยาขม

“เดทอะไร เรียกว่าพบปะกันตามประสาเพื่อนฝูงจะดีกว่า”

เย็นนี้รดาลุกลี้ลุกลนจนอัษฎางค์สังเกตได้ ส่วนเรวัตน่ะหรือตอนนี้ชายหนุ่มไม่สนใจน้องสาวแล้วหลังจากทำเขางอนตุ้บป่อง

“ไปไหนของเขานะ” อัษฎางค์แอบตามมาเห็นหญิงสาวโบกรถแดงสองแถวออกไป

รดาเองก็มัวแต่งหน้าทาปากเพราะว่ายังไงเธอก็ต้องสวยไว้ก่อน จึงไม่รู้ว่าใครผู้ชายที่เธอคิดว่าคงประกาศสงครามกับพี่ชายตัวตามติดตัวมาห่างๆ

คิ้วหนาของอัษฎางค์ขมวดเป็นปมเมื่อเห็นสมาร์ทที่ขับรถเข้ามาจอดในร้านอาหารทำให้อัษฎางค์หลบแทบไม่ทัน

“อย่าบอกนะว่าแอบนัดกันมา” ชายหนุ่มพึมพำเบาๆ

ถ้าจับได้นะว่าแอบนอกกายนอกใจเขาล่ะก็ น่าดู!

ทางด้านเรวัตเองก็แทบเต้นเมื่อทั้งน้องสาว และนายตัวร้ายต่างหายไปด้วยกันทั้งคู่ทำให้มิรันตีตัดสินใจที่จะพูดกับคนตรงหน้าให้รู้เรื่อง

“ฉันไม่รู้นะว่านายกับพี่ธามไปโกรธเกลียดกันมาก่อนด้วยเรื่องอะไร แล้วตอนนี้น้องสาวของนายกับพี่ธามของฉันคบกันอยู่ เพราะฉะนั้นคุณไม่ควรจะขัดขวาง”

“ไม่รู้ล่ะ ผมไม่ชอบมันและที่สำคัญผมไม่มีวันรับมันเป็นน้องเขยด้วย”

“นายไม่มีเหตุผล” มิรันตีบ่นอุบ

“เหตุผลอะไรล่ะ ผมไม่ยอมรับมันเป็นน้องเขยผมหรอก ไม่มีทาง”

“นั่นสิ พี่ธามก็คงคิดเหมือนนาย” มิรันตีพูดแล้วมองท่าทีของชายหนุ่ม

“ผม...”

“มันก็เหมือนกันแหละ ทำไมนายไม่ยอมเปิดใจให้กว้างๆ”

“นั่นสิทำไมคุณไม่ยอมเปิดใจกว้างๆ ให้โอกาสผมบ้าง” คราวนี้เป็นเรวัตที่ใช้คำพูดรบเร้าเอาคำตอบกับเธอ

“อย่าเอาเรื่องของเขากับเรื่องของเรามาเกี่ยวกันสิ เรื่องของพี่ธามกับรดามันเป็นเรื่องที่เกิดจากความรัก ส่วนเรื่องของเราน่ะมันเกิดจากอะไร นายก็รู้”

“มิ คุณจะบอกว่าเรื่องของเรามันเกิดจากความผิดพลาดใช่ไหม”

“ใช่ เรื่องของเรามันเป็นความผิดพลาด ผิดพลาดตั้งแต่ที่ฉันไปปารีสแล้วล่ะ” คำตอบของมิรันตีทำให้เรวัตหน้าเสีย

บางทีเธออาจจะไม่นึกรักเขาเลยก็ได้

เมื่อเห็นหน้าเจื่อนๆ ของเรวัตก็ทำเอาหัวใจของมิรันตีอ่อนยวบ แม้ว่าเธอจะไม่อาจลบอัษฎางค์ออกไปจากใจได้หมดแต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีที่ว่างให้ใครเข้ามาได้

“แต่ ไม่ใช่ว่าเราจะเริ่มต้นกันไม่ได้สักหน่อย”

เรวัตเอื้อมมือไปกุมมือเธอไว้อย่างยินดี แต่กุลสตรีไทยที่หวงตัว (ในบางครั้ง) อย่างมิรันตีกระแอมเตือน

“ฉันไม่ว่าหรอกถ้าคุณจะจับมือฉัน แต่ถ้าจับแล้วอย่าคิดจะปล่อยไปจับมือคนอื่นก็แล้วกัน” แทนคำมั่นสัญญา เรวัตจุมพิตเรือนผมของเธอทำให้มิรันตีเผลอระบายยิ้มอ่อนโยนออกมา


/////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////


รดากับสมาร์ทก้มหน้าก้มตาจัดการอาหารของตนอย่างเงียบๆ เมื่อรับประทานอาหารเสร็จจึงคุยกันเพราะต่างฝ่ายต่างหิวซกมาเจอกันนั่นเอง

“จริงๆ วันนั้นเราโกหกน่ะ เรายังไม่ได้คบกับพี่ธามหรอกแต่เราก็ตกลงคบกันคืนนั้นล่ะ”

“จริงหรือ”

สมาร์ทไม่อยากเชื่อว่ารดานั้นจะยอมตกล่องปล่องชิ้นกับอัษฎางค์ แรกทีเดียวเขาว่าเธอล้อเล่น หากว่าเจ้าตัวยืนยันเป็นมั่นเป็นเหมาะจึงยอมเชื่อ

“ทำไม เห็นเราแรดๆ อย่างนี้ เราก็รักจริงนะ” รดาว่าเมื่อเห็นสมาร์ททำหน้าแปลกๆ

“อืม เราไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย ว่าแต่แต่งเมื่อไหร่ อย่าลืมส่งการ์ดมาให้ด้วยนะ”

“โหย อีกนาน เรายังไม่อยากแต่งงาน เราเกลียดเด็กตัวก็รู้”

รู้สิ รดาไม่ใช่นางเอก ไม่ใช่นางสาวไทย นอกจากเด็กแล้วเธอยังเกลียดแมว เขายังจำแมวเปอร์เซียร์ที่ถูกเธอเอาเท้าเขี่ยแรงๆ

“ว่าแต่ตัวยังไม่บอกเลยว่ามาทำอะไรที่เชียงใหม่”

“เราก็ลืมไปเลย เรามาเป็นวงแบ็คอัพให้ฟินน่ะ” สมาร์ทหมายถึง ‘ฟิน’ ศิลปินหนุ่มที่ได้รับความนิยมในขณะนี้

“อืม แล้วเมื่อไหร่จะมีข่าวดีกับลูกแก้วล่ะ”

“อีกนานแหละ รอเราสร้างเนื้อสร้างตัวได้ก่อน” สมาร์ทไม่ได้แก้ตัวกับรดาว่าเลิกรากับลูกแก้วแล้ว

จริงๆ แล้วสมาร์ทเข็ดขยาดกับผู้หญิงเพราะหลังจากเลิกกับลูกแก้ว เขาก็เจอกับผู้หญิงหลายคนเข้ามาในชีวิตจนต้องร้องยี้เมื่อสาวๆ เหล่านั้นเข้าตำรา ‘ปากหวานก้นเปรี้ยว’

“ดึกแล้วเราจะกลับละนะ”

ไม่ได้!! เขาจะปล่อยให้เธอกลับไปหลังจากเลี้ยงน้ำแตงโมปั่นไม่ได้ เธอไม่รู้หรอกว่าตอนนี้เขายังต้องหนีเจ้าหนี้ที่ตามล่าเขาแทบพลิกแผ่นดินหลังจากที่เป็นหนี้พนันบอลนับแสน ว่าที่นักร้องที่เขาฟอร์มวงเองกลายเป็นวงแบ็คอัพ

“อืม ได้สิ เดี๋ยวเราไปส่ง” เขากระดกวิสกี้จนหมดแก้ว แล้วสั่งเช็คบิล


/////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////

ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจกับเรื่องการเรียนนะคะ :)

จะไม่ทำให้ทุกคนผิดหวังกับนิยายแน่นอนค่ะ เหลือเวลาปีสุดท้ายให้นุ่นพิสูจน์ตัวก่อนเรียนจบว่าจะเขียนนิยายได้รึเปล่า ยังไงช่วยติดตามด้วยนะคะ

แอบกระซิบว่าเรื่องนี้มีภาคต่อด้วย จะเป็นตัวละครตัวไหนต้องติดตามค่ะ





เรียงอักษร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 26 มิ.ย. 2554, 12:13:14 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 26 มิ.ย. 2554, 12:13:14 น.

จำนวนการเข้าชม : 2165





<< บทที่ 7 ทางเลือก   บทที่ 9 รักหวานหอม (อี๋) >>
anOO 26 มิ.ย. 2554, 13:12:03 น.
เอ..หวังนายสมาร์ทคงไม่บ้าปล้ำรดาหรอกนะ
ไม่งั้นพี่ธาม เอาตายแน่


pattisa 26 มิ.ย. 2554, 14:26:06 น.
หรรษาดีจริงๆ 2 คู่เจอกัน 5555


ปูสีน้ำเงิน 26 มิ.ย. 2554, 15:56:35 น.
น่าจะถอยกันคนละก้าวนะ จะได้ไม่ทะเลาะกัน


lovemuay 26 มิ.ย. 2554, 16:35:32 น.
โลกมันกลมจริงๆนะคะ อิอิ


angle101 30 มิ.ย. 2554, 15:26:27 น.
เป็นกำลังใจให้น๊า ทั้งเรื่องเรียนและเรื่องเขียนนิยาย อ่ะจ๊ะ สู้สู้น๊า


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account