Adriana
สมบัติล้ำค่าที่สองแคว้นต่างแย่งชิงได้สูญหายไป แต่ทว่าเสี้ยวหนึ่งแห่งพลังอำนาจนั้น กลับแฝงเร้นอยู่ในตัวหญิงสาว ผู้ซึ่งถูกตราหน้าว่าเป็นสายลับของศัตรู // โรแมนติกแฟนตาซี
Tags: โรแมนติกแฟนตาซี,แฟนตาซี,กรีกโบราณ,รัก,การเมือง

ตอน: บทที่ 10

“มิลันโธ”อาเดรียน่าเอ่ยเรียกสาวใช้ ในขณะที่ดวงตาสีเทาทั้งคู่ยังคงจับจ้องไปยังประตูห้องนอน ซึ่งคณะของเจ้าหญิงเพิ่งกลับออกไปจนหมด “ที่มาหาข้าเมื่อครู่คือเจ้าหญิง...”นางเว้นวรรค หันไปมองมิลันโธเป็นเชิงคำถาม ซึ่งสาวใช้ก็อธิบายโดยละเอียด

“เจ้าหญิงคัสซันดร้า พระธิดาองค์เล็กขององค์กษัตริย์และพระราชินีเจ้าค่ะ”


ทำตอบนั้นทำเอาอาเดรียน่าถึงกับอุทานในใจ พอจะรู้อยู่หรอกว่าน่าจะเป็นเชื้อพระวงศ์คนสำคัญ แต่ไม่คิดว่าจะมากด้วยยศศักดิ์ถึงเพียงนี้ แบบนี้ก็เท่ากับว่า


“เสนาบดีกลาโหมก็เป็นว่าที่ราชบุตรเขยน่ะสิ”


มิลันโธถึงกับส่งเสียงแหลมร้องว้าย ก่อนรีบตะครุบปิดปากตัวเอง ถลามานั่งลงที่พื้นข้างเตียงหญิงสาว แล้วเอ่ยรัวเร็ว “อย่าพูดอะไรแบบนั้นสิเจ้าค่ะ ห้ามพูดเด็ดขาด”


“ทำไมล่ะ ก็เรื่องจริง”


“รู้ได้ยังไงเจ้าค่ะว่าเรื่องจริง”


“ก็สีหน้าท่าทางเจ้าหญิงฟ้องชัดเสียขนาดนั้น”


มิลันโธถอนหายใจยาวเมื่อได้ยินประโยคท้ายของหญิงสาว สีหน้ายุ่งยากลำบากใจ แต่ก็ยังคงไว้ซึ่งอาการตื่นตระหนกเช่นเดิม “ปีนี้เจ้าหญิงย่างสิบแปดชันษาแล้ว สมควรแก่เวลาอภิเษก...”


“แล้วทำไมไม่อภิเษกล่ะ”อาเดรียน่าถาม เมื่อเห็นคนเล่าที่จู่ๆ ก็เงียบไปเสียอย่างนั้น


“ก็...”มิลันโธมองซ้ายขวาท่าทีระแวดระวัง ขยับกายเข้ามาใกล้อีกเล็กน้อยก่อนกระซิบกระซาบบอก “ชายที่เจ้าหญิงมีพระทัยให้คือท่านเทเลอัส”


อาเดรียน่าพยักหน้ารับ “ข้าดูออก แล้วคิดว่าใครต่อใครก็ต้องดูออกเช่นกัน”


“นั่นล่ะเจ้าค่ะ ปัญหา”มิลันโธเอ่ยต่ออย่างรวดเร็ว “องค์กษัตริย์ พระราชินีและเจ้าชายรัชทายาทก็ดูออกเช่นกัน ทั้งสามพระองค์ชื่นชมท่านเทเลอัส เรื่องนี้ใครๆ ก็รู้เช่นกัน ดังนั้นก็เหมือนกับ เออ...แบบว่า...”


อาเดรียน่าปรายตามองสาวใช้ที่เริ่มติดอ่างขึ้นมาอีกครั้ง แต่จะตำหนิไปก็ใช่ที่ เพราะบรรดาบ่าวทุกคนหากจะพูดคุยเรื่องนายลับหลังก็ต้องรู้สึกตะขิดตะขวงใจ ไม่กล้าพูดเต็มปากเป็นเรื่องธรรมดา ยิ่งเจ้านายที่มียศศักดิ์เป็นถึงเชื้อพระวงศ์คนสำคัญ โอกาสถูกจับแขวนคอยิ่งมีสูง


อาเดรียน่าก้มตัวลงไป เอ่ยเสียงแผ่วแทนสาวใช้ “ทั้งสามพระองค์อยากเกี่ยวดองกับสกุลมิลานิออนเช่นกัน พูดภาษาชาวบ้านก็คือ อยากแต่งเสนาบดีกลาโหมเข้าเป็นเขย”นอกจากจะถูกใจยังได้คนสำคัญและมีฝีมือไว้คอยสนับสนุนอำนาจให้มั่นคงขึ้น เพราะเท่าที่นางรู้มา สกุลมิลานิออนถือว่าเป็นหนึ่งในเจ็ดสกุลใหญ่ ข้างไหนได้ไปเป็นพรรคพวกย่อมหมายถึงความมั่นคงทั้งในเรื่องทุนทรัพย์ เป็นที่นับหน้าถือตาทางสังคม และที่สำคัญคืออำนาจทางการเมือง


มิลันโธพยักหน้ารับ ใบหน้ายิ่งซีดเผือดเข้าไปใหญ่ “เจ้าค่ะ แต่ติดนิดเดียวตรงที่ว่า...ท่านเสนาฯกลาโหมไม่ได้มีท่าทีตอบไม่ตรีของเจ้าหญิงเลยแม้แต่นิดเดียว”


ดวงตาคมสวยของหญิงสาวผู้รับฟังถึงกับเบิกกว้างขึ้นอย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน ขณะที่มิลันโธยังคงเล่าต่อด้วยเสียงที่เบายิ่งกว่าเดิม


“เจ้าหญิงชื่นชมท่านเทเลอัสมาตั้งแต่พระเยาว์ ครั้นโตขึ้นก็กลายเป็น...แบบนี้ล่ะเจ้าค่ะ”สาวใช้หลีกเลี่ยงประโยคอันตราย “ในบรรดาหญิงสาวทั้งหลาย เจ้าหญิงคัสซันดร้ามาเป็นอันดับหนึ่งเลยเชียวเจ้าค่ะ”


เท่านั้นเอง คนที่นั่งนิ่งบนเตียงถึงกับถลึงตาโต นั่งหลังตรง “อันดับหนึ่งที่ว่าหมายถึงได้ใกล้ชิดเสนาบดีกลาโหมมากที่สุดน่ะเหรอ -- เฮอะ แล้วไง” นางส่งเสียงประชดประชันทันทีที่มิลันโธพยักหน้ารับ “เขาก็ยังเชิดหน้าสูงไม่แยแส แล้วจะน่าภูมิใจได้อย่างไร โธ่เอ้ย...เจ้าหญิงนะเจ้าหญิง จะมาฝังใจมั่นในรักอะไรกับผู้ชายแบบนั้น ทั้งที่พระองค์ก็เปรียบดั่งเทพธิดาองค์น้อยๆ จะโน้มองค์ลงมาหาปีศาจทำไม หรือทรงเห็นปีศาจเป็นเทพบุตร!”


“ต้องบอกว่ามีแต่ท่านที่เห็นเทพบุตรเป็นปีศาจ”มิลันโธแก้ไขคำพูดอย่างรวดเร็ว ด้วยหวังจะให้หญิงสาวเข้าใจในตัวบุรุษผู้ถูกกล่าวถึงมากขึ้น แต่สุดท้ายก็ไร้ผล เพราะอาเดรียน่าก็สวนกลับมาทันควันเช่นกัน


“ใช่สิ! คนดีของเจ้าน่ะช่างเลอเลิศประเสริฐศรี ไม่เคยทำไม่ดีหรือคิดร้ายกับใคร ยกเว้นข้า!”


มิลันโธถอนหายใจยาว ส่ายหน้าไปมาขณะคิดไปถึงคำพูดของเสนาบดีกลาโหม ที่พูดประชดใส่ตนเหมือนกับหญิงสาวตรงหน้าอย่างไม่มีผิดเพี้ยนสักนิด


คนดีของเจ้า!


ก็คนดีด้วยกันทั้งคู่นั้นล่ะ -- มิลันโธแอบยิ้มขำอยู่คนเดียว



~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~



เพียงชั่วข้ามวัน คนที่ใครๆ ต่างลงความเห็นว่าสมควรพักผ่อน กลับออกมาฝึกดาบตั้งแต่เช้าครู่ หนำซ้ำยังเดินวนเวียนเป็นคู่ซ้อมให้บรรดาทหารอีกนับสิบคนจนเหงื่อโทรมกาย ได้แผลฟกซ้ำดำเขียวกันไปหลายที่ หลังจากนั้นก็เข้าทำงานต่อหน้าตาเฉย โดยไม่มีทีท่าเหน็ดเหนื่อยอ่อนล้าให้เห็นแม้เพียงสักนิด


“มีอะไร”


เทเลอัสซึ่งนั่งก้มหน้าอ่านรายงานการตรวจเวรยามในคืนที่ผ่านมาอยู่หลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่ของตนเอ่ยขึ้น แม้จะไม่ได้เงยหน้ามาจากงานที่อยู่ตรงหน้า แต่เขาก็สังเกตเห็นจากทางหางตาว่ามีรอพส์ยังยืนกระสับกระส่ายอยู่ที่เดิม หลังจากยื่นรายงานมาให้เขานานแล้ว


มีรอพส์กลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอ รวบรวมความกล้าก่อนกลั้นใจเอ่ยบอก “ไหนท่านหัวหน้าบอกว่าจะพักสักสองสามวัน แต่นี่เพิ่งผ่านไปได้วันเดียวเท่านั้น”ถ้าจะให้นับเวลากันจริงๆ ก็ไม่ถึงหนึ่งวันด้วยซ้ำไป


“นั่งๆ นอนๆ ไม่มีอะไรทำ เบื่อ”เทเลอัสตอบ ไม่เงยหน้าขึ้นมาจากเอกสารเช่นเคย “ข้ารู้ว่าจริงๆ แล้วเจ้ากังวลเรื่องสุขภาพของข้า ขอบใจความหวังดีนั้น แต่แค่ต้องทำลายเวทย์หุ่นเชิด ไม่ได้หนักหนาจนต้องพักนานหรอก”


“ขอรับ”มีรอพส์รับคำ แล้วตัดสินใจเอ่ยไปอีกเรื่อง “เจ้าหญิงคัสซันดร้ามีพระประสงค์จะพบท่านหัวหน้า ทรงเป็นกัง...”


“ฝากไปกราบทูลเจ้าหญิงตามที่ข้าเพิ่งบอกเจ้าไป ฝากขอบพระทัยด้วย”


นึกแล้ว


มีรอพส์นึกในใจ อึดอัดแทนผู้เป็นหัวหน้า ที่ถึงแม้จะพยายามนิ่งจบแทบดูเหมือนเป็นคนไร้ความรู้สึกกับไมตรีที่เจ้าหญิงมีให้ แต่ถึงกระนั้นกระแสเสียงซุบซิบนินทาก็ไม่เคยเบาลงเลยสักนิด ทางเดียวที่จะแก้ไขสถานการณ์นี้ได้คงเป็นดั่งที่หัวหน้าราชองครักษ์เคยพูดติดตลกไว้


“แต่งงานเสียก็จบเรื่อง เพราะอย่างองค์กษัตริย์ พระราชินีและเจ้าชายรัชทายาท ไม่มีวันบังคับฝืนใจ ยัดเหยียดพระธิดาให้อีก ทั้งๆ ที่เทเลอัสมีลูกมีเมียแล้วหรอก”


แต่การหาภรรยาให้ท่านหัวหน้าของเขา นั่นก็งานง่ายเสียที่ไหน ตั้งแต่ทำงานด้วยกันมาหลายปี ยังไม่เคยได้ยินเสนาบดีกลาโหมให้ความสนใจ มอง หรือปฏิบัติกับหญิงสาวใดนอกเหนือเป็นกรณีพิเศษ แม้กระทั้งชมว่าสวย ก็ยังไม่เคยได้ยิน


พอนึกถึงตรงนี้ก็พลันคิดขึ้นได้ว่ามีอีกเรื่องที่ตนยังไม่ได้รายงาน


“อาเดรียน่าฝากถามเรื่องที่มาขอเข้าพบกับท่านหัวหน้าเมื่อหลายวันก่อน ว่าตกลงแล้ว ท่านจะว่าอย่างไรขอรับ”มีรอพส์ลอบมองผู้เป็นหัวหน้า ที่จู่ๆ ก็ดูราวกับหยุดนิ่งไปชั่วครู่ ก่อนนัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลจะหรี่ลงเล็กน้อยราวกับกำลังคิดทบทวนเรื่องอะไรบางอย่าง


“อีกสองวันให้นางมาที่นี่”ชายหนุ่มสั่งเพียงสั้นๆ ก่อนกลับไปทำงานของตนอีกครั้ง ไม่สนใจลูกน้องที่ยืนนิ่งอ้าปากค้างน้อยๆ อยู่ที่เดิม


ง่ายขนาดนั้นเชียว


มีรอพส์ได้แต่นึกพึมพำอยู่ในใจ ขณะค่อยๆ หมุนตัวเดินออกไปจากห้องทำงานอย่างงงงัน ทบทวนข้อสงสัยของตัวเองไปตลอดทาง ขนาดเจ้าหญิงมีรับสั่งว่าจะมาหา แต่เสนาบดีกลาโหมกลับปฏิเสธอย่างรวดเร็วแทบไม่ต้องคิดทบทวน แต่กับคนที่ตัวเองทำท่าทางไม่อยากเข้าใกล้ ไม่ชอบหน้าทุกครั้งที่เจอ เลี่ยงได้เป็นเลี่ยง กลับบอกให้เข้าพบได้ และใช่ว่าหัวหน้าของเขาเสียเมื่อไรที่มีทีท่าเช่นนี้ กับตัวอาเดรียเองก็เหมือนกัน แค่ตอนที่รู้ว่านางมาขอร้องให้เสนาบดีกลาโหมช่วยเหลือเขาก็ตกใจไม่น้อย จนไม่กล้าเอ่ยถามเรื่องนี้กับผู้เป็นหัวหน้าด้วยเกรงว่าจะทำให้ขุ่นเคืองใจ แต่กลับกลายเป็นว่าท่านหัวหน้าของเขายอมให้ความความช่วยเหลือแต่โดยดี หนำซ้ำยังบอกให้มาพบถึงห้องทำงานอีกด้วย


“ไม่มั้ง?”


มีรอพส์เอ่ยเบาๆ คัดค้านความคิดตัวเอง พลางนึกย้อยไปเมื่อหลายวันก่อนที่อาเดรียน่ามาขอเข้าพบเทเลอัส ซึ่งเป็นไปได้ว่าเสนาบดีกลาโหมอาจยื่นข้อเสนอบางอย่างออกไปแล้ว และฝ่ายหญิงสาวก็คงตอบตกลง -- ต้องเป็นเช่นนั้นแน่นอน เพราะคนอย่างเสนาบดีกลาโหมที่จงเกลียดจงชังศัตรูเข้าไส้ ไม่มีทางยอมให้ความช่วยเหลือคนที่เขาสงสัยว่าอาจเป็นสายลับของศัตรูเป็นแน่แท้



~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~



ในสายของวันต่อมา หลังจากยืนยันอย่างแข็งขันแล้วว่าตนไม่มีอาการใดน่าเป็นห่วงและหายดีเป็นปกติแล้ว อาเดรียน่าก็ได้ออกมานอกห้องนอนอีกครั้ง หญิงสาวตรงไปโรงคนป่วยดั่งเช่นที่เคยเป็นมา แต่ก่อนที่จะได้เข้าไปทำงาน หญิงสาวก็หยุดอยู่ตรงประตูทางเข้า แล้วซองจดหมายสีน้ำตาลหม่นขนาดเท่าฝ่ามือให้กับทหารยามซึ่งทำหน้าที่คอยตามติดตนแทบทุกฝีก้าว เขารับต่อไปด้วยท่าทางแข็งขึง หน้าไม่ยิ้มจนแทบจะเหมือนแยกเขี้ยวใส่ และไม่ต้องให้อธิบายมากความ เพราะเกี่ยวกับเรื่องนี้มีรอพย์เคยสั่งเอาไว้ก่อนหน้านั้นนานแล้ว

และก่อนที่ร่างใหญ่สูงนั้นจะหมุนตัวเดินจากไป หญิงสาวก็เรียกรั้งไว้เสียหลง


“เดี๋ยวก่อน!”


ทหารคนเดิมหันหลับมา สีหน้าเต็มไปด้วยคำถาม อาเดรียน่าจึงรีบพูดต่ออย่างรวดเร็ว


“เจ้าต้องส่งจดหมายนั่นให้ถึงมือคนที่บ้านข้านะ แล้วถ้าเป็นไปได้ช่วยส่งให้เร็วที่สุดด้วย ถือว่าข้าขอร้องล่ะ ข้าขาดการติดต่อกับพ่อแม่มานาน ป่านนี้คงแทบนั่งกันไม่ติดแล้ว”


“เรื่องส่งจดหมายถึงคนรับหรือไหมท่านไม่ต้องกังวล แต่เรื่องระยะเวลา คงเร็วตามที่ขอไม่ได้”


คิ้วเรียวของหญิงสาวขมวดมุ่น จ้องมองนายทหารที่ตอบกลับมาราวกับท่องจำคำพูดมาจากคนอื่น “หมายความว่ายังไง”


ทหารผู้นั้นทำสีหน้าปั้นยาก ตอบเสียงห้วน “ก็นี่มันจดหมายท่าน”


เขาลอบถอนหายใจเล็กน้อย ด้วยไม่รู้ว่าต้องปฏิบัติตนกับหญิงสาวหน้าอย่างไรถึงจะถูกควร ตัวเขาไม่ได้ขัดค้านข้อสงสัยของเสนาบดีกลาโหมผู้เป็นหัวหน้า แต่ทางฝ่ายราชครูไบอัสนั้นก็สนับสนุนเข้าข้างหญิงสาวเต็มที่ ซ้ำคณะเสนาบดีกว่าครึ่งก็โอนอ่อนคล้อยตามว่านางไม่สมควรอยู่ในสถานะนักโทษ และที่สำคัญ...


เขาหันกลับไปมองหญิงสาวตรงหน้าอีกครั้ง พลางคิดทบทวนจากหลายครั้งหลายวันที่ตนต้องมาคอยควบคุมจับตามองเจ้าหล่อนตามคำสั่งของผู้เป็นหัวหน้า พฤติกรรมของนางล้วนแล้วเป็นไปดั่งเช่นบุคคลธรรมดาทั่วไป ยิ่งเห็นยิ่งห่างไกลจากคำว่าสายลับ โดยเฉพาะรูปร่างหน้าตาที่สวยจนแทบทำให้คนมองลืมหายใจ ซึ่งเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ใครต่อใครรวมทั้งบรรดาทหารบางคน หลงลืมไปชั่วขณะว่านางอาจเป็นสายลับ และเผลอเห็นอกเห็นใจไปบ้างบางครั้ง


“อย่าลืมว่าสำหรับทหารอย่างพวกเราท่านอยู่ในสถานะใด”เขาเอ่ยบอกขึ้นอีกครั้ง “และถึงแม้ท่านเสนาฯ กลาโหมจะอนุญาตให้ท่านติดต่อครอบครัวได้ก็จริง แต่ทุกครั้งที่ทำเช่นนี้จดหมายท่านจะถูกท่านเสนาฯ กลาโหมตรวจสอบอย่างละเอียด เพื่อให้แน่ใจว่าปลอดภัย ไม่ได้แอบซุกซ่อนข้อความหรือสิ่งใดก็ตามที่อาจย้อนกลับมาทำร้ายแคว้นเซเพรัสได้ในภายหลัง หลังจากนั้นก็ค่อยส่งจดหมายนี่ให้ถึงมือผู้รับ”


อาเดรียน่าระบายลมหายใจ ริมฝีปากอวบอิ่มค่อยๆ เหยียดยิ้มอย่างสมเพศตัวเอง “ตามใจ อยากจะทำอะไรกันก็เชิญตามสบาย ขอแค่ให้จดหมายนั่นไม่บุบสลายและส่งถึงมือพ่อกับแม่ข้าที่เมืองทีจียาก็แล้วกัน” พูดจบก็เดินดิ่งกลับเข้าไปยังห้องปรุงยาในโรงคนป่วย ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ไม้ ริมฝีปากเม้มแน่น พยายามสะกดกลั้น กลืนก้อนแข็งๆ แห่งความอ่อนแอที่ตอนนี้เอ่อขึ้นมาอยู่ที่ลำคอให้กลับลงไป


“รีบร้อยดีไหม”


อาเดรียน่าหันไปมองฟาลซีลที่นั่งอยู่อีกด้านของห้อง เขาเงยหน้าขึ้นจากการผสมตัวยาอันซับซ้อนยุ่งยากตรงหน้า เพื่อถามข่าวด้วยท่าทางห่วงกังวลระคนเห็นใจ


นางพยักหน้ารับช้าๆ ยอมเอ่ยบอกเมื่อเริ่มรู้สึกว่าสามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองให้สงบลงได้บ้างแล้ว “เรียบร้อย แต่พวกเขาต้องตรวจสอบจดหมายก่อน ว่าจะไม่เป็นภัยย้อนกลับมาทำร้ายแค้วนเรา”


“คิดในทางที่ดีเข้าไว้ ใจเจ้าจะได้สงบ”ฟาลซีสแนะ


อาเดรียน่ายิ้มรับน้ำใจนั้น “ข้าพยายามทำอยู่” และหากจะให้คิดในทางที่ดีล่ะก็ บางที เมื่อจดหมายนั้นถูกส่งไปถึงมือคนที่บ้าน เสนาบดีกลาโหมอาจจะได้เปิดหูเปิดตา รับรู้พยายานหลักฐานที่เป็นตัวบุคคล ซึ่งสามารถยืนยันความบริสุทธิ์ของนางได้บ้าง และเมื่อถึงตอนนั้น ดูสิว่าท่านเสนาบดีจอมยิ่งนั่นจะยังเชิดหน้าปรายตามองอย่างดูหมิ่นรังเกียจนางได้อีกไหม



**********************************



กาแฟเย็นIcedcoffee
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 4 พ.ค. 2557, 11:15:46 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 4 พ.ค. 2557, 11:15:46 น.

จำนวนการเข้าชม : 778





<< บทที่ 9   บทที่ 11 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account