หงส์ซ่อนลาย
เธอจะทำยังไง ในเมื่อรู้ว่าคนที่ฆ่าพี่ชายเธอ คือคนรักของเธอเอง
Tags: มาเฟีย ตบจุบ รักโรแมนติก ดรา่่มา

ตอน: บทที่ 6 ความแตกต่างระหว่างผู้ชายกับผู้หญิง (สนพ.เลิฟอีส)

ความแตกต่างระหว่างผู้ชายกับผู้หญิง

จีนากัดริมฝีปากตัวเองแน่น เธอขยับเขยื้อนตัวเองขณะที่อยู่ภายในอ้อมกอดแข็งแรงนี้ไม่ได้เลย

“ปล่อยฉัน” เธอบังคับตัวเองไม่ให้เสียงสั่น “ถ้าคุณไม่ปล่อย ฉันจะตะโกนให้คนข้างนอกได้ยินนะ”

เธอไม่กล้าขยับตัว ได้แต่ออกปากขู่ไปอย่างนั้น แน่ล่ะเธอมากับกิลโดคนคุ้มกันแต่เรื่องอะไรล่ะที่เธอจะร้องบอกให้เขาเข้ามาช่วย ทั้ง ๆ ที่แค่นี้เธอก็อับอายจะแย่อยู่แล้ว จีนาหันหน้าหนีไปทางขวาเมื่อริมฝีปากของเขาเคลื่อนประชิดเข้ามาที่แก้มซ้าย

“ผมคิดว่าคุณไม่กล้าหรอก หรือถ้ากล้าจะให้คนของคุณเห็นคุณในสภาพนี้ก็ตามใจ” เขาเอ่ยอย่างรู้ทัน

จีนาใช้วิธีนิ่งเงียบ คิดหาวิธีอยู่นานจนกระทั่งรอจังหวะที่เขาเผลอ เธอกระทืบเท้าลงไปบนฝ่าเท้าของเขาที่ยืนอยู่บนพื้นเต็มแรง วาเลนติโนร้องด้วยความเจ็บ เธอจึงสะบัดตัวจนกระทั่งหลุดและรีบวิ่งไปตรงพื้นที่มีปืนสีดำของเธอตกอยู่ แต่แล้วเรียวแขนของเธอก็ถูกฝ่ามือหนาคว้าจับเอาไว้แน่น ดึงเอวบางปลิวเข้ามาหาตัวทันที ใบหน้าทั้งสองอยู่ห่างกันแค่เอื้อมมือ นัยน์ตาสอดประสานกัน

“นี่คุณ...ปล่อยฉันนะ”

“ไม่ปล่อย” เขาซ่อนยิ้ม “คิดบ้างหรือเปล่า ถ้าผมปล่อยคุณเมื่อกี้คุณก็จะไปหยิบปืน แล้วเอามาจ่อยิงผม”

“ก็คุณอยากไม่ปล่อยฉันเองนี่”

“สัญญาสิ ว่าคุณจะไม่ทำอย่างนี้อีก ความแตกต่างระหว่างผู้หญิงกับผู้ชาย ผู้หญิงอย่างคุณมีแต่จะเสียเปรียบ วันนี้โชคยังดีที่เป็นของคุณเพราะผมไม่ใช่ผู้ชายประเภทที่ใช้กำลังกับผู้หญิง แต่ถ้าเป็นคนอื่น...ก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน”

“ไม่แน่ใจ...หมายความว่ายังไง”

“ก็หมายความว่า คุณอาจจะถูกทำมากกว่านี้ก็ได้...” ดวงตาสีนิลของเขาทอประกาย

เธอมองเขาอย่างค้นหา อยากจะรู้เหมือนกันว่าถ้าเธอทำให้วาเลนติโนไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ จะเกิดอะไรขึ้น จีนาสะบัดหลังมือขึ้นตบหน้าเขาจนวาเลนติโนหน้าหัน รอยยิ้มหยันปรากฏที่ริมฝีปากแดงระเรื่อ นัยน์ตาวาววับคมสวยวาววับ พร้อมกระซิบแผ่ว

“อยากรู้เหมือนกัน ว่าจะเกิดอะไรขึ้น...ถ้าหากว่าฉันตบคุณ หรือจะให้ต้องตบซ้ำอีกครั้ง”

จีนาเป็นเทควันโดสายดำ ถ้าหากว่าเขากล้าที่จะใช้กำลังกับเธอ เธอก็พร้อมที่จะต่อสู้จะเอาให้วาเลนติโนหลังเคล็ดไปเลย ใบหน้าคมสันมีแววตาที่ตกใจเล็กน้อยแต่ก็กลับคืนสู่ปกติอย่างรวดเร็ว มือซ้ายของเขาดึงแขนเรียวบางของเธออย่างแรงจนเธอคาดไม่ถึง ร่างบางปลิวประทะอกกว้างใหญ่ของเขา มือบางคว้าจับเอาแขนเสื้อของชายหนุ่มเอาไว้แน่นเมื่อวาเลนติโนก้มต่ำลงมา เธออ้าปากจะร้องแต่เขาที่รอจังหวะอยู่ก็ทาบทับเรียวปากลงมาทันที

เธอลืมตาโต ไม่คิดมาก่อนว่าเขาจะกล้าทำแบบนี้

“อืม...”

วาเลนติโนจูบเธอ...โน้มเรียวปากประกบจูบ ทำเอาจีนาตัวแข็งคว้าจับแขนเสื้อของเขาแน่น สัมผัสบนเรียวปากทั้งนุ่มและอ่อนหวาน วาเลนติโนขบริมฝีปากกับริมฝีปากด้านล่าง แล้วก็ใช้ปลายลิ้นอุ่นร้อนลูบไล้ไปมา ก่อนที่เขาจะสอดลิ้นผลักดันเข้าไปในโพรงปากของจีนา จีนาตัวสั่นเล็กน้อยเธอพยายามสอดมือเข้าไปใต้เส้นผมของวาเลนติโนเพื่อดึงออกให้ห่าง แต่ชายหนุ่มแทรกปลายลิ้นเข้าไปพัวพันในโพรงปากอย่างเร่าร้อน โหยหาดูดดื่ม ทำเอาจีนาเรี่ยวแรงหายไปไหนหมดกายสั่นเทา

ลิ้นที่สอดรับเข้าไปในโพรงปาก มันทำให้จีนารู้สึกว่าการจูบกับผู้ชายช่างทำให้หัวใจหวั่นไหวและเต้นแรงไปหมด ลิ้นที่พันกันซอกซอนไปตามเรียวปากด้านล่าง มันทำให้เธอแทบคิดอะไรไม่ออก ไม่อยากเชื่อเลยว่าใบหน้าคมสันเค้าหน้าราวกับผู้หญิงจะกล้าทำอะไรที่น่าอายขนาดนี้ มือสั่นเทาของเธอผลักดันไหล่กว้าง แต่ก็ไม่เป็นผลเรี่ยวแรงของหญิงสาวไม่เกิดผลใด ๆ มือหนาลูบไล้ไปตามช่วงเอวบาง หญิงสาวรู้สึกได้ถึงแรงขบบนเรียวปากด้านบนแล้วก็ไล้ลิ้นอุ่นไปถึงขอบปากอุ่นชื้นด้านล่าง เธอตัวสั่น...เรี่ยวแรงหายไปไหนหมด ไม่เคยมีครั้งใดที่รู้สึกอ่อนกำลังขนาดนี้มาก่อน ภายในศีรษะของเธอขาวโพลน คิดอ่านอะไรไม่ออก...

จุมพิต....ที่ฆ่าเธอให้ตายทั้งเป็น มันเป็นแบบนี้นี่เอง

เสียงกระซิบเรียกชื่อเธอดังแว่วมาจากที่ไกลแสนไกล เรียกสติของเธอให้กลับคืนมาอีกครั้ง สายตาของเธอค่อย ๆ ปรือขึ้นช้า ๆ แล้วก็พบว่าศีรษะของเธอเอียงซบกับอกอันแข็งแรงของเธอ โดยมีฝ่ามือหนาโอบกระชับรอบกาย แก้มของเธอแดง เธอผลักเขาออกด้วยความตกใจ วาเลนติโนเพียงแต่ปล่อยมือเธอเห็นดวงตาของเขามีรอยยิ้มน้อย ๆ

“คุณ...!?”

“คุณทำท่าจะหมดสติ ผมก็เลยโอบประคองไว้”

เธอแก้มแดงสลับกับซีดเผือด นี่มันเกิดอะไรขึ้น...เมื่อกี้เขา...

“เลวทราม ต่ำช้าที่สุด”

วาเลนติโนยอมรับไม่เอ่ยว่าอะไร มีเพียงแต่รอยยิ้มบาง ๆ ในแววตา

“จำสัญญาของเราได้ไหม นี่ไงล่ะสิ่งที่ผมต้องการ”

จีนาคอแข็ง พูดไม่ออกไปชั่วขณะ

เธอสะบัดมือใส่หน้าเขาเต็มแรง แต่วาเลนติโนรู้ทันความคิดของเธอ เขาคว้าจับเอาข้อมือบางไว้แน่น เธอพยายามที่จะสะบัดมือออก แต่คนอย่างวาเลนติโนไม่เคยยอมให้ตัวเองต้องถูกตบถึงสองครั้ง หญิงสาวกัดขอบริมฝีปากตัวเองจนเจ็บ

“ปล่อยฉัน” เธอพยายามทำเสียงให้เฉียบขาด

“คุณเป็นคนบอกเองว่าอยากจะรู้เหมือนกันว่าผมจะทำอย่างไร แล้วคุณก็ตบหน้าผม...แถมยังพูดจาถากถาง ทีนี้รู้แล้วหรือยังล่ะ ว่าความแตกต่างระหว่างผู้หญิงกับผู้ชายมันเป็นอย่างไร” วาเลนติโนปล่อยมือเธอ แล้วก้มลงคว้าปืนมาถือไว้ เขาคว้ากระสุนปืนออกมาหกนัดแล้วตบคืน ส่งมาให้เธอพร้อมกับรอยยิ้ม ดวงตาเป็นประกาย

“นี่ของคุณ”

จีนาคว้าจับเอามาทันทีด้วยความโมโห เกิดมาเธอยังไม่เคยถูกผู้ชายจูบมาก่อน ครั้งนี้มันทำให้เธออับอายและโมโหยิ่งนัก ครั้งแรกที่เธอท้าทายเขาใครจะรู้เล่าว่าเขาจะกล้าจูบเธออย่างนี้ ถ้าเธอรู้แต่แรกว่าจะกลายเป็นอย่างนี้มาก่อนเธอจะไม่เข้าใกล้เขาเลย ไม่แม้แต่จะเข้าใกล้เขา

“คุณเป็นผู้ชายที่ต่ำช้าที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมา”

“ส่วนคุณเป็นผู้หญิงที่สวย...และเข้มแข็ง น่าเสียดายนะถ้าหากคุณเป็นผู้ชาย ป่านนี้เราคงเป็นเพื่อนกัน และอาจสนิทกันมากกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็ได้”

เธอแก้มแดงระเรื่อ ได้แต่เม้มปากแน่น

“คุณทำอย่างนี้เพื่ออะไรกันแน่” เธอพยายามข่มเสียงสั่นให้เป็นปกติ

“อะไร”

“ก็เมื่อกี้คุณ....กับฉันเพิ่งจะ” เธออึกอักในลำคอ “ฉันหมายถึงความใคร่ คุณทำอย่างนี้กับผู้หญิงทุกคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเลยเหรอ”

“จูบไม่ได้หมายถึงความใคร่สำหรับผม....หากผมไม่ปรารถนา ต่อให้มีผู้หญิงเปลือยมาร่ายรำต่อหน้า ผมก็ไม่ปรารถนาที่จะแตะต้องเหมือนกัน”

“แล้วทำไม...”

“คุณแตกต่าง และผมก็ไม่ปฏิเสธความต้องการที่จะจูบคุณเหมือนกัน” วาเลนติโนเอ่ยเสียงเรียบ

คำพูดนั้นสร้างความหวั่นไหวให้กับจีนาอย่างประหลาด หมายความว่า...ถ้าเขาไม่ปรารถนาเธอเขาก็จะไม่จูบงั้นเหรอ แก้มของเธอเปลี่ยนเป็นสีดอกกุหลาบ หญิงสาวกัดริมฝีปากแนบแน่น สัมผัสได้ถึงแรงเต้นของหัวใจที่มันเต้นแปลก ๆ

ใบหน้าคมสันของเขา กับดวงตาที่ดำขลับจ้องมองตรงมาที่เธอแฝงไว้ด้วยรอยยิ้มน้อย ๆ เส้นผมของเขาหวีเรียบขึ้นไปด้านหลังและปรกลงมาบริเวณหน้าผากเล็กน้อย จมูกโด่งริมฝีปากบางราวกับผู้หญิง รูปร่างสูงใหญ่ที่ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะเต็มไปด้วยเรี่ยวแรงมากมายขนาดนี้ ทำให้เธอไม่อาจจะขยับเขยื้อนตัวเลยแม้แต่น้อย

“คุณเป็นใครกันแน่...” เธอกระซิบถามออกไปโดยไม่รู้ตัว

“ผมหรือ...นักธุรกิจไงล่ะ”

“นักธุรกิจ...อย่างคุณรู้วิธีการหลบกระสุนที่จ่อยิงศีรษะได้ด้วยหรือ ตอนที่ฉันจ่อปืนใส่ศีรษะคุณตอนแรกก็เหมือนกัน ฉันเห็นสายตาของคุณมีรอยยิ้ม...ฉันแน่ใจว่าไม่ได้ตาฝาด ฉันเห็นคุณถือปืนกระบอกนี้ขึ้นมาและเช็คลูกกระสุนของมันรวมทั้งไม่มีทีท่าว่าจะแปลกใจเลยสักนิด”

“ผมเจอเรื่องแบบนี้มาเยอะแล้ว”

จีนาไม่ตอบ เธอมองหน้าเขาราวกับต้องการจะจ้องมองจนทะลุถึงหัวใจ

“เอาล่ะ ฉันจะไม่ถามอะไรคุณอีก แต่รู้ไว้ว่ารอยจูบครั้งนี้...วันหน้าฉันจะเอาคืนแน่”

วาเลนติโนไม่ตอบ เพียงแต่ซ่อนยิ้มในดวงตา

จีนาปรายตาชำเลืองเขาเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะหมุนตัวเดินออกไป เส้นผมเกล้าไว้ที่หลังศีรษะกับช่วงไหล่บางกับชุดสีดำก้าวย่างออกไปยังประตู ช่วงจังหวะที่เธอเดินออกไปกิลโดก็เปิดประตูให้ทันทีเพราะสังเกตได้ถึงรอยเท้าที่ใกล้เข้ามา วาเลนติโนมองเธอพลางมีรอยยิ้มบาง ๆ แล้วประตูก็ปิดลง ความคิดคำนึงของเธอในตอนนี้มีแต่ความคลางแคลงใจ จูบ...ที่ยังคงความหวานไว้บนเรียวปาก ทำให้เธอต้องเม้มปากแน่น เธอเดินลงไปยังข้างประตูรถ โดยมีคนขับรถเปิดประตูให้ กิลโดที่สังเกตเห็นสีหน้าของเธอเดินเข้ามาแล้วหันไปถามเสียงแผ่วเบา

“คุณไม่เป็นอะไรนะครับ คุณจีนา”

“ไม่มีอะไร ไปเถอะ” เธอออกคำสั่ง

และเมื่อนั้นรถยี่ห้อหรูสีดำของเธอ ก็เคลื่อนผ่านถนนออกสู่เส้นทางไปช้า ๆ...


ใจกลางย่านธรุกิจอันมั่งคั่ง น้อยคนนักที่จะรู้ว่าที่แห่งนี้เป็นที่ทำการใหญ่ของกลุ่มมาเฟียมาลโซ ซึ่งเป็นกลุ่มมาเฟียที่ทรงอิทธิพลที่สุดในอิตาลี ซึ่งมีลูกน้องภายใต้การปกครองไม่ต่ำกว่าสองพันคน และเต็มไปด้วยมาตรการรักษาความปลอดภัยหนาแน่นจนคนนอกหรือแม้แต่ FBI ก็ไม่อาจย่างกรายเข้าไปได้โดยง่าย บนชั้นที่ยี่สิบแปดนี้เต็มไปด้วยผู้ทรงอิทธิพลตลอดจนหัวหน้ากลุ่มย่อยมากหน้าหลายตาที่ถูกนัดหมายมาเจอกันที่ห้องประชุมใหญ่ตามคำสั่งของหัวหน้าใหญ่ลูซิโอ โดยไม่มีใครกล้าฝ่าฝืนคำสั่งแม้แต่รายเดียว

หัวข้อสำคัญในวันนี้ก็คือการเลือกหัวหน้ากลุ่มที่จะไปแทนหัวหน้าที่ถูกยิงตายไปเมื่อสองอาทิตย์ก่อน ซึ่งแทนคนเก่าที่เพิ่งเสียชีวิตไปและเป็นตำแหน่งที่มีผู้หมายปองมากที่สุดตำแหน่งหนึ่ง

“ที่ฉันเรียกทุกคนมาในวันนี้ ก็เพื่อจะพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องที่ทุกคนคงรู้ดีอยู่แล้ว หลังจากที่แองเจโลตายไปตำแหน่งนี้ก็ว่างลงและมีผู้เสนอตัวเข้ามามากมาย”

ลูซิโอสุขุมเยือกเย็นกล่าวต่อหน้าผู้เข้าร่วมประชุมที่นั่งฟังอย่างสงบ

“และหลังจากที่ฉันใคร่ครวญอยู่นานจนรับฟังข้อคิดเห็นจากรองหัวหน้าทุกฝ่ายอย่างใคร่ครวญดีแล้ว ก็ได้ผู้ที่เหมาะสมและมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งนี้ ซึ่งฉันจะขอประกาศให้ทุกคนรับรู้พร้อมกัน”

อาแมนโดผู้ที่นั่งอยู่ฝั่งขวามือของรองหัวหน้า เหยียดยิ้มที่มุมปากขณะนิ่งฟังด้วยความตั้งใจทุกประโยค ชายนัยน์ตาหรี่เล็กพยายามเก็บซ่อนความยินดีไว้ภายใต้ใบหน้าเย็นชา หลังจากที่สายจากผู้ที่รับใช้ใกล้ชิดหัวหน้าใหญ่ได้ส่งข่าวให้เขารู้ล่วงหน้าว่าในคืนนี้หัวหน้าลูซิโอจะทำการเลือกหัวหน้าสาขาอิตาลีตอนเหนือคนใหม่ ซึ่งเป็นตำแหน่งใคร ๆ หมายจะครอบครอง

เมื่อคิดถึงตำแหน่งที่รออยู่ อาแมนโดก็แทบอดทนรอให้ลูซิโอประกาศไม่ไหว

....เรียวปากเหยียดหยามระคนสะใจ โดยที่ตนเองนั่งนิ่งอย่างสงบ

“และบัดนี้ ฉันก็จะประกาศชื่อหัวหน้าสาขาคนใหม่ให้ทุกคนรับทราบโดยทั่วกัน ซึ่งคนผู้นั้นก็คือ...”

อาแมนโดหยัดยิ้ม ขณะที่เตรียมตัวลุกขึ้นยืนรับตำแหน่ง

“ซานโซเน่”

เสียงฮือฮาดังขึ้นทั่วทั้งห้องก่อนที่ความยินดีให้กับชายวัยกลางคนเส้นผมสีดอกเลานั่งอยู่ทางฝั่งซ้ายมือเป็นจุดเดียว อาแมนโดถึงกับเบิกตากว้างหน้าซีดเผือดอย่างไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน นี่เขาหูฝาดไปหรือเปล่า...เมื่อกี้หัวหน้าลูซิโอเลือกเจ้าซานโซเน่ชายวัยกลางคนที่ฝีมือยังไม่ถึงระดับชั้นเดียวกับเขาน่ะหรือ

...นี่มันเป็นไปได้ยังไง !

“คุณอาแมนโด ใจเย็น ๆ เอาไว้ก่อนนะครับ” ลูกน้องเห็นท่าไม่ดี จึงขยับเข้ามาเตือนเบา ๆ “ผมว่านี่คงจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันแน่ ๆ คุณลูซิโอไม่มีทางให้ซานโซเน่ขึ้นมารับตำแหน่งแทนหรอก”

อาแมนโดขบกรามเป็นสันนูนจนรู้สึกได้ถึงเลือดที่กระจายอยู่ในริมฝีปาก

“...ทำไมมันถึงเป็นอย่างนี้ไปได้”

เขารู้สึกโกรธและเคียดแค้นจนในใจลุกโหมกระหน่ำโชติช่วง ทั้ง ๆ ที่หลายปีที่ผ่านมาเขาสร้างชื่อไว้ให้แก็งค์มาลโซ กระหน่ำยิงแก็งค์คู่อริเป็นร้อย จนมาถึงวันนี้วันที่เขาจะได้รับตำแหน่งหัวหน้าสาขาอิตาลีตอนเหนือ ด้วยฝีมือเป็นเลิศและไม่มีใครเหนือกว่า แล้วนี่มันอะไร มือของเขากำหมัดแน่น มองดูซานโซเน่จับมือกับทุก ๆ คนในห้องประชุม หน้าตาของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ที่กำลังแผดเผาเขาให้เป็นจุณ

เขากะจังหวะรอให้ลูซิโอเดินออกไปจากห้อง แล้วรีบเดินตามไปทันที เขาต้องการรู้ว่าเพราะอะไร ทำไมเขาถึงไม่เลือกตนเป็นหัวหน้าแก็งค์สาขาในอิตาลีตอนเหนือ

“เดี๋ยวก่อนครับ” เสียงของเขาขุ่นมัว

ลูซิโอชะงักและชำเลืองมองทันที ใบหน้าของเขาดูแปลกใจเล็กน้อย เมื่อเห็นอาแมนโดเดินตามมาเพียงลำพัง สีหน้าอาการบอกได้เลยว่าเขาไม่พอใจในสิ่งที่เขาพูดตอนที่ประชุม

“มีอะไรหรือ”

“เพราะอะไร....ผมไม่เข้าใจ ทำไมคุณถึงต้องยกให้ซานโซเน่ดำรงตำแหน่งหัวหน้าสาขาอิตาลีตอนเหนือด้วย ทั้ง ๆ ที่ผมนี่แหละเป็นผู้ที่เหมาะสมที่สุด” เขาเอ่ยเสียงต่ำ

ลูซิโอหันหน้ามามองอาแมนโดตรง ๆ

“ตอนแรกฉันก็จะยกดำแหน่งนี้ให้แก...แต่ที่ประชุมเห็นพ้องต้องกันว่าควรยกตำแหน่งนี้ให้ซานโซเน่”

เสียงหัวเราะแผ่วต่ำดังมาจากปากของอาแมนโด

“ไม่เคยมีใครยิ่งใหญ่ไปกว่าหัวหน้าลูซิโอ ถ้าหัวหน้าค้านอยู่คำเดียว พวกนั้นก็ไม่กล้าหือ”

เห็นได้ชัดว่าอาแมนโดไม่ได้โง่ไปกว่าเขาเลย

“นายไม่เห็นด้วยกับมติที่ประชุมหรือ”

“เพราะอะไร ผมอยากรู้เพียงเท่านี้ ถ้าท่านคิดจะมอบให้ใครเป็นหัวหน้า...ก็ควรที่จะมอบความไว้วางใจให้กับผม ผมทำงานมาให้แก็งค์มาลโซมากว่าสิบปี ฝีมือการยิงปืนไม่เป็นสองรองใคร ฆ่าศัตรูคู่อริมาก็มาก แล้วทำไม....หัวหน้าถึงเลือกมันขึ้นเป็นหัวหน้าใหญ่” เขาคำรามลอดไรฟัน

“เพราะว่าฉันไม่ไว้นายน่ะสิ”

อาแมนโดคอแข็ง

“...ไม่ไว้ใจผมหรือ”

“ตอนนี้แก็งค์ของเรามีแววทุจริตจากการแบ่งผลกำไรทางการค้า และนั่น...มันมาจากพื้นที่ที่ฉันเป็นคนให้นายไปทำ บอกตามตรงฉันไม่ได้ทวงเรื่องบัญชีหรอก แต่จีนาเป็นคนเอามาให้ฉันดู...แล้วฉันก็เห็นการยักยอกเงินจากบัญชี ซึ่งจะเป็นใครไม่ได้เลยนอกจากนาย อาแมนโด”

อาแมนโดหน้าซีดเผือด มือของเขาแข็งไปถึงเส้นเลือด เหงื่อของเขาแตกเต็มใบหน้า ปากคอสั่นไปหมด

“มัน...คงเป็นเรื่องเข้าใจผิด บัญชีนี้ผมให้คนของเราดูทุกเดือน”

“ใช่ มันคงเป็นเรื่องเข้าใจผิด ถ้านายไม่ปลอมลายเซ็นฉันลักลอบการขายยา...อาแมนโด เสียแรงที่ฉันไว้ใจนาย ทั้ง ๆ ที่คิดว่าจะให้เป็นหัวหน้าสาขาอิตาลีตอนเหนือ แต่เสียดาย....ที่ตอนนี้มันสายเกินไปเสียแล้ว”

อาแมนโดตัวแข็งทื่อ บัดนี้เขาไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าหัวหน้าเลยแม้แต่น้อย เหงื่อของเขาแตกเต็มใบหน้า ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้เงยหน้าขึ้นมอง แต่เขาก็รู้ซึ้งถึงสายตาอำมหิตที่กำลังจ้องมอง ลูซิโอหรี่ตาลง ใบหน้าของเขาไม่แสดงอาการหวั่นวิตก หรืออารมณ์ใด ๆ นี่เป็นบุคลิกลักษณะที่ทำให้ใครต่อใครหวาดผวา และไม่กล้าแม้แต่หันมามองสบตา นับว่าเป็นบุคคลที่เลือดเย็น อำมหิต แม้ใบหน้าของเขาจะเยือกเย็นดุดัน

“โปรดอภัยให้ผมด้วย วันนั้นมีคนต้องการซื้อยาเป็นจำนวนมาก แต่หัวหน้าไม่อยู่ผมก็เลยทำการบังอาจไป ถ้าการกระทำของผมทำให้เกิดการเข้าใจผิด หัวหน้าเชิญลงโทษผมได้เลย” อาแมนโดรีบก้มศีรษะขอรับโทษ

“โดยการตัดนิ้วนายน่ะหรือ”

อาแมนโดหน้าเปลี่ยนสี ถึงแม้ว่าจะโดนตัดนิ้ว....แต่มันยังก็ดีกว่าโดนยิงตายไม่ใช่หรือ

“ถ้าหัวหน้าต้องการ”

“นิ้วมือเป็นนิ้วที่มาเฟียเอาไว้ถือปืน แต่ฉันก็ยังไม่เห็นความผิดที่แกสมควรได้รับโทษ”

ลูซิโอยิ้มที่มุมปาก ไม่ใครตอบได้ว่ารอยยิ้มชนิดนั้นเป็นรอยยิ้มหยันหรือว่าเมตตากันแน่

“ไปได้แล้ว และอย่าให้ฉันเห็นหน้านายอีก”

อาแมนโดยังก้มศีรษะให้ หน้าตาของเขาตอนนี้แดงจัดและซีดเซียว สองมือกำเข้าหากันแน่น...เขารอคอยให้ลูซิโอเดินจากไปจนลับตา ลูกน้องของเขาก้าวเข้ามาหาที่ด้านหลังช้า ๆ นัยน์ตาของอาแมนโดวาววับไปด้วยความแค้น ดีล่ะ...ในเมื่อเป็นแบบนี้ เขากับหัวหน้าใหญ่ก็ไม่มีความเกรงใจกันอีกต่อไป

“เอายังไงดีครับ คุณอาแมนโด” ลูกน้องของเขากระซิบแผ่ว

“เห็นทีฉันจะเอาแกไว้ไม่ได้แล้ว...” อาแมนโดคำราม ขบกรามแน่น

*****************



เบลินญา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 7 พ.ค. 2557, 12:03:06 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 7 พ.ค. 2557, 12:03:06 น.

จำนวนการเข้าชม : 1271





<< บทที่ 5 งานเต้นรำที่ไม่อาจทนฝืน (สนพ.เลิฟอีส)   บทที่ 9 ผู้ทรยศ (สนพ.เลิฟอีส) >>
Zephyr 7 พ.ค. 2557, 21:29:05 น.
อ้าว มาลอบกัดกันเองซะแล้ว
พวกเลี้ยงไม่เชื่องนี่น้า


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account