ร้อยรักพรางตะวัน (Just To Love You)
ชีวิตและจิตใจของฉันเหมือนดั่ง..ตุ๊กตาแก้ว..
เปราะบาง..อ่อนแอแตกหักง่าย..
แต่มันจะยังอยู่ได้..ถ้ายังมีใครบางคนอยู่เคียงข้าง’
(อรณี)

‘หัวใจของผม..มีไว้เพื่อเธอ..
ดวงอาทิตย์เฉิดฉายที่ปลายฟ้า
ดวงนั้น..คงไม่มีวันตกลงมาถึงผม..’
(ภาณุ)

‘คนอย่างฉัน..ไม่เคยต้องง้อใคร..
ถึงจะวีน..เหวี่ยง..แรง..ร้าย..
แต่ยังไง..ฉันก็ยังรักเขา..’
(ชลดา)

‘ถ้าเลือกได้..สักครั้งในชีวิต
ผมไม่ต้องการ..อะไรเลย
นอกจากเธอ..ผู้เป็นดั่งรอยยิ้มของผม’
(ชัชพล)

Tags: ร้อยรักพรางตะวัน,รักซึ้งๆ,รักโรแมนติก

ตอน: บทที่ 7 คลื่นรักพัดทราย..

คลื่นรักพัดทราย


ห้องพักของชัชพลอยู่ชั้นเดียวและฝั่งเดียวกันกับคัคนานต์เพียงแต่ห้องของหญิงสาวอยู่โซนกลางส่วนห้องของชัชพลเป็นห้องสูทอยู่ริมสุดติดบันไดหนีไฟของตัวอาคารชายหนุ่มกดรหัสปลดล็อคประตูห้องอย่างใจเย็นท่าทางเหน็ดเหนื่อยอ่อนล้าต่างไปจากที่เห็นเมื่อครู่ คัคนานต์ที่กำลังจะเข้าห้องได้แต่แอบมองอย่างสอดรู้จนเขาลับหายเข้าไปภายใน

ไอเย็นฉ่ำของเครื่องปรับอากาศตกกระทบผิวกายทันทีที่ประตูห้องเปิดชัชพลถึงกับเลิกคิ้วด้วยความสงสัยก่อนจะปิดประตูแล้วเปิดไฟภายในห้องยังคงเงียบสนิทราวกับไม่มีสิ่งใด แต่บรรยากาศความเงียบก็ถูกทำลายด้วยเสียงของใครคนหนึ่งที่เขาเคยคุ้น

“กลับมาแล้วเหรอคะพี่ชัช”

อ้อมกอดอุ่นเข้าสวมกอดแผ่นหลังหนาของเขาจนถึงกับสะดุ้งแต่แล้วก็ปรับสีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นหงุดหงิดทันทีที่พยายามแกะมือเรียวที่กอดรอบเอวของเขาแน่นแต่อีกฝ่ายกลับไม่มีที่ท่าว่าจะปล่อย “ปล่อยก่อน..หายใจไม่ออก”

“คิดถึงจังค่ะ..”

เสียงหวานเอ่ยเบาหวิวพร้อมกระชับอ้อมกอดแน่นเข้าจนชายหนุ่มต้องปล่อยมือของตนที่พยายามแกะมือบางให้ตกลงข้างตัวและยืนนิ่งให้คนที่บอกว่าคิดถึงกอดเนิ่นนานนานพอที่จะรับรู้ถึงไออุ่นเปียกชื้นบนแผ่นหลังของเขา “ขอโทษที่ขัดคำสั่ง..ขอโทษที่ทนไม่ไหวนะพี่ชัช”

“ให้ทนไม่ไหวยังไงก็ต้องทน..เธอเคยพูดเองไม่ใช่เหรอ”

“ลืมมันได้มั๊ย ฉันทนไม่ไหวแล้ววันนี้เห็นพี่เอาใจใส่คนอื่นแล้วฉันอยากร้องไห้จริงๆนะ..นะ”

น้ำเสียงหวานสั่นเครือรอยเปียกชื้นเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมจนชัชพลรู้สึกได้ชายหนุ่มถอนหายใจแรงก่อนจะขืนตัวออกจากอ้อมกอดโดยที่ไม่ทันตั้งตัวเขาก็สามารถเป็นอิสระได้โดยง่ายดายและหมุนตัวกลับมาเผชิญหน้ากับคนดื้อดึง

“จะมีประโยชน์อะไร..หืม..ชลดา ในเมื่อเธอกับพี่ เราคิดต่างกันขนาดนี้ ไม่มีทางที่เราจะอยู่ด้วยกันได้หรอก”

“มีสิคะ.. ตอนนี้ชลดังแล้วชลมีชื่อเสียงแล้ว เราซื้อบ้านสวยๆ อยู่ด้วยกัน พี่ชัชชอบบ้านริมทะเลใช่มั๊ยคะที่ไหนดี..หัวหิน ภูเก็ต กระบี่ พัทยา..อืม หรือบ้านบนเขานะ”

ชัชพลจ้องมองดวงตาเรียวคมที่ประสานสายตากับเขาไม่ลดละดวงตาที่เขาเคยหลงใหลด้วยความปรารถนาแปรเปลี่ยนเป็นสมเพช เวทนาหล่อนตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เขาก็จำไม่ค่อยได้แน่ล่ะ..ชลดารักเขา ทำไมจะไม่รู้แต่ “พี่ชอบบ้านบนเขา เธอไม่เคยจำเองต่างหาก”

“ชลแค่สับสนนิดหน่อยค่ะเราแต่งงานกันนะ ชลสามสิบสอง พี่ชัชสี่สิบแล้วได้เวลาแล้วพวกเราไม่ต้องหลบๆซ่อนๆอีกแล้ว รับรองแถลงข่าวเมื่อไหร่ต้องเป็นข่าวดังแน่ๆเลยค่ะ ผู้กำกับหนังร้อยล้านกับนักแสดงพิธีกรหญิงชื่อดังทุกคนจะต้องอิจฉาความรักของเรา..นะคะพี่ชัช ”

ชลดาออดอ้อน สองแขนเรียวเกี่ยวกระหวัดรอบคอชายหนุ่มที่ส่วนสูงห่างกันพอควรแล้วโน้มใบหน้าลงมาจะจูบแต่เป็นชัชพลที่เบี่ยงหน้าหนี ริมฝีปากนุ่มจึงประทับลงบนแก้มชัชพลอย่างฉิวเฉียดหญิงสาวขมวดคิ้วมุ่นสีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นไม่พอใจฉับพลันทันใดชัชพลแสยะยิ้มมุมปากก่อนจะโพล่งบางคำที่ฟังแล้วเจ็บแสบ

“ช้าไปสี่ปีเลยนะชล คำพูดนี้ที่พี่เคยพูดกับเธอ นานไปนะ นานจนพี่ลืมไปแล้วว่าเคยพูดกับเธอแบบนี้เหมือนกัน”

“ชลจำได้ทุกประโยคเพียงแต่ตอนนั้นชลไม่พร้อมนี่คะชลเพิ่งเข้าวงการ พี่ชัชก็ยังไม่ดัง เกิดเปิดตัวว่าคบกันจะเอาอะไรกิน”

“ตอนนี้เธออยากแต่งงานกับพี่เพราะพี่ดังแล้วงั้นเหรอขอโทษนะ พี่ก็ไม่พร้อมเหมือนกัน เธอก็รู้ตอนนี้พี่ชอบคนอื่นแล้ว”

ชัลพลผละจากอ้อมแขนเรียวที่เลื่อนมาโอบเอวเขาพร้อมซบหน้าลงกับอกหนาของเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้สีหน้าผิดหวังแกมตะลึงเมื่อถูกผลักให้ออกห่างทำให้ชลดาถึงกับตาวาวใบหน้าหวานน้ำเสียงออดอ้อนเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นขึงขังขึ้นมาทันใด

“ชลไม่ยอม!! นังอรมันมาทีหลังนะ”

“มาก่อนมาหลังจะสำคัญอะไรมันสำคัญที่เธอเป็นคนปฏิเสธพี่ไปแล้วเมื่อสี่ปีก่อนต่างหากหรือเธอว่าไม่จริง..ชลดา” น้ำคำรำคาญพลางเดินผละออกห่างหญิงสาวที่พยายามยื้อยุดทำให้ชลดาถึงกับนิ่งงัน

ชัชพลทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเดินไปเปิดตู้เย็นในครัวหยิบเบียร์กระป๋องขึ้นมาเปิดดื่มอย่างรำคาญใจก่อนจะหย่อนตัวลงนั่งบนโชฟาตัวยาวอย่างเหนื่อยอ่อนชลดากำหมัดแน่นมองทุกการกระทำของเขาที่ดูจะไม่แคร์ว่าหล่อนจะรู้สึกเช่นไรหญิงสาวลอบถอนหายใจนับหนึ่งถึงสิบแล้วก้าวเข้ามานั่งลงข้างเขาอย่างใจเย็น

“พรุ่งนี้พี่ชัชมีงานเช้าที่พัทยาใช่มั๊ยชลก็จะไปดูที่แถวนั้นพอดีมีคนมาเสนอขายราคาไม่แพงเลยค่ะ พี่ชัชชอบฟังเสียงคลื่น..ชลจำได้พี่ชัชบอกว่าตัวเองเปรียบเสมือนทรายที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ยังคงจะคอยโอบอุ้มท้องทะเลกว้างใหญ่”

ชลดาเจื้อยแจ้วรำพึงถึงความหลังขณะที่เพิงไหล่ชัชพลที่เอนกายเหนื่อยล้ากับพนักโซฟาแต่ความคิดก็สะดุดหยุดลงเมื่อได้ยินคำพูดประโยคต่อมาของคนหลับตานิ่งไม่ได้สนใจใยดีมือเรียวซุกซนของหล่อนแม้แต่น้อยไม่ว่าหล่อนจะพยายามสักเท่าไหร่เขาก็ยังคงนิ่งมีเพียงคำพูดบาๆเป็นการตอบคล้ายละเมอ

“ตอนนี้พี่ก็ยังจะเป็นทรายเม็ดๆเล็กเหล่านั้นเหมือนเดิม”

“จริงเหรอคะ!!เราเหมือนเดิมได้ใช่มั๊ย ชลนึกแล้วว่าพี่ชัชคงไม่ใจร้าย..”

ชลดายิ้มหวานประกายตามีความหวังมือเรียวซุกซนกอดรอบสอบเอวหนาพร้อมซบหน้าพิงหน้าอกแกร่งของเขาอย่างยินดี..ยินดีที่ชัชพลใจอ่อน

“แต่ทรายอย่างพี่จะไม่โอบอุ้มเกลียวคลื่นที่สาดซัดไร้ทิศทางอย่างเธออีกแล้วพี่จะเป็นแค่เพียงเม็ดทรายหลายล้านเม็ดรวมกันเพียงเพื่อก่อปราสาททรายสวยงามแข็งแกร่งให้ผู้หญิงที่พี่รักอย่างสุดหัวใจก็พอแล้วเธออย่าคาดหวังอะไรในตัวพี่อีกเลย พวกเราไม่มีวันย้อนกลับไปได้”

“มีสิ!! ถ้าไม่มีนังอร ถ้านังอรเป็นปราสาททรายที่พี่ชัชอยากโอบอุ้มปกป้องมันนักหนา ชลจะเป็นเป็นคลื่นร้ายซัดปราสาททรายแสนสวยของพี่ให้มันพังลงมาต่อหน้าต่อตาไปเลยรอดูวันนั้นก็แล้วกันถ้าพี่ปฏิเสธความรักของชล รับรองนังอรจบไม่สวยแน่”


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


กว่าที่ภาณุจะกลับถึงที่พักก็ปาเข้าไปเกือบตีสองหลังจากพารถเข้าที่จอดรถบนชั้นประจำเรียบร้อย ชายหนุ่มหลับตาพิงเบาะอย่างเหนื่อยอ่อนหมู่นี้เขามีเรื่องให้คิดเยอะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานที่มีปัญหา เพราะใครบางคนเป็นตัวสร้างปัญหาเขาสังหรณ์ใจแปลกๆ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ไซด์งานวันนี้

คนอย่างเขาไม่เคยพลาดแม้แต่เพื่อนร่วมงานทุกคนล้วนไว้ใจได้ก่อนที่ใครบางคนจะก้าวเข้ามาและเขาจะต้องทำอะไรสักอย่างก่อนที่บริษัทของน่านฟ้าเพื่อนรักที่เป็นเสมือนเจ้านายจะต้องเสียหายและใครคนนั้นที่เขากำลังจับตาดูอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลก็เป็นคนใกล้ตัวอีกด้วย

ยิ่งนึกไปถึงเรื่องราวเมื่อตอนค่ำที่เขาเป็นที่ปรึกษาให้ธิเบตก็ยังนึกสงสัยอยู่กลายๆเมื่อน่านฟ้าขอให้เขาช่วยออกความเห็น

“นายว่าไงเรื่องร้านนี้น่ะมีความคิดอะไรดีๆมั๊ย”น่านฟ้าถามไถ่ความเห็นโดยที่คนต้นเรื่องกลับนิ่งเฉย ภาณุได้แต่มองไปโดยรอบใช้สายตาประเมินอย่างคนแก่ประสบการณ์กว่า

“ก็ไม่เลว”

“แค่นี้เหรอวะ..อะไรกัน สายตานายมันประเมินได้แค่นี้เหรอช่วยน้องหน่อยสิวะนายออกจะเก่งนี่หว่า”

น่านฟ้ากำหมัดเบาๆแกมหยอกเข้าที่หัวไหล่หนาของเพื่อนรัก เรียกรอยยิ้มจากสาวหนี่งเดียวที่นั่งฟังอยู่นานจนอดค่อนไม่ได้

“พี่ณุนี่อมภูมิจังนะคะไหนพี่น่านเล่าสรรพคุณซะ นางกับพี่เบตรอฟังอยู่เนี่ยค่ะ” ภาณูหัวเราะแก้เก้อเบาๆยังไม่
ทันได้พูดอะไรต่อ ธิเบตก็ขัดขึ้น “ไม่ต้องหรอกครับไม่อยากรบกวนผมจัดการเองได้ “

บรรยากาศอึมครึมไปทันตา เมื่อธิเบตตัดบทสนทนาด้วยเสียงห้วนน่านฟ้าจึงแก้เก้อเบี่ยงประเด็นถามเรื่องไซด์งานแทน

“นายว่ามีเรื่องอะไรที่ไซด์งานจะคุยนะ”

“อ่อ..เปล่าค่อยคุยก็แล้วกัน”

ภาณุปฏิเสธคำถามของน่านฟ้าเพราะสายตาที่จับจ้องมองอยู่ของธิเบตราวกับจะกินเลือดกินเนื้อเขาไม่ค่อยไว้ใจคนอย่างธิเบตสักเท่าไหร่ จนถึงตอนนี้ก็ยังยืนกรานในความคิดตัวเองอยู่ถึงแม้ฐานะทางครอบครัวของธิเบตจะค่อนข้างมีอันจะกินแต่ความรู้สึกบางอย่างทำให้เขาเริ่มจับตามองโดยเฉพาะชั้นเชิงการตลาดทางธุรกิจที่จัดว่าน่ากลัว

“คุยได้..พวกพี่คุยกันก่อนเถอะเรื่องร้านผมทีหลังก็ได้”

“ใช่ค่ะ..พวกพี่คุยกันตามสบายเลยเดี๋ยวนางสั่งเครื่องดื่มให้ พวกพี่เอาอะไรดีคะ พี่น่าน พี่เบตมีแล้ว พี่ณุล่ะคะ”

“เอ่อ..เบียร์ก็แล้วกัน” ภาณุตอบแบบขอไปที

“โอเคค่ะน้องๆ เบียร์หนึ่งเหยือก” คัคนานต์ยิ้มกว้างเอาใจหลังจากเรียกบริกรมาสั่งความเรียบร้อยทั้งหมดอยู่ในสายตาพี่ชายของหล่อนและอีกคนที่มองอยู่อย่างไม่พอใจลึกๆ

“ดูท่าน้องนางกับพี่ณุจะสนิทกันนะครับรู้จักกันนานแล้วเหรอ”

ไม่รอช้าธิเบตถามยิ้มๆ แต่นัยน์ตาวาวจนภาณุที่หันมาเห็นแววตานั้นถึงกับยิ้มค้างอย่างดูออก ยังไม่ทันได้ตอบอะไรสาวน้อยหนึ่งเดียวของกลุ่มก็หัวเราะพึงพอใจก่อนจะหันมาพยักเพยิดกับเขาภาณูได้แต่ตอบแก้เก้อโดยมีน่านฟ้ายิ้มๆ รู้ทันน้องสาว
“เอ่อ...ก็เพิ่งไม่นานน่ะ”ภาณุตอบสั้นๆแต่คำตอบของคัคนานต์ต่อมาทำให้บรรยากาศแลดูอึมครึมไปทันที

“ถึงจะไม่นานแต่นางรู้สึกพิเศษกับพี่ณุม๊ากมากค่ะ”

คำพูดของหญิงสาวทีเล่นทีจริงแต่กลับทำให้เขาต้องลำบากไปส่งหล่อนไกลถึงคอนโดมิเนียมย่านบางนาเพราะธิเบตซัดเบียร์หนึ่งเหยือกเพียงลำพังไม่ยั้งจนน่านฟ้าต้องหิ้วปีกคนคออ่อนแต่ริจะเป็นเจ้าของผับไปส่งถึงที่

อะไรก็ไม่เท่าห่วงคนที่ส่งเสียงตามสายมาหาเขาน้ำเสียงไม่สู้ดีของหล่อน ชายหนุ่มฮึดขึ้นมาอีกครั้งก่อนจะก้าวลงจากรถแล้วคนที่คุยกันค้างไว้เมื่อค่ำก็ขึ้นมานั่งที่เบาะนั่งข้างเขาจนสะดุ้ง

“อร!!ณุตกใจหมด มาไม่ให้สุ้มให้เสียง มีอะไรรึเปล่าเนี่ย”

อรณีพยักหน้าไม่ต้องเอ่ยออกมาเป็นคำพูดเขาก็พอจะรู้เหตุผล มีไม่กี่เรื่องที่จะทำให้สาวสวยตรงหน้าอ่อนแอได้ถึงขนาดนี้และเขาก็เดาไม่ผิดแค่เอ่ยถามคำถามสั้นๆอรณีก็น้ำตาตกเสียแล้ว “เรื่องไอ้นล? อีกแล้วเหรอ?”

“นลทำเรื่องอีกแล้วอรจะทำไงดี ณุ” อรณีน้ำตาคลอหมดมาดนางเอกจอมหยิ่งใบหน้านวลแดงก่ำราวคนอดนอนและผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก เขาไม่รู้เรื่องอะไรที่เกิดกับอรณีในวันนี้เลยเพราะเรื่องวุ่นที่ทำงานและยังมีต่อที่ผับ

“คราวนี้เรื่องอะไร”

ภาณุถามราวกับเห็นว่าเป็นเรื่องธรรมดาอรณีกลืนก้อนสะอื้น สูดลมหายใจแรงรวบรวมคำพูด “เรื่องเดิม” คำตอบอ้อมแอ้มเช่นเคยยามที่พูดเรื่องของ‘อนล’น้องชายคนเดียวของหล่อน ชายหนุ่มข้างกายถึงกับทอดถอนใจตาม

“ณุบอกแล้วไงอย่าตามใจมัน ไอ้นลน่ะมันจะเสียเด็กแล้วเพราะอรใจอ่อนกับมันเรื่อยแล้วนี่อยู่ไหนต้องประกันตัวอีกมั๊ยเนี่ย” ภาณุสบถ สีหน้าขึงขังผิดกับตอนปกติที่เขามักจะใจเย็นเป็นนิจอรณีส่ายหน้าทันทีที่ฟังคำจบประโยค

“ไม่ต้องแล้วรอไม่ไหว นลอาละวาดใหญ่ อรออกหน้าไม่ได้เลยขอให้โอมมาช่วยจัดการประกันตัวให้แล้วล่ะ”

“อืม..ก็ดีแล้วล่ะแล้วเราเอาไงต่อทีนี้ จะไปดูมันหน่อยมั๊ย ว่าแต่พรุ่งนี้อรมีถ่ายรึเปล่า”

ภาณุถามแต่สายตามีแววกังวล จนเผลอเคาะฝ่ามือกับพวงมาลัยอย่างใช้ความคิดอรณีรู้อากัปกิริยานั้นดีเพราะความเคยชินจึงได้แต่พยักหน้าตอบรับ

“อรอยากไปดูไปส่งหน่อยนะ’

“โอเค...” ภาณุตอบรับก่อนจะสตาร์ทรถแล้วขับออกไป เมื่อเวลาล่วงเลยผ่านไปเกือบยามสามของเช้าวันใหม่


ยามที่คนหนึ่งร้อน..อีกคนเป็นฝ่ายเงียบเสมอ

ยามที่อีกคนกังวล..อีกคนจึงมักจะเป็นทุกข์ร้อนแทนกว่าที่ควรเป็น


เป็นอย่างนี้ประจำตั้งแต่สมัยรู้จักกันครั้งแรกตอนเข้ามหาวิทยาลัยปีหนึ่งและจะยังคงเป็นอยู่เรื่อยไป..ถ้าหากไม่มีสิ่งใดมาทำให้ความสัมพันธ์นั้นสั่นคลอน


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านค่ะ

ใกล้จะทันกับที่ลงในห้องสมุดและบล็อคแกงค์แล้ว จะได้ลงพร้อมกันทีเดียวค่ะ

ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านค่า ^_____^




lovereason
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 11 พ.ค. 2557, 12:25:03 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 11 พ.ค. 2557, 12:25:03 น.

จำนวนการเข้าชม : 1435





<< บทที่ 6 สานต่อ   ตอนที่ 8 ชั่วโมงต้องมนต์...1 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account