เพลิงสวาทในรอยทราย
ทั้งๆ ที่รู้ว่าไม่สมควร ทั้งรู้ดีว่าจะเกิดเรื่องยุ่งยากตามมาภายหลัง แต่ความงามตรงหน้าก็ยากที่จะละสายตาให้ออกห่างจากเอวบางที่ยักย้ายส่ายพลิ้วไปพร้อมกับจังหวะกลอง

เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมที่เขาเคยค่อนแคะ กำลังกลายร่างเป็นนางระบำทรงเสน่ห์ที่ทำให้ใจของชายหนุ่มปั่นป่วน จนกลืนน้ำลายลงคอได้อย่างยากลำบาก

คุณธรรมและความถูกต้องกำลังดึงมูซาให้ออกห่างจากความเย้ายวนตรงหน้า ทว่า...

"ฮาน่า ไม่ว่าเจ้าจะรู้หรือไม่ก็ตามว่าเจ้ากำลังทำให้หัวใจของข้าแทบจะหยุดเต้น เจ้าจะไม่มีทางรอดพ้นอ้อมกอดของข้าในคืนนี้ไปได้"


เล่มนี้เป็นเรื่องราวของชายผู้หายสาบสูญในเรื่องเหลี่ยมรักบัลลังก์ทรายค่ะ ใครยังจำอดีตองค์รัชทายาทมูซาได้มั่งคะ ^^ พบกันหลังปิดต้นฉบับ หวานรักในลมหนาวนะคะ Coming Soon
Tags: ทะเลทราย,มูซา

ตอน: บทที่ 5 ตามล่า

บทที่ 5 ตามล่า



เสียงเครื่องปรับอากาศผสานกับเสียงหอบหายใจด้วยความกรุ่นโกรธหญิงสาวตรงหน้าที่เขาแทบอยากจะบีบคอให้ตายคามือเมื่อได้รับรู้ความจริงจากปากเมียรักว่าได้มอบเพชรสีชมพูสมบัติล้ำค่าที่เขาให้เป็นของขวัญแต่งงานกับชายชู้

มือหนาที่เพิ่งฝากรอยช้ำบนแก้มนุ่มกำแน่นพยายามห้ามตัวเองอย่างยิ่งที่จะไม่เข้าไปบีบคอร่างระหงที่ทรุดนั่งอยู่ที่พื้น

“คงอยากจะฆ่าฉันมากสินะ น่าเสียดายนะที่ไม่ว่าคุณจะโกรธฉันยังไง แต่ก็ทำให้ฉันตายไม่ได้ ตราบใดที่อิทธิพลของพ่อฉันยังคุ้มกะลาหัวคุณและพรรคพวกอยู่” น้ำเสียงที่ไม่สะทกสะท้านกับความเจ็บหลังถูกตบของหญิงสาวยิ่งทำให้เส้นเลือดในสมองของคอร์เทส วินน์ เจ้าพ่อคาสิโนแห่งลาสเวกัสเต้นตุบๆ

มือบางปาดเลือกที่มุมปากจ้องมองร่างสูงของสามีอย่างไม่หวาดหวั่น เธอสะใจที่เขาโกรธจนแทบบ้าเมื่อรู้ว่าเพชรล้ำค่าได้หายไป เธออยากให้เขาคลั่งตายทนไม่ได้และไปจากชีวิตเธอซะ

การตกนรกทั้งเป็นอยู่อย่างนี้ทำให้เธอแทบบ้า

“ไม่รู้ว่าผมทำกรรมอะไรเอาไว้นะ ถึงได้ผู้หญิงโง่ๆ อย่างคุณมาเป็นเมีย” น้ำเสียงห้าวลึกคมกริบราวกำลังเฉือนเนื้ออแมนด้าออกเป็นชิ้นๆ

เจ้าพ่อคาสิโนหนุ่มขบกรามแน่นใช้ความพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะไม่ชักปืนออกมาเป่ากะโหลกสวยๆ ของเมียรัก แม้อีกฝ่ายจะพยายามยั่วโมโหทำให้เขาโกรธจนเส้นเลือดในสมองจะระเบิด

เพชรสีชมพูเม็ดเขื่องน้ำงามสมบัติล้ำค่าที่ประเมินราคามิได้ที่เขากำลังจะเอาไปใช้ต่อรองกับชีคเฒ่าเพื่อขอความร่วมมือทางธุรกิจมืดเป็นอันพังยับเพราะความโง่เขลาของผู้หญิงตรงหน้า

“ถ้าฉันไม่โง่ฉันจะได้คุณมาเป็นผัวรึ ฮึ ชีวิตฉันมันระยำขึ้นก็ตั้งแต่หลังแต่งงานกับคุณ งั้นเราก็ออกจะเหมาะสมกันแล้วนี่”

ใบหน้าสวยเฉี่ยวหลบวูบเมื่อเห็นร่างสูงเงื้อมือขึ้น แม้จะเตรียมใจรับผลของการยั่วโทสะคนตรงหน้า แต่ก็อดที่จะหลบวูบตามสัญชาตญาณไม่ได้

มือแข็งไม่ได้ฟาดลงบนใบหน้างามอย่างที่คิด แต่ตรงเข้าบีบคางเรียวเสียจนเจ็บร้าวไปทั้งกราม

“อย่าคิดว่าการที่คุณทำแบบนี้ผมจะปล่อยให้คุณเป็นอิสระนะที่รัก สิ่งเดียวที่จะพรากผมกับคุณได้ก็คือความตายเท่านั้น ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่เร็วๆ นี้ อย่างน้อยคุณก็ต้องได้เห็นเสียก่อนว่าชู้รักของคุณตายยังไง” รอยยิ้มเหี้ยมปรากฏบนใบหน้าดุดันก่อนจะเอ่ยประโยคที่ทำให้อแมนด้าบุตรสาวเพียงคนเดียวของผู้ที่ทรงอิทธิพลที่สุดในลาสเวกัสขบกรามแน่นสาปแช่งให้กับความเลวทรามของสามี

“คุณคิดว่าผมจะจัดการกับชายชู้ของคุณยังไง หืม ลองใช้สมองน้อยๆ ของคุณจินตนาการดูสิที่รัก”

ดวงตากลมโตเบิกกว้างอย่างตกใจไหวระริก ริมฝีปากสั่น

“อย่าทำอะไรเขา!” หญิงสาวตวาดลั่น เธอรู้ว่าวินน์มีวิธีจัดการคนที่ขวางหูขวางตาเขายังไง และรู้ดีว่าเขากำจัดอดีตคนรักและเหล่าชายชู้ของเธอยังไง แต่กับแมททิวผู้ชายลึกลับคนนี้วินน์จะไม่มีทางแตะต้องเขาแม้แต่ปลายเล็บ

ไม่มีทาง ไม่จริง วินน์ไม่มีทางรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน มันก็แค่ขู่เท่านั้น

เธอวางแผนปกป้องชู้รักที่เธอแอบเผลอใจให้มาอย่างดี ซึ่งหารู้ไม่ว่าสิ่งที่เธอคิดว่าดีที่สุดนั้นก็ยังแพ้ต่ออำนาจของสามีผู้เหี้ยมโหด

ใบหน้าดุดันสไตล์มาเฟียกระตุกยิ้มมุมปาก “ดูเหมือนจะช้าไปเสียแล้วที่รักพ่อชายชู้ของคุณคงโดนอีแร้งรุมทิ้งไม่เหลือซากแล้วล่ะ”

ร่างบางลุกยืนด้วยเรี่ยวแรงมหาศาลที่มาจากอารมณ์โกรธก่อนจะพุ่งเข้ากระชากสาบเสื้อสูทของสามี “คุณพูดอย่างนี้หมายความว่ายังไง คุณทำอะไรเขา! บอกฉันมานะ!”

“แหม ดูคนนี้จะพิศวาสมันมากสินะถึงได้มองผมราวกับจะฉีกแยกร่างขนาดนี้”

ดวงตาแวววาวเต็มไปด้วยไฟแค้น ริมฝีปากที่เพิ่งเช็ดเลือดที่มุมปากเม้มแน่น “ปล่อยเขา แล้วฉันจะคืนเพชรให้คุณ”

“คงไม่ทันแล้วล่ะ” มือหนาล้วงเอาภาพถ่ายในเสื้อสูทออกมาโชว์ตรงหน้าพร้อมรอยยิ้มสาแก่ใจ

มือบางปล่อยสาบเสื้อวินน์ในทันที รีบคว้าเอาภาพมาดูให้ชัดๆ ก่อนจะเบิกตากว้างริมฝีปากสั่นระริกมองภาพถ่ายชายหนุ่มที่ถูกมัดมือมัดขานอนฟุบอยู่บนพื้นห้องที่ไหนสักแห่งในสภาพเลือดอาบไปทั่วทั้งตัว

“คุณทำอย่างนี้ได้ยังไง วินน์ คุณมันเลว ไอ้ชั่ว บอกฉันมาว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน บอกมานะ!” กำปั้นเล็กระดมทุบลงบนอกอีกฝ่ายด้วยความโกรธจัดระคนเสียใจกับสิ่งที่หนุ่มคนรักต้องพบเจอเพราะตนเองเป็นต้นเหตุ

ใบหน้าเหี้ยมแสยะยิ้มขณะที่แววตาแข็งกร้าว

“ที่รัก...คุณก็รู้นี่ว่าผมเลวยังไง คุณยังคิดว่าไอ้ชู้รักของคุณมันจะมีชีวิตรอดงั้นหรือ ถ้าเป็นเรื่องอะไรก็ตามที่เกี่ยวกับชู้รักและความร่านของคุณ ผมก็เลวได้ทั้งนั้น!” มือใหญ่ยึดข้อมือบางเอาไว้พร้อมกระซิบถามภรรยาสาวด้วยเสียงต่ำๆ

-ต่อ-

เพี้ย! เสียงฝ่ามือกระทบลงบนแก้มสากอย่างไม่ออมแรง เจ้าของใบหน้ามองผู้ฝากรอยด้วยดวงตาวาววับก่อนจะปรับเป็นเรียบเฉย ยกมือขึ้นลูบแก้มสากและหลุดเสียงหัวเราะที่ทำเอาคนฟังขนลุก แววตาของผู้ชายตรงหน้าบ่งบอกว่าเขาหลุดไปอีกโลก ทำให้อแมนด้าผงะถอยหลังด้วยสัญชาตญาณเมื่อสำเนียกได้ถึงปฏิกิริยาของคนตรงหน้าที่แผ่รังสีอันตรายดุร้ายราวสัตว์ป่าออกมา

“ฉัน” แววตาว่างเปล่าของสามีทำให้ขนกายหญิงสาวลุกชัน สมองสั่งให้เธอต้องหนี หนีให้เร็วที่สุดไม่อย่างนั้นเธอได้ตกนรกทั้งเป็นแน่ๆ แต่ไม่ว่าจะรีบอย่างไรก็ไม่ทันร่างสูงที่เข้ามาคว้าเอวบางของเธอเอาไว้ทำให้ร่างของเธอล้มลงไปนอนกับพื้นจุกเสียดไปทั่วร่าง ถึงอย่างนั้นร่างบางก็พยายามตะเกียกตะกายไปที่ประตูด้วยความหวังว่าจะรอดพ้นเงื้อมมือของสามีตามกฎหมาย แต่มือหยาบก็ทำลายความหวังของเธอให้ดับวูบด้วยการลงมือกระชากไหล่บอบบางให้หันกลับมาแล้วยึดข้อมือหญิงสาวตรึงเข้ากับพื้นก่อนที่สามีตามกฎหมายจะเริ่มลงทัณฑ์เธอด้วยความหยาบกระด้างกักฬะและวิปริตเสียจนเธออยากจะขาดใจตายในนาทีนั้นให้รู้แล้วรู้รอด ความบอบช้ำที่ต้องรองรับตัณหาของผู้เป็นสามีทำให้อแมนด้าไม่ต่างอะไรจากตกนรกทั้งเป็น เพราะอย่างนี้เธอจึงได้แสวงหาความอ่อนโยนจากชายอื่น

เรื่องเหล่านี้เธอไม่สามารถบอกใครได้แม้แต่บิดาของเธอ เพราะสิ่งที่ท่านสนใจก็ไม่ต่างอะไรกับผู้ชายที่กระทำย้ำยีเธอในตอนนี้ บิดาผู้สนใจเพียงค่าอำนาจเงินทอง การมีเธอก็เหมือนกับการมีหมากมีเครื่องมือต่อผลประโยชน์ทางธุรกิจ บิดาผู้ไม่เคยสนใจว่าได้เป็นผู้ผลักเธอเข้าสู้นรกย่อมไม่สนใจเช่นกันว่าเธอจะมีความสุขหรือไม่

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่บิดา ‘ขาย’ เธอให้กับอำนาจชื่อเสียงและเงินทอง ร่างกายและหน้าตาสวยงามที่ได้มาจากมารดาที่เป็นเพียงหญิงขายบริการถูกคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าพ่อใช้หาผลประโยชน์ครั้งแล้วครั้งเล่า ก่อนจะมาจบที่การแต่งงานกับคอร์เทส วินน์

การแต่งงานที่เกิดจากผลประโยชน์ทางธุรกิจมีมากมายในสังคม แต่อแมนด้าเชื่อว่าคงไม่มีใครโชคร้ายเท่าเธออีกแล้ว ความเลวร้ายของชีวิตที่ต้องสังเวยร่างเพื่อฐานอำนาจมืดของบิดาไม่มีครั้งไหนที่เลวร้ายจนเธอรู้สึกอยากจะตายเท่าครั้งนี้

หญิงสาวกัดริมฝีปากกลั้นเสียงร้องที่มาจากความเจ็บปวดเอาไว้ปล่อยให้น้ำตาหลั่งรินออกมาแทนความรู้สึก พลางคำนึงถึงชายหนุ่มผู้ที่ขโมยหัวใจเธอไปตั้งแต่ครั้งแรกที่พบหน้า

แมทธิว คุณอยู่ที่ไหน ฉันเสียใจ ฮือ ฉันขอโทษที่ทำให้คุณต้องเดือดร้อนเพราะฉัน



แสงแดดอ่อนๆ ในยามเช้าที่พยายามลอดผ่านรอยแยกของผ้าม่านหน้าต่างเข้ามาเกือบจะทำให้ห้องนอนสีขาวดูอบอุ่นขึ้น แต่ก็ไม่อาจสู้เย็นชืดเฉยชาของแผ่นหลังกว้างได้

ร่างสูงที่กำลังสวมเสื้ออยู่หน้ากระจกชะงักมือทันทีเมื่อได้ยินเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์ เมื่อเห็นหมายเลขโทรศัพท์ทางไกลขึ้นบนหน้าจอก็ไม่ลังเลที่จะกดรับ

“ว่าไง ได้เรื่องรึเปล่า”

“เอ่อ นายครับ เราไม่เจอศพของผู้ชายคนนั้นครับและก็ไม่เจอเพชรด้วย” ลูกน้องตอบเสียงหวาดๆ เพราะรู้ดีว่าคำตอบที่มีให้เจ้านายนั้นไม่ใช่สิ่งที่เจ้านายพอใจ

“อะไรนะ! ฉิบหายเอ๊ย พวกมึงหาซากมันไม่เจออย่างนั้นเหรอ มันจะเป็นไปได้ยังไงเพิ่งจะผ่านมาได้แค่ไม่กี่วัน ค้นหาให้ทั่ว หากไม่ได้ของไม่ต้องกลับมาให้กูเห็นหน้า และถ้าคิดจะกลับมาก่อนทั้งที่ไม่มีอะไรคืบหน้าก็เตรียมบอกญาติให้หาหลุมศพเอาไว้เลย!” มือหนาตัดสายทันที ใบหน้าดุดันหันซ้ายหันขวาอย่างงุ่นง่านก่อนจะระบายอารมณ์โกรธด้วยการทุ่มโทรศัพท์มือถือในมือลงบนเตียงกว้างที่บัดนี้ปราศจากร่างของภรรยาสาว เหลือเพียงรอยยับย่นของที่นอนที่ทิ้งไว้ต่างหน้าให้รู้ว่ามีคนนอนอยู่เมื่อคืนเท่านั้น

“เธอทำฉันแสบมากนะอแมนด้า คบชู้ไม่พอยังกล้าเอาสมบัติของฉันไปปรนเปรอมันอีก ฮึ อย่างหวังเลยว่าฉันจะปล่อยให้มันลอยนวลมาประจานความโง่ของฉัน”

ขณะที่เจ้าพ่อกาสิโนกำลังเดือนดาลอยู่เพียงลำพังฝ่ายลูกน้องที่ยืนฝ่ากระแสความร้อนจัดกลางทะเลทรายก็หันมามองหน้ากันอย่างอับจนปัญญา เพราะนอกจากสิ่งที่นายสั่งพวกเขาทั้งสามคนจะทำไม่ได้แล้ว พวกเขายังมีเรื่องสำคัญอีกเรื่องที่ปิดบังเจ้านายอยู่

“จะเอายังไงกันดี หากนายรู้ว่าเราไม่ได้เช็คว่าเจ้าหมอนั่นมันตายจริงรึเปล่า แค่เราทิ้งมันไว้กลางทะเลทรายเพราะคิดว่ายังไงก็คงไม่รอด แล้วเกิดมันยังไม่ตายล่ะ” คนที่เพิ่งวางสายจากเจ้านายหันมาถามพรรคพวกด้วยความเครียด

“โธ่โว้ย ก็แล้วทำไมไม่ทำให้มันตายเสียก่อนเล่า ฉันบอกให้ฝังมันซะตั้งแต่ตอนนั้นก็ไม่มีใครเชื่อ อยากจะปล่อยมันทิ้งไว้อย่างนั้นเองทำไมเล่า เห็นไหมว่าเกิดเรื่องเข้าจนได้” คนที่สูงที่สุดในกลุ่มสบถหยาบคายเมื่อนึกถึงการคาดคะเนที่อาจเป็นไปได้

“เพราะแกนั่นแหละ บอกให้ปล่อยทิ้งไว้ให้มันทรมานจนตายไปเอง ถ้าฆ่าให้ตายและเอาไปฝังตั้งแต่ทีแรกป่านนี้เราก็ไปตามขุดมันขึ้นมาจากหลุมแล้วเอาเพชรไปให้นายได้แล้ว” เจ้าของมือถือกันไปโยนความผิดให้คนข้างๆ

“ใครมันจะไปรู้วะว่ามันมีของสำคัญของนายติดตัวมาด้วย ตอนนั้นนายก็เห็นดีเห็นงามไปกับฉันด้วยไม่ใช่รึไง” คนตัวเล็กที่สุดเอ่ยแย้ง

“หึ”

“โว้ย พวกแกหยุดทะเลาะกันได้แล้ว ชีวิตเฉียดอยู่บนความตายกันทั้งโคตรขนาดนี้ยังมีอารมณ์มาทะเลาะกันอีก มาช่วยกันคิดดีกว่าว่าจะไปตามหาเจ้าหมอนั่นได้ที่ไหน” คนที่สูงกว่าใครเพื่อนระเบิดอารมณ์ใส่เพื่อนร่วมงานด้วยอาการคล้ายจะสติแตกเต็มที สองมือปืนที่เหลือจึงสงบศึกกันชั่วคราว

“เรื่องเจ้าหมอนั่นมีชีวิตอยู่หรือไม่ ไม่สำคัญแล้ว หากมันไม่ตายเราก็ทำให้มันตายแล้วรีบเอาเพชรมาคืนนายก็พอ” คนตัวเล็กสุดในทีมเอ่ยขึ้นมาด้วยอารมณ์รำคาญที่เพื่อนร่วมงานมักทำตัวเป็นกระต่ายตื่นตูม

“พูดง่าย แต่จะไปตามหาที่ไหนเล่าก็ในเมื่อเราตามมา 2 วันแล้วยังไม่มีเบาะแสอะไรเลย ถ้าแกฉลาดนักก็เสนอวิธีมาซิ” คนรับคำสั่งจากวินน์ในตอนแรกแค่นหัวเราะใส่เจ้าคนที่มักทำตัวฉลาดข่มคนอื่น

“พอได้แล้วน่า นี่ไม่ใช่เวลามาทะเลาะกันนะ มาช่วยกันคิดดีกว่าเพราะหากเราตามซากเจ้านั่นและหาเพชรให้นายไม่ได้พวกเรานี่แหละจะกลายเป็นศพ” คนตัวโตที่สุดในกลุ่มเอ่ยปากอย่างเหลืออดพร้อมกระชับกระบอกปืนในมือขึ้นมาขู่ “หากยังไม่หยุดประชดประชันกันอีกละก็คงได้มีใครกลายเป็นศพแทนเจ้าหมอนั่นแน่”

หลังจากนั้นทุกคนจึงยอมหุบปากแล้วเปลี่ยนมาใช้สมองทำงานแทน



ทีมนักล่าของวินน์ตามหาตัวมูซามาเป็นเวลากว่า 2 วันท่ามกลางทะเลทรายร้อนระอุ การทำงานที่ต้องแข่งกับเวลาเป็นสิ่งที่กดดันสำหรับทั้งสามคน แต่นั่นไม่น่ากลัวเท่ากับความลับที่พวกเขาปกปิดเจ้านายเอาไว้ ตลอด 2 วันที่ผ่านมาพวกเขาแบ่งพื้นที่กันออกตามล่าหาตัวของหนุ่มชู้รักของเมียเจ้านายแต่ยังไร้วี่แวว

การค้นหาคนใกล้ตายที่กินระยะเวลามากว่า 2 สัปดาห์ในดินแดนอันกว้างใหญ่ที่เต็มไปด้วยเผ่าเร่ร่อนกว่าร้อยเผ่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย บางเผ่ายินยอมให้พวกเขาเข้าไปค้นหา บางเผ่าไม่ยินยอมซ้ำเกือบมีการปะทะกันเพราะความไม่เข้าใจทางภาษาและพวกเขา 3 คนไม่มีพลังต่อกรกับคนกว่าครึ่งร้อยของเผ่า ครั้นจะเรียกกำลังเสริมก็เกรงว่านายจะรู้ว่าอีกฝ่ายอาจจะยังชีวิตไม่ได้ตายตามที่เขารายงานแล้วความซวยก็จะมาตกอยู่ที่พวกเขาทั้ง 3

ดังนั้นเพื่อต้องการรักษาชีวิตของตนเองและครอบครัวพวกเขาจึงจำเป็นต้องใช้ความสามารถค้นหากันเอง

คืนนี้เป็นคืนที่ 3 แล้วที่สามนักล่าต้องกลับเข้าเมืองมานอนพักในโรงแรมด้วยความเหนื่อยล้าหลังจากที่ตระเวนหาและค้นตามที่ต่างๆ เท่าที่จะสามารถทำได้

“หากยังเป็นอย่างนี้ต่อไป อีกไม่นานนายคงรู้แน่ๆ ว่าเราทำงานไม่เรียบร้อย” คนพูดทิ้งน้ำหนักตัวลงบนพื้นห้องด้วยท่าทีเหนื่อยอ่อน

“มีชนเผ่าเร่ร่อนตั้งเป็นร้อยจะให้เจอวันสองวันได้ยังไงวะ”

“โธ่โว้ย แล้วเราจะทำยังไงกันดี หากมันไม่ปะปนอยู่กับพวกเผ่ากลางทะเลทรายนั่นงั้นก็คงตายๆ ไปแล้วมั้ง”

“ไม่ ฉันสังหรณ์ใจว่าไอ้หมอนั่นน่าจะยังมีชีวิตอยู่ เราต้องหามันให้เจอ” หัวหน้านักล่าบอกอย่างเชื่อมั่น ไม่ว่าอย่างไรเขาก็จะหาตัวผู้ชายคนนั้นให้เจอ เพราะถ้าไม่เจอลูกเมียเขาตกอยู่ในอันตรายแน่ๆ



ในขณะที่ทีมนักล่าตามตัวชายหนุ่มที่มีค่าหัวสูงกันด้วยความดุเดือด แต่นับว่าเป็นโชคดีของมูซาที่เผ่านากานั้นตั้งอยู่ห่างจากจุดค้นหาของนักล่าทั้งสามเป็นระยะกว่า100 ไมล์ เพราะในช่วงเวลาที่ฮาน่าพบมูซานั้นอยู่ในช่วงระหว่างอพยพย้ายถิ่นไปตั้งหลักที่ใหม่ของเผ่าที่ต้องอยู่ในเขตที่ถือว่าปราการแน่นหนาเนื่องจากอยู่ภายในวงล้อมของเผ่าในภาคีที่คอยเฝ้าระวังโอเอซิสที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดในผืนทรายแห่งนั้น หวังว่าโชคจะเข้าข้างมูซาตลอดไป



ด้านอแมนด้าหลังกลับจากคฤหาสน์หลังงามที่เป็นดั่งเรือนหอมาที่บ้านของตนเองก็เอาแต่เก็บตัวเงียบอยู่ในห้องนอน บ่าวไพร่คนรับใช้ได้แต่ซุบซิบกันเสียงขรมเมื่อเห็นสภาพนายหญิงของบ้านหลังลงจากรถในตอนเช้ามืด

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่คนในบ้านเห็นสภาพอันน่าตกใจของหล่อน ตั้งแต่หญิงสาวแต่งงานกับเจ้าพ่อกาสิโนผู้ร่ำรวยเหตุการณ์อย่างนี้ก็แทบจะกลายเป็นความเคยชิน แต่ไม่มีครั้งไหนจะน่ากลัวเท่าครั้งนี้

แรกๆ บ่าวไพร่ต่างพากันตกอกตกใจโทรไปรายงานประมุขของบ้าน แต่สิ่งที่ได้กลับมามีเพียงคำสั่งให้เรียกหมอมาดูอาการเท่านั้น โดยที่ตัวท่านเองไม่เคยแม้แต่จะเยี่ยมหน้าเข้ามาดูลูกสาว

“น่าสงสารคุณหนูเนอะ นายท่านไม่สงสารลูกตัวเองบ้างเหรอ” เด็กสาววัยรุ่นคนหนึ่งเอ่ยขึ้นขณะยกแก้วน้ำของคุณหมอมาล้าง

“จะทำยังไงได้ นี่แหละเขาเรียกน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า ผลประโยชน์ต่างตอบแทน ในโลกธุรกิจมืดไม่มีคำว่าสงสารเห็นใจ” หญิงวัยกลางคนถอนหายใจยาวพลางอธิบายให้เด็กน้อยเข้าใจ

“แต่คุณหนูเป็นลูกนายท่านนะ ท่านปล่อยให้คนอื่นรังแกได้ยังไง” เด็กสาวแย้ง

“แต่นั่นก็ลูกเขยที่ให้ผลประโยชน์เหมือนกันไง เรื่องของเจ้านายหล่อนอย่าใส่ใจให้มันมากนักเลย”

“ก็ฉันสงสารคุณหนูนี่”

“คนหนูเองก็ร้ายไม่ใช่เล่น เรื่องแค่นี้คุณหนูไม่เก็บอามาคิดมากหรอก พอแผลหายเธอก็กลับมาร้ายกาจได้เหมือนเดิมแล้ว” แม่บ้านวัยกลางคนกล่าวตัดบทก่อนจะเดินจากไปทิ้งให้เด็กสาวขมวดคิ้วมุ่นไม่เห็นด้วยกับคำพูดนั่น แต่ก็ไม่ได้แย้งอะไรออกไป

ซึ่งไม่ผิดไปจากที่แม่บ้านได้กล่าวเอาไว้เพราะทันทีที่แผลบนร่างกายของเธอหายหลงเหลือเพียงรอยจางๆ ที่สามารถกลบได้ด้วยรองพื้นสีเนื้อ อแมนด้าก็ออกท่องราตรีได้อย่างเคยราวกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น เพียงแต่ครั้งนี้ภายใต้ความเสเพลเกเรที่ชินตาของผู้คนในสังคม เธอได้วางแผนจ้างนักสืบมือดีควานหาตัวของหนุ่มคนรักด้วยความหวังว่าเขาจะยังมีชีวิตอยู่ โดยตั้งใจไว้ว่าหากเจอเขาแล้วเธอจะหนีไปพร้อมกับเขาไปใช้ชีวิตครอบครัวอยู่ด้วยกันที่มุมไหนสักแห่งของโลก หนีให้ไกลจากสามีโรคจิตของเธอ ไม่อย่างนั้นสักวันก็คงเป็นเธอที่ต้องลงมือฆ่าคอร์เทส วินน์ด้วยตัวเอง

“นี่คือรูปถ่ายของเขา ตามหาเขาให้เจอและทำให้เงียบที่สุด ฉันยอมจ่ายไม่อั้นหากทุกอย่างสำเร็จ”

นักสืบที่สวมเสื้อผ้าลำลองไสตล์นักท่องราตรีคีบรูปขึ้นมาดูก่อนจะทำท่าก้มลงไปกระซิบให้เหมือนกำลังเกี้ยวพาราศีเพื่อตบตาคนนอก

“รับรองว่าคุณผู้หญิงจะไม่มีทางผิดหวังแน่นอน” นิ้วแข็งเสียบรูปลงบนกระเป๋าเสื้อด้านหน้าก่อนจะยกสองนิ้วขึ้นจรดปากตัวเองทำเป็นส่งจูบให้นายจ้างสาวแล้วผละออกไปอีกหามุมที่เงียบสงบยกเครื่องมือสื่อสารขึ้นกดโทรออกทันที

“ได้เรื่องแล้วครับท่าน ผมคิดว่าเราเจอปัญหาแล้ว” นักสืบหนุ่มในคราบนักท่องราตรีรายงานผลข่าวล่าสุดที่ได้รับรู้มาให้คนที่อยู่ปลายสายฟังอย่างละเอียด ก่อนจะรอคอยคำสั่งจากอีกฝ่ายว่าให้ดำเนินการอย่างไรต่อไป

“ผมจะทำให้ดีที่สุด ท่านไม่ต้องห่วงเจ้าชายมูซาจะปลอดภัยแน่นอนครับ”



ร่างบางที่กำลังถือถาดน้ำชาเข้ามาวางบนโต๊ะทรงงานของรัชทายาทคนปัจจุบันของซาลา หญิงสาวสังเกตเห็นใบหน้าคมเคร่งเครียด คิ้วเข้มขมวดแน่นเสียจนอยากจะเอานิ้วเข้าไปกดระหว่างหัวคิ้วให้คลายออกจากกัน แต่ที่ทำได้คือส่งเสียงถามไถ่อย่างห่วงใย

“ทรงมีเรื่องไม่สบายพระทัยหรือเพคะฝ่าบาท” ร่างบางวางถามลงบนโต๊ะกลางห้องแล้วเดินเข้าไปหาร่างแกร่งที่นั่งหลับตาเอนหลังอยู่บนเก้าอี้ทรงงาน

มือใหญ่ยื่นมาด้านหน้า ไอรีนรีบวางมือเล็กๆ ของตนลงอย่างรู้งานไม่ ทันทีที่มือทั้งคู่สัมผัสกันเจ้าของฝ่ามือใหญ่ก็รั้งร่างเล็กลงไปนั่งเกยอยู่บนตักกว้างแข็งแรงไม่ต่างจากเก้าอี้หนังที่คนตัวโตนั่งอยู่

อ้อมแขนแข็งแรงโอบรอบร่างเล็ก เกยคางบนไหล่บางก่อนเอ่ยเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ภรรยาสุดที่รักฟังด้วยน้ำเสียงวิตกกังวล

“หากเป็นเช่นนั้นก็เท่ากับว่าเจ้าชายมูซากำลังตกอยู่ในอันตรายน่ะซิเพคะ”

“ใช่ แต่ข้าได้สั่งทหารของเราคอยจับตาดูคนของคอร์เทส วินน์เอาไว้แล้ว รวมถึงผู้หญิงคนนั้นด้วย อย่างน้อยหากมีอะไรเกิดขึ้นกับมูซา เราก็ยังป้องกันเขาได้”

“แต่ก็ไม่ปลอดภัยเท่ากับที่เจ้าชายอยู่ที่วัง พระองค์อยากให้เจ้าชายกลับมาที่วังมากกว่าใช่ไหมเพคะ” ไอรีนพูดถูก เขาอยากให้น้องชายหัวตัวดีกลับมาอยู่ที่นี่ เพราะเป็นที่ที่ปลอดภัยที่สุด แต่เขารู้ดีว่าตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา คนอย่างมูซายิ่งล่าเขาก็ยิ่งหนี เห็นได้จากหลายปีมานี้เขาส่งคนไปตามตั้งเท่าไหร่ แต่ก็ไม่เคยจับได้ไล่ทันมูซาเสียที กว่าคนของเขาจะไปถึงอีกฝ่ายก็หนีไปไกลทิ้งไว้เพียงจดหมายฝากความคิดถึงและคำขอโทษเท่านั้น

“ข้าเชื่อว่าครั้งนี้มูซาจะต้องกลับมา แม้จะไม่ใช่วันนี้ แต่คิดว่าอีกไม่นาน” สุรเสียงแสดงความมั่นอกมั่นใจขององค์รัชทายาททำให้ไอรีนขยับคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจ

หรือว่าพระองค์วางแผนอะไรเอาไว้!



------------



****ตอนนี้ที่เพจกำลังเล่มเกมชิงของฝากจากต่างแดนอยู่นะคะ (ลาฌีนุสเพิ่งกลับจากเที่ยวฮ่องกง-มาเก๊ามาค่ะ ไม่ลืมถือของฝากติดมือมาแจกเฟนเพจด้วย^^) ใครสนใจเข้าไปกดไลท์เพจและร่วมเล่มเกมได้นะคะ****

++++ของฝากผลงาน e-book นิยายเรื่องแรกของลาฌีนุสที่นำมาปรับปรุงใหม่พร้อมเพิ่มตอนพิเศษที่หาอ่านที่ไหนไม่ได้อีกแล้วไว้ด้วยนะคะ




http://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&book_id=12846

เรื่องนี่ค่อนข้างสวีทดราม่า หวานอมขมกลืนเล็กน้อยนะคะ 555 ราคาเบาๆ เพียง 120 บาท หากชอบอะไรที่เจ็บจี๊ด หน่วงๆ หน่อย อยากบีบคอพระเอกเป็นบางตอน อยากยุให้นางเอกรับรักพระรอง เรื่องนี้ใช่เลยค่ะ กร๊ากกก





ลาฌีนุส
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 11 พ.ค. 2557, 22:23:51 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 11 พ.ค. 2557, 22:23:51 น.

จำนวนการเข้าชม : 3496





<< บทที่ 4 ผู้หญิงเข้าใจยาก   บทที่ 6 เจ้าสาวคืนเดียว100% >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account