สัญญารัก...ข้ามฟ้า (สนพ ดอกหญ้า 2000)
เอริน..ว่าที่มัคคุเทศก์คนใหม่วัย 25 ปี ที่โชคชะตานำพาให้พบกับใครบางคนที่แดนไกลในครั้งอดีต และต้องจากกันไป
ชานนท์..นักธุรกิจหนุ่มใหญ่วัย 35 ปี เขากำลังกลับมาตามหาอดีตที่หายไปหลังจากปล่อยเธอไปเมื่อหนึ่งปีก่อน พร้อมกับมาทวงสัญญารักที่จะทำให้เธอต้องจนมุม...อีกครั้ง


Tags: สัญญารัก...ข้ามฟ้า , รักโรแมนติก , ซึ้งกินใจ

ตอน: การเดินทางอันแสนหวานและเค้าลางของความยุ่งยาก 1


รถกระบะสองประตูคันเก่าเริ่มแล่นออกจากบ้านสวนโฮมสเตย์ไปตามถนนเลียบทะเลผ่านบ้านครึ่งปูนครึ่งไม้สีขาวร่มรื่นของกรณ์ เอรินได้แต่ชะเง้อชะแง้มองหาคนในบ้านจนลับสายตาแต่ก็ไม่เห็นใคร จนรถแล่นผ่านบ้านสีขาวบนเนินเขา เอรินได้แต่มองผ่านไปอย่างเศร้าหมองในใจ อีกไม่นานบ้านแสนสวยหลังนี้ก็จะถูกรื้อถอนดดยนายทุนต่างชาติเสียแล้ว มีความผูกพันบางอย่างที่หล่อนไม่สามารถเข้าใจได้เมื่อยามเข้าใกล้บ้านหลังนี้ทุกครั้ง

แล้วอะไรบางอย่างที่หนักหน่วงก็ทับลงบนหัวไหล่บาง เอรินถึงกับสะดุ้งเหลือบตามองพบว่าชานนท์หลับคอพับคออ่อนเอนมาทางตนตามแรงรถที่สั่นคลอนเพราะความเก่าของมันทำให้การเดินทางไม่ค่อยจะสะดวกสบายนัก นึกสงสารคนไม่เคยลำบากอยู่เหมือนกันจึงได้แต่จับแก้มสากของชายหนุ่มแล้วโน้มให้พิงลงกับไหล่ตนอย่างแผ่วเบา

“คุณเนี่ยน๊า หลับเหมือนเด็กๆเลย” หญิงสาวพึมพำแผ่วเบาพร้อมจ้องมองจมูกสันโด่งของชายหนุ่มอย่างลืมตัว

“คุณหนูรู้จักคุณคนนี้มาก่อนรึเปล่าครับ” จู่ๆปื๊ดก็พูดขึ้นมากลบความเงียบงันของภวังค์ในใจของหญิงสาว เอรินได้แต่อ้ำอึ้งไม่ปากเก่งเหมือนเคย “เอ่อ..อืม เค้าเป็นญาติกับพี่มิน”

เอรินตอบอ้อมแอ้ม แต่คำตอบของหญิงสาวก็ไขความกระจ่างให้เจ้าปื๊ดได้ในระดับหนึ่ง “มิน่าเล่า ไม่เคยเห็นคุณหนูพูดจาสนิทสนมกับใครขนาดนี้นอกจากคุณกรณ์ หรือว่าเค้าเป็นแฟนคุณหนู” ปื๊ดเจื้อยแจ้วอย่างอารมณ์ดี ไม่ทันมองสีหน้าหงิกๆของเอรินที่ออกอาการทันทีที่ได้ยิน

“ฉันน่ะเหรอจะเป็นแฟนเค้าได้..ผู้ชายคนนี้เค้ามาตรฐานสูงจะตาย แฟนเค้าต้องระดับนางแบบดังโน่น จะมาสนใจอะไรกับฉัน เค้ายังว่าฉันเป็นเด็กอยู่บ่อยๆ”

เอรินยู่ปากขัดใจตามสไตล์แสนงอน เจ้าปื๊ดได้แต่มองขำอย่างจับสังเกตน้ำเสียงเหมือนน้อยใจนั้น

“อะไรกั๊น อายุขนาดคุณหนูไม่เด็กแล้วเนี่ย แถวบ้านผมลูกเป็นโขยงแล้วนา นี่ว่าแต่รู้ละเอียดขนาดนี้ไม่ใช่แอบรักเค้าอยู่นะ” คำสันนิษฐานของปื๊ดกระแทกใจเอรินอย่างแรงจนหญิงสาวรีบปฏิเสธแทบไม่ทัน

“บ้าแล้ว...หุบปากไปเลยปื๊ดถ้ายังอยากจะมีชีวิตกลับไปบ้านสวนน่ะ”

เอรินเหลือบตามองลูกน้องหนุ่มตาเขียวปั๊ดก่อนจะเชิดหน้าไปอีกทางแสร้งทำเป็นหลับไปอีกคน เจ้าปื๊ดได้แต่ขับรถไปเกาคางไปอย่างใช้ความคิด แต่ก็ยังไม่วายหยอกเอรินให้หงุดหงิดซ้ำเข้าไปอีก

“โอเค๊..หุบปากเดี๋ยวนี้แล้วคร๊าบคุณหนูยังเด็ก”


+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ใช้เวลาไม่นานรถกระบะบุโรทั่งก็มาถึงยังท่าเรือทุ่งมะขามน้อย หาดทรายรี จังหวัดชุมพร ซึ่งอยู่ห่างออกมาจากตัวเมืองชุมพรไม่มาก ชานนท์ที่หลับมาตลอดทางมือไม้ก็ยังเอื้อมมากอดเอวสาวน้อยที่นั่งเกร็งมาตลอดทางอย่างเด็กขาดความอบอุ่นก็ไม่ปาน

“นี่คุณ..คุณ ตื่นได้แล้ว ถึงแล้วค่ะ”

เอรินเขย่าแขนชายหนุ่มที่พาดหนักอยู่บนเอวของตนอย่างเบามือ ปื๊ดเหลือบมองกิริยาแนบชิดของแขกกระเป๋าหนักกับเจ้านายสาวก็ได้แต่มองอย่างเป็นห่วงแต่แค่ชั่วครู่ก็ปรับเปลี่ยนสีหน้ากลับมาร่าเริงได้อย่างรวดเร็วแล้วลงไปจัดแจงกระเป๋าลำเลียงลงมาให้ทั้งสองอย่างเรียบร้อย ก่อนจะเดินลับหายไปในหมู่นักท่องเที่ยวที่ยืนรอคิวซื้อตั๋วเรือไปเกาะเต่า และเกาะน้อยใหญ่ในละแวกใกล้เคียง สักพักเจ้าปื๊ดก็วิ่งหน้าตั้งเข้ามา

“คุณหนู..เรือใกล้จะออกแล้วครับ เร็วๆหน่อย”

เจ้าปื๊ดเร่งยิกๆหลังจากจัดแจงซื้อตั๋วเรือสองใบให้เสร็จสรรพเรียบร้อย เอรินจึงสะกิดชานนท์ด้วยการหยิกที่แขนขวาที่พาดเอวหล่อนอย่างแรง จนชายหนุ่มสะดุ้งตื่นงัวเงีย “จะฆ่ากันรึไงเอริน กำลังฝันเพลินเลย”

พอลืมตาตื่นชานนท์ก็กวนหล่อนอีกตามเคย เอรินรีบดึงมือปลาหมึกออกห่างแล้วรีบลงจากรถด้วยใบหน้าแดงก่ำ “เร็วๆสิคะคุณ ชักช้าเราจะไม่ทันนะ นั่งเรือไปอีกตั้งชั่วโมงครึ่งแน่ะ” เอรินชูข้อมือตนแล้วจิ้มที่นาฬิกาสองสามครั้ง ชานนท์จึงรีบลงจากรถกระบะมายืนบิดขี้เกียจอยู่ริมรถอย่างเมื่อยเนื้อเมื่อยตัว

“ไปแล้วนะปื๊ด ขับรถดีๆล่ะ ฝากบอกพ่อกับแม่ด้วยว่าฉันจะรีบกลับ” เอรินสั่งความเสร็จสรรพก็โบกมือไล่หลังเจ้าปื๊ดยกใหญ่ ชานนท์หันมามองปื๊ดชั่วครู่ก่อนจะเดินตามเอรินไป

“คุณหนูเอ๊ย..จะทันเล่ห์เหลี่ยมหนุ่มรูปหล่อคนนั้นมั๊ยเนี่ย ป้ากับลุงนี่ก็แปลกไว้ใจคนอื่นได้ไงนะ หวังว่าจะปลอดภัยนะคุณหนู ไม่ได้การล่ะคุณกรณ์มาต้องรีบรายงาน คนนี้ก็อีกคนหน้าสิ่วหน้าขวานหายตัวไปไหนก็ไม่รู้...เฮ้อ” เจ้าปื๊ดเกาหัวแกรกก่อนจะเดินไปขึ้นรถแล้วขับออกไป


+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ทางด้านเอรินและชานนท์หลังจากขึ้นเรือได้ที่นั่งมุมดีริมหน้าต่างแล้ว ชานนท์ก็รู้สึกผ่อนคลายไปมากเมื่อได้นั่งอยู่บนเรือแอร์เย็นฉ่ำ

“เป็นไงบ้างคะ ค่าโดยสารพันกว่าบาทก็ทำให้คุณสบายได้ใช่มั๊ย ไปถึงเราก็ซื้อทัวร์สปีดโบ๊ทไปรอบเกาะหรือถ้าจะไปเกาะนางยวน เกาะพะงัน เกาะสมุย เราก็ไปกับเรือแบบนี้ก็ได้สะดวกสบายจะตายไม่เห็นต้องเรือยงเรือยอร์ชอะไรเล้ย เปลืองเงินเปล่าๆ”

เอรินพูดไปเรื่อยๆ อย่างจะหยั่งเชิงชายหนุ่ม แต่ปรากฏว่าชานนท์ฟังเฉยไม่เออออห่อหมกไปด้วย “แล้วอีกอย่างโรงแรมน่ะ มีตั้งแต่ถูกมากจนถึงแพงมากทำไมเราไม่พักแค่ระดับกลางๆก็พอ จะเปลืองเงินกับวิลล่งวิลล่า โรงแรมราคาแพงมากทำไม” เอรินเจื้อยแจ้วมาถึงตอนนี้ ชานนท์ก็ขัดขึ้นมาอย่างรำคาญหู

“เธอยังไม่รู้ใช่มั๊ยว่าฉันมาเมืองไทยเพราะมีโครงการสร้างโรงแรมระดับห้าดาวริมทะเล เพราะฉะนั้นฉันก็ต้องเรียนรู้เอาไว้ว่าโรงแรมระดับเดียวกันกับฉันมีการจัดการแบบไหน และเรือยอร์ชนั่นก็ขอเถอะ ฉันไม่ชอบคนเยอะเรื่องแยะ ฉันต้องการความสะดวกสบายให้ตัวเองตราบเท่าที่ฉันมีเงินจ่าย เธอน่ะเลิกพูดเถอะจัดการตามที่ลูกทัวร์ต้องการเป็นใช้ได้นะ..คุณไกด์ที่รักของผม”

“เฮ้อ..พูดไปสองไพเบี้ยจริงๆ งั้นก็ได้ค่ะ ฉันก็แค่เสนอทางเลือกให้คุณ ถ้าไม่เอาฉันจะว่าอะไรได้”

เอรินถอนหายใจออกมาด้วยความเสียดายเงิน แต่ในเมื่อเป็นความต้องการของคนจ่ายหล่อนก็คงต้องแล้วแต่เขา แล้วการสนทนาระหว่างเอรินและชานนท์ก็ต้องหยุดลงกระทันหันเมื่อมีเสียงหวานร้องทักชานนท์เสียงดังจากทางด้านหลัง

“ไฮ..คุณจำฉันได้มั๊ยคะ”

เสียงหวานของนักท่องเที่ยวสาวชาวยุโรปหน้าตาสวยจัดทำเอาชานนท์หันไปมองอย่างข้องใจ ชายหนุ่มจ้องสาวสวยที่เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าอย่างใช้ความคิด เอรินจ้องมองสาวสวยที่ทำท่าทีสนิทสนมกับชานนท์ไม่วางตาก็ถึงกับหน้ามุ่ยไปทันที

“ขอโทษนะครับ เอ่อ..คุณ”

ชานนท์ลุกขึ้นจับมือทักทายกับหญิงต่างชาติสาวสวยอย่างสุภาพ สีหน้ายิ้มแย้มตาเป็นประกายของชายหนุ่มช่างขัดหูขัดตาเอรินเป็นอย่างมาก “ชาลีค่ะ เราเจอกันบนเครื่องบินไงคะ สองวันที่แล้วน่ะ ฉันถามคุณว่าต้องการเพื่อนร่วมเดินทางมั๊ย คนนั้นล่ะคะ..ฉัน” สาวสวยในชุดเสื้อกล้ามคาดเอวทับกางเกงขาสั้นด้วยผ้าพลิ้วลายบาติกสีขาวยิ้มแย้มให้ชายหนุ่มอย่างเย้ายวน

“อ๋อ.. คุณ ผมจำได้แล้วบังเอิญจังนะมาเจอกันถึงที่นี่ได้”

ชานนท์และหญิงต่างชาติยังคงจับมือทักทายกันไม่ปล่อย แล้วเจ้าหล่อนโผเข้ากอดเขาดื้อๆ ก่อนจะกระซิบเบาๆข้างหู ทำเอาชานนท์ถึงกับยืนนิ่งค้างอย่างทำอะไรไม่ถูก ส่วนเอรินถึงกับลุกพรวดมองอย่างอึ้งๆ “เสียดายจังเลยค่ะ คุณมีคนร่วมเดินทางด้วยซะแล้ว ฉันคงต้องไปก่อนไม่อยากขัดจังหวะความสุขของพวกคุณ..บายค่ะ..ชาลีแองเจิ้ล”

แล้วเอรินก็ถึงกับต้องขนลุกเมื่อหญิงต่างชาติหอมแก้มชานนท์เสียเต็มรักเสียงดังฟอดก่อนจะเดินจากไป ก่อนไปยังไม่วายส่งยิ้มหวานให้เขาจนเอรินแทบจะสำลักออกมา ชานนท์ได้แต่มองตามสาวไปอย่างอึ้งๆ แล้วก็ต้องหันมาตาเขียวใส่เอรินแทบไม่ทันเมื่อสาวน้อยแสดงอาการหมั่นไส้เสียงดัง

“แหวะ..ชาลีแองเจล..พูดออกมาได้จะอ้วก”

เอรินแขวะเสร็จก็เมินหน้าหนีออกนอกหน้าต่างทำทีเป็นหลับไม่สนใจใยดีชานนท์เลยแม้แต่น้อย จนชายหนุ่มส่ายหน้าเบาๆแต่ก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ “ทำไม..หึงรึไง”

ชานนท์กระเซ้าเอรินด้วยการเอาไหล่หนาดันไหล่บางของเอรินไปจนติดขอบหน้าต่างเรือ สาวน้อยถึงกับโวยวาย

“โอ๊ย!! ใครเค้าจะหน้ามืดหึงคุณลุงอย่างคุณกันเล่า โธ่..คุณก็สะกิดอยู่นั่นแหละ รำคาญ”

เอรินโวยวายส่งๆไปอย่างกลบเกลื่อนความตะขิดตะขวงใจที่ได้ฟังบางคำจากเขาเมื่อครู่ หญิงสาวถึงกับค้อนใส่ชานนท์วงเบ้อเริ่มจนเขาหัวเราะออกมาในที่สุด

“เรียกคุณลุงหนึ่งครั้งแล้วนะเอริน ไปถึงฉันจะจูบทบต้นทบดอกเอาให้คุ้มเลย หึหึ” สิ้นเสียงตอบของชานนท์เท่านั้นเอรินก็ถึงกับสะดุ้งตีแขนชายหนุ่มดังเพียะ จนชานนท์ถึงกับร้องออกมา

“คิดเป็นอยู่อย่างเดียวเนี่ยนะ คุณอเล็กซ์คนเดิมที่ฉันรู้จัก คนที่สุขุมนุ่มลึกใจดีคนนั้นไปไหนแล้วล่ะ ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ไปได้เนี่ย”

เอรินจ้องชายหนุ่มตาไม่กระพริบ แล้วหล่อนก็เห็นแววตาหยาดเยิ้มที่มองมาจนใจแทบละลาย พร้อมกับคำพูดบางคำที่ทำเอามือไม้สั่น “นี่แหละคือฉันตัวจริง ฉันก็ยังคงเป็นฉันคนเดิม แต่ที่เปลี่ยนไปคือหัวใจของฉันที่มันร่ำร้องอยากจะสานต่อเรื่องคืนนั้นที่ฟลอเรนซ์กับเธอยังไงล่ะ..ยัยกุหลาบชมพู”

“ห๊า!!”

ท่ามกลางสถานการณ์คับขันอันมีผลต่อหัวใจดวงน้อยของเอริน ใครบางคนได้แต่แอบมองความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่อยู่อย่างเงียบๆ ด้วยสีหน้าลำบากใจและเคร่งเครียดก่อนจะพึมพำออกมาเบาๆอย่างคิดหนัก

“เอริน..หนูมาอยู่กับพวกอคิราห์ได้ยังไงกัน”



+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


สายตาที่จ้องมองกันและกันอย่างอึ้งๆท่ามกลางความอึกทึกของเสียงที่ดังรายล้อมรอบตัว ไม่ได้ทำให้เอรินและชานนท์ละสายตาไปจากกันได้ เอรินมองสบตาชายหนุ่มตรงหน้าด้วยความรู้สึกหลากหลายประดังประเดกันเข้ามา ชานนท์ที่พอจะรู้ตัวจึงรีบกลบเกลื่อนคำพูดเมื่อครู่ทันที

“เธอคิดว่าไงเรื่องที่ฉันพูดเมื่อกี้” น้ำเสียงใสแกมหยอกล้อของชานนท์ ทำเอาเอรินคลายจากภวังค์เมื่อครู่แล้วหลบหน้าหลบตาชายหนุ่มไม่มองหน้า

“วะ..ว่าไงอะไร หมายความว่าไง”

เอรินถึงกับไปไม่เป็นพูดตะกุกตะกักเมื่อชานนท์ที่นั่งเคียงกันเอี้ยวตัวมาประจันหน้าในระยะประชิด เอรินถึงกับรีบเอาหมวกปีกกว้างปิดใบหน้าตนเองด้วยใบหน้าแดงก่ำ “ฉันให้เวลาเธอตั้งปีนึงแล้วนะ นานพอที่เธอจะเห็นความจริงใจของฉันรึยัง”

ชานนท์เอื้อมมือมาดึงหมวกที่ปิดหน้าของสาวน้อยตอนเผลออย่างแผ่วเบา เอรินถึงกับตาโต “ฮึ๊ย..คุณเอามานะ” เอรินไม่วายยื้อแย่งหมวกปีกกว้างกลับมาถือแต่ชานนท์แกล้งส่ายหมวกไปมาไม่ให้หล่อนจับได้

“ตอบมาก่อนสิ..ว่าไง” แย่งหมวกสาวน้อยมาไว้ไม่พอ ชานนท์ยังคว้าเอวเล็กมากอดไว้แนบตัวอีกอย่างย่ามใจ เอรินที่นั่งเบาะในข้างหน้าต่างถึงกับสะดุ้งเหลียวซ้ายแลขวาด้วยกลัวคนเห็นก่อนจะตอบอ้อมแอ้ม

“มะ..ไม่รู้ ปล่อยฉันนะคุณอเล็กซ์ ปล่อย”

สาวน้อยพยายามเจรจาน้ำเสียงอ่อน แต่มือปลาหมึกของชานนท์ก็ยังไม่วายกอดรัดกายสาวแน่นเข้าไปอีก จนเอรินเงียบไปจนผิดสังเกต “เป็นอะไร..เอริน โกรธฉันเหรอ”

ชานนท์กระซิบแผ่วเบาข้างหู เอรินถึงกับขนลุกก่อนจะเหล่มองชายหนุ่มด้วยสายตาตัดพ้อ “สมควรโกรธมั๊ยเล่า คุณมันฉวยโอกาส คนเยอะแยะขนาดนี้คุณยังไม่ไว้หน้าฉันทำอะไรประเจิดประเจ้อถ้าใครมาเห็นเข้าฉันจะเอาหน้าไปไว้ไหน”

นอกจากสายตาแล้วน้ำเสียงของสาวน้อยก็ยังตัดพ้อจนชานนท์รู้สึกรีบปล่อยมือที่โอบกอดเอวเล็กให้แนบชิดเป็นอิสระ เอรินถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกที่หลุดพ้นสถานการณ์ชวนอึดอัดนั้นได้

“โอเค โอเค..ขอโทษนะเอริน แต่เมื่อกี้ที่ฉันพูดน่ะเป็นความจริง ฉันจริงใจกับเธอจริงๆนะเอริน”

สายตาคมฉายแววเด็ดเดี่ยวของชายหนุ่ม ทำเอาเอรินแทบใจละลายก่อนจะอ้อมแอ้มตอบคำของเขา ซึ่งทำให้ชานนท์ถึงกับออกอาการดีใจจนปิดไม่มิดทีเดียว

“งั้นฉันจะลองคิดดูก็แล้วกันนะ แต่คุณอย่าเร่งฉันให้มาก ฉันกลัว”

คำตอบกล้าๆกลัวๆของสาวน้อยมาพร้อมรอยยิ้มหวานใสทำเอาชานนท์ที่ลุ้นเอาคำตอบถึงกับยิ้มออกมาได้ในที่สุด “ค่อยยังชั่ว นึกว่าเธอจะไม่ให้โอกาสฉันซะแล้วนะเอริน”



ท่ามกลางรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของหนุ่มสาวที่เริ่มจะเปิดใจให้กัน ใครบางคนนั่งอยู่ไม่ไกลห่างไปเพียงสองเบาะกลางด้านซ้ายคอยจับจ้องมองปฏิกิริยาเสมือนคนรักของทั้งชานนท์และเอรินด้วยรอยยิ้มร้าย

“ลุงว่าลูกสาวบ้านสวนโฮมสเตย์มากับใครน่ะ ผมว่าหน้าคุ้นๆอยู่นะ” เสียงจากชายหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันที่นั่งเคียงข้างชายชราท่าทางคล้ายชาวประมง มองเอรินและชานนท์อย่างจับสังเกต

“หึ..จะใครก็ช่าง แกไม่รู้จักหรอก แต่แค่เห็นหน้าเจ้าหนุ่มนี่ฉันก็รู้แล้วว่าเวลาของฉันมาถึงแล้ว”

เสียงเข้มของชายชรายิ้มเยาะในทีจนเจ้าหนุ่มอ่อนวัยกว่าถึงกับงงมองสองคนข้างหน้าสลับกันกับชายชราที่นั่งเคียงข้าง “หมายความว่าไง...ลุง”

“ก็หมายความว่าเรามาหาวิธีช่วยพวกมันพัฒนาความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นรวดเร็วยิ่งขึ้นดีกว่า อยากจะเห็นหน้าไอ้พัชนักว่ามันจะว่าไงถ้าหากมันรู้ว่าได้ลูกเขยเป็นพวกอคิราห์..หึหึ”

ชายชรายิ้มอย่างหมายมาดมองไปยังเอรินและชานนท์อย่างถูกใจ “โชคดีของฉันจริงๆที่มาเรือเที่ยวนี้ ไม่งั้นฉันคงไม่ได้เห็นอะไรดีๆ แกคอยตามดูสองคนนี่ห่างๆแล้วมารายงานให้ฉันหน่อยนะ”

ชายชราสั่งหนุ่มอ่อนวัยกว่าซึ่งมีศักดิ์เป็นหลานห่างๆด้วยน้ำเสียงแข็งขัน ชายอ่อนวัยกว่าได้แต่มองเอรินและชานนท์ด้วยความสงสัย

“ครับ..ลุง แล้วผมต้องทำยังไงบ้าง”


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


เวลาผ่านไปกว่าหนึ่งชั่วโมงครึ่ง เรือก็มาถึงยังเกาะเต่าโดยสวัสดิภาพ เอรินยังคงหลับพิงไหล่ชานนท์โดยไม่รู้ตัว ในขณะที่ผู้คนเริ่มจะทยอยลงไปจากเรือ ชานนท์เฝ้ามองดวงหน้าหวานใสที่ยังคงหลับตาพริ้มอยู่ไม่วางตา

‘เอริน...ทำไมต้องเป็นเธอนะ..ยัยตัวเล็กของพี่’

สักพักเมื่อเห็นนักท่องเที่ยวลงไปจากเรือกันเกือบหมดแล้ว ชานนท์ก็ปลุกสาวน้อยขี้เซาให้ตื่น เอรินสะดุ้งสุดตัวรีบลุกมองผ่านหน้าต่างไปด้วยสีหน้าตื่นเต้น ในขณะที่ชานนท์ก็ชะเง้อมองออกไปนอกหน้าต่างเช่นกัน

“โธ่..คุณน่ะ ไม่ปลุกกันเลย คุณ..คุณ วันนี้อากาศดีมากเลยดูสิ น้ำทะเลนิ่งใสแจ๋ว ฉันอยากลงเล่นน้ำจังค่ะ”

เอรินสะกิดชานนท์ให้มองออกไปนอกหน้าต่างอย่างตื่นเต้น

“อืม ถึงวิลล่าแล้วจะให้เธอเล่นน้ำทั้งวันเลยวันนี้”

ชานนท์ลุกขึ้นค้อมตัวลงด้านหลังเอรินพร้อมโอบไหล่หญิงสาวไปด้วย เอรินเหลือบตามองมือที่โอบไหล่หล่อนไว้อย่างเนียนๆโดยไม่ได้พูดอะไรแล้วชี้ชวนชายหนุ่มให้ลงจากเรืออย่างขัดเขิน

ในขณะที่นักท่องเที่ยวทยอยลงจากสะพานไม้ท่าเทียบเรือกันไปจนบางตา ชายสองคนที่ลงจากเรือไปก่อนแล้วอย่างมีแผนการบางอย่างในใจก็ยืนมองดูชานนท์ที่หิ้วสัมภาระเต็มหลังพร้อมกระชับมือเอรินแน่นเดินตามกันมาอย่างอ้อยอิ่ง ภายใต้แว่นดำกรอบหนาและหมวกปีกปิดบังใบหน้าของชายชราที่ดึงกระชับปิดหน้าลงมากว่าครึ่ง ชายชรายิ้มแสยะอย่างหมายมาดไปทางสองหนุ่มสาวด้วยสายตาที่ไม่สามารถบรรยายได้


************************************


ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านค่ะ ^___^



lovereason
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 15 พ.ค. 2557, 09:04:09 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 15 พ.ค. 2557, 09:04:09 น.

จำนวนการเข้าชม : 1399





<< ตอนที่ 9 แค่รู้ว่ารัก..หวังว่าเธอจะเข้าใจ   การเดินทางอันแสนหวาน..และเค้าลางของความยุ่งยาก 2 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account