อะรูซะตี...เจ้าสาวของผม (จบแล้วค่ะ)
เป็นเรื่องราวของคนที่ไม่เคยเจอกันมาก่อน
แล้วต้องมาแต่งงานกัน...
เมื่่อต้อง "แต่งก่อนจีบ"...มิใช่ "จีบก่อนแต่ง"
อย่างเรื่องก่อนๆที่โยเคยเขียนมา...
...ดานีส...นายแพทย์หนุ่มรูปงาม ลูกผสมหลายเชื้อชาติ
ผู้เพียบพร้อมไปด้วยรูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ และความสามารถ
กับ
...นาดา...หรือน้ำค้าง...หญิงสาวที่แสนธรรมดา ผู้ที่ดานีสไม่เคยเห็นหน้า
แม้กระทั่งวันแต่งงาน เขาก็ยังไม่เคยเห็นหน้าเจ้าสาวตัวเอง...
จวบจนต้องพาเธอข้ามน้ำข้ามทะเลสู่ดินแดนอาทิตย์อุทัย
ที่นั่น...ทำให้น้ำค้างแข็งในฤดูหนาวต้องละลายเมื่อเจอกับ
แสงแห่งรุ่งอรุณแรก...
...'อะรูซะดี'...หญิงสาวท่องจำประโยคภาษาอาหรับ
ที่เขียนอยู่บนกล่องของขวัญวันแต่งงานที่เจ้าบ่าวมอบให้กับเธอ
โดยไม่อาจรู้ความหมายของมันเลย...
...เขาแต่งงานกับเธอ เพียงเพราะแม่ของเธอขู่เขา...
...ส่วนเธอแต่งงานกับเขา เพียงเพราะ...แม่ขอร้อง....
...เธอคงเป็นได้เพียงแค่เจ้าสาวของเขา...เท่านั้นสินะ...
...เป็นได้แค่เจ้าสาว...
แล้วต้องมาแต่งงานกัน...
เมื่่อต้อง "แต่งก่อนจีบ"...มิใช่ "จีบก่อนแต่ง"
อย่างเรื่องก่อนๆที่โยเคยเขียนมา...
...ดานีส...นายแพทย์หนุ่มรูปงาม ลูกผสมหลายเชื้อชาติ
ผู้เพียบพร้อมไปด้วยรูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ และความสามารถ
กับ
...นาดา...หรือน้ำค้าง...หญิงสาวที่แสนธรรมดา ผู้ที่ดานีสไม่เคยเห็นหน้า
แม้กระทั่งวันแต่งงาน เขาก็ยังไม่เคยเห็นหน้าเจ้าสาวตัวเอง...
จวบจนต้องพาเธอข้ามน้ำข้ามทะเลสู่ดินแดนอาทิตย์อุทัย
ที่นั่น...ทำให้น้ำค้างแข็งในฤดูหนาวต้องละลายเมื่อเจอกับ
แสงแห่งรุ่งอรุณแรก...
...'อะรูซะดี'...หญิงสาวท่องจำประโยคภาษาอาหรับ
ที่เขียนอยู่บนกล่องของขวัญวันแต่งงานที่เจ้าบ่าวมอบให้กับเธอ
โดยไม่อาจรู้ความหมายของมันเลย...
...เขาแต่งงานกับเธอ เพียงเพราะแม่ของเธอขู่เขา...
...ส่วนเธอแต่งงานกับเขา เพียงเพราะ...แม่ขอร้อง....
...เธอคงเป็นได้เพียงแค่เจ้าสาวของเขา...เท่านั้นสินะ...
...เป็นได้แค่เจ้าสาว...
Tags: แนวแต่งก่อนจีบ ดานีส นาดา น้ำค้าง โสภณพสุธ
ตอน: ตอนที่ 19 สำรับจากฟากฟ้า
สำรับจากฟากฟ้า
“ช่วงที่น้ำค้างตั้งครรภ์…น้ำค้างรู้ว่าได้เผลอทำอะไร
ให้คุณหมอไม่พอใจไปหลายต่อหลายอย่าง
อารมณ์อาจขึ้นๆลงๆ มีหงุดหงิด อารมณ์ร้าย
เห็นอะไรก็ขวางหูขวางตาไปหมด คุณหมอให้อภัยน้ำค้างนะคะ…
เพราะบางที…น้ำค้างก็ควบคุมมันไม่ไหวจริงๆ…น้ำค้างขอโทษนะคะ…”
นาดาสารภาพผิดทันทีเมื่อดานีสกลับมาจากฟาร์ม
เพราะเรื่องราวเมื่อเช้าที่เธอได้เผลอต่อว่าเขาต่อหน้าคนงานหลายชีวิต
เนื่องจากสาเหตุที่เขาออกจากบ้านไปโดยไม่บอกเธอก่อน…
อาหารเช้าก็ไม่ยอมแตะทั้งๆที่เธออุตส่าห์ตื่นขึ้นมาทำให้ตั้งมากมาย
หลายอย่างเพื่อเอาใจเขา อยากให้เขากินดี มีความสุข
แต่เมื่อขึ้นไปบนห้องกลับไม่พบเขา…ถามใครก็ไม่มีใครรู้ว่าเขาหายไปไหน
…เธอก็เลยแบกร่างอุ้ยอ้ายเดินตามหาเขาเสียทั่วทั้งฟาร์มด้วยความกระวนกระวายใจ
กลัวไปต่างๆนาๆสารพัดที่จะกลัวและกังวล
พอเจอเขากำลังทำคลอดลูกวัว สภาพหน้าตาและเสื้อผ้าเปรอะเปื้อน
ดูไม่ได้อยู่ก็เลยของขึ้น…ที่ผ่านมาเธอไม่เคยปล่อยให้เขาสกปรกแบบนี้
แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้น…ทำไมเขาถึงปล่อยตัวเองให้สกปรกแบบนี้
พอเห็นคุณหมอดานีสขาที่รักสะอาด ดูสะอ้านตา เนี้ยบตั้งแต่หัวจรดเท้า
ในสภาพแบบนี้จึงรับไม่ได้สุดๆ…อาการโกรธขึ้นหน้าขึ้นตาทันที
‘คุณหมอมาทำอะไรแบบนี้คะ…ทำไมสกปรกแบบนี้…’เธอว่าเขา
ทำให้ทุุกสายตาหันมามองเธอ ไม่เว้นแม้แต่สายตาของเขาที่มองมาที่เธอ
ด้วยแววตาราบเรียบ แล้วการที่เขาหันไปก้มหน้าตรวจดูลูกวัวตัวใหม่
ราวกับไม่ใส่ใจสิ่งที่เธอพูดยิ่งทำให้เธอรู้สึกเหมือนถูกทำร้ายจิตใจอย่างหนัก
‘น้ำค้างไม่ยอม คุณหมอต้องกลับไปกับน้ำค้างเดี๋ยวนี้…
กลับไปอาบน้ำแล้วก็กินข้าว…’
เธอยังไม่ละเว้นความพยายามที่จะดึงเขากลับไปกับเธอให้ได้
แต่เขาไม่แยแสเลย…หันไปพูดกับคนงานว่า
‘มันสมบูรณ์ดีครับ…คลอดมาได้ไม่กี่นาทีก็เดินได้แล้ว…
ดูท่าทางจะเป็นวัวพันธฺุ์ดีซะด้วย…’
เขาพูดกับคนงานด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
แววตาที่มองไปที่ลูกวัวก็ดูจะมีแววเอ็นดูนัก…
ซึ่งมันคงจะดีต่อความรู้สึกเธอ
หากว่าเขาจะให้ความสำคัญกับเธอมากกว่าแม่วัวและลูกวัวนั่น
‘ขอบคุณคุณหมอมากนะคะ ถ้าไม่ได้คุณหมอ สงสัยผมคงแย่
เพราะแม่วัวมันร้องไห้ทรมานมานานแล้ว ผมเห็นแล้วสงสาร
หมอสัตว์ก็ไม่อยู่…นึกได้ว่าคุณหมออยู่ก็เลยลองไปขอความช่วยเหลือดู’
หนึ่งในคนงานเจ้าของแม่วัวและลูกวัวกล่าวขอบคุณเขา…
‘นับว่านี่เป็นคร้ังแรกของการทำคลอดสัตว์ของผมครับ…
ไม่คิดว่าจะยากและตื่นเต้นขนาดนี้…
ขอบคุณเช่นกันครับที่มอบประสบการณ์ใหม่ให้ผม…’เขากล่าวด้วยแววตาซาบซึ้ง
ใช่ เขาดูซาบซึ้งกับประสบการณ์ใหม่จนลืมความปรารถนาดีของเธอ
ในการแบกลูกน้อยในท้องเดินตามหาเขาเสียทั่วทั้งฟาร์ม…
เหนื่อยแสนเหนื่อย ซ้ำยังถูกมองเมินอีก…เธอก็เลยร้องไห้เดินหนีเขามาอย่างเดียวดาย
เขาเองก็ไม่ได้เดินตามมาดูเธอเสียด้วย…
นั่นยิ่งทำให้อารมณ์เธอคุกรุ่นจนต้องมาลงเอากับข้าวของในห้องนอน
ผ้าห่ม หมอนนอนและหมอนข้างถูกขว้างปาไปรอบๆห้อง…
เธออาละวาดกับทุกอย่างที่ขวางหูขวางตาจนหมดแรง
จึงนั่งลงก้มร้องไห้กับพื้นห้อง…มือแตะไปที่หน้าท้อง
ลูกของเธอกำลังด้ินแรง…เธอจึงสงบลงทันทีที่รับรู้ได้ว่า
เธอระเบิดอารมณ์มากเกินไปอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในชีวิต…
ไม่เข้าใจตัวเองเมื่อมองไปรอบๆห้องเห็นหายนะที่ถูกพายุอารมณ์ของเธอ
พัดกระหน่ำจนย่อยยับ…เมื่อแรงกลับมาหญิงสาวจึงลุกขึ้นเก็บกวาด
ข้าวของในห้องให้เรียบร้อย…มารู้ว่าตัวเองทำอะไรโดยไม่คิด
ขาดสติ ปล่อยให้อารมณ์ใฝ่ต่ำครอบงำอยู่เหนือสติ ก็เลยทำให้ทุกอย่างพัง
พลันคิดได้ เธอจึงเดินเข้าไปในห้องน้ำ มองหน้าตัวเองในกระจก
ที่เปื้อนน้ำตาจนมอมแมมดูไม่ได้ ก็ต้องร้องไห้ออกมาอีกระลอก
บอกตัวเองว่า เธอทำไม่ถูกเลย…โชคดีที่วันนี้แม่ของเธอขอไปเยี่ยมลุง
ที่ป่วยเข้าโรงพยาบาลอีกจังหวัดหนึ่ง…ไม่อย่างนั้น แม้ต้องเทศนาเธอไม่ใช่น้อยเลย
และอาจจะผิดหวังในตัวเธอด้วย…
เธอก็เลยอาบน้ำให้น้ำพัดพาความรุ่มร้อนออกไปจากกาย
และให้ความเย็นซึมซับเข้าสู่หัวใจ
พอเดินออกมาจากห้องน้ำ ก็พบคุณหมอกำลังเปิดประตูห้องเข้ามาพอดี
ในมือของเขามีแก้วน้ำถืออยู่…เขาเดินมาหาเธอแล้วจูงมือเธอไปยังเตียง
แล้วรั้งให้เธอนั่งลงข้างเขาก่อนจะยกแก้วน้ำขึ้นจ่อตรงริมฝีปากเธอ
“ดื่มน้ำชาตะไคร้สดก่อนสิ…ทำสดๆจากไร่อัลมะอิดะอฺของเราเลยนะ…
ผลิตภัณฑ์ที่ฉันพยายามคัดสรรวัตถุดิบ คิดปรับปรุงสูตรให้หอมกรุ่น ดื่มง่าย
อยากให้เธอชิมก่อนนำกลับไปเปิดตัวที่ญี่ปุ่น…ให้คนทางโน้นได้ลิ้มลอง
มันดีต่อสุขภาพ…”นาดามองหน้าเขาแล้วยิ้มก่อนจะจิบดู
แล้วก็ต้องยิ้มออกมาอีกรอบกับรสชาติที่ไม่คาดคิดว่าจะน่าดื่มกว่าน้ำตะไคร้สด
ที่เธอเคยดื่มมา…เธอจึงรับแก้วมานั่งจิบต่อ
ก่อนจะสารภาพผิดกับเขาออกไป…เขาระบายยิ้มแล้วลูบหัวเธอ
“ท่านนบีของเราสอนให้สามีอภัยให้ภรรยาของตัวเองวันละ 70 ครั้ง…
นี่ยังไม่ถึง70ครั้งเลย ทำไมฉันจะให้อภัยภรรยาของฉันอีกสักครั้งไม่ได้…”
“กับแม่วัวและลูกวัวนั่น…จริงๆแล้ว…มัน…น่าสงสารและก็น่ารัก…
แต่น้ำค้างไม่น่า…เลย…ตอนนั้น…น้ำค้างเป็นอะไรไปก็ไม่รู้…”
ดานีสโอบศีรษะของนาดาเข้ามาแนบตรงไหล่กว้างมือลูบผมเบาๆ
แล้วยิ้มเมื่อกล่าวว่า
“ฉันเป็นหมอ หรือต่อให้ไม่เป็นหมอ ฉันก็พอจะรู้และเข้าใจว่าผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์
กับผู้หญิงช่วงที่มีประจำเดือนนั้นเป็นยังไง…ฉันไม่ถือสาหรอก
แต่อยากให้เธอพยายามเพิ่มอีกสักนิด…อดทนเพิ่มอีกเป็นทวีคูณจากที่เคยอดทนมา…
ไม่ใช่เพื่อใคร แต่เพื่อตัวเธอและลูกของเรา…
เธอจะได้ไม่รู้สึกแย่เวลาอารมณ์สงบ และลูกของเราจะได้ไม่เป็นที่รองรับ
อารมณ์ของเธอด้วยไง…หรือเธอไม่เป็นห่วงเขา…”
พูดพลางดานีสก็ลูบมือไปที่หน้าท้องป่องๆของนาดา…
นาดารู้สึกได้ว่าลูกน้อยกำลังตอบรับสัมผัสจากพ่อของเขา…
“เธอไม่ห่วงฉัน ฉันจะไม่รู้สึกแย่เท่ากับการที่เธอทำเหมือนไม่ห่วงใยตัวเอง
แบบเมื่อเช้านั่น…ฉันขอแค่ให้เธอเป็นห่วงตัวเองและลูกให้มากกว่าเป็นห่วงฉัน…
และฉันไม่ปลื้มเลยที่เธอแบกร่างนี้เดินตามหาฉันไปทั่วทั้งฟาร์ม…
ด้วยอารมณ์วิตกและแสดงสีหน้าท่างทางหงุดหงิดแบบนั้น
อย่างน้อยเธอก็ต้องเป็นห่วงตัวเองให้มากกว่านี้…รู้มั้ย…”
ดานีสลูบผมนาดาอย่างอ่อนโยน
สอนและเตือนเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน ละมุนละไม…
“เพราะการที่เธอรู้จักเป็นห่วงตัวเองก็เท่ากับเป็นการทำให้ฉันสบายใจไปด้วย…
ฉันรู้ว่าเธอรักและเป็นห่วงฉัน…แต่ฉันคงทนดูเธอเป็นอะไรไปไม่ได้หรอกนะ…
เธอก็รู้ว่าฉันไม่สามารถอยู่ดูแลเธอได้ตลอดเวลา…
ฉันเป็นมนุษย์ธรรมดาที่ไม่ใช่พระเจ้า…”นาดาพยักหน้า
“น้ำค้างเข้้าใจแล้วค่ะ…น้ำค้างขอโทษ…”นาดาโอบเอวเขาเอาไว้แน่น
อยากพูดอะไรที่มากกว่าคำว่าขอโทษนี้…
“ฉันจะไม่ขออะไรเธอมากไปกว่า…แค่ขอให้เธอรักตัวเอง…ได้มั้ยน้ำค้าง”
นาดาพยักหน้าด้วยแววตาสำนึกผิด…
“เธอรู้มั้ยว่าอะไรที่ทำให้ฉันตัดสินใจแต่งงานกับเธอ…”
นาดาผละจากเขาแล้วหันมามองคนถามด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยคำถาม
“ทำไมคะ…”
“ลึกลงไปกว่าที่เคยพูดกับเธอ…เหตุผลนั่นเพราะผ้าปิดหน้าและถุงเท้าของเธอนะรู้มั้ย”
นาดาขมวดคิ้วอย่างไม่อยากจะเชื่อว่าผ้าปิดหน้าและถุงเท้าของเธอ
จะมีอานุภาพขนาดที่ทำให้คุณหมอที่แสนสมบูรณ์แบบคนนี้เลือกเธอ…
“ฉันมองหาหญิงสาวที่มั่นคงกับศาสนาอิสลามซึ่งเป็นศาสนาที่ฉันศรัทธา
ด้วยการอดทนที่จะไม่โชว์เรือนร่างและความสวยงามทางกายภาพของตนเอง
ให้คนอื่นได้ชื่นชมมาตลอดเลยล่ะ…ฉันรู้ว่าผู้หญิงทุกคนถูกสร้างมาอย่างดี
ไม่ว่าจะหน้าตารูปร่างเป็นอย่างไร แต่พวกเธอก็ล้วนถูกสร้างมา
ให้เหนือกว่าสัตว์เพศเมียทุกชนิดที่ถูกสร้างมาทั้งหมด…”
ดานีสมองไปที่ดวงตาของภรรยาสุดที่รักของเขา
“มีเพียงดวงตาคู่นี้ของเธอเท่านั้นที่ฉันสามารถมองเห็นได้ในวันแรกที่เราเจอกัน…
ซึ่งเธอก็ยังพยายามหลบสายตาฉันตลอด ไม่ยอมสบตาด้วยอีก…
แต่แปลกที่ฉันกลับจดจำเธอได้ดี…ซ้ำยังรู้สึกประทับใจกับท่าทางอายๆนั่นของเธอ…
มันคือเสน่ห์ที่จับใจฉันจนไม่ลังเลเลยที่จะตอบแต่งงานกับเธอเมื่อรู้ว่าเธอไม่ปฏิเสธฉัน…
ซึ่งนั่นเท่ากับว่าเธอเป็นคนว่านอนสอนง่าย ไม่ดื้อดึง…และมีความอายเป็นเอกลักษณ์…
เพราะสำหรับฉันแล้ว นิกะฮฺหรือการแต่งงาน
คือการสร้างความมั่นคงในสังคมด้วยการสร้างครอบครัวที่เข้มแข็ง
เพื่อรักษาดวงตา รักษาอวัยวะเพศไม่ให้ละเมิดเพื่อสร้างประชาชาติที่ดี…
และเธอคือผู้หญิงที่ทำให้ฉันรู้สึกอยากใช้ชีวิตด้วย…”
นาดาระบายยิ้มออกมาก่อนจะกอดเขาด้วยความรู้สึกภาคภูมิใจ
เขาช่างสรรหาสิ่งที่จะสร้างความภาคภูมิใจมาให้เธอได้เสมอ…
“แล้วเมื่อได้แต่งงานอยู่กินกับเธอ…ฉันก็ไม่พบว่ามีส่วนไหนในตัวเธอ
ที่น่ารังเกียจเลยนะน้ำค้าง…ศาสนาในตัวเธอคือสิ่งสวยงาม
แล้วสิ่งนี้แหล่ะที่ทำให้ฉันรักเธอ…รักที่เกิดหลังจากการแต่งงานแล้ว…”
ดานีสเคยพยายามใคร่ครวญถึงเหตุผลที่เขาเลือกเธอและรักเธอ
จนเขาได้คำตอบในที่สุด…
“อาจตอบได้ว่า…สิ่งที่ทำให้ฉันรักเธอ…เพราะฉันได้เจอสิ่งดีงาม…”
นาดาน้ำตาไหลด้วยความซาบซึ้ง…ก่อนแต่งงานไม่เคยมีสักครั้ง
ที่พบว่าเขาจีบเธอหรือเกี้ยวพาราสีเธอ…จนอาจคิดไปได้ว่า
เขาไม่ใช่ผู้ชายโรแมนติกอะไรเลย…เขาอาจแค่ต้องการผู้หญิง
หรือแค่ต้องการแม่บ้านไว้เฝ้าบ้านสักคนก็เท่านั้น…
แต่เมื่อได้แต่งงานแล้ว เธอกลับพบว่า จริงๆแล้วเขาขยันจีบเธอทุกวันเลย
มันเป็นศิลปะการหยอดคำพูดให้เธอเขินอายและพอใจไปพร้อมๆกัน…
เขาช่างรู้จักผู้หญิงได้ดีจริงๆ…
“ไร่สมุนไพรแห่งนี้…คุณตาฉันเป็นคนตั้งชื่อไว้…คุณยายของฉันท่านเป็นคนขี้โรค…
คุณตาฉันเป็นห่วงสุขภาพท่าน เลยแสวงหาตัวยาต่างๆนาๆ
เพื่อนำมารักษาคุณยายเสมอ…จากสมุนไพรหนึ่งต้นท่ีถูกนำลงปลูกที่นี่
ก็ค่อยๆเพิ่มขึ้นๆจนทำให้ป่าที่เคยรกแห่งนี้กลายเป็นแหล่งเพาะพันธฺุ์สมุนไพร
ซึ่งบางชนิดหาไม่ได้ในพ้ืนที่อื่นแล้ว…
นี่จึงเป็นที่ที่ฉันรักและหวงแหน เพราะมันคือที่ที่มีไว้อนุรักษ์
พันธุ์สมุนไพรจากทั่วทุกมุมโลกที่พอจะค้นหาเจอ…
ที่ที่คุณตาของฉันให้ชื่อพวกมันว่า…สำรับจากฟากฟ้า…
หรืออัลมาอิดะอ์ในภาษาอาหรับ…”
ดานีสหันมาเล่าเท้าความไปยังเรื่องราวของบรรพชนรุ่นเก่าก่อน…
ผู้ที่เขาไม่อาจจะลืมบุญคุณได้…และเป็นบุญคุณที่ทอนไม่หมด…
“ตอนแรกน้ำค้างคิดว่า…สำรับจากฟากฟ้า…น่าจะเป็นชื่อของร้านอาหาร
แต่พอได้ฟังประวัติแล้ว…คิดว่า…ชื่อนี้ช่างเหมาะกับที่นี่มากค่ะ…”
ดานีสยิ้มกับถ้อยคำแสดงความคิดเห็นแบบตรงไปตรงมานั่นของเธอ
“ใช่…เพราะจริงๆแล้ว…อาหารที่เรากินไปก็คือยา…ที่มีหน้าที่บำบัดรักษาอยู่แล้ว…
ถ้าเธอเดินไปทั่วๆทั้งฟาร์มแล้วสังเกต สมุนไพรเกือบทุกชนิด
เราสามารถนำมาปรุงทำเป็นอาหารได้…อาหารก็คือยา ยาก็คืออาหาร…
แต่สำหรับสมุนไพรที่มีคุณสมบัติบำบัดรักษาโรค
ทำให้เราพ้นจากความทุกข์ทรมาน ย่อมเป็นอาหารที่ดีเลิศ
ย่อมคู่ควรกับคำว่าสำรับจากฟากฟ้ามากกว่าอาหารชนิดใดๆ หรือเธอว่าไม่ใช่…”
นาดาพยักหน้าอย่างเห็นด้วยทุกประการ…
“งั้น…น้ำค้างขอบคุณนะคะสำหรับสำรับจากฟากฟ้าที่คุณหมอนำมาเสริฟให้ถึงที่เลย…”
นาดายกแก้วที่ว่างเปล่าแล้วในมือขึ้นชู…
ดานีสจึงรับมาแล้วนำไปวางไว้บนโต๊ะ…ก่อนจะหันมากอดภรรยา
“เซอร์วิสแบบนี้ไม่ทำให้ใคร นอกจากภรรยาคู่ใจคนเดียวเท่านั้นนะ…”
“แน่นะคะ…”
“แน่สิ…”
“แต่ถ้ามีลูก…ก็อาจจะไม่แน่…แต่เธอคงไม่ถือหรอกใช่มั้ย…”นาดายิ้มกว้าง
พลางดึงแก้มดานีสด้วยความหมั่นไส้
“กับลูกน่ะน้ำค้างไม่ถือให้หนักหรอกค่ะ…แต่กับผู้หญิงอื่นๆน่ะไม่แน่…”
“ไม่รวมท่านหญิงอะมานีนะ…เพราะรายนี้ฉันต้องขอเอาไว้เป็นกรณีพิเศษ…”
นาดาได้ยินเช่นนั้นก็ถึงกับหัวเราะน้อยๆออกมา
สำหรับท่านหญิงอะมานี คุณแม่สามีแล้วล่ะก็ เธอจะหึงหวงหรือถือสาได้อย่างไรไหว…
ก็คงต้องยกเอาไว้ให้เป็นกรณีพิเศษเหมือนกัน…
“เธอรู้มั้ยว่า…วันนี้ดอกแคบานรอบๆบ้านเราเต็มไปหมด…”ดานีสกล่าวขึ้น
“จริงเหรอคะ…”นาดาเอ่ยถามด้วยแววตาท่่ีแสร้งทำเป็นตื่นเต้นรับมุกเขา
เพราะดอกแคที่เขาว่ามันบานตั้งหลายวันแล้ว ไม่อย่างนั้นเมื่อวันก่อน
เธอจะเอามันมาทำอาหารขึ้นโต๊ะได้อย่างไร…
“จริงสิ…ยังคิดเลยว่าจะชวนเธอไปเก็บด้วยกัน…”
“แต่คุณหมอไม่ชอบแกงส้มดอกแคสักเท่าไหร่ไม่ใช่เหรอคะ…”นาดาแย้ง
“ใครว่าจะเก็บมาทำอาหารล่ะ…”
“งั้นจะให้เอามาทำอะไรล่ะคะ…”นาดาเริ่มงง
“ก็จะเอามาร้อยเป็นพวงวางไว้ตรงหัวเตียงของเรา
เพื่อจะแสดงให้รู้ว่า…เราแคร์กันแค่ไหนไง…ไม่ดีเหรอ…”
นาดาแอบขำคนช่างคิด ก่อนจะแย้งเสียงเบาว่า
“น้ำค้างว่ามันดูจะเสียของไปมั้ยคะ…ให้คนนำไปแกงกินไม่ดีกว่าเหรอคะ
คุณหมอดานีสขา…ได้ประโยชน์กว่าต้ังเยอะ…
เพราะแค่ที่คุณหมอทำให้มาตลอดก็การันตีได้แล้วว่า…
คุณหมอแคร์น้ำค้างแค่ไหน…”
ดานีสได้ฟังก็ได้แต่หมั่นไส้คนพูดเลยโยกหัวคนตัวเล็กข้างๆไปหลายรอบ
“Greatness as you…(ยิ่งใหญ่อย่างเธอ)”
นาดาเริ่มร้องเพลงพร้อมรอยยิ้มสดใส
พลางจิ้มนิ้วไปที่อกกว้างๆของดานีส
ก่อนจะหันมาจิ้มนิ้วที่อกเล็กๆของตัวเองพร้อมเนื้อหาเพลงต่อมาว่า
“Smallest as me…(กะจิ๊ดริดอย่างฉัน)”
“You show me what is deep as sea
(เธอแสดงให้ฉันเห็นว่าท้องทะเลนั้นลึกเพียงใด)
A little love, little kiss, (รักกันนิดๆ จูบกันเบาๆ)
A little hug, little gift (กอดกันเล็กๆ ของขวัญชิ้นน้อยๆ)
All of little something. These are our memories
(ทุกๆอย่างที่เล็กๆนี้ ล้วนเป็นความทรงจำของเราทั้งนั้น)
You make me cry (เธอทำให้ฉันร้องไห้)
Make me smile (ทำให้ฉันยิ้มได้)
Make me feel that love is true (ทำให้ฉันรู้ว่าความรักมีอยู่จริง)
You always stand by my side (เธอยืนอยู่เคียงข้างฉันเสมอๆ)
I don’t want to say goodbye (ฉันไม่อยากจะบอกลาเธอเลย)
You make me cry (เธอทำให้ฉันร้องไห้)
Make me smile (ทำให้ฉันยิ้มได้)
Make me feel the joy of love (ทำให้ฉันรู้สึกถึงความสุขที่ได้รัก)
Ohh kissing you (จูบเธอ)”
แล้วนาดาก็หอมแก้มขวาของดานีส
เมื่อร้องเพลงมาถึงท่อนนี้ก่อนจะหน้าแดงแล้วร้องเพลงท่อนต่อมา
ราวกับต้องการจะบอกสิ่งนี้กับเขาอย่างแท้จริงด้วยแววตาจริงใจว่า
“Thank you for all the love you always give to me
(ขอบคุณสำหรับความรักทั้งหมดที่เธอมอบให้ฉันเสมอมา)
Oh I love you…”
(ฉันรักเธอนะ...)
แล้วหญิงสาวก็สวมกอดเขาอีกครั้งเมื่อร้องเพลงจบ…
ดานีสถึงกับอึ้งไปไม่ถูกเมื่อเจอกับบทภรรยาร้องเพลงจีบเขา
ไม่ใช่แค่จีบนะ แต่เธอยังร้องเพลงสารภาพรักเขาด้วย…
แล้วเพลงที่เธอร้องก็เป็นเพลงภาษาอังกฤษ สำเนียงที่ร้องนั้นช่างไพเราะ เสนาะหู
ซ้ำยังออกเสียงได้ถูกต้องชัดเจนด้วย น้ำเสียงใส กังวาน หวานละมุน น่าฟัง…
จนเขาอดเอ่ยปากชมไม่ได้จริงๆ
ไหนเธอบอกเขาว่าเรียนจบมาแค่ชั้นมัธยมสาม และพูดภาษาอังกฤษไม่ได้
แต่ทำไมถึงร้องเพลงภาษาอังกฤษได้ชัดขนาดนี้
ซึ่งการจะเปล่งเสียงออกมาได้ชัดขนาดนี้มันต้องผ่านการฝึกฝน
การพูดและการขับร้องมาไม่ใช่น้อย…
“โอ้โห…นี่เธอสามารถร้องเพลงอธิบายภาษารักด้วยเพลงภาษาอังกฤษ
ได้แล้วเหรอน้ำค้าง…สงสัยฉันคงต้องตบรางวัลให้คุณอาซะแล้วสิ…”
“ไม่ได้ค่ะ…เพราะจริงๆแล้ว…คุณดาวิดเป็นคนสอนให้ร้องเพลงนี้…”
“หา…ใครสอนให้นะ! พูดใหม่ซิ”
“น้ำค้างล้อเล่นค่ะ…คุณอาเป็นคนสอน…ไม่ใช่คุณดาวิด…”
นาดารีบแก้เมื่อเห็นแววตาเขียวๆกำลังเรืองแสงก่อนจะอธิบายเสริม
“คุณอาบอกว่า…นี่คือคาถาปราบคนบ้างาน…
ให้น้ำค้างหัดร้องไว้บอกคุณหมอทุกวันทุกคืน
รับรองว่าคุณหมอจะติดกับ ไปไหนไม่รอดกลับมากินข้าว
และมานอนเป็นหมอนข้างให้น้ำค้างกอดทุกคืน…น้ำค้างแค่หัดไว้แต่ไม่เคยลอง…
ก็เลยกะว่าคงต้องลองร่ายดูสักรอบ…ไม่ทราบว่าได้ผลมั้ยคะ…”
นาดาเอียงคอถามพร้อมรอยยิ้มละมุนละไม…
ดานีสส่ายหน้าพร้อมกับยักไหล่
“No ฉันไม่ตกหลุมพรางของเธอกับคุณอาง่ายๆหรอก…”
“ไม่จริงหรอก…ขนาดน้ำค้างยังไม่ทันร่ายคาถาที่คุณอาให้มา
คุณหมอยังกลับมานอนให้กอดทุกคืนเลย…”ดานีสมองหน้าภรรยา
แล้วยกสองมือจับแก้มป่องๆนั่นแล้วพูดใส่หน้านั้นอย่างหมั่นไส้ว่า
“ฉันไม่น่าปล่อยให้เธอได้รับพลังยุทธจากท่านอาของฉันเลยจริงๆ…
นับวันพลังยิ่งเพิ่ม…กลัวว่านานไป ฉันจะมีสภาพเหมือนคุณอาผู้ชาย
พ่อของเจ้าดาวิดน่ะสิ…”
“คุณหมอพูดซะสยอง…พ่อคุณดาวิดท่านออกจะแสนดีและก็น่ารัก…”
“ทั้งที่เมื่อก่อนหน้าโหด พูดหวานไม่เป็นน่ะนะ…”นาดายิ้มหวาน…
“ความรักทำให้ผู้ชายอ่อนโยน ผู้หญิงอ่อนหวานค่ะ…”
“แต่น้ำตาลที่มากเกินไปก็ทำให้เป็นเบาหวานได้นะ…
เธอไม่ควรหนักหวานด้วยการทำตาหวานกับฉันมากเกินไปรู้มั้ย…”
นาดายังคงยิ้มหวาน
“รู้ค่ะ…แต่อยากช่วยเติมความหวานให้…เพราะเท่าที่รู้
คุณหมอยังหวานไม่พอ ยิ่งโดนน้ำค้างระเบิดอารมณ์ใส่ไปเยอะตอนเช้า
ยิ่งต้องทำการเพิ่มความหวานให้มากกว่าปกติหน่อย…”
ดานีสยิ้มพร้อมกัดเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความหมั่นเขี้ยวคนพูดที่กำลัง
ทำหน้าสลอนใส่เขาอยู่
“สงสัยจะโดนคุณอาถ่ายทอดพลังให้หมดพุงแล้วแน่ๆ…
นับวันยิ่งแก่แดดแก่ลม…”
“ก็น้ำค้างไม่ใช่เด็กแล้วนี่คะ…เด็กที่ไหนจะตั้งท้องลูกคุณหมอได้…
อีกไม่กี่เดือนก็จะเป็นคุณแม่แล้วนะคะคุณหมอดานีสขา…”
ดานีสถึงกับคิ้วกระตุก พลันนึกขึ้นได้ว่า เมียของเขาไม่ใช่เด็กๆแล้ว
ไหงทำไมวันก่อนยังรู้สึกอยู่เลยว่าได้เมียเด็ก…
“ว่าแต่ฉันเพิ่งรู้วันนี้เองว่าเธอร้องเพลงเป็น แถมยังร้องเพลงได้ไพเราะด้วย…”
นาดายิ้มรับคำชมพร้อมอธิบายว่า
“น้ำค้างร้องเพลงบ่อยค่ะ…แต่ไม่เคยร้องบนเวทีไหนๆหรือร้องไห้ใครๆฟัง
นอกจากคนในครอบครัวเท่านั้น
พ่อเตือนว่า เสียงของผู้หญิงเป็นเสน่ห์ดึงดูดเพศตรงข้ามให้หลงใหลได้
ไม่ต่างจากมนตราที่ทำให้ผู้คนหลงใหล ฝันหา และเคลิ้มไปได้
น้ำค้างไม่ควรใช้มันพร่ำเพรื่อ…เพราะมันอาจทำให้น้ำค้างไม่ปลอดภัย…
น้ำค้างคิดว่าการร้องเพลงให้คุณสามีฟังคงไม่เป็นไร…เพราะทำให้สามีหลงใหล…
เป็นการนันทนาการ…คุณอาจึงบอกว่าไม่ใช่ปัญหาค่ะ…
ก็เลยสอนเพลงนี้ให้น้ำค้างหัดร้องไว้ให้คุณหมอฟัง…
เป็นการฝึกฝนภาษาอังกฤษไปด้วย…
คุณหมอคงไม่รู้ว่าน้ำค้างสอบได้คะแนนวิชาภาษาอังกฤษ
ที่คุณอานำข้อสอบมาจากการสอบวัดระดับมาให้ทำได้เกือบเต็มเลย…
สร้อยคอนี้ไงคะคือของขวัญจากคุณอาที่ให้น้ำค้างเป็นรางวัล…”
นาดาให้ดานีสมองไปที่สร้อยคอของรางวัลของเธอ
ดานีสถึงกับเบิกตาโต
เพราะรู้ว่าสร้อยดังกล่าวมีคุณค่ากับคุณอาของเขามากแค่ไหน…
“นี่คุณอาให้เธอจริงๆเหรอน้ำค้าง…ทำไมฉันลืมสังเกตนะ…”
นาดาส่ายหน้าพร้อมเฉลย
“คุณหมอจะเห็นได้ยังไงล่ะคะ ในเมื่อน้ำค้างเพิ่งนำมาใส่เมื่อเช้าวันนี้เอง
อยู่ๆก็คิดถึงคุณอาก็เลยนำมาสวมดู…ก่อนหน้านี้ไม่กล้ากลัวทำหาย
ก็เลยถอดเก็บไว้น่ะค่ะ”
ดานีสมองสร้อยคอเส้นนั้นแล้วยิ้ม ก่อนจะบอกบางอย่างกับเจ้าของสร้อยคนปัจจุบันว่า…
“คุณอาของฉันเคยบอกกับฉันว่าหวงสร้อยเส้นนี้มากเลยนะ…
เพราะเป็นสร้อยคอที่ท่านพ่อของฉันสั่งทำและออกแบบเป็นพิเศษ
ให้เป็นของขวัญวันรับปริญญาใบแรกของคุณอาน่ะ…ท่านก็เลยรักมาก
ยิ่งตอนที่ท่านพ่อจากไปหมาดๆ ท่านจะนำมันมาสวมใส่แทนสร้อยคอ
ที่คุณอาผู้ชายมอบให้เป็นของขวัญวันแต่งงานเลยทีเดียว…
ฉันไม่คิดเลยว่า ท่านจะตัดใจมอบมันให้เธอได้…สงสัยฉันคงต้องถามให้รู้แล้วว่า
เธอทำยังไงท่านถึงยอมสละของรักและหวงให้แบบนี้”
ดานีสกล่าวด้วยแววตาเอื้อเอ็นดูนาดา เพราะรู้แน่ว่า เธอคนนี้
ต้องมีอะไรพิเศษมากพอให้ท่านอาของเขายอมมอบสร้อยเส้นนี้ให้ได้
“น้ำค้างก็เพิ่งรู้ที่มาของสร้อยเส้นนี้จากคุณหมอ…
เพราะคุณอาไม่ได้บอกอะไรกับน้ำค้างมากไปกว่าให้น้ำค้้างเก็บรักษามันไว้
ให้เป็นอย่างดีพร้อมกับสวมให้น้ำค้างกับมือ…
ขณะสวมก็บอกว่า…น้ำค้างควรจะได้รับสิ่งนี้เป็นรางวัลเหมือนครั้งที่คุณอาเคยได้รับ…
เพราะน้ำค้างเรียนจบหลักสูตรปริญญาตรีกับคุณอาแล้ว…
กลับไปรอบนี้ คุณอาจะสอนในระดับต่อไปค่ะ…”
ดานีสได้ฟังถึงกับตาโตอีกระลอก
“ไม่เห็นคุณอากระซิบบอกฉันในเรื่องนี้เลย…บอกแค่ว่าเธอเป็นศิษย์รัก
ท่ีน่ารักที่สุดในโลกก็เท่านั้น…ฉันเพิ่งรู้ว่าคุณอาแอบมอบปริญญาตรีให้เธอ
ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว…”
ดานีสไม่ปล่อยให้ความสงสัยหลุดลอยไป
คืนนั้นเขาได้โทรระหว่างประเทศไปหาคุณอาของเขาทันที
“อาก็นึกว่าอะไรใหญ่โต…นี่เราเพิ่งรู้เหรอว่าเมียเราน่ะเขาสมองไว…”
เสียงปลายสายตอบมาด้วยน้ำเสียงปนขำขัน
“ผมเพิ่งเห็นสร้อยคอที่คุณอาให้น้ำค้างมาน่ะครับ…
ไม่อยากเชื่อสายตาและหูของตัวเอง…”
“มันก็สมเหตุสมผลแล้ว…อาให้น้ำค้างโดยไม่เสียดายเลยสักนิด
เพราะว่าน้ำค้างควรได้รับมัน…
เธอรู้มั้ยดานีสว่าพ่อของเธอให้สร้อยเส้นนั้นกับอาพร้อมกับบอกว่า…
ที่อาได้ปริญญาตรีเกียรตินิยมอันดับหนึ่งนั้นไม่ใช่เพราะใคร แต่เป็นเพราะเขา…
เขาก็เลยอยากมอบของที่ระลึกแทนใจให้…
ตอนนั้นอาไม่ปฏิเสธนะว่าพ่อของเราน่ะเขาเป็นครูของอา
เขาสอนอาในหลายๆอย่างที่ครูที่มหาลัยไม่เคยสอน…
และน้ำค้างเขาขอบคุณอาที่สอนให้เขารู้ว่าเขานั้นไม่รู้…
เขาบอกว่า…ยิ่งเรียนกับอาเขาก็ยิ่งพบว่าเขานั้นไม่รู้”
“เขาพูดอย่างนั้นเหรอครับ…”
“ใช่…เขาพูดอย่างนั้น…ซึ่งนั่นคือสิ่งที่อาเองเคยพูดกับพ่อของเธอ
และนั่นคือสิ่งที่ทำให้อาอยากจะเรียนรู้สิ่งนั้นสิ่งนี้อยู่ตลอด
เพราะเมื่อยิ่งเรียนก็ยิ่งพบว่าเรานั้นไม่รู้…และยิ่งรู้มากขึ้นเท่าไหร่
ก็ยิ่งพบว่ายังมีอีกหลายอย่างที่เรานั้นยังไม่รู้…
และความไม่รู้คือศัตรูของความรู้…
เราจึงต้องเรียนรู้เพื่อต่อสู้กับความไม่รู้อยู่ตลอดเวลา
อาบอกตามตรงว่าอาชอบน้ำค้าง…เพราะนอกจากเขาจะสมองไวแล้ว
เขายังจดจำสิ่งต่างๆได้ดี ไม่ขี้ลืม และรู้จักสังเกต รู้จักซักถาม รู้จักวิเคราะห์
ที่สำคัญ…เขาสามารถมองเห็นถึงแก่นของสิ่งที่ศึกษามาได้ด้วยนะ…
อาว่าเขาต้องมีพื้นฐานทางความคิดที่ดีมาแต่เด็กๆ…
เขาต้องเติบโตมาในครอบครัวที่ใฝ่รู้ แต่อาจจะไม่มีโอกาสทางการศึกษา
ตามสถาบันก็เท่านั้น…
ซึ่งเท่าที่สอนเขามา เขาดูจะมีพื้นฐานความรู้ที่แน่นมาก…
ดูเขาชอบเรียนรู้สิ่งรอบตัวและเขาไม่ได้มีความรู้น้อยอย่างที่เราเคยคิดกัน…
เขาอาจจะเรียนรู้มาจากการดูหรืออาจจะหาหนังสือมาอ่านในยามว่าง…
อาก็เลยค่อนข้างทึ่ง ยิ่งสอนก็ยิ่งรู้ว่าเขาเป็นคนมีปัญญา…
มีอะไรก็เลยจะสอนเขา คิดอยู่ว่าถ้าเขาสามารถรับความรู้ทั้งหมดที่อามีอยู่ได้
อาก็ยินดีจะถ่ายทอดให้หมดเลยล่ะ…เพราะน้ำค้างเขาเป็นคนขยันศึกษา
ขยันใฝ่หาความรู้อยู่ตลอดเวลา…ผู้หญิงแบบนี้แหล่ะ
ที่จะคอยเป็นช้างเท้าหลังที่มั่นคงให้คนอย่างหลานได้…
และอาจจะเป็นแม่ที่สอนและอบรมลูกเก่งด้วย…
เราสบายใจได้นะดานีส…อาว่าหลานอาเลือกผู้หญิงไม่ผิดแล้วล่ะ…
ส่วนอะมานีก็ปล่อยให้เขาคิดไปเองของเขาไปก่อนก็แล้วกันนะ…
สักวันเขาคงจะเห็นเองว่าอะไรเป็นอะไร…
อาว่า…เพชรก็คือเพชรอยู่วันยันค่ำ ไม่แปรธาตุเป็นอื่นไปได้หรอก…
เพราะอาไม่เคยเห็นสักครั้งเลยว่าอะมานีจะสามารถทำให้เพชรแท้อย่างน้ำค้าง
หม่นหมองได้…”
ดานีสได้ฟังเช่นนั้นก็ถึงกับยิ้มพลางหันไปทางนาดาที่นอนหลับใหลอยู่บนเตียง…
“เธอเข้มแข็งเกินกว่าที่ผมเคยสัมผัสมา…”
ดานีสเปรยออกมากับคุณอาที่อยู่อีกดินแดนหนึ่ง…
“ผมเพิ่งรู้ว่าเธอต้องพยายามฝ่าฟันสิ่งต่างๆมามากแค่ไหนเพื่อให้แม่ผมพอใจ…”
“อาว่าไม่ใช่หรอกดานีส…”ปลายสายกล่าว
“อาว่าน้ำค้างเขาเป็นคนแบบนั้นอยู่แล้วต่างหาก…
เขาไม่ได้พยายามเปลี่ยนอะไรให้คนอื่นๆพอใจในตัวเขา
แต่เขากำลังทำในสิ่งที่เขาเชื่อว่าพระเจ้าจะพอใจต่อเขามากกว่านะอาว่า…
และสิ่งที่เขาทำอยู่นั้น อามองว่า…เขากำลังทำให้คนอื่นพอใจและยอมรับเขา
ในแบบที่เขาพยายามทำเพื่อพระเจ้าอยู่มากกว่า…”
“ทำไมอาถึงเชื่อแบบนั้นล่ะครับ…”
“อาเชื่อในสิ่งที่อาสัมผัสได้…หากน้ำค้างเขาเพียงต้องการให้อะมานี
พอใจในตัวเขาเพียงแค่นั้น…เขาคงไม่เลือกที่จะเป็นเช่นที่เป็นอยู่หรอก…
เขาคงเชื่อฟังอะมานีทุกอย่างเพื่อที่สุดท้ายแล้วอะมานีจะได้พอใจในตัวเขา
ที่ไม่ขัดใจเจ้าหล่อนเลย…เผลอๆอาจทิ้งหลานไปซะตั้งนานแล้วล่ะดานีส…
ถ้าน้ำค้างไม่เข้มแข็งพอป่านนี้คงใจเสาะร้องห่มร้องไห้
ตีโพยตีพายต่อว่าต่อขานหรืออาจจะประจานแม่ของเราไปต่างๆนาๆ
ให้ใครต่อใครเขาพลอยเกลียดแม่เราไปแล้วล่ะ…
แต่นี่เขายังไม่เคยทำกริยาอะไรแบบนั้นออกมาให้เห็นเลย
ซึ่งย่อมแสดงให้เห็นว่าหัวใจของเขายังปลอดภัยดี
ไม่มีโรคภัยใดๆเบียดเบียนให้ต้องหมองหม่น…
และการจะทำแบบนั้นได้ คนๆนั้นก็ต้องมีความอดทนสูง
และหัวใจต้องเข้มแข็งพอต่อแรงเสียดทานได้”
“คุณอามองว่าแบบนั้นเหรอครับ…”ดานีสถามเพื่อความมั่นใจ
แม้เขาจะมองว่าเธอนั้นอย่างไรก็ตาม แต่เขาก็อยากรับรู้มุมมองจากคนอื่นบ้าง
เพราะเชื่อว่าตัวเองนั้นมิอาจมองเห็นทุกอย่างได้หมด
อย่างไรก็ต้องพึ่งคนอื่นให้ช่วยดูให้ด้วย…
“อาว่าอามองคนไม่ผิดนะ…”
“เธอค่อนข้างเคร่งครัดในศาสนา…หากหลานใช้หลักการศาสนากับเธอ
และใช้หลักศาสนาในการครองเรือน อาว่าปัญหาทุกอย่างในชีวิตคู่
ก็จะผ่านไปได้ด้วยดี…”
“แล้วคุณอาคิดว่า…จะมีทางใด…ที่จะทำให้แม่เลิกหาลูกสะใภ้คนอื่นให้ผมสักทีล่ะครับ…”
แล้วดานีสก็ได้ยินเสียงหัวเราะน้อยๆจากปลายสาย
“หลานก็ทำหน้าที่ลูกชายที่ดีกับแม่ต่อไป…
เพราะน้ำค้างเองเขาก็กำลังทำหน้าที่ลูกสะใภ้ที่ดีอยู่แล้ว…
เรื่องการยอมรับมันต้องใช้เวลา…
แต่อาว่า…ไม่นานเกินรอหรอก…ยิ่งได้เห็นหน้าหลานอาจจะเลิกความคิด
ให้เราเลิกกับเมียไปเลยก็ได้นะ…เป็นใครก็ต้องสงสารเด็ก…
ยิ่งแม่เราแล้วล่ะก็…ความเป็นไปได้มีสูงอยู่ เพราะเขารอหลานมานานแล้วนี่…
เห็นหน้าหลานอาจจะพาลสงสารไม่กล้าทำไรแม่ของหลานก็เป็นได้นะ…
สำคัญคือเราต้องอดทนให้มากๆ…และพยายามให้กำลังใจน้ำค้างเขาให้มากๆด้วย…
อาว่าน้ำค้างเขาพร้อมที่จะเข้าใจแม่ของเรานะดานีส…
อะมานีเขาไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำกับใครนะ…
แค่ใจแข็งและปากแข็งไปหน่อยก็เท่านั้นเอง”
“แค่เท่านั้นเองเหรอครับ…”ดานีสแอบประชดคนพูด
“ก็แค่เท่านั้นจริงๆนะ…เชื่ออาสิว่ามันจะผ่านไปได้ด้วยดีแค่เราอดทน…
อ้อ…อาลืมบอกไปว่า…สัปดาห์หน้าอาได้รับเกียรติให้ไปทาบทาม
ขอหนูอะมีร่าให้กับเจ้าดาวิดนะ…ไม่คิดเลยว่าเจ้าดาวิดจะใจกล้าบ้าบิ่นได้ขนาดนี้…”
ถ้อยคำนั้นทำเอาดานีสถึงกับตาค้างด้วยความตกใจในสิ่งที่ได้ยิน…
แม้จะรู้มาตลอดว่าลูกผู้น้องของเขานั้นแอบมีใจให้อะมีร่า
หญิงสาวที่มารดาของเขาหมายหมั้นปั้นมือให้มาเป็นลูกสะใภ้้
และลุ้นให้เขาเลิกกับนาดาหันไปแต่งงานกับหญิงสาวผู้นี้
ไม่คิดเลยจริงๆว่าเจ้าดาวิดจะตัดสินใจขั้นเด็ดขาดได้แล้ว…
“น่าลุ้นสุดๆครับอา…”
“อานี่ลุ้นสุดตัวเลยล่ะ…ใจนึงก็เกรงใจอะมานีนะ…แต่ก็อยากให้ลูกสมหวังมากกว่า…
ก็เลยต้องเลือกตามใจลูก…เราคงไม่ว่าอานะดานีส…”
“ผมจะว่าอาได้ยังไง…อยากจะขอบคุณด้วยซ้ำ…ผมว่าอะมีร่าเหมาะกับดาวิดนะครับ…
แต่ไม่รู้ว่าเธอจะว่ายังไง…”
“อาว่าน่าจะไม่ว่าไงนะ…”ดานีสเลิกคิ้วด้วยความตกใจอีกรอบ
“หมายความว่าไงครับ…”
“ถ้าอาบอกความจริงเรื่องเรา…อาว่าทุกอย่างก็เข้าทางอาอยู่นะ…
แต่อาจจะต้องบาดหมางใจกับอะมานีน่าดู…ใจจริงอาไม่อยากทำแบบนี้
แต่ก็ไม่รู้จะหาทางออกยังไงให้กับเรื่องนี้ดี…
หากดาวิดกับอะมีร่าได้แต่งงานกันจริงๆ ลูกชายอาก็สมหวัง
เรากับหนูน้ำค้างก็จะได้อยู่กันโดยปกติ…
เพราะอะมานีไม่เคยคิดว่าใครจะเหมาะสมกับเราเท่ากับหนูอะมีร่า…
เมื่อไม่มีหนูอะมีร่าเป็นตัวเลือกแล้ว…อะมานีก็จะเลิกความคิด
ที่จะให้เราเลิกกับหนูน้ำค้างได้ไม่ยาก…นับว่างานนี้ได้มากกว่าเสีย…
เพียงแต่อะมานีอาจจะโกรธอาไปอีกนาน…”
คนปลายสายเงียบไปครู่นึงก่อนจะเอ่ยขึ้นอีกว่า
“แต่ครั้นจะให้อารอให้อะมานียอมรับหนูน้ำค้างก่อน
อาเกรงว่าจะนานไป อาอยากได้หลานเหมือนกัน…
และหากไม่ใช่หนูอะมีร่่า ก็ดูท่าแล้วว่าเจ้าดาวิดลูกอาจะไม่โปรดสาวใดเอาซะเลย
อากลัวว่าจะได้หลานช้าไป…หรืออาจจะไม่ได้เลย…
ยังไง การยอมให้อะมานีโกรธก็ย่อมดีกว่าการปล่อยให้ลูกชายอาขึ้นคาน…
เขารอหนูอะมีร่ามานานจนอาสงสาร…ผลจะเป็นอย่างไรต่อจากนี้
อาคงต้องยอมรับกับมันแล้วล่ะดานีส…”เสียงท้ายของเจ้าของเสียงดูไม่ค่อยดีนัก
ทำให้ดานีสที่ฟังอยู่ถึงกับลอบถอนใจ…
“อย่าคิดอะไรไปก่อนให้วิตกกังวลเลยครับ…
บางทีเรื่องอาจจะไม่เป็นอย่างที่เราคาดคิดเอาไว้ก็ได้…
ปัจจุบันแม่ก็ยังโกรธผมเรื่องที่ผมไม่ยอมหย่ากับน้ำค้าง
แถมยังขัดใจเรื่องอะมีร่าอยู่เลย…
แต่ผมรู้ว่าท่านไม่เคยตัดความเป็นแม่ลูกกับผม…ท่านไม่ใช่คนพาล คุณอาก็รู้…”
“อารู้ว่าอะมานีเป็นยังไง อาถึงกล้าเสี่ยงดู…แต่ก็อดหวั่นๆไม่ได้อยู่ดี…
แต่ก็ช่างมันเถอะ…ยังไงก็คงต้องลองเสี่ยงดูสักตั้ง…”
“อะมีร่าเขามีสิทธิ์ที่จะเลือกนะครับ…คุณอาเป็นคนเสนอตัวเลือกให้เขา
ผมว่าถ้าเขาเลือกดาวิด ก็ไม่ใช่ความผิดใครเลย…
เพราะอะมีร่าไม่ใช่สิ่งของที่จะถูกตีตราจองโดยไม่อาจเลือกได้เอง…
เขาเป็นคนที่มีสิทธิ์ในการเลือกเฟ้น…
และเขาควรจะได้รู้ความจริงเกี่ยวกับผมจากปากของผมมากกว่าจากปากของคนอื่น…
เอาไว้ผมจะกลับไปแนะนำน้ำค้างให้เขารู้จักด้วยตัวของผมเองนะครับอา…
ว่าแต่อาบอกให้ดาวิดยืดระยะเวลาออกไปอีกสักนิดนึงได้มั้ยครับ…
รอให้ผมเคลียร์กับเธอก่อน…
ผมแน่ใจว่า คนอย่างอะมีร่าจะไม่ทำอะไรให้ตัวเองเสื่อมเสียแน่นอนครับ
เธอมีเกียรติ มีศักดิ์ศรีและฉลาดพอที่จะเลือกด้วย…
ซึ่งดาวิดเองก็ไม่มีอะไรเสียหายซะด้วย…”
“ขอบใจเรามากนะดานีส…อารู้สึกดีขึ้นมากเลยที่ได้ยินเราพูดแบบนี้
อย่างน้อย…มันก็ทำให้สิ่งที่อากังวลมาหลายวันค่อยๆเบาบางลง…”
“ผมยินดีครับอา…ที่สำคัญ…ผมรักน้ำค้างและไม่เคยคิดจะเลิกกับน้ำค้าง
หรือต่อให้ผมมีอันต้องเลิกกับน้ำค้าง ผมก็แน่ใจตัวเองว่ายังไงๆ
ผมก็ไม่แต่งงานกับอะมีร่าครับ…ผมไม่อยากทำร้ายเธอหรือทำให้เธอ
เสี่อมเสียเกียรติด้วยการมาแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รักเธอทั้งๆที่เธอเอง
มีคนที่รักเธอมากกว่าผมเป็นไหนๆอยู่แล้ว…”
ดานีสกล่าวด้วยความสัตย์จริง…เขาแน่ใจตัวเองยิ่งกว่าแน่ใจ…
“แล้วผมจะลองพูดเรื่องนี้กับดาวิดดูนะครับ…เขาคงเข้าใจได้ไม่ยาก…”
“ขอบใจจริงๆดานีส…”
“ผมเองก็ต้องขอบคุณคุณอาเช่นกันนะครับกับทุกๆเรื่องที่ทำเพื่อผม
ผมรู้ว่าอารักและหวังดีกับผมและน้ำค้างมากแค่ไหน…”
“อาคงลืมบอกอะไรเราไปนะดานีส…อาเคยทดสอบไอคิวของน้ำค้างดู
หลานคงตกใจถ้าอาจะบอกว่าไอคิวของเธอสูงกว่าคนปกติทั่วไป…”
ดานีสเบิกตาโตอย่างไม่อยากจะเชื่อ ที่ไม่อยากจะเชื่อเพราะเขาไม่เคย
เห็นความเหนือกว่าคนปกติด้านไอคิวของเธอมาก่อนเลย…
เธอดูธรรมดาๆเกินกว่าที่เขาจะสังเกตเห็นอะไรอย่างที่อาของเขาบอก…
“เป็นไปได้ไงครับอา…”
“เป็นไปได้สิ…ถ้าเราลองมาเป็นครูของน้ำค้างดูสักเดือน…
เขามีพัฒนาการที่รวดเร็วแบบก้าวกระโดด…
ไม่อย่างนั้นจะได้สร้อยปริญญาตรีที่พ่อของเราให้อาไปครองได้ยังไง…
ทั้งๆที่เขาเรียนกับอาแค่ปีกว่าๆเอง…มันเร็วจนข้ามเส้นธรรมดาเลยล่ะ…
หรือเราไม่เคยเห็นอะไรแบบที่อาว่าจริงๆ…”ดานีสเริ่มคิดไคร่ครวญ
“จะว่าไม่เห็นเลยคงไม่ใช่ครับอา…อย่างน้อยๆน้ำค้างเขาก็ร้องเพลงภาษาอังกฤษ
ได้คล่องแคล้ว ชัดเจน เข้าใจความหมายอย่างลึกซึ้งด้วย
ส่วนเรื่องอื่นๆคงต้องหัดสังเกตดูแล้วล่ะครับ…”
“อ้อ…อาจะบอกว่า…นอกจากไอคิวสูงแล้ว อีคิวก็ไม่ได้ต่ำด้วยนะ…
อาว่าคุณหมออย่างหลานน่าจะสัมผัสได้ไม่ยาก…
ดังนั้น…หายห่วงได้ในเรื่องของอะมานี…อาว่าน้ำค้างสามารถเอาชนะใจของอะมานีได้
ในอีกไม่ช้าไม่นานนี่แหล่ะ และอาจจะทำให้อะมานีรัก
ได้มากกว่าที่อะมานีรักอะมีร่าด้วยซ้ำไป…ไม่เชื่อก็คอยดูก็แล้วกัน…
อาไม่อยากคอนเฟิร์ม แต่ขอฟันธงก็แล้วกัน…”
เสียงหัวเราะน้อยๆดังมาจากปลายสายก่อนจะวางสายไป…
เรียกรอยยิ้มของดานีสไม่ใช่น้อย
ชายหนุ่มครุ่นคิดเกี่ยวกับข้อมูลที่ได้รับมาจากคุณอาของเขา
แล้วอดชำเลืองมองไปยังแม่ของลูกของเขาที่กำลังหลับอยู่ไม่ได้…
…หากเธอมีความฉลาดทางสติปัญญาและมีความฉลาดทางอารมณ์
เข้าขั้นอัจฉริยะจริงๆอย่างที่อาของเขาว่า…
งั้นพระเจ้ามอบความอัจฉริยะดังกล่าวมาให้กับเธอเพื่อสิ่งใดกัน…
ในเมื่อไม่ว่าจะมองอย่างไร…เธอก็ดูจะแสนธรรมดาเหลือเกิน…
และคงยังไม่มีมนุษย์คนใดจะสัมผัสเจออย่างที่อาและเขาเจอ…
หรือเธอจะมีวิธีการอันแยบยลเพื่อที่จะซ่อนมันเอาไว้จากสายตาของมนุษย์กันนะ…
ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้น ย่อมหมายความว่า
เธอย่อมต้องรู้จักตัวตนของตัวเองอยู่เสมอเป็นปัจจุบันขณะ…
โดยสามารถควบคุมไอคิวและอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ได้อย่างมั่นคงอยู่เสมอ…
และคงผ่านการฝึกฝนสิ่งนี้มาโดยตลอดด้วย…
เหตุการณ์เมื่อเช้าที่เธออาละวาดกับเขาเพราะเธอขาดสติ
และปล่อยให้อารมณ์อยู่เหนือทุกอย่าง จึงกลายเป็นการทำพลาด
ซึ่งเธอก็เลือกที่จะขออภัยกับเขาเมื่อเรียกมันกลับมาได้สำเร็จแล้ว…
นั่นย่อมเป็นการคืนกลับที่สมบูรณ์แบบ!
ยิ่งเมื่อย้อนกลับไปในวันวาน ทุกๆการกระทำของเธอนั้นมีบางอย่างกระซิบบอกเขาว่า
ในความธรรมดาๆของเธอนั้นไม่ธรรมดาเลย…
เพราะทุกๆสถานการณ์ที่เธอทำไปโดยขาดสติและปล่อยให้อารมณ์ใฝ่ต่ำเข้าครอบงำ…
สุดท้ายแล้ว…เธอสามารถหาวิธีคืนกลับที่สมบูรณ์แบบอย่างที่ทำในวันนี้ได้เสมอ
แบบเสมอต้นเสมอปลาย…
รสชาติอาหารของเธอก็อร่อยแบบเสมอต้นเสมอปลายเช่นกัน…
คนที่ตั้งครรภ์ส่วนใหญ่จะอารมณ์หลากหลายมากกว่าเธอ…
แต่สำหรับเธอแล้ว เขาเห็นเธอสดใสเป็นปกติประจำที่เคยเป็น
ยกเว้นเหตุการณ์เมื่อเช้าและเรื่องเล็กๆน้อยๆในแต่ละวันเท่านั้นเอง…
เขาชักไม่แน่ใจแล้วว่า…บิดามารดาของเธอจะรู้ในเรื่องนี้หรือเปล่า…
แต่จะเป็นไปได้อย่างไรที่ผู้เป็นบิดามารดาจะไม่รู้ในเรื่องนี้…
สงสัยเขาคงต้องสอบถามเพิ่มเติมจากมารดาของเธอเสียแล้ว…
หรือเขาควรจะถามเจ้าตัวดี…???
...โปรดติดตามตอนต่อไป...
ขอบคุณสำหรับทุกๆคอมเม้นต์นะคะ...และต้องขออภัยที่มาเสริฟช้ามาก จนอาจทำให้
คนอ่านที่กำลังติดตามอยู่อารมณ์ค้างและลืมเนื้อเรื่องไปบ้าง...
เรื่องนี้ใกล้จบแล้วค่ะ...มาลุ้นกับน้ำค้างและหมอดานีสกันนะคะว่าจะไปต่อกันอย่างไร
สุดท้ายไม่ท้ายสุด...ขอบคุณอีกครั้งค่ะสำหรับทุกๆความเห็นและทุกๆไลค์ที่กดให้เต่าโย
อย่างไรก็อย่าลืมส่งเสียงให้ได้ยินกันบ้างนะคะ อยากรู้ว่า "สำรับจากฟากฟ้า"
อร่อยแค่ไหน....
แล้วจะพยายามปั่นตอนหน้ามาให้กันเร็วๆนี้ค่ะ...
...รักษาสุขภาพด้วยนะคะ...
"เต่าโย"

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 15 พ.ค. 2557, 21:22:40 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 15 พ.ค. 2557, 21:22:40 น.
จำนวนการเข้าชม : 6908
<< ตอนที่ 15 กว่าจะเข้าใจกัน | ตอนที่ 22 เมื่อหมอกสลายไป >> |



แว่นใส 15 พ.ค. 2557, 23:28:35 น.
อยากให้ชนะใจคุณแม่เร็ว ๆ จังค่ะ
อยากให้ชนะใจคุณแม่เร็ว ๆ จังค่ะ


goldensun 16 พ.ค. 2557, 22:12:47 น.
นาดาน็อตหลุด แต่คุณหมอก็นิ่งพอที่จะไม่อารมณ์ขึ้นตามด้วย ดีจริง
แถมนาดายังได้คิดเองอีกด้วย น่ารักจริงๆ
สิ่งที่รู้จากคุณอาของหมอดานีสก็ยอดเยี่ยม เรื่องอีคิวไม่สงสัยอยู่แล้ว แต่ไอคิว จับสังเกตุไม่ได้น่าจะเพราะนาดาถ่อมตัวเป็นเรื่องปกติมังคะ แต่จากงานต่างๆ ที่นาดาเรียนรู้ ก็ทำให้เห็นว่าเรียนรู้ได้เร็วจริงๆ
นาดาน็อตหลุด แต่คุณหมอก็นิ่งพอที่จะไม่อารมณ์ขึ้นตามด้วย ดีจริง
แถมนาดายังได้คิดเองอีกด้วย น่ารักจริงๆ
สิ่งที่รู้จากคุณอาของหมอดานีสก็ยอดเยี่ยม เรื่องอีคิวไม่สงสัยอยู่แล้ว แต่ไอคิว จับสังเกตุไม่ได้น่าจะเพราะนาดาถ่อมตัวเป็นเรื่องปกติมังคะ แต่จากงานต่างๆ ที่นาดาเรียนรู้ ก็ทำให้เห็นว่าเรียนรู้ได้เร็วจริงๆ