หงส์ซ่อนลาย
เธอจะทำยังไง ในเมื่อรู้ว่าคนที่ฆ่าพี่ชายเธอ คือคนรักของเธอเอง
Tags: มาเฟีย ตบจุบ รักโรแมนติก ดรา่่มา

ตอน: บทที่ 10 แขกที่ไม่ได้รับเชิญ

แขกที่ไม่ได้รับเชิญ

“ดูเหมือนจะมีรถยนต์ตามเรามา”

“แล้วมัวทำอะไรอยู่ เหยียบคันเร่งเร็ว ๆ สิ” ซานโซเน่ตะโกนลั่น ถลาเข้ามาเกาะที่เบาะหน้าคันขับ เมื่อเห็นรถยนต์คันหลังพุ่งตามขึ้นมาและพยายามที่จะแซง รถยนต์สีดำวิ่งคู่กันบนท้องถนนแล้วซานโซเน่ก็ผงะกระเด็นไปติดที่ประตูข้าง เพราะถูกแรงกระแทกของรถยนต์สีดำที่เหวี่ยงกระแทกเข้ามาใส่

“บัดซบ ! มันเป็นใคร”

เขาตะโกนลั่น พยายามคว้าเอาปืนที่ถือมา แต่ช้าไปแล้วเพราะทันทีที่รถยนต์สีดำติดกระจกสีดำสนิทเหวี่ยงเข้ามาโครมใหญ่ ล้อรถเบรกสนั่นเป็นประกายติดกับถนน แรงกระแทกทำเอารถยนต์สีดำของเขาติดไปพุ่งใส่กลางถนน คนขับรถนัยน์ตาเบิกกว้างพยายามหักพวงมาลัยที่พุ่งเข้าใส่ แต่ช้าไปเสียแล้ว ทันทีที่ล้อรถยนต์พุ่งขึ้นสู่กลางถนนแล้วมันก็พลิกล้อทำเอารถยนต์สีดำหงายท้อง พุ่งกระจายสองตลบ ลุกเป็นไฟโชติช่วง...ล้มลงกับพื้น

เหมือนโลกจะหยุดหมุน...ซานโซเน่โชคยังดีที่ยังมีลมหายใจอยู่ เขาตะเกียกตะกายหน้าตาเต็มไปด้วยเลือด เปิดประตูคลานออกมาพยายามร้องให้คนช่วย แต่แล้วก็ต้องชะงักกึก...นัยน์ตาเบิกโตหน้าซีดเผือดเมื่อมองเห็นรองเท้าหนังของใครบางคนก้าวเดินมาใกล้ ๆ

ซานโซเน่เงยหน้าขึ้นมองไปยังมัจจุราชที่อยู่ตรงหน้า

“กะ....แก” เสียงของเขาแหบพร่า

“น่าเสียดายนะ ที่แกได้เป็นหัวหน้าได้แค่สองวัน”

“บัดซบ แกมัน...ไอ้ทรยศ !”

ปัง ๆ

เสียงกัมปนาทดังขึ้นติด ๆ กันสองนัด ทะลวงร่างซานโซเน่จนมันกระตุก ใบหน้าเบิกโพลงก่อนที่เลือดจะไหลออกมาจากบาดแผล ปากของมันเผยอขึ้นเหมือนจะเอ่ยคำใดเป็นครั้งสุดท้าย...แต่ก็ไม่ทัน ร่างของมันสะท้านเฮือกเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะนอนกองกับพื้น ชุดสูทสีดำถูกย้อมไปด้วยเลือดสีแดงฉาน ทั่วบริเวณคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นควันปืน และเสียงหวีดร้องของผู้คนที่อยู่ริมฝั่งถนน ก่อนที่ผู้ยิงจะเดินกลับไปขึ้นรถยนต์ติดฟิล์มดำสนิท จะเลื่อนปิดลงช้า ๆ และแล่นผ่านเลยไปอย่างไร้ร่องรอย....

“ขอคุยกับพี่ลูซิโอหน่อย”

จีนาขับรถสีดำยี่ห้อหรูเพิ่งกลับมาจากการไปซื้อของ ปกติแล้วพี่ชายเธอจะให้เธอเอาคนขับรถไปด้วย แต่ว่าเธอปฏิเสธเนื่องจากเธอมีธุระไปหลายที่ไม่อยากให้เขารอนาน บนท้องถนนมืดสนิทมีเพียงแสงไฟสลัวจากโคมไฟ และรถราที่แล่นอยู่ไปมา เส้นผมเคลียไหล่ล้อมกรอบใบหน้าคมสวย และริมฝีปากสีกุหลาบที่กำลังคลี่ยิ้มบาง ๆ เธอเพิ่งขับรถกลับและเห็นมีร้านใกล้ ๆ กับคฤหาสน์เลยโทรหาพี่เผื่อว่าจะซื้อของอะไรเข้าไปฝาก

‘เธออยู่ที่ไหน นี่มันกี่โมงกี่ยามรู้ไหม’

“หนูก็อยู่ใกล้ ๆ กับคฤหาสน์นี่ไงคะ ใกล้จะถึงแล้วด้วย” เธอแก้

‘ทำไมถึงไม่เอาคนขับรถไปด้วย คนคุ้มกันก็ตั้งหลายคน...ต้องให้พี่ทำยังไงเธอถึงจะพอใจ’ น้ำเสียงที่แข็งกระด้าง ทำเอาจีนายิ้มเจื่อน

“หนูไปทำธุระนะคะ ไม่ได้ไปเที่ยว...ที่หนูโทรศัพท์มาหาพี่ ก็เผื่อว่าพี่อยากจะซื้อของอะไรเข้าไปกิน หนูก็เลยโทรศัพท์มาหา ถ้าพี่ไม่มีอะไรแล้วแค่นี้ก่อนก็แล้วกันนะคะ”

‘เดี๋ยวก่อน’

“อะไรคะ”

‘ซานโซเน่ตายแล้ว’

เท้าของจีนาเหยียบเบรกกะทันหัน ใบหน้าคมสวยขมวดคิ้ว รถสีดำของเธอชะลอเคลื่อนเข้าริมถนนเปิดไฟเลี้ยวไว้ข้างทาง...

“อะไรนะคะ...เมื่อกี้พี่ว่าซานโซเน่ตายแล้วหรือ” เธอกระซิบแผ่ว

‘ใช่ เขาถูกรถคันหนึ่งชนจนพลิกคว่ำ แล้วก็ถูกยิงตาย’ เขายืนยัน ‘พี่ไม่แน่ใจว่าเป็นเรื่องการขัดธุรกิจของกลุ่มมาเฟียอื่น ๆ หรือเปล่า ซานโซเน่เพิ่งได้รับเลือกเป็นหัวหน้าได้เพียงสองวันก็เกิดการฆ่ากันตายเสียแล้ว รู้สึกว่าแก็งค์มาเฟียของเราจะถูกกลุ่มอื่น ๆ เล่นงาน เห็นทีพี่จะเอาไว้ไม่ได้เสียแล้ว’

หญิงสาวหน้าซีดเผือด เป็นไปได้ยังไง

“แล้ว...พี่รู้ได้ยังไงคะว่าเป็นกลุ่มอื่น ๆ ที่เล่นงานเขา”

ซานโซเน่ได้รับเลือกเป็นหัวหน้าแก็งค์มาเฟียมาลโซอันเลื่องชื่อสาขาอิตาลีตอนเหนือมีอิทธิพลมากมาย แต่แล้วจู่ ๆ กลับมาถูกยิงตาย ถ้าหากว่านี่เป็นความขัดแย้งของกลุ่มมาเฟียแล้วทำไมต้องออกมาทำซึ่ง ๆ หน้าถึงขั้นขับรถตามประกบยิงกลางถนน

‘ยังจะมีใครอื่นอีกล่ะ จีนาเธอกลับมาถึงแล้วจงเก็บตัวอยู่กับบ้าน พี่จะออกไปดูงานศพเขาเสียหน่อย’

“เดี๋ยวสิคะ พี่แล้ว...” เธออ้าปากต่อ แต่สายตัดออกไปเสียแล้ว จีนาเม้มปากแน่นกำโทรศัพท์ไว้แน่น

ขณะนั้นเอง ก็มีรถคันหนึ่งแล่นผ่านรถสีดำของเธอไป จีนาขมวดคิ้วเธอจำหมายเลขทะเบียนนั้นได้ แล้วมันก็หักเลี้ยวเข้าไปในสถานบันเทิงและเป็นของกลุ่มมาเฟียในพื้นที่ริมถนน แน่นอนว่าไม่ใช่กลุ่มมาเฟียมาลโซ เธอกำพวงมาลัยแน่น จำได้ว่าเป็นรถของกลุ่มของอาแมนโดและลูกน้องของมัน คิ้วโก่งมนขมวดคิ้ว...

เท้าของเธอค่อย ๆ เหยียบคันเร่ง ชะลอรถค่อย ๆ ตามรถคันนั้นออกไปช้า ๆ เธอมองเห็นรถยนต์จอดอยู่ที่ข้างร้านและเห็นอาแมนโดอยู่ในชุดเสื้อคลุมคอเป็นเสื้อหนังสัตว์ เธอเบิกตากลมโตเมื่อมองเห็นชายผมทองอีกคนที่เดินออกมาจากภายในร้าน แล้วจับมือทักทายกัน

นั่นมันลูกน้องแก็งค์ดราโกที่ชื่อว่า ‘บรันโน’ ไม่ใช่หรือ

กิติศัพท์ของแก็งค์ดราโก เลื่องลือไปในทางชั่วร้าย อำมหิตและไม่เคยปราณีใคร แก็งค์มาลโซเคยคุยธุรกิจกับกลุ่มดราโกแต่แล้วก็ถูกหักหลัง และเอาผลประโยชน์เข้าตัวเอง และฆ่ากันเต็มไปด้วยการนองเลือดมากมาย เป็นแก็งค์มาเฟียแก็งค์สุดท้ายที่กลุ่มมาลโซไม่เคยคิดจะเอามาเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกัน และอยู่ใครอยู่กันเป็นดีที่สุด จีนาหรี่ตาจ้องมองอาแมนโด ทำไมเขาถึงได้มาจับมือกันกับแก็งค์นี้ได้นะ

เธอจะจับโทรศัพท์แล้วจะโทรหาพี่ชายแต่แล้วก็ต้องชะงักกึก...

ตอนนี้พี่ชายของเธอกำลังยุ่งอยู่กับงานศพของซานโตเน่ อีกอย่างเธอก็ยังไม่ได้หลักฐานพอที่จะรู้แน่ว่าอาแมนโดมาทำอะไร

จีนากัดริมฝีปากแน่น...เธอตัดสินใจเปิดประตูรถเดินลงไปในสถานบันเทิง เธอจะต้องรู้ให้ได้ว่าอาแมนโดมาทำอะไรที่นี่เขาคุยกับหัวหน้าแก็งค์ที่ห้องไหน ท่ามกลางเสียงเพลงดึงกระหึ่ม หญิงสาวสวมชุดหนังสีดำกางเกงขายาวรัดรูป ปล่อยผมยาวสลวย ใบหน้ารูปไข่ล้อมกรอบด้วยเส้นผมยาวสลวยปละบ่า นัยน์ตาคู่สวยราวกับน้ำผึ้งรับกับจมูกโด่ง เรียวปากสีแดงระเรื่อท้าทายให้สายตาทุกคู่มองมาที่เธอ จีนาเดินไปที่หน้าประตู ชายวัยฉกรรจ์สองคนทำตาหยาดเยิ้มมองตรงมาที่เธอ

“จะไปไหนจ้ะ”

เธอปรายตามองเป็นประกาย แล้วหยัดยิ้ม

“ฉันมาเที่ยวหน่อยไม่ได้หรือ”

แน่ล่ะ...คนเหล่านี้ไม่มีใครรู้เลย ว่าเธอเป็นใคร มาจากไหน

“อา..ได้สิ แล้วคืนนี้เธอพาหนุ่ม ๆ มาหรือเปล่าล่ะ ถ้ายังไม่มีใครฉันจะเป็นคู่ให้ก็ได้นะ” ชายหนุ่มผมตัดสั้นยิ้มหวานหยด

มือของมันยกขึ้นแตะจะสัมผัสกับเส้นผมของเธอ แต่จีนาปัดมือออกห่างพร้อมกับปรายตายิ้มเป็นประกาย

“ไม่ดีกว่า ฉันมาคนเดียว”

“หึ ๆ ก็ได้ เอาล่ะเชิญเข้าไปข้างในก็แล้วกัน แสงสีศิวิไลซ์คงทำให้อารมณ์ของเธอดีขึ้นนะ” ชายฉกรรจ์ผายมือให้เธอ

จีนายิ้มพลางก้าวเดินไปข้างใน ภายในเต็มไปด้วยเพลงร็อกดังกระหึ่มและแสงสีวูบวาบ เธอมองหาอาแมนโดไปยังทางเดินต่าง ๆ ผู้หญิงหน้าตาสะสวยกำลังคลอเคลียอยู่กับผู้ชาย แต่เธอไม่สนใจ...จีนามองไปทางด้านหลังและเห็นบันไดทางขึ้นไปชั้นบน แต่ข้างล่างมีผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่นัยน์ตาคมดุไว้หนวดคนหนึ่งยืนเฝ้าอยู่ คน ๆ นี้คงเป็นคนยืนเฝ้าและคงจะไม่ยอมไปที่ไหนง่าย ๆ

เธอหันหน้าเดินผ่านผู้ชายคนอื่นไป และเมื่อนั้นเองต้นแขนขวาของเธอก็ถูกมือแข็งแรงจับกระชับไว้แน่น จีนาหันหน้าไปมองทันที

“ไม่คิดเลยนะ ว่าจะมาเจอคุณในสถานที่แบบนี้” น้ำเสียงทุ้มนุ่มดังลอยมาให้ได้ยิน

ใบหน้าคมสันในชุดเสื้อคลุมสีน้ำตาลใส่เสื้อยืดสีขาวไว้ข้างใน ดวงตาสีนิลราวกับค่ำคืนยามราตรี จมูกโด่งและเรียวปากบางได้รูปราวกับภาพปั้นจิตรกรโรมัน เส้นผมตัดสั้นปัดไปไว้ทางด้านหลังมีบางส่วนระบริเวณท้ายทอย ผิวของเขายามนี้มืดสลัว และถ้าเธอจำดวงตาสีนิลของเขาไม่ได้ มีหวังเธอคงผลักเขาออกไปแน่ ๆ

“วาเลนติโน”

“...ถ้าให้เดาคุณคงไม่ได้เอาใครมาเป็นเพื่อนหรอกนะ”

“ฉันมาเที่ยวที่นี่ไม่ได้หรือ”

เธอสะบัดแขนออก แล้วจะเดินไปยังบันไดทางขึ้นที่ด้านหลัง แต่ก็ต้องหมุนตัวกลับมาเพราะแขนของเธอถูกรวบจับกระชับไว้แน่น จีนาพยายามที่จะดึงแขนออก แต่มือของเขาก็แข็งแรงเกินกว่าที่จะปล่อยให้เธอทำอย่างนั้นได้

“คุณไม่ได้มาเที่ยวใช่ไหม” วาเลนติโนหยัดยิ้ม “อย่าดีกว่า...เลิกทำในสิ่งที่คุณคิดเสีย”

จีนามองวาเลนติโนนัยน์ตาวาววับ

“คุณรู้ด้วยหรือว่าฉันคิดจะทำอะไร” เธอกล่าว “ปล่อยฉันดีกว่า ก่อนที่ฉันจะทำให้คุณร้องโอดโอยอย่างที่คุณคาดไม่ถึง”

วาเลนติโนเลิกคิ้ว ซ่อนยิ้มในดวงตา

“คุณจะทำอย่างไร เหยียบเท้าผมหรือ หรือจะเอาปืนมาจ่อยิงผม”

“ไปซะ และอย่ามายุ่งกับฉันเสียดีกว่า”

“ไม่ได้ คุณกำลังจะเข้าไปเสี่ยงกับอันตราย คุณจะลักลอบขึ้นบันไดไปชั้นสองใช่หรือเปล่า”

จีนามองดูเขาพลางขมวดคิ้ว

“แปลกนะ...ที่นักธุรกิจอย่างคุณช่างสังเกต แถมยังมีนิสัยชอบเที่ยวบาร์ยามค่ำคืนอีกด้วย ยังมีอะไรที่ฉันไม่รู้อีกหรือเปล่า คุณทายถูกฉันจะลักลอบเดินขึ้นบันไดไปบนชั้นสอง ไปดูให้รู้แน่ว่าพวกเขาคุยอะไรกัน”

“คนเหล่านั้นเป็นคนของคุณหรือ”

“ใช่” เธอตอบตรง ๆ “และคุณเองก็ไม่อยากรู้ด้วยว่าเขาคุยอะไรกัน”

จีนาไม่อยากให้เขารู้เรื่องที่อาแมนโดกับพวกลูกน้องเกี่ยวข้องกับมาเฟียกลุ่มดราโก และเธอก็ไม่ต้องการให้เขารู้ด้วยว่าเธอเป็นน้องสาวของกลุ่มมาลโซผู้ทรงอิทธิพล เพราะฉะนั้นการกันเขาออกไปห่าง ๆ จึงเป็นการดีที่สุด เธอหมุนตัวเดินตรงไปที่ชายฉกรรจ์ร่างใหญ่ไว้หนวดเดินอยู่ตรงทางขึ้น ขณะที่วาเลนติโนถอนหายใจยาว จีนายิ้มให้เขาหวานที่สุดเท่าที่จะทำได้

“ที่นี่ขึ้นไปไม่ได้” เสียงห้าว ๆ ดังขึ้นอย่างข่มขู่

“ขึ้นไม่ได้...ทำไมไม่ถามหัวหน้าคุณดูล่ะ ว่าเขาอยากได้ผู้หญิงที่นั่งเป็นเพื่อนดื่มหรือเปล่า” จีนาหยัดยิ้มนัยน์ตาเป็นประกาย “เมื่อกี้มีแขกเพิ่งขึ้นไปไม่ใช่เหรอ ยังจะมีอะไรที่ดีไปกว่าการดื่มบรั่นดีและมีผู้หญิงเฝ้าคลอเคลียอยู่ไม่ห่างอยู่อีกล่ะ”

ชายฉกรรจ์ก้มลงมองเธออย่างไม่แน่ใจ

“เมื่อกี้ไม่เห็นนายท่านสั่งว่าให้เตรียมอะไรเลย”

“ของอย่างนี้ จะให้พูดได้ยังไงกัน”

“เดี๋ยวให้ฉันขึ้นไปรายงานให้นายท่านทราบก่อน”

“ถ้างั้นฉันจะกลับล่ะ ถ้าเจ้านายคุณลงมาแล้วไม่เจอฉัน ฉันก็จะไปรายงานว่านายกันท่าฉันไม่ให้ขึ้น”

เมื่อเจอเข้ากับไม้นี้ มันจึงรีบโอนอ่อนผ่อนตาม

“ก็ได้ แล้วรีบลงมาล่ะ”

จีนาหยัดยิ้มนัยน์ตาเป็นประกายยามค่ำคืน ซิบที่รูดขึ้นกลางอกบัดนี้เลื่อนลงมาจนเห็นเนินอกสวย ชายฉกรรจ์มองลงมาก็กลืนน้ำลาย แล้วเลื่อนตัวออกให้ หญิงสาวยิ้มหวานแล้วหันมามองวาเลนติโนที่นั่งดื่มบรั่นดีที่โต๊ะของบาเทนเดอร์ ใบหน้าคมสันก็ยิ้มให้เธอ จากนั้นจีนาก็เดินขึ้นไปยังบนชั้นสอง...

จากนั้นวาเลนติโนก็เหยียดยิ้มและเดินตรงเข้าไปหาผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงชั้นล่าง ร่างสูงอาศัยมุมมืดเดินเข้าไปจนกระทั่งเขาหันมามอง สายตาที่จ้องมองตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าเต็มไปด้วยความคลางแคลงใจ

“อะไร ?”

“ขอโทษนะ ช่วงไปยืนห่าง ๆ ทางโน้นหน่อยได้ไหม”

“อุ๊ก !?”

ชายฉกรรจ์ไว้หนวดสะดุ้งโหยง เมื่อถูกวาเลนติโนตีเข่าเข้าใส่ที่กลางลำตัวอย่างแรงจากนั้นก็ล็อกคอเขาด้วยเรี่ยวแรงราวกับปลอกเหล็กลากไปไว้ที่ประตูด้านหลังขณะที่ร่างนั้นนอนสลบอยู่ ใบหน้าคมสันก็เงยหน้าขึ้นมองไปที่ชั้นสอง ก่อนเหลียวมองไปรอบกาย

จีนาลอบมองเข้าไปที่ช่องลอดประตูเข้าไปดูภายใน เขามองเห็นหัวหน้ากลุ่มมาเฟียดราโกที่เป็นชายวัยกลางคน ผมสีดอกเลารูปร่างเตี้ยมีลูกน้องยืนอยู่ข้างหลัง เธอหันมาอีกด้านหนึ่งมองไม่เห็นอะไรได้ถนัด เพราะเนื่องจากภายในมีคนบัง เธอพยายามที่จะมองหาอาแมนโด และหญิงสาวก็ต้องสะดุ้งโหยงเพราะถูกจับบ่าไว้แน่น

ใบหน้าสวยหันกลับมามองทันที

“นี่คุณขึ้นมาถึงที่นี่ได้ยังไง...” เธอกระซิบแผ่ว

“ผมเป็นห่วงคุณ เลยตามขึ้นมา”

“แล้วคนเมื่อกี้...”

“ผมเอาไปซ่อนไว้ที่ด้านหลัง”

จีนาอึ้งไปพักใหญ่ และแล้วก็ต้องสลัดภาพความคิดนั้นออกไปให้หมด เพราะว่าตอนนี้ยังมีเรื่องอื่นที่สำคัญยิ่งกว่า เธอหันหน้าไปมองหาอาแมนโดภายในห้องและมองเห็นใบหน้าของเขาที่กำลังคาบบุหรี่พ่นควันเป็นทางยาวแล้วอีกมือหนึ่งกำลังถือแก้วบรั่นดีหมุนไปมา บรรยากาศภายในห้องเต็มไปด้วยผู้หญิงสาวสวยและเสียงที่พูดคุยกันเบา ๆ เธอพยายามจับฟังให้ได้มากที่สุด ว่าเขาพูดเรื่องอะไรกันแน่

“หวังว่าเรื่องธุรกิจของเราจะเป็นไปด้วยดี”

“ผมก็ว่าอย่างนั้น หึ ๆ”

ธุรกิจเหรอ อาแมนโดคุยเรื่องธุรกิจอะไรกับหัวหน้าแก็งค์ดราโก ขณะที่เธอกำลังจะแอบฟังต่อนั้นจู่ ๆ ก็มีมือแข็งแรงมาจับแขนเธอเอาไว้พยายามดึงออกมา

“พวกมันกำลังจะขึ้นมาแล้ว เราต้องรีบหนี”

“เดี๋ยวก่อนสิ ฉันกำลังจะรู้ว่าเขาพูดเรื่องธุรกิจอะไรกัน”

“เฮ้ย ! นี่พวกแกขึ้นไปทำอะไรกันบนนั้นน่ะ” เสียงชายผมสีทองที่ชื่อ ‘บรันโน’ ตะโกนขึ้นมาก่อนที่จะมีพรรคพวกตามมาข้างหลังอีกสามสี่คน

จีนาหันมามอง เธอกัดริมฝีปากก่อนที่จะหยิบปืนสั้นขึ้นมา วาเลนติโนก็พุ่งออกไปเหวี่ยงหมัดใส่ใบหน้าของบรันโนเต็มแรงจนมันกลิ้งตกลงบันไดไป แล้วก็กระโจนลงมาถีบพวกที่ตามมาจนมันล้มลงไปกองอยู่ที่กำแพงทางขึ้นบันได จากนั้นเขาก็หันมาจับข้อมือของเธอพาวิ่งหนีไป ท่ามกลางพวกที่ตะโกนอยู่เบื้องหลัง

“รีบจับพวกมันเอาไว้ เร็ว !”

เสียงตวาดดังอื้ออึง จีนาหันไปมองที่ด้านหลังก็เห็นมีกลุ่มคนที่ตามติดออกมา ท่ามกลางเสียงเพลงดังกระหึ่มและพวกผู้หญิงที่ร้องวี้ดว้ายทำให้เธอต้องเร่งฝีเท้ามากขึ้นเป็นสองเท่า วาเลนติโนเองก็เหมือนกันเขาไม่ยอมปล่อยมือออกจากแขนของเธอ หญิงสาวเม้มริมฝีปากยกปืนสั้นขึ้นมาจะยิงไปที่ด้านหลัง

“อย่ายิง เดี๋ยวจะถูกคนบริสุทธิ์” เสียงของเขาตะโกนบอกมา

“แล้วจะให้ทำยังไง พวกมันมีมากกว่าเราตั้งเยอะ” เธอร้องบอก

“ตามมาทางนี้เร็วเข้า”

เมื่อไม่มีทางเลือกเธอจึงต้องเก็บปืน และวิ่งตามเขาออกไปที่ประตูหน้า วาเลนติโนเหวี่ยงหมัดเข้าใส่ใบหน้าของชายฉกรรจ์ที่วิ่งสวนเข้ามา จับเหวี่ยงผู้ชายอีกคนไปยังกำแพงล้มลงพูดไม่ออก จีนาข้ามไปยังช่องกำแพงด้านหลัง เธอได้ยินเสียงปืนดังสนั่นและเสียงเอะอะที่ดังมาจากทางด้านหลัง เห็นได้ชัดว่าพวกมันมีพรรคพวกตามมากว่าสิบคน ลำพังปืนของเธอแค่นี้คงไม่อาจรับมือพวกมันได้ง่าย ๆ

จีนาตาเบิกกว้าง เมื่อเห็นตาข่ายเหล็กขวางกั้นอยู่ด้านหน้า จะกลับไปทางด้านหลังก็ไม่ทันแล้ว ขณะที่เธอกำลังคิดหาทางอยู่ วาเลนติโนก็กระโจนขึ้นไปเขาใช้ท่าทางคล่องแคล่งว่องไวในการปีนรั้วข้ามไปอีกด้านหนึ่ง หญิงสาวมองตามและสลัดความคิดนั้นออกไป มาถึงขั้นนี้แล้วเธอต้องทำให้ได้

จีนาจับตาข่ายรั้ว และปีนขึ้นไปบนตาข่ายยากกว่าที่คิด กว่าเธอจะจับและปีนรั้วข้ามไปอีกฝั่งหนึ่งของรั้วเป็นเรื่องที่ยากลำบาก ขณะที่เธอกำลังข้ามรั้วมาได้เพียงนิดเดียว ข้างหลังกลุ่มคนก็วิ่งไล่ตามมา เสียงปืนและเสียงเอะอะก็ดังขึ้นจวนเจียนจะถึงเต็มที จีนามองไปทางด้านหลัง

ไม่ทันแน่...เธอไม่มีทางจะข้ามไปได้

*************************




เบลินญา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 17 พ.ค. 2557, 08:44:19 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 17 พ.ค. 2557, 08:44:19 น.

จำนวนการเข้าชม : 1144





<< บทที่ 9 ผู้ทรยศ (สนพ.เลิฟอีส)   บทที่ 11 รอยแผลที่ไม่มีวันจางหาย (สนพ.เลิฟอีส) >>
Zephyr 18 พ.ค. 2557, 00:11:13 น.
นาง โง่อีกละ จีนา เอ้ยยยย
วางแผนก่อนเซ่ คนเดียวจะทำอะไรได้ ฮะ!!
แต่นะ ถ้านางไม่ฉายเดี่ยว วาเลนจะเป็นฮีโร่ได้ไง
( นางอ่อยเหยื่อ ชัดๆเลยยยย ชิ)
ปล หมั่นไส้นาง ที่สุดท้ายนางก็ต้องคู่วาเลน ฮึ่ยยยย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account