ร้อยรักพรางตะวัน (Just To Love You)
ชีวิตและจิตใจของฉันเหมือนดั่ง..ตุ๊กตาแก้ว..
เปราะบาง..อ่อนแอแตกหักง่าย..
แต่มันจะยังอยู่ได้..ถ้ายังมีใครบางคนอยู่เคียงข้าง’
(อรณี)

‘หัวใจของผม..มีไว้เพื่อเธอ..
ดวงอาทิตย์เฉิดฉายที่ปลายฟ้า
ดวงนั้น..คงไม่มีวันตกลงมาถึงผม..’
(ภาณุ)

‘คนอย่างฉัน..ไม่เคยต้องง้อใคร..
ถึงจะวีน..เหวี่ยง..แรง..ร้าย..
แต่ยังไง..ฉันก็ยังรักเขา..’
(ชลดา)

‘ถ้าเลือกได้..สักครั้งในชีวิต
ผมไม่ต้องการ..อะไรเลย
นอกจากเธอ..ผู้เป็นดั่งรอยยิ้มของผม’
(ชัชพล)

Tags: ร้อยรักพรางตะวัน,รักซึ้งๆ,รักโรแมนติก

ตอน: ตอนที่ 9 ชั่วโมงต้องมนต์...2

ไอร้อนผะผ่าวตกกระทบผิวทันทีที่ประตูรถตู้ถูกเปิดออกแสงสุรีย์ละสายตาจากตารางคิวงานที่กำลังขมักเขม้นมองคนมาใหม่ที่ยืนยิ้มกริ่มให้อย่างนึกเคืองคนเจอสายตาพิฆาตดูเหมือนจะรู้ตัวรีบบอกเหตุผล

“ขอโทษนะเจ้..อรสายพอดีมัวแต่หาของอยู่ เลยช้าไปหน่อย”

“แล้วเจอมั๊ย..ของน่ะ”ผู้จัดการสาวแว่นหนาสวนถามทันทีดวงตาภายใต้แว่นสายตายังคงคมกริบมองอย่างรู้ทัน

“ก็หาไม่เจอ..แต่ช่างมันเถอะไม่สำคัญอะไรอ้อ..นี่แซนด์วิช อรทำมาเผื่อเจ้กับลุงลองชิมดูแล้ววิจารณ์ด้วยนะว่าพอไปวัดไปวากับเค้าได้รึเปล่า”

อรณียื่นกล่องถนอมอาหารสีขาวสองกล่องส่งให้แสงสุรีย์พร้อมส่งยิ้มให้ลุงทองคนขับรถที่นั่งรออยู่ที่นั่งคนขับยิ้มให้อรณี “ขอบคุณครับคุณอร”

อรณียิ้มรับคำขอบคุณอย่างอารมณ์ดีก่อนจะพาตัวขึ้นมานั่งที่นั่งหลังคนขับติดหน้าต่าง ทองกุลีกุจอลงจากรถมาปิดประตูให้เสร็จสรรพ แล้วพาตัวเองขึ้นนั่งประจำที่คนขับ

ผู้จัดการสาวแว่นเหลือบมองนาฬิกาข้อมือด้วยสีหน้ายุ่งยากใจใกล้เวลานัดเข้ามาทุกทีแต่อรณียังคงเฉยทำเป็นทองไม่รู้ร้อน ขึ้นรถได้ก็ทำเป็นหลับไม่สนใจอะไรจนแสงสุรีย์ถึงกับทอดถอนใจเอ่ย “เมื่อคืนดึกเหรอ..ทำอะไรอยู่ท่าทางเหนื่อยจัง”

“ไม่มีอะไรนี่..อ่านบทดึกไปหน่อยน่ะเจ้”

อรณีตอบขอไปที ดวงตาภายใต้แว่นกันแดดสีดำกรอบใหญ่มีแววสลดเล็กน้อยจะให้เล่าเรื่องในครอบครัวให้คนอื่นรู้ไปก็ใช่ที่ ทางที่ดีที่สุดคือ..ความเงียบ

“มีอะไรอยากจะบอกมั๊ย ปรึกษาได้นะ”

“จะมีอะไรล่ะ..อรแค่ท่องบทดึกนอนไม่พอ ตื่นมาทำแซนด์วิซรับรองว่าไม่ทำให้ไอ้งานจับคู่วันนี้เสียแน่นอน..ถ้าไม่จำเป็น” ท้ายประโยคลงคำพูดแรงกว่าปกติจนแสงสุรีย์รู้สึกได้จึงได้แต่พูดเตือนสติกลายๆ

“ไม่เห็นต้องหงุดหงิดเลยนะอร..มันก็แค่งาน ทำๆ ไปแล้วก็จบ ได้เงิน ได้หน้าไม่มีอะไรต้องเสียเลย ขออย่างเดียวทำงานเสร็จเวลาให้สัมภาษณ์น่ะอย่าฟันธงว่าแค่รักโปรโมทเป็นพอเธอต้องให้ความหวังแฟนคลับเอาไปจิ้นต่อยอด”

“ตรรกะไร้สาระอีกแล้ว..ท่านประธานสั่งให้เจ้มากล่อมอรใช่มั๊ยไม่ต้องห่วง..อรไม่ทำให้งานเสียแน่ ก็บอกแล้ว..ถ้าไม่จำเป็น”

“เฮ้อ!!..พูดแล้วเหนื่อย เลิกพูดดีกว่าทำอะไรก็คิดก่อนก็แล้วกันขี้เกียจตามแก้ข่าวแล้ว..ถึงแล้วค่อยซ้อมคิวอีกทีก็แล้วกัน”

“แล้วหลังจากนั้นล่ะ” อรณีแสดงความสนใจทันที งานภาพยนตร์เป็นงานหลักที่หล่อนต้องรับผิดชอบในช่วงนี้แต่การจะต้องพบเจอกับใครบางคนทำให้ต้องคิดหนัก

“ก็เหมือนเดิมไง..มีคิวเย็นนี้ที่พัทยาคราวนี้โลเกชั่นบนเนินเขายามเย็น กับในโรงแรมห้าดาวของสปอนเซอร์ ไม่มีฉากลำบากวิ่งหนีโจรระเบิดกระท่อม หลบกระสุนหรอก สบายใจได้ งานนี้ไม่ต้องเม้ง”

“โธ่..ถามเฉยๆแค่นี้ต้องประชดประชัน ตกลงเจ้จะเป็นผู้จัดการหรือจะเป็นแม่อรกันแน่เนี่ย” อรณีเปรยยิ้มๆ จิกกัดตามฟอร์ม

“เฮ้อ.. ขี้เกียจพูดละเอาไว้คุยกับคุณชัชเรื่องคิวเอาเองก็แล้วกัน”

แสงสุรีย์ทอดถอนใจแล้วมองเมินออกไปนอกหน้าต่าง ระหว่างรถชะลอติดไฟแดงไม่ไกลกันนั้นใครบางคนที่นั่งอยู่ตำแหน่งที่นั่งคนขับของรถญี่ปุ่นคันเก่าใกล้ๆกันกำลังกัดกินแซนด์วิซชิ้นโตอย่างเอร็ดอร่อยด้วยสีหน้าเปี่ยมสุขผู้จัดการสาวนัยน์ตาเป็นประกายพร้อมขยับแว่นเล็กน้อยอย่างเคยชินแล้วก้มมองแซนด์วิซในมือตัวเองที่หน้าตาเหมือนกันอย่างกับแกะ

‘อย่างนี้รึเปล่า..ต้นเหตุการสายของเธอ..อรณี..อย่าให้รู้นะว่าเธอมีซัมติงกับเพื่อนร่วมคอนโดมีหวังท่านประธานรีบย้ายเธอออกจากที่นั่นแทบไม่ทันแน่’

แสงสุรีย์ถอนใจอีกเป็นคำรบสองนึกถึงบางสิ่งที่หนักอึ้งกำลังรออยู่อีกไม่นาน...


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ตึก..ตัก..ตึก..ตัก..

ตึก..ตัก..ตึก..ตัก..

เสียงหัวใจ..ที่ดังอย่างประหลาดเมื่อยามเช้าของวัน ความรู้สึกที่หวั่นไหว..ไปกับกลิ่นหอมและใบหน้านวลแสนเคยคุ้นพาลให้ความรู้สึกที่เก็บลึกมานานเริ่มจะเก็บไม่ไหวอีกต่อไป

แม่น้ำกว้างใหญ่ที่มองเห็นจากหน้าต่างวันนี้ช่างไหลเชี่ยวกรากผิดปกติเหมือนหัวใจของเขาที่ช่วงนี้ดูเหมือนว่าเลือดจะสูบฉีดทำงานหนักจนเหมือนมันจะออกมากองอยู่นอกอก..มันเป็น‘ความรัก’แน่แล้ว..รู้ตัวมานาน..แต่จะทำเช่นไรได้ในเมื่อสถานะของความเป็นเพื่อนมันค้ำคอให้เขาอับจนคำพูดอยู่ทุกวันนี้

คิดจะรุก..ก็กลัว..เสียรัก..เสียเพื่อน..

กลัว..อีกฝ่ายไม่เห็นค่าไม่มีราคาในสายตา..ยิ่งเมื่ออรณีเป็นเหมือนตุ๊กตาแก้วน่าทนุถนอมในสายตาของใครต่อใครมีหรือที่คนธรรมดาอย่างเขาจะกล้าหยิบจับให้ตุ๊กตาแก้วแสนสวยตัวนั้นต้องเป็นริ้วรอย..ด้อยค่า

“คุณภาณุครับ..คุณภาณุ”

เสียงเรียกอย่างเกรงใจของอเนก..หัวหน้าช่างที่มีต่อวิศกรหนุ่มไม่ได้ทำให้เขารู้สึกตัวแต่อย่างใดภาณุยังคงมองเหม่อออกไปนอกหน้าต่างอย่างคนใช้ความคิดนิ่งนานพอที่จะปล่อยความคิดคำนึงหลั่งไหลไปหาใครบางคนที่คิดถึง

“พิมพ์เขียวกับเอกสารที่ต้องการได้แล้วครับ”

อเนกเอ่ยเสียงดังขึ้นเล็กน้อยให้เขารู้ตัวภาณุถึงกับสะดุ้งก่อนจะหันมายิ้มบางพร้อมรับเอกสารไปดูเนิ่นนานด้วยสีหน้าเรียบเฉย จนอเนกอดถามถึงเรื่องที่คับข้องใจไม่ได้

“หรือเพราะว่าเฟสสองนี้ต้นทุนต่ำกว่าเฟสหนึ่งครับการใช้วัสดุอย่างแกรนิตดำแอฟ ถึงถูกลดทอนไปใช้แกรนิโต้แทนผมยังข้องใจไม่หายเฟสที่แล้วงานเราเนี๊ยบมาก มาใช้ตัวนี้กับเฟสสองมันจะกลายเป็นลดระดับไปรึเปล่าครับ”

“อืม..นั่นแหละที่ผมเป็นห่วงชื่อเสียงเฟสแรกโด่งดังจนมีเฟสสองและจะมีสามตามมา แต่ผมก็ยังไม่แน่ใจนะอาจจะมีอะไรผิดพลาดทางเทคนิคถึงได้ขอเช็คอย่างละเอียดอีกทีแล้วจะบอกให้คุณทราบ ระหว่างนี้ช่วยทำส่วนอื่นที่ทำได้ไป เว้นส่วนที่มีแกรนิตไว้ก่อนแล้วผมจะรีบให้คำตอบ..อ้อ..อีกเรื่อง..สถาปนิกเฟสสองชื่อคุณวาปีเหรอผมจำได้ว่าคุณน่านฟ้ารับผิดชอบควบสองเฟสเลยนี่..เปลี่ยนมือตั้งแต่เมื่อไหร่ผมไม่ยักรู้”

ภาณุรู้สึกสะดุดใจตั้งแต่เห็นรายชื่อสถาปนิกโครงการเฟสสองที่ถึงแม้เขาจะไม่มีส่วนร่วมกับโครงการนี้มาตั้งแต่ต้นแต่เมื่ออเนกนำเรื่องมาปรึกษาคนอย่างเขาจึงนิ่งเฉยอยู่ไมได้

“คุณวิศวกรใหญ่ของบริษัท..มาทำอะไรที่เฟสสองมิทราบครับผมจำได้ว่าคุณไม่ได้รับผิดชอบนี่”

คำถามยียวนติดจะหาเรื่องนิดๆลอยตามลมมากระทบโสตประสาทภาณุเข้าพอดีชายหนุ่มหันหาต้นเสียงที่ดังมาจากด้านหลังก็พบว่าไม่ใช่ใครนอกจาก..ธิเบต

“ผมมาดูความคืบหน้าโครงการร่วมนิดหน่อยน่ะแล้วคุณ?”

“ผมนัดลูกค้ามาดูห้องตัวอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้วล่ะ ได้ยินว่าคุณมาตรวจงานผมก็เลยอยากขึ้นมาทักทายซะหน่อยตามประสาคนรู้จัก”

น้ำเสียงกลั้วหัวเราะอย่างเห็นเป็นเรื่องขบขันเสียเต็มประดาซึ่งภาณุรับฟังอย่างขัดหูแต่ก็ไม่แสดงท่าทีอะไรนอกจากคำตอบเรียบๆเช่นเคย “ผมไม่ได้มาตรวจงานเพราะไม่มีหน้าที่พอดีเห็นชื่อสถาปนิกโครงการเป็นคุณวาปีก็เลยถามดูเท่านั้นเอง มีอะไรจะแนะนำผมรึเปล่า”

“ก็..เปล๊า..คุณวาปีถึงเธอจะยังประสบการณ์ไม่มากแต่การออกแบบของเธอได้ใจลูกค้ามาก ผมขายเฟสนี้คล่องกว่าเฟสหนึ่งของคุณตั้งเยอะเชียว”ธิเบตได้ทีคุยโอ่

“งั้นเหรอ แต่ที่รู้ๆเฟสหนึ่งขายไปกว่าเก้าสิบเปอร์เซ็นต์แล้วนะ เฟสสองขายเร็วขนาดนั้นเลยเหรอเพิ่งเปิดตัวไม่นานเองนี่ ผมนึกว่ายังไม่ถึงครึ่งด้วยซ้ำ” ภาณุถามด้วยความสงสัยแต่ธิเบตกลับคิดว่าเขาจงใจรวน จึงเหน็บกลับ“คุณไม่ใช่ฝ่ายการตลาดคุณไม่รู้อะไรหรอก..อ้อ.. แต่ลืมไป คุณมันขงเบ้งในวงการวิศกรรมนี่”

“ขอบคุณที่ให้เกียรตินะ แต่ผมไม่เก่งขนาดขงเบ้งหรอกแค่คิดว่าถ้ามีอะไรน่าสงสัยผมจะไม่ปล่อยผ่านไปแน่ๆ แม้แต่เศษฝุ่นผงแค่ปลายขี้เล็บถ้าผมเห็นผมก็คงต้องทักท้วง”ชายหนุ่มตอบพร้อมสายตาท้าทายต่อคู่ตรงข้าม จนธิเบตถึงกับตาลุก

“งั้นคุณคงไม่มีวันได้เห็น”ธิเบตมองตอบท้าทาย ‘นายไม่มีวันได้เห็นแน่ๆกว่านายจะได้เห็นเรื่องคงไปไกลกว่านี้เยอะ..หึหึ’ ธิเบตพึมพำในลำคอโดยที่ภาณุไม่อาจได้ยิน

แล้วการสนทนาก็ยุติลงเมื่อใครบางคนเข้ามาพร้อมเสียงหวานๆหญิงสาวสวยเฉี่ยว ใบหน้าแต่งแต้มเครื่องสำอางค่อนข้างหนาเดินเฉิดฉายเข้ามาราวกับหลุดมาจากแคทวอล์คเรียกความสนใจให้สองหนุ่มหันมองแทบจะพร้อมๆกัน

“นินทาอะไรฉันรึเปล่าคะได้ยินแว่วๆ”

“อ้าว..มาแล้วเหรอผมมีคนจะแนะนำให้รู้จักด้วยนะ..คุณวาปี”

ธิเบตเดินเข้าไปใกล้หญิงสาวสวยคมพร้อมทั้งผายมือเชื้อเชิญให้หล่อนก้าวเข้ามาหญิงสาวสวยจ้องมองภาณุไม่วางตา “สวัสดีค่ะ..ดิฉัน.. วาปีค่ะ”

คำทักทายเป็นมิตรของหญิงสาวสวยจัดเรียกรอยยิ้มเล็กน้อยให้กับภาณุที่ยังคงรักษากิริยาอย่างผู้ใหญ่กว่า“สวัสดีครับ..ผม..ภาณุ วิศวกรโครงการเฟสหนึ่ง ยินดีที่ได้รู้จักครับ”

“ยินดีที่รู้จักมือหนึ่งของบริษัทค่ะ ไม่คิดว่าจะหนุ่มขนาดนี้เลยนะคะเสียดายวิศวกรเฟสสองไม่ใช่คุณโอกาสหน้าคงได้ร่วมงานกันนะคะ”

“เช่นกันครับ ไม่คิดว่าคุณยังเด็กมากและที่สำคัญ..เอ่อ..สวย”

“อื้อหือ..เห็นคุณนิ่งๆแบบนี้คุณกำลังทำฉันหัวใจพองโตนะคะเนี่ย”

วาปีแสดงท่าทีขวยเขินทำความรู้จักเสียยืดยาวจนชายหนุ่มคนแนะนำถึงกับหน้าเซ็งที่ถูกลดความสำคัญเมื่อหล่อนไม่ได้ใส่ใจเขาอีกเลยจนต้องเอ่ยขัดจังหวะอย่างหมั่นไส้เล็กๆ “เดี๋ยวคุณจะไปทานข้าวพร้อมผมรึเปล่า..คุณวาปี..”

“เที่ยงพอดีไปทานข้าวด้วยกันมั๊ยคะคุณณุ”

“เอ่อ..คือผม”ภาณุอึกอักเมื่อมองสบสายตาหาเรื่องเข้าอย่างจังจากชายหนุ่มตรงข้ามที่มองมาอย่างไม่ชอบใจจึงปฏิเสธไปในทันที “ไม่ดีกว่าครับ ผมยังไม่หิว”

จะหิวได้อย่างไรในเมื่อแซนด์วิซหน้าตาเละเทะเมื่อเช้ายังจุกอกเขาอยู่เลยยิ่งนึกไปถึงหน้าคนรอคำตอบเรื่องแซนด์วิซแล้วอดยิ้มขำออกมาไม่ได้จนวาปีและธิเบตได้แต่มองอย่างประหลาดใจ

แล้วก็ไม่ต้องเสียเวลาให้ภาณุได้ปฏิเสธอีกเมื่อมีโทรศัพท์เข้ามาพอดีจากเบอร์คุ้นเคย

“ว่าไง”ภาณุกดรับสายสีหน้าจริงจังขึ้นมาทันตา“แต่ฉันมีประชุมบ่ายสามที่ออฟฟิศ..อะไรยกเลิกแล้ว? โอเคๆ ได้ งั้นเจอกัน”

ทันทีที่วางสายจึงรีบปลีกตัวออกมาสถาปนิกสาวได้แต่มองตามอย่างเสียดายจนนักการตลาดหนุ่มต้องกระแอมเรียกสติแถมวาจาดุดัน “มองตามตาเป็นมันเลยนะ..ชอบมันมากรึไง”

วาปีฟังดังนั้นถึงกับค้อนขวับวงใหญ่แต่สีหน้ายิ้มกริ่มสบตาธิเบตสายตาหวานเชื่อมก่อนจะพาตัวเข้าสวมกอดเอวเขาไว้หลวมๆ “มันเป็นเทคนิคของผู้หญิง คุณไม่มีวันเข้าใจหรอก”

“มั่นใจจังเลยนะ..อย่าลืมว่าคุณเป็นผู้หญิงของผม” ธิเบตอ้างตัวอย่างถือสิทธิ์ เป็นผลให้วาปีผละออกจากอ้อมกอดของเขาทันทีตามด้วยน้ำเสียงมั่นใจไม่ต่างกัน

“ตราบใดที่คุณยังไม่ขอฉันแต่งงาน...ฉัน..ไม่มีวันเป็นผู้หญิงของคุณ จำเอาไว้ด้วยนะ ผู้หญิงอย่างฉันไม่ใช่ของตาย..”


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

รถยุโรปคันหรูแล่นไปตามเส้นทางมุ่งหน้าตรงไปยังพัทยาภาณุมองข้างทางไปอย่างเงียบๆ โดยมีน่านฟ้าเป็นคนขับ นานๆจะพูดคุยกันสักครั้งเพราะน่านฟ้าเอาแต่จ้อเรื่องสัพเพเหระไม่หยุดจนน่ารำคาญ

“นายว่าไง..ไอ้ณุ”

หลังจากเล่าเสียยืดยาวก็ยังไม่ได้รับความเห็นจากคนนั่งข้าง น่านฟ้าจึงต้องถามย้ำคนใจลอยอีกครั้ง “เฮ้!!เป็นไรวะ นั่งเงียบเหม่อตลอดทาง..อย่าบอกนะว่ากำลังมีความรักถึงนั่งฝันหวานอยู่คนเดียวเนี่ย ผู้หญิงที่ไหนโชคดีฉันรู้จักรึเปล่า”

“ไม่ใช่หรอกน่า..คิดเรื่องงานเรื่อยเปื่อยน่ะแล้วนี่ตกลงไปพัทยาทำไม ต้องค้างรึเปล่า ไม่มีเสื้อผ้ามาเปลี่ยนสักชุดนึง” ภาณุสีหน้ากังวล ปกติเขาเตรียมตัวดีเสมอการทำอะไรที่ฉุกละหุกไม่มีการตระเตรียมใดๆไม่ใช่วิสัยของเขา

“เอาน่า..แค่เสื้อผ้าชุดเดียวไปหาเอาข้างหน้า..รีบว่ะเดี๋ยวคุณหญิงแม่เปลี่ยนใจไม่ให้ขึ้นมาจะชวด ฉลู ขาล เถาะ กันพอดี”

น่านฟ้าพูดติดตลกนั่นยิ่งทำให้ภาณุงงมากยิ่งขึ้น “ให้อะไรไม่ให้อะไรงงแล้วนะเนี่ย รีบขนาดนั้นเชียว”

“เออสิวะ..คุณหญิงแม่ไม่รู้นึกครึ้มอะไรให้พานายมาหาที่โรงแรมบอกจะชวนไปดูที่ดินทำคอนโดแถวพัทยากลางมีคนมาเสนอขาย..แพงนะเว้ย..ถ้าได้ล่ะก็เงินเห็นๆ ช่วยหน่อยละกัน ไปดูเองตัดสินใจไม่ถูกว่ะ”

“อ้อ..เข้าใจๆ ได้สิแล้วพักที่ไหนกันคืนนี้” ภาณุอดที่จะถามต่อหาข้อมูลไม่ได้ ตามประสาคนรอบคอบ

“พักโรงแรมห้าดาวติดหาดของคุณหญิงแม่ไม่ต้องห่วงเดี๋ยวให้เปิดห้องชั้นบนสุดวิวพานอราม่าให้เลยก็ได้”

“ไม่ต้องเว่อร์ขนาดนั้นแค่ถามเฉยๆน่า”

ภาณุรู้ดี น่านฟ้าเป็นคนคิดเร็วทำเร็วตามประสาลูกคนมีอันจะกินถ้าไม่ได้เขาช่วยตัดสินใจเพื่อนรักคนนี้มักจะโลเลและทำให้พลาดไปอย่างน่าเสียดายหลายต่อหลายครั้งเป็นผลให้ความไว้วางใจจากครอบครัวให้ดูแลกิจการใหญ่ยังไม่สามารถปล่อยมือได้ในเวลาอันใกล้

จำเป็นที่เขาจะต้องช่วยตามประสาเพื่อนที่ปรารถนาดีต่อเพื่อนรัก..


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านค่า ^____^




lovereason
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 18 พ.ค. 2557, 21:46:51 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 18 พ.ค. 2557, 21:46:51 น.

จำนวนการเข้าชม : 1405





<< ตอนที่ 8 ชั่วโมงต้องมนต์...1   เรื่องบังเอิญ..ที่ไม่บังเอิญ.. >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account