บ่วงรักนายพราน
เรื่องชุลมุน ซุ่มซ่าม เข้าใจผิดของธีรดากับจอมวายร้ายปารินทร์ เจ้าของคำจำกัดความ หล่อ สปอร์ต ใจดี รักหมา(ไม่น่ารอด) 'หากใครจะคิดว่าผมกำลังคบกับใคร ผมอยากให้ใครต่อใครคิดว่าผมคบกับคุณ'

การรู้สึกว่า 'ใช่' กับใครสักคนไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นได้ทุกวัน ปารินทร์รู้สึกว่าธีรดา 'ใช่' สำหรับเขา แต่กลับพบในภายหลังว่าเธออาจเป็นผู้หญิงที่เข้ามาทำลายความรักของน้องสาว การเอาคืนในแบบชิงไหวชิงพริบที่ใช้ธุรกิจบังหน้าทั้งที่เป็นเรื่องของหัวใจล้วนๆ จึงเกิดขึ้น
Tags: ความรัก ภาคต่อ หวานรักพยัคฆ์ร้าย

ตอน: ตอนที่ 9

ตอนที่ 9

ธีรดายอมตามมาดีๆ ในเมื่อคราวนี้เธอไม่ใช่คนอยากเจรจานี่นา ไม่อยากเชื่อเลยแฮะว่าเรื่องคุ้นๆ จะเกิดขึ้นอีกครั้งเพียงแค่ข้ามวันเท่านั้น นับว่าโลกใบนี้ยังเหลือความยุติธรรมอยู่บ้าง
“ผมมาที่นี่เพื่อช่วยน้องสาว คุณจะเอาเรื่องหรือเปล่า” ปารินทร์ถามน้ำเสียงจริงจัง
คนถูกถามขมวดคิ้วทำหน้าคิดหนัก แถมยังเอามือมาลูบคางเหมือนที่เคยถูกทำแบบนี้ไม่มีผิด
“เอาเรื่อง หรือ ไม่เอาเรื่อง ต่างกันยังไงไม่ทราบค่ะมิสเตอร์พอล”
“คุณต้องการอะไร” ปารินทร์รู้ว่าเขากำลังถูกเอาคืน เห็นรักหมา รักแมว จิตใจอ่อนโยน ไม่นึกว่าจะแสบได้มากขนาดนี้ แน่ล่ะสิ ถ้าเธอดีจริง คงไม่ทำอย่างนั้นกับปุราณ
“ไม่ต้องการเป็นเงินหรืออะไรที่คุณคิดว่ามีมากกว่าฉันหรอก สิ่งที่ฉันต้องการมีแค่คุณไปบอกให้น้องสาวของคุณมาขอโทษฉันอย่างจริงใจ แล้วฉันจะไม่แจ้งความ”
“แค่นี้จริงๆ น่ะหรือ” ไม่อยากจะเชื่อ เธอรอให้เขามาเพื่อต้องการแค่นี้เนี่ยนะ
ธีรดาเห็นสายตาของปารินทร์แล้วอดไม่ได้จริงๆ เลยค้อนใส่ให้รู้กันไปเลยว่าตอนนี้เราเท่ากัน ไม่มีเรื่องธุรกิจเข้ามาเกี่ยว
“ใช่ แค่นี้ คิดว่าฉันจะขออะไร ฉันตรงไปตรงมา เล่นตามเกม ไม่เหมือนคุณที่เล่นนอกเกมแล้วอ้างคำว่าธุรกิจ”
เขาคงประเมินเธอผิดไปในเรื่องนี้ พอเหนือกว่าในการเจรจาเลยด่าเขาได้สินะ ยอมรับก็ได้ว่าเขาเล่นนอกเกมไปบ้าง แต่เหนือสิ่งอื่นใดคำว่าประโยชน์ต้องมาก่อนเสมอ
“การผิดพลาดในโลกของธุรกิจไม่ใช่ขอโทษก็จบ ความผิดพลาดย่อมตามมาด้วยความเสียหายที่เป็นไปได้ทั้งเงินและความน่าเชื่อถือ ตอนนี้คุณเสียความน่าเชื่อถือ แต่ผมเสียเงินและความน่าเชื่อถือหากว่าปล่อยให้ไม้ต่ำกว่าคุณภาพออกมาเป็นเฟอร์นิเจอร์ ถ้าเป็นอย่างนี้คุณคิดว่าใครเสียหายมากกว่ากันครับ”
ธีรดาทำหน้าเฉย เรื่องอะไรจะตอบ เขาพูดถูกทุกอย่าง ยกเว้นการเล่นนอกเกม หากเขารู้ว่าปัญหาต้องได้รับการแก้ไข การเจรจาย่อมเป็นทางออกที่ดีของธารธีราและพาราลิสต์ แต่เขากลับทำให้การเจรจาช้าไปหนึ่งวัน เธอพร้อมรับผิดชอบ เขาต่างหากที่ไม่อยากเจรจาง่ายๆ
“ฉันจะรอตรงนี้ ให้เวลา 10 นาที ถ้าไม่มาฉันแจ้งความให้ตำรวจจัดการต่อ”
“แน่ใจหรือว่าต้องการต่อรองแค่นี้” ปารินทร์ไม่ได้ยั่วโมโห นี่เป็นการให้โอกาส แค่คำขอโทษคุ้มหรือหากว่ามีโอกาสขอได้มากกว่านั้น
ทำไมธีรดาจะไม่รู้ว่าเรื่องนี้แหละสามารถพลิกเกมระหว่างเธอกับเขาได้ในพริบตา เธอคงใช้หัวใจทำงานมากกว่าสมองละมั้ง ถ้าการมาของศศิภามาจากความเข้าใจผิดเรื่องเธอกับปุราณ เรื่องมันควรจบลงตรงนี้ อย่างน้อยเธอจะคิดเสียว่าทำเพื่อนพี่ปุ๊
“แน่ใจ เวลาของคุณเหลือแค่ 9 นาทีแล้ว ถ้าหมดเวลาเมื่อไหร่ก็ไม่ต้องมาเจรจากันอีก”
“ก็ได้ เดี๋ยวผมกลับมา”
ปารินทร์ยื่นมาจับมือของธีรดาแทนการสัญญาระหว่างเรา ธีรดาดึงมือกลับจะโวยวายที่อยู่ๆ โดนจับมือเขาก็เดินขึ้นโรงพักไปเสียแล้ว ขอบคุณสักคำก็ไม่มี มันน่ากวนโมโหอีกสักหน่อยจริงๆ

ศศิภานั่งฟังเงื่อนไขที่คู่กรณีต้องการจากเธอแล้วแทบทนไม่ได้ ต้นเหตุของการลงมือในครั้งนี้ไม่ได้มาจากเธอ ถ้าธีรดาไม่มาแย่งปุราณไป เธอจะทำแบบนี้เพื่ออะไร เพราะฉะนั้นไม่ว่ายังไงเธอก็ไม่ผิด
“ไม่ ศศิไม่มีทางขอโทษผู้หญิงคนนั้น” เธอยืนกรานเป็นรอบที่สาม
“ก็ได้ ถ้างั้นศศิก็ต้องถูกจับดำเนินคดีตามกฎหมายข้อหาพยายามทำร้ายร่างกาย ถ้าฝ่ายนั้นแจ้งความ” ปารินทร์เปลี่ยนวิธี พี่ชายย่อมรักและห่วงน้องสาว แต่การไม่ยอมรับผิดถือว่าใช้ไม่ได้ ไม่ว่ามูลเหตุจะเริ่มต้นจากอะไร การตัดสินด้วยกำลังไม่ใช่สิ่งที่ศศิภาทำได้
“ศศิไม่ได้คิดจะทำอะไรรุนแรง อยากสั่งสอนเท่านั้น แค่ยาน้ำเดือดจะเป็นอะไรได้ ทำไมไม่เอาเงินฟาดหัวมันไปเรื่องจะได้จบๆ”
นุชรีหน้าเสียเพราะหากว่าอีกฝ่ายแจ้งความย่อมมีการสืบสวนถึงที่มาของของกลาง เธอไม่น่าเอามาให้ศศิภาเลย แล้วดูท่าทางปารินทร์ก็ไม่ได้มาเพื่อเข้าข้างน้องสาวแบบสุดลิ่มทิ่มประตูเสียด้วย
“เลือกเอา จะขอโทษหรือว่าเข้าคุก บอกไว้เลยว่าพี่ไม่ช่วยเพราะคราวนี้ศศิทำผิดจริงๆ แล้วถ้าเรื่องนี้ถึงหูปุราณ งานแต่งงานคงไม่ได้เกิดแน่ๆ”
ศศิภาใจหายวูบ เธอลืมคิดถึงเรื่องนี้ไปได้อย่างไร นุชรีกระซิบให้เพื่อนพูดขอโทษเพื่อที่เรื่องจะได้จบลงโดยที่ไม่ถึงตำรวจ แล้วที่สำคัญหากปุราณรู้เรื่องเธอคงตกงาน ศศิภาขัดใจไม่อยากทำอะไรทั้งนั้น สุดท้ายเมื่อไม่มีทางออกอื่นก็ร้องไห้ออกมา พี่ชายกลับยืนเฉยไม่เข้ามาปลอบ
“พี่สิงห์!”
“เลือกมา พี่ให้เวลา 3 นาที”
สองสาวมองหน้าแล้วปรึกษากันเสียงเบา นุชรีขอร้องให้ศศิภาขอโทษเพื่อให้เรื่องจบเพราะหากถูกแจ้งความเราอาจเจอข้อหาทำร้ายร่างกาย ทั้งของกลาง พยานและหลักฐานพร้อมที่จะนำเราสองคนเข้าคุกได้อย่างง่ายดาย ศศิภาแค้นใจที่เรื่องราวกลับตาลปัตรเป็นแบบนี้ แต่จำต้องยอม
“ก็ได้ค่ะ”
ปารินทร์พยักหน้ายกนาฬิกาขึ้นมาดูยังเหลือเวลาอีก 1 นาที เขาเดินลงจากโรงพักไปหาธีรดา แต่เธอกำลังเดินขึ้นมาพอดี เกิดการประจันหน้ากันอีกครั้ง ศศิภาเชิดหน้าใส่คู่กรณีเช่นเดียวกับนุชรี ธีรดากระแอมเบาๆ เลิกคิ้วมองปารินทร์เป็นเชิงถามว่าจะเอายังไง
“ศศิ...เดี๋ยวนี้” ปารินทร์เตือนน้องสาว
ศศิภาหันหน้ามาอย่างไม่เต็มใจ ตั้งแต่เกิดมาเธอไม่เคยเสียหน้าขนาดนี้มาก่อน หญิงสาวกำมือแน่น นุชรีเห็นท่าไม่ดีรีบจับมือของเพื่อนไว้แล้วเขย่าเตือนให้เธอพูด
“ขอ...โทษ”
“อะไรนะ ไม่ค่อยได้ยินเลย” ธีรดายิ้มให้ตำรวจที่พยักหน้าเห็นด้วยว่าไม่ได้ยินเหมือนกัน
คนถูกกวนโมโหเม้มปากกัดฟันกรอด ถ้าทำได้อยากยื่นมือไปตบหน้าสวยๆ ที่แย่งคนรักของเธอไปนัก แต่ตำรวจอยู่ตรงนี้ เธอไม่อยากเพิ่มข้อหาทำร้ายร่างกายอีกกระทง
“ฉันบอกว่าขอโทษ หูหนวกหรือไง”
“โอเค ถ้างั้นคุณตำรวจคะ” ธีรดาทำหน้าเหลือทนให้คุณตำรวจเห็นว่าใครที่ไม่อยากให้เรื่องจบ
ศศิภากลัวสุดขีดรีบพูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่พอฟังได้กว่าสองครั้งแรก
“ขอโทษ...ค่ะ” ขายหน้าที่สุด “กลับกันเถอะนุช”
นุชรีจับมือเพื่อนกำลังจะเดินออกไป แต่ธีรดาไม่มีทางยอมเด็ดขาด
“เดี๋ยว คุณก็ด้วย”
“แต่ฉันไม่ได้สาดยาน้ำเดือดใส่คุณนะ” นุชรีตอบกลับมาเสียงสะบัด
“คุณตำรวจคะ” ธีรดาส่ายหน้าทำเหมือนเจ้าทุกข์กำลังไม่ได้รับความเป็นธรรม ปารินทร์เบือนหน้าหนีแอบหัวเราะ เธอแสบและกวนโมโหกว่าที่เขาคิดมาก
“ก็ได้ๆ ขอโทษค่ะ” นุชรีเอ่ยพยายามไม่ให้เหมือนตะคอก “กลับกันเถอะศศิ”
“คุณตำรวจคะ...”
“นี่คุณ ไหนว่าต้องการแค่นี้” ปารินทร์ถามเมื่อคิดว่าที่ธีรดาทำกำลังเลยเถิดเกินไปหน่อย
“ฟังให้จบก่อนสิคุณ พูดแทรกแบบนี้เดี๋ยวฉันก็เปลี่ยนใจเสียหรอก” ธีรดาหันมาแอบด่าเบาๆ ใส่พี่ชายของยัยมือน้ำเดือดก่อนจะหันไปยิ้มให้คุณตำรวจที่คงเบื่อพวกเราเต็มที “ฉันไม่แจ้งความแล้วค่ะ แต่ขอเปลี่ยนเป็นลงบันทึกประจำวันแทนได้ไหมคะ”
“ได้ครับ” คุณตำรวจตอบและพร้อมเริ่มพิมพ์
ปารินทร์รู้สึกถึงบางสิ่งในใจ การรักษาสัญญาของเธอทำให้เขาพอใจและเสียดาย หากว่าผู้หญิงที่มีความคิดความอ่านที่ดีจะยื่นมือเข้ามาเป็นมือที่สามระหว่างศศิภากับปุราณ พอกันทีจะสนใจอะไรอีก เขาเดินผ่านเธอกำลังจะไปสมทบกับน้องสาว
“ขอบใจ”
ธีรดาหันมามองปารินทร์ ใช่แล้ว คำพูดนี้เป็นของเขา เธอทำหน้าเฉยใส่ ถึงจะได้ยินเต็มสองรูหูว่าเขาพูดอะไรก็ตาม เธอแค่รักษาสัญญาเท่านั้น ไม่ได้หวังสิ่งใด พอหันหน้ากลับมา ร่างสูงยังมองเธออยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเดินไปสั่งให้ดิฐยังอยู่ที่โรงพักเพื่อรอไปส่งธีรดาที่บ้าน ส่วนตัวเองกลับเดินไปหาแท็กซี่ แทนที่จะกลับไปพร้อมกับน้องสาว

ดิฐไม่ได้ขับรถมาส่งธีรดาตามที่ปารินทร์ต้องการเพราะเธอยืนกรานไม่ยอม เขาเลยต้องขับรถตามรถแท็กซี่ที่เธอนั่งมาจนถึงบ้านอีกที ช่างเป็นผู้หญิงที่มีจุดยืนชัดเจนเหลือเกินเหมือนบอสของเขาที่พอโทรไปบอกว่าทำตามคำสั่งไม่ได้เพราะเจ้าตัวไม่ยอม เขาเลยได้รับคำสั่งให้ขับรถตามเธอไปจนกว่าจะถึงบ้านอย่างปลอดภัย ช่างเป็นความสัมพันธ์ที่เลขาอย่างเขาไม่เข้าใจเลยจริงๆ
ธีรดาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จป้าอรก็มาถามเธอถึงเรื่องที่เกิดเมื่อตอนเย็น เยี่ยม! ป่านนี้ทั้งหมู่บ้านคงโจษจันกันเรื่องของเธอ หญิงสาวบอกว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิดและกำชับไม่ให้บอกพ่อและธีมา
เธอลงมาดูบานชื่นก่อนอนสักหน่อย มันดูอ้วนท้วนกว่าเก่า ไม่รู้จะออกลูกวันไหนเหมือนกันน่าจะใกล้แล้วละมั้ง บานชื่นผงกหัวขึ้นมามองแล้วส่งเสียงงี้ดๆ เหมือนทักทาย เธอยื่นมือไปลูบหัวมันแล้วนั่งอยู่อย่างนั้น พอได้คิดอะไรเงียบๆ เธอก็เริ่มปะติดปะต่อเรื่องได้อีกนิด
ปารินทร์คงไม่เสี่ยตายมาช่วยเธอเพราะเรื่องน้องสาวหรอก แต่เขาดูเปลี่ยนไปตั้งแต่เราได้พบกันที่งานเลี้ยงของลุงกานต์ ก่อนหน้านั้นปุราณมาหาเธอเรื่องรูปของเราสองคนที่ถ่ายไว้ตั้งแต่เรายังเรียนมหา’ลัย คำพูดของยัยมือน้ำเดือดพูดถึงเรื่องรูปและข้อความ เหตุผลนี้หรือเปล่านะที่ทำให้ปารินทร์ทำนอกเกม เขาไม่น่าทำให้ไม้เป็นแบบนั้นได้ภายในไม่กี่วันหรอก เรื่องไม้ต้องมีเงื่อนงำแน่ๆ แต่เขาใช้เรื่องนี้ทำให้เธออยู่ไม่สุขมากกว่า แล้วทำไมเขาถึงมั่นว่าเธอจ้องตีท้ายครัวปุราณกับยัยมือน้ำเดือด เรื่องรูปเธอเคลียร์กับปุราณไปแล้วนี่
“ฉันคิดเพ้อเจ้อไปเองหรือว่าที่คิดเป็นเรื่องจริง เธอคิดยังไงฮึบานชื่น”
บานชื่นผงกหัวมองนายสาวก่อนจะหลับตานอนต่อ ธีรดารู้สึกอนาถตัวเองจริงๆ เดี๋ยวนี้หมดเพื่อนคบจนต้องมาปรับทุกข์กับหมาแล้วหรือไงเนี่ย เมื่อไหร่ตริณจะกลับมานะ พอๆ ไม่คิดแล้ว ไปนอนดีกว่า

สวมรอยไม้งั้นเหรอ?
รายงานล่าสุดที่ได้รับทำให้เธอเกิดคำถามที่อยากร้องกรี๊ดให้ลั่นออฟฟิศ วีรชัย ทีมแล็บและธีมาค้นพบเงื่อนงำนี้เมื่อได้ประชุมร่วมกัน แล้วทั้งหมดที่เป็นรายงานมาถึงมือธีรดานั้นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเธอถึงมาที่ออฟฟิศของพาราลิสต์อีกแล้ว คอยดูถ้าไม่ให้เข้าพบเธอจะพังประตูเข้าไป
“ฉันมาขอพบมิสเตอร์พอลค่ะ”
“เชิญครับ” ดิฐบอกพร้อมกับเดินนำไปยังประตูห้องของปารินทร์
ธีรดาเป็นฝ่ายผิดคาดเสียเอง นึกว่าจะต้องออกกำลังก่อนได้คุยกับมิสเตอร์พอลเสียแล้ว ดิฐมองธีรดาแล้วนึกถึงคำสั่งของบอสที่สั่งไว้ตั้งแต่เช้าว่า...ต่อไปถ้าคุณธีรดามาขอพบ ให้เข้าพบได้ทันทีถ้าผมว่างในเวลานั้น
ปารินทร์เงยหน้าขึ้นจากเอกสารที่กำลังอ่าน เขาต้องรู้อยู่แล้วว่าใครจะเข้ามาเพียงแต่ไม่รู้ว่าหลังจากพบกันเมื่อวันก่อน เธอเกิดเปลี่ยนใจอยากได้ข้อต่อรองที่สมน้ำสมเนื้อกว่าคำขอโทษหรือเปล่า ใบหน้าของธีรดาบึ้งตึงแล้วมองมา เรื่องอะไรอีกล่ะเขายังไม่ได้ทำอะไรสักอย่าง
“ฉันไม่คิดเลยว่าคุณจะเป็นคนแบบนี้ ที่ทำมาทั้งหมดก็เพื่อใส่ร้ายธารธีรา ให้น้องสาวสะใจงั้นเหรอ เกลียดฉันมากใช่ไหม มีอะไรทำไมไม่ถามฉันตรงๆ ทำแบบนี้ทำไม”
“มาถึงก็ใส่เอาๆ ช่วยพูดให้รู้เรื่องด้วย” ปารินทร์สั่งพร้อมๆ กับรายงานฉบับหนึ่งในมือของธีรดาถูกส่งมาให้เขาแทบจะทิ่มตา
“อ่านซะ ไม้ที่เกิดปัญหาไม่ใช่ไม้จากธารธีรา ไม้ของเราจะปั้มรหัสลงบนเนื้อไม้แต่ละท่อน ไม่ใช่เขียนลงไปโดยใช้หมึก คุณวางแผนใส่ร้ายธารธีรา เพื่อหาเรื่องให้เสียชื่อเสียง แล้วก็สนองนี้ดน้องสาวใช่ไหม”
ปารินทร์ยังไม่ตอบคำถามหากว่ายังไม่อ่านรายงานจนจบ ไม้ผิดปกติทางกายภาพตามที่เขารู้อยู่แล้ว แต่ตัวไม้ต่างหากที่ผิดปกติกว่าอย่างที่ธีรดาบอก เขาและคนของเขาไม่ได้สังเกตในจุดนี้เพราะฉะนั้นความผิดพลาดที่เกิดขึ้นไม่ใช่การขาดความใส่ใจอย่างแน่นอน แต่ถึงกระนั้นธีรดาก็ไม่มีสิทธิ์มากล่าวหาใครแบบนี้
“ช่วยฟังแล้วตอบคำถามของผม”
“พูดมาสิ” ธีรดาเริ่มใจเย็นลงแล้ว...นิดนึง
“จากข้อกล่าวหาของคุณ ผมทำแล้วได้ประโยชน์อะไร”
“ได้ความสะใจละมั้ง” จริงๆ แล้วเธอก็ไม่คิดแบบนี้เต็มร้อยถ้าวันก่อนไม่โดนแกล้งสาดยาน้ำเดือดใส่
“ผมทำธุรกิจนะ ต้องดูแลคนเป็นร้อยๆ จะมาทำเรื่องเด็กๆ เพื่อความสะใจชั่วครู่ชั่วยามเพื่ออะไร เงินหนึ่งบาทมีค่า เงินหนึ่งล้านก็มีค่า แล้วคุณคิดว่าผมจะผลาญเงินเล่นเพื่อให้คุณมาหาพร้อมหลักฐานมัดตัวน่ะหรือ ถ้าผมจะทำจริงๆ คุณไม่มีทางหาหลักฐานพบหรอก”
พอเหตุผลอยู่เหนืออารมณ์สิ่งที่ปารินทร์พูดก็พอฟังขึ้น ถ้าตัดเรื่องน้องสาวของเขาออกไป การทำแบบนี้ดูไม่ฉลาดเลยสักนิด น่าจะรู้ว่าเธอต้องจับได้ แต่ยังไงก็มีจุดให้สงสัยอยู่ดี
“ก็ไม้มาอยู่กับคุณ การสับเปลี่ยนทำไมจะเกิดขึ้นไม่ได้”
ปารินทร์เปิดลิ้นชกหยิบแฟ้มเอกสารให้ธีรดา “เอารายงานนี้ไปดู การรับไม้ของพาราลิสต์มีขั้นตอน ไม่ใช่เอาไม้ลงแล้วกองไว้ เรามีรหัสและรูปถ่าย พร้อมวันที่สามารถตรวจสอบได้ ถ้าสงสัยว่ามีการสับเปลี่ยนสามารถตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดได้ งานของผมมีระบบ คุณคิดว่าผมจะสั่งให้คนสับเปลี่ยนไม้แล้วหาปลวกมาใส่ไม้เพื่อให้ไม้ท่อนอื่นๆ เกิดปัญหาด้วยงั้นหรือ ผมคงบ้าไปแล้วถ้าจะทำแบบนั้น เงินทั้งนั้นที่เสียไป แล้วเลิกคิดไปเลยว่าผมอยากได้ค่าเสียหาย การผลิตงานของผมล่าช้าไปหนึ่งวันคิดเป็นเงินแล้วคงมากกว่าเงินที่ผมจะได้จากคุณแน่ๆ”
“ขอเวลาฉันคิด 1 นาที”
คราวนี้ธีรดาไม่ตอบเธอต้องอ่านข้อมูลของพาราลิสต์ก่อน จริงอย่างที่ปารินทร์พูดทุกคำ การนำเข้าไม้สู่โกดังมีเอกสารการรับชัดเจน มีรูปถ่าย รหัสบนเนื้อไม้ผิดปกติตั้งแต่ขั้นตอนรับเข้าโกดัง เมื่อคิดว่าไม้ของเจ้าอื่นๆ ไม่เกิดปัญหา เป็นไปได้ไหมว่าการสับเปลี่ยนเกิดขึ้นก่อนที่ไม้จะเข้าโกดัง
“โอเค ฉันวู่วามไปที่โยงไปถึงน้องสาวของคุณ ขอโทษค่ะ ฉันยังมีเวลาอีก 4 วันยังไงก็ต้องหาสาเหตุมาจนได้ แต่ถ้าสุดท้ายเป็นเพราะคุณและคนของคุณ บอกไว้เลยว่าฉันไม่ยอมแน่ๆ ”
ปารินทร์เลิกคิ้วเมื่อปัญหาไม่ได้เกิดจากเขาแน่นอน
“ถ้างั้นคุณต้องตอบคำถามของผมบ้าง” เขาส่งซองเอกสารให้ธีรดา “เปิดของในซองแล้วตอบผมด้วยว่าคุณทำแบบนั้นทำไม”
ธีรดาหยิบของในซองออกมา พอเห็นว่าเป็นอะไรก็ถอนใจยาว รูปของเธอกับปุราณช่างตามหลอกหลอนไปทุกที่จริงๆ
“ถ้าฉันบอกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย คุณจะเชื่อไหม”
“คุณยังรักปุราณอยู่หรือเปล่า” ปารินทร์ถามสีหน้าจริงจัง
“นี่มันเกี่ยวกับงานของฉันตรงไหน” ถามเรื่องส่วนตัวมากไปแล้วมั้ง ธีรดาคิด
“ก็คุณเคยบอกเองว่ามีอะไรให้ถามตรงๆ”
จริงด้วย แต่เธอต้องบอกเขาแม้กระทั่งความรู้สึกที่มีต่อแฟนเก่าเนี่ยนะ เสียงของดิฐดังขึ้นจากโทรศัพท์ภายในช่วยเพิ่มเวลาให้ธีรดาอีกนิดหนึ่ง
“คุณกวินตาขอพบครับ”
เยี่ยม! ยัยวิตาตามตื้อจนน่ามอบโล่ให้จริงๆ แต่ก็เหมือนมาช่วยเธอไว้ล่ะน่า ไม่ได้ๆ ก่อนไปต้องวางยาไว้ก่อน
“เชิญคุณคุยกับแขกสำคัญเถอะค่ะ ฉันหมดธุระแล้ว แล้วถ้าไม่เป็นการขอมากไป ถ้าธารธีราพลาดก็ช่วยหาไม้เจ้าอื่นที่ไม่ใช่พลธนาด้วย ถือว่าฉันขอถ้าคิดว่าเมื่อวานฉันขอน้อยเกินไป ขอตัวค่ะ”
ธีรดาลุกขึ้นเดินไปยังประตูที่เปิดให้กวินตาเข้ามาพอดี มีความแปลกใจจากสายตาของคนมาใหม่ คนมาก่อนเลยยิ้มหยันๆ ให้ งานนี้ต้องบลัฟเอาเชิงไว้ก่อน
“ตื๊อไม่เลิกเลยนะยะ” กวินตากระซิบใส่หูเมื่อธีรดาเดินมาใกล้
“บอกตัวเองเหรอ วันนี้รีบหรือไง คิ้วสองข้างยาวไม่เท่ากัน”
คนมาก่อนหัวเราะเบาๆ ยัยนี่มีจุดอ่อนตรงไหนทำไมเธอจะไม่รู้ เรื่องหน้าตาต้องมาก่อน มีครั้งหนึ่งเจ้าหล่อนไปงานแล้วถูกทักว่าปัดแก้มมาเข้มไป เท่านั้นแหละวิ่งไปดูหน้าตัวเองในห้องน้ำแทบไม่ทัน คราวนี้อาจไม่ได้ไปห้องน้ำทั้งที่อยากไปดูคิ้วตัวเองใจจะขาด แต่คงคุยกับปารินทร์ไม่มีสมาธินักหรอก
ธีรดากำลังจะกลับไปอยู่แล้วถ้าไม่นึกขึ้นได้ว่าลืมเรืองสำคัญไปและดิฐช่วยได้แน่ๆ
“คุณดิฐคะพรุ่งนี้ดิฉันกับคุณวีรชัยขอไปตรวจสอบไม้ของธารธีราจากกล้องวงจนปิดได้ไหมคะ”
“เดี๋ยวผมถามมิสเตอร์พอลก่อนนะครับ” ดิฐโทรหาเจ้านายให้ทันที คุยแป๊บเดียวก็วางสาย
“มิสเตอร์พอลอนุญาตครับ”
“ขอบคุณค่ะ”
ทีนี้ค่อยจากไปได้อย่างมีความหวังได้หน่อย ส่วนเรื่องของปางไม้พลธนาที่จะเข้ามาเบียดให้ธารธีราตกจากตำแหน่งคู่ค้านั้นฝันไปเถอะ

เคยไหมเวลาวางแผนอะไรมาดิบดีมักมีเหตุให้ผิดแผน วีรชัยท้องเสียเข้าโรงพยาบาลธีรดาไปเยี่ยมตั้งแต่เช้า ก่อนจะขับรถไปโกดังไม้ของพาราลิสต์ที่ระยอง เธอขับรถเองก็มันจำเป็นนี่ ไหนๆ อีก 2 อาทิตย์ก็จะครบ 3 เดือนที่ถูกพ่อห้ามขับรถเองแล้วนี่นา
การเดินทางค่อนข้างสะดวกแม้รถจะมากจนถนนแทบไม่พอให้รถวิ่ง แถมขับๆ ยังถูกปาดหน้าบ่อยจนน่าอารมณ์เสีย ใช้เวลาเดินทางจากรุงเทพฯ ผ่านฉะเชิงเทรา ชลบุรีมาถึงระยองราวๆ 2 ชั่วโมงก็มาถึงโกดังซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับโรงงานผลิตเฟอร์นิเจอร์แบรนด์พาราลิสต์ ซึ่งกินพื้นที่ประมาณ 10 ไร่
เธอจอดรถไว้ตรงส่วนของโกดังแล้วเดินฝ่าแดดมาหาเจ้าหน้าที่ด้านหน้าโกดังเพื่อติดต่อขอเข้าไป
“ฉันเป็นตัวแทนจาก ธารธีรา กรุ๊ปค่ะ”
“เชิญครับ คุณดิฐโทรมาแจ้งไว้แล้ว” เจ้าหน้าที่เปิดประตูให้ธีรดาเข้าไป
ธีรดาขอเดินดูบริเวณที่วางไม้จากธารธีราอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเข้าไปยังห้องควบคุมของเจ้าหน้าที่ซึ่งบันทึกภาพภายในโกดังไว้ตลอด 24 ชั่วโมง นี่แหละเบาะแสสำคัญถ้าไม่มีอะไรผิดปกติที่นี่ งานหนักจะกลายเป็นของเธอทันที

ศศิภาขับรถมาที่โรงงานโดยมีนุชรีที่ลางานครึ่งวันบ่ายนั่งมาด้วย ในเมื่อมันท้าทายเธอด้วยการไปหาพี่ชายถึงบริษัท แล้วอ้อนขอมาที่นี่ เธอก็แค่ตามมาจัดการให้หายแค้นใจ อยากเป็นคู่ค้ากับพาราลิสต์งั้นเหรอ ฝันไปเถอะ เธอนี่แหละจะเขี่ยให้มันกระเด็นออกไปจากเส้นทางความรักและจากพี่ชาย เธอไม่เข้าใจว่าทำไมพี่ชายถึงยังให้โอกาสมันอีก
“แน่ใจหรือศศิว่ามันจะมาแล้วจริงๆ” นุชรีถาม รถตั้งหลายคันจะไปรู้ได้ยังไงว่ารถคันไหนเป็นของธีรดา
“ฉันมีวิธี”
แค่สอบถามเจ้าหน้าที่ดูแลโกดังก็รู้แล้วว่าธีรดามาที่นี่จริงๆและรู้แม้กระทั่งรถเลขทะเบียนอะไร สองสาวเดินกลับมาที่ลานจอดรถ ศศิภาบอกนุชรีให้ทำตามแผนทันที โดยที่ตัวเธอคอยเป็นต้นทางให้ เหมือนโชคช่วยเมื่อมีรถหลายคันจอดบังรถของธีรดาอยู่ดี นุชรีเลยทำงานง่ายกว่าที่คิด
“เรียบร้อย วันนี้มันกลับไม่ถึงกรุงเทพฯ แน่นอน” นุชรีเอ่ยหลังจากปล่อยลมยางจนครบทั้ง 4 ล้อ ถ้ารถวิ่งเรื่อยๆ ยางจะแบนลงๆ จนกระทั่งวิ่งไม่ได้ในที่สุด
“เรากลับกันเถอะ”
“ไม่รอดูก่อนเหรอ” นุชรีถามเพราะยังไม่ทันหายเหนื่อยก็จะต้องนั่งรถกลับแล้ว แทนที่จะเข้าออฟฟิศหาอะไรกินกันก่อน
“รอทำไม ยังไงก็ไม่พลาดอยู่แล้ว”
ศศิภาเดินกลับไปที่รถโดยมีนุชรีเดินตามมาอย่างไม่เข้าใจนัก ทุกทีร้อนไม่ทน หิวไม่ทน ขับรถนานๆ ยิ่งไม่ชอบ คราวนี้กลับทนได้ทุกอย่าง ไม่นานนักศศิภาก็ขับรถออกไป เธอไม่อยากให้ใครรู้นักว่ามาที่นี่ หากว่ายัยนั่นเกิดสงสัยแล้วมารู้ว่าเธอมาอาจได้ขึ้นโรงพักกันอีกรอบ แต่คงหาหลักฐานยากหน่อยล่ะเพราะตรงลานจอดรถไม่มีกล้องวงจรปิด

1 ชั่วโมงต่อมา ธีรดาเดินกลับมาที่ด้านหน้าของโกดัง สมองของเธอกำลังคิดหนักเมื่อภาพจากกล้องวงจรปิดที่ย้อนดูตั้งแต่วันที่ไม้จากธารธีรามาถึงจนกระทั่งผ่านไป 2 วันที่พนักงานเข้ามาพบความผิดปกติของไม้นั้นไม่มีอะไรน่าสงสัย หลังจากนำไม้มาเข้าโกดังแล้วมีการออกรหัสและถ่ายรูป ไม่มีการเคลื่อนย้ายไม้อีก ไม้เกิดการผิดปกติในส่วนที่อยู่ข้างในแต่ละมัด ปารินทร์ไม่ได้โกหก
ในส่วนของไม้จากเจ้าอื่นๆ ไม่พบความผิดปกติ มีเพียงธารธีราเท่านั้นที่ผิดปกติ แต่ไม่ทั้งหมด แสดงว่ามีการสับเปลี่ยนไม้จริงๆ แต่ตอนไหนล่ะ ไม้ที่มีปัญหาสอดอยู่ข้างใน มันหมายความว่ายังไง
“กลับแล้วหรือครับ”
ธีรดายิ้มให้เจ้าหน้าที่โกดัง “ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ”
เธอเดินตรงไปที่รถ ยังคิดไม่ตกคืนนี้คงต้องโทรหาธีมาเพื่อปรึกษากันสักหน่อย บางทีสิ่งที่เป็นไปได้เพียงทางเดียวอาจมาจากมีการสับเปลี่ยนไม้ระหว่างการนำส่ง โดยใคร วิธีไหน เอาไว้ก่อนตอนนี้ต้องตั้งใจขับรถ เธอสตาร์ตรถแล้วขับออกไปพร้อมๆ กับฝนที่เริ่มตกปรอยๆ
รปภ. แลกบัตรคืนให้ธีรดาก่อนจะเลื่อนเปิดประตูทางออกให้และรอจนรถขับออกไป ทว่าด้วยความช่างสังเกตจึงเห็นถึงความผิดปกติของรถที่เพิ่งขับออกไป ยางแบนขนาดนั้น วิ่งมาถึงระยองได้ยังไง

ครึ่งชั่วโมงต่อมา ธีรดารู้สึกได้ว่ายางรถมีปัญหาจึงค่อยๆ หาที่จอดข้างทางแล้วลงมาดูยางรถทั้งสี่ล้อพร้อมร่มที่ไม่ได้ตั้งใจติดมา แต่มันอยู่ในรถพอดี ยางแบนติดพื้นทั้งสี่ล้อ เจ้าของรถหลับตาอยากหายตัวได้ ลมแรงๆ มาพร้อมเม็ดฝนที่ทำให้ไม่อาจยืนมองล้อยางด้วยความเศร้าต่อไป ต้องรีบเผ่นเข้ามาในรถก่อนเปียกไปทั้งตัว
“วันนี้มันวันซวยหรือไงวะ ยางมันพร้อมใจกันแบนทีเดียว 4 ล้อเนี่ยนะ” เธอบ่นให้หายหงุดหงิด แต่มาคิดๆ ดูมันน่าสงสัยแฮะ ถ้าแบนขนาดนี้เธอคงมาถึงระยองไม่ได้หรอก หรือว่าใครแกล้ง?
ชัวร์! แต่ใครหว่า ช่างมันก่อนตอนนี้เธอมีปัญหาเฉพาะหน้าที่หนักหนามากกว่านั่งคิดว่าใครแกล้ง
“ไอ้ฝนบ้า จะตกกันทำไมนักหนา”
ธีรดาเห็นสภาพอากาศแล้วอยากหายตัวได้อีกรอบ เอาน่า อย่างน้อยยังมีโทรศัพท์ถ้าโทรหาพี่วิภาคงได้ละมั้งไม่เกินสองชั่วโมงคงได้กลับบ้าน แต่กรรมเก่าของเธอคงมากเพราะโทรศัพท์ดันแบตหมด ลองถอดแบตแล้วเปิดใหม่ก็ไม่ช่วยอะไร วันนี้เธอก้าวขาผิดหรือไง จะมีใครจอดรถแล้วมาถามเธอว่ามีอะไรให้ช่วยแบบในละครบ้างไหมเนี่ย

ผ่านไปแล้วเกือบครึ่งชั่วโมงไม่มีอะไรคืบหน้า รถของธีรดายังจอดอย่างดงามท่ามกลางสายฝน มีรถเป็นร้อยคันวิ่งผ่านรถของเธอไป เธอลองลงจากรถไปแล้วกางร่มโบกขอความช่วยเหลือ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีใครสนใจจอดรถเพื่อถามว่าเธออยากขอให้ช่วยอะไร ละอองฝนสาดจนเธอเปียกไปครึ่งตัว เธอยืนหนาวสั่นจนทนไม่ไหวจึงกลับเข้าไปในรถ ฟ้ามืดเมื่อฝนยังคงตกอย่างบ้าคลั่ง
แสงไฟข้างทางสว่างพรึบไปตลอดเส้นทางที่ธีรดามองเห็น เธอนั่งคิดว่าควรทำอย่างไรดี ถ้าให้อยู่ในรถทั้งคืนคงไม่ดีแน่ๆ แต่เธอไม่มีวิธีติดต่อกับคนรู้จักที่พอช่วยได้เลย นี่สิปัญหาใหญ่
“ก๊อกๆ”
ธีรดาสะดุ้งโหยงรีบคว้าที่ช็อตไฟฟ้าออกมาพร้อมกับมองไปยังกระจกตรงประตูด้านข้างคนขับ



บรรพตี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 24 พ.ค. 2557, 09:23:35 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 24 พ.ค. 2557, 09:23:35 น.

จำนวนการเข้าชม : 1784





<< ตอนที่ 8    ตอนที่ 10 >>
แว่นใส 24 พ.ค. 2557, 20:50:56 น.
ดีนะที่ตามกันเจอ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account