บ่วงรักนายพราน
เรื่องชุลมุน ซุ่มซ่าม เข้าใจผิดของธีรดากับจอมวายร้ายปารินทร์ เจ้าของคำจำกัดความ หล่อ สปอร์ต ใจดี รักหมา(ไม่น่ารอด) 'หากใครจะคิดว่าผมกำลังคบกับใคร ผมอยากให้ใครต่อใครคิดว่าผมคบกับคุณ'

การรู้สึกว่า 'ใช่' กับใครสักคนไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นได้ทุกวัน ปารินทร์รู้สึกว่าธีรดา 'ใช่' สำหรับเขา แต่กลับพบในภายหลังว่าเธออาจเป็นผู้หญิงที่เข้ามาทำลายความรักของน้องสาว การเอาคืนในแบบชิงไหวชิงพริบที่ใช้ธุรกิจบังหน้าทั้งที่เป็นเรื่องของหัวใจล้วนๆ จึงเกิดขึ้น
Tags: ความรัก ภาคต่อ หวานรักพยัคฆ์ร้าย

ตอน: ตอนที่ 10

ตอนที่ 10

หญิงสาวโมโหตัวเองว่าทำไมตอนจอดรถไม่ไปจอดตรงที่มีไฟสวาง ไม่อย่างนั้นคงไม่ต้องมาจ้องมองตาแทบถลนแบบนี้หรอก เธอตาฝาดหรือว่าหิวจนตาลายหรือเปล่านั่น
“คุณๆ ปลดล็อคเร็วๆ ผมเปียกหมดแล้วเห็นไหม”
เธอรีบปลดล็อคให้ปารินทร์เข้ามาในรถ สภาพของเขาเปียกตั้งแต่เส้นผมจรดปลายเท้า พอมองไปข้างหลังเลยพึ่งเห็นว่ารถของเขาจอดอยู่
“อย่าบอกนะว่ารถของคุณยางแบนเหมือนกัน เพราะถ้าใช่ฉันคงช่วยให้คุณกลับกรุงเทพฯ ไม่ได้หรอกนะ”
ปารินทร์เหลือจะเชื่อว่าเธอยังคิดเรื่องชวนให้เขาหัวเราะในเวลาแบบนี้ได้ หมดความสงสัยว่าทำไมเธอถึงจอดรถอยู่ข้างทาง ธีรดาค้อนใส่ที่พูดไปน่ะหวังดีไม่ได้เอาฮา ไม่งั้นเราจะกลายเป็นคนติดแหง็กอยู่ด้วยกัน ยกเว้นว่าแบตโทรศัพท์ของเขาไม่หมดเกลี้ยงเหมือนของเธอ
“รถของผมจอดอยู่ข้างหลังรถของคุณ”
“เห็นแล้วค่ะ แล้วคุณจอดรถทำไมหรือว่ามาช่วยฉัน” ไม่น่าจะเป็นไปได้แฮะ แต่ถ้าเป็นอื่นเธอคงเชื่อได้ง่ายกว่านี้
“เก็บของแล้วย้ายไปที่รถของผม ส่วนรถของคุณ คนของผมจะมาลากกลับไปที่โรงงานแล้วดูเรื่องยางให้ก่อนขับกลับไปส่งให้ที่กรุงเทพฯ”
แทนที่ธีรดาจะรีบเก็บของแล้วย้ายไปรถของปารินทร์ เธอกลับมองเขาอย่างไม่เข้าใจ ใครล่ะที่ต้อนจนเธอแทบจนมุม ใครล่ะที่ทำตัวเหมือนกับเป็นคนละคน
“คุณช่วยฉันทำไม”
ปารินทร์ส่ายหน้าอยากยิ้มให้หากว่าเธอไม่มีเรื่องพัวพันกับปุราณ
“แล้วอยากให้ช่วยหรือไม่ช่วยล่ะ อยากนอนในรถทั้งคืนจนกว่าฝนจะหยุดตกจนมีใครสักคนมาช่วยใช่ไหม ถ้าใช่ผมจะได้กลับไปที่รถแล้วขับต่อไป เหมือนไม่เห็นว่ามีรถของคุณจอดอยู่ตรงนี้”
หญิงสาวยิ้มกว้าง ถามนิดเดียวตอบมาเสียยาวเลย นี่คงเป็นตัวตนของเขาสินะ กลัวพูดสั้นๆ แล้วเธอจะไม่เข้าใจหรือไง
“ไปสิคุณ อยู่ตรงนี้นานๆ ฉันก็กลัวเหมือนกันนะ”
ธีรดาเก็บของเสร็จแล้วก็กางร่มยืนรอ พอปารินทร์ออกมาจากรถก็กดล็อคแล้วรีบวิ่งมาที่รถของเขา เนื้อแท้แล้วเขาเป็นคนอย่างไรกันแน่นะ เป็นปารินทร์ที่เรียบง่าย จริงใจไร้เล่ห์เหลี่ยมหรือว่าเป็นมิสเตอร์พอลที่เขี้ยวลากดิน ลึกลับจนตามไม่ทันว่าเขาคิดทำอะไรกันแน่

ปารินทร์รีบปลดล็อกให้ธีรดาเข้ามาในรถ คิดๆ แล้วก็น่าขำตัวเอง วันนี้เขามาประชุมที่นี่ เจ้าหน้าที่โกดังโทรบอกว่าธีรดากลับไปสักพักแล้ว เขาขับรถตามออกมาช้าไป ระหว่างทางดิฐโทรมาหาเพราะ รปภ. โทรบอกหัวหน้า รปภ. ว่ารถของธีรดายางแบน เรื่องเลยมาถึงดิฐ น่าโมโหตรงที่ทำไมหัวหน้า รปภ. ไม่โทรบอกเขาจนโทรกันไปมา เขาขับรถช้าๆ เพื่อตามหารถที่อาจจอดข้างทางเพราะยางแบน แล้วก็พบจริงๆ
ปารินทร์หันมามองผู้หญิงที่เข้ามาปั่นป่วนหัวใจของเขาตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบกัน เขาต่อต้านเธอเมื่อคิดว่าคืนนั้นผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่หรือที่อยู่กับปุราณทั้งคืน ความอึงอลในอกหายไป การที่เขามาช่วยเธอก็เพราะมนุษยธรรมเท่านั้น
“ขอบคุณนะ”
“อะไรนะ ถ้ามีอะไรคุณต้องพูดเสียงดังๆ ผมถึงจะได้ยิน” เขาไม่ได้แกล้งไม่ได้ยิน แต่เสียงฝนมันดังจริงๆ
“ฉันบอกว่าขอบคุณค่ะ ถึงเป็นเรื่องบังเอิญก็เถอะ แต่ถ้าคุณไม่ผ่านมาเห็นว่ารถฉันอยู่ตรงนี้ ไม่รู้ว่าคืนนี้ฉันจะเป็นยังไง”
ต่อไปเธอจะไม่ประมาทอย่างนี้อีก อย่างน้อยโทรศัพท์ต้องพร้อมติดต่อใครต่อใครได้ ส่วนที่ว่ายางแบนเพราะอะไร ตอนนี้เหนื่อย เดี๋ยวมีแรงแล้วค่อยนั่งคิด ถ้ามันแบนล้อหรือสองล้อเธอจะไม่คิดอย่างนี้เลยให้ตายเถอะ
หากคิดในแง่ดีจนเกือบโลกสวย เธอจะคิดเสียว่าในความโชคร้ายที่อาจจบด้วยคำว่าถูกแกล้ง ก็ยังมีส่วนดีๆ อยู่บ้าง ถ้าไม่เกิดเหตุการณ์นี้เธอคงไม่เห็นน้ำใจของปารินทร์ ภายใต้ใบหน้าแข้งกระด้าง เขาคือผู้ชายที่พร้อมช่วยคนอื่นเหมือนครั้งแรกที่พบกัน ไม่ได้มีแต่คำว่าธุรกิจติดหัวสมองอย่างที่เธอพบเขาในชื่อของมิสเตอร์พอล
“ไม่เป็นไร”
ปารินทร์เบือนหน้ากลับหันไปมองถนนที่เต็มไปด้วยแสงที่กระเจิงเพราะละอองของน้ำฝน เขาตั้งใจตามหาเธอและคิดจะวนรถกลับอยู่แล้วเมื่อคิดว่ารถที่เพิ่งเห็นว่าจอดข้างทางอาจเป็นรถของธีรดาก็ได้ “ยังไงซะมีคุณเพิ่มมาในรถก็ไม่ได้ทำผมเสียน้ำมันเพิ่มมากกว่าเดิมเท่าไหร่”
ธีรดายิ้มให้เขา...พ่อคนฟอร์มจัด เธอรู้หรอกน่าว่าน้ำหนักของตัวเองไม่ได้มากถึงร้อยกิโลกรัม แต่ที่พูดเพราะซึ้งน้ำใจของเขาต่างหากล่ะ
“รับไปสิ”
เสื้อสูทที่คลุมอยู่บนเบาะนั่งถูกยื่นมาให้ธีรดา ปารินทร์เห็นว่าเธอกอดอกเพราะความหนาว แต่ในสภาพอากาศแบบนี้เขาคงปิดแอร์ไม่ได้ ขนาดแอร์ระดับต่ำสุดเธอยังสั่นแล้ว
“ไม่เป็นไรเดี๋ยวเสื้อของคุณจะยับเสียเปล่าๆ” เธอเกรงใจเขาจากใจจริง
เสื้อถูกวางลงบนตักของธีรดาราวกับว่าคนให้ไม่ได้หวังจะได้ยินคำปฏิเสธ
“ต่อให้คุณทำมันขาดไปทั้งตัวผมก็ไม่เสียดายหรอกน่า รีบใส่ซะ หรือว่าจะให้ผมใส่ให้”
ธีรดาขยับตัวเพื่อสวมเสื้อสูทของเขาความยาวของเสื้อยาวเกือบถึงเข่าเวลานั่ง เขาเป็นคนตัวสูงเสื้อเลยยาว ทำให้เสื้อสูทของเขาเมื่อเธอเอามาใส่เลยเหมือนเสื้อโค้ทไปเลย
“คุณใจดีจัง”
ปารินทร์ได้ยินที่เธอพูด คำถามหนึ่งเกิดขึ้นกลางใจ เขาใจดีจริงๆ น่ะหรือ เขาแค่ทำในสิ่งที่ควรทำเท่านั้นเอง เวลาเขาใจร้ายเธอน่าจะรู้ซึ้งมาแล้วไม่ใช่หรือ แต่กลับไม่พูดถึง ผู้หญิงที่จิตใจดีสามารถทำร้ายผู้หญิงอีกคนเพียงเพราะผู้ชายคนเดียวได้หรือเปล่า ความใจดีในครั้งนี้ทำให้เขารู้สึกผิดต่อศศิภาขึ้นมา ทำไมเขาไม่โทรสั่งให้พนักงานมาช่วยเธอแทนที่จะมาด้วยตัวเอง

ปารินทร์ขับรถเพียงลำพังเมื่อเพื่อนร่วมทางผล็อยหลับไปตั้งแต่ 15 นาทีแรกของการเดินทางกลับ รถติดเมื่อเข้ามาในกรุงเทพฯ ทำให้ใช้เวลานานกว่าจะถึงปลายทาง เขาจอดรถรอที่หน้าบ้านของธีรดาแทนที่จะบีบแตรเรียกเพราะไม่แน่ใจว่าป่านนี้แม่บ้านของเธอหลับไปแล้วหรือยัง มือหนายื่นไปเขย่าแขนของหญิงสาวเบาๆ เธอหลับสนิทจนไม่รู้สึกถึงอันตรายจากเขาเลยสักนิด ไม่คิดบ้างหรือหากว่าเขาไม่ได้ขับมาส่งที่บ้านแล้วพาไปที่อื่น เธอจะเป็นยังไง
ดวงตาเคร่งขรึมเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนลง เธอดูเหนื่อยล้าเพราะปัญหาที่เกิดขึ้น มือหนาขยับขึ้นไปเกลี่ยผมที่ปรกแก้มของเธอออก เธอปัดมือเขาแล้วถอนใจยาวราวกับถูกขัดใจ เรียวปากหนาระบายยิ้มอยากนั่งมองเธอให้นานกว่านี้หากว่าเป็นเวลาอื่น เสื้อผ้าของเธอชื้นขืนให้อยู่แบบนี้นานๆ พรุ่งนี้คงน็อค เขาเลยจำต้องปลุกเธออีกครั้ง คราวนี้คงต้องเขย่าแขนแรงขึ้น
“คุณตื่นได้แล้ว หรือว่าจะนั่งต่อไปนอนบ้านผม”
คนหลับสบายลืมตาตื่นทันที วูบแวบรู้สึกงงที่ตื่นมาแล้วเห็นปารินทร์อยู่ใกล้ๆ แต่พอกะพริบตาอยู่สองสามครั้งสติสตังก็เข้าที่เข้าทาง รวมทั้งยังจำคำพูดที่เพิ่งได้ยินใกล้ๆ เมื่อกี้ได้ด้วย
“จะบ้าเหรอคุณ”
ธีรดาค้อนใส่พลางปิดปากหาว ก่อนจะถอดเสื้อสูทคืนให้เขา ปารินทร์รับเสื้อมาแล้วโยนส่งๆ ไปที่เบาะหลังหลุดมาดผู้ชายเนี้ยบจนหญิงสาวแอบยิ้ม เธอยกมือขึ้นมาจัดผมเผ้าไม่กล้าเอาหน้าไปส่องกับกระจก เธอไม่ได้อยากสวยเวลาอยู่กับเขาสักหน่อย แค่อย่าโทรมจนเป็นยัยเพิ้ง ถ้าถึงขนาดนั้นเธอรับไม่ได้เหมือนกัน
“ไปทานกาแฟสักแก้วก่อนไหมคะ” เธอเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่ามัน 4 ทุ่มเข้าไปแล้ว อย่างไรก็ควรมีน้ำใจต่อเขา ไม่เช่นนั้นป่านนี้เธออาจติดแหง็กอยู่ที่ระยองก็ได้ ปารินทร์มองเฉยๆ ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ คนชวนเลยต้องพูดต่อ
“ที่ชวนนี่เห็นว่ามันดึกแล้ว คุณต้องขับต่ออีก กินกาแฟซักแก้วจะได้ตาสว่างนะคะ”
“ถ้าไม่รบกวน...” เขาลังเล
“ยินดีมากค่ะ”
ธีรดายิ้มกว้างรีบลงจากรถ ใครใช้ให้เขายิ้มตอบ หัวใจเธออาจพังได้เพราะรอยยิ้มของเขาหรือเปล่านี่ พอออกมายืนนอกรถและสัมผัสอากาศเย็นชื้นเนื่องจากฝนเพิ่งหยุดตกก็รู้สึกปวดหัวตุบๆ แต่พอทนไหว ปารินทร์เดินมาสมทบ เธอไขเปิดรั้วบ้าน แต่ว่ายังไม่ทันได้เดินเข้าบ้านป้าอรก็เดินมาหาหน้าตาตื่น
“กลับมาแล้วหรือคะคุณกวาง ป้าโทรไปตั้งหลายครั้งทำไมไม่รับโทรศัพท์ล่ะคะ”
“มีอะไรหรือเปล่าคะป้าอร”
“นังบานชื่นมันกำลังออกลูกแล้วค่ะ” ป้าอรบอกเสียงตื่นเต้น
“ไปกันคุณ ไปเป็นกำลังใจให้มันกัน”
ธีรดาคว้ามือปารินทร์ให้ตามกันไป จะเป็นด้วยความลืมตัวหรือจงใจลดช่องว่างระหว่างเราก็แล้วแต่ ชายหนุ่มคิดว่ารู้สึกดีที่เธอทำแบบนี้ บางทีการพบกันของคนสองคนอาจไม่ได้สวยหรู บานชื่นมันคงไม่รู้ตัวหรอกว่ากำลังทำให้เธอกลับมาไว้ใจเขาอีกครั้ง
บานชื่นออกลูกมา 3 ตัว ดูแข็งแรงดีทั้งแม่ทั้งลูก แม่หมาเลียเนื้อตัวให้ลูกด้วยความรัก ธีรดา ปารินทร์และป้าอรพากันนั่งมองแล้วถอนใจโล่งอกที่ 4 ชีวิตปลอดภัยดี ความเหนื่อยตลอดทั้งวันหายเกลี้ยง ความรักไม่ว่าของคนหรือสัตว์ทำให้เกิดความสุขได้อย่างอัศจรรย์จริงๆ
ปารินทร์ขับรถกลับบ้านในเวลาเกือบเที่ยงคืน เขาอิ่มเอมแม้ไม่ได้กินอะไรมาตลอดจากเย็นจนดึกรวมทั้งกาแฟที่เจ้าของบ้านชวน แต่ลืมเสียเอง ที่เป็นอย่างนี้เพราะเห็นบานชื่นกับลูกๆ ปลอดภัยหรือว่าการที่ได้ใกล้ชิดธีรดาอีกครั้งกันแน่นะ ทำไมเธอต้องเป็นผู้หญิงอีกคนของปุราณด้วย ถ้าเธอไม่ใช่เขาจะ...
ช่างเถอะ มันคงเป็นไปไม่ได้อีกแล้ว

ถึงจะนอนดึกแต่ปารินทร์ยังคงตื่นเช้าเหมือนเดิม เขาวิ่งออกกำลังกายในบริเวณบ้านโดยมีลูกสมุนสี่ขาวิ่งตาม ปกติแล้วศศิภาจะตื่นหลังจากเขาออกกำลังกายเสร็จแล้ว ส่วนเจนจิรา รายนี้แล้วแต่อารมณ์บางวันวิ่ง บางวันรีบไปทำงานเพราะตื่นสายจากการทำงานดึก แต่วันนี้คงตื่นเช้าถึงได้ออกมาวิ่งเหมือนเดิม
“อารมณ์ดีจังเลยนะคะพี่สิงห์” เจนจิราทักพลางชี้ไปตรงสายฟังที่หูของพี่ชาย ก่อนจะส่งปาท่องโก๋ให้เจ้าเดียร์ที่วิ่งตามนายมันมา
ปารินทร์ยิ้มไม่ตอบ วันนี้เขาสบายใจเลยอยากฟังเพลงไปวิ่งไปไม่เห็นแปลกตรงไหน
“ยังไม่ไปคลินิกอีกหรือเจน”
“เดี๋ยวไปค่ะ แวะกินกาแฟด้วยกันไหมคะ ป่านนี้แม่บ้านเตรียมไว้รอแล้ว”
“ดีเหมือนกัน”
กาแฟหอมๆ ชงไว้รอแล้วอย่างที่เจนจิราบอกไว้ ปารินทร์หาที่นั่งง่ายๆ ตรงหน้าบ้าน เจนจิราส่งแก้วกาแฟมาให้ เขายกขึ้นจิบแล้วยิ้มให้เป็นการขอบใจ
“บานชื่นออกลูกแล้วนะเจน ตั้ง 3 ตัว สงสัยพ่อพวกมันคงขนสีดำเลยออกมาดำผสมขาว” เขาเล่าให้ฟังไหนๆ เจนจิราก็รู้จักบานชื่น
เจนจิรายิ้มปากกว้างดีใจไปด้วย แต่ว่ามันชักยังไงๆ แฮะ
“พี่สิงห์รู้ได้ยังไงล่ะคะ หรือว่า...”
ปารินทร์ส่ายหน้ารู้ดีว่าเจนจิราคิดอะไร ชีวิตมันไม่ได้ง่ายๆ แค่พบคนถูกใจวันหนึ่งไปขอแต่งงานหรอก รายละเอียดของความเป็นไปในแต่ละสิ่งมันมากกว่านั้น
“พอดีพี่มีธุระกับธีรดา แล้วบานชื่นออกลูกเลยอยู่ดูมันเสียหน่อย ไหนๆ เจ้าของเค้าก็จะยกให้พี่ตัวนึงนี่นา”
เจนจินาหลิ่วตาใส่พี่ชาย พอมองไปที่บ้านศศิภาก็เริ่มเห็นเค้าลางของปัญหาขึ้นมา วันก่อนเธอได้ยินศศิภาคุยกับนุชรีว่าธีรดาไปหาปารินทร์ที่บริษัทเพราะปัญหาเรื่องไม้ แล้วยังพัวพันกับปุราณ เธอเลยโทรถามดิฐจนรู้ว่าเป็นธีรดาคนเดียวกัน
“พี่สิงห์เชื่ออย่างที่พี่ศศิปักใจเชื่อไหมคะว่าคุณกวางเป็นผู้หญิงอีกคนของพี่ปุ๊”
“เชื่อกับไม่เชื่อต่างกันยังไงล่ะยัยเจน” น้ำเสียงปารินทร์ขรึมขึ้นมาทันที
“เพราะเจนไม่เชื่อน่ะสิคะ เจนไม่อยากเชื่อหรอกว่าคนที่มีหัวใจอ่อนโยนต่อสัตว์จะทำร้ายจิตใจคนอื่นทั้งที่รู้ ถ้าพี่สิงห์เชื่อว่าคุณกวางเป็นคนไม่ดีก็เอาตัวออกมาเถอะค่ะ แต่ถ้าไม่เชื่อเหมือนกับเจนพี่สิ่งก็ต้องช่วยพี่กวาง”
ปารินทร์อดยิ้มไม่ได้เมื่อได้ฟังความคิดเห็นที่แปลกไปจากคนอื่นและแปลกไปกว่าที่เขาคิดอีกด้วย
“ช่วยอะไรล่ะยัยเจน”
เจนจิราวางถ้วยกาแฟแล้วมานั่งข้างๆ ปารินทร์ งานนี้ต้องกระซิบ ขืนพี่ศศิรู้ว่าเธอคิดนอกคอกมีหวังโดนถล่มเละ เจ้าเดียร์เอาก้นมากระแซะเหมือนสงสัยว่ามนุษย์กำลังทำอะไร
“ถ้าคุณกวางไม่ใช่กิ๊กของพี่ปุ๊ก็แสดงว่ามีคนใส่ร้ายอยู่น่ะสิคะ บางทีพี่ปุ๊อาจจะมีหรือไม่มีผู้หญิงอื่นก็ได้ แต่ที่แน่ๆ คนที่ส่งทั้งภาพและข้อความพวกนั้นมีตัวตนจริง คนนี้ต่างหากล่ะคะที่เราน่าจะตามหา”
ปารินทร์เป็นฝ่ายอึ้งบ้างเพราะไม่เคยคิดในแง่มุมนี้มาก่อน เขาเคยคิดแค่ว่าถ้าธีรดาไม่ได้เป็นมือที่สามระหว่างปุราณกับศศิภาย่อมเป็นเรื่องที่ดี แต่ไม่ได้คิดอย่างที่เจนพูดให้ฟัง นั่นสิ ถ้าไม่ใช่ธีรดาแล้วผู้หญิงร้ายกาจคนนั้นล่ะเป็นใครกันแน่
“คำพูดของเจนทำให้พี่ได้คิดจริงๆ พี่จะเอาไปคิดดู ขอบใจสำหรับกาแฟ พี่ไปล่ะ”
มือหนาลูบไหล่เจนจิจาอย่างขอบใจ ก่อนจะเดินแกมวิ่งกลับบ้านไปด้วยหัวใจที่เบาขึ้น ถึงคำพูดของเจนจิราจะยังไม่ได้พิสูจน์ แต่ซอกเล็กๆ ในหัวใจเขาหวังว่าจะพบทางออกที่ดี เจ้าเดียร์เห่าโฮ่ง ปารินทร์ลูบหัวมันแล้วเดินเข้าบ้าน

ศศิภารอจนพี่ชายไปทำงานเรียบร้อยถึงได้โทรหานุชรี เมื่อวานฝนตกหนักราวกับเป็นใจให้เธอได้รับข่าวดี ป่านนี้ยัยนั่นคงถูกลากไปไหนต่อไป วันนี้คงไม่มีแรงไปทำงานหรืออ่อยใครหรอก สำหรับผู้หญิงใจทรามแค่นี้ถือว่าเป็นเพียงบทเริ่มต้นเท่านั้น นุชรีรับสายแล้วบอกทันทีราวกับรู้อยู่แล้วว่าเพื่อนโทรมาด้วยเรื่องอะไร ยังดีนะที่ปุราณยังไม่ได้เข้าออฟฟิศ
“นุชลองโทรไปที่บริษัทของมันแล้ว มันมาทำงานตามปกติล่ะศศิ”
ศศิภาถอนใจอย่างขัดใจ เธอไม่ได้ถ่อไปถึงระยองเพื่อมารับรู้ความล้มเหลวในวันต่อมาแบบนี้ “มันกลับมาได้ยังไง หรือว่ามันโทรบอกให้ใครมาช่วย แน่ๆ เลย ฉันไม่น่าลืมคิดถึงเรื่องนี้เลยนุช เราคงต้องวางแผนกันใหม่”
“ฉันว่าเราอย่าเพิ่งทำอะไรตอนนี้เลยนะศศิเดี๋ยวมันสงสัยเราจะลำบาก” นุชรีเตือนเพื่อน แม้จะไม่เต็มเสียงนัก
ศศิภาฟังและคิดตาม ถูกอย่างที่นุชรีบอก เธอร้อนใจ ถ้ามันมันฟ้องพี่ปุ๊ล่ะ มันทำแน่เธอมั่นใจ
“ก็ได้ ตอนนี้ฉันกับพี่ปุ๊ก็ดีกันแล้ว ไอ้ข้อความบ้าๆ มันหายไปแล้วด้วย บางทีมันอาจจะเลิกยุ่งกับพี่ปุ๊ของฉันแล้วก็ได้”
“คิดได้อย่างนี้ก็ดี ฉันทำงานต่อแล้วนะ” นุชรีพูดจบก็วางสายไปทันที
ศศิภาโทรหาปุราณเพื่อให้แน่ใจว่าวันนี้เขาจะไม่ได้ไปไหนนอกจากอยู่ออฟฟิศ เขาบอกเธอว่ามีประชุมตลอดทั้งวัน และสัญญาว่าจะมาเธอในตอนเย็น เธอวางสายด้วยความสุขใจและลดความระแวงลงได้ชั่วคราว เธอเชื่อมั่นในตัวคนรักมาโดยตลอดจนกระทั่งได้รับข้อความบ้าๆ นั่น วันนี้เธอคงสบายใจได้บ้างสินะ
หญิงสาวไปเดินเล่นโดยไร้ความกังวลและกินอาหารเช้าได้มากกว่าหลายวันที่ผ่าน ทว่าเมื่อกลับเข้ามาในห้องเพื่อหยิบโทรศัพท์ที่วางลืมไว้บนที่นอนกลับพบข้อความที่ถูกส่งมาเมื่อ 10 นาที เธอมือสั่นเมื่อกลั้นใจเปิดอ่านข้อความนั้น
‘ผู้ชายคนนี้เป็นของฉันไม่ใช่ผู้หญิงขี้อิจฉาอย่างเธอ งานแต่งงานต้องไม่เกิดขึ้น’
โทรศัพท์ถูกเขวี้ยงทิ้งราวกับเป็นของสกปรก เธอมีความสุขเพียงไม่กี่ชั่วโมงก็เข้าสู่ความรู้สึกเดิมๆ หวาดระแวง โกรธแค้นและเกลียดชัง ถ้าแน่จริงทำไมไม่กล้าโชว์เบอร์ มือบางกำแน่นด้วยความแค้น น้ำตาไหลลงอาบแก้มรู้สึกเกลียดช่วงเวลาแบบนี้จับใจ เมื่อไหร่ความทุกข์ของเธอจะหมดไปเสียที

ปารินทร์นั่งทำงานอยู่ในห้องของเขาหลังจากเสร็จการประชุมในตอนเช้ากับผู้จัดการฝ่ายต่างๆ งานยังคงดำเนินไปตามปกติ แม้ไม่มีคำถามเรื่องที่เขายังให้โอกาสปางไม้ธารธีรา แต่ก็รู้ได้จากสีหน้าของแต่ละคน เป็นครั้งแรกที่เขา ‘ไม่เด็ดขาด’ สมฉายาเครื่องจักรทำเงินอย่างที่ถูกเรียกถึงลับหลัง
ชายหนุ่มถามตัวเองหลายครั้งว่าหากไม่ใช่ธีรดาเขาจะยอมให้โอกาสไหม คำตอบเหมือนเดิมซ้ำๆ ว่าไม่ ครั้งนี้เขาใช้ความรู้สึกมากกว่าเหตุผลว่ามีบางอย่างผิดปกติ ไม่ใช่การไร้ความเป็นมืออาชีพอย่างที่ผู้จัดการบางคนอยากพูดออกมา ปารินทร์ละสายตาจากโน้ตบุ๊กเมื่อเริ่มไม่มีสมาธิอีกแล้ว คำพูดของเจนจิรายังคงวนเวียนอยู่ในสมอง
‘ถ้าคุณกวางไม่ใช่กิ๊กของพี่ปุ๊ก็แสดงว่ามีคนใส่ร้ายอยู่น่ะสิคะ บางทีพี่ปุ๊อาจจะมีหรือไม่มีผู้หญิงอื่นก็ได้ แต่ที่แน่ๆ คนที่ส่งทั้งภาพและข้อความพวกนั้นมีตัวตนจริง คนนี้ต่างหากล่ะคะที่เราน่าจะตามหา’
ปารินทร์ถอนใจยาว เมื่อนึกถึงผู้หญิงบ้าบิ่นไม่กลัวตายที่วิ่งไปช่วยหมากลางถนน แล้วยังเรื่องที่เธอพยายามคืนเงินให้เขา ผู้หญิงโก๊ะๆ ที่รักของลูกคนงาน ผู้หญิงที่เขายอมถอดแหวนรุ่นใส่ในกล่องสมบัติของเธอ คนตรงไปตรงมาแบบนี้น่ะหรือจะเป็นคนเดียวกับผู้หญิงที่ทำร้ายน้องสาวของเขา
“ผมเชื่อคุณได้ไหม...ธีรดา”
ไม่มีแล้วสมาธิ ปารินทร์เบื่อตัวเองในเวลานี้สุด แทนที่จะทำงานต่อไปให้สมกับที่ถูกว่าเป็นเครื่องจักรทำเงิน ทว่าเวลานี้เขาอยากนั่งเงียบๆ ไม่ทำงาน ปล่อยเวลาให้ผ่านไปเพียงเท่านั้น
ทว่าประตูกลับเปิดออกพร้อมๆ กับพิชชาที่ก้าวเข้ามา ปารินทร์หันไปมองดิฐ เลขาตัวแสบกลับแบมือออกทั้งสองข้างเป็นเชิงบอกว่าเขาห้ามพิชชาไม่ได้ เธอเปิดประตูเข้ามาตอนที่เขาติดสายสำคัญอยู่พอดี
“วันนี้พิชมารับพี่สิงห์ไปทานข้าวด้วยกันค่ะ” นักเปียโนสาวทักทายเสียงใส เข้ามากอดแขนของร่างสูงไว้อย่างแสดงความเป็นเจ้าของ
ปารินทร์โบกมือให้ดิฐช่วยปิดประตูได้แล้ว ถ้าใครมาเห็นเขากับพิชชาในสภาพแบบนี้คงไม่ดีเท่าไหร่ พนักงานสาวๆ คงมีเรื่องเมาท์กันสนุกอีก
“มีอะไรหรือเปล่าพิชถึงได้ดูมีความสุขขนาดนี้”
“พิชจะได้เล่นเปียโนกับวงดนตรีออร์เคสตราจากรัสเซียค่ะ วงนี้ดังมาก ใครได้เล่นดนตรีด้วยถือว่าได้รับเกียรติมากๆ พิชถึงได้ดีใจยังไงล่ะคะ”
ปารินทร์ยิ้มยินดีด้วย จากเด็กผู้หญิงที่ชอบเล่นเปียโนจนรบเร้าให้พ่อแม่ซื้อเปียโนให้ หลังจากนั้นตั้งใจเรียนเปียในอย่างจริงจัง วนเวียนอยู่กับการประกวด การคัดเลือกจนได้ไปเรียนต่อที่รัสเซีย ผ่านไปหลายปีถึงได้กลับมาประเทศไทยพร้อมกับชื่อเสียง พิชชาเก่งในสิ่งที่เลือกแล้วจริงๆ
“ถ้างั้นผมเลี้ยงอาหารเย็นนี้ให้พิชเอง”
“ดีจัง นานๆ เราจะได้อยู่ด้วยกันสองคนเสียที” พิชชาปล่อยแขนของปารินทร์เปลี่ยนมากอดร่างเขาไว้แทน
ไม่ถึง 5 นาทีพิชชาก็เดินออกมาจากห้องทำงานพร้อมกับปารินทร์ แต่ในสภาพที่ผิดหวัง เธอเดินตามหลังมาหลังจากถูกดึงแขนออกจากตัวว่าที่คู่หมั้น แต่ถึงกระนั้นเธอยังยิ้มเหวี่ยงๆ ใส่ผู้หญิงทุกคนที่มองมายังปารินทร์ ผู้ชายเลิศๆ ก็ต้องคู่ควรกับผู้หญิงเลิศๆ เหมือนกัน ผู้หญิงหน้าไหนอย่าได้ฝันว่าจะมาแย่งเขาไป

ผ่านไปอีกวัน น่าแปลกที่ชีวิตของเขาจืดชืดเหมือนกินกาแฟไม่ได้ใส่น้ำตาล ธีรดาหายเงียบไปไม่มาหาที่ออฟฟิศ หรือแม้กระทั่งโทรมาเรื่องปัญหาธุรกิจระหว่างเรา เขามองโต๊ะรับแขกอย่างคิดถึงวันคืนเก่าๆ ที่เพิ่งผ่านไปเพียงไม่กี่วันเท่านั้น เรียวปากหนาคลี่ยิ้ม เขาไม่เคยพบผู้บริหารที่กล้าได้กล้าเสียเหมือนเธอมาก่อน เธอหายไปไหน ทำไมถึงไม่เข้ามาในชีวิตของเขาอีก
ปารินทร์ถอนใจด้วยความเบื่อมาตลอดทั้งวัน จนกระทั่งเลิกงาน ดิฐยังอยู่เผื่อว่าบอสจะให้เขาช่วยขับรถให้ ปารินทร์เบื่อแม้กระทั่งยามเห็นหน้าเลขาของตัวเอง วันนี้เขาอยากขับรถไปหาที่ที่สบายใจ ดิฐเลยถูกไล่กลับ เลขาหนุ่มแอบยิ้มดีใจว่างๆ แบบนี้เขาจะได้โทรนัดแฟนไปดูหนังสักหน่อย ส่วนบอสก็ทำหน้าเบื่อโลกต่อไปแล้วกัน
ปลายทางของรถที่กำลังขับยิ่งคุ้นสายตาของปารินทร์เข้าไปทุกที เขาไม่ได้ตั้งใจขับรถมาที่นี่สักหน่อย แต่ไหนๆ มาแล้วอย่าให้เสียน้ำมันฟรี รถถูกจอดตรงหน้าบ้านของธีรดา ไม่มาให้เห็นหน้า เขาเอาหน้ามาให้เห็นเองก็ได้ รอไม่ถึงอึดใจป้าอรก็มา
“คุณกวางไม่อยู่ค่ะคุณ”
“ไปไหนหรือครับ” ไปหลงทางรถเสียอยู่ที่ไหนอีกเปล่า ปารินทร์คิดอยู่คนเดียวในใจ
“บอกว่าไปปางไม้อีกสามสี่วันจะกลับค่ะ ไปตั้งแต่เมื่อวานแล้วล่ะค่ะ”
สีหน้าปารินทร์ไม่ได้เปลี่ยนไปก็จริง แต่ใช่ว่าจะไม่ผิดหวัง เหตุนี้เองที่ทำให้ธีรดาเงียบหายไป ไม่เจอแม่หมา เจอลูกหมาสักหน่อยก็ยังดีล่ะน่า
“ถ้างั้นผมขอดูลูกๆ ของบานชื่นแป๊บเดียวแล้วจะกลับนะครับ”
“ค่ะ คุณกวางบอกไว้แล้วว่าคุณอาจจะมาดูบานชื่นกับลูกๆ ของมันค่ะ” ป้าอรเปิดประตูเล็กให้ปารินทร์
อยู่ๆ ริมฝีปากของเขาก็ควบคุมไม่ได้เมื่อมันยิ้มออกมาเอง แม่หมายังคิดถึงว่าพ่อหมาจะมา ได้ฟังอย่างนี้แล้วค่อยไม่เสียเที่ยวที่มาหน่อย บานชื่นผงกหัวขึ้นส่งเสียงงี๊ดๆ เมื่อเห็นปารินทร์ ลูกๆ ของมันขดตัวกันนอนหลับพริ้ม ถ้าธีรดาอยู่ตรงนี้คงดีไม่น้อย เขาจะได้ถามเรื่องที่อยากรู้เสียที

ธีรดาเข้าเมืองมาหาคู่แฝดที่ทำตามแผนด้วยการทำทีว่าเข้ากรุงเทพฯ ไปแล้ว ส่วนเธอลงมาดูแลปางไม้ ซึ่งความจริงแล้วธีมามานอนโรงแรมในเมือง แต่ในเวลากลางคืนก็เข้าไปจัดการตามแผนที่เราได้ตกลงกันไว้ เป็นเวลาหลายคืนแล้วที่เขาล่วงหน้าทำตามแผนไปก่อน จนกระทั่งเธอเดินทางมาถึงตั้งแต่เมื่อวานแล้วทำทีเข้าเมืองในวันนี้
ในมือของเธอมีของฝากจากดาวิกาที่ส่งมาให้ธีมา ก่อนเดินทางขึ้นเครื่องเธอแวะไปหาไปรยา พอยัยลูกจันทร์รู้ก็เลยทำขนมเค้กมาให้คู่หมั้น เดี๋ยวนี้เป็นแม่บ้านแม่เรือนขึ้นเยอะเลย แต่งงานกันไปธีมาคงเต็มใจอ้วนล่ะ
“อ่ะ แฟนฝากมาให้”
เค้กหน้าตาสวยและรสชาติน่าจะโอเคอยู่ในกล่องในสภาพยังสวยงามดี
“น่ารักจริงๆ แฟนเรา” ธีมายิ้มหน้าบาน จูบกล่องเสียอย่างกับคนทำมาให้จูบเอง
ธีรดาส่ายหน้าหมั่นไส้ ตอนเห็นเธอละทำเฉย พอเห็นของฝากล่ะอย่างกับคนละคน เธอให้เวลาคู่แฝดได้ปลื้มปริ่มกับของฝากก่อนจะเริ่มถามเป็นการเป็นงาน
“รถทุกคันติดสัญญาณเรียบร้อยใช่ไหมเสือ” จริงๆ แล้วโทรมาถามก็ได้ แต่เธออยากมาเรียกความมั่นใจจากคู่แฝดแบบเห็นหน้าเห็นตามากกว่า ถ้าธีมามั่นใจ เธอก็จะมั่นใจด้วยเช่นกัน
“เรียบร้อยสิ ไม่มีใครรู้นอกจากเสือกับลุงสอนแล้วก็เจ้าหน้าที่ที่มาติดตั้ง GPS ให้เท่านั้น” ธีมาตอบพลางถอนใจ “น่าเสียดายคืนก่อนมันไม่ได้ลงมือ ไม่งั้นจะได้จับตัวคนร้ายให้สิ้นเรื่องสิ้นราวเสียที อยากรู้จริงๆ ว่ามันเป็นใคร”
ธีรดายิ้มกว้าง เวลาเราอยู่ด้วยกันธีมาไม่ได้วางฟอร์มให้ดูน่าเกรงขาม ตอนนี้เลยเหมือนเด็กโข่งตัวโตที่ทำหน้าเหมือนไม่ได้ดั่งใจ ไม่รู้ยัยลูกจันทร์เป็นผู้ใหญ่ขึ้น ในขณะที่ผู้ใหญ่เริ่มเด็กลงกันแน่ คู่นี้พออยู่ด้วยกันแล้วน่ารักดี
“ไหนว่ามีแฟนเด็กทำให้ใจเย็นลง ไม่เห็นเย็นลงตรงไหน”
ธีมาถอนใจฮึดฮัด เขาโมโหจนแทบกินไม่ได้นอนไม่หลับตั้งแต่รู้ว่ามีการสับเปลี่ยนไม้แล้ว
“เรื่องนี้ใจเย็นไม่ไหวล่ะ คืนนี้ไม่มีการส่งไม้ กวางก็นอนเอาแรงไว้ก่อน พรุ่งนี้คงได้เรื่องมีการขนไม้ 3 คันรถ ดูสิว่ามันจะย่ามใจลงมือซ้ำเลยหรือเปล่า” ขอให้มันลงมือเถอะน่า เขาจะได้หายโมโหสักที
“แล้วเสือจะทำอะไรต่อล่ะ” เธอถามเป็นการงาน แต่พอเห็นคู่แฝดยิ้มกริ่มชักไม่น่าไว้ใจแฮะ
“โทรหาแฟน” ธีมาบอกหน้าปลาบปลื้มสุดๆ ทั้งที่เมื่อกี้ยังทำหน้ายังกับอยากหักคอใครสักคนอยู่เลย
ธีรดาชะโงกโก่งคอทำท่าเหมือนอยากจะอ้วก แต่กลับถูกเบิร์ดกะโหลกไปทีหนึ่งจากคนมีรักในหัวใจ ทีกับยัยลูกจันทร์ละอ่อนโยนอย่างกับพระเอกละคร กับเธอละทำรุนแรงใส่ เดี๋ยวเถอะจะยุให้ยัยลูกจันทร์งอนใส่



บรรพตี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 26 พ.ค. 2557, 09:27:54 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 26 พ.ค. 2557, 09:27:54 น.

จำนวนการเข้าชม : 1457





<< ตอนที่ 9   ตอนที่ 11 >>
แว่นใส 26 พ.ค. 2557, 19:06:43 น.
คู่นี้ก็หวานซะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account