สัญญารัก...ข้ามฟ้า (สนพ ดอกหญ้า 2000)
เอริน..ว่าที่มัคคุเทศก์คนใหม่วัย 25 ปี ที่โชคชะตานำพาให้พบกับใครบางคนที่แดนไกลในครั้งอดีต และต้องจากกันไป
ชานนท์..นักธุรกิจหนุ่มใหญ่วัย 35 ปี เขากำลังกลับมาตามหาอดีตที่หายไปหลังจากปล่อยเธอไปเมื่อหนึ่งปีก่อน พร้อมกับมาทวงสัญญารักที่จะทำให้เธอต้องจนมุม...อีกครั้ง


Tags: สัญญารัก...ข้ามฟ้า , รักโรแมนติก , ซึ้งกินใจ

ตอน: ตอนที่ 12 หนาวกาย..หนาวใจ

ท่ามกลางการจราจรอันแสนคับคั่งแน่นขนัดบนถนนสายหลักของกรุงเทพมหานครยามเย็น ในขณะที่กรณ์รีบร้อนขับรถเพื่อจะเดินทางกลับบ้านที่ประจวบด้วยจิตใจร้อนรุ่มกระวนกระวายกับคำบอกกล่าวของมารดาเพราะเป็นห่วงเอริน

ชายหนุ่มขับรถฉวัดเฉวียนอย่างบ้าระห่ำ เพื่อจะเดินทางไปให้ถึงจุดมุ่งหมายโดยเร็ว แต่แล้วเพราะความประมาทเลินเล่อก็ทำให้เขาประสบอุบัติเหตุเข้าจนได้แทนที่จะเดินทางไปได้เร็วดั่งใจหมาย กลับกลายเป็นว่าต้องมานั่งรอคู่กรณีที่บาดเจ็บพอสมควรอยู่หน้าห้องฉุกเฉินอย่างกระวนกระวาย

“แม่ครับ..พอดีผมเกิดอุบัติเหตุรถเฉี่ยวชนนิดหน่อย ยังไม่รู้จะเอายังไง วันนี้คงไม่ได้กลับ แม่ไม่ต้องรอนะครับ”

กรณ์โทรไปรายงานมารดาด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่ายขณะที่กำลังเดินไปหาเครื่องดื่มที่ตู้กดไม่ไกลจากหน้าห้องฉุกเฉินนัก ทำเอาพิมพาถึงกับระล่ำระลักถามอย่างตกใจ

“เกิดอะไรขึ้น อุบัติเหตุอะไรลูก แล้วเป็นอะไรมากมั๊ย”

น้ำเสียงร้อนรนของมารดาทำเอากรณ์ถึงกับหน้าเสียเพราะทำให้มารดาเป็นห่วงกังวลใจเพราะเขาอีกจนได้จึงรีบตอบคลายความสงสัยให้ใจชื้น “ก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับแม่ ผมก็แค่เจ็บข้อมือซ้ายนิดหน่อย เพราะขับไปชนเค้าก็เลยต้องมารอดูอาการคู่กรณีน่ะแม่ คงต้องรอจนเสร็จเรื่อง แค่นี้ก่อนนะแม่ เค้าออกมาจากห้องฉุกเฉินแล้ว”


ชายหนุ่มรีบวางสายจากมารดาทันทีที่เห็นหญิงสาวคู่กรณีในชุดคนไข้ของทางโรงพยาบาลนั่งรถเข็นออกมาด้วยหน้าตาบูดบึ้ง สภาพผ้าพันแผลรอบศรีษะ ขาขวาเข้าเฝือกดูบาดเจ็บเอาการ กรณ์เห็นดังนั้นถึงกับหน้าเสียไปทันที ยังไม่ทันจะได้เอ่ยปากถามไถ่อาการว่าอย่างไรก็ต้องเครียดหนักกว่าเดิมเมื่อจำเป็นต้องตกลงเรื่องค่าเสียหายกับคนขับแท็กซี่ที่ดูท่าจะเรื่องยาว

“เอ่อ..คุณคะ คุณคนขับแท็กซี่เค้าฝากมาบอกว่าทำแผลเสร็จแล้วอยากจะขอตกลงเรื่องค่าเสียหายแล้วกลับก่อน คุณจะว่ายังไงคะ”

พยาบาลสาวยืนรอเอาคำตอบด้วยสีหน้าร้อนรน เพราะการงานและคนไข้มากโข กรณ์สีหน้าไม่สู้ดีตัดสินใจไม่ได้ มองหญิงสาวหน้าบูดสนิทบนรถเข็นพลางมองคนขับแท็กซี่ที่กำลังเดินโขยกเขยกเข้ามาหาพลางอย่างคิดหนัก

“ว่าไงคุณ..ตกลงกับผมก่อนก็แล้วกันนะ ผมคนทำมาหากินไม่มีเวลามารอคุณจัดการธุระปะปังนักหนาหรอกนะ..ว่าไง”

คนขับรถแท็กซี่สีหน้าเอาเรื่องทันทีที่กรณ์ยังคงอึกอัก แล้วชายหนุ่มก็ล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบธนบัตรสีเทาในกระเป๋าสตางค์ออกมานับอยู่หลายใบก่อนจะยื่นส่งให้คนขับรถแท็กซี่แบบขอไปที “โอ้โห..คิดว่าเงินสามารถแก้ปัญหาได้ทุกอย่างเหรอคุณ ถึงผมจะขับแท็กซี่แต่ก็มีอุดมการณ์นะ ไม่ใช่ว่าใครจะเอาเงินมาฟาดหัวได้ง่ายๆ ผมน่ะแก่จนจะเป็นพ่อคุณได้อยู่แล้ว ขอโทษสักคำน่ะมีมั๊ย”

ชายชราหน้านิ่งแต่ย้ำคำหนักแน่นเสียจนกรณ์ใจโหวง หน้าเสียทันทีจนต้องตอบคำชายชราอึกอัก

“เอ่อ..ขอโทษ ขอโทษครับ ผมไม่ทันระวัง”

“คราวหน้าก็ระวังหน่อยก็แล้วกัน นี่ดีนะแค่เฉี่ยวแล้วแฉลบไปลงข้างทางน่ะ คุณถึงได้ยังมีโอกาสแก้ตัวอย่างนี้ เอาเถอะ...เดี๋ยวจะหาว่าผมสอนเอาเป็นว่าเอาเบอร์โทรกับที่อยู่ที่ติดต่อได้ของคุณมาให้ผมก็แล้วกัน ไว้เสร็จเรื่องยุ่งของคุณก็โทรหาผมนะ ผมเชื่อใจคุณ หวังว่าคนหนุ่มอย่างคุณจะไม่ทำให้คนแก่ผิดหวัง”

ชายชรายัดกระดาษใบจิ๋วที่มีชื่อและเบอร์โทรศัพท์ของตนใส่มือหนาของชายหนุ่มอย่างลวกๆก่อนจะผละไป กรณ์ถึงกับงงพูดไม่ออกสักคำที่โดนคนไม่รู้จักสั่งสอนแบบเถียงไม่ออกสักคำ ชายหนุ่มใช้เวลาเพ่งพินิจกับนามบัตรจำเป็นของชายชราอยู่เป็นนาน นานพอที่จะได้ยินเสียงหัวเราะแผดแหลมของใครบางคนสะดุดหูเข้าอย่างจัง

“หัวเราะอะไร”

ดวงตาคมเข้มตวัดมองเสียงต้นทางอย่างขุ่นเคือง น้ำเสียงฉุนจัดจนหญิงสาวอดจะเบะปากอย่างหมั่นไส้เสียไม่ได้

“สมน้ำหน้า โดนคุณลุงคนนั้นสั่งสอน” น้ำเสียงเยาะเย้ยของหญิงสาวในรถเข็นสะดุดหูกรณ์เข้าอย่างจัง “นี่คุณ”

ชายหนุ่มปราดเข้าไปหมายจะเอาเรื่อง แต่แล้วพยาบาลสาวก็เอ่ยขัดขึ้นเสียก่อน “เอ่อ..คุณคะ อย่าเพิ่งทะเลาะกันได้มั๊ยคะ คือทางโรงพยาบาลคงต้องให้คุณคนนี้เธอพักรักษาตัวที่นี่สักสองสามวันเพื่อรอดูอาการข้างเคียงก่อนค่ะ คุณจำเป็นต้องเซ็นต์เป็นเจ้าของไข้ให้เธอเพราะเธอบอกว่าไม่มีญาติที่เมืองไทยเลยค่ะ”

พยาบาลสาวเอ่ยบอกกรณ์อย่างเป็นงานเป็นการ ชายหนุ่มเหลือบตามองหญิงสาวในรถเข็นที่มองมาตาเขียวปั๊ดอย่างนึกแขยงไม่น้อยก่อนจะตอบอ้อมแอ้มไปอย่างจำใจเพราะทำความผิดจริง

“ได้ครับ ผมรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทุกอย่าง แล้วผมต้องทำยังไงบ้างครับ..คุณพยาบาล”

กรณ์รับฟังคำแนะนำจากพยาบาลสูงวัยพร้อมยิ้มอย่างใจเย็นให้สาวสวยในรถเข็นที่ยังคงนั่งจ้องเขม็งมายังเขาอย่างนึกฉุนอยู่ไม่หาย

“เอาเป็นว่าผมจะมาเฝ้าคุณจนกว่าคุณจะดีขึ้นก็แล้วกัน ว่าแต่คุณมาทำอะไรที่นี่ล่ะ ไม่มีญาติสักคนเลยหรือไงผมติดต่อให้คุณได้นะ”

ชายหนุ่มแสดงความเอื้อเฟื้อพร้อมส่งสายตาวิบวับตามวิสัยหนุ่มเจ้าเสน่ห์ แต่แล้วสายตาแลมองมาอย่างเหยียดๆของหญิงสาวในรถเข็นทำเอากรณ์ถึงกับหุบยิ้มแทบจะทันที

“มาตามหาแฟน ติดต่อไม่ได้ ไม่มีเบอร์ไทย แล้วก็ไม่ได้บอกว่าจะมา แล้วก็ไม่ต้องถามมากความเพราะฉันเพิ่งลงจากเครื่องมาก็มาเจอรถบ้าระห่ำขับชนแท็กซี่ที่ฉันนั่งมาเข้าให้”

สาวสวยร่ายยาวเป็นชุดด้วยน้ำเสียงหยิ่งๆ เป็นปกติวิสัย กรณ์นั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามรถเข็นอย่างใจเย็นสุดชีวิต แล้วถามหญิงสาวตรงหน้าทั้งๆที่อารมณ์เริ่มจะเดือดปุดๆ เพราะนอกจากเอรินแล้วไม่เคยมีหญิงสาวคนไหนใช้คำพูดจิกกัดเหมือนไม่สนใจเสน่ห์ของเขาเลยแม้แต่น้อยเช่นสาวคนนี้

“โอเค โอเค ผมจะไม่ถามแล้วกันเรื่องแฟนคุณ ท่าทางคุณจะเหม็นหน้าผม เอาเป็นว่าคุณอยากได้พยาบาลพิเศษเฝ้าไข้มั๊ยจะได้สบายใจ แล้วก็ค่ารักษาผมรับผิดชอบเอง” กรณ์พยายามถามสาวสวยที่มองเขาด้วยสายตาเอือมๆ

“ท่าทางจะเงินเยอะนี่ จัดมาก็แล้วกันจะพยาบาลพิเศษอะไรก็แล้วแต่คุณเถอะ”

สาวสวยเชิดหน้าอย่างหยิ่งๆ ตามเคย กรณ์ได้แต่ยิ้มมุมปากรู้สึกสบายใจขึ้นเพราะเขาจะได้จัดการเรื่องอื่นๆได้อย่างสบายใจไม่ต้องมาห่วงหน้าพะวงหลังอีก ชายหนุ่มพยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบเมื่อเห็นแววตาคมเรียวสวยของหญิงสาวอุดมไปด้วยความขัดเคืองที่ยังคงไม่ดับลงไปง่ายๆ

“ว่าแต่ผมชื่อกรณ์ แล้วคุณล่ะ..ชื่ออะไร”


“ฉัน..ราเชล”


***********************************************

ท่ามกลางหยาดฝนโปรยปรายในยามเช้ามืดที่แสงอาทิตย์ยามเช้ายังคงสลัวเลือนลางเพราะเมฆฝนบางปกคลุม มีเพียงลมเย็นจากภายนอกพัดผ่านเข้ามาแผ่วๆพอให้ผ้าม่านผืนบางพลิ้วไหว ทันทีที่ได้ยินเสียงสามีละเมอเบาๆอยู่เป็นระยะหลายต่อหลายครั้ง อติมาสะดุ้งตื่นขึ้นมามองพัชระที่เหงื่อไหลโทรมกาย ใบหน้าที่เต็มไปด้วยริ้วรอยเหี่ยวย่นมีแววเคร่งเครียดกระสับกระส่าย ก็ได้แต่จ้องมองอย่างงุนงง ครั้นจะเรียกปลุกให้รู้สึกตัวก็ได้ยินเสียงละเมออะไรบางอย่างที่แปลกแต่ก็พอจะจับใจความได้

“คุณชาย...คุณชาย ระวัง!!”

“ยัยหนู...ลูกพ่อ คุณชาย..อย่าไป คุณชาย!!”

“พ่อ!! พ่อ เป็นอะไรไปจ้ะ ฝันร้ายเหรอ ตื่นเถอะ แม่ชักจะใจไม่ดีแล้วนะ”

อติมาเขย่าแขนสามีแรงขึ้นๆ เพื่อจะปลุกให้รู้สึกตัวทันทีที่ใบหน้ากร้านตามวัยของเขาสะบัดไปมาอย่างรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ จนเหงื่อโทรมกายปนหอบเหนื่อย

“อะ..อะไรเหรอแม่ เกิดอะไรขึ้น!!”

สีหน้าตื่นตกใจยามเมื่อลืมตาตื่นของพัชระ อติมาได้แต่มองด้วยความตกตะลึงไม่เคยเห็นท่าทางอย่างนี้ของเขามาก่อน “พ่อฝันร้ายจ้ะ..พ่อ เรียกหาลูกด้วย มีอะไรรึเปล่า เป็นห่วงลูกเหรอจ้ะ”

อติมาโอบกอดสามีเอาไว้แนบแน่นเป็นหลักให้เขาพักพิงกายเอนมาอย่างอ่อนแรง

“ไม่รู้สิ พ่อจำไม่ได้เลย แต่พ่อรู้สึกเป็นห่วงลูกเรายังไงก็ไม่รู้สิแม่”

พัชระมองภรรยาด้วยดวงตาสับสนจนหล่อนต้องปลอบให้เขาเบาใจ จิตใต้สำนึกที่คอยตามหลอกหลอนพัชระตลอดกว่ายี่สิบปีที่ผ่านมานับตั้งแต่ลูกชายของบ้านสีขาวหลังใหญ่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย พร้อมกับบิดาและมารดาของเด็กหนุ่มคนนั้นที่เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์อย่างไร้เบาะแส ชายชราไม่เคยคิดถึงมันอีกเลย แต่มาบัดนี้ ความทรงจำเหล่านั้นย้อนกลับเข้ามาหลอกหลอนเขาอีกครั้งยามที่ได้มองสบดวงตาคมกล้าของแขกคนใหม่ของบ้านต้นไม้..ลูกทัวร์คนแรกของลูกสาวของเขา

“พ่อเป็นห่วงลูก...แม่ พ่อจะทำยังไงดี”


**********************************************

ในขณะที่พัชระกระวนกระวายใจเพราะเป็นห่วงลูกสาวคนเดียวที่บัดนี้อยู่ไกลสายตาอย่างกังวล ชานนท์และเอรินก็กำลังเผชิญหน้ากันอยู่ในสถานการณ์ล่อแหลมในห้องพักส่วนตัวของเอรินภายในวิลล่าเนินเขาลับสายตาผู้คน

“ถ้าได้อยู่ห้องเดียวกันทั้งคืน จะอุ่นขนาดไหนกันนะ..เอริน”

ราวกับโลกทั้งโลกจะหยุดหมุนลงไปชั่วขณะ เอรินรู้สึกเหมือนร่างกายเบาหวิวยามเมื่อถูกชานนท์ประกบจูบที่ปากบางอย่างไม่ทันตั้งตัว ดวงตากลมโตเบิกกว้างอย่างตกใจกับกิริยาจู่โจมเอาแต่ใจของชายหนุ่มตรงหน้าที่อ่อนโยนจนเกินบรรยาย รู้สึกเหมือนร่างทั้งร่างกำลังอ่อนยวบ ยามเมื่อแผ่นหลังบางรับรู้ถึงสัมผัสจากฝ่ามือหนาที่ลูบไล้แผ่นหลังเนียนผ่านเสื้อนอนบางเบาอย่างปรารถนา

แล้วร่างทั้งร่างของสาวน้อยก็ถูกชานนท์อุ้มจนตัวลอยมาวางลงบนเตียงนุ่ม พร้อมกับที่ชายหนุ่มพาร่างกายใหญ่โตที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามขึ้นทาบทับ

“เธอสวยเหลือเกิน..เอริน ฉันปรารถนาในตัวเธอจนแทบบ้า”

น้ำคำหวานหูที่เอรินเคลิ้มเหมือนแทบจะลอยละล่อง ไม่มีปฏิกิริยาต่อต้านใดแม้สักนิดจนหล่อนเองยังนึกประหลาดใจ ชานนท์ยิ้มออกมาเล็กน้อยที่เอรินไม่มีปฏิกิริยาต่อต้านใดๆ ซึ่งเขาเข้าใจว่าหล่อนคิดตรงกันจึงถอนริมฝีปากออกอย่างอ้อยอิ่ง

“คืนนี้อยู่กับฉันที่ห้องนะ..เอริน”

ชานนท์ลูบไล้ริมฝีปากบางอย่างทนุถนอมจนเอรินที่ยังคงเคลิ้มไม่หายรู้สึกเหมือนหัวใจกำลังจะลอยละล่อง แต่คำพูดถัดมาของเขาที่สะดุดหูเข้าอย่างจังก็ทำให้หญิงสาวถึงกับเปลี่ยนสีหน้าโดยฉับพลันทันที

“ฉันชอบเธอ”

คำพูดแผ่วเบาข้างหูแทนที่เอรินจะรู้สึกดีใจกับความในใจที่เขาเพิ่งบอกออกมาเมื่อครู่ ทั้งที่หล่อนสัมผัสมันได้ถึงหัวใจของเขาที่ราวกับจะเต้นเป็นเสียงเดียวกัน “คุณบอกว่าชอบฉันเหรอคะ”

เอรินย้ำคำพูดชานนท์ด้วยสีหน้าฉงนจนชายหนุ่มถึงกับงงแต่ก็พยักหน้ารับคำอย่างไม่ทันคิด “ใช่..ฉันชอบเธอ ชอบเธอมากจริงๆ”

คำพูดย้ำคำของชานนท์ทำเอรินถึงกับผงะลุกขึ้นนั่งบนเตียงอย่างกระทันหันพร้อมทั้งผละออกห่างจากแผงอกเปลือยของเขาในทันที ขณะที่ชานนท์ได้แต่มองการกระทำของเอรินด้วยความไม่เข้าใจ

“คุณบอกว่าชอบฉัน..เพราะคุณปรารถนาในตัวฉันหมายความว่าคุณแค่อยากเอ่อ..นอนกับฉัน อยากให้ฉันอยู่กับคุณคืนนี้”

“คุณนอนกับผู้หญิงที่คุณบอกว่าชอบทุกคนรึเปล่าคะ ฉันเป็นหนึ่งในบรรดาผู้หญิงหลายคนของคุณเหรอคะ”

คำถามของเอรินที่มาพร้อมน้ำตาคลอหน่วยตาจนแทบจะหยาดหยด ทำเอาชานนท์ถึงกับใจหายวาบอย่างรู้ตัวว่าเผลอพูดคำที่ไม่ควรพูดแล้วมันก็เสียดแทงใจสาวน้อยเข้าให้แล้ว

“ไม่ใช่อย่างนั้นนะ เอริน ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น”

ชานนท์ยื่นมือเข้ามาหมายจะกอดสาวน้อยที่กำลังร้องไห้ตัวสั่นอยู่ตรงหน้าให้มาซบอก แต่เอรินสะบัดตัวหนีห่างพร้อมคำพูดที่เขาได้แต่อึ้งพูดไม่ออกสักคำ

“ขอบคุณนะคะ ฉันเกือบจะเผลอไปกับจูบของคุณเสียแล้ว ฉันจะอาบน้ำแล้ว ขอบคุณที่ทำให้ฉันรู้สึกตัว เชิญคุณเจ้านายกลับห้องเถอะค่ะ ไกด์อย่างฉันจะดูแลคุณให้เต็มความสามารถในวันนี้ ถ้าพร้อมแล้วกรุณาลงมารอที่หน้าหาดของรีสอร์ทแปดโมงตรงนะคะ เชิญค่ะ...โน่นประตู”

สรรพนามคำพูดที่เปลี่ยนไปของเอริน ทำเอาชานนท์ถึงกับเซ็งที่หล่อนเข้าใจเจตนาเขาผิด ครั้นจะเอ่ยปากอธิบายก็คงเปล่าประโยชน์เพราะหล่อนคงไม่ฟังคำเขาอีกเช่นกัน

แล้วเอรินก็ลุกจากเตียงทั้งที่สภาพผมเผ้ายุ่งเหยิง หญิงสาวจัดแจงเสื้อแสงที่ถูกขยำจนยับย่นให้เข้าที่แล้วคว้าผ้าขนหนูสีขาวสะอาดตาที่วางอยู่บนโต๊ะข้างโทรทัศน์พร้อมอุปกรณ์ชำระล้างร่างกายโดยไม่สนใจชานนท์ที่ได้แต่ยืนอึ้งเลยแม้แต่น้อย ก่อนจะเปิดประตูให้ชายหนุ่มออกไปโดยไม่มองหน้ามองตา ชานนท์ได้แต่มองตามการกระทำของเอรินอย่างฮึดฮัดขัดใจที่หล่อนไม่เข้าใจ จึงได้แต่เดินคอตกออกไป แต่ก่อนที่จะไปก็ปรายตามองหล่อนครู่หนึ่งด้วยสายตาละห้อย

“ฉันพูดอะไรผิดไปตรงไหน เธอถึงเข้าใจแบบนั้น..เอริน”

ไม่วายที่ชายหนุ่มจะดันประตูไว้ก่อนที่หล่อนจะปิดประตู เอรินหลบสายตาแล้วพูดด้วยถ้อยคำห่างเหินที่ทำเอาเขาถึงกับฉุนจัด

“กลับไปคิดดูเอาเองเถอะค่ะ เจอกันแปดโมงตรงนะคะ”

ทันทีที่เสียงประตูปิดดังสนั่นต่อหน้า ชานนท์ถึงกับทุบกำแพงด้วยด้วยความโมโหที่ทุกสิ่งไม่เป็นไปอย่างที่เขาคิด เอริน...สาวน้อยที่อยู่หลังบานประตูไม้สลักหนาบานนั้น คือผู้หญิงที่เขาอยากจะผูกพันหล่อนเอาไว้ด้วยหัวใจ ชีวิต และอิสรภาพของเขา ก่อนที่หล่อนจะต้องผันแปรกลายเป็นอื่นถ้าหาก..รู้


****************************************

ตลอดการเดินทางในวันนี้ตั้งแต่เช้าจนถึงบ่ายคล้อย เอรินและชานนท์พูดจากันแทบจะนับคำได้ หญิงสาวอธิบายแต่ละจุดที่เรือสปีดโบ้ทส่วนตัวนำทางไปตามประสาไกด์ผู้ซึ่งผ่านการอบรมและเรียนรู้มาอย่างชำนาญ

“จุดนี้อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะค่ะ เรียกว่าอ่าวม่วง เป็นจุดที่น้ำทะเลสวยใสมาก และปะการังอุดมสมบูรณ์มากกว่าอีกด้านหนึ่งของเกาะเช่นกัน คุณดำดูปะการังก็ได้จุดนี้เยอะมากเช่นกัน ปลาที่นี่ก็เยอะมีทั้งปลาการ์ตูน ปลา..”

ชานนท์ได้แต่รับฟังด้วยหน้าตานิ่งสนิท ไม่ได้ใส่ใจอะไรนักแล้วพูดขัดหล่อนขึ้นมาเสียอย่างนั้น “พอเถอะ ไม่ต้องอธิบายแล้ว..คุณไกด์” น้ำเสียงแข็งๆที่สวนคำของเอรินที่ยังอธิบายไม่จบทำเอาเอรินหน้าเสีย

ชายหนุ่มกระชับแว่นกันน้ำพร้อมท่อช่วยหายใจแล้วกระโดดลงไปทันทีโดยไม่สนใจเอรินเลยแม้แต่น้อย ทำเอาหญิงสาวอึดอัดจนอกใจแทบจะระเบิดกับสงครามเย็นที่เขาและเธอต่างคนต่างก่อ ชานนท์มีท่าทีหมางเมินหล่อนกว่าที่เคย จนเอรินได้แต่ทอดถอนใจมองชายหนุ่มดำผุดดำว่ายในน้ำอย่างเสียใจ

“คุณสองคนเป็นแฟนกันเหรอครับ ดูแปลกๆไม่เหมือนไกด์กับลูกทัวร์ พวกคุณดูเหมือนคนเป็นแฟนทะเลาะกัน”

ชีวิน...คนขับเรือจำเป็นที่ทอดสมอเรือแล้วมานั่งอยู่เบาะที่ไม่ไกลจากเอรินมากนักเอ่ยถามเอรินที่กำลังจิตใจล่องลอยไปยังชายหนุ่มที่กำลังดำผุดดำว่ายอยู่ในน้ำอย่างเหม่อลอย

“เปล่านะคะ..ฉันไม่ได้เป็นแฟนกับเค้า คุณเข้าใจผิดแล้วค่ะ”

เอรินปฏิเสธด้วยน้ำเสียงร้อนรนใบหน้าแดงซ่านจนชีวินถึงกับหัวเราะออกมาเบาๆ “อย่าเรียกผมว่าคุณเลยครับ เรียกพี่ดีกว่า ผม..ชีวิน เรียกพี่วินก็ได้นะ”

ชีวินยื่นมือมาให้เอรินสัมผัสมือตอบ หญิงสาวยื่นมือมาสัมผัสความเป็นมิตรของเขาอย่างเก้ๆกังๆ ซึ่งการกระทำทั้งหมดอยู่ในสายตาของชานนท์ที่กำลังเกาะราวบันไดท้ายเรือจะขึ้นมาพอดิบพอดี

“ค่ะ ก็ได้..พี่วิน แต่ฉันไม่ได้เป็นแฟนกับลูกทัวร์ของฉันจริงๆค่ะ ฉันแค่..ทำไปตามหน้าที่เท่านั้นเอง” เอรินปฏิเสธแก้เก้อ ชีวินยิ้มบางๆก่อนจะตอบคำที่หล่อนถึงกับหน้าแดง

“เห็นลุงกองบอกว่าคุณมากับแฟน ดูน่ารักกันดีนี่ครับ เค้าดูเทคแคร์คุณนะ”

ชีวินยิ้มให้หญิงสาวบางๆ ฉับพลันสายตาก็เหลือบเห็นชานนท์ที่ขึ้นมาถึงบนเรือพอดีด้วยหน้าตาบอกบุญไม่รับ “เหรอคะ..ไม่มั้ง”

เอรินโบกมือปฏิเสธ โดยไม่ทันเห็นชานนท์เดินเข้ามาใกล้ แล้วกระแทกตัวนั่งข้างหญิงสาวแทบจะเบียดชิดใกล้ทั้งที่ภายในเรือกว้างพอจะนั่งได้เป็นสิบคน

ชีวินเห็นดังนั้นจึงรีบลุกไปประจำที่นั่งคนขับไม่พูดอะไรต่อ พร้อมแสยะยิ้มอย่างสมใจที่วางระเบิดในใจให้ใครบางคนสำเร็จจนได้

“อะไร..คุณ เปียกหมด มานั่งทำไมใกล้ขนาดนี้เล่า”

เอรินหันไปเหน็บชานนท์ที่นั่งเบียดจนแทบนั่งตักกันได้แล้วอย่างเคืองๆ ชานนท์ทำทีเป็นสะบัดผมใส่สาวน้อยข้างกายอย่างหมั่นไส้

“ไม่ได้หรอก เดี๋ยวมีแมวขโมยมาวอแว ฉันหวงของของฉัน”

คำพูดเรียบๆค่อนข้างกระด้างของชานนท์ทำเอาเอรินถึงกับหน้าแดงอย่างอึ้งๆ หญิงสาวเหลือบมองชีวินที่กำลังจะออกเรือโดยไม่มีทีท่าสนใจใดๆแล้วจึงได้แต่ถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนจะกระทุ้งสีข้างชายหนุ่มไปทีอย่างขุ่นเคือง

“นี่แน่ะ..ของของฉันพูดออกมาได้” เอรินเหลือบตามองอย่างไม่พอใจพร้อมคำพูดเหน็บแนม “โอ๊ย..อะไรเอริน”

ชานนท์ทำทีเสียงอ่อนเสียงหวานอ้อนสาวน้อยให้ชีวินได้ยิน ทำเอาชีวินได้แต่มองผ่านกระจกมองหลังอย่างสมใจอีกครั้งอย่างนึกรู้

“พูดมั่ว..”

ยังไม่ทันที่เอรินจะได้โวยวาย ชีวินก็เร่งเครื่องกระโจนออกไปอย่างแรงทำเอาสาวน้อยถึงกับหงายหลังเอนไปซบตักชานนท์ที่นั่งติดกันพอดี ชานนท์ได้แต่โอบกอดสาวน้อยเอาไว้อย่างเนียนๆ

“ระวัง นั่งดีๆหน่อยสิ..คุณไกด์ที่รัก”

ชานนท์ถูกใจที่ได้กอดเนื้อนุ่มนิ่มตรงหน้าอย่างเนียนๆ แต่ยังคงทำหน้านิ่งแสยะยิ้มอย่างน่าหมั่นไส้ในสายตาเอรินไม่น้อย หล่อนจึงได้แต่เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันยังโกรธเขาไม่หาย

“ไม่ต้องมาทำพูดดี โกรธกันอยู่...ปล่อย..ไม่ต้องมาจับด้วย ไม่ต้องมาหวง ไม่ต้องมาใกล้ในระยะหนึ่งเมตร ไม่ได้เป็นอะไรกัน”


***********************************************

แล้วชานนท์ก็ทำตัวห่างเหินสมใจอยากสาวน้อยจนได้ เมื่อเอรินต้องมานั่งอยู่คนเดียวในมุมหนึ่งของบาร์อย่างนึกเซ็งสุดชีวิต ชานนท์ที่ตอนแรกว่าจ้างรถของรีสอร์ทให้มาส่งเขาและหล่อนที่บาร์ในตัวเมืองแถวหาดทรายรีเพื่อหามื้อใหญ่ทานในตอนค่ำ ก็มาเจอเข้ากับชาลีสาวสวยสัญชาติยุโรปโดยบังเอิญแล้วพากันออกไปเต้นสโลว์ซบกันอยู่กลางฟลอร์โดยไม่สนใจหล่อนแม้แต่น้อย

“เฮ้อ..ดีแล้วล่ะ เอริน เธอปลอดภัยแล้ว เค้าก็แค่ชอบเธอไม่ได้รักเธอซะหน่อย เป็นอย่างนี้แหละดีแล้ว”

เอรินพร่ำบ่นพึมพำกับตัวเองพร้อมกระดกไวน์สัญชาติยุโรปราคาแพงที่ชานนท์สั่งมาไว้ที่โต๊ะยังไม่ทันจะดื่มก็เจอเข้ากับชาลีสาวสวยเสียก่อน

“ฉันจะกินให้หมดเลย เต้นกันไปให้อิ่ม ข้าวปลา ไวน์เวยอะไรก็ไม่ต้องกินแล้ว ฉันกินเองก็ได้..เชอะ”

สาวน้อยในชุดสายเดี่ยวสีดำสวมทับด้วยเสื้อเอวลอยสีขาวกับกางเกงสีดำขาบานเหนือเข่าเริ่มจะทรงตัวไม่อยู่ สายตาเชื่อมมองไปยังคู่ชาลีแองเจลอย่างนึกหมั่นไส้จนแทบจะเป็นบ้าตาย “เฮอะ..เต้นแนบชิดขนาดนี้ ทำไมไม่จูบกันไปเลยเล่า ขัดหูขัดตาชะมัด ฮึ”

ในที่สุดเอรินที่นั่งจ้องคู่ชาลีแองเจลด้วยสายตาพร่าเลือนเริ่มจะปิดเพราะฤทธิ์ไวน์ชักจะเริ่มทนดูไปไม่ไหว แล้วเอรินก็เดินสะเปะสะปะออกไปจากบาร์แห่งนั้นด้วยร่างกายที่แทบจะทรงตัวไม่อยู่จนชนเข้ากับร่างหนาใครบางคนที่โอบกระชับหล่อนเอาไว้ในทันทีที่เกือบจะล้มลงไป

“คุณ..ทำไมเมาขนาดนี้ล่ะครับ แล้วแฟนคุณล่ะเขาไปไหน”

น้ำเสียงที่ดูจะเป็นห่วงเป็นใยพร้อมถ้อยคำอาทรจากคนมาใหม่ ทำเอาเอรินปรือตามองชายหนุ่มที่ช่วยหล่อนเอาไว้ เมื่อเห็นว่าเป็นใครเอรินจึงร้องขอความช่วยเหลือในทันที


“แฟนเฟินที่ไหน ไม่มี๊...ไปส่งฉันหน่อยน๊า...พี่วิน”


ชีวินก้มมองดูสาวน้อยที่ทรุดลงอย่างทรงตัวไม่อยู่ในอ้อมกอดของตนด้วยสายตาเชื่อมพลางฉีกยิ้มกว้างถูกใจก่อนจะพาไปยังรถเอทีวีคู่ใจที่จอดอยู่มุมหนึ่งไม่ไกลจากบาร์นัก...


************************************************

ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านค่ะ ^____^





lovereason
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 25 พ.ค. 2557, 10:51:10 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 25 พ.ค. 2557, 10:51:46 น.

จำนวนการเข้าชม : 1436





<< การเดินทางอันแสนหวาน..และเค้าลางของความยุ่งยาก 2   อุ่นกาย..อุ่นใจ >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account