สัญญารัก...ข้ามฟ้า (สนพ ดอกหญ้า 2000)
เอริน..ว่าที่มัคคุเทศก์คนใหม่วัย 25 ปี ที่โชคชะตานำพาให้พบกับใครบางคนที่แดนไกลในครั้งอดีต และต้องจากกันไป
ชานนท์..นักธุรกิจหนุ่มใหญ่วัย 35 ปี เขากำลังกลับมาตามหาอดีตที่หายไปหลังจากปล่อยเธอไปเมื่อหนึ่งปีก่อน พร้อมกับมาทวงสัญญารักที่จะทำให้เธอต้องจนมุม...อีกครั้ง
ชานนท์..นักธุรกิจหนุ่มใหญ่วัย 35 ปี เขากำลังกลับมาตามหาอดีตที่หายไปหลังจากปล่อยเธอไปเมื่อหนึ่งปีก่อน พร้อมกับมาทวงสัญญารักที่จะทำให้เธอต้องจนมุม...อีกครั้ง
Tags: สัญญารัก...ข้ามฟ้า , รักโรแมนติก , ซึ้งกินใจ
ตอน: อุ่นกาย..อุ่นใจ
อุ่นกาย...อุ่นใจ
ชานนท์กลับมายังโต๊ะที่เขาและเอรินนั่งอยู่เมื่อกว่าชั่วโมงที่แล้วอย่างเหน็ดเหนื่อย สาวสวยชาลียังคงคล้องแขนตามติดอย่างสนิทสนมไม่ห่างจนชายหนุ่มได้แต่อึดอัดที่มันชักจะสมจริงมากจนเกินไป ยิ่งเมื่อเดินมาถึงที่โต๊ะไม่พบยัยกุหลาบชมพูนั่งรออยู่ มีเพียงโทรศัพท์มือถือที่วางตั้งเอาไว้ทำเอาชานนท์นึกเป็นห่วง สายตาสอดส่องมองหาพลางหันรีหันขวางอย่างสงสัย
“ไปไหนนะเด็กคนนี้ เอ่อ..ขอบคุณนะชาลี ผมสนุกมากวันนี้คงต้องขอตัวก่อน”
ชานนท์แกะมือปลาหมึกของสาวสวยออกอย่างสุภาพ พร้อมทั้งยิ้มบางๆอย่างเกรงใจที่เขาใช้หล่อนเป็นเครื่องมือแกล้งเอรินจนลืมนึกถึงจิตใจของสาวน้อยที่หายตัวไปไหนแล้วก็ไม่รู้
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันก็สนุกเหมือนกัน แต่ฉันรู้สึกผิดนิดหน่อยนะ แฟนคุณดูท่าจะหวงคุณน่าดู ฉันแอบเห็นเธอหึงคุณ ดื่มเอาๆ ป่านนี้คงเมาแย่แล้วค่ะ บายนะคะ คุณก็รีบไปตามเธอล่ะ”
ชาลีส่งจูบให้ชานนท์อย่างเย้ายวนใจ ชายหนุ่มได้แต่โบกไม้โบกมือให้หล่อนอย่างขอบคุณ แล้วถามพนักงานเสิร์ฟที่กำลังเดินผ่านมาพอดีด้วยความอยากรู้
“น้องๆ เห็นผู้หญิงน่ารักๆ ที่มากับผมมั๊ย เอ่อ ผมหน้าม้าแค่นี้ ผูกเปียหางเดียวสูงๆน่ะ”
ชานนท์เอ่ยถามพนักงานเสิร์ฟพร้อมทำท่าทางประกอบอย่างร้อนรนนิดๆ ทันทีที่เห็นสีหน้าอึกอักของพนักงานเสิร์ฟ ก็ถอนหายใจเฮือกก่อนจะควักธนบัตรสีแดงสองสามใบยื่นให้เป็นสินน้ำใจ พนักงานเสิร์ฟรับมาอย่างขอบคุณก่อนจะกระซิบบอกข้อมูลบางอย่าง “ห๊ะ!! อะไรนะ...ตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วไปทางไหน”
ชานนท์ระล่ำระลักถามอย่างตกใจ สีหน้าวิตกกังวลอย่างเห็นได้ชัด เมื่อได้ข้อมูลจากเด็กเสิร์ฟแล้วจึงวิ่งออกไปอย่างไม่คิดชีวิตตามทิศทางที่คิดว่าเอรินไป
ทางด้านเอริน หลังจากที่เจอชีวินที่หน้าบาร์ เขาทำทีไม่เต็มใจไปส่งแต่ก็ประคองร่างบอบบางที่เมามายแต่ก็ยังพอมีสติอยู่บ้างมาขึ้นรถเอทีวีที่จอดอยู่ไม่ไกลจากบาร์นัก ชีวินประคองสาวน้อยที่กำลังเคลิ้มใกล้จะหลับมิหลับแหล่ให้พิงหลังเขาอย่างอ่อนแรงอยู่ด้วยมือข้างเดียว ก่อนจะออกรถช้าๆ โดยมีชานนท์ตามมาเห็นหลังเอรินลิบๆ ครั้นจะเรียกไว้ก็ไม่ทัน ได้แต่มือไม้เย็นเฉียบด้วยความเป็นห่วงยัยกุหลาบชมพูที่ตนเองแสนจะทะนุถนอมกลัวจะเป็นอันตราย
“คุณ!! หยุด หยุดก่อน...ผมขอเช่าเอทีวีของคุณเดี๋ยวนี้ เอานี่..เอาเงินไปเลยแล้วเอารถมาเร็วๆ”
ชานนท์ยัดเงินปึกพอสมควรใส่มือให้นักท่องเที่ยวที่ขับผ่านมาพอดีโดยฝ่ายตรงข้ามถึงกับงงจับต้นชนปลายไม่ถูก เมื่อโดนแย่งรถหน้าตาเฉย
“เฮ้!! อะไรกันคุณ” ชายแปลกหน้าพยายามทักท้วงแต่ชานนท์ไม่ฟังความใดๆ กลับขึ้นไปนั่งแทนที่แล้วก้มศีรษะเป็นการขอร้องอยู่หลายครั้ง
“ขอโทษจริงๆ ช่วยผมสักครั้งเถอะนะ นี่นามบัตรผม อ้อ...นามบัตรรีสอร์ทด้วยผมพักอยู่ที่วิลล่าเนินเขา คุณค่อยไปเอารถคืนพรุ่งนี้ละกันนะ ผมค่อยตอบแทนคุณอย่างงามเลย”
ชานนท์กำชับชายเจ้าของรถที่ได้แต่ยืนจับต้นชนปลายไม่ถูกมองธนบัตรไทยในมือหลายใบค่าที่ถูกฉกรถไปต่อหน้าอย่างงงๆ
////////////////////////////////
คืนเดือนมืดท่ามกลางเส้นทางสายหลักบนเกาะที่ค่อนข้างแคบ รถเอทีวีขับไปอย่างไม่เร็วนัก เพราะชีวินต้องคอยกระชับแขนเอรินจากทางด้านหลังด้วยความหงุดหงิดหญิงสาวที่เคลิ้มหลับโอนไปเอนมาอย่างน่าหวาดเสียว ทำให้เขาเร่งทำเวลาไม่ได้
“คุณ นั่งดีๆสิครับ ผมกำลังจะพาคุณไปส่งนะ”
ชีวินตะคอกเสียงใส่เอรินที่ทุบไหล่ของเขาหลายต่อหลายครั้ง ทันทีที่เห็นรถเลี้ยวไปยังหนทางที่แปลกตา ไม่ใช่ทางที่ไปรีสอร์ทของตน
“พี่วิ๊น..ทำไมมาทางนี้ล่ะ พี่วิน”
น้ำเสียงอู้อี้ของเอริน ทำให้ชีวินนึกรู้ว่าหล่อนอาจจะรู้ตัวแล้ว จึงได้แต่ใช้น้ำเย็นเข้าลูบแต่เร่งเครื่องให้เร็วขึ้นมาอีกนิดโดยไม่ให้เอรินรู้ตัว “พี่พามาทางลัด ใจเย็นๆนะเดี๋ยวถึงแน่”
เสียงเข้มกลั้วหัวเราะของชายหนุ่มด้านหน้า ทำเอาเอรินเริ่มจะหวาดกลัวพยายามมองทางซ้ายขวาหาทางหนีทีไล่โดยแทบจะหายเมาเป็นปลิดทิ้ง
“แถวนี้มีทางลัดที่ไหนล่ะพี่วิน ฉันเคยมาบ่อยๆ ไม่มีซักหน่อย หยุดเดี๋ยวนี้นะพี่วิน”
เอรินเริ่มใจคอไม่ดีโวยวายเสียงดังทำเอาชีวินรีบเร่งเครื่องให้เร็วขึ้นไปอีก แต่ก็ยังทำความเร็วไม่ดีนัก ทันใดนั้นเสียงกระหึ่มของรถเอทีวีอีกคันก็ขับใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็ว ชีวินเห็นท่าทางไม่ชอบมาพากล จึงได้แต่เร่งเครื่องเร็วขึ้นไปอีกสุดตัว
“เร็วเกินไปแล้วพี่วิน หยุดเดี๋ยวนี้นะ ไม่อย่างนั้นฉันจะร้องให้คนช่วย” เอรินโวยวายกรอกหูชีวินที่กำลังเพ่งทางแคบค่อนข้างมืดด้านหน้า ทำเอาชายหนุ่มถึงกับตวาดเสียงดัง
“โธ่..คุณเอริน ผมชักจะไม่สนุกแล้วนะ ยุกยิกอยู่ได้ อยู่นิ่งๆได้มั๊ย”
ชีวินเสียงเขียวใส่เอรินจนหญิงสาวถึงกับเงียบ ในขณะที่ชีวินเลี้ยวรถขึ้นทางเนินเขาขรุขระด้านซ้ายอย่างเร็วไปอย่างชำนาญทาง เอรินเหลือบตามองไปยังด้านหลังพบว่าเป็นชานนท์ที่บึ่งเอทีวีตามมาถึงกับดีใจร้องเรียก
“คุณอเล็กซ์!! ช่วยด้วย ช่วยฉันด้วยค่ะ”
ชานนท์ที่ตามมาเกือบจะทันได้ยินเสียงเอรินร้องเรียกด้วยความตระหนกถึงกับเบรคตัวโก่งก่อนจะรีบเลี้ยวตามไปอย่างฉวัดเฉวียนเพราะไม่ชำนาญทางขึ้นเนินขรุขระ
“หยุด!! หยุดเดี๋ยวนี้”
น้ำเสียงกร้าวกราดเกรี้ยวของชานนท์ที่ตะโกนเสียงดังตามหลัง ทำเอาชีวินรีบเร่งเครื่องให้เร็วขึ้นผ่านทางเดินขรุขระลาดชันที่คดโค้งผ่านสวนผลไม้เล็กลงๆ อย่างน่าหวาดเสียว
“ไอ้นี่!!..ไม่หยุดใช่มั๊ย”
เมื่อเห็นว่ารถคันข้างหน้าที่มีเอรินนั่งโอนเอนไปมายังคงไม่ยอมหยุด ชานนท์ตัดสินใจเร่งเครื่องให้เร็วขึ้นจนมาทันกันในที่สุด
“เฮ๊ย!! ตามมาทำไมวะ หมูจะหามจะเอาคานเข้ามาสอดทำไม!!” น้ำเสียงสบถเป็นระยะของชีวิน ที่ยังคงขับคู่คี่สูสีกันกับชานนท์อย่างรีบเร่ง เอรินถึงกับสะบัดศรีษะอย่างแรงเรียกสติ
ทันทีที่ชานนท์เห็นเอรินเหลียวมามองเขาที่ขับขนาบข้างด้วยแววตาละห้อยอย่างน่าสงสารก็ถึงกับทนไม่ไหว ตะโกนเรียกเสียงดังลั่นป่าอีกครั้ง “หยุดรถนะเว้ย!! ฉันบอกให้จอด เอาเธอคืนมาให้ฉัน”
“พี่วินจอดรถเดี๋ยวนี้ นี่มันไม่สนุกแล้วนะ ฉันจะลง หยุด!!”
เสียงตะโกนแข่งกับเสียงรถดังกระหึ่มของสาวน้อยที่นั่งอยู่ด้านหลังทำให้ชีวินที่เห็นท่าจะจวนตัว ก็ถึงกับสบถออกมาอย่างหัวเสีย ไม่ได้อยากมีเรื่องให้เสียชื่อไปทั่วเกาะเพราะใบสั่งจากใครบางคนจึงหยุดรถลงอย่างง่ายๆทำเอาชานนท์ถึงกับงงงวยกับการกระทำที่แปรเปลี่ยนไปง่ายๆของเขา
“โธ่..คุณครับ ผมก็นึกว่าใคร คนกันเองแท้ๆ ผมจะไปส่งเธอแต่เห็นคุณขับมายังกะพายุ โธ่..นึกว่าคนบ้าที่ไหนขับตาม ผมกลัวเธอจะเป็นอันตรายก็เลยขับพาเธอหนี ไม่เป็นอะไรนะคุณเอริน ผมส่งคุณแค่นี้ก็แล้วกันนะครับแฟนคุณมาตามแล้ว”
ชีวินยักคิ้วให้ชานนท์พร้อมรอยยิ้มแสยะมุมปากอย่างกวนสุดขีด ชานนท์ลงจากรถมาดึงแขนเอรินในทันทีที่เห็นสีหน้าท้าทายของชีวินที่มองมายังเขาอย่างเอาเรื่อง เท่านั้นไม่พอยังลูบต้นขาเรียวสวยของเอรินเบาๆโดยที่หญิงสาวไม่ทันได้รู้ตัว ทำเอาชานนท์ยิ่งฉุนจัด แล้วคว้าแขนเอรินอย่างแรงด้วยความโมโห
“ลงมานี่..เอริน กลับ!!”
น้ำเสียงเข้มของชานนท์ที่แสดงออกทั้งหวงทั้งห่วงไม่อยากให้ใครมาแตะต้องยัยกุหลาบชมพูของเขาแม้แต่ปลายเล็บ ทำเอาเอรินหน้าเสียก่อนจะเดินตามหลังมาเงียบๆ
“โอ้ว..พระเอกมากเลยคุณ ทำตัวหวงก้างซะด้วย ระวังล่ะ..อย่าเผลอปล่อยปลาน่ารักๆ หลุดมืออีกก็แล้วกัน เดี๋ยวหลุดแล้วหลุดเลยตามกลับไม่ได้อีกแล้วจะหาว่าไม่เตือน”
คำพูดท้าทายของชีวินพร้อมเสียงปรบมือท้าทาย ทำเอาชานนท์ต้องฉุนจัดอีกรอบจะหันไปเอาเรื่อง แต่ชีวินโบกมือท้าทายให้ก่อนจะขับรถจากไปท่ามกลางความมืดที่มีเพียงแสงสว่างจากไฟหน้ารถเพียงเล็กน้อย ชานนท์และเอรินมองตามชีวินไปจนลับสายตาก่อนจะหันมาสบตากันแล้วก็เป็นเอรินที่พูดออกมาด้วยความน้อยใจ
“ตามมาทำไม เมื่อกี้เห็นกำลังเต้นสโลว์ซบกันอยู่กับแม่ชาลีแองเจลไม่ใช่เหรอ พี่วินเค้าจะไปส่งฉันไม่ได้พาไปไหนสักหน่อย”
เอรินสบถอ้อแอ้ทันทีที่หายจากอาการตกใจก็เริ่มกลับมามีอาการอย่างกับคนยังเมาไม่สร่าง ชานนท์มองสาวน้อยตรงหน้าอย่างนึกโมโหได้แต่นับหนึ่งถึงสิบแล้วอุ้มโอบเอวบางของสาวน้อยขึ้นมานั่งหน้าก่อนที่ตัวเองจะตามขึ้นมานั่งประกบแนบชิดแล้วขับรถออกไปจากทางขรุขระอย่างทุลักทุเล
“ถ้ามาไม่ทันจะได้พูดดีอย่างนี้มั๊ย หื้อ ชักจะทนไม่ไหวแล้วนะเอริน”
“ปล่อยนะ!! ไม่ต้องมากอดมารัดเอวฉันเลย ปล่อยหายใจไม่ออก” เอรินหัวใจเต้นโครมคราม แถมยังดิ้นขลุกขลักหนีอ้อมกอดที่รัดแน่นของเขาอย่างโมโห ชานนท์ที่บังคับรถมือเดียวได้แต่ยิ่งกระชับหล่อนให้แนบชิดมากกว่าเดิม
“อย่าดิ้นสิ..เอริน เดี๋ยวก็ล้มกันทั้งคนทั้งรถหรอก” เสียงตวาดอย่างแรงที่ชานนท์โวยออกมาทำเอาเอรินถึงกับหยุดดิ้นได้อย่างชะงัดนัก ก่อนที่ชายหนุ่มจะกระซิบข้างหูจนหล่อนถึงกับขนลุก
“หยุดดิ้นได้มั๊ย นั่งนิ่งๆสิ”
“เธอได้ยินมั๊ย..เอริน” เสียงกระซิบแผ่วเบาแนบหูเอริน ทำเอาสาวน้อยถึงกับงุนงงแต่ไม่วายสะท้านกับสัมผัสจากริมฝีปากหนาที่ขบเม้มติ่งหูบางเข้าให้ ทำเอาเอรินแทบจะหายเมาเป็นปลิดทิ้ง
“อะ..อะไร ได้ยินอะไรคะ”
เสียงสั่นแทบจะควบคุมตัวเองไว้ไม่ได้ เมื่อชานนท์ที่ขับรถไปมือเดียวแต่อีกมือก็ยังไม่วายซุกซนลูบไล้หน้าท้องแบนราบผ่านเสื้อเอวลอยตัวสั้นของหล่อน
“เสียงหัวใจฉัน...มันกระซิบบอกว่า..รักเธอ”
************************************************
กรณ์สะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึกด้วยสภาพเหงื่อโทรมกายทั้งที่ภายในห้องพยาบาลแอร์เย็นฉ่ำ ชายหนุ่มเพ่งมองไปยังสาวสวยที่นอนหลับคู้อย่างหนาวเหน็บบนเตียงอย่างเบื่อหน่าย
“เวลานอนค่อยยังชั่วหน่อยนะ..แม่เสือสาว”
ชายหนุ่มเอื้อมหยิบผ้าห่มที่กองอยู่ปลายเท้าของสาวขี้ร้อนขึ้นมาห่มคลุมให้ราเชลอย่างเบามือ แล้วเดินมาหยิบโทรศัพท์มือถือออกไปยังระเบียงห้อง เกือบสิบห้านาทีกว่าจะเข้ามาภายในห้องพยาบาลอีกครั้ง ปากก็ยังคงขมุบขมิบพึมพำไม่หยุด
“ทำไมไม่รับโทรศัพท์นะ..ยัยดื้อเอ๊ย ไม่รู้รึไงว่าคนเค้าเป็นห่วง”
“นี่..คนจะนอน หยุดพล่ามได้มั๊ย จะมาเฝ้าก็ให้มันดีๆหน่อย น่ารำคาญจริง” ราเชลเหลือบตามองกรณ์ที่ถึงกับชะงักทันทีที่ได้ยินเสียงแหวจากคนที่เขาคิดว่านอนหลับอยู่
“รู้แล้ว...จะนอนเดี๋ยวนี้แหละ คุณก็อย่านอนให้มันดิ้นมากนัก”
“ทำไม เกี่ยวอะไรกับฉันจะนอนดิ้นไม่ดิ้นก็เรื่องของฉัน” ราเชลโวยทันทีที่กรณ์ทำหน้าเบ้ใส่ แล้วทำไม่สนใจล้มตัวลงนอนเตียงคนเฝ้า
“ก็มันรำคาญลูกตา เข้าใจมั๊ย นอนได้แล้ว พูดมาก”
“ไอ้..ไอ้บ้านี่ เชอะ”
ราเชลล้มตัวลงนอนคลุมโปงตัดความรำคาญแล้วตะแคงหันหลังให้กรณ์ที่มองมาอย่างนึกขำคนเอาแต่ใจ แต่กรณ์ก็ยังหงุดหงิดไม่หาย ที่ไม่สามารถติดต่อเอรินได้อย่างใจหมาย จิตใจร้อนรุ่มกระวนกระวายราวกับมีไฟกองใหญ่สุมอยู่ถึงกับเครียด ทำให้เขาต้องผุดลุกผุดนั่งอย่างหงุดหงิดใจอยู่ตลอดทั้งคืนไม่สามารถข่มตาให้หลับลงได้เลยแม้แต่น้อย...
***********************************************
ท่ามกลางความมืดสลัวและบรรยากาศเป็นใจภายในห้องพักของวิลล่าส่วนตัวบนเนินเขา มีเพียงแสงสะท้อนของไฟภายในสระว่ายน้ำที่น้ำกระเพื่อมพลิ้วไหวยามต้องลมประจำฤดูที่พัดผ่านมาเป็นระยะ ชานนท์และเอรินยืนประจันหน้ากันในระยะประชิดด้วยสายตาระริกวูบไหว แล้วชานนท์ก็เป็นฝ่ายเอ่ยทำลายความเงียบ
“ฉันรักเธอนะ..เอริน ฉันปรารถนาเธอ ฉันทนไม่ไหวอีกแล้ว ให้ฉันรักเธอ..ได้มั๊ย” ชานนท์จูบไล้แผ่วเบายังแก้มซ้ายข้างใบหูนุ่ม มือหนาบรรจงปลดสายเดี่ยวสีดำของสาวน้อยอย่างช้าๆ ทีละข้าง ทีละข้าง
“ฉะ..ฉันกลัว ฉันคือ...ฉันไม่” มือน้อยสั่นระริกกำแน่นอยู่ข้างตัวอย่างตัดสินใจไม่ได้ ชานนท์ได้แต่มองแววตาสั่นระริกอย่างรักใคร่หลงใหลพร้อมกระซิบเบาๆจนหล่อนถึงกับเคลิ้ม
“แก้มของเธอ ตาของเธอ จมูกรั้นๆของเธอ ริมฝีปากหวานหอมของเธอ ลำคอระหงของเธอ ร่างกายของเธอ...เป็นของฉัน..เอริน ไม่ว่าจะเมื่อก่อนหรือตอนนี้ เธอก็เป็นของฉันคนเดียวเท่านั้น...แค่ฉันเท่านั้น”
ภายในพูลวิลล่าส่วนตัวบนเนินเขาอันเงียบสงบยามเช้า ชานนท์และเอรินอิงแอบแนบชิดกันบนเตียงสีขาวหลังใหญ่ เอรินยังคงหลับใหลในขณะที่ชานนท์ลูบไล้เรียวแก้มนวลใสอย่างรักใคร่ พร้อมกระซิบแผ่วเบา
“รักเธอนะเอริน ไม่รู้นานแค่ไหน แต่ฉันรู้ว่ามันนานเกินกว่าตอนที่เราเจอกันที่ลอนดอน อย่าเสียใจถ้าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้ เราจะฝ่าฟันมันไปพร้อมกัน...เธอพร้อมที่จะเดินทางไปด้วยกันกับพี่มั๊ย..ยัยตัวเล็ก หึหึ..ยัยตัวเล็ก คำนี้ไม่ได้พูดนานจนลืมไปแล้วนะ...เธอจำได้มั๊ย”
ชานนท์ถามคนนอนหลับไม่รู้ด้วยน้ำเสียงสั่นพร่า มือหนาโอบกอดรอบเอวเล็กเอาไว้อย่างหวงแหน
“อย่ากลัวที่จะรักฉัน เพราะฉันเป็นของเธอแล้วในตอนนี้ ฉันเป็นของเธอทั้งร่างกาย..และจิตใจ”
**************************************
เวลาของเช้าวันใหม่ผ่านไปกว่าค่อนวันด้วยความสุขสันต์อิ่มเอมใจในอ้อมกอดของกันและกัน ชานนท์กอดกระชับร่างน้อยไว้ในอ้อมกอด นานเท่าใดไม่รู้กว่าที่เอรินจะรู้สึกตัวตื่นมาพบชานนท์จ้องตาปรอยอยู่อย่างรักใคร่
“ตื่นแล้วเหรอ...ที่รัก ฝันดีมั๊ยเมื่อคืน” ชานนท์เลื่อนใบหน้าเข้ามาเอาจมูกชนจมูกรั้นของสาวน้อยอย่างหยอกเย้า เอรินถึงกับเขินหน้าแดงจัดเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านไปเมื่อคืน
“ค่ะ แต่มันผิด” คำตอบรับสั้นๆ ของสาวน้อยที่หน้าแดงแต่น้ำตาคลอ ทำเอาชานนท์คว้าเอวเล็กคอดภายใต้ผ้านวมหนาแนบเข้ามาหาตัวอย่างแนบแน่น
“เราไม่ใช่เด็กๆแล้วนะเอริน เรารักกัน เราไม่ได้ทำอะไรผิดนี่”
“แต่ก็ไม่ถูก พ่อกับแม่สั่งสอนฉันให้รักนวลสงวนตัว ไม่ให้ชิงสุกก่อนห่าม แต่ฉันก็ยัง..ฉันทำตัวไม่ดี ใช้ไม่ได้” เอรินก้มหน้าหลบสายตาเยิ้มที่มองมาของชานนท์ ทำเอาชายหนุ่มหัวใจกระตุกวูบ
“งั้นฉันเองต่างหากที่ผิด ฉันเอาแต่ใจกับเธอ ฉันบังคับให้เธอต้องยอมจำนน อย่าคิดมากเลย..เอริน ขอบคุณนะที่มอบของขวัญสุดพิเศษให้กับฉัน..ฉันมีความสุขมากเมื่อคืนนี้”
มือหนาเกลี่ยปอยผมนุ่มที่ปิดบังใบหน้าสวยจนยุ่งให้เข้าที่เข้าทางอย่างเบามือ เอรินสบสายตาที่มองมาหยาดเยิ้มของชานนท์อย่างเอียงอายพูดอะไรไม่ออกสักคำ
“ขอบคุณที่รักฉัน..ขอบคุณที่ทำให้ฉันไม่โดดเดี่ยวอีกต่อไป..ขอบคุณที่เธอยื่นมือเข้ามาโอบกอดฉันในวันนั้นที่ฟลอเรนซ์..ขอบคุณที่...”
แล้วชานนท์ก็ถึงกับพูดไม่ออกเมื่อเอรินยื่นริมฝีปากบางมาจูบริมฝีปากเขาอย่างแผ่วเบา ชานนท์ถึงกับยิ้มออกมาได้กับปฏิกิริยาของหล่อน
“ฉันต่างหากที่ต้องขอบคุณ..ขอบคุณที่คุณยังจำฉันได้หลังจากหนึ่งปีผ่านไป.. ขอบคุณที่คุณตามหาฉันจนเจอ..ขอบคุณนะคะที่...รักฉัน”
“ฉันว่าเราสองคนคงต้องเหนื่อยแน่ๆเลยถ้ามัวแต่ขอบคุณกันไปมาอยู่อย่างนี้..เอาเป็นว่าฉันจะทำให้เธอเห็นถึงความจริงใจของฉันในวันนี้ เราเช็คเอาท์จากที่นี่แล้วไปสมุยกันเถอะนะ”
ชานนท์ลุกขึ้นนั่งเปลี่ยนเรื่องอย่างตัดสินใจแบบปัจจุบันทันด่วน ทำเอาเอรินที่อยู่ภายใต้ผ้านวมผืนหนาได้แต่มองตาปริบอย่างงงๆ
“เราจะไปสมุยกันพรุ่งนี้ไม่ใช่เหรอคะ”
เอรินเอ่ยถามออกมาอย่างงุนงงที่ชานนท์เปลี่ยนแผนกะทันหัน แล้วหญิงสาวก็ถึงกับอึ้งเมื่อชานนท์ดึงผ้านวมผืนหนาออกทีละช้าๆทำเอาเอรินรีบยกมือมาปิดบังร่างเปลือยของตนอย่างอายๆ ทำเอาชายหนุ่มหัวเราะชอบใจ
“ไม่เห็นต้องอายเลย ฉันเห็นเธอหมดทุกซอกทุกมุมแล้ว...เรื่องสมุยฉันเปลี่ยนใจแล้ว ไปวันนี้เลย ทันทีที่เราไปถึงฉันจะมอบของขวัญสุดพิเศษให้กับเธอบ้าง”
ชานนท์หยิกแก้มใสนวลของเอรินอย่างหมั่นเขี้ยวแกมสัพยอก หญิงสาวถึงกับหน้ามุ่ยลูบแก้มใสของตนเองเบาๆ
“ของขวัญอะไรถึงต้องรีบขนาดนี้คะ” แล้วเอรินก็ถึงกับชะงักทันทีที่ได้ยินคำตอบของชายหนุ่มแสนรักตรงหน้า คำบอกของเขาทำเอาสาวน้อยได้แต่ตะลึงพูดไม่ออกในทันที
“ถึงจะรีบร้อนและลัดขั้นตอนไปสักหน่อยจนเธออาจจะตั้งตัวไม่ทัน แต่สิ่งที่ฉันจะมอบให้กับเธอคือความถูกต้องมั่นคง...เธอมั่นใจในตัวฉันได้ และคำพูดเดียวที่เธอจะตอบฉันได้คือ..ตกลง ตั้งแต่วันนี้ฉันยินดีให้เธอผูกมัดฉันจนชั่วชีวิต เพราะสิ่งที่ฉันจะมอบให้เธอคือ...อิสรภาพของฉัน”
“เราจดทะเบียนกันเถอะนะ...เอริน”
**********************************************
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านค่ะ ^__^
ชานนท์กลับมายังโต๊ะที่เขาและเอรินนั่งอยู่เมื่อกว่าชั่วโมงที่แล้วอย่างเหน็ดเหนื่อย สาวสวยชาลียังคงคล้องแขนตามติดอย่างสนิทสนมไม่ห่างจนชายหนุ่มได้แต่อึดอัดที่มันชักจะสมจริงมากจนเกินไป ยิ่งเมื่อเดินมาถึงที่โต๊ะไม่พบยัยกุหลาบชมพูนั่งรออยู่ มีเพียงโทรศัพท์มือถือที่วางตั้งเอาไว้ทำเอาชานนท์นึกเป็นห่วง สายตาสอดส่องมองหาพลางหันรีหันขวางอย่างสงสัย
“ไปไหนนะเด็กคนนี้ เอ่อ..ขอบคุณนะชาลี ผมสนุกมากวันนี้คงต้องขอตัวก่อน”
ชานนท์แกะมือปลาหมึกของสาวสวยออกอย่างสุภาพ พร้อมทั้งยิ้มบางๆอย่างเกรงใจที่เขาใช้หล่อนเป็นเครื่องมือแกล้งเอรินจนลืมนึกถึงจิตใจของสาวน้อยที่หายตัวไปไหนแล้วก็ไม่รู้
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันก็สนุกเหมือนกัน แต่ฉันรู้สึกผิดนิดหน่อยนะ แฟนคุณดูท่าจะหวงคุณน่าดู ฉันแอบเห็นเธอหึงคุณ ดื่มเอาๆ ป่านนี้คงเมาแย่แล้วค่ะ บายนะคะ คุณก็รีบไปตามเธอล่ะ”
ชาลีส่งจูบให้ชานนท์อย่างเย้ายวนใจ ชายหนุ่มได้แต่โบกไม้โบกมือให้หล่อนอย่างขอบคุณ แล้วถามพนักงานเสิร์ฟที่กำลังเดินผ่านมาพอดีด้วยความอยากรู้
“น้องๆ เห็นผู้หญิงน่ารักๆ ที่มากับผมมั๊ย เอ่อ ผมหน้าม้าแค่นี้ ผูกเปียหางเดียวสูงๆน่ะ”
ชานนท์เอ่ยถามพนักงานเสิร์ฟพร้อมทำท่าทางประกอบอย่างร้อนรนนิดๆ ทันทีที่เห็นสีหน้าอึกอักของพนักงานเสิร์ฟ ก็ถอนหายใจเฮือกก่อนจะควักธนบัตรสีแดงสองสามใบยื่นให้เป็นสินน้ำใจ พนักงานเสิร์ฟรับมาอย่างขอบคุณก่อนจะกระซิบบอกข้อมูลบางอย่าง “ห๊ะ!! อะไรนะ...ตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วไปทางไหน”
ชานนท์ระล่ำระลักถามอย่างตกใจ สีหน้าวิตกกังวลอย่างเห็นได้ชัด เมื่อได้ข้อมูลจากเด็กเสิร์ฟแล้วจึงวิ่งออกไปอย่างไม่คิดชีวิตตามทิศทางที่คิดว่าเอรินไป
ทางด้านเอริน หลังจากที่เจอชีวินที่หน้าบาร์ เขาทำทีไม่เต็มใจไปส่งแต่ก็ประคองร่างบอบบางที่เมามายแต่ก็ยังพอมีสติอยู่บ้างมาขึ้นรถเอทีวีที่จอดอยู่ไม่ไกลจากบาร์นัก ชีวินประคองสาวน้อยที่กำลังเคลิ้มใกล้จะหลับมิหลับแหล่ให้พิงหลังเขาอย่างอ่อนแรงอยู่ด้วยมือข้างเดียว ก่อนจะออกรถช้าๆ โดยมีชานนท์ตามมาเห็นหลังเอรินลิบๆ ครั้นจะเรียกไว้ก็ไม่ทัน ได้แต่มือไม้เย็นเฉียบด้วยความเป็นห่วงยัยกุหลาบชมพูที่ตนเองแสนจะทะนุถนอมกลัวจะเป็นอันตราย
“คุณ!! หยุด หยุดก่อน...ผมขอเช่าเอทีวีของคุณเดี๋ยวนี้ เอานี่..เอาเงินไปเลยแล้วเอารถมาเร็วๆ”
ชานนท์ยัดเงินปึกพอสมควรใส่มือให้นักท่องเที่ยวที่ขับผ่านมาพอดีโดยฝ่ายตรงข้ามถึงกับงงจับต้นชนปลายไม่ถูก เมื่อโดนแย่งรถหน้าตาเฉย
“เฮ้!! อะไรกันคุณ” ชายแปลกหน้าพยายามทักท้วงแต่ชานนท์ไม่ฟังความใดๆ กลับขึ้นไปนั่งแทนที่แล้วก้มศีรษะเป็นการขอร้องอยู่หลายครั้ง
“ขอโทษจริงๆ ช่วยผมสักครั้งเถอะนะ นี่นามบัตรผม อ้อ...นามบัตรรีสอร์ทด้วยผมพักอยู่ที่วิลล่าเนินเขา คุณค่อยไปเอารถคืนพรุ่งนี้ละกันนะ ผมค่อยตอบแทนคุณอย่างงามเลย”
ชานนท์กำชับชายเจ้าของรถที่ได้แต่ยืนจับต้นชนปลายไม่ถูกมองธนบัตรไทยในมือหลายใบค่าที่ถูกฉกรถไปต่อหน้าอย่างงงๆ
////////////////////////////////
คืนเดือนมืดท่ามกลางเส้นทางสายหลักบนเกาะที่ค่อนข้างแคบ รถเอทีวีขับไปอย่างไม่เร็วนัก เพราะชีวินต้องคอยกระชับแขนเอรินจากทางด้านหลังด้วยความหงุดหงิดหญิงสาวที่เคลิ้มหลับโอนไปเอนมาอย่างน่าหวาดเสียว ทำให้เขาเร่งทำเวลาไม่ได้
“คุณ นั่งดีๆสิครับ ผมกำลังจะพาคุณไปส่งนะ”
ชีวินตะคอกเสียงใส่เอรินที่ทุบไหล่ของเขาหลายต่อหลายครั้ง ทันทีที่เห็นรถเลี้ยวไปยังหนทางที่แปลกตา ไม่ใช่ทางที่ไปรีสอร์ทของตน
“พี่วิ๊น..ทำไมมาทางนี้ล่ะ พี่วิน”
น้ำเสียงอู้อี้ของเอริน ทำให้ชีวินนึกรู้ว่าหล่อนอาจจะรู้ตัวแล้ว จึงได้แต่ใช้น้ำเย็นเข้าลูบแต่เร่งเครื่องให้เร็วขึ้นมาอีกนิดโดยไม่ให้เอรินรู้ตัว “พี่พามาทางลัด ใจเย็นๆนะเดี๋ยวถึงแน่”
เสียงเข้มกลั้วหัวเราะของชายหนุ่มด้านหน้า ทำเอาเอรินเริ่มจะหวาดกลัวพยายามมองทางซ้ายขวาหาทางหนีทีไล่โดยแทบจะหายเมาเป็นปลิดทิ้ง
“แถวนี้มีทางลัดที่ไหนล่ะพี่วิน ฉันเคยมาบ่อยๆ ไม่มีซักหน่อย หยุดเดี๋ยวนี้นะพี่วิน”
เอรินเริ่มใจคอไม่ดีโวยวายเสียงดังทำเอาชีวินรีบเร่งเครื่องให้เร็วขึ้นไปอีก แต่ก็ยังทำความเร็วไม่ดีนัก ทันใดนั้นเสียงกระหึ่มของรถเอทีวีอีกคันก็ขับใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็ว ชีวินเห็นท่าทางไม่ชอบมาพากล จึงได้แต่เร่งเครื่องเร็วขึ้นไปอีกสุดตัว
“เร็วเกินไปแล้วพี่วิน หยุดเดี๋ยวนี้นะ ไม่อย่างนั้นฉันจะร้องให้คนช่วย” เอรินโวยวายกรอกหูชีวินที่กำลังเพ่งทางแคบค่อนข้างมืดด้านหน้า ทำเอาชายหนุ่มถึงกับตวาดเสียงดัง
“โธ่..คุณเอริน ผมชักจะไม่สนุกแล้วนะ ยุกยิกอยู่ได้ อยู่นิ่งๆได้มั๊ย”
ชีวินเสียงเขียวใส่เอรินจนหญิงสาวถึงกับเงียบ ในขณะที่ชีวินเลี้ยวรถขึ้นทางเนินเขาขรุขระด้านซ้ายอย่างเร็วไปอย่างชำนาญทาง เอรินเหลือบตามองไปยังด้านหลังพบว่าเป็นชานนท์ที่บึ่งเอทีวีตามมาถึงกับดีใจร้องเรียก
“คุณอเล็กซ์!! ช่วยด้วย ช่วยฉันด้วยค่ะ”
ชานนท์ที่ตามมาเกือบจะทันได้ยินเสียงเอรินร้องเรียกด้วยความตระหนกถึงกับเบรคตัวโก่งก่อนจะรีบเลี้ยวตามไปอย่างฉวัดเฉวียนเพราะไม่ชำนาญทางขึ้นเนินขรุขระ
“หยุด!! หยุดเดี๋ยวนี้”
น้ำเสียงกร้าวกราดเกรี้ยวของชานนท์ที่ตะโกนเสียงดังตามหลัง ทำเอาชีวินรีบเร่งเครื่องให้เร็วขึ้นผ่านทางเดินขรุขระลาดชันที่คดโค้งผ่านสวนผลไม้เล็กลงๆ อย่างน่าหวาดเสียว
“ไอ้นี่!!..ไม่หยุดใช่มั๊ย”
เมื่อเห็นว่ารถคันข้างหน้าที่มีเอรินนั่งโอนเอนไปมายังคงไม่ยอมหยุด ชานนท์ตัดสินใจเร่งเครื่องให้เร็วขึ้นจนมาทันกันในที่สุด
“เฮ๊ย!! ตามมาทำไมวะ หมูจะหามจะเอาคานเข้ามาสอดทำไม!!” น้ำเสียงสบถเป็นระยะของชีวิน ที่ยังคงขับคู่คี่สูสีกันกับชานนท์อย่างรีบเร่ง เอรินถึงกับสะบัดศรีษะอย่างแรงเรียกสติ
ทันทีที่ชานนท์เห็นเอรินเหลียวมามองเขาที่ขับขนาบข้างด้วยแววตาละห้อยอย่างน่าสงสารก็ถึงกับทนไม่ไหว ตะโกนเรียกเสียงดังลั่นป่าอีกครั้ง “หยุดรถนะเว้ย!! ฉันบอกให้จอด เอาเธอคืนมาให้ฉัน”
“พี่วินจอดรถเดี๋ยวนี้ นี่มันไม่สนุกแล้วนะ ฉันจะลง หยุด!!”
เสียงตะโกนแข่งกับเสียงรถดังกระหึ่มของสาวน้อยที่นั่งอยู่ด้านหลังทำให้ชีวินที่เห็นท่าจะจวนตัว ก็ถึงกับสบถออกมาอย่างหัวเสีย ไม่ได้อยากมีเรื่องให้เสียชื่อไปทั่วเกาะเพราะใบสั่งจากใครบางคนจึงหยุดรถลงอย่างง่ายๆทำเอาชานนท์ถึงกับงงงวยกับการกระทำที่แปรเปลี่ยนไปง่ายๆของเขา
“โธ่..คุณครับ ผมก็นึกว่าใคร คนกันเองแท้ๆ ผมจะไปส่งเธอแต่เห็นคุณขับมายังกะพายุ โธ่..นึกว่าคนบ้าที่ไหนขับตาม ผมกลัวเธอจะเป็นอันตรายก็เลยขับพาเธอหนี ไม่เป็นอะไรนะคุณเอริน ผมส่งคุณแค่นี้ก็แล้วกันนะครับแฟนคุณมาตามแล้ว”
ชีวินยักคิ้วให้ชานนท์พร้อมรอยยิ้มแสยะมุมปากอย่างกวนสุดขีด ชานนท์ลงจากรถมาดึงแขนเอรินในทันทีที่เห็นสีหน้าท้าทายของชีวินที่มองมายังเขาอย่างเอาเรื่อง เท่านั้นไม่พอยังลูบต้นขาเรียวสวยของเอรินเบาๆโดยที่หญิงสาวไม่ทันได้รู้ตัว ทำเอาชานนท์ยิ่งฉุนจัด แล้วคว้าแขนเอรินอย่างแรงด้วยความโมโห
“ลงมานี่..เอริน กลับ!!”
น้ำเสียงเข้มของชานนท์ที่แสดงออกทั้งหวงทั้งห่วงไม่อยากให้ใครมาแตะต้องยัยกุหลาบชมพูของเขาแม้แต่ปลายเล็บ ทำเอาเอรินหน้าเสียก่อนจะเดินตามหลังมาเงียบๆ
“โอ้ว..พระเอกมากเลยคุณ ทำตัวหวงก้างซะด้วย ระวังล่ะ..อย่าเผลอปล่อยปลาน่ารักๆ หลุดมืออีกก็แล้วกัน เดี๋ยวหลุดแล้วหลุดเลยตามกลับไม่ได้อีกแล้วจะหาว่าไม่เตือน”
คำพูดท้าทายของชีวินพร้อมเสียงปรบมือท้าทาย ทำเอาชานนท์ต้องฉุนจัดอีกรอบจะหันไปเอาเรื่อง แต่ชีวินโบกมือท้าทายให้ก่อนจะขับรถจากไปท่ามกลางความมืดที่มีเพียงแสงสว่างจากไฟหน้ารถเพียงเล็กน้อย ชานนท์และเอรินมองตามชีวินไปจนลับสายตาก่อนจะหันมาสบตากันแล้วก็เป็นเอรินที่พูดออกมาด้วยความน้อยใจ
“ตามมาทำไม เมื่อกี้เห็นกำลังเต้นสโลว์ซบกันอยู่กับแม่ชาลีแองเจลไม่ใช่เหรอ พี่วินเค้าจะไปส่งฉันไม่ได้พาไปไหนสักหน่อย”
เอรินสบถอ้อแอ้ทันทีที่หายจากอาการตกใจก็เริ่มกลับมามีอาการอย่างกับคนยังเมาไม่สร่าง ชานนท์มองสาวน้อยตรงหน้าอย่างนึกโมโหได้แต่นับหนึ่งถึงสิบแล้วอุ้มโอบเอวบางของสาวน้อยขึ้นมานั่งหน้าก่อนที่ตัวเองจะตามขึ้นมานั่งประกบแนบชิดแล้วขับรถออกไปจากทางขรุขระอย่างทุลักทุเล
“ถ้ามาไม่ทันจะได้พูดดีอย่างนี้มั๊ย หื้อ ชักจะทนไม่ไหวแล้วนะเอริน”
“ปล่อยนะ!! ไม่ต้องมากอดมารัดเอวฉันเลย ปล่อยหายใจไม่ออก” เอรินหัวใจเต้นโครมคราม แถมยังดิ้นขลุกขลักหนีอ้อมกอดที่รัดแน่นของเขาอย่างโมโห ชานนท์ที่บังคับรถมือเดียวได้แต่ยิ่งกระชับหล่อนให้แนบชิดมากกว่าเดิม
“อย่าดิ้นสิ..เอริน เดี๋ยวก็ล้มกันทั้งคนทั้งรถหรอก” เสียงตวาดอย่างแรงที่ชานนท์โวยออกมาทำเอาเอรินถึงกับหยุดดิ้นได้อย่างชะงัดนัก ก่อนที่ชายหนุ่มจะกระซิบข้างหูจนหล่อนถึงกับขนลุก
“หยุดดิ้นได้มั๊ย นั่งนิ่งๆสิ”
“เธอได้ยินมั๊ย..เอริน” เสียงกระซิบแผ่วเบาแนบหูเอริน ทำเอาสาวน้อยถึงกับงุนงงแต่ไม่วายสะท้านกับสัมผัสจากริมฝีปากหนาที่ขบเม้มติ่งหูบางเข้าให้ ทำเอาเอรินแทบจะหายเมาเป็นปลิดทิ้ง
“อะ..อะไร ได้ยินอะไรคะ”
เสียงสั่นแทบจะควบคุมตัวเองไว้ไม่ได้ เมื่อชานนท์ที่ขับรถไปมือเดียวแต่อีกมือก็ยังไม่วายซุกซนลูบไล้หน้าท้องแบนราบผ่านเสื้อเอวลอยตัวสั้นของหล่อน
“เสียงหัวใจฉัน...มันกระซิบบอกว่า..รักเธอ”
************************************************
กรณ์สะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึกด้วยสภาพเหงื่อโทรมกายทั้งที่ภายในห้องพยาบาลแอร์เย็นฉ่ำ ชายหนุ่มเพ่งมองไปยังสาวสวยที่นอนหลับคู้อย่างหนาวเหน็บบนเตียงอย่างเบื่อหน่าย
“เวลานอนค่อยยังชั่วหน่อยนะ..แม่เสือสาว”
ชายหนุ่มเอื้อมหยิบผ้าห่มที่กองอยู่ปลายเท้าของสาวขี้ร้อนขึ้นมาห่มคลุมให้ราเชลอย่างเบามือ แล้วเดินมาหยิบโทรศัพท์มือถือออกไปยังระเบียงห้อง เกือบสิบห้านาทีกว่าจะเข้ามาภายในห้องพยาบาลอีกครั้ง ปากก็ยังคงขมุบขมิบพึมพำไม่หยุด
“ทำไมไม่รับโทรศัพท์นะ..ยัยดื้อเอ๊ย ไม่รู้รึไงว่าคนเค้าเป็นห่วง”
“นี่..คนจะนอน หยุดพล่ามได้มั๊ย จะมาเฝ้าก็ให้มันดีๆหน่อย น่ารำคาญจริง” ราเชลเหลือบตามองกรณ์ที่ถึงกับชะงักทันทีที่ได้ยินเสียงแหวจากคนที่เขาคิดว่านอนหลับอยู่
“รู้แล้ว...จะนอนเดี๋ยวนี้แหละ คุณก็อย่านอนให้มันดิ้นมากนัก”
“ทำไม เกี่ยวอะไรกับฉันจะนอนดิ้นไม่ดิ้นก็เรื่องของฉัน” ราเชลโวยทันทีที่กรณ์ทำหน้าเบ้ใส่ แล้วทำไม่สนใจล้มตัวลงนอนเตียงคนเฝ้า
“ก็มันรำคาญลูกตา เข้าใจมั๊ย นอนได้แล้ว พูดมาก”
“ไอ้..ไอ้บ้านี่ เชอะ”
ราเชลล้มตัวลงนอนคลุมโปงตัดความรำคาญแล้วตะแคงหันหลังให้กรณ์ที่มองมาอย่างนึกขำคนเอาแต่ใจ แต่กรณ์ก็ยังหงุดหงิดไม่หาย ที่ไม่สามารถติดต่อเอรินได้อย่างใจหมาย จิตใจร้อนรุ่มกระวนกระวายราวกับมีไฟกองใหญ่สุมอยู่ถึงกับเครียด ทำให้เขาต้องผุดลุกผุดนั่งอย่างหงุดหงิดใจอยู่ตลอดทั้งคืนไม่สามารถข่มตาให้หลับลงได้เลยแม้แต่น้อย...
***********************************************
ท่ามกลางความมืดสลัวและบรรยากาศเป็นใจภายในห้องพักของวิลล่าส่วนตัวบนเนินเขา มีเพียงแสงสะท้อนของไฟภายในสระว่ายน้ำที่น้ำกระเพื่อมพลิ้วไหวยามต้องลมประจำฤดูที่พัดผ่านมาเป็นระยะ ชานนท์และเอรินยืนประจันหน้ากันในระยะประชิดด้วยสายตาระริกวูบไหว แล้วชานนท์ก็เป็นฝ่ายเอ่ยทำลายความเงียบ
“ฉันรักเธอนะ..เอริน ฉันปรารถนาเธอ ฉันทนไม่ไหวอีกแล้ว ให้ฉันรักเธอ..ได้มั๊ย” ชานนท์จูบไล้แผ่วเบายังแก้มซ้ายข้างใบหูนุ่ม มือหนาบรรจงปลดสายเดี่ยวสีดำของสาวน้อยอย่างช้าๆ ทีละข้าง ทีละข้าง
“ฉะ..ฉันกลัว ฉันคือ...ฉันไม่” มือน้อยสั่นระริกกำแน่นอยู่ข้างตัวอย่างตัดสินใจไม่ได้ ชานนท์ได้แต่มองแววตาสั่นระริกอย่างรักใคร่หลงใหลพร้อมกระซิบเบาๆจนหล่อนถึงกับเคลิ้ม
“แก้มของเธอ ตาของเธอ จมูกรั้นๆของเธอ ริมฝีปากหวานหอมของเธอ ลำคอระหงของเธอ ร่างกายของเธอ...เป็นของฉัน..เอริน ไม่ว่าจะเมื่อก่อนหรือตอนนี้ เธอก็เป็นของฉันคนเดียวเท่านั้น...แค่ฉันเท่านั้น”
ภายในพูลวิลล่าส่วนตัวบนเนินเขาอันเงียบสงบยามเช้า ชานนท์และเอรินอิงแอบแนบชิดกันบนเตียงสีขาวหลังใหญ่ เอรินยังคงหลับใหลในขณะที่ชานนท์ลูบไล้เรียวแก้มนวลใสอย่างรักใคร่ พร้อมกระซิบแผ่วเบา
“รักเธอนะเอริน ไม่รู้นานแค่ไหน แต่ฉันรู้ว่ามันนานเกินกว่าตอนที่เราเจอกันที่ลอนดอน อย่าเสียใจถ้าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้ เราจะฝ่าฟันมันไปพร้อมกัน...เธอพร้อมที่จะเดินทางไปด้วยกันกับพี่มั๊ย..ยัยตัวเล็ก หึหึ..ยัยตัวเล็ก คำนี้ไม่ได้พูดนานจนลืมไปแล้วนะ...เธอจำได้มั๊ย”
ชานนท์ถามคนนอนหลับไม่รู้ด้วยน้ำเสียงสั่นพร่า มือหนาโอบกอดรอบเอวเล็กเอาไว้อย่างหวงแหน
“อย่ากลัวที่จะรักฉัน เพราะฉันเป็นของเธอแล้วในตอนนี้ ฉันเป็นของเธอทั้งร่างกาย..และจิตใจ”
**************************************
เวลาของเช้าวันใหม่ผ่านไปกว่าค่อนวันด้วยความสุขสันต์อิ่มเอมใจในอ้อมกอดของกันและกัน ชานนท์กอดกระชับร่างน้อยไว้ในอ้อมกอด นานเท่าใดไม่รู้กว่าที่เอรินจะรู้สึกตัวตื่นมาพบชานนท์จ้องตาปรอยอยู่อย่างรักใคร่
“ตื่นแล้วเหรอ...ที่รัก ฝันดีมั๊ยเมื่อคืน” ชานนท์เลื่อนใบหน้าเข้ามาเอาจมูกชนจมูกรั้นของสาวน้อยอย่างหยอกเย้า เอรินถึงกับเขินหน้าแดงจัดเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านไปเมื่อคืน
“ค่ะ แต่มันผิด” คำตอบรับสั้นๆ ของสาวน้อยที่หน้าแดงแต่น้ำตาคลอ ทำเอาชานนท์คว้าเอวเล็กคอดภายใต้ผ้านวมหนาแนบเข้ามาหาตัวอย่างแนบแน่น
“เราไม่ใช่เด็กๆแล้วนะเอริน เรารักกัน เราไม่ได้ทำอะไรผิดนี่”
“แต่ก็ไม่ถูก พ่อกับแม่สั่งสอนฉันให้รักนวลสงวนตัว ไม่ให้ชิงสุกก่อนห่าม แต่ฉันก็ยัง..ฉันทำตัวไม่ดี ใช้ไม่ได้” เอรินก้มหน้าหลบสายตาเยิ้มที่มองมาของชานนท์ ทำเอาชายหนุ่มหัวใจกระตุกวูบ
“งั้นฉันเองต่างหากที่ผิด ฉันเอาแต่ใจกับเธอ ฉันบังคับให้เธอต้องยอมจำนน อย่าคิดมากเลย..เอริน ขอบคุณนะที่มอบของขวัญสุดพิเศษให้กับฉัน..ฉันมีความสุขมากเมื่อคืนนี้”
มือหนาเกลี่ยปอยผมนุ่มที่ปิดบังใบหน้าสวยจนยุ่งให้เข้าที่เข้าทางอย่างเบามือ เอรินสบสายตาที่มองมาหยาดเยิ้มของชานนท์อย่างเอียงอายพูดอะไรไม่ออกสักคำ
“ขอบคุณที่รักฉัน..ขอบคุณที่ทำให้ฉันไม่โดดเดี่ยวอีกต่อไป..ขอบคุณที่เธอยื่นมือเข้ามาโอบกอดฉันในวันนั้นที่ฟลอเรนซ์..ขอบคุณที่...”
แล้วชานนท์ก็ถึงกับพูดไม่ออกเมื่อเอรินยื่นริมฝีปากบางมาจูบริมฝีปากเขาอย่างแผ่วเบา ชานนท์ถึงกับยิ้มออกมาได้กับปฏิกิริยาของหล่อน
“ฉันต่างหากที่ต้องขอบคุณ..ขอบคุณที่คุณยังจำฉันได้หลังจากหนึ่งปีผ่านไป.. ขอบคุณที่คุณตามหาฉันจนเจอ..ขอบคุณนะคะที่...รักฉัน”
“ฉันว่าเราสองคนคงต้องเหนื่อยแน่ๆเลยถ้ามัวแต่ขอบคุณกันไปมาอยู่อย่างนี้..เอาเป็นว่าฉันจะทำให้เธอเห็นถึงความจริงใจของฉันในวันนี้ เราเช็คเอาท์จากที่นี่แล้วไปสมุยกันเถอะนะ”
ชานนท์ลุกขึ้นนั่งเปลี่ยนเรื่องอย่างตัดสินใจแบบปัจจุบันทันด่วน ทำเอาเอรินที่อยู่ภายใต้ผ้านวมผืนหนาได้แต่มองตาปริบอย่างงงๆ
“เราจะไปสมุยกันพรุ่งนี้ไม่ใช่เหรอคะ”
เอรินเอ่ยถามออกมาอย่างงุนงงที่ชานนท์เปลี่ยนแผนกะทันหัน แล้วหญิงสาวก็ถึงกับอึ้งเมื่อชานนท์ดึงผ้านวมผืนหนาออกทีละช้าๆทำเอาเอรินรีบยกมือมาปิดบังร่างเปลือยของตนอย่างอายๆ ทำเอาชายหนุ่มหัวเราะชอบใจ
“ไม่เห็นต้องอายเลย ฉันเห็นเธอหมดทุกซอกทุกมุมแล้ว...เรื่องสมุยฉันเปลี่ยนใจแล้ว ไปวันนี้เลย ทันทีที่เราไปถึงฉันจะมอบของขวัญสุดพิเศษให้กับเธอบ้าง”
ชานนท์หยิกแก้มใสนวลของเอรินอย่างหมั่นเขี้ยวแกมสัพยอก หญิงสาวถึงกับหน้ามุ่ยลูบแก้มใสของตนเองเบาๆ
“ของขวัญอะไรถึงต้องรีบขนาดนี้คะ” แล้วเอรินก็ถึงกับชะงักทันทีที่ได้ยินคำตอบของชายหนุ่มแสนรักตรงหน้า คำบอกของเขาทำเอาสาวน้อยได้แต่ตะลึงพูดไม่ออกในทันที
“ถึงจะรีบร้อนและลัดขั้นตอนไปสักหน่อยจนเธออาจจะตั้งตัวไม่ทัน แต่สิ่งที่ฉันจะมอบให้กับเธอคือความถูกต้องมั่นคง...เธอมั่นใจในตัวฉันได้ และคำพูดเดียวที่เธอจะตอบฉันได้คือ..ตกลง ตั้งแต่วันนี้ฉันยินดีให้เธอผูกมัดฉันจนชั่วชีวิต เพราะสิ่งที่ฉันจะมอบให้เธอคือ...อิสรภาพของฉัน”
“เราจดทะเบียนกันเถอะนะ...เอริน”
**********************************************
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านค่ะ ^__^

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 6 มิ.ย. 2557, 09:13:33 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 6 มิ.ย. 2557, 09:13:33 น.
จำนวนการเข้าชม : 1614
<< ตอนที่ 12 หนาวกาย..หนาวใจ | ตอนที่ 14 : ฮันนีมูนที่มาพร้อมกับพายุฝน.... >> |