UnRomantic Love หนีไม่พ้นใจ (เล่ห์ลวงจันทร์)
เขียนจันทร์ เดินทางกลับมาจากต่างประเทศเพื่อมารับพ่อที่กำลังเกษียณไปอยู่บ้าน

วันแรกที่กลับมาเธอก็พบผู้ชายปากร้าย แข็งกระด้าง มาตามหาพี่สาวของเธอ

ปากก็บอกตามหา แต่ทุกวันก็ยังวนเวียนอยู่กับเธอ ไล่เท่าไหร่ก็ไม่ไป

ทำไมผู้ชายนิสัยแบบนี้ คุมสถานบันเทิงใหญ่ จะเลี้ยงเด็กที่เขาบอกว่าเป็นลูกได้ดีเหรอ

แล้วทำไมถึงได้ยัดเยียดลูกให้เธอเลี้ยง ส่วนตัวเองก็ร่อนไปหาพี่สาวเธอแบบนี้เล่า

นายรักษ์ชาติ...นายมันผู้ชายยอดแย่ที่สุด

แล้วทำไมวันที่เธอมีปัญหาที่สุด คนแย่ๆ แบบเขากลับไม่ยอมทิ้งให้เธอเผชิญปัญหาคนเดียว

กลัวจะไม่มีเบ๊ไว้ให้ใช้ล่ะสิท่า...อย่าคิดว่าคนอย่างเธออ่านเกมเขาไม่ออก
Tags: เขียนจันทร์ รักษ์ชาติ จักรตรากูล กองพัน

ตอน: บทที่ 9 : เหตุเกิดในวันเกิด

บทที่ 9

ก๋วยเตี๋ยวร้อนๆ ในร้านละแวกมหาวิทยาลัยของภาพวิจิตรมีลูกค้าแน่นร้าน สี่พี่น้องนั่งล้อมโต๊ะหลังจากเพิ่งรวมตัวกันได้ในเมื่อวานซึ่งเป็นงานเกษียณของคนเป็นพ่อ และได้วางแผนจับพ่อแพ็คกระเป๋าและนั่งข้างแม่ไปยังประเทศในแถบยุโรป กว่าแม่จะรู้ตัวก็คงตกใจตอนเห็นพ่อบนเครื่องแล้ว

“พี่เขียนเอาจริงเอาจังกับเรื่องพ่อแม่แบบนี้ภาพก็สบายใจนะพี่ พ่อกับแม่จะได้ไม่เหงาตอนชีวิตช่วงแก่ ขนาดภาพใช้ชีวิตโสดไม่กี่กี่ปียังเหงาเลย”

ตะเกียบคีบเส้นเล็กนุ่มใส่ช้อน แล้วเอาเข้าปาก รสชาติเผ็ดเปรี้ยวหวานบนลิ้นของเล็กแห้งยำถูกปากอย่างที่ภาพวิจิตรคะยั้นคะยอให้มาทานให้ได้จริง กลืนก๋วยเตี๋ยวคำนั้นลงคอจึงตอบ

“พี่ก็คิดอย่างภาพ ไม่อยากให้พ่อแม่เหงา ถึงพ่อจะทำผิด แต่มันผ่านมาสิบห้าปีแล้ว พี่ไม่อยากให้ความผิดที่กัดกินใจทั้งพ่อทั้งแม่นานไปกว่านี้ พี่อยากเห็นพ่อกับแม่มีความสุข ส่วนเรื่องที่ใช้ชีวิตโสดไม่กี่ปีแล้วเหงาน่ะมันเธอ ไม่ใช่พี่”

สาวผมบ็อบสั้นในชุดนักศึกษายู่หน้า ภาพวิจิตรหันไปกระแทกไหล่ประกายพรึกที่นั่งข้างกัน ส่งเสียงงุ้งงิ้ง “จะไปเหงาได้ไง เจอพี่ขุนมาตั้งแต่เกิด โดนตามรังควานอีท่าไหนมาตกล่องปล่องชิ้นได้ก็ไม่รู้...โอ๊ย!”

ด้ามตะเกียบจากมือเขียนจันทร์ยื่นมาตีด้วยความหมั่นไส้ในวาจาแก่แดดแก่ลมของภาพวิจิตร มีประกายพรึกช่วยซ้ำด้วยการผลักหัวทุยๆ ของน้องเล็กอีกแรง

“พี่เรายังบริสุทธิ์ พูดอย่างนี้แม่ชีเราก็เสียหายกันพอดี...เอาลูกชิ้นผมคืนมา” ประกายพรึกอ้าปากจะมางับลูกชิ้นลูกสุดท้ายที่ถูกเขียนจันทร์ช่วงชิงไปจากในชามของตัว แต่ก็ไม่ทันเมื่ออีกฝ่ายทำหน้าเย้ยกับการเคี้ยวลูกชิ้นจนแก้มยุ้ย

“เขียนเธอหลบหน้าพี่ขุนทำไม”

ลูกชิ้นที่เคี้ยวยังไม่ทันกลืนเกือบติดคอ เขียนจันทร์รีบกลืน ดื่มแก้วน้ำจากแก้วพลาสติกพอให้สิ่งที่เคี้ยวไหลลงคอได้อย่างปลอดภัย จึงกล้ามาสู้สายตาหงุดหงิดของวาดตะวันที่นั่งเช็คเรตติ้งตัวเองผ่านโซเชี่ยลไป สักพักโทรศัพท์ก็จะขึ้นเบอร์ของรักษ์ชาติเป็นพักๆ

“ไม่ได้หนีค่ะ แค่ไม่มีธุระให้ไปเจอ” ตอนงานเกษียณของพ่อ เธอก็ลากคุณชายบดินทร์ภัทรไปร่วมงานได้ งานเล็กๆ ของกรมทหารไม่ได้มีสื่อเข้าไปทำข่าวอยู่แล้ว เธอจึงไมได้กลัวในการรักษาสถานภาพหลอกๆ กับรักษ์ชาติ หลานครั้งที่ฝ่ายนั้นจะพาหน้ายักษ์บึ้งตึงเดินเข้ามาหา แต่เขียนจันทร์ก็จะเนียนไปตรงโน้นตรงนี้ พอจบงานเธอก็รีบกลับบ้านทันที

“เมื่อวานไม่เห็นพี่เขียนคุยกับพี่ขุนเลย เอาแต่ลากคุณชายว่อนทั่วงาน ไม่รักษาหน้าพี่ขุนเลย ใช้ไม่ได้” ภาพวิจิตรย้ายข้างไปอยู่ฝั่งเดียวกับวาดตะวัน ปล่อยให้เขียนจันทร์โดนรุมด้วยหมัดอีกหลายหมัด

“ถึงภาพจะไม่ชอบพี่ขุน แต่ถ้ามีใครมาทำให้พี่ขุนไม่จองเวรจองกรรมกับภาพอีก พี่เขียนก็น่าจะทำเพื่อน้องบ้างนะคะ พี่วาดเพิ่งรอดพ้น เกิดพี่ขุนพุ่งเป้ามาที่ภาพอีก แค่นึกก็สยอง”

“น้อยๆ หน่อยยัยทอมบอย ดูหนังหน้าตัวเองเทียบกับพี่เขียนเขานิดหนึ่ง กุลสตรีอย่างเธอทำเป็นแต่มาม่ากับเข้าป่ามั้ง” ประกายพรึกที่ปฏิญาณยืนข้างเขียนจันทร์มาแต่ไหนแต่ไรผลักหัวน้องเล็กอีกรอบ พร้อมวิจารณ์ละเอียดเสริมเผื่อหัวสมองทึมทื่อของภาพวิจิตรจะยังไม่เข้าใจ “พี่ขุนเขาเคยบอกเหรอว่ารู้สึกยังไงกับพี่เขียน ปกติก็เห็นแต่จิกหัวใช้ให้ทำโน่นนี่ หาเรื่องจิกกัดแขวะตลอด จะแปลกอะไรถ้าพี่เขียนเขากลัว”

“คนบางคนดูที่การกระทำก็น่าจะรู้น่า และพี่ว่าพี่ขุนเขาอาจจะยังไม่รู้ตัว แต่การกระทำออกก่อนที่จะรู้สึกว่าคิดอะไร” วาดตะวันหยิบกระดาษทิชชู่ในกระเป๋าขึ้นมาซับปาก จีบปากจีบคอพูด “เธออย่าเล่นตัวนักเลยเขียน ไม่ใช่จะมีหนุ่มมาสะดุดเธอบ่อยๆ”

“ใครบอกไม่มี สมัยก่อนลูกผู้การ ลูกจ่า ลูกหมวด เพื่อนสมัยเรียน มีตั้งหลายคนที่จะมาจีบพี่เขียน แต่พอเจอฤทธิ์เดชพี่ขุนที่ชอบทำให้พี่เขียนเสียหน้าบ่อยๆ ก็กระเจิงหมด ขนาดเวลาขอสาวไปควงเต้นรำ ออกงานสมัยเรียนทหาร ยังมาขอพี่เขียนไปเลย ตัดหน้าคนอื่นตลอด”

“เรื่องงานเลี้ยงสมัยคุณขุนเรียนพี่ไปออกงานแค่ครั้งเดียว ตอนนั้นพี่วาดติดถ่ายแบบ พี่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศก็เลยถึงคราวเคราะห์”

เขียนจันทร์ไม่รู้ว่าทำไมถึงทนฟังไม่ได้ เก้าอี้ที่นั่งร้อนขึ้นมาจนอยากจะหาทางหนี และต้องแก้ต่างให้ตัวเองมากที่สุด ก๋วยเตี๋ยวที่อร่อยตรงหน้าเธอก็เลิกรับประทานไป แอบเห็นตะเกียบภาพวิจิตรมาคีบเนื้อในชามเธอเข้าปากจนหมดชาม แต่สายตาจับผิดของภาพวิจิตรก็ยังทำงาน ไม่ต่างจากพี่น้องอีกสองคน

“กลัวอะไรอยู่หรือเปล่าเขียน ดูสิเหงื่อเธอออกตรงขมับด้วยนะ” วาดตะวันหยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าขึ้นมาซับขมับน้องสาวให้ ทั้งที่จริงไม่มีเหงื่อสักเม็ด นอกจากใบหน้าซีดอย่างกับคนมีบางสิ่งที่กลัวอยู่ในใจจริง “กลัวพี่ขุน หรือกลัวความรู้สึกตัวเอง หืม?”

คนที่ไม่เคยปิดบังสีหน้าในหมู่พี่น้องด้วยกันกลอกตาด้วยความอึดอัด ลุกพรวดพราดเหมือนเด็กที่โดนบีบให้กดดันมากๆ เข้าจนทนไม่ไหวอีกต่อไป “ไปทำงานแล้ว เดี๋ยวบริษัทเหาะหนีไปนอกโลก”

สามพี่น้องที่ยังนั่งนิ่งบนเก้าอี้หัวเราะครืน ใช้สายตารู้ทันจ้องเขียนจันทร์ที่เดินงอนตุ้บป่องออกไป ประกายพรึกจึงยืดตัวมาถามวาดตะวัน ก่อนที่ความรู้สึกในอกจะระเบิดเสียก่อน

“พี่ขุนชอบพี่เขียนจริงป่ะ”

วาดตะวันยกนิ้วมามองเล็บที่เพ้นท์เป็นดวงตะวันสีเหลืองสวย ปากยิ้มเยื้อนอย่างสนุกเพราะในหัวคิดเรื่องของคนที่อยู่ในหัวข้อสนทนานี้ “เรื่องของคนสองคน เรามันคนนอกน่า”

“ไม่เชื่อหรอก พี่วาดคงสอดส่ายสายตาหาข้อมูล ข้อสังเกตละเอียดยิบ ไม่ปล่อยให้รอดหูรอดตาแน่ๆ” ภาพวิจิตรรู้ทัน แต่มือยกชามก๋วยเตี๋ยวที่วาดตะวันทานเหลือกว่าครึ่งมาไว้หน้าตัวเอง

“ความสามารถพิเศษฉัน พวกเธอสองคนอยากรู้ก็ต้องสอดส่องเอาเอง พี่ไม่บอกง่ายๆ เด็ดขาด เดี๋ยวหมดสนุก” วาดตะวันปิดปากหัวเราะ ดวงตารื่นเริง “ไปดีกว่านัดกับน้องภัทรไว้ เด็กวัยขบเผาะนี่มันน่ารักจริงๆ”

“ภัทรไหน อย่าบอกว่าภัทรกรนะ!” ภาพวิจิตรตาโต ปล่อยเสียงกรี๊ดสั้นออกมาด้วยความอิจฉาจัดยามวาดตะวันใช้นิ้วชี้แตะริมฝีปากให้เงียบเสียง และกล่าวอย่างเชิด

“ระดับฉัน จะควงคนธรรมดาๆ ได้ยังไงจ๊ะ”

ภาพวิจิตรส่งเสียงขัดใจ ใช้สองมือตะกุยรูปโฆษณาสินค้าข้างฝาผนังร้านซึ่งมีใบหน้าหล่อเหลาของผู้ชายที่กำลังโด่งดังสุดขีดในเวลานี้ยืนยิ้มหล่อ อวดลักยิ้มข้างแก้ม พระเอกที่ดังเปรี้ยงตั้งแต่ละครเรื่องแรก ขวัญใจเธอ...ไม่นะ อย่าได้เอามลทินมาทำลายความบริสุทธิ์ของภัทรกรน้อยผู้น่ารัก

วาดตะวันทำบุญด้วยอะไร...บอกกันบ้าง

ประกายพรึกส่ายหน้าให้กับอาการคุ้มคลั่งของน้อง ก่อนจะเนียนลุกหนีอีกคน ปล่อยให้คนคุ้มคลั่งรับสภาพเป็นเจ้ามือเลี้ยงพี่ๆ ไป ยังไงก็ทานเยอะสุดอยู่แล้วนี่ เดินออกมาได้ไม่กี่ก้าว เสียงโหยหวนของภาพวิจิตรก็ดังมาอีกคำรบ เป็นเสียงคำรามก้องว่า

“ไอ้พี่ใจร้าย ไม่เลี้ยงน้อง!”


ข้อมูลเก่าๆ ของการสร้างโรงแรมของจักรตรากูลที่เขียนจันทร์ขอให้นรานำมาให้ดูเพื่อศึกษาทำให้เขียนจันทร์พบความผิดปกติ การก่อสร้างจากบริษัทรับเหมาที่จักรตรากูลใช้มาตลอดในการสร้างโรงแรมนั้น พักหลังทำให้โรงแรมต้องเสียค่าในการปรับปรุง บำรุงบ่อยครั้ง ไหนจะค่ารับเหมาที่มักบานปลายจากงบเดิมไปอีกมาก

บริษัทธากิตรับเหมาก่อสร้าง เป็นบริษัทที่เชื่อถือได้มาตลอด และโรงแรมเดิมที่สร้างสมัยทวดจนถึงหม่อมยายไม่เคยมีปัญหา กระทั่งไม่กี่ปีมานี้ เขียนจันทร์พึ่งข้อมูลจากบริษัทนักสืบที่ทนายประจำตระกูลแนะนำมา ที่นั่นบอกถึงสิ่งที่เธอนึกกลัว บริษัทธากิตในทุกวันนี้ที่ยังมีชื่อเป็นเจ้าของคนเดิม แต่จริงๆ แล้วเป็นเพียงในนาม คนที่ได้ผลประโยชน์ที่แท้จริงคือเสี่ยหลง

ในสัญญาของจักรตรากูลที่เซ็นไว้กับธากิตเหลือระยะอีกกว่าสามปี และเธอรอจนถึงวันนั้นไม่ได้ และพอจะรู้ว่าทำไมเสี่ยหลงจึงมาวุ่นวายกับจักรตรากูลเหลือเกิน คงหวังขยับจากบริษัทรับเหมา เป็นเจ้าของโรงแรมในเร็ววัน

โรงแรมในต่างจังหวัดที่กำลังสร้างอยู่ เขียนจันทร์คิดว่าถึงเวลาที่เธอจะต้องเดินทางไปดู และคงไม่แปลกหากเธอจะขอผู้รู้สักคนไปด้วย

ห้างสรรพสินค้าใหญ่ที่มีขนมหวานมากหน้าละลานตา และชื่อที่ว่า ‘สวีทเมจิก’ เขียนจันทร์รู้สึกชื่นชอบที่ได้มาที่นี่ กลิ่นหอมของขนมนมเนยยังไงก็น่ายั่วน้ำลายกว่ากลิ่นหอมของน้ำหอม หรือราคากระเป๋าแบรนด์เนม เขียนจันทร์นั่งอยู่ในร้านขนมที่กรุกระจกใส เธอละเลียดเค้กพานาคอตต้าด้วยความถูกปาก จิบกับชาร้อนเอิร์ลเกรย์กลิ่นหอมรสละมุนลิ้นจากอังกฤษ

“สวัสดีค่ะน้องเขียน พี่ดีใจที่น้องเขียนติดต่อพี่มา” ลัลริกาเดินเข้ามาในร้าน ข้างกายมีชายหน้าตาเกลี้ยงเกลา ดวงตาอ่านยากมาด้วยคนหนึ่ง “นี่ปัณณ์ค่ะ น้องชายพี่โป้งเขา ชื่อเล่นพยางค์เดียวเหมือนกัน เรียกพี่ปั้นได้เลยพี่อนุญาต”

“เค้กอร่อยไหมครับ” ดวงตาของอีกฝ่ายมีรอยยิ้มแจ่มใสขึ้นเมื่อเห็นเธอตักเค้กทานไปเกินครึ่งชิ้น

“อร่อยมากค่ะ ฉันคงได้มาเป็นแขกประจำของที่นี่ค่ะ”

หนุ่มตรงหน้าเธอหันมองไปยังหลังเคาว์เตอร์ที่มีหญิงสาวร่างเล็กกำลังขะมักเขม้นกับการแต่งหน้าเค้กวันเกิด รอยยิ้มปลื้มใจของปัณณ์ทำให้เธอยิ้มตามไปด้วย เค้กอร่อย...คงไม่ได้เป็นสาเหตุเดียวที่ทำให้ยิ้มแก้มเกือบแตกแบบนี้

“เข้างานก่อน ไว้ไปสวีทกันทีหลังนะจ๊ะปั้น”

เขียนจันทร์หลุดขำ รู้สึกผ่อนคลายด้วยบรรยากาศและไมตรีจากเพื่อนตรงหน้า เธอรู้ว่าต้องทำอะไรตั้งแต่รู้ว่าเสี่ยหลงเป็นเจ้าของธากิตรับเหมาก่อสร้างแล้ว

เจ้าถิ่นทั้งสองนั่งลงล้อมโต๊ะกลมเล็ก พนักงานมาเสิร์ฟชาเขียวปั่นเย็น กับฟองดูร์วานิลลา พร้อมผลไม้ และขนมจานเล็กมาไว้ชุบ เขียนจันทร์ได้รับการคะยั้นคะยอให้ทานอยู่หลายชิ้น ทำหน้าพริ้มกับรสชาติของมัน จนเกือบจะลืมว่าเธอมาวันนี้เพราะอะไร หากลัลริกาจะไม่เริ่ม

“ปั้นเขาเป็นเจ้าของดีเอสคอนสตรักชั่นค่ะน้องเขียน เป็นสถาปนิกด้วย เป็นคนที่คุ้มค่ามากในดีเอส” ลัลริกากล่าวอวยไม่มีปิดบัง น้องชายสามีมีดีให้อวด จะไม่ให้อวดได้อย่างไร

“แค่ผู้ถือหุ้นรายใหญ่สถานะถูกบังคับให้ถือครับ ไม่ได้เต็มใจเท่าไหร่” ปัณณ์แก้ตัวเบาๆ หน้ายิ้มนิดๆ แต่มันไม่ได้ทำให้ราศีความเก่งในตัวลดลง “คุณเขียนมีปัญหาเรื่องโรงแรมเหรอครับ”

“ค่ะ...เรื่องการก่อสร้างน่ะค่ะ ฉันรู้สึกว่าโรงแรมจักรตรากูลมีปัญหาเพราะบริษัทผู้รับเหมา” เป็นเรื่องโชคร้ายของทางจักรตรากูล ความที่เริ่มมากับธากิต ทำให้บรรพบุรุษของเธอไม่คิดสร้างบริษัทรับเหมาด้วยตัวเอง เพราะสมัยนั้นธากิตรับเหมาก่อสร้าง คนที่สร้างก็เป็นเพื่อนๆ ด้วยกัน แต่เวลาเปลี่ยนธากิตก็เปลี่ยนคนคุมบังเหียน แต่โชคร้ายที่กว่าทางจักรตรากูลจะรู้ ก็เซ็นสัญญาผูกมัดฉบับล่าสุดไปแล้ว

ลัลริกากับปัณณ์สบตากัน เพราะรู้ว่าอะไรเป็นอะไรมานานหลายปีแล้ว “คุณเขียนคิดจะทำอะไรครับ” ปัณณ์ไม่อยากชี้โพรงที่มีทางรอออก แต่อยากดูความคิด และแนวทางของเขียนจันทร์ให้ทะลุเสียก่อน

“ฉันอยากรวบรวมข้อบกพร่องที่ธากิตทำไว้ รวมทั้งการทุจริตเรื่องงบประมาณการก่อสร้างค่ะ ตอนนี้ฉันรวบรวมได้ส่วนหนึ่ง ถ้าฉันรวบรวมได้มากพอ ฉันจะปรึกษากับทนาย และฉีกสัญญาทิ้งซะ และจะมองหาบริษัทรับเหมาก่อสร้างใหม่ เรื่องนี้ฉันจะแอบๆ ทำก่อน ฉันยังไม่อยากให้หม่อมยายรู้ กลัวว่าท่านจะกังวลเรื่องกระทบต่อความสัมพันธ์ที่เคยมีกับทางธากิตค่ะ”

บราวน์นี่ชุบวานิลลาวางลงบนจานเล็กของเขียนจันทร์ ลัลริกายิ้มรู้ทัน “น้องเขียนคิดๆ ไว้แล้วใช่ไหมคะว่าจะเลือกใครต่อจากธากิต งานนี้ถ้าน้องเขียนสนใจจริง พี่จะยอมให้โป้งสละหุ้นในส่วนของเขามาให้น้องเขียนซื้อต่อ พี่ว่าน้องเขียนน่าจะมองหาบริษัทที่จักรตรากูลจะมีสิทธิ์ออกเสียงได้ในการก่อสร้างจริงไหมคะ”

ข้อเสนออันน่าสนใจนั้นฉุดให้เขียนจันทร์ตื่นตัว หญิงสาวต้องข่มอาการลิงโลดในอกไว้สุดกำลัง เธอแสดงออกท่าทีเพียงแค่ยิ้มรับ เธอรู้สึกว่าลัลริกาเป็นคนที่เก่งมาก...เพราะเขารู้ว่าเธอต้องการอะไรอย่างแท้จริง

“ฉันจะนำเรื่องนี้ไปพิจารณาหลังจากจัดการกับธากิตได้นะคะ”

“พี่เองกำลังต้องการธากิตเหมือนกันค่ะ ถ้าน้องเขียนจัดการเรื่องเสี่ยหลงได้เปลาะหนึ่ง พี่สัญญาว่าจะส่งธากิตใส่มือน้องเขียนเอง ขอแค่น้องเขียนจะมาเป็นหุ้นส่วนกับดีเอสคอนสตรักชั่น”

“แล้วสิ่งที่คุณเบนต้องการจริงๆ คืออะไรคะ”

ลัลริกาปลื้มกับการมีคนอ่านความคิดเธอออก รู้สึกอยากร่วมงานกับเขียนจันทร์มากขึ้น เธอชอบเจรจากับนักธุรกิจหญิงเก่งๆ อยู่แล้ว

“ร่วมลงทุนกับดีเอสทาวเวอร์ค่ะ เรามาสร้างโปรเจ็กต์ที่ใหญ่ที่สุดที่ไม่มีโรงแรมไหนเคยทำกันเถอะค่ะ”

ปัณณ์หัวเราะหึกับเสือสาวทั้งสองที่กำลังคุยเรื่องใหญ่ยักษ์โดยมีฟองดูร์เป็นของว่างรับประทานกันอย่างเพลิดเพลิน เมื่อเขียนจันทร์ยิ้มเป็นคำตอบ และคุยสัพเพเหระเกี่ยวกับธุรกิจของดีเอส หรือจะการทำงานของเขา เสียงลัลริกาก็เอ่ยเรียกคนที่เดินมานั่งไขว่ห้างหันหลังติดกับเก้าอี้เขียนจันทร์ กางหนังสือพิมพ์อ่าน เปิดตัวผู้ติดตามที่เขียนจันทร์ไม่ได้รู้สึกตัวเลย

“คุณขุนไม่ทานอะไรเพิ่มเหรอคะ”

เขียนจันทร์นั่งหลังตรง เส้นประสาททุกเส้นในสมองตื่นตัว หญิงสาวหันไปช้าๆ ได้ยินเสียงหนังสือพิมพ์ถูกพับเก็บ เสี้ยวหน้าด้านข้างของรักษ์ชาติดูผ่อนคลายยามยิ้มมุมปากใส่เธอ

“ถ้าเธอถูกปองร้าย ป่านนี้โดนจ่อยิงระยะเผาขนแล้ว รู้ตัวไหม” รักษ์ชาติหันไปตอบลัลริกาด้วยน้ำเสียงสบายๆ “ไม่ล่ะครับ นั่งฟังจนอิ่มพอดี”

“ถ้าฉันไม่ตามเธอมา ฉันอาจจะลืมว่าวันนี้วันเกิดน้องขุน คุณปั้นครับขอเค้กปอนด์ใหญ่ๆ สักปอนด์นะครับ ผมรู้ว่าร้านนี้เค้กอร่อยที่สุด”

“ขอบคุณแทนย่าด้วยนะครับ เดี๋ยวผมให้ย่าทำให้ใหม่ รอสักครู่นะครับ” ปัณณ์มีประกายตาสดใสยามเอ่ยถึงคนรัก ร่างสูงผละจากไปดูแลเมนูให้ ปล่อยให้ลัลริกาส่ายหน้ามองตามพลางยิ้ม

“เห่อแฟนน่ะค่ะ เห่อมาได้สามปี ก็ยังไม่เห็นจะเห่อน้อยลงเลย”

เขียนจันทร์มองตาม เห็นผู้ชายตัวโตที่โดนดุจนคอตก คงไปทำอะไรให้แฟนไม่พอใจ แต่ก็ยังไหวไหล่เดินตามเข้าหลังครัวไป “ความรักก็คงจะเป็นอย่างนี้มั้งคะ”

“แตกต่างจากคุณโป้งสิ้นเชิง รายนั้นมีเวลาก็ไม่ค่อยหวานหรอกค่ะ ออกๆ แนวคุณขุน คอยส่งกระแสอำมหิตใส่คนที่จะแอบมองคนรักของตัวเองมากกว่า เป็นพวกหวงก้างเงียบ”

สถานะ ‘คนรัก’ ของรักษ์ชาติถูกตอกลงกลางหน้าผากเขียนจันทร์อีกครั้ง หญิงสาวหัวเราะเจื่อนๆ กับการวิเคราะห์ที่ไม่ค่อยตรงของลัลริกา แต่ไม่อยากจะแก้ตัวให้เข้าเนื้อจนเลือดซิบ ได้แต่นึกปลงถึงสถานะปลอมๆ ที่เธอเพียรหนีนั้น ดูท่าว่าจะหนีไม่ค่อยพ้นเสียเลย

หวงก้างเงียบ...ระดับรักษ์ชาติเนี่ยนะ เขาจะหวงเธอไปเพื่ออะไร ไม่มีทางเป็นเรื่องจริงได้เลย

คนบอกว่าเกือบลืมวันเกิดลูกชายถือโอกาสสั่งเลขานุการิณีของเธอให้กลับไปกับคนของเขา แล้วตัวเองก็นั่งหน้านิ่งหลังพวงมาลัยคนขับ ปล่อยให้เธอหน้าหงิกกับการไม่ทันทำใจให้รักษ์ชาติมานั่งร่วมรถด้วย

“คุณชายของเธอจะมางานลูกชายฉันไหม” น้ำเสียงพาลเริ่มขึ้นเพียงแค่ขับออกมาจากห้างสรรพสินค้า เขาลากเธอไปซื้อหุ่นยนต์ตัวโตเป็นของขวัญให้กองพันมาตัวหนึ่ง พอตัวเองได้สมปรารถนาก็ถึงจะคลายหน้าบึ้งลงเป็นเริงร่ายามเดินข้างๆ เธออวดสายตาประชาชน (สร้างข่าวขึ้นมาอีก)

“มาสิคะ คุณชายก็รู้จักลูกขุน”

“น่าเสียดายนะที่วันนี้ฉันจะไม่ปล่อยเธอให้ไปโฉบกับคุณชายอีก พ่อก็ควรจะอยู่กับแม่”

เขียนจันทร์อ้าปากค้าง เธอเองยังแอบนึกสงสัยที่ไม่กี่วันมานี้จู่ๆ กองพันก็เดินเข้ามาหาเธอ และขอเปลี่ยนการเรียกจาก ‘อาเขียน’ เป็น ‘แม่เขียน’ แทน หวังว่าเด็กจะคิดได้เอง ไม่ใช่มีผู้ใหญ่นิสัยเสียคอยบงการอยู่เบื้องหลังหรอกนะ

“พ่อแม่อยู่ด้วยกันฉันพอเข้าใจ แต่พ่อไม่ใช่แฟนแม่นะคะ พ่อเป็นพ่อของลูก และแม่ เป็นคนเลี้ยงลูก ไม่ได้มีความสัมพันธ์ใดๆ ทั้งสิ้น”

“ใครจะเชื่อ” รักษ์ชาติตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงยียวน หน้าตายั่วโมโหให้เขียนจันทร์ปรี๊ดแตก แต่หญิงสาวทำได้แค่กำมือไว้แน่น ตอกกลับนิ่มๆ

“ฉันคนหนึ่ง ที่ไม่เชื่อ”

“มันจะยากอะไรนักหนา ก็แค่ทำใจให้เชื่อ พ่อแม่ลูก ตอนเด็กฉันยังเคยเล่นกับเธอกับวาดออกบ่อยๆ ไป”

เขียนจันทร์แอบเบะปาก เธอจำได้ว่าตอนเด็กวาดตะวันเป็นคนชอบเล่นขายของ เล่นพ่อแม่ลูก แต่ต่างที่ ลูกนั้นเป็นตุ๊กตา วาดตะวันเป็นแม่ รักษ์ชาติเป็นพ่อ และเธอ... “ฉันเคยเล่นแต่เป็นเบ๊ เวลาคุณจำอะไรก็จำมันให้ครบๆ หน่อย”

“นี่เธอว่าฉันโง่ จำอะไรไม่ได้หรือไง”

หญิงสาวส่ายหน้า ดวงตาเศร้าอย่างกับโดนรังแก แต่วาจาไม่เคยยอมอ่อนข้อเป็นรองอีกฝ่ายสักครั้ง “ฉันไม่ได้พูดแบบนั้น คุณต่างหากพูดว่าตัวเอง” เขียนจันทร์มองเสี้ยวหน้าคนโกรธที่กำลังทมึงทึง เม้มปากไม่พอใจก็ได้แต่ยิ้มสะใจกับชัยชนะเล็กๆ นี้

รถสปอร์ตของเธอเข้ามาในวังจักรตรากูลที่วันนี้มีรถแปลกตามาเพิ่มจอดอีกคัน นอกจากรถของบดินทร์ภัทร ร่างเล็กกระโดดกระหย็องกระแหย็งรออยู่ข้างรถฝั่งของเขียนจันทร์ หญิงสาวเปิดประตูลง เด็กชายที่วันนี้ผมเรียบแปล้ สวมหมวกกรวยทรงสูงประดับกระดาษเรืองแสงก็ชูแขนรอให้อุ้ม เขียนจันทร์หัวเราะก่อนจะย่อตัวไปอุ้มร่างเล็กมาขึ้นแนบอก เห็นสีหน้ากองพันยิ้มมีความสุข ไม่ได้ทุกข์ หรือเก็บตัวอย่างที่เจอในช่วงแรกเขียนจันทร์ก็รู้สึกเบาใจ และสุขใจ

“ปากเปื้อนชอกโกแลตมา แปลว่ากินเค้ก กินขนมมาแล้ว อย่างนี้เค้กก้อนโตที่พ่อขุนเอามาก็ไม่มีใครสนใจสิครับ”

มือเรียวยกขึ้นใช้นิ้วโป้งเกลี่ยเช็ดขอบปากแดงจิ้มลิ้มให้อย่างเบามือ เด็กชายหัวเราะคิกคักด้วยอาการจั๊กจี้

“ขุนจะกินเองครับ”

“มาให้หอมหน่อยเจ้าลูกชาย” รักษ์ชาติเดินอ้อมรถมายื่นหน้าตั้งใจจุ๊บแก้มลูกชายตัวแสบ แต่อีกฝ่ายเบือนหน้าหนี ซุกอยู่กับไหล่เล็กของคนอุ้ม บ่นเสียงแหลมๆ

“ไม่ให้ ขุนให้แม่เขียนจุ๊บได้คนเดียว”

“น่ารักจัง” เขียนจันทร์ฟัดแก้มยุ้ยของกองพันอย่างหมั่นเขี้ยว เสียงหัวเราะเล็กดังอย่างถูกใจตลอดทางที่เข้าบ้าน มีคนตัวโตเดินตามคุมมาด้วยอาการหน้าบอกบุญไม่รับ

เขียนจันทร์หันกลับมามองหน้าหงิกของรักษ์ชาติแล้วเกิดอาการเห็นใจ ทั้งที่อยากจะหัวเราะกับคุณพ่อผู้ถูกลูกชายเมินใส่ ก่อนจะได้แสดงความเห็นใจไปทางคำพูด บดินทร์ภัทรก็เดินลงมาหาสีหน้ายิ้มแย้ม

“คุณโชติรสมา เลยขอฉลองให้น้องขุนเร็วหน่อยค่ะ”

“คุณโชติรสเหรอคะ” ชื่อของคนที่เธอไมได้ยินมาพักใหญ่ปรากฏตัวขึ้นในบ้านของเธอ เขียนจันทร์พยายามคิดว่าจะมีเหตุผลอะไรที่โชติรสมาที่นี่ได้ หรือหม่อมยายชวน

“คุณโชติรสมาเหรอ” รักษ์ชาติเดินหน้าเครียด เอียงหน้ามาถามใกล้ๆ ตั้งใจให้เกิดภาพใกล้ชิดระหว่างเขากับเขียนจันทร์ต่อหน้าบดินทร์ภัทร

“เวลาถามไม่ต้องใกล้ขนาดนี้ก็ได้ค่ะ เดี๋ยวน้องขุนอึดอัด” คนอึดอัดยกเด็กมาอ้างบังหน้าตน กลบเกลื่อนความรู้สึกประหลาดๆ ที่มีลมหายใจ กับกลิ่นกายของรักษ์ชาติวนเวียนอยู่ใกล้ๆ จมูก รักษ์ชาติดึงร่างในอ้อมแขนไปอุ้มไว้เอง สีหน้ายียวนลอยมาใกล้กว่าเดิม เขียนจันทร์พยายามหดคอหนี แต่ก็ไม่ช่วยอะไรมาก ยามที่หน้าผากเย็นเฉียบของเขาสัมผัสแนบลงมาบนหน้าผากเหม่งของเธอ จู่ๆ ร่างกายเธอก็เหมือนอาการคนเป็นไข้

“กลัวอะไร”

รักษ์ชาติยิ้มกริ่มกับอาการสั่นของเขียนจันทร์ ตัวเกร็งแข็งทื่อ นึกเอ็นดูจนอยากยกมือมาลูบแก้มสีมะเขือเทศดูว่ามันนุ่มแค่ไหน แต่เพราะหางตายังเห็นว่ามีใครมองอยู่ จึงกระแทกหน้าผากกันดังโป๊ก ปล่อยให้เขียนจันทร์ถอยหลัง ก่อนจะนั่งแปะกับพื้น กุมหน้าผากน้ำตาเล็ด สายตาก่นด่าแต่ปากกลับปิดเงียบ

“น้องเขียนเป็นอะไรไหมครับ” บดินทร์ภัทรมาถึงตัวเขียนจันทร์ก่อน สำรวจหน้าผากแดงจากการกระแทก ก่อนพยุงให้ลุกขึ้นยืน ปล่อยให้คนขี้แกล้งรู้สึกหงุดหงิดกว่าเดิม ทั้งที่ศีรษะเขาก็เจ็บมากไม่แพ้กัน

จู่ๆ ก็อยากให้อีกฝ่ายด่า ด่าอะไรก็ได้ ไม่ใช่เงียบเอาปากไปเก็บอยู่ป่าช้าแบบนี้

“พ่อขุนทำร้ายแม่เขียนทำไม ขุนไม่ให้พ่อขุนอยู่ใกล้แม่เขียนแล้ว”

“ถ้าไม่ให้อยู่ใกล้ จากนี้ก็ไม่ต้องเจอแม่เขียนอีก” ตอนนี้คนตัวโตตั้งท่าข่มขวัญเด็กน้อย เพราะหาที่โมโหใส่ไม่ลง เห็นกองพันเริ่มเบะปาก ขอบตาแดง เขาก็รู้หายนะของตัวเอง เมื่อเสียงแหลมร้องโฮลั่นยกมือปัดป่าย ตีศีรษะเขา ผลักหัวด้วย เพียงเพื่อจะหาทางลงจากพ่อใจร้าย

มีสายตาหลายสิบคู่เป็นสักขีพยาน รวมทั้งร่างระหงที่หน้าผากยังแดงวิ่งเร็วกลับมาอุ้มกองพันไปโอ๋แนบอก จุ๊บปากเล็กปลอบให้เงียบ เสียงงอแงนั้นก็ยุติลงง่ายๆ เขียนจันทร์ใช้หางตามองรักษ์ชาติอย่างเย็นชาก่อนจากไปไม่เหลียวหลังกลับมามองอีก

มีสายตาหลายคู่มองตำหนิเขาในฐานะ ‘พ่อไม่ได้เรื่อง’ เพียงแต่ไม่มีใครกล้าส่งเสียงมาว่ากล่าวกันตรงๆ เท่านั้น


......................................

คุณ ใบบัวน่ารัก ธุรกิจโหด แล้วเขียนที่ไม่มีประสบการณ์เลยยิ่งดูหนักค่ะ ต้องให้เขียนค่อยๆ เรียนไป

คุณ ร้อยวจี ตอนนี้ก็หวานไม่มาก แอบมีผู้ชายขี้รวนนิสัยเสียอีก ฮา พาปั้นย่ามาให้หวานนิ้ดดดนึง

คุณ ameerah เริ่มมีมุมไม่น่ารักของขุนโผล่มาบ้างแล้ว ไม่รู้มีใครอยากกระแทกหัวคืนบ้างไหม

คุณ อัศวินนภา พาเด็กน้อยมาเสิร์ฟค่ะ วันนี้งอแงใส่พ่อตัวเองเลย ท่าทางจะเป็นลูกแม่ ไม่ใช่ลูกพ่อนะคะ อิอิ

คุณ นักอ่านเหนียวหนึบ น่าจะให้เขียนไปเพาะพันธุ์หมูต่อเนอะ ชีดูเป็นเด็กน้อยในวงการมากค่ะ ยังต้องเจออะไรอีกเยอะ แต่เขียนยังเป็นสัตวแพทย์ได้อยู่นะคะ ส่วนขุน เหอะๆ ยังไม่น่ารักเลย

ขอบคุณทุกความเห็น ทุกไลค์ และนักอ่านเงาทุกท่านนะคะ 



ปวรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 29 พ.ค. 2557, 02:19:21 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 29 พ.ค. 2557, 02:19:21 น.

จำนวนการเข้าชม : 2037





<< บทที่ 8 : สร้างข่าว   บทที่ 10 : คำสัญญา >>
ร้อยวจี 29 พ.ค. 2557, 08:15:50 น.
เอากับเค้าสิ ไม่มีใครรักพ่อขุนแล้วชอบแกล้งแม่เขียน คิดถึงปั้นกับย่าค่ะ สนุกมาก


อัศวินนภา 29 พ.ค. 2557, 08:36:23 น.
วันนี้ส่งย่ามาให้หายคิดถึงนิดหน่อย


นักอ่านเหนียวหนึบ 29 พ.ค. 2557, 18:44:01 น.
และพ่อขุนก็ยังคงไม่น่ารักต่อปายยยย
เสี่ยหลงนี่เยอะอย่างนะเนี่ยย


ameerah 29 พ.ค. 2557, 19:17:27 น.
อ๊ายยย พาพี่ปั้นมาให้กรี๊ดดด ส่วนพ่อขุนเดี๋ยวรอให้แม่เขียเอาคืน อิอิ


ใบบัวน่ารัก 30 พ.ค. 2557, 01:03:44 น.
อยากกินเค้กอะ


ผักหวาน 17 มิ.ย. 2557, 22:17:54 น.
คืนนี้พ่อขุนได้ระดมจุ๊บปาก จุ๊บแก้มน้องขุนกันใหญ่ล่ะค่ะ 555 เพราะมีแต่สัมผัสของแม่เขียนเต็มไปหมดนี่นา


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account