แก้วขวัญวันรัก
เรื่องราวของสี่สาวพี่น้องที่ต้องตามล่าหาแฟนให้ได้ภายในสามเดือน ก่อนที่จะถูกจับคลุมถุงชนกับเจ้าบ่าวที่ไม่เคยเห็นหน้า ดังนั้นภารกิจ และปฏิบัติการลับของการตามหาแฟนจึงเริ่มข้น
แต่ติดปัญหาที่แก้ไม่ตกนั่นคือ

คนหนึ่ง ขี้เหวี่ยงขี้วีน คบกับผู้ชายได้ไม่เกินหนึ่งวัน ผู้ชายคนนั้นต้องหนีเปิง เจ้าของฉายา
“สวยเหวี่ยงวีน”

คนหนึ่ง ซุ่มซ่ามจอมโก๊ะ เจ้าของฉายา “สาวโก๊ะมหาวิบัติ”

คนหนึ่ง ด้านชาต่อความรัก ไร้ความรู้สึกกลับความรัก เจ้าของฉายา “ดอกไม้น้ำแข็งไร้อารมณ์”

และอีกคนหนึ่ง สาวสวยหมดเท่ แต่ใจเธอคือหญิงแท้ แต่กลัวการมีความรัก เจ้าของฉายา
“เจ้าสาวกลัวฝน”

Tags: สี่สาว รักแท้ ความรัก การตามหา

ตอน: 4 สาวโก๊ะมหาภัย

4
สาวโก๊ะมหาภัย


ขวัญชีวันสูดกลิ่นอายของทะเลเข้าปอด นานแล้วที่ไม่ได้มาเที่ยวทะเล ไม่ได้มาสูดอากาศที่บริสุทธิ์ ปลอดโปร่งของสายลม แสงแดดแบบนี้ เพราะตั้งแต่เด็กเธอมักจะพกพาความซวยติดตัวไปด้วยเสมอ หรือจะเรียกว่าความโก๊ะของเธออย่างที่แม่หมอฟ้าตาทิพย์บอกนั่นแหละ เธอเหยียบย่างที่ไหนที่นั่นต้องพังยับด้วยน้ำมือของเธอ เพียงหกล้มเล็ก ๆ เธอก็พังทั้งงานในพริบตา นั่นทำให้เธอไม่ค่อยจะไปเที่ยวไหนนอกจากร้านขนมของเธอ

“เจ๊ขวัญ” รักจิราเดินเข้ามาเกาะแขนพี่สาวไว้ รักจิราชอบที่จะมาเกาะเอวเกาะแขนขวัญชีวัน เธออยู่ใกล้ขวัญชีวันแล้วรู้สึกสบายใจ ต่างจากแก้วกัลยาที่อยู่ใกล้ไฟยิ่งลุก หรืออยู่กับวันวิวาห์รู้สึกสงบก็จริงแต่หนาวเหน็บในบางครั้ง อาจจะบอกได้ว่าขวัญชีวันเป็นคนที่ตามใจเธอที่สุด และเธอพาขวัญชีวันแอบหนีมาที่เกาะดารา หนีพายุเฮอริเคนอย่างแก้วกัลยาที่จะฆ่าเธอเพราะเธอทำกระเป๋าสุดรักของเธอตกน้ำตอนนี้สภาพเกินเยียวยา ทั้งที่มันก็ไม่ได้เสียหายอะไรขนาดนั้น แต่กลับยังฟาดงวงฟาดงาไม่เลิก เธอจึงหนีมาได้สองวันแล้ว วันนี้เป็นวันที่สามเป็นวันงานเปิดตัวโรงแรมแห่งใหม่ของเกาะดารา ผู้สื่อข่าวหลายสำนักพิมพ์ได้รับคำเชิญให้มาร่วมทำข่าว

“ตกลงคืนนี้เจ๊ไปในงานกะเค้านะ” รักจิราพูด เออยากให้พี่สาวคนนี้ปิดหูเปิดตาบ้าง

“ไม่เอาอ่ะ เจ๊กลัว”

“กลัวอะไรเจ๊ขวัญ เค้าก็อยู่ ที่ตัวมาก็เพราะว่าตัวอยากเจอแอนนา ลอว์เรนซ์ไม่ใช่หรอ ถ้าไม่เข้าไปในงานแล้วจะเจอได้ยังไง แถมงานนี้แอนนา ลอว์เรนซ์เป็นคนทำขนมในงานด้วยนะ พิเศษแบบเอ็กซ์คลูซีฟเลยนะ ไปนะเจ๊ ตัวจะทิ้งเค้าหรอเจ๊ขวัญ ไปนะ นะ นะ” ขวัญชีวันทำหน้าเหมือนคิดหนัก

“เจ๊ไม่อยากชิมขนมของเชฟคนโปรดของเจ๊หรอ ปกติแอนนาคนเนี้ยไม่ค่อยออกงาน แถมไม่เคยลงมือทำขนมแบบนี้ นี่มันพิเศษมากเลยนะ ไปนะ” ขวัญชีวันพยักหน้ารับเมื่อทนแรงอ้อนวอนของน้องไม่ไหว รักจิราโผเข้ากอดพี่สาวไว้แน่น แล้วอย่างนี้จะไม่ให้รักที่สุดได้ยังไง รักจิราคิด

“แล้วนี่เราต้องเก็บภาพ แล้วสัมภาษณ์ด้วยไหม”

“ก็นิดหน่อย ตามจริงเจ๊ผึ้งอยากให้ราขอสัมภาษณ์ส่วนตัวด้วยนะ แต่คงยากแน่ ๆ เจ๊รู้ไหมว่าคุณวาทินเจ้าของเกาะดาราเนี่ยหล่อมาก นี่เดี๋ยวเค้าโชว์รูปให้ดู”แล้วรักจิราก็หันไปเปิดไอแพดและส่งให้ขวัญชีวันดู ขวัญชีวันมองหนุ่มหล่อในรูปที่รักจิราเอามาโชว์ เขาหล่ออย่างที่รักจิราบอกจริง ๆ หล่อแบบผสมผสานระหว่างตะวันออกและตะวันตก เป็นการผสมผสานที่ลงตัวมาก ผิวของเขาขาวออกแทนนิด ๆ ดวงตาคมกริบสีดำดั่งคนตะวันออก มันดูลึกลับ น่าค้นหา เรือนจมูกที่โด่งเป็นสันอย่างคนตะวันตกเสริมให้โครงหน้ามีมิติขึ้น ริมฝีปากหนาที่น่าสัมผัสดูสักครั้ง เขาคือเอกบุรุษที่เกิดมาเพื่อสยบเหล่าสาว ๆ ทั่วโลกด้วยความหล่อของเขานี่ล่ะ ขวัญชีวันรู้สึกหัวใจของเธอมันกระตุกไปชั่ววูบ

“ก็หล่อดี”

“โห่ แค่เนี่ยนะเจ๊ขวัญ นี่เขาเรียกหล่อมากเลยต่างหาก น่าเสียดายไม่น่าเป็นพ่อม่ายเมียตาย” ดูเหมือนขวัญชีวันจะสนใจขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินว่าพ่อม่ายเมียตาย

“สนใจแล้วใช่ไหมล่ะ นี่คือคุณวาทิน คาเว่น ปัทมพิสุทธิ์ ลูกครึ่งไทย อิตาลี พ่อของเขาเป็นเจ้าของคาสิโนคาเว่น ทางฝั่งตะวันออกของอิตาลี แต่เสียชีวิตไปแล้ว”

“มาเฟียหรอ”

“ก็น่าจะอย่างนั้น จากข้อมูลที่เค้าเคยค้นมาก่อนหน้าเนี้ย คุณวาทินเนี่ยเป็นหลานของคุณอาเธอร์ คาเว่น ในอดีตครอบครัวของเขาเป็นมาเฟียใหญ่ของอิตาลี ต่อมาก็โดนล้มล้าง เปลี่ยนมากิจการเกี่ยวกับการขนส่ง พวกโลจิสติกส์อะไรประมาณนั้น ก่อนจะมาเปิดคาสิโนคาเว่น คาสิโนคาเว่นกลายเป็นกิจการหลักในเวลาต่อมา และเป็นคาสิโนแห่งใหญ่ที่เปิดอยู่ทั่วทุกมุมโลก โดนมีตระกูลคาเว่นเป็นเจ้าของ เขากลับมามีอำนาจอีกครั้ง ตระกูลคาเว่นมีกิจการที่ดูแลอีกหลายอย่างในอิตาลีและประเทศในบริเวณรอบ คุณวาทินเป็นลูกชายของคุณอังเดย์น้องชายคุณอดัม พอคุณอังเดย์เสียชีวิตคุณอดัมก็รับคุณวาทินมาเป็นลูกบุญธรรม คุณอดัมพ่อบุญธรรมของคุณวาทินเป็นผู้นำตระกูลคนที่แล้วที่พึ่งเสียชีวิตจากการประสบอุบัติเหตุเครื่องบินตกเมื่อสามเดือนก่อน ตอนนี้คุณวาทินเหยียบตำแหน่งของผู้นำตระกูลคนต่อไปไปครึ่งขาแล้ว เพราะคนในตระกูลส่วนใหญ่คิดว่าเขาเหมาะสม อิทธิพลอะไรหลาย ๆ อย่างเขาแม้เขาจะไม่ได้บอกว่าเป็นมาเฟีย แต่เขาไม่ต่างจากมาเฟียเลย ดูสถานภาพทางสังคมเขาสิ”

“แล้วเกาะดาราล่ะ” ขวัญชีวันถาม

“เกาะดาราเป็นเกาะส่วนตัวของแม่คุณวาทินที่คุณตาของคุณวาทินทิ้งไว้ให้เป็นมรดก คุณวาทินเป็นทายาทคนสุดท้ายของปัทมพิสุทธิ์ คุณวาทินไม่คิดจะรับงานของตระกูลคาเว่นต่อจึงมาทำธุรกิจที่ไทยและเปิดเกาะแห่งนี้ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว เป็นการท่องเที่ยวในเชิงอนุรักษ์ด้วย ใช้ที่เพียงส่วนหนึ่งของเกาะในการทำธุรกิจ ถ้าเขาไม่ใช่มาเฟียในอิตาลีก็ไม่ต่างจากมาเฟียในไทยหรอก อิทธิพลของครอบครัวเขาในไทยก็มากอยู่”

“แล้วใครเป็นผู้นำคนต่อไปของในตระกูลคาเว่น” ดูเหมือนขวัญชีวันจะสนใจขึ้นเรื่อย ๆ

“เค้าก็ไม่รู้ เห็นข่าวแว่ว ๆ ว่าพี่น้องกำลังแก่งแย่งกันเอง แต่คนในถือข้างคุณวาทินกันเยอะ แต่ก็ไม่มีใครรู้อยู่ดี ชู่ว์ ตัวอย่างเสียงดังไปนะเจ๊ขวัญ เรื่องพวกนี้เงียบได้เป็นดี เพราะเจ้าของเกาะที่นี่โหดมาก ไม่ได้ดุแค่ตาของเขานะ นิสัยก็ดุมาก เป็นคนเงียบ ๆ เข้ม ๆ เขาเคยไปทำข่าวโรงแรมธาราลักษณ์ โรงแรมของตระกูลปัทมพิสุทธิ์ ตอนนั้นนะพอนักข่าวกรูเข้าไปเขามองปราดเดียวไม่มีใครกล้าเข้าไปใกล้เลย ไม่น่าเชื่อว่าตาดุแบบนี้จะดูแลลูกสาวเขาได้” ขวัญชีวันพยักหน้ารับกับข้อมูลที่ได้รับ

“สนใจแล้วอ่ะดิเจ๊ขวัญ”

“บ้าหรอ คนระดับนั้นฝันให้ตายจะไปถึงหรอ แค่เขาชายตามาก็คงไม่มีทางแน่ ๆ”

“ใครจะไปรู้กันล่ะ ไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดดีกว่า งานเริ่มตอนหนึ่งทุ่ม ตอนนี้จะหกโมงแล้ว เค้าต้องไปเตรียมตัวอีก” ขวัญชีวันเดินตามแรงดึงของน้องเข้าไปด้านในโรงแรม





งานเปิดตัวโรงแรมแห่งใหม่ของเกาะดารากำลังจะเริ่มขึ้น ขวัญชีวันเดินเข้าไปในงานพร้อมกับรักจิรา ขวัญชีวันอยู่ในชุดเดรสกระโปรงแขนสั้นสีขาวดูเรียบ ๆ ซึ่งเป็นชุดที่ขวัญชีวันยืนแก้วกัลยามา ถ้าอยู่บนร่างที่สูงระหงของแก้วกัลยามันจะเป็นเดรสสั้นอวดเร็วขาเอวยาว แต่เมื่อมาอยู่บนร่างเล็ก ๆ ของขวัญชีวันมันจึงกลายเป็นเดรสยาว แต่มันก็ดูน่ารักไปอีกแบบ ส่วนรักจิราที่ยังคงคอนเซฟให้ตัวเองทำงานคล่องแคล่ว เพียงแต่แต่งกายสุภาพขึ้นด้วยการใส่เสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนและทับสูทสีดำกึ่งทางการ กางเกงผ้าสีดำที่สุภาพ ทำให้ไม่ดูน่าเกลียดระหว่างรองานที่กำลังจะเริ่มขึ้น รอเจ้าของโรงแรมกล่าวเปิด รักจิราพาขวัญชีวันไปหาขนมกินและตนก็คอยเก็บภาพบรรยากาศในงาน

“ฟินไหมเจ๊ขวัญ” รักจิราถามเมื่อเห็นพี่สาวยิ้มกริ่มตอนกินขนมที่ทำจากมือเชฟคนโปรด

“เจ๊ขวัญตัวคอยเค้าตรงนี้นะอย่าเดินไปไหนเด็ดขาดเค้าลืมเครื่องบันทึกเสียงไว้บนห้อง อย่าไปไหนนะเจ๊ขวัญ” ขวัญจิราพยักหน้ารับ และหันไปกินต่อ แต่จังหวะกำลังจะหยิบขนมคัพเค้กหน้าตาน่ากิน มือก็ของเธอก็ไปชนกับมือของใครคนหนึ่งเข้าพอดี

“อุ้ย!!!” ขวัญชีวันชักมือกับและถอยหลังหนีไปชนกลับบริกรที่ยืนอยู่ข้างหลัง ถาดในมือของบริกรคนนั้น ขวัญชีวันทำหน้าตกใจหันกลับไปมอง ถาดในมือของบริกรที่หล่นลง

เคร้ง!!!

ทั้งเสียงถาดและเสียงแก้วแตกดังขึ้น คนที่อยู่ในอาณาบริเวณพากันหันไปมอง ใบหน้าขาวนวลเกิดความอายขึ้นมา ทำอะไรไม่ถูก จึงเผลอถอยหลังจนสะดุดล้มลงไปนั่งกับพื้น จากอายอยู่แล้วก็ยิ่งอายไปใหญ่ ขวัญชีวันไม่ใช่คนที่แก้ปัญหาเฉพาะหน้าเก่งเหมือนรักจิราหรือแก้วกัลยา ดังนั้นจึงได้แต่นั่งนิ่งได้ยินเสียงหัวเราะเยอะดังขึ้นมาถี่ ๆ ชายหนุ่มที่ยื่นมือแตะขนมกับขวัญชีวันเมื่อครู่เดินเข้ามาช่วยพยุงขวัญชีวันขึ้น ขวัญชีวันสะดุ้งเมื่อมีคนเข้ามาถูกตัว

“ผมช่วยดีกว่าครับ” ขวัญชีวันขมวดคิ้วมองชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาอย่างซาบซึ้ง ในชีวิตเคยมีไหมผู้ชายเข้าใกล้ถึงตัวขนาดนี้ และผู้ชายคนนี้ก็หล่อมาก ใบหน้าขาวเกลี้ยงเกลาดูสุภาพ ดวงตาดูหนักแน่นแต่ก็แฝงความอ่อนโยน ขวัญชีวันเผลอยิ้มออกมา จนชายหนุ่มที่เข้ามาช่วยต้องยิ้มตาม

“ไม่เป็นอะไรนะครับ คุณ คุณครับ” ขวัญชีวันได้สติก็ผละตัวออกจากอ้อมแขน สายตาสาว ๆ ในงานพากันมองอย่างอิจฉาสาวนัยน์ตากลมคนนี้

“ขะ...ขอบคุณ...ค่ะ”

“ไม่เป็นไรครับ เก็บของทำความสะอาดพื้นให้สะอาด” เขาพูดกับเธอจบก็หันไปสั่งบริกรคนนั้นที่พยักหน้ารับและทำตามอย่างเคร่งครัด เขาส่งกระเป๋าคืนให้กับเธอ ขวัญชีวันพอหันไปเห็นเหตุการณ์ที่เกิดจากตัวเองเป็นต้นเหตุก็รู้สึกอายขึ้นมาอีกครั้ง จึงหันไปมองหนุ่มหล่อหน้าใสคนนั้น

“ขอบคุณนะคะ แล้วก็ขอโทษนะคะ” แล้วขวัญชีวันก็วิ่งไปทันที ใครจะอยู่ต่อให้อาย แต่วิ่งไปได้ไม่ไกล

“ว้าย!!!”

เพล้ง!!!!

“เธอเดินยังไงของเธอเนี่ย เปื้อนหมดแล้ว” ขวัญชีวันเผลอวิ่งชนสาวสวยคนหนึ่งเข้าเต็ม ๆ ขวัญชีวันหน้าเสียอีกครั้งและก้าวถอยหลังหนี แก้วน้ำส้มแตกกระจายอยู่บนพื้นพร้อมกับละอองน้ำส้มที่กระเด็นเปื้อนเธอและสาวสวยคนนั้นเข้าเต็ม ๆ สาวคนนั้นมองขวัญชีวันตาแข็ง ขวัญชีวันก้มหน้าลงหนีอย่างรู้สึกไม่ดี จนเผลอเห็นชุดของตัวเองที่เปื้อนมากกว่าของสาวคนนั้นเสียอีก ขวัญชีวันทำสีหน้าตกใจมากกว่าเก่า ชุดนี้เธอยืมมาจากแก้วกัลยา ถ้าแก้วกัลยารู้ว่าเธอทำชุดของเธอเปลี่ยน ขวัญชีวันต้องโดนดุแน่ ๆ ขวัญชีวันทำสีหน้าเลิ่กลั่กและเงยมองหน้าของสาวสวยคนนั้นอีกครั้งที่มองเธอตาเขียว

“ขะ...ขอโทษค่ะ” แต่ดูเหมือนว่าสาวคนนี้จะไม่ยอม และผลักขวัญชีวันที่ตัวเล็กกว่ากระเด็น ขวัญชีวันคิดว่าร่างตัวเองกำลังจะล้มลงจึงจับบางสิ่งที่อยู่ข้างตัว หวังว่ามันจะช่วยให้เธอไม่ล้มลงจนหายคน แต่ที่ไหนได้มือเธอกลับไปรูปปั้นปลาโลมาทำจากคริสตัลที่ตั้งประดับในงานล้มลง

เพล้ง!!!

เสียงปลาโลมาคริสตัลแตกเสียงดังไปทั่วงาน จากครั้งแรกที่คนมองอยู่แล้วครั้งนี้มันเริ่มเยอะขึ้นกว่าเดิม ขวัญชีวันรู้สึกอายแต่พอเห็นกระโปรงที่เปื้อนน้ำส้มก็ผลุนตัวลุกขึ้นวิ่งหนีไปทันที เธออายแทบจะมุดแผ่นดินหนี ไม่เอาแล้ว ต่อไปนี้ไม่ไปแล้ว งานอะไรก็แล้วแต่ไม่ไปแล้ว เข็ดหลาบ พอกันที ขวัญชีวันเดินเข้ามาในห้องน้ำมองสภาพตัวเอง ตอนนี้เนื้อตัวปรากฏรอยช้ำจากแรกกระแทก ตัวเธอซุ่มซ่าม โก๊ะ และรอยแผลรอยช้ำยังเกิดขึ้นง่ายมากอีกด้วย ขวัญชีวันส่ายหน้ากับสภาพตัวเองที่ดูยับเยินกว่าตอนขามา ขวัญชีวันเริ่มสนใจสภาพตัวเองหันมาสนใจชุดที่เผื่อนน้ำส้ม ถ้าไม่ล้างในทันทีมันอาจจะล้างไม่ออก ขวัญชีวันใช้น้ำถูจักจุดที่เปื้อนขยี้เบา ๆ รอยเริ่มจางหายไป ขวัญชีวันยิ้มและถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เมื่อจัดการชุดเสร็จดูเหมือนว่าพึ่งจะนึกออก

“รัก” ขวัญชีวันรีบวิ่งกลับไปที่งาน แต่ยังไม่ทันพ้นทางเดินยาวที่ทอดออกจากห้องน้ำ ผู้หญิงคนหนึ่งก็เดินเข้ามาชนร่างของเธออีกจนได้ ขวัญชีวันที่ตั้งหลักไม่ทันเซถลาถอยหลัง ตัวของเธอกระเด็นออกไปที่ผนังอีกครั้ง มือของเธอตะครุบไปที่กำแพง และเสียงก็ดังขึ้น

กริ๊ง!!!!

สัญญาณไฟไหม้ จากไหน ขวัญชีวันมองซ้ายเหมือนยังตกใจอยู่ และกลับไปมองที่มือของตัวเองที่ตอนนี้แปะอยู่บนกริ่งกดสัญญาณไฟไหม้ ขวัญชีวันทำหน้าตกใจ และเริ่มได้ยินเสียงคล้ายกองทัพคนวิ่งออกมาจากห้องจัดงาน มีส่วนหนึ่งวิ่งมาทางห้องน้ำที่มีบันไดหนีไฟอยู่ ขวัญชีวันกะจะวิ่งไปห้าม และอธิบายแต่เสียงเธอโดยกลบด้วยเสียงกรีดร้องตกใจคิดว่าไฟไหม้ ขวัญชีถูกดันไปชิดกับกำแพง และเหมือนจะนึกขึ้นได้ในทันทีว่ากระเป๋าหาย

“หายไปไหน ตายแน่ แก้วฆ่าฉันแน่” ขวัญชีวันเริ่มร้อนรนอีกครั้ง เมื่อนึกออกว่าทำกระเป๋าหล่นไปตั้งแต่ตอนที่ชนกับหนุ่มหล่อใจดีคนนั้นแล้ว เธอจะไม่เสียดายถ้ากระเป๋าใบนั้นมันไม่ใช่ของเธอ กระเป๋าใบนั้นมันเป็นของแก้วกัลยาเจ้าแม่แฟชั่นคนงามพี่สาวของเธอ ถ้าแก้วกัลยารู้ว่าเธอทำมันหาย แม้แก้วกัลยาไม่กล้าทำอะไรเธอเหมือนรักจิรา แต่ก็คงไม่ปล่อยให้เธอยืนอยู่ตรงหน้าโดนไม่ทำอะไรแน่ ๆ เมื่อคิดได้ดังนั้นก็วิ่งกลับเข้าไปในงานอีกครั้ง ขวัญชีวันพยายามเดินสวนคนที่วิ่งหนีออกมาเข้าไปด้านในห้องจัดแสดง แต่มันก็เป็นเรื่องยากที่ต้องเดินเบียดกลุ่มคนที่วิ่งออกมา แต่ในที่สุดขวัญชีวันก็เบียดและเดินเข้ามาในห้องจัดแสดงที่ตอนนี้ไฟปิดจนมืดสนิท ขวัญชีวันมองไปทั่วงาน โชคดีที่งานเลี้ยงแบบนี้จัดโต๊ะแบบบุฟเฟ่ต์รอบ ๆ งาน ไม่มีโต๊ะนั่ง ทำให้ตรงกลางงานเป็นพื้นโล่งเมื่อไม่มีคน มันจึงมองเห็นทุกอย่างแม้ด้านในจะมืดสลัวมาก ขวัญชีวันพยายามกวาดสายตามองไปทั่วงาม ก็พบกับวัตถุสีขาวสะท้อนแสงที่อยู่ใกล้กับเสาครัสตัล ที่ตั้งประดับรอบ ๆ งาน ขวัญชีวันยิ้ม เพราะกระเป๋าของแก้วกัลยาประดับเพชร และเพชรจะส่องกระกายแม้ในความมืด ขวัญชีวันวิ่งเข้าไปทันที จะรออยู่ทำไมอีกเล่า แต่ขายังวิ่งไปไม่ทันถึงก็วิ่งสะดุดกับวัตถุที่ตกอยู่บนพื้น มือที่ยื่นออกไปข้างหน้าเผลอผลักไปโดนเสาคริสตัลที่มันช่าง มันช่างไม่ทนทานเอาเสียเลย เมื่อโดนแรงผลักที่โถมใส่ก็ล้มลง และคงเป็นเรื่องโชคร้ายที่เสาคริสตัลเหล่านั้นถูกผูกโยงด้วยสายโซ่คริสตัลชิ้นดีเมื่อเสาหนึ่งล้มก็กระชากเสาที่เหลือล้มตามลงมา เกิดเสียงดังสั่นหวั่นไหว

เพล้ง!!!

ขวัญชีวันได้แต่นั่งกุมหัวตัวเองไว้อย่างตกใจ เสียงเสาคริสตัลล้มแตกกระจายดั่งโดมิโน เสียงการพังพินาศของงานแห่งนี้จบสิ้นลง ขวัญชีวันเงยหน้าขึ้นมอง ดวงตาตื่นตะลึงเพราะเธอพึ่งเห็นว่าเสาคริสตัวทุกต้นที่ถูกนำมาประดับในงานหรูหรานี้สูงมากและโซ่คริสตัลนั้นไม่ได้โยงกันไปแค่รอบงานเป็นรูปสี่เหลี่ยม ขวัญชีวันคิดว่ามันน่าจะมีประมาณเกือบนี่สิบต้นตั้งทิ้งระยะห่างกัน และโซ่คริสตัลสีสวยทุกเส้นโยงไปรวมถังอยู่ที่โคมไฟชันนาเรียสุดตระการตาที่อยู่ใจกลางงาน เมื่อเสาทั้งสี่โค่นโล่มลง โซ่คริสตัลทั้งหมดก็พังทลายจากการขาดตามเสาคริสตัลเหล่านั้น ทำให้โคมไฟชันนาเรียเกิดการสั่นไหว ขวัญชีวันกลัวมันจะหล่นลงมา ฉับพลันมันก็หล่นลงมาจริง ๆ ขวัญชีวันมุดตัวหลบไปใต้โต๊ะบุฟเฟ่ต์

เพล้ง!!!

เสียงโคมไฟชันนาเรียที่สวยตระการตราล่วงลงมา ตรงกลางโดนรูปปั้นโลมาตัวใหญ่ที่คลุมด้วยผ้าสีขาวจนล้มลง เกิดเสียงดังขึ้นอีกรอบ ขวัญชีวันได้แต่ยกมือขึ้นไหว้ เธอซวยแล้ว ถ้าเจ้าของงานรู้ว่าเธอพังงานเขาเสียเละเธอตายแน่ เมื่อเสียงเงียบลงขวัญชีวันค่อย ๆ มุดออกมาและมองภาพความเสียหายที่เกิดจากเธอเป็นต้นเหตุ ไม่ได้การเจ้าของที่นี่คือมาเฟีย อยู่ตายแน่ ขวัญชีวันมองหากระเป๋ารีบเดินไปหยิบกระเป๋าขึ้นมาแต่สานตาหันไปเห็นสิ่งที่ส่องประกายในความมืด ไม่ใช่แค่เศษคริสตัลที่แตกกระจาย เพราะไอ้ก่อนกลม ๆ วาว ๆ แบบแปลก ๆ นั่นมันอะไร ขวัญชีวันเดินเข้าไปดูให้ชัดขึ้น ลักษณะของมันคล้ายกับเพชร ด้วยความไม่แน่ใจจึงก้มลงคว้าจะหยิบขึ้นมาดู

พรึ่บ!!!

แกรก แกรก แรก แกรก แกรก

ไฟในห้องสว่างขึ้นทันทีที่มือของขวัญชีวันแตะก้นกลม ๆ นั่น เสียงบางอย่างก็ดังขึ้น ขวัญชีวันรู้สึกได้ถึงอันตราย และรู้สึกได้ถึงสายตาหลายคู่ที่จับจ้องล้อมตัวเธออยู่ ดวงหน้ากลมค่อย ๆ เงยขึ้น พลันดวงตากลมโตก็เบิกกว้างกับปืนนับสิบกระบอกที่จ่อมาทางเธอ ขวัญชีวันแทบจะล้มทั้งยืน ขายฉกรรจ์นับสิบกำลังจ้องมองมาที่เธอเป็นตาเดียว เธออยากจะพบแม่หมอฟ้าตาทิพย์เหลือเกินแล้วถามว่านี่ใช่ไหมที่ว่าที่ว่าจะเจอผู้ชายเยอะมาก และทำไมไม่บอกว่าผู้ชายพวกนี้กำลังจะฆ่าเธอ ขวัญชีวันรู้สึกว่าน้ำตากำลังคลออยู่ที่เบ้าตา มือที่ก้มจับกระเป๋ายังชะงักค้าง เธอกลัวว่าถ้าเธอขยับแม้แต่ก้าวเดียวคนพวกนี้จะยิงเธอทิ้ง จบแล้ว ชีวิตเธอจบแล้ว




รักจิราวิ่งกลับเข้ามาที่งาน แต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อกลุ่มคนกำลังวิ่งออกมาจากงาน รักจิราเริ่มเป็นห่วงขวัญชีวันและกดโทรศัพท์ต่อสายหาขวัญชีวันแบบโดยด่วน แต่ขวัญชีวันกลับไม่รับสาย แถมยังปิดเครื่อง รักจิรากำลังจะวิ่งเข้าไปในงานแต่สายตาหันไปเห็นอะไรผิดปกติ ขวัญชีวันเห็นคนใส่ชุดดำสวมโม่งวิ่งสวนออกไป จังหวะชุลมุนทำให้ไม่มีใครหันไปมอง แต่มันไม่ได้รอดพ้นสายตาของเธอไปได้ รักจิราถอยเท้ากลับเปลี่ยนทิศและวิ่งตามคนชุดดำนั่นไป รักจิราวิ่งรัดเลาะตามไปคนร้ายไป จนมาหยุดอยู่ที่หลังต้นไม้ เธอมองเห็นผู้ชายที่ใส่โม่งที่วิ่งสวนออกมาคนนั้นยื่นของส่งให้ชายสองคนที่มายืนรออยู่ เพราะความมืดทำให้มองไม่เห็นว่าเขาส่งอะไรให้ และมองไม่เห็นใบหน้าทั้งสามคน รักจิราคว้ากล้องที่แขวนไว้ขึ้นถ่าย เธออยู่ไกลจากระยะที่จะได้ยินแถมทั้งสามคุยกันเสียงเบามาก รักจิราจึงถ่ายภาพเก็บไว้

แชะ!!!

แสงแฟลตสว่างวาบขึ้น ในใจของรักจิราตะโกนว่า งานเข้าแล้ว รักจิราทำหน้าตกใจมากเมื่อทั้งสามหันมาทางเธอ รักจิราถอยหลังไปสามเก้าก่อนจะหันหลังวิ่งกลับไปทางเก่า และรักจิรารู้ว่าทั้งสามคนกำลังวิ่งตามเธอมา ทางที่มืดสนิทเพราะห่างไกลจากตัวโรงแรมออกมา ดูเหมือนหลังจากเกิดเหตุในโรงแรม ไฟก็ดับทั้งหมดรักจิราวิ่งไม่รู้ทิศรู้ทาง มือก็ถอดเมมโมรี่การ์ดออก และจับยัดใส่ไปที่เสื้อใน เธอคิดว่าถ้าโดนจับได้หลักฐานนี่อาจจะช่วยอะไรบางอย่างได้ พลันเธอก็ถูกกระชากหนังศีรษะจากด้านหลัง

“โอ๊ย!!!” รักจิราร้อง รักจิราดิ้นรนส็หาทางรอด เมื่อคนร้ายล็อคตัวเธอ เธอก็กระแทกเข้าชนกับหน้าผากของมัน มือที่จับอยู่หลุดออก รักจิราหันไปต่อยมันเซถอยไปด้านหลังตามแรกที่รักจิราส่งผ่านไป รักจิราไม่รีรอทำท่าจะวิ่งแต่มันก็ไวกว่าคว้าดึงตัวเธอและตบฉาดใหญ่

เพียะ!!!

ร่างรักจิราล้มลง มันขึ้นค่อมร่างของรักจิราและบีบคอกะให้รักจิราตาย ดวงตาหวานคมของรักจิรามองไม่เห็นหน้าที่สวมคลุมด้วยโม่งของมัน รักจิราพยายามดิ้นรนใช้มือซ้ายตะกรุยตะกรายใส่มันและคว้าบางอย่างจากคอมันได้ ลมหายใจของเธอกำลังจะหมดลง รักจิราคว้าหยิบก้อนหินที่เธอพยายามเอื้อมหยิบขึ้นมาได้และตีเข้าที่หัวของมัน รักจิราพลักมันล้มลงและหันหลังวิ่งหนีอย่างไม่รีรออีก รักจิราวิ่งกลับมาสู่ทางที่ตนวิ่งตามมาพวกมันมาอีกครั้ง แต่เพราะแรงพละกำลังจากการต่อสู้นั้นลดทำให้รักจิราไม่มีแรงจะวิ่งอีกแล้ว นาทีที่เธอโดยบีบคอเธอใจสั่นตัวสั่นคิดว่าจะต้องตายแล้วแน่ ๆ แม้จะเป็นคนใจกล้า ไม่กลัวใคร ห้าวเป้งขนาดท้าตีท้าต่อย แต่เธอกลัวตายเหมือนกัน แต่เธอรอดมาได้แต่ความกลัวยังไม่ได้จางหายไปทุกอย่างก้าวที่วิ่งขาก็ยังคงสั่นแต่รักจิราฝืนวิ่งต่อไป เธอพึ่งเข้าใจว่าวินาทีแห่งความตายมันเป็นอย่างไรก็วันนี้เอง รักจิราวิ่งไปลบที่ซอกตึกแคบ ๆ หวังจะใช้เป็นที่หลบซ่อน ใจของรักจิราสั่นรัวเมื่อได้ยินเสียงเท้าที่ก้าวใกล้เข้ามา รักจิราหลับตาแน่นได้แต่ภาวนาให้ทั้งสามเดินผ่านไป เสียงฝีเท้าเริ่มดังผ่านซอกตึกนี้ไป แต่รักจิราตัดสินใจยังไม่ออกไปจากตรงนี้ เธอจะนั่งอยู่ตรงนี้จนกว่าจะเช้า เธอกลัวพวกมันจะย้อนกลับมา เช้าเมื่อไหร่เธอต้องเดินทางออกจากที่นี่ทันที



....ติดตามตอนต่อไป....


เจอตอนนี้แอบสงสารขวัญชีวันเหมือนกันนะคะ
เล่นพังงานเขาแบบนี้จะเกิดอะไรขึ้นไหมคะ



พัชรีพร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 29 พ.ค. 2557, 20:13:00 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 25 มิ.ย. 2557, 11:20:35 น.

จำนวนการเข้าชม : 1324





<< 3 บุพเพอาละวาด   5 ของที่เสียหาย ชดใช้ด้วยอะไร >>
ปอปอ 29 พ.ค. 2557, 20:42:38 น.


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account