แก้วขวัญวันรัก
เรื่องราวของสี่สาวพี่น้องที่ต้องตามล่าหาแฟนให้ได้ภายในสามเดือน ก่อนที่จะถูกจับคลุมถุงชนกับเจ้าบ่าวที่ไม่เคยเห็นหน้า ดังนั้นภารกิจ และปฏิบัติการลับของการตามหาแฟนจึงเริ่มข้น
แต่ติดปัญหาที่แก้ไม่ตกนั่นคือ

คนหนึ่ง ขี้เหวี่ยงขี้วีน คบกับผู้ชายได้ไม่เกินหนึ่งวัน ผู้ชายคนนั้นต้องหนีเปิง เจ้าของฉายา
“สวยเหวี่ยงวีน”

คนหนึ่ง ซุ่มซ่ามจอมโก๊ะ เจ้าของฉายา “สาวโก๊ะมหาวิบัติ”

คนหนึ่ง ด้านชาต่อความรัก ไร้ความรู้สึกกลับความรัก เจ้าของฉายา “ดอกไม้น้ำแข็งไร้อารมณ์”

และอีกคนหนึ่ง สาวสวยหมดเท่ แต่ใจเธอคือหญิงแท้ แต่กลัวการมีความรัก เจ้าของฉายา
“เจ้าสาวกลัวฝน”

Tags: สี่สาว รักแท้ ความรัก การตามหา

ตอน: 5 ของที่เสียหาย ชดใช้ด้วยอะไร

5
ของที่เสียหาย ชดใช้ด้วยอะไร

ขวัญชีวันขยับตัวและลืมตาขึ้น และมองไปรอบ ๆ แขนและขายังคงถูกจับมัด แต่สถานที่ที่ถูกพามาไม่ใช่ที่เดิมอีกแล้ว เมื่อคืนหลังจากโดนล้อมจับพวกคนชุดดำแต่งตัวคล้ายบอดี้การ์ดก็เข้ามาจับเธอมัดและพาเธอไปห้องมืด ๆ ห้องหนึ่งก่อนจะซักถาม เธอไม่รู้ว่าควรจะเรียกว่าขู่กรรโชกไหม เพราะพวกเขาตะโกนใส่หน้าเธอ ถามว่าเธอเป็นคนของใคร ของฝ่ายไหน และถามหาตราอะไรสักอย่าง พอเธอปฏิเสธว่าไม่รู้ พวกมันก็พากันทำท่าจะยิงเธอด้วยปืนนับสิบกระบอกที่เล็งมาทางเธอ แต่เพราะกลัวเลยสลบไปก่อน จนตอนนี้ที่รู้สึกตัวและพบว่าตัวเองไม่ได้นอนสลบอยู่ห้องเดิม แต่นอนอยู่บนพรหมสีน้ำเงินในห้อง ๆ หนึ่ง

“ตื่นแล้วสินะ” เสียงเข้ม ๆ ที่ดังขึ้นจากตรงหน้าทำให้ขวัญชีวันเงยหน้าขึ้นไปมอง และเธอก็นิ่งค้าง เมื่อเห็นหน้าคนที่นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงาน ผู้ชายที่รักจิรานำมาโชว์เมื่อวานไงล่ะ วาทิน คาเว่น ปัทมพิสุทธ์ หนุ่มลูกครึ่งสุดหล่อดวงตาคมที่แสนจะลึกลับและน่ากลัว แม้ใบหน้าของเขาจะยังคงนิ่ง และเย็นชาแต่มันก็ดูซีด ๆ คล้ายกับคนป่วย เมื่อขวัญชีวันมองสบไปที่ตาเขา ดวงตาคมก็จ้องเธอนิ่ง ๆ ขวัญชีวันรีบก้มหน้าหลบทันทีไม่กล้าสบตาต่อ เธอจำได้รักจิราบอกว่าเขาเป็นมาเฟีย เกิดเขาไม่พอใจที่เธอมองหน้าเขา เขาฆ่าเธอขึ้นมาจะทำยังไง

“เธอเป็นคนของใครลูคัส โจชัว หรือเป็นคนของดีน” ขวัญชีวันส่ายหน้าเป็นพัลวัน

“เธอทำงานให้ใคร” เสียงที่ถามเสียงนี้ไม่ใช่เสียงของวาทินแต่เป็นเสียงของผู้ชายรูปร่างสูงท่าทางดูเข้ม ๆ ตาดุ ๆ ขวาง ๆ ขวัญชีวันคิดว่าคงเป็นมือขวาของเขาเพราะตำแหน่งยืนอยู่ข้างขวา เสียงที่ถามเป็นเสียงกึ่งตะคอกออกมา

“ฉันไม่รู้ ฉันไม่ได้ทำงานให้กับใคร ฉันก็แค่มาทำงานเป็นเพื่อนน้องสาว น้องสาวฉันเป็นนักข่าว ฉันไม่ได้ทำอะไรนะ” ขวัญชีวันตอบด้วยท่าทีที่เริ่มหวาดกลัว

“ไม่ได้ทำ แล้วเธอก่อความเสียหายในงานทำไม ภาพวงจรผิดฟ้องว่าเธอเป็นคนกดสัญญาณเตือนภัยที่หน้าห้องน้ำ ถ้าเธอไม่ได้ทำงานให้ใคร เธอจะกดมันทำไม”

“ฉันเปล่า”

“หลักฐานมันฟ้องอยู่” ขวัญชีวันแทบจะร้องไห้อยู่แล้วิ เกิดมาไม่เคยเจอใครดุเท่าคนนี้ ไม่รู้ว่าวาทินเลี้ยงเขาด้วยอะไร หรือกินน้ำตาลมากไปกันแน่ถึงได้ดุขนาดนี้

“แต่...แต่คุณก็น่า...จะเห็นในภาพ...ที่คุณบอก...ฉันโดนคนที่เดินสวนมาชน...แล้วมือมันก็ไปโดน มันก็แค่...อุบัติเหตุ ฉันไม่ได้ตั้งใจนะ” ขวัญชีวันพูดเสียงอ้อมแอ้ม เสียงของเธอเริ่มสั่นเครือ แม้จะยังไม่มีน้ำตาไหลออกมา แต่อีกไม่นานเธอต้องร้องไห้แน่ ๆ

“นี่เธอก่อเรื่องใหญ่โตแล้วบอกว่าเป็นอุบัติเหตุ แล้วที่เธอพังห้องจัดงานเสียเละนั่นล่ะ”

“มันก็อุบัติเหตุ...ฉันแค่เข้าไปเอากระเป๋า...เผลอสะดุดล้ม...และไม่คิดว่าไอ้เสาคริสตัลท่าทางแข็งแรงนั่น...มันจะหักง่าย ๆ ฉันไม่ได้ตั้งใจ” สายตาสิบคู่มองอย่างไม่แน่ใจ พวกเขาก็ได้ดูภาพแล้ว และดูเหมือนสาวคนนี้จะไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ แต่มันก็ดูบังเอิญที่งานจะพังทั้งงานด้วยสาวคนเดียว

“ไม่ได้ตั้งใจ!!! แล้วที่เธอกำลังขโมยเพชรล่ะ” ดูเหมือนมือขวาของวาทินจะยังไม่ยอมเลิกราที่จะยัดเยียดข้อกล่าวหาให้กับขวัญชีวัน

“เพชร” ขวัญชีวันกำลังมึนสุด ๆ ก่อนจะนึกถึงไอ้ก้อนกลม ๆ วาน ๆ นั่นออก

“ฉันไม่รู้ ฉันเห็นมันเป็นก้อนแปลก ๆ คล้ายคริสตัล ก็เลยจะไปหยิบมาดู ฉันไม่ได้จะขโมยนะ ใครจะไปคิดว่าในงานพวกคุณกล้าเอาเพชรจริงมาไว้ในงาน แล้วฉันแยกไม่ออกด้วยซ้ำว่าคริสตัลกับเพชรแตกต่างกันตรงไหน ฉันจะขโมยได้ยังไง” คำตอบของขวัญชีวันทำเอามือขวาอย่างทิมอยากจะชักผืนขึ้นมายิงผู้หญิงคนนี้เหลือเกิน

“เธอ!!!”

“พอแล้วทิม” วาทินสั่งเมื่อเห็นลูกน้องทำท่าจะตะคอกต่อ วาทินมองสำรวจร่างหายที่เต็มไปด้วยรอยฟกช้ำตามเนื้อตามตัวมีแต่แผล เขาถอนสายตาหนีกับสภาพน่าเวทนาของเธอ

“นายครับได้ข้อมูลของผู้หญิงคนนี้แล้วครับ” ผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามา ในมือถือแฟ้มประวัติเดินเข้ามาด้วย

“ผู้หญิงคนนี้ชื่อนางสาวขวัญชีวัน สิทธิทรัพย์อาภา อายุยี่สิบแปดปี บิดาชื่อนายวิบูลย์ เอกดำรง เป็นเจ้าของตลาดเอกดำรง ส่วนมารดาชื่อนางขวัญใจ เป็นลูกสาวของนายสุนทรเจ้าของตลาดสิทธิ์ทรัพย์ ปัจจุบันขวัญชีวันทำงานเป็นเจ้าของร้านเบเกอรี่แห่งหนึ่งในย่านสุขุมวิท มีพี่น้องสี่คน หนึ่งในนั้นคือนักข่าวที่มาทำงานที่นี่ชื่อนางสาวรักจิรา สิทธิทรัพย์อาภา เป็นนักข่าวจากไทยนิวส์ครับ คนของเรากำลังไปพาผู้หญิงคนนี้มาอีกคนเพื่อตรวจสอบครับ” วาทินและทิมมองผู้หญิงตัวเล็กอย่างแปลกใจ อายุยี่สิบแปดเนี่ยนะ พวกเขาคิดว่าเธอจะเด็กกว่านี้เสียอีก ตัวก็เล็กนิดเดียว สูงไม่น่าจะเกินร้อนหกสิบด้วยซ้ำ ดวงตาใส ๆ เหมือนกับเด็กที่ไม่ประสีประสาที่เห็นในตอนแรกเขาก็คิดไว้ว่าเด็กอย่างนี้หรอที่คนพวกนั้นส่งมาทำงาน แต่อะไรก็เป็นไปได้นักฆ่าอายุร้อย นางนกต่อไม่จำเป็นต้องมีอายุ

“ตกลงเธอยืนยันว่าไม่ได้ทำงานให้ใคร” วาทินถามด้วยท่าทีจับปิด ดวงตาของเขากำลังจ้องมองมาที่ขวัญชีวันที่ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมองเขา ประตูเปิดออกผู้ชายอีกคนเดินเข้ามา ใบหน้าหล่อสุภาพยังคงติดตราตรึงใจขวัญชีวันเขาคือคนที่ช่วยเธอเมื่อคืน
“ได้ข้อมูลแล้วครับนาย” วาทิรนพยักหน้าเป็นเชิงให้ลูกน้องคนนี้พูดต่อ

“ของที่ใช้ประดับตกแต่งในงานทุกชิ้นไม่ใช่ของที่เราสั่งครับ เหมือนของจะถูกสับเปลี่ยนเกือบทั้งหมด เสาคริสตัลทุกเสาในงานไม่มีความแข็งแรง เพียงแตะนิดเดียวก็ล้ม เหมือนมีคนต้องการให้งานเราพัง ถ้าก่อนหน้านั้นมีแขกในงานเกิดชนหรือมือปัดไปโดนเสาคริสตัลคนในงานอาจได้รับบาดเจ็บ ดูเหมือนมีคนจะตั้งใจพังงานเราครับนาย”

“คนที่รับผิดชอบดูแลของล่ะ”

“ผมให้คนไปพาตัวมาแล้วครับ ผมคิดว่าคุณขวัญชีวันคนนี้น่าจะไม่ได้มีส่วนเกี่ยว ผมเจอเธอเมื่อคืน เธอเป็นแขกในงานจริง ๆ ครับนาย” วาทินเลิกคิ้วสูงเมื่อรู้ว่าลูกน้องคนสนิทรู้จักผู้หญิงร่างเล็กคนนี้ แต่สายตาก็ต้องละความสนใจออกเมื่อเสียงร้องโวยวายดังขึ้น

“ปล่อยฉันนะ” เสียงดังขึ้นจากหน้าประตู เสียงเคาะประตูดังขึ้นและถูกเปิดออก ร่างของรักจิราโดนแบกพาดพ่าเข้ามาในห้องและโยนลงไปนั่งอยู่กับขวัญชีวัน

“โอ๊ย!!!” รักจิราร้องกับความป่าเถื่อนของผู้ชายที่แบกเธอมา ทำท่าจะลุกขึ้นไปจัดการคนที่ทำกับเธอ เมื่อเช้าหลังจากรอจนแน่ใจว่าไม่มีใครแล้วเธอก็กลับมาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นเสื้อคอเต่าเพื่อปกปิดล่องรอยการโดยทำร้าย รักจิรารอบคอบเสมอ เธอมองไม่เห็นหน้าคนร้ายเพราะตรงนั้นมันมืดมาก คนร้ายก็มองไม่เห็นหน้าเธอ แต่ไม่มีอะไรรับประกันว่าพวกมันจะไม่เห็นรอยช้ำจากการบีบคอ และคิดว่าจะเดินทางออกจากเกาะดารา แต่ในห้องกลับไม่มีร่างของขวัญชีวัน รักจิรากลัวว่าขวัญชีวันจะเป็นอันตรายจากเหตุการณ์ที่คนกรูกันออกมาเมื่อคืน พอเปิดประตูออกมากลับเจอผู้ชายตัวโตสามคนที่เข้ามาฉุดกระชากเธอออกจากห้องด้วยวิธีที่ห่ามสุด ๆ อยู่ ๆ ก็มารวบจับตัวเธอไม่พูดอะไรเลย

“รัก” ขวัญชีวันจับแขนน้องไว้ รักจิราหันไปมอง แววตาโล่งใจขึ้นมานิด ๆ เมื่อเห็นหน้าพี่สาว แต่ยังไม่ทันถามเพราะรู้สึกถึงสายตาคม ๆ ของใครคนหนึ่งจึงหันหลับไปมอง ใบหน้าถึงกับถอดสี ในใจมีคำว่า มาเฟีย วิ่งวนอยู่เต็มไปหมด เธอรู้สึกได้ว่าที่ถูกพาตัวมาไม่ใช่เรื่องดีแน่

“เธอคือรักจิรา” รักจิราพยักหน้าและพยายามไล่ความกลัวออกไป เพื่อทำให้พวกนั้นรู้ว่าเธอไม่กลัว ถ้าเธอแสดงออกว่ากลัว คนพวกนี้จะต้องยิ่งข่มเธอ เพราะจากแววตาพี่สาวเธอก็พอเดาออกว่าพี่สาวเธอเจออะไรไปบ้าง

“ใช่ค่ะ ฉันเป็นนักข่าว แค่มาทำข่าว พวกคุณมีอะไรอยากคุณกับฉัน แล้วจับตัวพี่สาวฉันมาทำไม”

“เมื่อคืนเกิดเหตุการณ์วุ่นวาย เธอรู้ไหมว่าพี่สาวของเธอคือผู้ก่อความวุ่นวาย และผู้ต้องสงสัยว่าขโมยของสำคัญของคุณวาทิน” ทิมมือขวาตาดุเอ่ยขึ้น

“หมายความว่ายังไงคะ” รักจิราถาม เพราะเริ่มเห็นเคล้าลางความวุ่นวาย

“เมื่อคืนพี่สาวเธอเป็นคนกดสัญญาณเตือนภัย ทำให้แขกในงานแตกตื่น และพี่สาวเธอพังงานทั้งงาน และเพราะพี่สาวเธอทำให้ของสำคัญของคาเว่นหายไป ของชิ้นนั้นสำคัญมาก” ทิมพูดและมองไปที่ขวัญชีวัน

“แต่เจ๊ขวัญไม่ใช่ขโมยนะ”

“ฉันไม่รู้ว่าพี่ของเธอจะใช่ขโมยไหม แต่ของสำคัญของคาเว่นหาย คนที่ขโมยใช้จังหวะชุลมุนขโมยมันไป และทำให้คุณวาทินเกือบโดนพวกมันทำร้าย นั่นคือประเด็นสำคัญ ไหนจะงานที่เพียรจัดร่วมเดือน กลับพังลงในพริบตา เธอคิดว่าเราจะจัดการยังไงกับพี่สาวเธอดี”

“แต่มันไม่ใช่ความผิดของเจ๊ขวัญ” รักจิราพยายามจะช่วยพี่สาว แต่ตัวขวัญชีวันกลับคิดว่าถ้าเธอไม่ซุ่มซ่ามก็คงไม่เป็นเรื่อง “ฉันจะหาไอ้ของที่หายมาคืนให้ ของที่คุณว่าคืออะไร ฉันจะหามาคืนให้เร็วที่สุด แต่ขอให้ปล่อยพี่ขวัญไป”

“ของน่ะพวกฉันตามหาเองได้ แต่ความเสียหายที่เกิดขึ้นตีมูลค่าเกินกว่าสิบล้าน จะชดใช้ยังไง ความเสียหายในที่นี่ไม่ใช่แค่ข้าวของ แต่ความเสียหายในที่นี้คือทำให้ภาพลักษณ์ของโรงแรมเสีย เธอจะชดใช้ยังไง” รักจิราเงยหน้าขึ้นมองวาทินที่พูดอยู่

“ฉัน...ฉันจะทำงานชดใช้ให้”

“ทำงานชดใช้ ตัวบ้าหรอความเสียหายเป็นสิบล้าน ตัวจะทำงานใช้กี่ปีกัน ไม่ต้องแก่ตายบนเกาะนี้หรอ” รักจิราถามทันที โดยคุมคีย์เสียงให้ได้ยืนกันสองคน

“แล้วจะให้ทำยังไง เจ๊ก็ผิดจริง ๆ นะ ถ้าเจ๊ไม่ซุ่มซ่ามก็ไม่เป็นเรื่อง”

“แต่มันไม่ใช่ความผิดตัวทั้งหมดนี่เจ๊ขวัญ”

“ปรึกษากันเสร็จหรือยัง ตกลงว่าพวกเธอจะทำยังไง เธอเป็นนักข่าวจากไทยนิวส์ หรือฉันควรจะฟ้องเรียกค่าเสียหายจากไทยนิวส์”

“ไม่ได้นะ” รักจิราเอ่ยขึ้น ถ้าเรื่องนี้ถึงหูบรรณาธิการใหม่ มีหวังเธอได้ดับแน่ โอกาสจะได้ไปทำงานโต๊ะข่าวสังคมไม่มี แม้แต่โต๊ะบันเทิงที่ทำอยู่ก็คงไม่มีอีก เพราะเธอต้องโดยไล่ออกแน่ ๆ

“แล้วเธอจะชดใช้ความผิดยังไง”

“ฉันจะทำงานชดใช้ให้ ทำทุกอย่างเลยก็ได้ แต่อย่าฟ้องเจ้านายน้องฉันนะ ไม่อย่างนั้นน้องฉันต้องตกงานแน่ ๆ” รักจิรามองหน้าขวัญชีวัน ว่าพูดอะไรออกไป

“ฉันกับพี่สาวขอไปตกลงอะไรกันนิดหน่อย แค่แป๊บเดียว นะคะ” รักจิราเอ่ย

“ตกลงกันข้างในนี่แหละ” ทิมเอ่ย

“ทิม” วาทินมองลูกน้องและหันไปมอง คิมมือซ้ายที่ยืนทำสีหน้าเหมือนขอร้องเขาด้วย เขาพยักหน้าให้คิมพาออกไปข้างนอกได้ “แค่ห้องน้ำ” รักจิราลากพี่สาวออกมาจากห้องทำงานที่เต็มไปด้วยแรงกดดันนั่นมาที่ห้องน้ำ โดยมีคิมและบอดี้การ์ดอีกสามสี่คนตามมาเฝ้าหน้าห้องน้ำ

“ตัวคิดอะไรของตัว โรงแรมเขาเสียหายเป็นสิบ ๆ ล้าน ตัวจะทำงานได้ยังไง ตัวต้องใช้กี่ปี แล้วตัวลืมไปหรือเปล่า ตัวทำงานอะไรไม่ได้ ตัวถูพื้นก็ล้มคว่ำ ตัวผ้าก็เกือบโดนไฟช็อต แล้วตัวจะไปทำงานอะไรใช้พวกเขา มีหวังหนี้ได้เพิ่มขึ้นอีก เราไปขอให้อากงช่วยดีไหม”

“ไม่ได้ เจ๊ไม่อยากให้อากงรู้ ถ้าอากงรู้ เกิดเรื่องที่พวกเราโกหกว่ามีแผนแดงขึ้นมาจะแย่ไปอีก”

“บอกอาอี๊ กับอาเตี๋ยดีไหม” รักจิราถาม

“ไม่ได้เข้าไปใหญ่ รักก็รู้ ถ้าเรื่องนี้ถึงหูอาม้า อาป๋าของเจ๊ เรื่องนี้ต้องไปถึงหูอากงแน่นอน แล้วททีนี้อาป๊าจะต้องมาต่อว่าองกงว่าดูแลเจ๊ไม่ดี” รักจิราทำหน้าคิดหนักก่อนจะนึกถึงทางเลือกสุดท้าย

“งั้นเจ๊แก้ว เจ๊แก้วรวย มีเงินอยู่แล้ว ยืนเงินเจ๊แก้วมาใช้ ไอเดียนี้แจ๋วสุด ไม่มีทางถึงหูใครแน่นอน”

“ไม่ได้อีกนั่นแหละ เจ๊พึ่งแก้วมาเยอะแล้วนะ ร้านขนมแก้วก็ออกเงินให้ กำไรก็ไม่เอาสักบาท ถ้าเจ๊ไปเอาเงินแก้วมาใช้เขา เจ๊จะรู้สึกติดหนี้แก้วไม่จบไม่สิ้นนะ” รักจิราทำหน้าเครียดกว่าเดิม

“โน่นก็ไม่ได้ นี่ก็ไม่ได้ แล้วตัวจะทำยังไงเจ๊ขวัญ” รักจิรามองขวัญชีวันที่ทำหน้าคิดหนักไม่แพ้เธอ

“อยู่ทำงานใช้เป็นวิธีที่ดีที่สุด”

“มันดีตรงไหน เงินเป็นสิบล้านเค้าก็บอกอยู่ว่าตัวไม่มีทางใช้หมดภายในปีเดียว มันต้องมีวิธีที่ดีกว่านั้น เค้าคิดว่าเค้าจะไปดูห้องจัดงานนั่นอีกครั้ง บางทีเค้าอาจจะคิดอะไรออก ไปกันเจ๊ขวัญ” แล้วรักจิราก็ลากแขนพี่สาวออกไปหน้าห้องน้ำ

“ตกลงกันเสร็จแล้วหรอครับ” คิมถาม

“ยังคะ ฉันจะขอไปห้องจัดแสดงได้ไหมคะ” เขาทำหน้าเหมือนกับต้องการให้เธอขยายคำพูด “ฉันอยากจะแน่ใจอะไรบางอย่างก่อน นะคะ คุณก็ตามฉันไปอยู่แล้ว ยังไงพวกฉันก็หนีไปไหนไม่ได้” เขาพยักหน้าและพาสองสาวลงไปห้องจัดแสดง ทันทีที่ก้าวมาถึงหน้าประตูห้องบอลรูมห้องใหญ่ รักจิราก็อึ้งกับภาพตรงหน้า และหันไปมองขวัญชีวันเป็นเชิงถามว่าเจ๊พังขนาดนี้เลยหรอ

“เจ๊ยืนตรงนี้ไม่ต้องเดินไปหรอกเกิดไปทับเศษที่แตก ๆ พวกนั้นมันจะแย่กว่าเก่า” รักจิรามองสภาพพี่อย่างสงสาร เนื้อตัวมอมแมม แถมยังมีแต่รอบฟกช้ำถ้าวันวิวาห์และแก้วกัลยาอยู่มีหวังเธอโดยด่ายับแน่ ๆ รักจิราเดินดูตามจุดตั้ง ๆ และนั่งลงที่ตรงเสาคริสตัลที่หักโค่นล้มลงอย่างง่ายดาย วัสดุที่นำมาใช่ในงานที่ใหญ่ควรจะมีคุณภาพมาก คงไม่หักง่าย ๆ เพียงเพราะแค่พี่สาวเธอผลักล้มหรอก เธอคิดว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากลกับเรื่องนี้ รักจิราเดินดูจนแน่ใจอะไรบางอย่างก็เดินกลับมา

“เจ๊ขวัญ เค้าสัญญาว่าเค้าจะหาทางเอาเงินมาใช้ให้เจ๊ โดยที่ไม่มีใครต้องเดือนร้อน ที่ทุกอย่างเป็นแบบนี้ก็เพราะเค้า เจ๊ห้ามปฏิเสธอีก เค้าจะยอมให้เจ๊ทำงานที่นี่ แต่ต้องภายใต้เงื่อนไขของเขานะ” ขวัญชีวันมองรักจิราและพยักหน้า

“ฉันขอถามอะไรคุณได้ไหมคะ คุณ...”

“ผมคิม”

“ค่ะคุณคิม ฉันอยากทราบว่า ตอนที่เสียงสัญญาณเตือนภัยดังขึ้น มีอะไรเกิดขึ้นในงานอีกไหมคะ”

“ไฟดับครับ พอเสียงสัญญาณเตือนภัยดังขึ้นได้ประมาณหนึ่งนาที ไฟก็ดับ คนก็พากันวิ่งกรูออกไปที่ประตู” รักจิราพยักหน้ารับ

“แล้วจากนั้นคุณวาทินก็โดนรอบยิง ใช่ไหมคะ” คิมทำหน้าแปลกใจที่รักจิรารู้ เขาพยักหน้ารับคำตอบ

“ฉันอยากดูก้องวงจรปิดในงานตอนช่วงเกิดเหตุ ได้ไหมคะ” คิมทำหน้าไม่แน่ใจ “ฉันกำลังจะช่วยพี่สาวฉัน และฉันต้องการแน่ใจเท่านั้น คุณคงไม่อยากให้ผู้บริสุทธิ์ต้องชดใช้ในสิ่งที่ตัวเองไม่ได้ทำ” เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาและกดสักพักก็ยืนมันส่งให้เธอ มันคือภาพวงจรปิดที่เขาโหลดใส่เครื่องเก็บไว้เพือตรวจดู ขวัญชีวันชะเง้อมองด้วย ภาพสิ้นสุดลงเมื่อไฟดับ กล้องที่จับภาพในความมืดอยู่ชั่วครู่หนึ่ง ก็ถูกตัดไปทันที เหมือนกับจงใจ

“ฉันพอจะได้อะไรบางอย่างแล้ว ไปคะ ฉันปรึกษากันเสร็จแล้ว” และคิมก็พาสองสาวกลับขึ้นไปบนห้องทำงานของวาทินอีกครั้ง วาทินที่นั่งเซ็นเอกสารอยู่เงยหน้าขึ้นมองสองสาวที่เดินกลับเข้ามา แต่ก็ก้มหน้าเซ็นเอกสารต่อ รักจิราปล่อยให้พี่สาวยืนอยู่ด้านหลังตน และตนก็ก้าวมายืนตรงหน้าโต๊ะวาทินอย่งาใจกล้า ทั้งที่ตัวเธอก็หวั่น ๆ ว่าผู้ชายชุดดำรอบ ๆ ตัวเธออาจจะชักปืนขึ้นมายิงเธอ แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามากลัว เธอมีวิธีจัดการความกลัวเฉพาะด้วยการเรียกความกล้า บ้าดีเดือดออกมา รักจิราพยายามตีหน้านิ่ง เย็นแบบวันวิวาห์

“ตกลงว่าพวกเธอปรึกษากันได้แล้วใช่ไหมว่าจะชดใช้ค่าเสียหายยังไง” วาทินพูดขณะก้มหน้าเซ็นเอกสาร

“คะ เจ๊ขวัญ...เอ่อ...พี่สาวฉันจะอยู่ทำงานที่นี่ชดใช้เงินคุณ” วาทินถึงกับเหลือบตาขึ้นมอง

“ทำงาน พวกเธอคิดจะทำงานกี่ปี”

“ปีเดียว” รักจิราตอบ ครั้งนี้ทำให้ทั้งห้องพากันมองสองสาวด้วยสายตาไม่พอใจ และเตรียมชักปืนขึ้นมายิงเด็กที่พูดล้อเล่นกับเจ้านาย เงินเป็นสิบล้านทำงานภายในปีเดียวเนี่ยนะ

“ฉันไม่โง่หรอกนะคุณวาทิน พี่สาวฉันก่อเรื่องก็จริง แต่พี่สาวฉันทำเพราะเหตุบังเอิญมากกว่า ฉันเดาจากประสบการณ์ที่ทำข่าว จากที่เห็นบ่อย ๆ เลยนะ คุณคือหนึ่งในผู้ที่จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำตระกูลคนต่อไปของคาเว่นคน แน่นอนมีเสียงสนับคุณ แต่ก็มีเสียงค้านจากบรรดาคนที่อยากขึ้นมาแทนตำแหน่งนี้ ดังนั้นคุณมีศัตรูทั้งภายในและภายนอก ภายในที่ว่าก็คือลูกพี่ลูกน้องของคุณที่กำลังหาทางเขี่ยคุณออกจากตำแหน่งนี้ ส่วนศัตรูภายนอกคือคู่แข่งทางธุรกิจของคุณอย่างตระกูลแลมเบิร์ก หรือ แม็กนาสต์ และยังอีกหลายตระกูล หลายบริษัทที่ฉันยังไม่ได้พูดถึง แน่นอนการที่คุณมีศัตรูเยอะ พวกนั้นก็รอจังหวะกำจัดคุณ”

“มันเกี่ยวอะไรกับเรื่องการชดใช้ค่าเสียหาย”

“แน่นอนที่ฉันพูดเพราะว่ามันเกี่ยวเต็ม ๆ เลยล่ะ ความผิดที่คุณโบ้ยให้กับพี่สาวฉัน เรื่องแรกพังงาน เรื่องที่สองของสำคัญคุณหาย เรื่องสุดท้ายพี่สาวฉันทำให้โรงแรมคุณเสียชื่อเสียง ฉันจะเริ่มพูดต่อเลยนะคะ จากสภาพการณ์ถ้าฉันไม่ได้ตรวจสอบไม่ได้เห็นเองฉันคงจะเชื่อว่าทุกย่างพี่สาวฉันทำ แต่เพราะฉันเห็นห้องจัดแสดงลองวิเคราะห์ดูแล้ว ฉันคิดว่าพี่สาวฉันผิดแค่ที่ซุ่มซ่ามไปกดสัญญาณเตือนภัยเท่านั้น แต่หลังจากนั้นมันคืออุบัติเหตุจากการตั้งใจของใครบางคนที่คิดจะทำร้ายคุณ” วาทินกำปากกาแน่น ไม่คิดว่าเด็กสาวอายุน้อยกว่าเขาจะสามารถวิเคราะห์เรื่องราวได้มากขนาดนี้

“ฉันคิดว่าคนร้ายคงรอจังหวะอยู่แล้ว รอจังหวะที่จะขโมยและจัดการคุณ และบังเอิญที่เจ๊ขวัญซุ่มซ่ามไปกดปุ่มสัญญาณเตือนภัยจนเสียงมันดังขึ้นพอดี ตามจริงฉันคิดว่าคุณคงจำควบคุมสถานการณ์ได้ แต่คนร้ายเลือกใช้จังหวะที่คนกำลังแตกตื่นนั้นดับไฟเพื่อให้เหตุการณ์ชุลมุนขึ้น พอเสียงสัญญาณดังขึ้นและไฟดับคนก็เริ่มแตกตื่น พากันวิ่งกรูกันออกจากห้องจัดงาน ช่วงนั้นคือช่วงที่ชุลมุนที่สุดที่คนร้ายจะใช้จังหวะนั้นเข้าไปขโมยของสำคัญของคุณ คุณวาทินเองตอนนั้นก็อยู่ในกลุ่มแขนในงานด้วยนี่คะ คนร้ายคาดการณ์ว่าจะใช้ประโยชน์จากการชุลมุนให้คนในงานวิ่งไปชนเสาที่ถูกตัดบาง ๆ ตรงช่วงโคนเสา และถ้าเกิดมีคนชน มันจะมีสภาพอย่างที่พี่สาวฉันเผลอไปพังงานคุณเข้านั่นแหละ แน่นอนว่าจะมีทั้งคนตายและตัวคุณก็จะอาจบาดเจ็บหรือตายได้เช่นกัน เป็นไปไม่ได้ที่คุณจะไม่โดยลูกหลงจากเหตุการณ์นั้นเลย แต่แขกในงานกลับไม่ได้วิ่งชนเสา มันคือความโชคดี และเหตุการณ์ชุลมุนที่เกิดขึ้นทำให้การ์ดทุกคนพากันมารวมที่งานเพราะห่วงความปลอดภัยของคุณ คนร้ายเมื่อขโมยของมาได้ก็อาศัยจังหวะคนชุลมุนนี่หนีออกไปโดยที่คนไม่ทันสังเกตว่ามีคนร้ายที่ขโมยของสำคัญแฝงตัวอยู่กลับแขก เพราะต่างคนต่างกลัวตายกันทั้งนั้น ฉันคิดว่าคนร้ายคงทำงานเป็นทีมไม่มาสองก็สาม เพราะอีกคนรอดักยิงคุณถ้าเกิดแผนพลาด คุณไม่ได้รับอันตรายจากในงาน แต่มันก็พลาดที่ยิงคุณไม่โดนจุดสำคัญ เพราะคุณไม่เป็นอะไรมาก” ทิมทำหน้าเหมือนตกใจกับสาวน้อยมหัศจรรย์ทำหน้าไม่อย่างเชื่อว่ารักจิรากับแมงขี้กลัวอย่างขวัญชีวันจะเป็นพี่น้องกันได้ อีกคนฉะฉานแม่นยำ อีกคนกลับซื่อ เซื่อง ทำอะไรไม่ถูกไม่เป็น

“จะถามสินะคะ ว่าฉันรู้ได้ยังไง ฉันสังเกตว่าวันนี้คุณหน้าซีดผิดปกติ เมื่อวานที่ฉันเข้าไปทำข่าวคุณไม่ได้มีอาการของคนไม่สบายเลย บวกกับที่ฉันสังเกตตั้งแต่เดินเข้ามา คุณสามารถใช้มือได้สองข้าง แต่จริง ๆ คุณถนัดซ้าย คุณมักจะใช้แขนซ้ายเสมอ ไม่ต้องทำหน้าตกใจ ฉันเป็นนักข่าวก่อนทำข่าวฉันต้องหาข้อมูลของคุณอยู่แล้ว” รักจิราอธิบายเพราะเจอสายตาของวาทินกำลังมองรักจิราเหมือนกับเจอศัตรูตัวร้ายที่อ่านเกมส์ขาด

“ต่อนะคะ ฉันรู้ว่าคุณถนัดแขนซ้ายใช้แขนซ้ายตลอด แต่วันนี้คุณกลับไม่ใช้ ฉันเดาว่าที่ไหล่ซ้ายของคุณที่ซ่อนไว้ภายในเสื้อสูทแขนยาวนั่นมีแผลอยู่ แต่คุณคงปิดข่าวไว้เผื่อไม่ให้แขกแตกตื่นว่ามีการยิงกัน เพราะมันจะยิ่งทำให้ชื่อเสียงโรงแรมและเกาะดาราของคุณเสียหาย สรุปเลยนะคะ พี่สาวฉันผิดเพียงแค่ซุ่มซ่ามที่ไปดับไฟจนเกิดความวุ่นวาย แต่เรื่องที่เหลือมันเกิดจากความผิดพลาด สับเพร่าของพวกคุณ ดังนั้นหนี้สิบล้านที่ว่าก็เหลือแค่ล้านเดียว” ทั้งห้องนิ่งทันที สิบล้านเหลือล้านเดียว เธอคิดว่าเล่นขายของหรือไง แม้แต่ขวัญชีวันยังมองหน้าน้องสาวที่ไปกล้าต่อลองกับมาเฟีย วาทินยิ้มมุมปากและเอ่ยบ้าง

“ห้าล้าน สำหรับชื่อเสียง”

“ล้านเดียว ชื่อเสียงของคุณจะเสียอะไรกัน ฉันคิดว่าที่คุณพยายามปิดเรื่องคุณถูกยิง ป่านนี้คุณคงประกาศข่าวออกไปแล้วว่าเมื่อคืนมีอุบัติเหตุ มีคนมือบอนไปกดสัญญาณเตือนไฟเล่น ฉันคิดว่าตอนนี้คุณก็คงพยายามปิดบังเรื่องข้าวของในงานเสียหาย เพราะถ้าเรื่องนี้แดงออกมา อาจมีตำรวจมาตรวจสอบ และทีนี้ทุกคนก็จะยิ่งรู้ว่าเกาะดาราไม่ใช่ที่ปลอดภัย เพราะในงานจัดแสดงยังมีแผนรอบฆ่าหมู่เลย ฉันให้แค่หนึ่งล้าน ถ้าไม่หนึ่งล้าน ฉันจะเอาเรื่องความปลอดภัยของคุณไปแฉ”

“เธอคิดว่าเธออยู่ที่ไหน กำลังเล่นอยู่กับใคร” น้ำเสียงของเขาน่ากลัวขึ้นมาทันที

แกรก แกรก แกรก

พลันปืนสิบกระบอกก็ยกขึ้นเล็งมาที่สองสาว ขวัญชีวันมีท่าทีตกใจเดินเข้ามายืนชิดกันน้อง รักจิราก็ตกใจเล็กน้อยแต่พยายามเก็บอาการไว้ ขวัญชีวันเดินขึ้นมายินขนาบข้างเธอและจับมือเธอไว้เหมือนกำลังส่งกำลังใจให้ รักจิราเรียกความกล้าเฮือกสุดท้ายออกมาและเอ่ยต่อ

“ระหว่างที่ฉันปรึกษากับพี่สาวคุณคงคิดไม่คิดว่าว่าจะฉันโง่ อยู่เฉย ๆ โดยไม่ทำอะไร รอให้พวกคุณฆ่าฉันหรือไงคะ ฉันจะบอกให้ฉันได้ส่งอีเมล์ข้อมูลพวกนี้ไปให้พี่สาวฉันแล้ว ถ้าฉันไม่กลับไปในวันนี้ พี่สาวฉันที่ป่านนี้น่าจะเปิดข้อมูลที่ฉันส่งไปดูแล้วกำลังรอฉันให้ติดต่อกลับไป ถ้าฉันไม่ติดต่อกลับไปภายในชั่วโมงนี้ และกลับไปไม่ถึงบ้านภายในวันนี้คุณจะถูกแฉทันที ถ้าคุณคิดว่าคุณเร็วกว่า สายของคุณเยอะกว่า แต่คงไม่ไวไปกว่าพี่สาวฉันที่รู้จักตำรวจอย่างกว้างขวาง โทรกริ้งเดียวตำรวจก็คงจะพากันกรูมาที่นี่เพื่อตรวจสอบทันที ตกลงว่าไงคะ”

“เธอกำลังขู่ฉัน”

“เปล่าค่ะ ฉันไม่เคยขู่ ถ้าฉันทำฉันทำแน่ ตกลงว่าไงคะ”

“สองล้านขาดตัวไม่มีต่อลองไปมากกว่านี้ แต่เธอคิดว่าปีเดียวพี่สาวเธอจะใช้เงินหมดหรอ เพราะงานที่ให้ทำก็คงไม่พ้นงานแม่บ้าน เด็กเสิร์ฟ”

“ฉันรู้ แต่ฉันจะโอนเงินส่วนหนึ่งมาใช้ให้คุณอีกหลังจากฉันกลับไปบ้านแล้ว ตอนนี้ฉันแค่ให้พี่ฉันทำงานไปสักพัก แล้วจะหาเงินมาใช้ให้หมดแน่นอน”

“ก็ได้ ตกลง เมื่อไหร่ที่ใช้เงินครบสองล้านก็จบ อีกครึ่งชั่วโมงเธอเก็บของแล้วออกจากเกาะฉันไปซะ แล้วจำไว้ว่าถ้าเรื่องนี้หลุดออกมาจากสื่อหรือถึงหูตำรวจ พี่สาวเธอที่อยู่ที่นี่จะได้ไปนอนอยู่ใต้ก้นสมุทรแน่นอน” รักจิรามองพี่สาวที่ทำหน้าเมหือนกระต่ายป่าตื่นกลัวขึ้นมาทันที

“ค่ะ ฉันกับพี่ขอตัวไปเก็บของ” รักจิรารีบพาพี่สาวเดินออกจากห้องที่เต็มไปด้วยสภาะกดดัน โรงแรมที่เธอพักอยู่ไม่ไกลจากโรงแรมของวาทินมากนัก รักจิราลากแขกพี่สาวเดินดุ่ม ๆ ไปราวกับหนีผี ทิมและคิมหันมองเจ้านาย

“คิมนายไปจัดการเรื่องสาวสองพี่สาวนั่น ส่งรักจิราขึ้นเรือ ส่วนอีกคนให้ไปพักที่พอพักพนักงาน แล้วจัดการหางานให้ทำด้วย ทิมนายไปจัดการดูแลเรื่องงาน ไปเอาตัวคนที่รับผิดชอบดูแลงานและวัสดุอุปกรณ์จัดงานมาสอบสวนให้หมด ได้เรื่องแล้วไปรายงานฉัน ฉันจะกลับไปดูน้องอีฟ”

“ครับนาย” แล้วเจ้านายก็เดินออกไปโดยมีบอดี้การ์ดเดินตามไป



.....ติดตามตอนต่อไป...


มาถึงตอนนี้ รักจิราโชว์พราวของเธอเต็ม ๆ ต้องไปติดตามกันในตอนหน้าว่าเรื่องราวของสี่สาวจะเป้นเช่นไรต่อ
พบกันในตอนหน้าค่ะ



พัชรีพร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 3 มิ.ย. 2557, 13:27:21 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 25 มิ.ย. 2557, 11:21:42 น.

จำนวนการเข้าชม : 1412





<< 4 สาวโก๊ะมหาภัย   6 ของฝากจากอุมา >>
พลอยจำปา 3 มิ.ย. 2557, 18:20:40 น.
รักจิราสวดยอด


yimyum 3 มิ.ย. 2557, 20:24:55 น.
รักจิราเจ๋งอ่ะ


จ๊ะจ๋า 4 มิ.ย. 2557, 00:37:04 น.
ไม่ต่อรองเรื่องตำแหน่งงาน ได้สร้างหนี้เพิ่มอีกหรอก ซุ่มซ่ามขนาดนั้น


แว่นใส 4 มิ.ย. 2557, 18:12:05 น.
เป็นแพะไปซะละ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account