แก้วขวัญวันรัก
เรื่องราวของสี่สาวพี่น้องที่ต้องตามล่าหาแฟนให้ได้ภายในสามเดือน ก่อนที่จะถูกจับคลุมถุงชนกับเจ้าบ่าวที่ไม่เคยเห็นหน้า ดังนั้นภารกิจ และปฏิบัติการลับของการตามหาแฟนจึงเริ่มข้น
แต่ติดปัญหาที่แก้ไม่ตกนั่นคือ

คนหนึ่ง ขี้เหวี่ยงขี้วีน คบกับผู้ชายได้ไม่เกินหนึ่งวัน ผู้ชายคนนั้นต้องหนีเปิง เจ้าของฉายา
“สวยเหวี่ยงวีน”

คนหนึ่ง ซุ่มซ่ามจอมโก๊ะ เจ้าของฉายา “สาวโก๊ะมหาวิบัติ”

คนหนึ่ง ด้านชาต่อความรัก ไร้ความรู้สึกกลับความรัก เจ้าของฉายา “ดอกไม้น้ำแข็งไร้อารมณ์”

และอีกคนหนึ่ง สาวสวยหมดเท่ แต่ใจเธอคือหญิงแท้ แต่กลัวการมีความรัก เจ้าของฉายา
“เจ้าสาวกลัวฝน”

Tags: สี่สาว รักแท้ ความรัก การตามหา

ตอน: 6 ของฝากจากอุมา

6
ของฝากจากอุมา

รักจิราปิดประตูล็อคห้องแน่นหนาและวิ่งกลับเข้ามาในห้องกระโดดลงที่เตียง ใบหน้าที่พยายามปั้นให้นิ่งสุด ๆ คลายลงเหลือเพียงความเหนื่อยล้า โล่งใจ ใครว่าเธอไม่กลัว เอกลัวจนฉี่แทบราดแล้ว ยิ่งตอนที่วาทินจ้องมองมาที่เธอเหมือนจะฆ่าเธอตอนนั้นเธอเกือบจะล้มลงไปอยู่แล้ว แต่เพราะเธอต้องปกป้องขวัญชีวันพี่สาวของเธอ เธอจึงต้องขุดความกล้าพูดออกมาจนจบ เธอคิดว่าเธอจะไม่รอดจากห้องนั้นแล้วด้วยซ้ำ แต่รอดมาได้ถือว่าเธอพกดาวนำโชคติดตัวมาด้วย ขวัญชีวันมองน้องที่ตอนนี้นอนหลับตานิ่ง ๆ ขวัญชีวันรู้ว่ารักจิราไม่ได้หลับแต่กำลังเรียกสติที่หลุดกระเจิงออกไปให้กลับมา เธอที่ยืนอยู่ใกล้และจับมือรักจิราไว้สัมผัสได้ถึงความเย็นและอาการสั่นเล็ก ๆ ที่เจ้าตัวพยายามกลั้นไว้ ตอนนี้รักจิราไม่ได้กลั้นความกลัวไว้อีกแล้ว ทำให้เห้นในทันทีว่ามือของรักจิรากำลังสั่น ไม่ใช่แค่มือแต่ตัวด้วย

“เค้าคิดว่าเค้าจะโดนยิงตรงนั้นแล้ว คิดว่าจะไม่ได้กลับบ้านแล้ว จำได้ว่าตอนมีเรื่องกับพวกอันธพาล พวกเด็กช่างเขายังไม่กลัวเลย เค้าทำได้ยังไง มันน่ากลัวมาก”รักจิราพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมา

“เจ๊ขอโทษ เจ๊ทำให้รักต้องเดือนร้อน” รักจิราเมื่ออาการกลัวเมื่อครู่เรื่องจางลงไปแล้ว จึงลุกขึ้นนั่งและมองพี่สาวที่ยืนอยู่ปลายเตียง รักจิรายิ้มและจับมือขวัญชีวันไว้และยิ้มส่งมาให้ขวัญชีวัน

“ไม่หรอกเจ๊ขวัญ ตัวอย่าโทษตัวเองเลย เรื่องที่เกิดขึ้นไม่ใช่เพราะตัว แต่เพราะอีตามาเฟียนั่นสร้างศัตรูไว้เยอะต่างหาก อีกอย่างตัวไม่ต้องคิดมากนะ มันถือเป็นประสบการณ์ใหม่ ๆ ปกติเคยอยู่แต่ต่อหน้าพวกอันธพาล เคยแตะต่อยเป็นปกติ แต่พออยู่หน้ามาเฟีย เค้าเข้าใจเลยว่าทำไมในหนังพวกคนที่โดนมาเฟียจับต้องกลัวหัวหด ประสบการณ์ในชีวิตเค้าเลยนะ ใครจะได้มาเจอแบบเค้าบ้าง เค้าพึ่งรู้วันนี้แกละว่าเค้าเก่ง” รักจิราพูดให้ขวัญชีวันหายเครียด แต่หน้าของขวัญชีวันไม่ได้ดีขึ้น

“ตัวอยู่ทีนี่ได้ไหมเจ๊ขวัญ” ขวัญชีวันพยักหน้า เพราะถึงอยู่ไม่ได้ต้องพยายามทำใจอยู่ให้ได้อยู่ดีนั่นแหละ

“ว่าแต่ เราไปส่งหลักฐานให้แก้ว กับวันตอนไหน”

“เค้าโกหก” ขวัญชีวันถึงกับตาโตที่รักจิรากล้าโกหกมาเฟีย ถ้าพวกนั้นเกิดรู้ขึ้นมาจำทำยังไง

“ถ้าไม่ทำแบบนี้พวกเขาก็ไม่ปล่อยพวกเรา ตัวไม่ต้องห่วงนะ กลับไปเค้าจะโอนเงินเค้ามาใช้พวกมาเฟียนั่น เค้าพอมีเงินเก็บเหลืออยู่ห้าแสนนิด ๆ เสียดายไม่น่าเอาไปซื้อกล้องเลย ไม่อย่างนั้นคงจะใช้ได้มากกว่านี้”

“เอาของเจ๊ด้วยมารวมด้วยก็ได้ เจ๊มีอยู่ประมาณสี่แสนนิด ๆ พอรวม ๆ กันแล้ว คงพอใช้ได้เกือบล้านแล้ว ทีเหลือก็ต้องหาทางเอาอีกที”

“เค้าจะเอากล้องเค้าไปขาย”

“แต่รัก รักกล้องพวกนั้นมากนะ ทำแบบนี้ไม่เสียดายหรอ” รักจิราส่ายหน้า

“เทียบกลับที่เค้าต้องมาตัวมาเจอแบบนี้ เค้าไม่เสียดายหรอกเจ๊ขวัญ ตัวทนอยู่สักสามสี่เดือนได้ไหม เค้าจะรีบรวบรวมเงินมาใช้ แต่คงต้องใช้เวลา”

“ได้สิ ไม่ต้องห่วงเจ๊หรอก เจ๊ดูแลตัวเองให้ดี”

“อ้อ เจ๊ขวัญ เค้าอยากรู้ว่าของสำคัญที่โดยขโมยไปคืออะไร ตัวอยู่ที่นี่ลองตีซี้คุณคิม บอดี้การ์ดท่าทางใจดี ๆ คนนั้นดูได้ไหม” ขวัญชีวันทำหน้าไม่แน่ใจ ปกติเธอไม่ใช่คนเจ้าเล่ห์เจ้ากล เป็นคนไม่ซับซ้อนแบบนั้น

“เจ๊จะพยายาม ทำไมหรอ”

“เค้าคิดว่าถ้าเค้าลองสิบหาคนร้ายและหาไอ้ของที่หายไปนั้นดู บางทีอาจจะหักกลบลบหนี้ได้หมดก็ได้”

“แล้วตัวจะไปหาเจอได้ยังไง คนร้ายเป็นใครก็ไม่รู้”

“เค้าคิดว่าเค้าน่าจะลองดูก่อน เค้ามีหลักฐานชิ้นหนึ่ง คิดว่าน่าจะสิบหาได้ ตัวไม่ต้องห่วง ตัวแค่พยายามสืบให้รู้ว่าอะไรที่หายไป” ขวัญชีวันพยักหน้าและช่วยน้องเก็บกระเป๋า รวมถึงเก็บของตัวเองลงกระเป๋าด้วย สองสาวโกยของทุกอย่างใส่กระเป๋าและพากันเดินออกมา โดยมีคนของมาเฟียยืนอยู่

“คุณวาทินให้ผมพาคุณรักจิราไปส่งที่ท่าเรือครับ”

“หวังว่าคุณคงไม่ฆ่าปิดปากแล้วโยนศพฉันลงทะเลนะคะ”

“ถ้าพวกผมจะฆ่าคุณจริง ๆ คงฆ่าตั้งแต่ในห้องแล้ว พวกผมไม่ใช่มาเฟียที่จะฆ่าคนเป็นผักเป็นปลา เจ้านายของผมเป็นนักธุรกิจครับ” รักจิราอยากจะบอกเหลือเกินว่าทำไมเธอไม่รู้สึกอย่างนั้น

“ไปเถอะครับ เรือเตรียมพร้อมแล้ว” สองสาวถูกพามาทีท่าเรือ โดยรักจิราเป็นคนเดียวที่ได้กลับบ้าน แต่ขวัญชีวันต้องอยู่ทำงานที่นี่ต่อ คิมมองภาพสองสาวที่กอดกันอย่างสงสาร ในขณะที่พี่สาวร้องไห้สะอึกสะอื้น น้องสาวกลับเป็นผู้ที่คอยปลอบพี่สาว เป็นภาพที่จะว่าน่าหัวเราะก็ใช้ น่าสงสารก็ใช้ แต่มันก็ดูน่ารักพี่น้องที่ไม่มีอะไรเหมือนกันคู่นี้

“เจ๊ขวัญ ตัวอย่าร้องไห้สิ แล้วแบบนี้เค้าจะสบายใจได้ยังไง”

“อย่าบอกแก้ว บอกวันนะว่าทำไมเจ๊อยู่ที่นี่ บอกอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่เรื่องหนี้”

“เค้ารู้แล้ว ตัวเลิกร้องได้แล้ว เราโทรคุยกันก็ได้นี่ พวกเขาไม่ได้สั่งห้ามไม่ให้โทรคุยกัน ไว้เค้าจะโทรมาทุกวัน ยิ่งตัวร้องไห้เค้าก็ยิ่งกลัวว่าตัวจะดูแลตัวเองไม่ได้” ขวัญชีวันเช็ดน้ำตาที่ไหลไม่หยุดออกและเงยมองหน้าน้องสาว

“ตัวต้องดูแลตัวเองให้ดีนะเจ๊ขวัญ อย่าทำอะไรให้เค้าเป็นห่วง เค้าไม่อยากจะพูดถึงยัยหมอฟ้าตาทิพย์หรอก แต่ยัยนั่นพูดถูกที่ว่าให้ตัวใช้ชีวิติอย่างมีสติ อย่าประมาท ทำอะไรต้องระมัดระวัง แล้วตัวจะปลอดภัย ไม่มีเค้าคอยระวังให้แล้วต้องระวังตัวเองนะ เป็นแผลต้องทายา อย่าปล่อยให้มันเขียวช้ำแบบนี้”

“เจ๊รู้แล้ว เจ๊ไม่ใช่เด็กแล้วนะ”

“แต่ตัวก็เหมือนเด็ก เค้า เจ๊แก้ว เจ๊วันจะโทรมานะ เค้าต้องไปแล้ว คนของอีตามาเฟียตาดุมองมาแล้ว ถ้าเค้าไม่รีบลงเรือ พวกนั้นต้องจับเค้าโยนลงเรือแน่ คุณคิมคะฝากพี่สาวฉันด้วยนะคะ เจ๊ขวัญเป็นคนที่ซุ่มซ่ามมาก ช่วยหาหยูกยาทาให้ด้วย”

“ครับ ผมจะดูแลให้” รักจิรากอดขวัญชีวันอีกครั้งและเดินลงเรือไป เรือกำลังแล่นออกห่างจากท่าเรือ รักจิรามองพี่สาวอย่างสงสาร เธอเองก็อย่าจะอยู่ต่อ แต่ถ้าตัวเองอยู่พี่สาวคงจัดการปัญหาที่บ้านไม่ได้ เธอจึงต้องกลับ

“เค้าจะโทรมานะเจ๊ขวัญ” รักจิราตะโกนเป็นครั้งสุดท้าย ขวัญชีวันยืนน้ำตาไหลอาบแก้มมองร่างนอกที่ยืนอยู่หลังเรือที่ตัวเล็กลง ก่อนจะลับตาไป

“คุณขวัญ” ขวัญชีวันหันไปมองคิมที่ยืนอยู่ด้านหลังและส่งผ้าเช็ดหน้าให้เธอ รักจิราไม่กล้ารับมา แต่เขาก็ยัดใส่มือเธอ เขายิ้มบาง ๆ ส่งมาให้

“รับไว้เถอะครับ หน้าคุณเปื้อนน้ำตาหมดแล้ว” รักจิราเช็ดน้ำตา

“อีกแป๊บเดียวก็ได้กลับบ้านแล้ว น้องคุณดูท่าจะเจ้าเล่ห์ยังไงก็มีเงินมาคืนพวกเราภายในสามเดือน พวกผมไม่ใช่มาเฟียไม่ต้องกลัวหรอกนะครับ” รักจิราพยักหน้าแต่ก็ยังไม่เลิกกลัว

“ไปครับผมจะพาไปที่พักพนักงาน ส่วนงานผมจะให้เริ่มอาทิตย์หน้าแล้วกันนะครับคุณจะได้เตรียมตัว” รักจิราพยักหน้าและเดินไปขึ้นรถที่ขับกลับไปที่โรงแรมดารัตน์อีกครั้ง





รักจิรากลับมาถึงบ้านในเวลาสองทุ่ม แก้วกัลยาและวันวิวาห์ที่เห็นเธอกลับมาคนเดียวพากันซักไซ้ไร่เรียงถามว่าเธอพาขวัญชีวันไปปล่อยเกาะไว้ที่ไหน โชคดีที่รักจิราเตรียมเรื่องมาพร้อมจึงบอกไปว่าขวัญชีวันได้รางวัลพิเศษตอนไปแข่งทำขนมในงานเปิดโรงแรมคือเป็นผู้ช่วยเชฟคนดังแอนนา ลอว์เรนซ์เป็นเวลาสามเดือน ทั้งสองที่เห็นว่าแอนนา ลอว์เรนซ์เป็นเชฟคนดังและยังเป็นไอดอลของขวัญชีวัน ถ้าตัดความโก๊ะของขวัญชีวันไป ขวัญชีวันเป็นคนที่ทำขนมเก่งมากอีกคนหนึ่ง ไม่แปลกที่ขวัญชีวันจะได้รางวัลนี้ รักจิราคิดว่าวันนี้จะขอหลับพักสมองโทรศัพท์กลับดังขึ้นเสียก่อน รักจิราตีหน้ายุ่งและกดรับโดยไม่ได้มองเบอร์ที่โทรมารบกวนเธอตอนสามทุ่มกว่า

“ฮัลโหล”

(รัก นี่พี่อุมานะ) ขวัญชีวันลุกขึ้นนั่งเมื่อรู้ว่าปลายสายคืออุมา นักข่าวรุ่นพี่คนสนิท

“มีอะไรคะ กลับจากลาพักร้อนแล้วหรอคะ”

(เอ่อ...ใช่ พี่กลับมาแล้ว ...คือ...พี่รบกวนอะไรรักหน่อยได้ไหม ช่วยออกมาหาพี่ที่ร้านตาสว่าง ร้านหน้าสำนักงานหน่อยได้ไหม) รักจิราขมวดคิ้ว ตอนนี้เนี่ยนะ

“เอ่อ...ได้ค่ะ พี่อุมามีอะไรหรือเปล่าคะ”

(คือ...รักออกมาก่อนแล้วพี่จะบอก) รักจิราลุกขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้า และเดินลงมาจากห้องวันวิวาห์กำลังนั่งอ่านหนังสือเล่มหนา ส่วนแก้วกัลยากำลังนั่งเหม่อใจลอย

“เจ๊แก้ว เจ๊แก้ว เจ๊แก้ว!!!”

“ว้าย!!!” แก้วกัลยาร้องอย่างตกใจและเงยหน้าขึ้นมองคนที่เข้ามาขัดเธอ วันวิวาห์เองก็เงยหน้าขึ้นมามอง

“ไหนว่าเจ๊จะไปงานเปิดตัวนาฬิกาไง”

“ไปมาแล้ว แล้วก็กลับมาแล้ว” ใบหน้าของแก้วกัลยากำลังตึงได้ที่ ดูเหมือนอารมณ์ไม่ดี และเจ้าตัวก็กลับเข้าสู้โลกส่วนตัวอีกครั้งด้วยการเหม่อ รักจิราหันไปมองวันวิวาห์เหมือนต้องการถามว่าแก้วกัลป์บาเป็นอะไร

“วางแผนไปบ้านคุณเพทาย แต่คุณไม่ทายไม่กลับบ้าน ต้องเคลียร์งานที่บริษัทเลยพักที่คอนโด เป็นแบบนี้มาหลายวัน พอให้คนไปสืบรู้ว่าวันนี้คุณเพทายจะไปงานเปิดตัวนาฬิกาวันนี้ก็เลยรีบแต่งตัวจัดเต็มไป แต่พอไปถึงคุณเพทายกลับไปแล้ว”

“มัวแต่เลือกชุดแต่งตัวนานใช่ไหมเจ๊วัน” วันวิวาห์ยิ้มนิด ๆ และพยักหน้า

“เอาน่าเจ๊แก้ว งานนี้ไม่เจอเอาไว้งานหน้า มานั่งทำหน้าเหมือนคนหมดอะไรตายอยาก ตัวก็สนิทกับคุณแม่ของคุณเพทายเค้าแล้ว ตัวถือว่าชนะมาครึ่งทางแล้ว สู้อีกนิดเดียวก็จะชนะแล้ว ไหนใครบอกเค้านะเป้าหมายมีไว้ให้พุ่งชน ถ้าไม่พุ่งชนแล้วจะได้มาหรอ”

“แต่ฉันพุ่งไปหลายรอบแล้วนะ แห้วทุกรอบเลย”

“ตัวท้อ”

“เปล่า ตั้งแต่จีบผู้ชายมา คุณเพชรเป็นผู้ชายที่เข้าถึงยากที่สุด แต่ฉันไม่ยอมหรอก ฉันต้องได้ คุณเพชรฉันจองแล้ว ไปนอนก่อนนะ จะไปคิดแผนต่อ” แล้วเจ้าแม่แฟชั่นก็เดินขึ้นห้องไป อารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ สมกับเป็นแก้วกัลยาจริง ๆ

“เจ๊วันเค้ายืมรถหน่อยได้ไหม”

“จะไปไหน นี่มันสามทุ่มจะสี่ทุ่มแล้วนะ” วันวิวาห์ถามและมองอย่างเป็นห่วง วันวิวาห์หยิบกุญแจรถที่ไม่ใช่รถของตัวเองส่งให้รักจิรา

“รถเจ๊พึ่งส่งเข้าศูนย์ เจ๊ก็ยืมรถแก้วมาใช้” รักจิราพยักหน้า

“แล้วอย่ากลับดึกนะ มันอันตราย” รักจิราพยักหน้าและเดินออกไป อุมาหรืออุมาพรเป็นนักข่าวรุ่นพี่ที่ทำงานอยู่ไทยนิวส์เหมือนกัน ตอนมาทำงานใหม่ ๆ ภัจจิราให้เธอมาฝึกงานอยู่กับอุมาพร อุมาพรเป็นนักข่าวฝีมือดีเป็นต้นแบบของรักจิราทำให้รักจิราอยากไปอยู่โต๊ะสังคม อยากเท่ห์ อยากเก่งแบบอุมาพร รักจิรามาถึงตามนัด ร้านตาสว่างเป็นร้านเครื่องดื่มคล้ายกับสตาร์บัคที่ตั้งอยู่หน้าสำนักงานข่าวไทยนิวส์ที่รักจิราทำงานอยู่ เป็นร้านที่เปิดตั้งแต่สี่โมงถึงเที่ยวคืน มีผู้คนยังสัญจรเข้ามาแวะผ่านมานั่งจิบเครื่องดื่มในร้าน นักข่าวที่ต้องทำงานย่ำรุ่งก็มักจะแวะมานั่งเช่นกัน รักจิรามองหาอุมาพรจนเห็นว่านั่งอยู่โต๊ะด้านในสุด ขณะที่กำลังจะเดินเข้าไปหา

ติ้ง!!!

เสียงข้อความจากไลน์ดังขึ้น รักจิราหยุดและมองข้อความและเงยหน้าขึ้นมองอุมาพรที่ลุกขึ้นเดินตรงไปที่ห้องน้ำหลังร้าน รักจิราเดินตามไปทันที

“รัก” รักจิมามองใบหน้าอุมาพรที่ดูเครียดมาก ดวงตาดำคล้ำคล้ายคนอดหลับอดนอน หน้าตาหมองลงอย่างเห็นได้ชัด ในใจรักจิราได้แต่สงสัยนี่มันสภาพคนพึ่งกลับจากพักร้อนหรอ

“พี่อุมามีอะไรไหมคะ ไหนว่าไปพักร้อนทำไมหน้าตาดูเครียดอย่างนี้ล่ะคะ”

“คือ...พี่มีของจะให้เรา”

“ตอนนี้เนี่ยนะ เอาไว้พรุ่งนี้ก็ได้ ยังไงก็ต้องเจอกันที่สำนักงาน มันดึกแล้วขับรถมามันอันตรายนะ พี่อุมายิ่งขับรถยังกับไปแข่งในสนาม”รักจิราบ่นออกมา อุมายื่นถุงกระดาษใบหนึ่งส่งให้รักจิรา รักจิรารับเอาไว้

“ขอบคุณค่ะ ไปมาตั้งเกือบอาทิตยืของขวัญถึงใบเล็กแค่นี้เองหรอ” รักจิรามองถุงกระดาษใบเล็ก แต่วันนี้อุมาพรดูเครียดมาก ขนาดเผะอพูดล้อเล่น ๆ ยังมีมีอารมณ์ร่วม ท่าทางดูตื่น ๆ ยังไงชอบกล

“พี่ต้องกลับก่อน ออกมานานเดี๋ยวโดนสงสัย” รักจิราขมวดคิ้ว เมื่ออุมาพรทำท่าจะเดินออกจากห้องน้ำ

“เดี๋ยวพี่อุมา เดี๋ยว เดี๋ยว พี่อุมาเรียกรักมาแค่เนี่ยนะคะ”

“เอาเป็นว่าตอนนี้พี่ไว้ใจรัก และพี่รู้ถ้าเกิดพี่เป็นอะไรไปรักจะจัดการมันได้ เราทำงานด้วยกันมานาน พี่สอนงานรักมาเยอะ จำไว้นะรัก ถ้าเกิดพี่เป็นอะไรไปให้รักระวังตัวไว้ด้วย พี่ต้องไปแล้ว รักรอให้พี่ออกไปได้สักห้านาทีค่อยออกจากร้านนะ” แล้วอุมาพรก็เดินออกไป รักจิราเดินกลับเข้าไปในร้านโดยเดินมานั่งที่โต๊ะอีกโต๊ะริมกระจกใกล้ ๆ กับโต๊ะที่อุมาพรนั่งเมื่อครู่ รักจิรามองอุมาพรที่ขับรถออกจากร้านไป รักจิราคิดไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่าว่ามีรถคันหนึ่งขับตามรถของอุมาพรไป รักจิรากดโทรศัพท์โทรหาอุมาพร แต่เสียงโทรศัพท์กลับดังอยู่ใกล้ ๆ พนักงานคนหนึ่งเดินมาหาเธอและยื่นโทรศัพท์เครื่องที่ดังอยู่ให้กันเธอ

“พี่คนที่พึ่งออกมาบอกว่าฝากให้คุณค่ะ” รักจิรารับโทรศัพท์นั้นมา มันเป็นเครื่องของอุมาพร แต่อุมาพรทิ้งโทรศัพท์ไว้ทำไม รักจิราเปิดดูเบอร์โทรเข้าโทรออกที่ถูกลบหมดเกลี่ยง รวมถึงข้อมูลในไลน์ เฟสบุ๊ค ทวิตเตอร์ อินสตาร์แกรม น่าแปลก รักจิราทำหน้าคิดหนักกับท่าทีแปลกไปของอุมาพร รักจิรากำลังจะกดเปิดดูข้อมูลแบตกับหมดเสียก่อน รักจิราหย่อนโทรศัพท์ลงกระเป๋า คืนนี้ดึกมากแล้วถ้ากลับช้าเธอจะโดนวันวิวาห์บ่น แต่พรุ่งนี้เธอจะไปพบอุมาพรถามให้รู้เรื่อง รักจิราลุกเดินออกจากแต่ก่อนจะได้เปิดประตูรถเข้าไปกลับหันไปเห็นภาพหนึ่งเข้าเสียก่อน รอยยิ้มปรากฏขึ้น


“ถ่ายไปให้ยัยเจ๊แก้วดูดีกว่า” แล้วรักจิราก็ตัดสินใจเดินไปที่ร้านอาหารอีตาเลียนที่เปิดอยู่ข้าง ๆ กับร้านตาสว่าง อาหารอร่อย แต่เสียดายที่แพงมาก แต่งานนี้เธออยากได้ภาพเด็ดไปอวดแก้วกัลยาจึงยอมเสียเงินให้กับอาหารจานละเกือบพัน รักจิราเลือกนั่งโต๊ะที่อยู่มุมสุด แต่สามารถแอบถ่ายภาพของหนุ่มสาวคู่นั้นได้ หนุ่มก็หล่อ สาวก็สวยเป็นคู่บุพเพสันนิวาสชัด ๆ รักจิราคิดในใจและมือทั้งสองที่กำลังก้มหน้าเลือกเมนูอาหาร รักจิราก็ถ่ายรูปนั้นทันที และถ่ายภาพที่ทั้งสองกำลังคุยกัน ก่อนจะส่งไปให้กับแก้วกัลยา รักจิรานั่งนับหนึ่งถึงห้าในใจ และ

ครืด ครืด ครืด

“ฮัลโหลว่าไงเจ๊แก้ว”

(แกอยู่ไหนไอ้รัก แกอยู่ไหน)

“ตัวจะมาหรือไง เค้าว่าอย่ามาเห็นให้บาดตาเลย เค้าบอกแล้วว่าคู่นี้อีกไม่ถึงเดือนต้องตกลงปลงใจคบกันแน่ ดูกันมาปีกว่าอาจถึงเวลาแล้วล่ะ”

(ไอ้รัก) เสียงที่ตะโกนอย่างเกรี้ยวกราดทำให้รักจิรายกโทรศัพท์ออกห่างจากหู

“ตัวไม่ต้องมาหรอก มาก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากมองภาพบาดตา เพราะตัวยังเข้าไม่ถึงตัวคุณเพทายไม่ได้เลย ที่เค้าไปส่งให้ เตือนให้ตัวรู้ว่า เตรียมเปลี่ยนเป้าหมายที่จะพุ่งชนได้เลย เพราะเป้าหมายตัวดูท่าจะเลือกคุณหนูไฮโซที่มีชาติผู้ดีแต่กำเนิด ไม่ใช่อาหมวยอย่างตัวเจ๊แก้ว”

(กรี๊ด!!!!) เสียงกรีดร้องทำให้รักจิรายกโทรศัพท์ออกห่างจากหู และรีบกดวางสาย และตัดสินใจให้เด็กเสิร์ฟห่ออาหารกลับไปกินที่บ้าน เธออยากกลับไปเห็นหน้าแก้วกัลยาเต็มทีแล้ว ป่านนี้คงจะแปลงร่างเป็นยักษ์ไปแล้ว รักจิราถือกล่องอาหารกำลังจะผลักประตูเปิดออก แต่กลับมีคนผลักเข้ามาเสียก่อน รักจิราเงยหน้าขึ้นมอง ดวงตาคู่สวยชะงักค้าง เช่นเดียวกับผู้ชายตรงหน้าที่ก็ยืนนิ่งมองเธอ มือที่ถือกล่องอาหารล่วงหลุดลงพื้น ขาที่อยากจะก้าวเดินออกไปก็เดินไม่ออก เอาแต่ยืนนิ่ง

“สายฟ้า” เสียงผู้ชายอีกคนดังขึ้น ผู้ชายคนนี้ท่าทางสำอาง ถ้าเธอจำไม่ผิดผู้ชายสำอาง ๆ คนนี้เป็นสไตล์ลิสต์ชื่อดังที่เคยทำงานให้กับฮอลีวูดก่อนจะกลับมาไทย และที่เธอจำไม่ผิดแน่ ๆ คือเขาเป็นเกย์

“มีอะไรกันหรือเปล่า เป็นสุภาพบุรุษหน่อยสิที่รัก หลบทางให้สาวเท่ห์คนนี้หน่อยเร็ว” แล้วเกย์หน้าตาสะอาดสะอ้านคนนั้นก็คว้าแขนดึงผู้ชายที่มองหน้าเธออยู่ให้หลบ รักจิราพยายามกลั้นหายใจและเดินผ่านเขาไปโดยไม่หันกลับไปมองอีก แต่

“คุณครับ” รักจิราสะดุ้งเมื่อเสียงเข้มเอ่ยเรียก รักจิรากำลังชั่งใจว่าจะหันไปไหม

“คุณทำของตก จะไม่เอาหรือครับ” รักจิรารับหันกลับไปมอง และเขา สายฟ้า ผู้ชายที่เธอไม่เคยลืม ไม่เคยลืมว่าเขาเคยทำอะไรไว้กับเธอ และเธอเคยทำอะไรไว้กับเขา เขาเดินมายื่นถุงอาหารนั่นส่งให้รักจิรา รักจิรามองถุงแต่ไม่ยอมรับจนดึก อาจจะเรียกว่ากระชากก็ได้เข้ามา รักจิราทำหน้าขุ่นใส่ และเขาก็ยัดถุงนั่นใส่มือเธอ

“มันแพง เอาทิ้งแบบนี้คงไม่ดีนะครับ” รักจิรารับมาถือไว้และปลดมือของเขาออก

“ขอบคุณ” แล้วรักจิราก็รีบจ้ำเท้าเดินหนีไป แต่สุดท้ายก็ตัดใจไม่ได้จึงหันกลับไปมองผู้ชายหล่อคมควงแขนผู้ชายสำอาง ๆ คนนั้นเข้าไปในร้าน ท่าทางสนิทสนมนั่นทำให้รักจิราแปลกใจ และรู้สึกปวดแปล๊บ ๆ อย่างประหลาดหรือว่าเขา...จะเปลี่ยนไปแล้วจริง ๆ

ครืด ครืด ครืด

“ฮัลโหลว่าไงไอ้รุจ” รักจิรากดรับสาย

(เจ๊หรอ พรุ่งนี้เข้ามาที่สำนักงานด่วนเลย ด่วนในที่นี่คือแต่เช้า เจ๊ตายแน่ คุณวาทินเจ้าของเกาะดาราเข้าโทรมาแจ้งว่าเจ๊ไปทำงานของเขาล่ม เรื่องนี้ถึงหูบก.ใหม่ บก.ใหม่ดูจะโกรธมากด้วย อย่าสายนะเจ๊)

“เฮ้ย!!! เดี๋ยวไอ้รุจ” สายถูกตัดไปแล้ว รักจิรากำลังทำหน้าโกรธจัด

“ไอ้มาเฟียบ้าเอ้ย!!! นี่แก้แค้นฉันหรอ อย่าให้ถึงทีฉันบ้างแล้วกัน” รักจิราเอ่ยที่โดนวาทินตลบหลัง เธอพลาดที่ไม่ได้ตกลงเรื่องที่ว่าอย่าเอาเรื่องนี้ไปฟ้องหัวหน้างานเธอ แล้วอย่างนี้หน้าที่การงานเธอล่ะ จะเป็นยังไง บรรณาธิการใหม่เธอก็ไม่รู้จัก นิสัยใจคอเป็นยังไงก็ไม่รู้ รักจิราเดินขึ้นมานั่งในรถสลัดความคิดที่ตีกันยุ่งออก และหยิบถุงกระดาษใบเล็กของอุมาพรขึ้นมาดู เมื่อหยิบถุงใบเล็กออกข้างในเป็นกล่องสีเหลี่ยมสีเหลี่ยมคล้ายกล่องใส่เครื่องประดับอันเล็ก เมื่อเปิดออกมา

“ยาหม่องเนี่ยนะ” รักจิราอุทานออกมาเมื่อเจอของที่อยู่ในกล่องเครื่องประดับ นี่เธอขับรถมาตั้งไกลเมื่อเอาไอ้นี่เนี่ยนะ รักจิรายัดกระปุกยาหม่องใส่ไปในกระเป๋าเป้ของตัวเอง


....ติดตามตอนต่อไป....



จบตอนอีกแล้ว ต้องคอยช่วยลุ้นไปกับสี่สาว แล้วช่วยกนส่งแรงใจให้หนูขวัญมีชีวิตรอดกันด้วย
พบกันตอนต่อไปค่ะ ขอบคุณสำหรับคอมเมนส์ทุกคอมเมนส์ ตอนหน้าเป็นอีกตอนที่สนุก เพราะถึงตาพี่ใหญ่ออกโลง
พบกันตอนต่อไปค่ะ



พัชรีพร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 7 มิ.ย. 2557, 14:07:14 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 25 มิ.ย. 2557, 11:23:29 น.

จำนวนการเข้าชม : 1176





<< 5 ของที่เสียหาย ชดใช้ด้วยอะไร   7 พรหมไม่ลิขิต แก้วลิขิตเอง >>
แก้วจินดา 7 มิ.ย. 2557, 18:44:47 น.
มีอดีตใช่ไหมคะ


แว่นใส 7 มิ.ย. 2557, 22:49:17 น.
ให้อะไรมานะ


ปลาวาฬสีน้ำเงิน 17 ส.ค. 2557, 23:59:16 น.
ตอนนี้ สงสัย Writer สับสนกับชื่อ ตัวละครมาก ควรทบทวนใหม่นะคะ อ่านแล้วขัด ไม่ค่อยรู้เรื่องเพราะชื่อตัว
ละครสลับกัน เลยขาดอรรถรส


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account