UnRomantic Love หนีไม่พ้นใจ (เล่ห์ลวงจันทร์)
เขียนจันทร์ เดินทางกลับมาจากต่างประเทศเพื่อมารับพ่อที่กำลังเกษียณไปอยู่บ้าน

วันแรกที่กลับมาเธอก็พบผู้ชายปากร้าย แข็งกระด้าง มาตามหาพี่สาวของเธอ

ปากก็บอกตามหา แต่ทุกวันก็ยังวนเวียนอยู่กับเธอ ไล่เท่าไหร่ก็ไม่ไป

ทำไมผู้ชายนิสัยแบบนี้ คุมสถานบันเทิงใหญ่ จะเลี้ยงเด็กที่เขาบอกว่าเป็นลูกได้ดีเหรอ

แล้วทำไมถึงได้ยัดเยียดลูกให้เธอเลี้ยง ส่วนตัวเองก็ร่อนไปหาพี่สาวเธอแบบนี้เล่า

นายรักษ์ชาติ...นายมันผู้ชายยอดแย่ที่สุด

แล้วทำไมวันที่เธอมีปัญหาที่สุด คนแย่ๆ แบบเขากลับไม่ยอมทิ้งให้เธอเผชิญปัญหาคนเดียว

กลัวจะไม่มีเบ๊ไว้ให้ใช้ล่ะสิท่า...อย่าคิดว่าคนอย่างเธออ่านเกมเขาไม่ออก
Tags: เขียนจันทร์ รักษ์ชาติ จักรตรากูล กองพัน

ตอน: บทที่ 11 : ระเบิดเจ้าขุน

บทที่ 11

ลมเบาๆ ที่พัดจนทุ่งหญ้าพลิ้วไหวนี้ไม่ได้ให้ความรู้สึกเย็นหรือร้อน แต่มันคือความสงบ เขียนจันทร์มองไปรอบๆ ตัวด้วยความสงสัย ว่าที่นี่คือที่ไหน และเธอจะออกจากที่นี่ได้อย่างไร

เสียงกีบเท้าย่างลงบนผืนดินดังเป็นจังหวะสม่ำเสมอ เขียนจันทร์ตัวแข็งทื่อยามแผ่นหลังเธอมีสิ่งหนึ่งกำลังดุนดัน และเมื่อเธอหันไป ม้าอาชาตัวใหญ่สีน้ำตาลเป็นเงางามก็กำลังก้มศีรษะลงมาให้เธอลูบ เขียนจันทร์มือสั่นขณะวางลูบลงไปบนแผงคอม้าที่เธอแสนคิดถึง เจ้าม้าที่มีอานบนหลัง อานที่เธอจำได้ว่าเป็นอันเดียวกับที่เธอใช้แข่งขัน

“ฉันขอโทษที่ทำให้พระจันทร์ต้องตายนะ” ความผิดในใจวันนั้นไม่เคยลบเลือน เขียนจันทร์ไม่เคยรู้สาเหตุที่ม้าของเธอต้องถูกวางยา ไม่เคยเห็นน้ำหน้าคนที่ทำการบาป ชั่วร้าย แต่เธอกลับโทษตัวเอง หากเธอไม่พาพระจันทร์ก้าวเข้าไปสู่การแข่งขันนั้น พระจันทร์จะไม่มีวันต้องตาย เหมือนกับที่วันนี้สายฟ้ายังมีชีวิตอยู่

เสียงม้าแหลมร้องฮี่ ลิ้นยาวเลียไปบนใบหน้าของเธอ เขียนจันทร์ยิ้ม ไม่ได้เบนหนี “มารับฉันไปอยู่ด้วยใช่ไหมพระจันทร์ ถึงเวลาของฉันแล้วใช่ไหม”

เจ้าม้าตอบอะไรเธอได้นอกจากร้องฮี่ๆ และยืดคอขึ้น เดินมาให้ด้านข้างอยู่ตรงกับร่างเธอ เป็นการบอกให้เธอขึ้นขี่มัน เขียนจันทร์ตอบรับคำขอของเจ้าม้า เธอขึ้นไปนั่งบนอานด้วยความคุ้นเคย ราวกับเมื่อวานนี้เธอเพิ่งขึ้นขี่พระจันทร์มา พระจันทร์ร้องฮี่อีกครั้ง ก่อนจะพุ่งโจนทะยานด้วยความเร็วสูงสุด เขียนจันทร์มองรอบข้างที่เกิดแสงสีเหลืองเรืองรองรอบกายด้วยความไม่เข้าใจ เธอได้แต่เอนตัวไปแนบหลังม้า มือเกี่ยวคอพระจันทร์ไว้แน่น เธอรู้สึกว่าแสงจัดจ้ากำลังแรงขึ้น แรงขึ้น เสียงร้องของพระจันทร์ค่อยๆ เบาลง ห่างออกไปเรื่อยๆ จนเงียบเสียงไปในที่สุด


“ไม่ต้องกลัวแล้ว ฉันอยู่นี่” น้ำเสียงทุ้มปลุกสติของคนที่หลับใหลให้ตื่นขึ้น เขียนจันทร์ทำหน้างุนงงใส่ใบหน้าของรักษ์ชาติที่กำลังถูกแขนเธอโอบกอดไว้ ใบหน้าไม่ห่างถึงหนึ่งฟุต เขียนจันทร์ปล่อยมือทิ้งลงข้างตัวอย่างอ่อนแรง อาการเจ็บตรงศีรษะ กับอาการเคล็ดที่ไหล่ทำให้เขียนจันทร์น้ำตาเล็ด ยกมือแตะตรงข้างขมับก็พบว่าแปะผ้าพันแผลไว้

“เธอถูกยิงเฉียดสมองไปนิดเดียว” รักษ์ชาติกลับไปนั่งลงข้างเตียง เขาตกใจแทบแย่ตอนที่จู่ๆ เขียนจันทร์ก็ชูแขนออกมากาง พอเขาไปอยู่ในวิถีแขนเจ้าหล่อน มือก็รัดตัวเขาไว้แน่นเกือบหายใจไม่ออก ดีที่ฟื้นสติขึ้นมาทันก่อนฆ่าเขาตายไม่รู้ตัว

“คนอื่นๆ เป็นยังไงบ้างคะ ฉันจำได้ว่านราถูกยิง”

“ปลอดภัยแล้ว อาสุชาติเคล็ดยอกตามตัว ส่วนนายกานต์ก็ถูกยิงที่หัวไหล่ กระสุนไม่ได้ฝังใน ทะลุไหล่ด้านหลังออกไปเลย” รักษ์ชาติพูดด้วยความดุ ยิ่งสีหน้าคนฟังซีดเผือด น้ำตาคลอหน่วยอย่างคนรู้สึกผิด มันยิ่งทำให้รักษ์ชาติโกรธจนต้องหาทางระบาย “เธอบ้าหรือไงเขียนจันทร์ ถึงได้ประกาศตัวเป็นศัตรูกับเสี่ยหลงอย่างนั้น ทั้งๆ ที่ปืนสักกระบอกก็ไม่มี ถ้าไม่มีนายกานต์ เธอถูกยิงตายไปแล้ว”

“ฉันไม่ได้ตั้งใจให้เรื่องมันเลยเถิดขนาดนี้”

“แต่ปากเธอมันพูด เธอไม่ได้ใช้สติคิดก่อนพูดหรือไง ฉันไม่อยากคิดเลยว่าทำไมเธอมันถึงได้โง่ขนาดนี้ ถ้าคนของฉันไปไม่ทันตอนที่รถเธอตกไหล่ข้างทาง พวกไอ้เสี่ยหลงมันคงตามซ้ำพวกเธอในรถให้ตายเรียบไปแล้ว”

ปากสีซีดเม้มไว้แน่น แต่ก็เผลอปล่อยสะอื้นมาบ้างยามที่รักษ์ชาติกระหน่ำตอกย้ำความผิดของเธอ หากเธอไม่มีลมหายใจมาถึงตอนนี้ เขาก็คงไม่ต้องมาระบายคำพวกนี้ให้เธอฟัง การที่เธอยังมีชีวิต...มันคล้ายว่ากลายเป็นความผิดไปทันที

“อย่ามาเงียบ!”

รักษ์ชาติยังคงปล่อยอารมณ์ฉุนเฉียวไม่หยุด อาการเบือนหน้าหนี ไม่ปล่อยให้น้ำตาร่วงลงมา ไหนจะยังการรับฟังทุกอย่างแบบไร้ข้อโต้แย้ง มันยิ่งทำให้ใจเขาร้อน

“เธอต้องสัญญาว่าจะไม่ทำ ไม่พูดอะไรที่หาเรื่องให้ตัวเองต้องตายอีก”

เขียนจันทร์ชายตามองผู้มีพระคุณที่มาช่วยชีวิตเธอไว้ได้ทันอย่างว่างเปล่า หัวใจเธอเองก็เจ็บไม่แพ้กัน มันหนึบอยู่ในอก จนแทบกระอักเลือดช้ำในตายตั้งแต่เขาพ่นคำแต่ละอย่างมาใส่ในหัวของเธอ

“ฉันจะทำอีก จะทำจนกว่าไม่ฉันก็เสี่ยหลงจะมีใครตายไปข้าง”

“ปัดโถ่เว้ย!” มือหนาปัดแจกันที่มีคนส่งมาเยี่ยมในห้องร่วงลงพื้นจนหมด เสียงดังเพล้งดังต่อมาอีกหลายทอด

น้ำตาที่พยายามกั้นไว้ไหลออกมาเงียบๆ เขียนจันทร์หัวเราะหยันต่อสิ่งที่เกิดขึ้นเบื้องหน้า ผู้ชายคนหนึ่งไม่เพียงแต่ทำลายความรู้สึกของเธอ ยังทำลายข้าวของอื่นๆ ในห้อง ตอกย้ำให้เธอต้องรู้สึกแย่ขึ้นเรื่อยๆ

“สัญญากับฉันเดี๋ยวนี้”

“จะไม่มีการสัญญาอีก คุณได้ขอในสิ่งที่ต้องการไปแล้ว ฉันไม่มีสัญญาใหม่ที่ไหนจะให้คุณอีก เชิญออกไปเถอะค่ะ ฉันอยากพักผ่อน”

“เขียนจันทร์!”

“ถ้าคุณอยากได้สัญญาอะไรอีก แลกกับการช่วยเหลือฉันในครั้งนี้ ก็เอาลมหายใจไป ถ้าไม่มีฉันแล้ว คุณเองน่าจะดีใจ มากกว่าทุกข์ใจ ฉันมันเป็นได้แค่ภาระ เป็นแค่เบ๊ ฉันไม่ได้มีค่าอะไรกับคุณ และคุณก็ไม่ได้มีค่าอะไรกับฉัน พระจันทร์ยังดีกว่าคุณ ขนาดฉันทำให้เขาต้องตาย เขาก็ยังมาหาฉัน ไม่เคยด่าทอฉัน หรือแสดงกิริยาอย่างคุณ สิ่งเดียวที่พระจันทร์ทิ้งไว้ในใจฉันก็คือความรู้สึกผิด แต่เขาไม่ได้ทำตัวเป็นตะปูที่คอยตอกให้ฉันตายไปด้วยความรู้สึกนั้น ฉันยังเป็นคนมีความรู้สึก ไม่ใช่พระอิฐพระปูนที่จะทนให้คุณทำลายความรู้สึกฉันไปมากกว่านี้ จนฉันรู้สึกอยากตายไปให้พ้นๆ จะได้ไม่ต้องตื่นขึ้นมาพบคุณอีก”

เขียนจันทร์สบตากับรักษ์ชาติด้วยความว่างเปล่า นาทีที่เขาเดินจากไป ไม่ทวงหาสัญญาอะไรจากเธออีก เขียนจันทร์ก็รู้ ว่าเขาจะไม่มีวันมาให้เธอพบหน้าอีก...เขาจะหายไป

แล้วทำไมใจของเธอถึงกลับถูกบีบรัดจนแน่นในอก มันเจ็บยิ่งกว่าตอนฟังเขาต่อว่า ตะโกนใส่หน้าเธอเสียอีก เขียนจันทร์ปล่อยเสียงสะอื้นออกมาเมื่อคนสองคนที่เธออยากพบมากที่สุดกลับมาจากต่างประเทศแล้ว ศิลปินกับดาวเดือนมองสภาพห้องที่อย่างกับผ่านสงคราม และสภาพจิตใจของลูกสาวที่คงจะย่ำแย่ไม่ต่างกันดึงมากอดไว้แน่น หญิงสาวใช้บ่าของพ่อซับน้ำตา น้ำมูก น้ำเสียงอ่อนระโหย ไร้เรี่ยวแรง

“เขียนทำร้ายจักรตรากูลใช่ไหมคะ เขียนทำให้เรื่องมันแย่ เขียนไม่น่ากลับมาเลย”

“ไม่หรอกเขียน นราบอกว่าถ้าไม่มีเขียนป่านนี้ตายยกคันไปแล้ว เขียนเก่งมากที่กล้าเผชิญกับคนเลว แต่ครั้งหน้าแม่ขอให้ลูกมีสติมากกว่านี้ อย่าบุ่มบ่ามทำอะไรเสี่ยงๆ อีก ชีวิตลูก แม่หาใครมาแทนไม่ได้หรอกนะ ธุรกิจต่อให้ล้ม เราก็ยังสร้างใหม่ได้”

“พ่อเข้าใจเขียนเสมอ แต่บางเรื่องลูกก็ทำมันคนเดียวไม่ได้ ลูกต้องคิดถึงชีวิตตัวเองให้มากๆ นะ”

“เขียนขอโทษค่ะ ที่คิดอะไรสั้นๆ จากนี้เขียนจะคิดให้มากๆ เสร็จเรื่องของธากิตเขียนจะคืนงานให้แม่นะคะ บางทีในบรรดาพี่น้องที่เหลือ พวกเขาอาจทำหน้าที่ได้ดีกว่าเขียน”

ดาวเดือนลูบศีรษะบุตรสาว ส่ายหน้าไปมา “เขียนเหมาะกับที่นี่ที่สุด เรื่องธากิตแม่จะจัดการต่อเอง หลักฐานที่เขียนส่งให้แม่ดู จริงๆ แม่ก็พอรู้มาบ้าง แต่ยังไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม ถึงวันนี้แม่ก็คงไม่ทนให้คนที่จะฆ่าลูกแม่ร่วมงานด้วยกันได้อีก ที่เหลือแม่จะจัดการต่อเอง อย่าคิดมาก พักผ่อนเยอะๆ เดี๋ยวแม่เรียกพยาบาลมาจัดการห้องให้”

“ทะเลาะกันรุนแรงมากเลยเหรอเขียน ระหว่างลูกกับคุณขุนน่ะ” ศิลปินอดถามไม่ได้ สีหน้าทุกข์ใจของลูก ไม่รู้ว่ามาจากเรื่องไหนมากกว่ากัน เรื่องถูกลอบยิง หรือทะเลาะกับรักษ์ชาติ

“ช่างเถอะค่ะ เขียนไม่อยากนึกถึงเขา” เขียนจันทร์ล้มตัวลงนอน อาการปวดหัวจี๊ดถามหา แต่เธอก็กัดฟันทน ข่มตานอนให้หลับ เผื่อเธอตื่นขึ้นมาจะได้รู้สึกดีขึ้น

...หวังว่ามันจะเป็นอย่างนั้น


“น้องเขียนคะ” ไหล่บางถูกสะกิด เขียนจันทร์จึงรู้สึกตัวตื่น ไฟในโรงหนังสว่างโร่ หน้าจอขนาดใหญ่เบื้องหน้าขึ้นเอ็นด์เครดิต เขียนจันทร์ขยับตัวเก้อๆ ยิ้มเจื่อนให้กับบดินทร์ภัทรที่นั่งข้างกัน ทั้งๆ ที่เธอชวนบดินทร์ภัทรออกมาดูภาพยนตร์ แต่ก็ดันหลับไปตั้งแต่เรื่องดำเนินไปไม่ถึงครึ่งเรื่อง ฉากบอกรักหวานซึ้งในหนังที่โฆษณามาให้ดูเธอเลยไม่ทันได้ดูว่ามันหวานซึ้งขนาดไหน หญิงสาวนั่งหลังตรง กวาดมองว่าในโรงหนังยังเหลือใครอีกไหม ก็พบว่าว่างเปล่า

“ขอโทษนะคะคุณชาย ชวนคุณชายมาดูแต่ฉันดันหลับเสียได้”

บดินทร์ภัทรรอให้เธอลุกก่อน แล้วจึงลุกตาม และพากันเดินไปทางออก บดินทร์ภัทรมองหน้าซีดเซียวของคนที่ออกจากโรงพยาบาลตั้งแต่ฟื้นคืนสติหลังหลับไปหนึ่งวันเต็มจากการโดนลอบยิง พักอยู่กับบ้านได้ไม่ถึงสี่วันก็ขอไปทำงานที่โรงพยาบาลสัตว์ของโชติรส แทนการไปดูแลงานโรงแรมของจักรตรากูล เขียนจันทร์ทำงานเพื่อให้ตัวเองยุ่ง คล้ายว่าจะได้ไม่ต้องคิดบางสิ่งบางอย่าง เกือบหนึ่งอาทิตย์แล้วที่เขียนจันทร์ทำงานเป็นสัตวแพทย์ที่โรงพยาบาลสัตว์ สภาพร่างกายยามนี้ดูป่วยยิ่งกว่าตอนนอนเจ็บอยู่ที่โรงพยาบาล

“น้องเขียนเครียด กังวลอะไรหรือเปล่าคะ หรือยังเจ็บแผล ตรวจร่างกายอีกสักรอบไหม”

“ไม่เป็นไรค่ะคุณชาย ฉันหายดีแล้ว ตอนนี้ก็แค่พักผ่อนน้อยไปหน่อย เลยดูเพลียๆ” บดินทร์ภัทรรั้งศอกเขียนจันทร์ไว้ให้มีสติ ตอนที่บันไดเลื่อนเลื่อนลงมาสุดทาง เขียนจันทร์ขอบคุณเบาๆ ก่อนจะดึงมือตัวเองไปไว้ข้างตัว เวลานี้ที่เธอได้มาอยู่ข้างๆ บดินทร์ภัทร ได้ออกไปโน่นมานี่กันบ่อยมากขึ้น ด้วยความจงใจของหม่อมยายเธอก็ส่วนหนึ่ง แต่เธอไม่ได้เบิกบานเหมือนแต่ก่อน ความดีของบดินทร์ภัทรยังคงเด่นชัด คงเป็นเธอเองที่ไม่ได้มีใจมาคอยยินดีกับสิ่งที่เขาทำให้
“ลางานสักวันไหมคะ ร่างกายน้องเขียนต้องได้รับการพักผ่อน”

“ฉันเพิ่งทำงานได้ไม่ถึงอาทิตย์แล้วคนอื่นจะมองยังไง ฉันทำไหว ขอบคุณที่เป็นห่วงนะคะ” สองคนเลี้ยวเข้าไปในร้านหนังสือ ซึ่งเขียนจันทร์รู้มาว่าบดินทร์ภัทรชื่นชอบการมาที่ร้านหนังสือเวลาหลังเลิกงาน หรือพักผ่อนแทนการออกไปเที่ยวไกลๆ บดินทร์ภัทรบอกกับเธอไว้ว่า

‘โลกอยู่ในมือเรา ถึงเราไม่มีโอกาสได้ออกไปไหนไกล แต่หนังสือจะทำให้โลกทางความคิดเราเปิดกว้างขึ้นนะคะ’

เขียนจันทร์ปล่อยให้บดินทร์ภัทรได้เดินเลือกหนังสือที่ตัวเองต้องการ ส่วนเธอมายืนเลือกหนังสือนิตยสาร สารคดี แต่สายตาเจ้ากรรมดันเหลือไปเห็นนิตยสารซุบซิบดาราฉบับหนึ่ง หน้าปกเป็นภาพแอบถ่ายระหว่างพี่สาวของเธอกับรักษ์ชาติที่ไปตามที่ต่างๆ เธอหยิบขึ้นมาอ่านอย่างอดไม่ได้ เธอไม่ได้เจอรักษ์ชาติอีกเลยตั้งแต่เกิดเรื่องวันนั้นที่โรงพยาบาล แต่ก็ยังปกติดีทุกอย่างกับกองพัน เด็กชายไปกลับบ้านเธอ โดยที่คนของรักษ์ชาติจะพามาส่ง และมารับกลับในตอนเย็น

ทั้งที่เธอพยายามจะไม่สนใจ แต่ความรู้สึกลึกๆ ของเธอก็ทำให้เธอยากปฏิเสธ หัวข้อข่าวไม่เพียงแต่การเอ่ยแซววาดตะวันเชิงล้อเรื่องที่เปลี่ยนหนุ่มควง ยังพาดพิงมาถึงเธอที่เคยออกตัวประกาศเปิดตัวกับรักษ์ชาติไปในงานเปิดตัวโรงแรมดีเอส ข้อความนั้นทำให้คนอ่านถึงกับวางกลับคืนแทบไม่ทัน

‘คู่รักรีเทิร์น หลังจากเคยมีข่าวคั่วกับคนน้อง’ เขียนจันทร์พยายามไม่รู้สึกอะไร หากว่าความรู้สึกแปลกๆ คล้ายเจ็บแปล๊บๆ ในอกยังคงเล่นงานเธออย่างต่อเนื่อง เธอเบนสายตามายังนิตยสารสารคดี ทุ่มเทความคิดไปหาสิ่งที่เป็นงานรักของเธอสุดกำลัง แต่ภาพถ่ายสวนป่าบนหน้าหนังสือไม่ได้อยู่ในความสนใจเธอเท่าไหร่

เขียนจันทร์รู้สึกว่าพักนี้ตัวเธอจัดการกับความรู้สึกของตัวเองได้แย่มาก เธอมักคิดถึงรักษ์ชาติ ยังรู้สึกผิด เพราะเมื่อกลับมาคิดๆ ดูเธอก็เริ่มรู้ว่ารักษ์ชาติพูดออกมาเพราะความห่วง แต่เธอก็ยังโกรธกับการแสดงออกอย่างไร้เหตุผล และเก่งแต่ทำลายล้างของเขา ทุกครั้งที่เห็นกองพัน เธอมักจะคอยแอบเงี่ยหูฟังยามมีคนในบ้าน หรือกองพันเองพูดถึงรักษ์ชาติ

หนังสือถูกวางลงที่เดิม เขียนจันทร์เม้มปากแน่น บังคับให้ตัวเองเลิกคิดถึงรักษ์ชาติเสียที หรือถึงเวลาที่เธอจะลุกมาทำในสิ่งเดิมๆ ที่ทำให้เธอไม่ต้องพบเจอเขาบ่อย ไม่ต้องรู้สึกว่าอยู่ใกล้กัน แต่เหมือนไกลจากกันแบบนี้ เวลาเธออยู่ต่างประเทศ เธอไม่เคยเป็นแบบนี้ ไม่เคยคิดถึงเขาขนาดนี้ รักษ์ชาติทำบ้าอะไรกับเธอ

โทรศัพท์ข้างตัวเธอส่งเสียงร้อง คนข้างๆ ที่อยู่หน้าแผงหนังสือสะกิดเตือน เขียนจันทร์สะบัดไล่ความคิดสะระตะของตัวเอง มองเลขหมายจากต่างประเทศ คงเป็นใครสักคนในกลุ่มเพื่อของเธอ

“เคทใช่ไหม” เสียงห้าวทุ้มอันเป็นเอกลักษณ์ของหนุ่มออสเตรเลียดังผ่านสายโทรศัพท์ เขียนจันทร์เคยบอกชื่อเล่นของตัวเองให้เพื่อนๆ เรียก แต่ไม่มีใครสักคนออกเสียงชื่อเธอได้ถูก จาก ‘เขียน’ เลยถูกเปลี่ยนให้เรียกง่ายเป็น ‘เคท’

“ไมค์เหรอ”

“ดีใจที่ยังจำกันได้ ไม่เจอกันหลายเดือนคิดถึง วินดี้เอาเบอร์ที่เธอส่งไปให้ทางอีเมล์มาบอกฉัน เพราะคงเห็นฉันทนคิดถึงเธอไม่ไหว” ไมค์ปากหวานมาตามสาย เขียนจันทร์ยิ้มกับสำเนียงจีบสาวของไมค์เสมอ รายนั้นก็ไม่เคยเบื่อกับการอยู่ในฐานะเพื่อน ‘ที่คิดไม่ซื่อ’ กับเธอเสมอ

“ก็ได้คุยกันแล้ว คงหายคิดถึงใช่ไหม” เขียนจันทร์มองเห็นว่าบดินทร์ภัทรยังยืนเลือกหนังสืออยู่ จึงออกมายืนคุยนอกร้าน พิงราวระเบียงคุย รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น

“ใจร้าย ไม่ให้เบอร์ฉัน นี่ตั้งใจหลบหน้าไม่อยู่ให้ฉันจีบเหรอไง ฉันจริงใจกับเธอมากนะ”

น้ำเสียงง้องอนผสมความขี้อ้อนช่วยให้คนฟังลื่นหู และหัวเราะได้ในรอบหลายวัน “จีบวินดี้ไปสิ มาจีบอะไรกับฉัน ผลสำเร็จเป็นศูนย์มาตลอด หาใครจีบใหม่จะได้ไม่เหงา”

ไมค์ถอนหายใจเสียงดัง บ่นว่าเธอใจแข็งอย่างกับหิน แล้วเปลี่ยนเรื่องคุย “เคท ฉันว่าจะไปประเทศไทย เธอจะว่างมารับฉันไหม ฉันอยากเห็นช้างเมืองไทย มีการลอดท้องช้างด้วยใช่ไหม เธอเคยโฆษณาฉัน” น้ำเสียงตื่นเต้นเหมือนเด็กหนุ่มชอบค้นหาสิ่งแปลกใหม่ในชีวิตทำให้เขียนจันทร์รู้สึกได้ถึงช่วงเวลาที่เธอห่างหายไป

แต่ก่อนเธอมักเดินทางไปตามโรงพยาบาลสัตว์ยากไร้ตามประเทศกันดาร หรือเดินทางไปตามประเทศที่มีสัตว์แปลกๆ โดยทุกคนทำงานเก็บเงินอย่างหนักมาตั้งแต่สมัยเรียน เพื่อรอให้เรียนจบและออกเดินทางไปด้วยกัน แต่เธอก็ออกเดินทางไปกับเพื่อนๆ ได้สองปี สำนึกที่ว่าเธอยังมีภาระอยู่ที่ประเทศไทย มีครอบครัวที่เธอต้องกลับมาดูแล จึงพาให้เธอต้องกลับมา

เพื่อนบางคนไปประจำยังโรงพยาบาลสัตว์ในประเทศเกิด เห็นก็มีแต่ไมค์ หนุ่มแอดเวนเจอร์ บ้านรวย ผู้หลงรักการเดินทาง และค้นหาสิ่งแปลกใหม่ให้ตัวเองไว้คนหนึ่ง

“มาเมื่อไหร่ ฉันจะได้ไปรับ ส่วนลอดท้องช้างน่ะเบาะๆ ช้างไทยเตะบอล วาดรูปก็ได้ อย่าให้คุยเลย”

ไมค์ส่งเสียงว้าวมา แล้วบอกจะรีบมาดูให้เป็นบุญตาทันที ตบท้ายด้วยสิ่งที่เธอถึงกับแปลกใจยิ่งกว่า เมื่อไมค์บอกถึงกำหนดการเดินทางที่เธอตกใจ

“พรุ่งนี้เช้าจะไปถึง มารับฉันด้วยนะที่รัก”

เขียนจันทร์หัวเราะเสียงดังกับสรรพนามออดอ้อนที่เพื่อนเรียก ไมค์มักจะทำตัวเจ้าชู้ กะลิ้มกะเหลี่ยแบบนี้ แต่เขาก็ให้เกียรติกับเพื่อนผู้หญิงในกลุ่มทุกคน ยิ่งรู้ว่าเธอมาจากไทยจะไม่เคยถูกเนื้อต้องตัวให้เธอเสียหาย ตั้งแต่เธอออกปากห้ามปรามไว้สำหรับการทักทายแบบเอาแก้มชนแก้ม

“ได้สิคะ...ที่รัก”

“เดี๋ยวฉันก็เคลิ้มหรอก อย่าหลอกให้รักหน่อยเลย”

เขียนจันทร์ครื้นเครง ยกมือปิดปากหัวเราะให้กับเพื่อนที่ชิงวางสายไป บดินทร์ภัทรก็เดินออกมาพร้อมถุงใส่หนังสือ หน้าตาประหลาดใจเมื่อพบว่าเขียนจันทร์กำลังยิ้ม และหัวเราะเบาๆ กับโทรศัพท์ในมือที่ไม่ได้แสดงการสนทนา

“น้องเขียนดูดีขึ้นนะคะ”

“พรุ่งนี้เขียนจะมีเพื่อนมาหาค่ะ วันหยุดพอดี คุณชายจะไปเที่ยวด้วยกันไหมคะ”

บดินทร์ภัทรเห็นเขียนจันทร์เลิกซึมเศร้าก็พลอยยิ้มตามอย่างโล่งอก ความมีชีวิตชีวากลับมาในร่างเขียนจันทร์แล้ว “พี่ติดเวรโรงพยาบาลค่ะ แต่ไว้ถ้าพี่เลิกเวรแล้วพี่จะโทรถามว่าน้องเขียนอยู่ที่ไหนดีไหมคะ เผื่อพี่จะตามไปทีหลัง”

“ยินดีมากๆ ค่ะ เดี๋ยวเขียนพาน้องขุนไปด้วย รายนั้นพาออกไปเที่ยวทะเลบ้างก็ไม่เลว ครั้งก่อนที่ไปงานเปิดอควาเรี่ยมก็ดูติดใจดี”

ทั้งสองเริ่มออกเดิน คุยกันไป บรรยากาศไม่ขมุกขมัวเหมือนก่อนหน้า เขียนจันทร์เล่าถึงเพื่อนสมัยที่ออกเดินทางไปตามที่ต่างๆ ด้วยกัน จนลงมาถึงชั้นล่างของห้างสรรพสินค้า กลุ่มนักข่าวก็มาล้อมไว้ เขียนจันทร์เลิกคิ้วแปลกใจ เห็นลานกว้างที่เธอไม่ทันสังเกตตอนเริ่มเป็นเวทีแคชวอร์ก เป็นงานแสดงแฟชั่นสุนัข ภาพโปสเตอร์มีภาพวาดตะวันโปรโมทอย่างโดดเด่น

“ไม่ทราบว่าความสัมพันธ์ระหว่างคุณชายบดินทร์ภัทร กับคุณเขียนจันทร์เป็นยังไงคะ”

“ตอนนั้นคุณเขียนจันทร์กับคุณรักษ์ชาติเคยประกาศว่าคบหากัน ตอนนี้เลิกรากันแล้วเหรอคะ”

“รู้สึกยังไงกับความสัมพันธ์ของพี่สาวกับอดีตคนรักคะ”

อีกหลายคำถามที่ยื่นไมค์มาจ่อปากเธอ กล้องสาดแฟลชใส่มากอย่างกับเขียนจันทร์กับคนเด่นของงาน ทั้งที่ไม่ใช่ เธอไม่รู้อะไรกับงานนี้ด้วยซ้ำ หากเธอเห็นก่อนเธอจะเลี่ยง เพราะกลัวจะได้พบกับใครอีกคน

“ฉันไม่มีความคิดเห็นอะไรกับเรื่องความสัมพันธ์ของพี่สาวกับคุณรักษ์ชาติ ถ้าพวกเขาคบกันฉันก็ยินดี ความสุขของพี่สาวฉัน ฉันก็ถือเป็นความสุขของฉันค่ะ ส่วนคุณชายเราเป็นพี่น้องที่ดีต่อกันค่ะ ฉันขอตัวนะคะ”

“พวกเรามาพักผ่อนกัน ขอเวลาส่วนตัวด้วยนะครับ” บดินทร์ภัทรใช้ตัวเองบังนักข่าวให้เขียนจันทร์ได้เดินออกไป แต่ผู้คนที่ล้อมปิดทางเพื่อรอชมงานบังคับให้เขียนจันทร์ต้องเดินเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของงาน เขียนจันทร์มองหน้าบดินทร์ภัทรอย่างขอความคิดเห็น ซึ่งอีกฝ่ายก็เอียงหน้ามากระซิบบอกอย่างเข้าใจ

“คงเลี่ยงไม่ทัน ไว้ใกล้ๆ งานเลิกเราค่อยเลี่ยงออกไปก็ได้ค่ะ น่าจะมีโอกาส ตอนนี้ก็ถือว่ามาให้กำลังใจคุณวาดแทน”

“ขอบคุณคุณชายมากนะคะ” เขียนจันทร์ยิ้มจริงใจ แตะศอกเขาเบาๆ ขณะที่ต้องเบียดเสียดคนเพื่อเข้าไปในงาน ทีมงานจัดเก้าอี้มารอข้างเวทีเพื่อให้เธอกับบดินทร์ภัทรนั่ง นักข่าวได้แต่ถ่ายเก็บรูปไว้ห่างๆ เพราะบดินทร์ภัทรเอ่ยปากขอกับทางทีมงานว่ายังไม่อยากให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวไหนทั้งนั้นในตอนนี้

ตอนที่แสงไฟดับไปเพื่อส่องสปอร์ตไลท์ไปทางเวที เขียนจันทร์ก็ถูกทีมงานคนหนึ่งให้ลุกออกไป เพราะมีคนเรียกให้เธอไปพบ หญิงสาวหันมองหน้ากับบดินทร์ภัทรกลัวว่าจะเป็นนักข่าวหลอกให้เธอไปสัมภาษณ์จึงอยากปฏิเสธ แต่เห็นท่าทางที่เกือบจะยกมือพนมไหว้ขอให้เธอออกไป หน้าตาทุกข์ร้อนกับการปฏิบัติภารกิจนี้นักหนา เขียนจันทร์เหมือนจะรู้ ว่าใครสั่งให้ทีมงานคนนี้มาเรียกเธอ ใครที่เธอกำลังพยายามลืมๆ ไปจะได้ไม่ทุกข์...รักษ์ชาติแน่ๆ

“ฉันขอตัวก่อนนะคะคุณชาย ถ้าฉันไม่กลับมาคุณชายไม่ต้องเป็นห่วง ไว้ถึงบ้านแล้วฉันจะโทรบอก” เขียนจันทร์ลุกตามทีมงานออกไป แต่พอจะพ้นหลังเวที พอที่เธอจะมองเห็นว่ารักษ์ชาติยืนพิงเสาคุยอยู่กับวาดตะวัน เขียนจันทร์ก็ดึงแขนทีมงานสาวไว้ หยิบเงินในกระเป๋าเงินแบงก์สีเทาส่งให้สามใบ “บอกกับเขาว่าคุณหันกลับมาก็ไม่เห็นฉันแล้ว บอกตามนั้นนะคะ”

เขียนจันทร์เดินเลี่ยงไปอีกทาง โชคดีที่เธอไม่ได้ยินเสียงร้องของทีมงานที่จะป่าวประกาศชี้เป้าว่าเธอหนี หญิงสาวกลืนไปกับฝูงชนที่เดินกันอุ่นหนาฝาคั่ง ก่อนจะออกมายังหน้าห้างสรรพสินค้า เธอโบกเรียกแท็กซี่เพื่อกลับบ้าน ไม่สนใจว่าได้เพิ่มความขุ่นเคืองให้ใครไว้หรือไม่

เขาไม่มีสิทธิ์จะโกรธ...เพราะเธอกับเขาไม่ได้เป็นอะไรกัน การเรียกหาเธอแบบคุกคามคนอื่นแบบนี้ เธอก็ไม่ได้รู้สึกดีหรอก คนอย่างเขาก็เก่งแต่ข่มขู่


“อะไรนะ น้องฉันไม่ยอมมา หันกลับไปก็หายไปแล้ว เลิก! ฉันยกงาน” วาดตะวันลุกขึ้นยืนเท้าสะเอวมองพนักงานที่ทำหน้าจ๋อย เจื่อนเกือบจะร้องไห้

“อย่านะคะคุณวาด ฉัน...” ทีมงานสาวส่ายหน้าทั้งน้ำตา ก่อนจะตัดสินใจหยิบเงินสามพันที่เพิ่งเก็บใส่กระเป๋ายื่นส่งให้วาดตะวัน “นี่ค่ะ”

“อะไร เอาเงินสามพันมาปิดปากฉันเรอะ ฉันมีมากกว่าเงินในมือเธอกี่พันเท่ายะ”

ท่าทางเหวี่ยงวีนอย่างน่ากลัวทำคนมองสะดุ้งโหยง ทีมงานตัวสั่นงันงก คนหลังเวทีเริ่มจัดคิวเตรียมขึ้นแสดงแล้ว แต่เธอยังจัดการกับวาดตะวันไม่ได้ “เงินนี้น้องสาวคุณให้มาค่ะ บอกว่าให้ฉันบอกว่าหันไปไม่เจอแล้ว”

“อะไรนะ!” วาดตะวันดึงเงินสามพันไปจากมือทีมงาน ชูหราตั้งใจประจานเต็มที่ “เงินนี่เธอคิดว่าคุ้มไหมถ้าต้องตกงาน ฉันสั่งอะไรไป แค่นี้ก็จัดการไม่ได้ ฉันจะประสาทตายแล้วรู้ไหม” คนใกล้ประสาทหันมองค้อนตัวต้นเหตุที่กอดอกยืนมองเหตุการณ์อย่างไม่ทุกข์ร้อน ที่ตามติดเธอทุกครั้งที่มีเวลาว่าง เธอปลีกตัวไปไหน ก็จะตามไปด้วย เธอนัดเหล่ากิ๊ก หรือแฟน ก็จะมีรักษ์ชาติไปเสนอหน้าแบบเนียนๆ ขับไล่ให้คนที่เธอคุยด้วยแตกกระเจิงหายหน้าไปกันหมด

งานนี้เขียนจันทร์ต้องรับผิดชอบ!

“เขาคิดว่าพี่เรียก กลัวเลยหนี” รักษ์ชาติดวงตานิ่ง หน้าตาคล้ายว่าไม่แยแส ทั้งที่ในใจไม่ใช่เลย

“ไม่ก็เกลียดหน้าพี่ขุนจนไม่อยากเจอหน้า เหมือนที่ฉันกำลังเริ่มรู้สึกในตอนนี้” เมื่อเห็นว่าไล่บี้กับเด็กทีมงานไม่ได้ เธอก็จัดการได้แค่ริบเงินสามพันไว้ด้วยความหมั่นไส้ “เงินสามพันนี่ถึงกับใช้เป็นค่าเปิดทางเลยนะคะ เขียนลงทุนขนาดนี้ พี่ขุนน่าจะรู้ว่าคืออะไร ถ้าไม่เกลียดมากๆ คงไม่ทำ”

วาดตะวันเห็นอาการปากเม้ม หน้าเริ่มนิ่งยะเยือก ปล่อยกระแสไม่พอใจมาในอากาศก็นึกอยากกระตุ้น เธอยินดีทำทุกอย่างเพื่อให้หลุดพ้นสภาพนางทาสของรักษ์ชาติ เขียนจันทร์ดูทนทานกว่าเธอมาก แต่บางอย่างในตัวรักษ์ชาติก็ไม่รู้จักปรับตัวเข้าหา เธอจึงไมได้ช่วยเต็มเม็ดเต็มหน่วย อยู่เป็นกันชนคอยให้รักษ์ชาติทนรังควานเธอไปวัน ไม่ใช่ไม่รู้ว่าแท้ที่จริงรักษ์ชาติต้องการอะไร...ให้เธอทนไม่ได้จนต้องลากเขียนจันทร์มารับเคราะห์อย่างที่ชอบทำมาแต่เกิด

ถ้าไม่ได้เกิดเรื่องร้ายแรงที่โรงพยาบาล อย่างที่แม่เธอมาแอบเล่า แล้วเล่าอาการน้องสาวที่เหมือนคนซึมเศร้า บ้างาน และไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรเท่าไหร่ เธอคงเรียกมารับเคราะห์แทนแต่เนิ่นๆ นาทีนี้เธอค่อนข้างมั่นใจว่าได้เกิดเรื่องบางอย่างกับสองคนนี้ บางอย่างที่ร้ายแรงพอจะทำให้เขียนจันทร์ยอมตัดขาดทุกทางกับรักษ์ชาติ ยกเว้นการตัดขาดจากกองพัน

“ถ้าพี่ขุนยอมรับว่าอยากเจอเขียน อยากคุยกับเขียน รู้สึกยังไงกับเขียน บอกกับฉันมาชัดๆ ฉันก็จะยอมช่วยพี่ แต่ถ้ายังทำตัวไม่รู้ร้อนรู้หนาว รอให้เขียนมาหาเอง ฝันถึงจะง่ายกว่า หรือว่าพี่แอบฝันถึงน้องสาวของฉันอยู่แล้วคะ”

“มันเรื่องของพี่ เธอไปทำงานเถอะ”

วาดตะวันยิ้มพรายอารมณ์ดี เห็นอาการคนทำหน้าบอกบุญไม่รับแล้วยิ่งครื้นเครงมากพอจะทำงานต่อ บางทีการไม่มาปรากฏตัวของเขียนจันทร์ตามที่เธอเรียกพบก็มีข้อดีอย่าง...เธอยิ่งมั่นใจว่าตัวเองกำลังมองความรู้สึกของรักษ์ชาติออก

“คนปากแข็งกับใจแข็งมาเจอกัน ลูกได้เกิดมาเป็นหินโบราณ ไม่ก็ฟอสซิลแน่ๆ” วาดตะวันเปรียบเปรยก่อนจากไป ทิ้งคน ‘ปากแข็ง’ ให้ถลึงตาดุไล่หลัง

...............................................
คุณ ร้อยวจี นิยามความรักของเจ้าขุนซะเห็นภาพเลยค่ะ ในเรื่องมีเปรียบไว้ว่าเหมือนยาขมที่กลืนลงคอแบบไม่มีน้ำตาม ฮา เปรียบเจ้าขุนโหดๆ ได้อีก

คุณ ใบบัวน่ารัก เจ้าขุนนิสัยไม่ดีค่ะ ทำอะไรก็ไม่ค่อยรู้ เดี๋ยวพาร์ทหลังๆ จะเป็นความรู้สึกของขุนบ้างค่ะ ^^

คุณ อัศวินนภา อาจไม่อยากให้เขียนฟื้นเลย ตื่นมาเจอพายุเจ้าขุนพัดใส่ อย่าเพิ่งเกลียดพระเอกเจ้าอารมณ์เลยนะคะ

คุณ ameerah เย้ๆ มีหนึ่งเสียงมอบให้ขุน ตอนนี้อาจจะแอบกลัวกัน แต่เจ้าขุนเขาโกรธเพราะห่วงนะคะ (ช่วยเจ้าขุนสุดๆ)

คุณ konhin ยังดีที่รอดมาได้ค่ะ รอดูการตอบโต้เอาคืนของขุน

คุณ นักอ่านเหนียวหนึบ เนอะ ยิงๆ ไปกิส้นเรื่อง เย้ย ไม่ต้องเปลืองนิ้วเหนี่ยวไกเอง เสี่ยหลงทำแบบนี้ถึงไม่ตายก็คิดว่าขู่จนทำให้กลัวค่ะ ส่วนเจ้าขุนรอลุ้นปฏิกิริยาพ่อคนร้ายกาจต่อไป ยังร้ายอีกไหม

ขอบคุณทุกๆ ความเห็น ทุกไลค์ และนักอ่านเงาทุกท่านค่า เพิ่งฟื้นจากการเดินทาง ก็รีบมาอัพเลย ^^



ปวรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 1 มิ.ย. 2557, 03:43:23 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 1 มิ.ย. 2557, 03:43:23 น.

จำนวนการเข้าชม : 1915





<< บทที่ 10 : คำสัญญา   บทที่ 12 : ขอโทษ!!! >>
ร้อยวจี 1 มิ.ย. 2557, 04:41:05 น.
ตอนนี้ขอเกลียดเจ้าขุนได้ไหมค่ะ ปากไม่ตรงกับใจ สนุกค่ะ นึกว่าจะมาเมื่อวานรอทั้งวัน


ameerah 1 มิ.ย. 2557, 07:18:39 น.
ไม่โกรธเจ้าขุนนะ แต่แอบหมั่นไส้เขียนอ่ะ คนเค้าเป็นห่วงมะรุเรื่องเลย 555 (ดูลำเอียงเนอะ)


อัศวินนภา 1 มิ.ย. 2557, 08:04:52 น.
อารมณ์พ่อขุนแบบโกรธก็ด่า ดีใจก็ด่า เป็นห่วงก็ยังด่า พูดชื่นชมง่ะเป็นบ้างไหมจ๊ะ นางเอกหนีแล้ว


ใบบัวน่ารัก 1 มิ.ย. 2557, 08:05:45 น.
คนปากแข็งกับคนใจแข็ง
ยังคงไม่รู้ตัวรู้ใจ จัดการกับความรู้สึกของตัวเอง
โดยเฉพาะเจ้าขุน ยังมาแนวแรงฉบับหนังพิศาล
หาตัวช่วยมาเพิ่มแล้ว จะโกรธอีกไหม เขียนซ้ำแน่ๆ


konhin 1 มิ.ย. 2557, 09:04:57 น.
ปากพาจนแท้ๆ


mhengjhy 1 มิ.ย. 2557, 10:10:00 น.
ไม่รู้ใครจะยอมแพ้ก่อนกัน คุณขุนไหมล่ะ เสียเหลี่ยมหน่อย แต่ได้เขียนมา คุ้มน้าาา


ผักหวาน 17 มิ.ย. 2557, 23:03:19 น.
ชอบหนูวาดที่สุดเลยค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account