เพลิงทรายร่ายรัก
เมื่ออัยรดา นักเขียนสาวอยากเหยียบแดนทะเลทรายจริงๆ สักครั้ง เธอจึงพยายามอย่างยิ่งที่จะอากัสย่า ดินแดนลี้ลับกลางทะเลทราย ติดอยู่ตรง ซามาล ชายหนุ่มที่จะพาไปนี่สิ เธอจะอ้อนวอนเขายังไงดีนะ (นิยายเรื่องนี้มีลิขสิทธิ์และผ่านการพิจารณาจาก สนพ.กรีนมายด์แล้วนะคะ)
Tags: ทะเลทราย ความรัก

ตอน: 2

สวัสดีวันอาทิตย์ค่า เอานิยายของนักเขียนตัวน้อยๆ (หรออ) มารบกวนเวลาพักผ่อนของคนอ่านอีกแล้วจร้า อิอิ

2.



งานฉลองคืนก่อนแต่งงานจัดขึ้นในสวนหลังคฤหาสน์ซึ่งประดับประดาไปด้วยไฟแสงสี อัยรดายืนรวมกับพวกเพื่อนๆ ของเจ้าสาวรวมไปถึงพ่อกับแม่ของยุพากรด้วย หญิงสาวไม่เห็นแนนนี่ยืนอยู่ที่นั่นและไม่กล้าคิดเลยว่าอีกฝ่ายกลับออกมาจากห้องนั้นหรือยัง พอคิดถึงเรื่องนี้ร่างกายก็รู้สึกสั่นเพราะพาลคิดไปถึงร่างกำยำของบอดี้การ์ดหนุ่มตอนที่เขายืนประชิดตัวเธอด้วย

ซามาลอยู่ฝั่งตรงข้ามกับอัยรดา เขายืนรวมกับกลุ่มเพื่อนเจ้าบ่าวและบอดี้การ์ดในชุดดำหลายคน ซึ่งแม้ว่าการแต่งกายจะคล้ายๆ กันแต่ชายหนุ่มกลับมีอะไรบางอย่างที่ทำให้โดดเด่นและเป็นที่จับตามองของบรรดาสาวๆ ไม่นานนักพิธีกรก็พูดอะไรบางอย่างเป็นภาษาประจำชาติของโซมานห์พร้อมๆ กับเสียงดนตรีเริ่มดังและเจ้าบ่าวก็เดินเข้ามาหาเจ้าสาวเพื่อชวนออกไปเต้นรำเป็นการเปิดงาน

“เต้นรำกันเถอะ”

โมฮัดบอกยุพากรเป็นภาษาท้องถิ่น ตอนนั้นอัยรดายืนอยู่กับผู้หญิงหลายๆ คนพวกเธอพากันร้องแซวและเชียร์ทั้งคู่ ก่อนที่ดาน่าจะเป็นผู้อธิบายให้ฟัง

“คืนนี้จะมีการเต้นรำกันจนเกือบครึ่งคืน ถือว่าเป็นการฉลองวันมงคลสมรส เป็นวันแห่งความรื่นเริงก่อนที่พรุ่งนี้จะมีพิธีทางศาสนา”

ดาน่ามีรูปร่างอวบและไม่สูงนัก ดวงตาเข้มคมตามเชื้อชาติ บางครั้งเมื่อยามที่มองจ้องใครจริงๆ จังๆ อัยรดาอดรู้สึกไม่ได้ว่าดูน่ากลัว

“น่าสนุกจังเลยเนอะ” เพื่อนร่วมอาชีพของยุพากรที่ชื่อเกสราพูดขึ้นและมองวงเต้นรำซึ่งผู้คนเริ่มออกไปวาดลวดลายตามคู่บ่าวสาว

อัยรดาจึงยิ้มและมองตาม ร่างเพรียวนั้นอยู่ในชุดสาวอาหรับน้ำตาลพาสเทลตัวเดิมแต่เกล้าผมด้านหลังขึ้น ใบหน้าขาวใสแต่งแต้มเพียงลิปกลอสสีชมพูอ่อน

“ค่ะ ทุกคนจะสนุกกันเต็มที่เพราะวันนี้ถือว่าเป็นวันพิเศษ” ดาน่าเล่าต่อ “ในอดีต...ชาวโซมานห์จะเคร่งครัดเรื่องผู้หญิงผู้ชายใกล้ชิดกันมากยิ่งกว่านี้ วันนี้จึงถือเป็นวันที่พวกเขาได้ออกมาพบปะอย่างที่ไม่ผิดประเพณี...แต่ว่าที่เห็นนี่ยังเป็นในเมืองนะคะ ถ้าอยู่กลางทะเลทรายจะสนุกกว่านี้ ลองวาดภาพดูสิ ทุกคนล้อมวงกันบนผืนทราย เต้นรำใต้แสงจันทร์ ก่อกองไฟแทนที่จะใช้ไฟฟ้าแบบในเมือง มีดาวระยิบระยับเป็นไฟประดับ”

“เธอเคยเห็นเหรอ”

อัยรดารีบถามตามวิสัยนักเขียนที่ชอบฟังเรื่องราวแปลกใหม่ หัวสมองเริ่มสว่างไสวเหมือนมีใครจุดประกายไฟวิบวอม ดวงตากลมโตมองไปยังฟลอร์เต้นรำที่ทุกคนกำลังสนุกสนานรวมถึงเจ้าบ่าวกับเจ้าสาว และจินตนาการถึงพระเอกซึ่งเป็นหนุ่มใหญ่มีอำนาจล้นเหลือได้มาพบรักกับหญิงสาวชาวไทยผู้พลัดถิ่นจนได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันในดินแดนทะเลทรายซึ่งไม่มีใครรู้จัก

“ไม่...ฉันไม่...ไม่เคยหรอกค่ะ” ดาน่าส่ายศีรษะและไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังทำให้ดวงไฟของอัยรดาดับวูบแต่สาวชาวไทยก็ไม่วายที่จะถามต่อเผื่อมีความหวัง

“แล้วตอนนี้...ในปัจจุบันก็ไม่ใคร พวกไหนใช้ชีวิตอยู่ในทะเลทรายเลยเหรอ”

“ก็...ถ้าจะมี...ก็คงจะมีแต่พวกที่คาซัส...คาซัสเป็นโอเอซิสที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวของเราน่ะค่ะ พวกชาวทะเลทรายที่นั่นส่วนมากก็เป็นคนในเมืองนี่แหละแต่แต่งตัวเป็นชาวทะเลทรายคอยถ่ายภาพกับนักท่องเที่ยว” ดาน่าเล่าก่อนเงียบไปพักใหญ่ เกสราจึงรีบแย้ง

“ไม่จริงหรอก ก็เมื่อตอนบ่ายเธอเป็นคนบอกเองว่าซามาลมาจากทะเลทราย มาจากอะไรนะ...เอ่อ...อ่า กัด อากัสย่า ใช่แล้ว อากัสย่า”

“อ้อ...ฉัน...ฉันลืมไปค่ะ ซามาลมาจากทะเลทรายแล้วก็มาจากดินแดนที่เรียกว่าอากัสย่าจริงๆ”

“จริงเหรอ หมายความว่าชาวทะเลทรายยังมีอยู่จริงๆ ใช่ไหม ดินแดนไกลโพ้นในทะเลทรายมีจริงๆ ด้วย” อัยรดาตาลุกวาวเมื่อประกายความหวังถูกจุดขึ้นอีกครั้ง ต่อมความอยากรู้ของหญิงสาวทำงานอย่างหนัก “แล้วอยู่ที่ไหน เป็นยังไงล่ะ”

“หรือจะเป็นพวกปกครองตัวเองใช่ไหม แต่ที่เธอบอกเหมือนพวกเขาจะคุ้นเคยกับคุณโมฮัดดีนี่นาไม่งั้นซามาลจะมาที่นี่ทุกปีเหรอ” เกสราออกความเห็น

“ค่ะ...แต่ที่อากัสย่าก็มีหัวหน้าของเขาเรียกว่าอับดุลอาซิส คล้ายๆ แบบพวกชีคในสมัยโบราณน่ะค่ะ พวกคุณอาจจะรู้มาบ้างแล้ว”

“ก็เคยนะ เคยแต่อ่าน” อัยรดาพึมพำ ดาน่าจึงเล่าต่อ

“เมืองอากัสย่าอยู่กลางทะเลทรายแต่กลับไม่พึ่งพาพวกรัฐบาล และปกครองแบบรุ่นต่อรุ่นโดย อับดุลอาซิส พวกเขาไม่ค่อยชอบสุงสิงหรือยุ่งกับคนในเมืองนัก “

“อับดุลอาซิสงั้นเหรอ คงเป็นผู้ชายที่แข็งแกร่งน่าเกรงขามมากเลยใช่ไหม” อัยรดาไม่ได้สนใจเรื่องอื่นนอกจากจินตนาการถึงผู้ชายตัวโตเป็นยักษ์ปักหลั่นดวงตาคุกรุ่นดั่งเปลวไฟ พอได้ยินแบบนี้ดาน่าถึงกับมองอีกฝ่ายอย่างจับผิดและมีน้ำเสียงเปลี่ยนไป

“ทำไมคุณถึงสนใจเรื่องนี้นักล่ะ คงอยากจะเปลี่ยนมาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่บ้างใช่ไหม หรือว่าอยากได้สามีอาหรับแบบคุณยุพากร?”

“ดาน่า! ทำไมพูดแบบนี้ล่ะ”

อัยรดาถามอย่างฉุนๆ เพราะอีกฝ่ายพูดเหมือนกับว่าเธอกำลังจะหาสามี เมื่อถูกขึ้นเสียงดาน่าจึงรู้สึกตัวและรีบก้มหน้าขอโทษขอโพย

“ขอโทษค่ะ คือดิฉันไม่ตั้งใจ แค่พูดไปเรื่อยๆ ขอโทษนะคะที่ทำให้คุณโกรธ”

“ก็ลองเปลี่ยนให้ฉันเป็นคนพูดแล้วเธอเป็นคนฟังสิ ลองดูว่าจะโกรธไหม” อัยรดาพยายามระงับอารมณ์และบอกตัวเองว่าดาน่าไม่ใช่คนไทยก็เลยอาจจะใช้ภาษาไทยได้ไม่ถูกต้องนัก หญิงสาวจึงถอนหายใจและอธิบาย “ที่ฉันอยากรู้เพราะฉันเป็นนักเขียน ฉันอยากเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องใหม่ๆ แล้วนี่เป็นโอกาสที่ดีด้วย ฉันไม่ได้ต้องการไปอากัสย่าเพราะจะหา...ช่างเถอะ เลิกพูดเรื่องดีกว่าเดี๋ยวฉันไปถามยุ้ยเองก็ได้”

นักเขียนสาวขมวดคิ้วอย่างอารมณ์เสีย เกสราจึงจับแขนปลอบและหันไปค้อนดาน่าอย่างไม่ค่อยพอใจเช่นกัน คนรับใช้สาวจึงได้แต่ก้มศีรษะลงและไม่พูดอะไรอีก ประจวบเหมาะกับมีหนุ่มๆ เข้ามาโค้งขอสาวๆ ไปเต้นรำ

อัยรดาจึงรีบถอยออกห่างและมายืนหลบมุมคิดถึงเรื่องที่ดาน่าเล่าด้วยความค้างคาใจ ทว่าตอนนี้คงไม่สามารถถามยุพากรได้เพราะเป็นวันสำคัญของอีกฝ่ายและทุกคนก็กำลังสนุกสนานอยู่กับการเต้นรำ หญิงสาวจึงเหลียวไปมาอย่างคิดไม่ออก ทว่านั่นก็ทำให้ตนเองมองเห็นซามาลยืนอยู่อีกฝั่งในด้านตรงข้าม

‘ซามาลมาจากทะเลทราย’ ถ้อยคำนั้นดังย้ำในหัวสมอง ทว่าภาพตอนที่เขาต้อนเธอจนติดประตูห้องซึ่งมีเสียงหญิงสาวกับชายหนุ่มกำลังเมคเลิฟกันก็ผุดตามมาเช่นกัน นักเขียนสาวจึงส่ายหน้าดิก

“ไม่ๆ ฉันไม่ถามคุณหรอก ตอนนี้...แม้แต่เจอยังไม่อยากเจอเลยด้วยซ้ำ”

“อ้าว หนูอัย ไม่ออกไปเต้นรำกับเขาเหรอ” สักพักหนึ่งมารดาของยุพากรก็เดินมาหาและถามขึ้น สาวร่างเพรียวจึงส่ายหน้าปฏิเสธทว่ายังไม่ทันพูดอะไรต่อ เสียงของเจ้าสาวก็ดังขึ้นเคล้าเสียงหัวเราะอย่างรื่นเริง

“อัยรดา เมื่อกี้เกสบอกฉันว่าเธออยากรู้เรื่องทะเลทรายงั้นเหรอ คุยกับซามาลสิ ยุ้ยบอกคุณโมฮัดให้แล้วน่ะ นั่นไงเขาบอกให้ซามาลมาหาเธอแล้วล่ะ”

“ไม่ ไม่ ไม่ต้องนะ” อัยรดารีบปฏิเสธแต่ยุพากรซึ่งกำลังสนุกก็โดนดึงกลับเข้าไปในวงอีกครั้งจึงไม่ได้รับฟัง และบอดี้การ์ดหนุ่มในชุดดำก็เดินเข้ามาหาสาวชาวไทยพร้อมหรี่ตาลงมองเธออย่างสงสัย

“คุณโมฮัดบอกว่าคุณต้องการคุยกับผม”

“ฉันเปล่า ฉัน...ฉันไม่มีอะไรจะพูดกับคุณ”

เอ่ยจบอัยรดาก็เม้มปากไม่ยอมรับ ใบหน้าเป็นสีชมพูจัดเพราะอย่างไรก็ยังไม่ลืมเรื่องเมื่อเย็น แต่เพราะเสียงดนตรีค่อนข้างดังแทนที่ซามาลจะเข้าใจ เขากลับยิ่งขมวดคิ้วและบอกเธอด้วยภาษาอังกฤษ

“ไม่รู้เรื่อง”

พร้อมคำนั้นชายหนุ่มก็ดึงแขนหญิงสาวออกไปจากบรรดาผู้คน อัยรดาละล้าละลังรู้สึกสองจิตสองใจ อยากรู้เรื่องอากัสย่าก็อยากรู้ ทว่าเหตุการณ์เมื่อหัวค่ำก็ทำให้เธอรู้สึกตะขิดตะขวงใจอยู่ไม่น้อย

‘คิดมากเกินไปหรือเปล่าอัย เค้าอาจจะไม่ได้คิดอะไรมากมายแบบเธอก็ได้ เขาเป็นบอดี้การ์ดคุณโมฮัดนะ เขาก็ต้องทำตามคำสั่งเจ้านายและเล่าเรื่องที่รู้ให้เธอฟังได้อยู่แล้ว’

เพราะคิดเช่นนั้นหญิงสาวจึงระงับอาการคิดมากปนตื่นเต้นของตนและยอมเดินตามชายหนุ่มจนมาถึงบริเวณสระว่ายน้ำซึ่งมีเพียงแสงไฟสลัว

“ว่ามา” ซามาลหยุดเดินแล้วกอดอกมองอย่างรอฟัง ใบหน้าคมของเขานั้นดูเรียบเฉยแต่ก็แฝงไว้ด้วยความเข้มแข็งและมีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก...จู่ๆ อัยรดาก็คิดเพ้อเจ้อจนต้องรีบหันหนีเมื่อดวงตาสีน้ำตาลทองนั้นจ้องกลับมาที่ตนเอง

“คือว่า...” หญิงสาวตั้งสติก่อนตัดสินใจถามเขา “มีคนบอกว่าคุณมาจากทะเลทราย”

“ใช่” ซามาลตอบสั้นๆ

“แล้วคุณก็มาจากอากัสย่า”

“ใช่”

“แล้วอากัสย่าอยู่ที่ไหน เป็นยังไง ฉันอยากจะไป” อัยรดาพูดรัวๆ และเผลอก้าวเข้าไปใกล้อีกฝ่าย แต่ซามาลกลับมองกลับมาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

“ถามทำไม”

“ก็อยากรู้น่ะสิ ถ้าไม่อยากรู้จะถามทำไม” หญิงสาวนึกขวางท่าทางถามคำตอบคำของชายหนุ่มขึ้นมา แต่ซามาลก็ยังมีสีหน้าเช่นเดิมแถมยังตอบเธอแบบมะนาวไม่มีน้ำ

“ผมไม่มีอะไรจะบอก แค่นี้ใช่ไหมที่จะถาม”

ไม่ทันฟังคำตอบชายหนุ่มก็เดินออกจากตรงนั้นปล่อยให้สาวชาวไทยต้องอ้าปากค้าง แต่สำหรับอัยรดาแล้ว อะไรที่เธอคิดจะทำย่อมต้องทำให้สำเร็จเช่นกัน คราวนี้จึงกลายเป็นหญิงสาวที่วิ่งเข้าไปหา

“ทำแบบนี้ไม่ได้นะ ฉันถามในสิ่งที่คุณรู้ทั้งนั้นทำไมไม่บอกล่ะ ไม่มีเหตุผลเลย” นักเขียนสาวถามอย่างไม่เข้าใจ ซามาลจึงหยุดยืนระหว่างทางที่จะไปถึงวงเต้นรำกับด้านหลังซึ่งคือสระน้ำ

“ฟังอีกครั้งนะว่า...ผมไม่มีอะไรจะบอก”

“งั้นแสดงว่าคุณปิดบังอะไรอยู่ หรือว่าคุณไม่ได้มาจากอากัสย่าจริงๆ คุณแอบอ้างใช่ไหม?” อัยรดาสรุปส่งๆ ด้วยหวังว่าเขาจะตอบโต้ให้ยาวกว่าเดิมแต่บุรุษหนุ่มกลับตอบเพียงสั้นๆ

“แล้วแต่จะคิด”

“คุณ...ซามาล!” คนถามตาโตตะโกนเรียกหนุ่มร่างกำยำที่เดินจากไป ลืมเรื่องที่ไม่อยากเข้าใกล้อีกฝ่ายจนหมดสิ้นเพราะคิดเพียงว่าจะต้องหาคำตอบเกี่ยวอากัสย่าให้ได้

ซามาลหันหลังให้สาวชาวไทย และถอนหายใจกับหลายๆ เรื่องที่ต้องพบตั้งแต่เดินทางมาถึงโซมานห์ ไม่ว่าจะเป็นการได้พบกับร่างในเสื้อกางเกงยีนส์ที่มองไกลๆ แล้วเหมือนกับการแต่งตัวของผู้ชาย ผิดแต่ผมยาวๆ และสัดส่วนโค้งเว้าที่สวยงาม แถมเขายังต้องเจอกับเธอหน้าห้องที่มีคนกำลังเมคเลิฟกันเข้าไปอีก นี่ยังไม่นับรวมที่เธอพยายามคาดคั้นให้เขาพาไปอากัสย่า

“ยัยบ๊องส์”

ชายหนุ่มสะบัดศีรษะเพราะคิดว่าตนเองชักจะจดจำผู้หญิงคนนี้มากไปแล้ว แต่พอมองงานรื่นเริงเบื้องหน้าก็กลับคิดหงุดหงิดขึ้นมาอีก แสงสีน่าแสบตาพวกนี้กับเขาเป็นอะไรที่ไม่เข้ากันเอาเสียเลย ชายหนุ่มเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบสังคมที่วุ่นวาย เขาชอบอยู่เงียบๆ ดูเงาตนเองที่ทาบทาผืนทรายใต้แสงจันทร์มากกว่า

ร่างสูงกำยำจึงห่างจากวงเต้นรำ และยกมือขึ้นกอดอก มองผู้คนรอบๆ งาน ทำให้เห็นสาวๆ ต่างชาติหลายคนล้วนส่งสายตาหวานมองมา แต่เขากลับไม่ได้รู้สึกยินดียินร้ายกับสายตาแบบนั้นเพราะผู้หญิงมากมายที่กระหายใคร่ได้ใกล้ชิดเขา...เอาเข้าจริงๆ ก็ล้วนมีเหตุผลเพียงไม่กี่อย่างและไม่มีทางอยู่ในดินแดนห่างไกลเช่นอากัสย่าได้ ไม่ว่าสตรีคนไหนก็ล้วนชอบความสะดวกสบาย ความสนุกสนาน ความศิวิไลซ์ จะมีใครอยากไปโดดเดี่ยวอ้างว้างกลางทะเลทรายกัน

“ตอบแบบนี้ไม่ได้นะ”

จู่ๆ เสียงของอัยรดาก็ดังขึ้นที่ข้างหูทำให้ซามาลขมวดคิ้วปรายตามองสาวชาวไทยอย่างเบื่อหน่าย ทว่าอีกฝ่ายก็ยังไม่ลดละ

“ยังไงคุณก็ต้องเล่า! ฉันจะขอให้คุณโมฮัดสั่งให้คุณเล่า ให้เขาสั่งให้คุณพาฉันไปที่นั่น คุณไม่เข้าใจหรอกว่าฉันต้องไปอากัสย่าเพราะมันสำคัญต่อฉัน ฉันต้องการไปที่นั่น ไปอากัสย่า นี่ไม่ได้พูดเล่นนะ”

“ถ้าอยากไปขนาดนั้นก็ลองให้โมฮัดสั่งผมสิ แล้วจะไปเมื่อไหร่ดีล่ะ แต่แนะนำก่อนนะว่า ถ้าอยากเดินเข้าไปในทะเลทราย เธอก็ควรหัดพูดภาษาของเราให้ได้ซะก่อน เพราะที่นั่นไม่มีใครใช้ภาษาต่างชาติ” ซามาลบอกอย่างตัดความรำคาญ

“ภาษาโซมานห์น่ะเหรอ แล้วใช้เวลากี่วันกันล่ะ นี่พูดจริงใช่ไหม” อัยรดาพึมพำพลางขมวดคิ้ว

“ผมก็ไม่ได้พูดเล่นเหมือนกัน”

ชายหนุ่มยืนยัน ใจหนึ่งนั้นก็คิดว่าว่าอีกฝ่ายคงไม่มีความพยายามขนาดนั้นแน่ๆ แต่คำพูดของเขาก็ทำให้อัยรดานิ่งคิดอยู่หลายตลบ ใช่! เธอไม่ได้มีเวลาเนิ่นนานขนาดนั้นแต่...สิ่งใดที่ตนคิดจะทำเธอก็จะไม่เลิกล้มมันง่ายๆ เหมือนกัน

“อัย มาเต้นรำกันเถอะ สนุกนะ”

เกสราเดินตามจังหวะเข้ามาหาเพราะชำเลืองเห็นอัยรดายืนอยู่ใกล้ๆ บอดี้การ์ดมาดเข้มและไม่ลืมที่เอ่ยชวนอีกฝ่ายด้วย “คุณซามาล มาเต้นรำด้วยกันสิ”

“ผมไม่ชอบเต้นรำ”

น้ำเสียงเรียบๆ ของเขา ทำให้เกสราไม่กล้าชวนอีกแต่ยังหันไปคะยั้นคะยออัยรดาต่อ สาวชาวไทยจึงตอบรับอย่างเสียไม่ได้และเดินเข้าไปในวงเต้นรำ ทำให้ซามาลเหยียดมุมปากน้อยๆ เพราะคิดอยู่แล้วว่าผู้หญิงอย่างอัยรดาก็คงไม่ต่างจากสาวๆ ทั่วไป

“ผู้หญิงก็เหมือนกันทุกคนนั่นแหละ”

เอ่ยจบชายหนุ่มก็ตัดสินใจเดินหลบไปยืนอยู่อีกมุมหนึ่งซึ่งสามารถมองเห็นผู้คนที่รวมกลุ่มกันใกล้ฟลอร์เต้นรำแต่คนพวกนั้นไม่อาจมองเห็นเขาได้



วันรุ่งขึ้นเป็นงานแต่งงานของเจ้าบ่าวและเจ้าสาวตามพิธีทางศาสนาซึ่งอัยรดาก็ไปร่วมงานด้วย เธอมองทั้งคู่อย่างอดไม่ได้ที่จะดีใจด้วย แต่เมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยหญิงสาวก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงคำพูดของซามาลเมื่อวานนี้

‘ถ้าอยากเดินเข้าไปในทะเลทราย เธอก็ควรหัดพูดภาษาของเราให้ได้ซะก่อน’

อัยรดามองญาติสาวแล้วอยากจะปรึกษาความตั้งใจของตนเองเพราะคิดว่าคุณโมฮัดน่าจะช่วยได้ แต่อีกฝ่ายก็ยุ่งเกินกว่าจะทำอย่างอื่น ร่างเพรียวในชุดสีฟ้ายาวกรอมข้อเท้าจึงปลีกตัวออกมาอีกด้านหนึ่งเพราะคิดว่าจะเปิด note ในโทรศัพท์เพื่อท่องจำคำที่จดไว้ตั้งแต่เมื่อคืน ทว่าความหวังของเธอก็สว่างวูบขึ้นมาอีกเมื่อเห็นดาน่าเดินผละจากผู้ชายคนหนึ่ง

“ดาน่า ดาน่า ฉันมีอะไรให้ช่วยหน่อย”

“คุณอัยรดา” ดาน่าดูตกใจเล็กน้อย ตอนนั้นคิ้วของเธอขมวดชนกันและดูเหมือนกำลังกรุ่นๆ อยู่กับอะไรบางอย่าง แต่อัยรดาก็ไม่ได้สนใจเพราะกำลังจดจ่อกับอีกเรื่องอยู่

“ช่วยสอนภาษาโซมานห์ให้ฉันหน่อยสิ”

“ภาษาโซมานห์...คุณอยากเรียนภาษาของเราไปทำไม” ดาน่าถามและปรายตามองคล้ายจะรำคาญ เป็นอีกครั้งที่อัยรดารู้สึกถึงน้ำเสียงและท่าทางแข็งๆ จากอีกฝ่าย จนหญิงสาวอดคิดไม่ได้ว่าดาน่าช่างมีความแปลกอย่างที่เธอเองก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน ด้วยเหตุนี้อัยรดาจึงพูดเรียบๆ

“ฉันว่าเธอคงไม่อยากรู้เท่าไหร่หรอก แต่ในฐานะที่ยุพากรบอกให้เธออยู่ดูแลฉัน ฉันก็ขอให้เธอสอนฉัน เอาแบบลัดๆ...เอาคำพูดที่เป็นพื้นฐาน แบบที่จำเป็นต้องใช้ก็พอ”

ดาน่าเม้มปากและเงียบลงไปพักหนึ่งแต่สุดท้ายเธอก็แนะนำว่า “ถ้าอยากจะรู้ภาษาโซมานห์จริงๆ คุณก็ไปที่โรงแรมโซมานห์ ที่นั่นมีอาคารที่เป็นพลาซ่าและคุณก็สามารถหาซื้อตำราการเรียนภาษาโซมานห์อย่างง่ายๆ ได้จากที่นั่น คราวนี้คุณก็จะได้เอามันกลับไปอ่านที่ประเทศไทย”

เมื่อพูดประโยคภาษาไทยยาวๆ นั้นจบ หญิงชาวโซมานห์ก็เหยียดมุมปากน้อยๆ ก่อนทิ้งท้าย

“พรุ่งนี้คุณโมฮัดสั่งจองทัวร์ไว้ให้พวกคุณไปเที่ยวกันก่อนกลับประเทศไทยไม่ใช่เหรอคะ ระหว่างนั้นคุณคงได้อ่านมันไปบ้างไม่มากก็น้อย แล้วก็หวังว่ามาคราวหน้าคุณคงเก่งภาษาโซมานห์แล้วก็ไม่ต้องใช้ฉันนะคะ”

“ว่าไงนะ...”

อัยรดาครางและมองตามหลังอีกฝ่ายอย่างอึ้งๆ ด้วยไม่แน่ใจเหมือนกันว่าที่ดาน่าพูดมานั้นเป็นเพราะใช้คำภาษาไทยไม่ค่อยถูกหรือว่าเป็นเพราะตนสื่อสารไม่ชัดเจนกันแน่ ‘หวังว่ากลับมาคราวหน้าคุณคงเก่งภาษาโซมานห์แล้วก็ไม่ต้องใช้ฉันนะคะ’

“นี่ฉันพูดคนรับใช้หรือว่าลูกสาวของบุคคลสำคัญกันแน่เนี่ย”

อัยรดาบ่นพึมพำก่อนตัดสินใจว่าจะไม่สนอีกฝ่าย เธอเดินกลับขึ้นห้องและหยิบคอมพิวเตอร์เครื่องเล็กขึ้นมาก่อนเสริชหาการเรียนภาษาโซมานห์แบบง่ายๆ ซึ่งก็สามารถหาได้ในอินเตอร์เนตแต่มีอยู่ไม่มากนัก

“ไม่เป็นไร แค่นี้ก็จำให้หมดก่อนเถอะ อัยเอ๋ย”

หญิงสาวปลอบใจตัวเอง แต่ก็ไม่ย่อท้อและจดศัพท์หลายๆ ตัวเท่าที่หาได้เอาไว้ก่อนพยายามท่องมันอย่างจริงจัง คืนนั้นเกสรามาหาหญิงสาวที่ห้องและบอกให้เตรียมตัวไปเที่ยวด้วยกันในวันรุ่งขึ้นหลังจากนั้นก็พร่ำเพ้อถึงสถานที่ต่างๆ ที่จะไปกัน ซึ่งมี Grand Mosque สุเหร่าสำคัญที่มีพรหมทอมือขนาดใหญ่ที่สุดในโลก , เดอะปาล์มไอซ์แลนด์ ซึ่งถมทะเลเพื่อสร้างเกาะเทียมเป็นรูปปาล์ม อาหรับราตรี และอื่นๆ อีก แต่อัยรดากลับถามสั้นๆ ว่า

“ทำไมไม่มีโปรแกรมไปเที่ยวทะเลทรายเลยล่ะ”

“ก็เราไปเที่ยวคาซัสกันตั้งแต่ตอนที่มาถึงแล้วนี่นา ทัวร์คราวนี้กะว่าจะเอาแบบศิวิไลซ์หน่อย คือแนนนี่เธอจะเลี้ยงสละโสดด้วยเพราะบอกว่าเจอชายในฝันมีแววว่าอนาคตจะไปแต่งงานตามยุพากรอีกคนน่ะ ไปเถอะน่าอัย ไปดูแสงสีเมืองอาหรับบ้าง”

“ชายในฝันเหรอ” พออัยรดาได้ยินชื่ออีกฝ่ายก็อดจะหน้าแดงขึ้นมาไม่ได้แต่เกสราไม่รู้เรื่องจึงไม่คิดอะไร

“อืม แถมยังทำลับๆ ล่อๆ ไม่ยอมบอกพวกเราอีกนะสงสัยกลัวคนอื่นจะแย่งแฟน น่าหมั่นไส้จริงเชียว อ้อ! แล้วอีกอย่างหนึ่งบางทีพวกเราก็จะเลยกลับประเทศไทยเลยก็ได้นะอัย”

“เหรอ แต่ว่า...อัยยังไม่รับปากนะ ถ้าไป...ก่อนไปอาจจะขอไปซื้อหนังสือภาษาเอาไปอ่านระหว่างเที่ยวด้วยก็ได้” อัยรดาพูดขึ้นอย่างไม่แน่ใจ เธอไม่สนใจเรื่องที่ทุกคนจะกลับไปก่อนหรอกเพราะยังไงตนเองก็มาคนเดียวอยู่แล้ว แต่คงเป็นเพราะตอนนี้เธอกำลังจดจ่ออยู่กับอากัสย่า ดินแดนห่างไกลในทะเลทรายโกย่ามากกว่า



****************************************


ขอบคุณอีกครั้งสำหรับคอมเม้นท์และไลค์ค่า

คุณแว่นใส - ความเข้าใจผิดมักเป็นบ่อเกิดแห่งความรักค่ะ (ว่าไปนั่น อิอิ)

คุณ Zephyr - โถๆๆ พระเอกของเค้าแค่กวนๆ กับปากแข็งนิดๆ เท่านั้นเองน๊าาา (อย่าหักมุมนะ - จะพยายามค่ะ หุๆ)

คุณ Siang - แบบว่าโชคไม่ดีไปก่อนเดี๋ยวจะได้รับโชคสองขั้นค่าน้องสาว ^^



แพรพริมา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 8 มิ.ย. 2557, 17:13:03 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 8 มิ.ย. 2557, 17:15:33 น.

จำนวนการเข้าชม : 1550





<< 1   3 >>
Zephyr 8 มิ.ย. 2557, 21:41:41 น.
ช่ะ ตานี่ ตอบได้เคลียร์มว้ากกกกกกกกกกกกกก
เฮอะ ถ้าเค้าเป็นยายอัย กระโดดงับหูไปแล้ว หมั่นไส้จริง
ทำตัวยิ่งใหญ่มาจากไหน เห็นคนสนใจแล้วเล่นตัวเรอะ ชิๆๆ


แว่นใส 8 มิ.ย. 2557, 22:05:38 น.
ทำไมต้องหวงอากัสย่าด้วยนะ


Siang 9 มิ.ย. 2557, 08:25:09 น.
ดาน่า ดูมีลับลมคมในจัง หวังว่าคงไม่ได้แอบชอบซามาลอยู่นะ


ผักหวาน 2 ก.ค. 2557, 12:23:37 น.
ดาน่า ชอบโมฮัดแน่ๆ ค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account