สัญญารัก...ข้ามฟ้า (สนพ ดอกหญ้า 2000)
เอริน..ว่าที่มัคคุเทศก์คนใหม่วัย 25 ปี ที่โชคชะตานำพาให้พบกับใครบางคนที่แดนไกลในครั้งอดีต และต้องจากกันไป
ชานนท์..นักธุรกิจหนุ่มใหญ่วัย 35 ปี เขากำลังกลับมาตามหาอดีตที่หายไปหลังจากปล่อยเธอไปเมื่อหนึ่งปีก่อน พร้อมกับมาทวงสัญญารักที่จะทำให้เธอต้องจนมุม...อีกครั้ง


Tags: สัญญารัก...ข้ามฟ้า , รักโรแมนติก , ซึ้งกินใจ

ตอน: ตอนที่ 14 : ฮันนีมูนที่มาพร้อมกับพายุฝน....

ฮันนีมูนที่มาพร้อมกับพายุฝน....



ท่ามกลางสภาพอากาศค่อนข้างแปรปรวนของเช้าวันใหม่ เรือปรับอากาศสองท้องความเร็วสูงลำใหญ่กำลังแล่นออกจากเกาะเต่าฝ่ากระแสคลื่นหัวแตกในทะเลไกลออกไปเรื่อยๆ ชายชรายืนนิ่งมองอยู่บนท่าเรือไม้ของเกาะอย่างใช้ความคิด จนในที่สุดเมื่อเรือใหญ่ลับสายตาไปจึงถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วงด้วยความรู้สึกหนักอึ้งในหัวอก

“เป็นยังไงครับลุง..สองคนนั้นไปแล้ว ดูท่าสนิทสนมกันไม่ธรรมดาเลยนะ” ชีวินเดินเข้ามาทักด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะอย่างพึงพอใจในผลงาน ทำเอาชายชราถึงกับสะดุ้งหันกลับไปมองยิ้มๆ

“ได้ผลดีกว่าที่คิด ต้องขอบใจแกที่ยอมทิ้งร้านมาเป็นคนขับเรือจำเป็นให้”

ชายชราเหลือบมองชายอ่อนวัยกว่าด้วยสายตาขอบคุณ แต่ก็ไม่ทำให้ชีวินคลายความสงสัยไปได้แม้แต่น้อย “ผมไม่เข้าใจ ทำไมเราต้องทำแบบนั้น ลุงก็เอ็นดูลูกสาวลุงพัชดีไม่ใช่เหรอครับ แล้วทำไม”

ชีวินสีหน้าเคลือบแคลงราวกับรู้สึกว่าอาจจะเกิดเหตุการณ์อะไรที่ไม่ดีสักอย่างเมื่อมองเห็นแววตาเคร่งเครียดของชายชรา

“ก็เพราะฉันเอ็นดูเด็กนั่นน่ะสิ ฉันถึงได้ปล่อยไป หวังว่าจะให้เรื่องนี้เงียบหายไปตามกาลเวลาเพราะเห็นแก่เจ้ากรณ์..หลานชายฉันดูท่าจะชอบลูกสาวไอ้พัชไม่เบา”

ชายชราทอดถอนใจทำเอาชีวินคิ้วขมวดอย่างใช้ความคิดไม่ต่างกัน ไม่วายที่ชีวินจะถามซอกแซกด้วยความอยากรู้มากขึ้นเรื่อยๆ

“แล้วปัญหามันอยู่ตรงไหน..ลุง”

“ปัญหาอยู่ตรงเจ้าหนุ่มนั่น..มันกลับมาแล้วน่ะสิ ฉันถึงคิดได้ว่าอะไรๆที่มันตกตะกอนอยู่ในใจตอนนี้ มันควรจะได้รับความยุติธรรมได้แล้ว ฉันควรจะสะสางปัญหาของฉันกับเจ้าพัชได้โดยอาศัยเด็กนั่น ฉันจะได้ไม่ต้องลงมือลงแรงเอง”

ชายชราตอบอย่างหมายมาด แววตาขุ่นฝ้าฟางแต่กลับเด็ดเดี่ยวจนชีวินถึงกับขยาดเมื่อเห็นรอยยิ้มร้ายที่แฝงมาด้วยสีหน้านิ่งๆ

“ทำอย่างนี้หลานชายลุงอาจจะต้องเจ็บปวดไปด้วยนะครับ ลุงไม่น่าทำให้ลูกสาวบ้านสวนกับหนุ่มคนนั้นสนิทสนมลึกซึ้งกันไปมากกว่านี้เลยนะ ลุงไม่สงสารกรณ์เหรอ” ชีวินเตือนสติชายชราด้วยความเป็นห่วงเฉกเช่นคนที่เคารพนับถือกันมานาน แต่คำตอบของชายชราทำเอาชีวินถึงกับอึ้งไป

“ฉันอยากเห็นหน้าไอ้พัชมัน ยามที่มันรู้ว่าลูกเขยของมันคือใคร..หึหึ เจ้าหนุ่มนั่นจะทำหน้ายังไงถ้าได้รู้ว่าพ่อตาของตัวเองทำอะไรไว้กับพ่อแม่แท้ๆของตัวเพื่อแลกกับชีวิตลูกสาวคนเดียวของมันบ้าง”

“ไอ้พัช...มันทำร้ายครอบครัวฉัน มันควรจะได้รับกรรม ไม่ใช่สุขสบายอยู่อย่างนี้” ดวงตากร้าวขุ่นมีน้ำคลอหน่วยตา สีหน้าเคียดแค้นรุนแรงไม่สามารถดับอารมณ์ลงได้ จนชีวินถึงกับขนลุกพร้อมกับอุทานออกมาอย่างไม่อยากเชื่อ

“อย่าบอกนะว่าเจ้าหนุ่มนั่นก็เป็นหลานชายของลุงด้วยงั้นเหรอ..ลุงกอง”

“เออ..ก็ทำนองนั้นล่ะ แต่ฉันสะใจว่ะ ในที่สุดเจ้าเด็กนั่นมันก็กลับมาเจอกับหนูเอรินลูกสาวไอ้พัชมันอีกจนได้..คงเป็นชะตากรรมของพวกมันที่จะต้องมาเจอกันอีกครั้ง”


**********************************************

ยามสายของวันฟ้าหม่น ฝนปรอยลงมาเป็นระยะ ท้องฟ้ามืดครึ้มคล้ายจะมีพายุใหญ่เกิดขึ้น เอรินมองออกไปนอกหน้าต่างขณะที่เรือกำลังแล่นเข้าจอดยังท่าเรือหน้าวัดพระลานของเกาะสมุย เกาะขนาดใหญ่ชื่อดังที่อุดมไปด้วยนักท่องเที่ยวทั้งไทยและชาวต่างชาติ

ชานนท์เหลือบมองภรรยาหมาดๆที่กำลังกระตือรือร้นมองดูโน่นนี่ไปทั่วอย่างขำขัน ความสุขของเขาเกิดขึ้นเพราะสาวน้อยกุหลาบชมพูคนนี้ที่เข้ามาเติมเต็มชีวิตของเขาได้อย่างพอเหมาะพอเจาะ

“ไปหาเช่ารถกันดีกว่า เอาเป็นเก๋งก็แล้วกันนะ วันนี้ท่าทางฝนจะตก แล้วเราค่อยไปหาที่พักกัน” ชานนท์ลูบศีรษะทุยที่ถูกรวบเปียหางเดียวดูน่ารักน่าชังในสายตาของเขานัก

“ค่ะ คุณอยากได้ที่พักแบบในเมือง หรือว่าสงบๆ ที่นี่ที่พักเยอะมากหลายราคา คุณจะพักกี่วันจะไปไหนบ้างคะ ฉันจะได้ช่วยคุณคิด” เอรินเอ่ยอย่างกระตือรือร้นเป็นงานเป็นการตามประสาหน้าที่ไกด์ที่ถึงแม้สถานะส่วนตัวจะเปลี่ยนไปแต่สัญชาติญาณและความรับผิดชอบต่อหน้าที่ทำเอาหญิงสาวอดใจไม่ได้

“ขอสงบๆ บนเนินเขา เอาเป็นวิลล่าเหมือนเดิม ขอสระว่ายน้ำส่วนตัวด้วย เพราะฉันจะไม่ไปไหนจะอยู่ฮันนีมูนกับคุณภรรยาทั้งวันทั้งคืนสักสองสามคืนเป็นไง”

คำพูดแฝงนัยพร้อมด้วยสีหน้านิ่งๆของชายหนุ่มที่กระเซ้าภรรยาหมาดๆ ทำเอาเอรินถึงกับค้อนวงใหญ่ใส่คุณลุงจอมหื่นอย่างหมั่นไส้

“บ้า..พูดออกมาได้ ไม่ได้เป็นอะไรกันซะหน่อย” เอรินเสพูดแก้เก้อก่อนจะคว้ากระเป๋าเป้ขึ้นมาสะพายหลังพร้อมด้วยกระชับหมวกปีกใบโตเตรียมพร้อมลงจากเรือ

“แล้วเมื่อคืน..เป็นอะไรกันล่ะ” ชานนท์สวนทันควันไม่เก็บคำ ทำเอาเอรินหน้าแดงแจ๋ทันที

“ไม่รู้..ไม่พูดด้วยแล้ว เข้าตัวอยู่เรื่อย..ชิ”

“เอามานี่มา” ชานนท์ได้แต่มองอย่างขำๆก่อนจะแย่งกระเป๋าเป้ที่เอรินแบกไว้ข้างหลังมาสะพายไว้กับของตนเองทั้งสองข้างอย่างทุลักทุเล

“ขอบคุณนะคะ คุณก็หนักแย่สิ”

เอรินเหลียวมามองชานนท์ที่แบกกระเป๋าสองใบแต่ก็ยังมีสีหน้ายิ้มแย้มให้เห็น จนหญิงสาวเบาใจรีบเดินนำออกไป แล้วเอรินก็ต้องชะงักฝีเท้าเมื่อได้ยินคำพูดบางคำที่ทำเอาน้ำตาแทบไหลกับความเอาใจใส่ของชานนท์

“เพื่อกุหลาบชมพู ภรรยาที่น่ารัก..ฉันทำให้เธอได้ทุกอย่าง ขอแค่เราอยู่ด้วยกันอย่างนี้ตลอดไปก็พอ..เธอว่ามั๊ย”


************************************************

กรณ์เดินทางมาถึงบ้านสวนโฮมสเตย์เอาเมื่อบ่ายของวันเดียวกันกับที่ชานนท์และเอรินเดินทางถึงเกาะสมุย สภาพอากาศที่คล้ายจะมีพายุฝนตั้งเค้าทำเอากรณ์เป็นห่วงเอรินที่พาลูกทัวร์ท่องทะเล ชายหนุ่มไม่ทันได้แวะเข้าบ้านของตนที่อยู่ถึงก่อนบ้านสวนของเอรินด้วยซ้ำ เพราะความร้อนใจที่ติดต่อเอรินไม่ได้ทำเอากรณ์ถึงกับเครียดหนัก

เจ้าปื๊ดออกมาต้อนรับกรณ์ที่เดินยิ้มแย้มเข้ามาพร้อมถุงของฝากในมือ โดยพัชระและอติมาเดินตามเจ้าปื้ดออกมาต้อนรับเพื่อนรักของลูกสาวอย่างสนิทสนม

“คุณกรณ์ หายไปไหนซะหลายวันครับ”

“อยู่กรุงเทพน่ะ ปื๊ด เอารถไปชนสาวสวยเซ็กซี่มา เลยต้องดูแลประคบประหงมกันหน่อย”

กรณ์ขยิบตาเป็นเชิงล้อเล่นก่อนจะส่งถุงของฝากให้เจ้าปื๊ดรับไปถือไว้แล้วเดินเข้าไปทักทายบิดาและมารดาของเอริน

“สวัสดีครับคุณลุงคุณป้า ผมติดต่อเอรินไม่ได้ก็เลยแวะเข้ามาถามก่อนกลับบ้านครับ ว่าแต่เค้าจะกลับมาเมื่อไหร่ครับ”

กรณ์ถามคำถามติดๆกันอย่างคนใจร้อน พัชระและอติมาได้แต่มองหน้ากันก่อนจะยิ้มรับและอธิบายความให้ชายหนุ่มเบาใจ โดยมีเจ้าปื๊ดรอเวลาแทรกอยู่

“เห็นว่าอีกสามวันนะ พอดีป้าก็ติดต่อไม่ได้เหมือนกัน ไม่รู้เป็นยังไงบ้าง เด็กคนนี้นี่จริงๆเลยกลับมาป้าจะฟาดให้หลังลายเลยเชียว ว่าแต่กรณ์มีอะไรกับเอรินรึเปล่าจ้ะ” อติมาลูบแขนหลานชายข้างบ้านที่มีสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนักยามเมื่อรู้ว่าอีกหลายวันกว่าเอรินจะกลับ

“ผมว่าพรุ่งนี้เช้าจะไปตามหาที่เกาะครับ ลุง ป้า ผมเป็นห่วงไม่สบายใจแปลกๆ อยากจะวัดมะเหงกยัยนั่นสักทีด้วยทำอะไรไม่รู้เลยว่าคนเค้าเป็นห่วง” กรณ์หน้ามุ่ยทันทีที่นึกถึงหน้ายัยดื้อเพื่อนรัก

“ไม่ทันแล้วล่ะคร๊าบ คุณกรณ์ ดูสิ..ฝนตั้งเค้ามาแต่ไกลเห็นว่าปีนี้เข้าฤดูมรสุมเร็วกว่าทุกปีด้วย นี่อุตุเตือนอยู่ห้ามเรือออกฝั่ง แต่ผมไปบอกป้าพิมตั้งแต่วันก่อนแล้ว คุณก็ไม่รีบมาเอง ป่านนี้คุณหนูน่ะโดน พ.ช.ค.ม.ค.ป.ร.ท. แล้วคร๊าบ”

เจ้าปื๊ดเอ่ยขัดสีหน้าทะเล้นอย่างเคย แต่คำพูดแฝงนัยของเจ้าปื๊ดก็ทำเอาทั้งพัชระ อติมา และกรณ์หันมามองตาดุด้วยสีหน้าคาดคั้น ทำเอาเจ้าปื๊ดถึงกับหงอก่อนจะเฉลยคำตอบของประโยคย่อเด็ดสุดเท่าที่คิดได้เมื่อครู่ และคำตอบของปื๊ดก็ทำเอาคนฟังทั้งสามถึงกับอึ้งไป

“ก็หมายความว่าพี่ชายคุณมินคาบไปรับทานแล้วล่ะสิคร๊าบ ผมเตือนคุณกรณ์แล้วน๊า นึกๆอยู่ว่าคุณหนูกับคุณผู้ชายหล่อๆคนนั้นดูแปลกๆ จนคุณหนูเล่าให้ฟังเองว่าเจอคุณคนนี้ที่ลอนดอนพร้อมกับคุณมิน อีกอย่างสองคนนั้นเหมื๊อนคนเป็นแฟนกันเลย ผมก็เลยไปบอกป้าพิมไว้ให้คุณรีบมา แล้วเป็นไง มาเอาป่านนี้จะทันมั๊ยเนี่ย..เฮ้อ!!”

เจ้าปื๊ดร่ายยาวอย่างอมภูมินิดๆ ที่รู้ลึกรู้จริงเรื่องเอรินกับชานนท์ แต่คำตอบของเจ้าปื๊ดทำเอากรณ์ถึงกับกระชากคอเสื้อปื๊ดเข้ามาแล้วตะคอกใส่อย่างอดรนทนไม่ไหว ความฉุนแล่นขึ้นเป็นระยะทำเอาคนตัวเล็กกว่าถึงกับหงอเงียบไปทันที

“ไอ้ปื๊ด!! แล้วทำไมเพิ่งมาบอกวะ”

กรณ์ถึงกับยัวะจัดแต่แล้วเมื่อฉุกใจคิดได้เรื่องที่เอรินเคยคุยไว้กับเขาคราวนั้น ทำเอากรณ์ถึงกับใจหายวาบ หน้าเสียจนพัชระและอติมา แม้กระทั่งเจ้าปื๊ดได้แต่มองสีหน้าไม่สู้ดีของกรณ์อย่างตื่นตกใจไปด้วย

“หรือจะเป็นผู้ชายคนนั้น คนที่เรียกยัยดื้อว่า..กุหลาบชมพู”


**********************************************

ท้องฟ้าบริเวณเกาะสมุยเริ่มครึ้มกินบริเวณกว้างคล้ายจะมีฝนหนัก ลมพัดต้นไม้ไหวลู่แรง เสียงคลื่นซัดสาดดังมาเป็นระลอก เอรินนั่งเหม่อลอยอยู่บนเก้าอี้เอนนอนในศาลาริมสระว่ายน้ำของวิลล่าส่วนตัวที่สามารถมองเห็นวิวทะเลได้อย่างชัดเจน ชานนท์เดินออกมาจากตัวบ้านในมือมีแก้วพันซ์สีสวยในมือทั้งสองข้าง ชายหนุ่มถึงกับเลิกคิ้วเล็กน้อยยามเห็นสีหน้านิ่งเหม่อของภรรยาหมาดๆของเขา

“เหม่ออะไรอยู่จ้ะ..ที่รัก” ชานนท์วางแก้วพันซ์ไว้บนโต๊ะกลางระหว่างเก้าอี้เอนสองตัว แล้วมายืนซ้อนหลังจับไหล่ทั้งสองข้างของเอรินบีบเบาๆอย่างเอาใจ

“กำลังนึกถึงสิ่งที่เราทำไปวันนี้ค่ะ อยู่ๆฉันก็จดทะเบียนสมรสกับคุณจนกลายเป็น เอริน คิมโดยไม่ทันตั้งตัว ฉันคิดถึงพ่อกับแม่ค่ะ ฉันรู้ตัวว่าทำไม่ถูก พ่อกับแม่คงเสียใจที่ฉันไม่บอกท่านก่อน”

เอรินสะอื้นเบาๆ ถึงจะดีใจที่ได้จดทะเบียนสมรสอย่างถูกต้องกับชานนท์ คนที่หล่อนหลงรักมานาน ทั้งที่ควรจะดีใจแต่ความรู้สึกในใจจริงๆแล้วมันกลับไม่สบายอย่างที่คิด

“ไม่เป็นไรหรอกนะ เอริน กลับไปเราไปขอขมาท่านกันนะ ฉันจะให้คุณแม่มาขอเธออย่างเป็นทางการ แล้วเราค่อยจัดงานแต่งทีหลังก็ได้ ฉันขอโทษที่ไม่เคยรู้เลยว่าเรื่องนี้จะสำคัญกับเธอมากเท่ากับการที่เราได้อยู่ด้วยกันแบบนี้ ขอโทษนะที่ฉันไม่เคยนึกถึงจิตใจของเธอ”

ชานนท์ค้อมตัวกอดรอบคอเอรินจากด้านหลังพร้อมทั้งแนบใบหน้าลงบนศรีษะทุยของสาวน้อยอย่างรักใคร่ เอรินได้แต่จับมือชานนท์ที่กอดรอบคอของตนไว้อย่างหลวมๆแล้วกระซิบถามบางอย่างแผ่วเบา

“เล่าให้ฉันฟังหน่อยได้มั๊ยคะ เรื่องความสัมพันธ์ของคุณกับคุณราเชล พวกคุณยังไปมาหาสู่กันอยู่มั๊ยก่อนที่จะมาหาฉัน” เอรินเอ่ยถามอย่างลุ้นๆรอคำตอบ ซึ่งชานนท์ก็นิ่งไปอึดใจทำเอาสาวน้อยอึดอัดกลัวคำตอบที่จะได้ยินจากปากของเขา

“เอ่อ..เรื่องราเชล คือเรา...” ชานนท์ถึงกับอึกอักจะว่าไม่มีสัมพันธ์กันก็ไม่ใช่ เพราะมันเป็นเพียงความสัมพันธ์ฉาบฉวยที่ต่างก็พึงใจที่จะพบกันเพียงครั้งคราวก็เท่านั้น

“ถ้าคุณไม่อยากเล่าก็ไม่เป็นไรค่ะ ฉันแค่อยากรู้เรื่องส่วนตัวของคุณบ้างหลังจากที่จดทะเบียนกับคุณหน้าตาเฉยโดยไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตัวคุณเลย แม้แต่เดทแรกเราก็ยังไม่เคยมีเลยด้วยซ้ำ” เอรินสะอื้นนิดๆอย่างไม่สบายใจ

ชานนท์ถึงกับขมวดคิ้วผละจากร่างน้อยมานั่งยังเก้าอี้ตัวเดียวกันแล้วจ้องมองตากลมใสของสาวน้อยอย่างรักใคร่

“ฉันเคยรักราเชลมากสมัยที่เราเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกัน เธอเป็นเพื่อนรักของแซนดี้ เอ่อ..สรินไง ราเชลเป็นรุ่นน้องร่วมคณะของฉัน เค้าดูดีมากจนฉันหลงรัก รักในความสวย ฉลาด สง่างาม เราเข้ากันได้ดีในทุกๆเรื่อง เราคบกันนานหลายปีจนฉันมั่นใจว่าความรักของเราสุกงอม” ชานนท์เล่ามาถึงตอนนี้ก็ต้องรวบตัวเอรินมากอดไว้แนบอก เมื่อเห็นน้ำตาที่ไหลพรากออกมาจากดวงตาคู่สวยเป็นระยะ

“ฉันขอราเชลแต่งงานตอนเธอกำลังเป็นนางแบบหน้าใหม่ที่กำลังมีชื่อเสียง แล้วเธอก็ปฏิเสธฉันด้วยเหตุผลว่ายังรักชีวิตโสดและเป็นห่วงหน้าที่การงานของตัวเอง กลัวชื่อเสียงจะดรอปลง ตอนนั้นฉันเสียใจมาก แทบจะไม่เป็นผู้เป็นคน”

“แต่หลังจากนั้นไม่นานฉันก็พอทำใจได้ เรายังคงคบกันแบบฉาบฉวยมีอะไรกันบ้างบางครั้งตามประสาเด็กวัยรุ่นที่เติบโตในต่างประเทศเหมือนๆกัน เรามีความสัมพันธ์ที่ไม่จริงจังไม่ผูกมัดกัน ฉันไปทาง เค้าไปทาง ต่างคนต่างมีชีวิตเป็นของตัวเอง จนฉันเริ่มชินชากับการไม่ต้องมีเค้า พอฉันตัดใจจากราเชลได้ไม่นาน มินก็เข้ามาในช่วงจังหวะที่ฉันไม่มีใคร..เอริน..ฟังอยู่มั๊ย”

ชานนท์กระซิบข้างหูเรียกสาวน้อยในอ้อมกอดที่นิ่งเงียบไปแต่ยังคงน้ำตาไหลเปียกหัวไหล่เสื้อยืดตัวบางของเขาเป็นระยะ

“ฟังอยู่ค่ะ..เล่าต่อสิคะ” เอรินแนบใบหน้านวลที่ชื้นไปด้วยน้ำตาเข้ากับไหล่ชานนท์อย่างแนบแน่นมากกว่าเดิม ชานนท์ยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะกระชับกอดแน่นแล้วโยกตัวเบาๆคล้ายจะปลอบโยน

“ไม่เพียงแต่มินที่ยึดฉันเป็นที่พึ่ง แต่ฉันเองต่างหากที่ยึดมินเป็นที่พึ่งมากกว่า มากจนฉันทำอะไรบ้าๆลงไปตั้งเยอะอย่างที่เธอเห็นตอนอยู่ลอนดอน”

“แต่เธอรู้มั๊ย..จนกระทั่งวันนั้นที่ฉันกอดราเชลที่ห้องทำงานแล้วเธอพรวดพราดเข้ามา ตอนนั้นฉันกลับรู้ตัวว่าเธออยู่ในสายตาของฉันเข้าแล้ว เห็นเธอร้องไห้..ฉันก็เจ็บ รู้สึกเหมือนหัวใจมันเจ็บปวด เพราะอะไรฉันก็ยังไม่รู้ตัว จนเราได้ไปฟลอเรนซ์ด้วยกัน..ฉันถึงรู้ว่าคนที่หัวใจของฉันต้องการและตามหามาตลอดคือ...ยัยกุหลาบชมพูจอมซนอย่างเธอ..ไม่ใช่ใครที่ไหนเลย”

“คนคนนั้นคือเธอนะ..เธออยู่ในหัวใจฉันมาตลอด ขอบใจนะ..เอริน ที่ยอมเป็นภรรยาของฉัน”

ชานนท์กอดกระชับเอรินไว้แนบแน่นแล้วอุ้มโอบเข้ามาไว้ในอ้อมแขนก่อนจะพากันเข้าไปยังห้องหอที่มีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่จะถ่ายทอดความรักให้กันและกันอย่างลึกซึ้ง โดยไม่รู้เลยว่าจะเกิดอะไรต่อไปหลังจากกลับไปถึงบ้านสวนโฮมสเตย์

เพราะความหลังที่พันผูกกันมาแต่หนหลังทำให้ชานนท์และเอรินราวกับจะถูกดึงดูดเข้าหากันโดยไม่รู้ตัว ความรู้สึกดีๆที่ต่างมีให้กันนำพามาซึ่งความสัมพันธ์ฉันท์สามีภรรยากันในที่สุด


บางทีอะไรๆอาจจะดีกว่านี้ถ้าหากไม่มีอุปสรรคใดมาทำให้หัวใจสองดวงต้องสั่นไหว...


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


รถญี่ปุ่นสี่ประตูสีขาวกลางเก่ากลางใหม่แล่นฝ่าสายฝนที่เทลงมาอย่างหนักมาจอดยังหน้าบ้านปูนเปลือยสีขาวริมทะเลของมินตรากับอธิป เสียงเครื่องยนต์กระหึ่มที่ได้ยินจากภายนอกทำเอามินตราที่อยู่บ้านคนเดียวได้แต่ชะเง้อมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยความสงสัย แล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อพบชายหนุ่มหน้าตาดีที่ดูคุ้นตาลงมายืนด้อมๆมองๆอยู่ที่หน้าประตูบ้านในสภาพเปียกปอนไปทั้งตัว

“เอ๊ะ..นั่นมันเพื่อนเอรินนี่ มาทำไมกันนะ”

มินตราถึงกับตกใจเมื่อนึกออกว่าชายหนุ่มคนที่ยืนตัวเปียกอยู่นอกบ้านในขณะนี้คือคนที่มากับเอรินเมื่อตอนงานแต่งรอบสองของตน หญิงสาวรีบคว้าร่มหน้าประตูวิ่งไปเปิดรับชายหนุ่มมาใหม่ให้เข้ามาในทันที

“คุณ!!..เข้ามาข้างในก่อนค่ะ มีอะไรรึเปล่าคะหรือว่าเอรินเป็นอะไร”

มินตรารีบดึงชายหนุ่มรุ่นน้องให้เข้ามาอยู่ในร่มด้วยกันก่อนจะพาเข้ามายังตัวบ้าน กรณ์ที่ยังคงสีหน้าไม่ค่อยดีนัก ทำความเคารพเพื่อนรุ่นพี่ของเพื่อนรักแทบจะทันทีที่นึกได้

“ขอโทษนะครับที่มารบกวน ผมมาเพราะติดต่อเอรินไม่ได้ เค้าพาลูกทัวร์ไปทริปทะเล เอ่อ..คือ..พี่ชายคุณ ผมอยากขอเบอร์ติดต่อเขาหน่อยได้มั๊ยครับ”

กรณ์สีหน้าอึกอักลำบากใจเล็กน้อยที่ต้องพูดถึงลูกทัวร์ของเอรินที่เขารู้แต่เพียงว่าเป็นพี่ชายของมินตรา ทำเอามินตราที่เดินไปหยิบผ้าขนหนูพร้อมทั้งกาแฟร้อนถ้วยใหญ่มาให้ชายหนุ่มรุ่นน้องถึงกับชะงักไปเช่นกัน

“เอ๊ะ..พี่นนท์เหรอคะ เอ่อ..คือฉันก็เพิ่งทราบจากคุณเดี๋ยวนี้เองค่ะว่าเอรินไปทริปกับพี่นนท์ คุณอยากได้เบอร์ไทยของพี่นนท์เหรอคะ เดี๋ยวฉันจะให้คุณนะคะ รอสักครู่ค่ะ”

มินตรากดโทรศัพท์ไล่หาเบอร์โทรของชานนท์ที่เพิ่งได้มาใหม่ กว่าจะเจอทำเอากรณ์ที่เพ่งมองโทรศัพท์ในมือมินตราถึงกับลุ้นไปเครียดไป

“ขอโทษนะครับที่ทำให้คุณต้องลำบาก แต่ผมเป็นห่วงเอรินจริงๆ จะไปตามแต่ออกเรือไม่ได้ ไม่รู้ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้าง ขอโทษจริงๆครับที่รบกวน” กรณ์เอ่ยอย่างเกรงใจ แต่มินตราได้แต่ปลอบให้ชายหนุ่มเบาใจไปในระดับหนึ่ง แต่ก็ไม่วายเพ่งพินิจสีหน้ากระวนกระวายของกรณ์อย่างพิจารณา

“ไม่เป็นไรค่ะ คนกันเอง คุณเป็นห่วงเอรินเพราะติดต่อเธอไม่ได้ ฉันเข้าใจค่ะ แต่ฉันขอรับรองแทนพี่ชายของฉันว่าเค้าเป็นสุภาพบุรุษพอค่ะ อย่ากังวลไปเลยนะคะ เอรินอยู่กับพี่ชายฉันเธอจะปลอดภัยค่ะ...ฉันมั่นใจ”

มินตรารับรองเป็นมั่นเหมาะจนกรณ์เบาใจและได้เบอร์โทรในมือกลับไปอย่างไม่เสียเที่ยว หญิงสาวได้แต่มองส่งหนุ่มรุ่นน้องไปอย่างไม่ค่อยสบายใจเมื่อนึกถึงสีหน้าเป็นห่วงเอรินอย่างสุดซึ้งของกรณ์...ในอนาคตชานนท์อาจจะต้องลำบากเพราะหนุ่มคนนี้ไม่น้อยเลยทีเดียว...

กรณ์ต้องขับรถฝ่าสายฝนกลับไปบ้านของตนที่อยู่ห่างจากบ้านของมินตราเกือบห้าสิบกิโลเมตรด้วยความหงุดหงิด ทันทีที่ติดต่อชายเจ้าของเบอร์โทรศัพท์ที่ขอมาจากมินตราไม่ได้ไปอีกคน ด้วยความร้อนใจกรณ์ถึงกับโยนโทรศัพท์รุ่นใหม่ล่าสุดทิ้งลงบนเบาะข้างที่นั่งคนขับอย่างขัดใจ

“โธ่เว๊ย!! มันจะอะไรกันนักกันหนา อุตส่าห์มาตามเอาเบอร์ถึงที่นี่ก็ดันติดต่อไม่ได้อีก ยัยเอรินจอมดื้อด้าน...กลับมาฉันจะดูเธอไม่ให้คลาดสายตาแม้แต่วินาทีเดียวเลย คอยดูสิ”

“ไอ้หมอนั่นมันมาตีสนิทกับเธอต้องการอะไรกันแน่..ฉันจะต้องรู้ให้ได้เลย..ยัยบ้าดื้อด้านเอ๊ย”


**********************************************

ท่ามกลางสายฝนภายนอกที่เทลงมาอย่างหนักจวบจนกระทั่งค่ำมืด ไอเย็นและละอองของฝนปะทะผืนผ้าม่านบางสีขาวสะอาดตาที่ชานนท์บรรจงเลื่อนลงมาปิดบังให้พ้นจากความสว่างไสวภายนอกระยิบระยับเต็มไปด้วยละอองเกล็ดน้ำชุ่มฉ่ำ

ภายในห้องมืดสลัวมีเพียงแสงริบหรี่จากเทียนหอมที่จุดพอให้มีแสงสลัวภายในห้องดูโรแมนติกชวนฝันจนเอรินที่กำลังนอนหลับคู้อย่กับอกแกร่งของชานนท์ถึงกับเคลิ้มฝันแม้ในยามหลับใหล

“ฉันรักคุณลุงค่ะ” เสียงละเมอเบาๆ ปลุกชานนท์ที่กำลังหลับให้ลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงีย ชายหนุ่มเหลือบมองเสี้ยวหน้าหวานใสของภรรยาหมาดๆแล้วยิ้มออกมาอย่างมีความสุข มือหนาลูบไล้ไรผมที่ปรกหน้าผากจนยุ่งเหยิงให้เข้าที่เข้าทางก่อนจะบรรจงจูบลงบนหน้าผากนูนสวยแผ่วเบา

“ฉันก็รักเธอเหมือนกัน..เอริน ฉันต้องทำถึงขนาดนี้เพื่อให้ได้เธอมา แม้แต่ตัวฉันเองก็ไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ”

ละอองเย็นฉ่ำชื้นของสายฝนยังคงโปรยปรายลงมาอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสายจนดึกดื่นค่อนคืน นานชั่วอึดใจกว่าที่ชานนท์จะตื่นแล้วเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ที่สั่นไม่หยุดด้วยความรำคาญใจ ร่างกำยำลุกออกไปจากเตียงทั้งสภาพร่างกายเปลือยเปล่าทันทีที่เห็นเบอร์โชว์หน้าจอโทรศัพท์ เอรินงัวเงียลืมตาตื่นทันทีที่รู้สึกถึงความเคลื่อนไหวยวบยาบบนเตียงกว้างหญิงสาวเขม้นมองตามร่างหนาที่ชวนลุ่มหลงไปด้วยความสงสัยใคร่รู้

ชานนท์คว้าผ้าเช็ดตัวมาพันกายอย่างลวกๆแล้วยิ้มให้เอรินนิดหนึ่งก่อนจะเดินออกไปคุยโทรศัพที่นอกระเบียงด้วยสีหน้าเคร่งเครียดจริงจัง เอรินรู้สึกประหลาดใจยิ่งนัก แต่ก็ไม่สามารถรับรู้ถ้อยคำสนทนาได้

“ว่าไง..มิน เรื่องที่พี่บอกให้เราจัดการไปถึงไหนแล้ว”

ชานนท์เอ่ยน้ำเสียงเป็นงานเป็นการ สีหน้าเคร่งเครียด พลางเหลือบมองภรรยาตัวน้อยบนเตียงเป็นระยะด้วยสีหน้านิ่งๆ ไม่แสดงความรู้สึกใดๆ

“กว่าจะติดต่อพี่นนท์ได้ก็ดึกเลย มินจะบอกว่าวันพรุ่งนี้ทีมงานที่มินติดต่อให้จะเริ่มดำเนินการรื้อถอนแล้วค่ะ” ปลายสายตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้น ซึ่งทำให้ชานนท์ยิ้มออกมาอย่างพอใจ

“ดีมาก..รีบจัดการรื้อให้เสร็จก่อนที่พี่กับเอรินจะกลับไปวันมะรืนนี้นะ” ชานนท์สำทับ ก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง

“แน่ใจนะคะพี่นนท์...เอ่อ...มินว่าเราน่าจะบอกเอรินก่อน..”

ไม่ทันที่มินตราจะพูดต่อ อาจเพราะคำถามแสดงความเกรงใจที่ไม่อยากละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวของพี่ชาย ทำให้มินตราไม่สามารถจะพูดอย่างที่ใจคิดได้ แล้วชานนท์ก็เป็นฝ่ายที่พูดแทรกขึ้นมาเสียก่อน

“ช่วยจัดการให้เร็วที่สุดด้วยนะมิน พี่ขอร้อง”

ทันทีที่วางสายจากมินตรา ชานนท์ก็ถอนหายใจออกมาอีกครั้งอย่างเคร่งเครียด สายตาทอดยาวฝ่าสายฝนเม็ดหนาออกไปยังทะเลกว้างไกลอย่างไม่สบายใจนัก แต่แล้วชายหนุ่มก็รู้สึกเหมือนสัมผัสบางอย่างที่ทำเอาคนสันหลังหวะอย่างเขาถึงกับตกใจ

“อะ..เอริน มาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่” ชานนท์หันขวับมาทันทีที่รู้สึกถึงสัมผัสของเสื้อคลุมสีขาวผืนหนาที่เอรินเอามาห่มคลุมไหล่ให้เขาเพื่อขับไล่ความเหน็บหนาว

“ฝนตกหนักอย่างนี้อากาศชื้น ฉันกลัวว่าคุณจะไม่สบายค่ะ” ทันทีที่เห็นภรรยาตัวน้อยยืนยิ้มบางๆอยู่ด้านหลัง ชานนท์ถึงกับยิ้มออกมาอย่างเอ็นดู เอรินในชุดคลุมอาบน้ำสีขาวใบหน้าไม่แต่งแต้มเครื่องสำอางใด ผมยุ่งนิดๆ ท่าทางเขินอายทำเอาชานนท์สวมกอดเข้าเต็มรักอย่างรักใคร่

“ขอบคุณนะ..คุณภรรยาของฉัน ถ้าไม่มีเธอคอยให้ความอบอุ่น ฉันคงต้องหนาวอยู่อย่างนี้เรื่อยไปแน่ๆ” ชานนท์กระชับกอดเอรินแน่นจนหญิงสาวต้องซบใบหน้าเข้ากับไหล่อย่างถ่ายทอดและรับความอบอุ่นจากกายหนาเช่นกัน

“คุยธุระเสร็จแล้วเหรอคะ” คำถามเบาๆไม่จริงจังของเอริน ทำเอาชานนท์ถึงกับชะงักก่อนจะรีบเปลี่ยนเรื่องทันทีด้วยสีหน้าตื่นๆที่เอรินไม่มีวันได้เห็น

“จ้ะ..มินโทรมาถามว่าเราจะกลับเมื่อไหร่ ฉันเลยบอกไปว่าอีกสองสามวันเพราะเรายังอยู่ในช่วงฮันนีมูนกันอยู่” ชานนท์ลูบไล้ศีรษะทุยในอ้อมกอดไปด้วย ปากก็พร่ำปดคำตอบด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก เอรินได้ฟังดังนั้นถึงกับผละออกห่างด้วยสีหน้าตื่นตระหนก

“โธ่!! คุณบอกคุณมินอย่างนั้นได้ไง ฉันอายเธอนะ แล้วฉันจะเอาหน้าไปไว้ไหนล่ะ” เอรินพองลมเต็มแก้มอย่างขัดใจคำตอบ ชานนท์ถึงกับหยิกแก้มใสทั้งสองข้างอย่างหมั่นไส้ในที ทำเอาเอรินถึงกับโอดโอย

“ฉันพูดอะไรผิดไปตรงไหน หรือเธอว่ามันไม่จริง..หืม เอริน” ชานนท์ไล้แก้มนวลสวยแผ่วเบาอย่างรักใคร่ทำเอาเอรินตะกุกตะกักไปทันทีที่สบสายตา

“ก็..ก็ไม่ผิด แต่ว่า..ฉัน เอ่อ”

“ไม่เอาแล้ว ไปนอนดีกว่าง่วงแล้ว” พูดจบชานนท์ก็อุ้มร่างบอบบางของภรรยาตัวน้อยไว้ในอ้อมแขนแข็งแรงทันทีจนเอรินตัวปลิว

“ฉันเดินเองได้...คุณน่ะกำลังจะทำให้ฉันเคยตัวรู้มั๊ยคะ”

เอรินอิดออดอย่างเขินอาย แต่ชานนท์หาได้สนใจไม่ กลับพาร่างน้อยไปวางบนเตียงนุ่มก่อนจะพาตัวขึ้นไปหนุนอยู่บนเอวเอรินทำเอาหญิงสาวตกใจแต่ก็ยอมให้หนุนแต่โดยดี

ผ่านไปหลายชั่วโมงจนเกือบรุ่งสาง สายฝนที่โปรยปรายเริ่มซาลงเผยให้เห็นแสงสว่างของท้องฟ้าเล็ดลอดเข้ามาแทนที่ ชานนท์ลูบไล้เรียวแขนนวลที่พาดทาบทับอยู่บนกายตนแล้วคว้ามือน้อยขึ้นมาจูบอย่างรักใคร่ ก่อนจะเปิดลิ้นชักหัวเตียงที่เผยให้เห็นกล่องเล็กขนาดกะทัดรัดสีแดงสด แล้วหยิบเอาของที่อยู่ภายในออกมาบรรจงสวมใส่ที่นิ้วนางข้างซ้ายของเอรินได้อย่างพอดิบพอดี ชานนท์บรรจงจูบเบาๆลงบนนิ้วเรียวที่ประดับด้วยแหวนทองคำขาวฝังเพชรเม็ดขนาดกำลังดี

“มันสวยมากเมื่อได้มาอยู่บนนิ้วเรียวของเธอ”

ชานนท์ยกมือซ้ายของตนที่ประดับแหวนคู่ทองคำขาวฝังเพชรเม็ดเล็กซ้อนทับลงไปบนมือซ้ายของร่างที่นอนหลับไหลไม่รู้เรื่องอยู่ในอ้อมกอดก่อนจะยกขึ้นมาทาบกันอย่างภูมิใจ

“ขอโทษนะ..ที่พี่ผูกมัดเธอไว้ด้วยวิธีนี้ ถ้าเธอรู้ เธอจะเกลียดพี่มากมั๊ย..ยัยตัวเล็ก”


***********************************************


ยามสายของวันใหม่อากาศเริ่มกลับมาสดใสอีกครั้ง นับเป็นวันแรกตั้งแต่มาเยือนเกาะชื่อดังอย่างสมุยโดยที่ไม่มีฝนตก ชานนท์มองออกไปนอกหน้าต่างอย่างพอใจ วันนี้เขาคิดเอาไว้ว่าจะพาภรรยาตัวน้อยออกไปเที่ยวรอบเกาะตามเสียงเรียกร้องของหล่อนเสียที

ขณะที่กำลังจะไปปลุกเอรินที่นอนหลับอยู่บนเตียงกว้างอย่างสบายอารมณ์ เสียงกระทบของกุญแจวงกลมรุ่นเก่าหน้าประตูวิลล่าก็ดังขึ้นพร้อมทั้งเสียงเปิดประตูไม้เข้ามายังหน้าบ้านพัก ชานนท์เดินไปเปิดประตูรับสำรับอาหารหอมกรุ่นที่พนักงานนำมาเสิร์ฟถึงที่อย่างพอใจ พร้อมให้ทิปไปจำนวนหนึ่ง

กลิ่นอาหารหอมฉุยลอยมาแตะจมูกคนขี้เซาที่นอนหลับอยู่บนเตียงสี่เสาหลังใหญ่เข้าอย่างจัง เอรินถึงกับกระสับกระส่ายด้วยความหิว ตั้งแต่เมื่อวานเย็นที่ไม่มีอาหารตกถึงท้องทำเอาสาวน้อยเริ่มท้องร้อง

แล้วความสุขในการหลับใหลก็หยุดลงเพียงเท่านั้น เมื่อหญิงสาวรู้สึกได้ถึงแรงยุบตัวของที่นอนข้างกาย พร้อมชานนท์ที่ประทับจูบลงมาบนหน้าผากนูนที่เต็มไปด้วยไรผมยุ่งเหยิงอย่างรักใคร่

“ตื่นได้แล้วคนขี้เซา อาหารเช้ามารอแล้วนะ” ชานนท์เกลี่ยปลายนิ้วลงบนแก้มนวลใสอย่างเอ็นดู

“ขออีกแป๊บนะคะ...คุณลุง” เอรินพึมพำทั้งที่ยังหลับตา แล้วใบหน้านวลใสก็ต้องอายม้วนเมื่อสัมผัสคุ้นเคยจากริมฝีปากหนากดจูบเบาๆที่ปากบางของตน

“ทำโทษครั้งที่หนึ่งของวัน โทษฐานเรียกสามีว่าคุณลุง ลืมแล้วรึไง..สาวน้อย” ชานนท์ละริมฝีปากหนามากระซิบข้างใบหูเอริน ทำเอาเอรินถึงกับจั๊กจี้ต้องโวยเบาๆ ก่อนจะผุดลุกขึ้นนั่งทั้งผมเผ้ายุ่งเหยิง

“อื้อ..ลืมอีกแล้ว มีอะไรกินบ้างคะฉันหิวจังเลย” เอรินกระพริบตาปริบทำจมูกฟุดฟิดทันทีที่ชานนท์ลุกไปหยิบถาดอาหารมายังเตียงกว้าง

“ขนมปัง เนย ไข่ดาว แฮม เบคอน อืม...แล้วก็น้ำนางเอกจ้ะ”

ชานนท์จ้องอาหารในถาดปากก็รายงานภรรยาสาวน้อยที่นั่งยิ้มมองอยู่ข้างกัน เอรินถึงกับยิ้มออกมาอย่างขำขันทันทีที่ชานนท์คิดมุกน้ำนางเอกตามหล่อนเหมือนสมัยที่ไปฟลอเรนซ์ด้วยกัน

“อ้า...อ้าม” เอรินอ้าปากกว้างอย่างอ้อนให้ป้อน ทันทีที่เห็นกิริยาของสาวน้อย ชายหนุ่มถึงกับหัวเราะเบาๆอย่างขำขันกับท่าทางที่ออดอ้อนอย่างกับลูกแมวตัวน้อยของเอรินที่ไม่ค่อยจะได้เห็นนัก หรือไม่เคยเห็นเลยเสียมากกว่า

“เอาอะไรดี ขนมปังมั๊ย” ชานนท์หยิบขนมปังก้อนบรรจงทาเนยแล้วป้อนเข้าปากเอริน หญิงสาวกัดคำโตแล้วเคี้ยวตุ้ยๆอย่างน่ารัก จนชานนท์ได้แต่หัวเราะเบาๆ อย่างมีความสุข

“เอาอีกๆๆ ขอแฮมค่ะ คุณสามีขา” เอรินยิ้มกว้างอย่างนึกสนุกที่ชานนท์เอาอกเอาใจราวกับหล่อนเป็นเจ้าหญิงก็ไม่ปาน

ชานนท์สะดุดไปกับคำเรียกของสาวน้อยที่เขายังรู้สึกไม่ค่อยคุ้นเคยสักเท่าไหร่ แต่ก็ตัดแฮมป้อนเข้าปากให้เอรินอย่างเงียบๆ เพราะความเงียบทำเอาเอรินถึงกับฉุกใจคิด ตากลมสวยหรี่มองชายหนุ่มตรงหน้าแล้วก็พบว่าเขาเสมองไปทางอื่นทันทีที่สบตากัน เอรินถึงกับนิ่งไปเช่นกันอย่างน้อยใจ

“โกรธรึเปล่าคะ ที่ฉันอ้อนคุณยังกับเด็กๆ” เอรินตื่นเต็มตาทันทีที่เห็นสีหน้าสับสนของชานนท์นิ่งๆไปอย่างครุ่นคิดอะไรบางอย่าง

“คุณ..ไม่ตอบ งั้นฉันขอโทษค่ะที่ทำให้คุณรำคาญ ฉันจะไม่ทำอีกแล้ว”

เอรินปาดน้ำตาที่เริ่มเอ่อด้วยความน้อยใจ รีบผุดลุกขึ้นจากที่นอนลงไปยืนข้างเตียงทันทีจนชานนท์รู้สึกตัวรีบวางถาดอาหารไว้บนหัวเตียงแล้วมาคว้าแขนเอรินไว้ได้ทันก่อนที่หล่อนจะคว้าผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำไป

“เดี๋ยว..ไม่ใช่อย่างนั้นนะ..เอริน เธอเข้าใจผิดแล้ว ฉันไม่ได้รำคาญเธอ ฉันก็แค่..ก็แค่...”

ชานนท์ระล่ำระลักบอกพร้อมสอดนิ้วประสานมือกับเอรินไว้แน่น หญิงสาวหันมามองมือที่แนบกระชับกันชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยบางคำที่ทำเอาชานนท์ถึงกับฮึดฮัดขัดใจ

“ก็แค่ไม่ชอบ ฉันรู้ค่ะ เกือบลืมไปแล้วว่าเป็นฉันเองที่วิ่งไล่ตามคุณตั้งแต่แรก เป็นฉันเองที่เปิดเผยความรู้สึกกับคุณมากเกินไป พรุ่งนี้กลับไปเราอย่าเพิ่งบอกพ่อกับแม่ฉันเลยค่ะ เรื่องที่เราจดทะเบียนกัน บางทีฉันอาจจะใจง่ายเกินไปที่ตัดสินใจอะไรไปโดยไม่คิดให้ดีเสียก่อน ขอเวลาให้ฉันคิดเรื่องระหว่างเราอีกหน่อยนะคะ”

เอรินพูดจบก็สะบัดมือหนีเข้าห้องน้ำไปทันที ทำเอาชานนท์ได้แต่มองตามร่างบอบบางที่เมื่อครู่ยังดีๆกันอยู่อย่างไม่เข้าใจก่อนจะพึมพำกับตัวเองเบาๆ เขาทำอะไรผิดไปตรงไหนก็ยังไม่รู้ตัวเลย...


“ฉันก็แค่ยังไม่ชินกับสถานะของเราในตอนนี้ อาจเพราะว่าฉันตื้นตันใจกับคำเรียกของเธอหรือเพราะฉันรู้สึกผิดต่อความจริงใจของเธอ”


“ตอนนี้ฉันรู้อย่างเดียวว่าฉันอยากผูกมัดเธอไว้ด้วยความรัก..ก่อนที่เราจะต้องเกลียดกันก็เท่านั้นเอง”


“พี่ทำอะไรผิดไปอีกรึไง..ยัยตัวเล็ก”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านค่ะ

ขอบคุณสำหรับไล์ด้วยค่า ^____^



lovereason
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 11 มิ.ย. 2557, 14:29:09 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 11 มิ.ย. 2557, 14:30:25 น.

จำนวนการเข้าชม : 1786





<< อุ่นกาย..อุ่นใจ   ตอนที่ 15 : พันธนาการรัก.. >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account