อ้อนรักเดิมพันหัวใจ (สนพ.กรีนมายด์)
เพราะการพบกันครั้งแรกเป็นเหตุการณ์ที่ไม่น่าประทับใจสำหรับ “ศันลิตา” หญิงสาวสวยน่ารักเจ้าของร้านหนังสือจึงทำให้เธอรู้สึกหมั่นไส้ “กฤตตะวัน” หนุ่มหล่อขี้เก๊กเจ้าแผนการ โดยไม่รู้ว่าเขาคือทายาทบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังแห่งหนึ่ง เพราะความจำเป็นทำให้กฤตตะวันต้องเข้ามาเป็นพนักงานขายในร้านหนังสือเพื่อแลกกับความช่วยเหลือบางอย่างจากศันลิตา เกมรักที่มีหัวใจเป็นเดิมพันจึงเริ่มต้นขึ้นพร้อมกับความจริงซึ่งนำพาไปสู่อันตราย
“พูดแบบนี้แสดงว่าคุณไม่กล้าเดิมพันกับผม เพราะกลัวว่าจะหลงรักผมใช่มั้ยล่ะ” กฤตตะวันถามพลางมองสบตาหญิงสาวอย่างท้าทาย
“อย่างฉันเนี่ยนะต้องกลัวหลงรักคุณ รู้จักศันลิตาน้อยไปซะแล้ว ตกลงฉันรับเดิมพันกับคุณแต่ถ้าครบกำหนดสามเดือนแล้วคุณไม่สามารถทำให้ฉันพูดว่ารักคุณได้ ต่อไปคุณห้ามมายุ่งวุ่นวายกับฉันอีกนะ” ศันลิตาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ในขณะที่กฤตตะวันคลี่ยิ้มอย่างสมหวังดวงตาคู่คมเป็นประกายพราวระยับเมื่อโน้มใบหน้าคมเข้มลงมากระซิบเบาๆ ที่ข้างหูหญิงสาวอย่างใกล้ชิดว่า
“ตกลงตามนั้นและนับตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไปผมมีสิทธิ์ทำทุกอย่างเพื่อให้คุณหลงรักผมแล้วนะศันลิตา”
เดิมพันหัวใจครั้งนี้ใครจะแพ้ ใครจะชนะ ใครเจ้าเล่ห์กว่าใครในเกมรัก เชิญร่วมลุ้นไปกับพวกเขาใน “อ้อนรักเดิมพันหัวใจ” ค่ะ

ขอแจ้งให้นักอ่านทราบล่วงหน้าว่านิยายเรื่องนี้จะลงเนื้อเรื่องเพียงแค่ 60% เท่านั้น ไรเตอร์จะทยอยอัพให้อ่านวันละตอนนะคะ เนื่องจากนิยายได้รับการตีพิมพ์แล้วจะวางแผงในเดือนมิถุนายน 2257 นี้ค่ะ ใครสนใจสั่งจองได้ที่เว็บกรีนมายด์เลยนะคะ

Tags: รัก, กุ๊กกิ๊ก,โรแมนติก

ตอน: ตอนที่ 3

“ทั้งหมดสองพันสามร้อยห้าสิบเก้าบาทค่ะ” ศิริวรรณบอกกับชายหนุ่มรูปหล่อที่กำลังยืนรอชำระเงินค่าหนังสือด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ก่อนจะแอบชำเลืองมองตามหลังศันลิตาไปด้วยแววตาสงสัยเพราะพอเอาหนังสือของลูกค้ามาวางลงที่เคาเตอร์ด้วยสีหน้าบอกบุญไม่รับแล้วน้องสาวของเธอก็เดินจากไปทันทีโดยไม่ยอมรอจัดหนังสือใส่ถุงแล้วเดินตามไปส่งลูกค้าที่หน้าร้านเหมือนทุกครั้งซึ่งผิดปกติวิสัยของศันลิตาเป็นอันมาก

กฤตตะวันถามหญิงสาวเจ้าของร้านซึ่งน่าจะมีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเกศวรางค์ว่าทางร้านรับบัตรเครดิตหรือไม่ เมื่ออีกฝ่ายตอบด้วยใบยิ้มแย้มว่ารับชายหนุ่มจึงส่งบัตรเครดิตให้ ศิริวรรณรับบัตรเครดิตการ์ดมาจัดการรูดที่เครื่องก่อนจะส่งใบสลิปให้ชายหนุ่มเซ็นในระหว่างนั้นเธอก็จัดหนังสือใส่ถุงไปด้วย เมื่อรับสลิปกลับคืนมาศิริรรณก็ส่งถุงหนังสือให้ลูกค้าหนุ่มหล่อพลางกล่าวคำขอบคุณเขา

“ร้านจัดน่ารักสบายตาดีสมชื่อร้านเลยนะครับ” กฤตตะวันเอ่ยปากชมตามความรู้สึกจริงๆ

“ขอบคุณมากค่ะ ดีใจที่คุณชอบร้านของเราค่ะ” ศิริวรรณพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเช่นเคย

“พนักงานที่นี่ก็บริการดีมากเลย ผมฝากขอบคุณเค้าด้วยนะครับที่อุตส่าห์เสียเวลาหาหนังสือให้ผมตั้งนาน” กฤตตะวันบอกหญิงสาวรุ่นพี่

“ได้ค่ะ ยังไงโอกาสหน้าอย่าลืมแวะมาซื้อหนังสือที่ร้านมุมสบายฯ อีกนะคะ”

“ครับ” ชายหนุ่มรับคำพลางส่งยิ้มให้หญิงสาวรุ่นพี่ก่อนจะหิ้วถุงหนังสือเดินออกไปจากร้านด้วยท่าทางอารมณ์ดี

“อ๊ายยยย!!! คุณลูกค้าคนเมื่อกี๊นี้หล่อมากเลยนะคะพี่วรรณ หน้าตาอย่างกับพระเอกหนังเกาหลีเลย” วีณาซึ่งว่างจากลูกค้าพอดีรีบถลาเข้ามาคุยกับศิริวรรณที่เคาเตอร์ทันทีเมื่อเห็นว่าลูกค้าหนุ่มสุดหล่อขับรถออกไปจากหน้าร้านแล้ว

“จ้า หล่อมากเลย เมื่อกี๊พี่ก็มัวแต่ชื่นชมความหล่อแล้วก็คุยกับเค้าเพลินจนลืมชวนทำบัตรสมาชิกร้านเราไปเลย” ศิริวรรณพูดกับวีณาด้วยน้ำเสียงขบขัน

“ขออย่าให้เค้ามาซื้อหนังสือที่ร้านเราอีกเลยจะดีที่สุดค่ะพี่วรรณ คนอะไรเรื่องมาก จู้จี้จุกจิก แล้วก็กวนประสาทที่สุด” ศันลิตาซึ่งเพิ่งจะเดินกลับมาที่เคาเตอร์พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง ทำเอาศิริวรรณกับวีณาถึงกับมองหน้ากันอย่างงุนงง ก่อนที่ศิริวรรณจะเป็นฝ่ายถามขึ้นว่า

“ทำไมล่ะต้า ลูกค้าคนเมื่อกี๊ซื้อหนังสือเราตั้งหลายเล่มนะ แถมเค้ายังชมร้านเราว่าจัดน่ารัก แล้วยังฝากขอบคุณต้าที่ช่วยหาหนังสือให้เค้าด้วยนะ”

“เค้าจงใจแกล้งต้าชัดๆ ให้วิ่งวุ่นหาหนังสือให้แล้วก็ติโน่นตินี่มีรอยยับนิดย่นหน่อยก็ไม่ได้ ทำให้ต้าเสียเวลาไปตั้งครึ่งค่อนชั่วโมง” ศันลิตาพูดด้วยดวงตาวาวโรจน์

“แล้วเค้าจะมาแกล้งต้าทำไมกันล่ะจ๊ะ” ศิริวรรณถามอย่างอ่อนใจและนึกขำกับความคิดของน้องสาว ในขณะที่วีณาก็เออออห่อหมกไปกับหญิงสาวรุ่นพี่ด้วย

“จริงด้วยค่ะ คุณพระเอกหนังเกาหลีของณาจะมาแกล้งคุณต้าทำไมล่ะคะ ไม่ได้มีเรื่องอะไรกันมาก่อนซะหน่อย”

“มีสิณา ทำไมจะไม่มี...” ศันลิตาพูดพลางเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันเล่าให้พี่สาวกับวีณาว่าหนุ่มหล่อหน้าตาเหมือนพระเอกหนังเกาหลีของวีณาก็คือผู้ชายที่นั่งคู่กับเธอบนเครื่องบินในวันที่หญิงสาวเดินทางกลับจากบ้านมากรุงเทพฯ ดังนั้นจึงถือว่าเธอกับเขายังมีคดีติดค้างกันอยู่

ศิริวรรณเพิ่งเข้าใจตอนนี้เองว่าเพราะอะไรศันลิตาจึงไม่ยอมเดินตามไปส่งลูกค้าจนถึงหน้าร้านเหมือนทุกครั้ง แต่ก็ยังให้เหตุผลกับน้องสาวว่าชายหนุ่มคนนั้นคงไม่ได้ตั้งใจจะกลั่นแกล้งอะไรอย่างที่ศันลิตาคิด พร้อมทั้งเอ่ยชมว่าเขาพูดจาสุภาพดีและท่าทางจะเป็นคนโรแมนติกไม่น้อยเพราะซื้อนวนิยายแนวรักโรแมนติกไปอ่านด้วย

ศันลิตาแย้งพี่สาวว่าเขาคงจะซื้อนวนิยายไปฝากแฟนมากกว่า จากนั้นหญิงสาวก็เล่าเรื่องที่เธอกับเพทายบังเอิญไปพบชายหนุ่มกับแฟนสาวรุ่นพี่ในห้างสรรพสินค้าเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาให้ศิริวรรณกับวีณาฟังแล้วสรุปเสร็จสรรพว่า

“รถสปอร์ตราคาแพงที่เค้าขับต้าว่าต้องเป็นเจ๊อุปถัมภ์ของเขาซื้อให้แน่นอน เพราะท่าทางพี่สาวคนนั้นจะรวยมาก”

“แต่พี่ว่าอย่าเพิ่งไปปักใจเชื่ออย่างนั้นเลยนะต้า บางที่สิ่งที่เราเห็นอาจจะไม่เป็นอย่างที่เราคิดก็ได้นะจ๊ะ” ศิริวรรณแย้งอย่างคนมองโลกในแง่ดี ส่วนวีณาก็พยักหน้าหงึกหงักพลางเออออกับศิริวรรณอย่างเห็นด้วยเพราะยังรู้สึกเสียดายไม่อยากให้หนุ่มหล่อมีแฟน แต่ศันลิตาเบ้หน้าอย่างไม่เห็นด้วยก่อนจะบอกกับพี่สาวด้วยน้ำเสียงมั่นอกมั่นใจว่า

“ต้ามั่นใจว่าสิ่งที่ต้าเห็นจะต้องเป็นอย่างที่ต้าคิดแน่นอนค่ะพี่วรรณ ผู้ชายคนนั้นมีนารีอุปถัมภ์ชัวร์ไม่มั่วนิ่ม” พูดจบหญิงสาวก็เดินออกไปต้อนรับลูกค้าที่เพิ่งจะเดินเข้ามาในร้านทันที ศิริวรรณกับวีณาเลยได้แต่สบตากันยิ้มๆ ก่อนจะแยกย้ายกันไปทำงาน

เกศวรางค์มองดูถุงหนังสือที่น้องชายวางลงบนโต๊ะรับแขกพลางขมวดคิ้วโก่งเรียวด้วยความประหลาดใจเมื่อเห็นว่าในถุงนั้นมีหนังสืออยู่หลายเล่มทั้งที่เธอฝากซื้อนวนิยายเพียงแค่เล่มเดียว

“พี่ฝากนายซื้อนิยายแค่เล่มเดียวเองนี่นา แล้วนี่นายซื้อหนังสืออะไรมาตั้งเยอแยะ มิน่าเลยกลับมาถึงบ้านช้า” เกศวรางค์พูดพลางดึงหนังสือที่อยู่ในถุงออกมาดูด้วยความประหลาดใจ

กฤตตะวันทรุดตัวลงนั่งเอนหลังพิงพนักโซฟาบุนวมตัวใหญ่ด้วยทีท่าผ่อนคลายพลางหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเล่าให้พี่สาวฟังอย่างสบายอารมณ์ว่าเพราะอะไรเขาจึงซื้อหนังสือเพิ่มมาอีกหลายเล่ม พอฟังกฤตตะวันเล่าจบเกศวรางค์ก็ถึงกับส่ายหน้าในความเจ้าเล่ห์ของน้องชายพลางต่อว่า

“นายนี่แสบจริงๆ เลยนะกฤต ทำไมต้องไปแกล้งเค้าแบบนั้นด้วยล่ะ”

“ก็มันสนุกดีนี่ครับ แต่จะว่าไปแล้วโลกกลมจริงๆ ที่ผมได้เจอกับผู้หญิงคนนั้นอีก แถมเจอกันทีไรมีเรื่องให้ผมขำทุกทีเลย” พูดจบชายหนุ่มก็หัวเราะเสียงดังเมื่อนึกถึงใบหน้าเนียนใสซึ่งหงิกงอตอนที่ถูกเขาแกล้งให้หาหนังสืออยู่นานกว่าครึ่งชั่วโมง

เกศวรางค์ซึ่งสังเกตอากัปกิริยาของกฤตตะวันอยู่ตลอดเวลาถึงกับเลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจ เพราะแต่ไหนแต่ไรมาเธอไม่เคยเห็นน้องชายพูดถึงผู้หญิงคนไหนแล้วหัวเราะเสียงดังแบบนี้เลยสักครั้ง แล้วการกลั่นแกล้งผู้หญิงที่ไม่เคยรู้จักมักคุ้นกันมาก่อนก็ยิ่งไม่ใช่นิสัยของเขา กฤตตะวันมักจะวางตัวกับเพศตรงข้ามด้วยท่าทางสุภาพและรักษาระยะห่างเอาไว้เสมอ เพราะน้องชายของเธอเป็นคนขี้รำคาญไม่ชอบให้ผู้หญิงมาวุ่นวายกับตนเอง ตลอดสามสิบปีที่ผ่านมาผู้หญิงที่สามารถวุ่นวายกับชีวิตของเขาได้ก็มีเพียงเกศวรางค์กับคุณวารุณีผู้เป็นมารดาเท่านั้น

“เจอกันบ่อยขนาดนี้เค้าไม่เรียกว่าโลกกลมแล้วนะนายกฤต ต้องเรียกว่าดวงสมพงษ์กันต่างหาก” เกศวรางค์แกล้งกระเซ้าน้องชาย

“ดวงสมพงษ์เค้าใช้กับคนที่เป็นเนื้อคู่กัน อย่าใช้คำผิดประเภทสิครับมาดามแม็คโดเวล” กฤตตะวันบอกอย่างนึกขำในคำพูดของพี่สาว

“พี่ว่านายนี่ชักจะยังไงๆ แล้วนะนายกฤต” เกศวรางค์พูดพลางมองหน้าน้องชายด้วยน้ำเสียงล้อเลียน และแววตาจับผิด กฤตตะวันหยุดหัวเราะแล้วขมวดคิ้วเข้มทันทีพลางถามพี่สาวอย่างไม่เข้าใจ

“ชักจะยังไงๆ อะไรกันครับพี่เกศ”

"อ้าว! ก็ไอ้ที่นายไปแกล้งสาวสวยน่ารักคนนั้นน่ะสิ ร้อยวันพันปีพี่ไม่เคยเห็นนายคิดอยากจะแกล้งผู้หญิงคนไหนแบบนี้เลย แล้วคนนี้นึกยังไงถึงได้ไปแกล้งเค้าไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัวซะหน่อย”

“โธ่! พี่เกศ คิดมากไปรึเปล่าครับ ผมก็แค่แกล้งเล่นขำๆ เพราะเห็นผู้หญิงคนนั้นทำหน้าตาเหมือนไม่เต็มใจต้อนรับผมก็เท่านั้นเอง” กฤตตะวันบอกพี่สาวอย่างนึกขำที่อีกฝ่ายคิดไปไกล

“จริงเหรอ ความจริงนายเข้าไปซื้อหนังสือให้พี่พอได้หนังสือแล้วออกมาเลยก็ได้นี่ ไม่เห็นจำเป็นจะต้องไปเสียเวลาแกล้งอะไรเค้าเลย ปกติพี่ก็เห็นนายขี้รำคาญผู้หญิงจะตายแล้วทำไมคนนี้ไม่ยักรำคาญเค้าล่ะ ยิ่งเค้าทำท่าทางไม่ชอบหน้า นายก็ยิ่งไม่น่าจะไปเสียเวลาตอแยกับเค้าเลยนี่ ถามจริงๆ เถอะแอบปิ๊งเค้ารึเปล่านายกฤต ตอบพี่มาซะดีๆ” เกศวรางค์คาดคั้น

“ผมก็แค่นึกสนุกอยากจะแกล้งคนเล่นคลายเครียดเท่านั้นเองไม่เห็นจะแปลกตรงไหนเลยนี่ครับ ค่ำแล้วผมไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าดีกว่า” พูดจบกฤตตะวันก็ลุกขึ้นยืนหยิบหนังสือบนโต๊ะที่ซื้อมาแล้วเดินออกไปจากห้องรับแขกทันที

เกศวรางค์มองตามหลังน้องชายไปจนลับตา แล้วนิ่งคิดอะไรอยู่ครู่ก่อนจะยิ้มกริ่มด้วยแววตาเจ้าเล่ห์พลางบอกตัวเองว่าเธอจะต้องหาเวลาว่างไปเดินเล่นที่ร้านหนังสือแห่งนั้นบ้างแล้ว

วันรุ่งขึ้นหลังจากเซ็นอนุมัติเอกสารต่างๆ เสร็จเรียบร้อยตั้งแต่ช่วงสิบเอ็ดโมงเช้า กฤตตะวันก็ขับรถออกจากบริษัทเพื่อไปหาฐิติวัฒน์เพื่อนรักของเขาซึ่งเปิดบริษัทรับออกแบบตกแต่งภายในและรับทำงานตกแต่งภายในให้กับโครงการคอนโดมิเนียมของสัตยาเรียลเอสเตทมานานหลายปีแล้วนับตั้งแต่กฤตตะวันเริ่มเข้ามาช่วยคุณเกรียงไกรผู้เป็นบิดาบริหารกิจการหลังจากที่เรียนจบปริญญาโทกลับมาจากอเมริกา

กฤตตะวันกับฐิติวัฒน์เป็นเพื่อนรักกันมาตั้งแต่เด็ก ทั้งสองเรียนร่วมห้องกันมาตลอดตั้งแต่สมัยประถมจนกระทั่งจบชั้นมัธยมปลาย ในช่วงที่เรียนมัธยมกฤตตะวันกับฐิติวัฒน์จัดว่าเป็นหนุ่มเนื้อหอมที่ป๊อบปูลาร์ในหมู่สาวๆ ทั้งคู่ เพราะความรูปหล่อ เรียนเก่ง และฐานะดี สองหนุ่มต้องแยกย้ายกันเรียนคนละที่เมื่อสอบเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัย เนื่องจากฐิติวัฒน์เลือกเรียนคณะมัณฑนศิลป์สาขาการออกแบบภายใน ส่วนกฤตตะวันเลือกเรียนคณะวิศวกรรมศาสตร์สาขาวิศวกรรมโยธา

จนกระทั่งไปเรียนต่อปริญญาโทที่อเมริกาทั้งสองหนุ่มจึงได้เรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยเดียวกันอีกครั้งถึงแม้ว่าจะคนละสาขาก็ตาม เมื่อเรียนจบกฤตตะวันกับฐิติวัฒน์ก็กลับมาทำงานอยู่ในแวดวงธุรกิจที่เกี่ยวข้องกันและให้ความช่วยเหลือเกื้อกูลกันมาตลอดจนกระทั่งถึงปัจจุบัน

“ว่าแต่เรื่องที่ดินที่นายบอกว่าเจ้าของที่ขอเพิ่มราคาอีกสิบห้าล้านไปถึงไหนแล้วล่ะ” ฐิติวัฒน์ถามขึ้นในระหว่างที่ทั้งสองกำลังนั่งรับประทานอาหารกลางวันอยู่ภายในร้านอาหารบรรยากาศดีแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากบริษัทของฐิติวัฒน์นัก

“ฉันไม่ได้อนุมัติเงินจ่ายค่าที่ดินเพิ่ม ถ้าเค้าไม่ตกลงก็ไม่เป็นไรฉันจะไปหาซื้อที่แปลงใหม่แทน ตอนนี้คุณอาเกริกไปเจรจาเรียบร้อยแล้วล่ะ เห็นบอกว่าอาทิตย์หน้าจะนัดเซ็นสัญญาซื้อขายแล้วก็โอนกรรมสิทธิ์กัน”

“โห! นี่นายกล้าตัดสินใจแบบนี้เลยเหรอ แล้วถ้าเจ้าของที่ไม่ตกลงนายจะทำยังไงวะ เห็นว่าบริษัทคู่แข่งของนายเสนอราคาให้สูงกว่าบริษัทนายอีกไม่ใช่เหรอ” ฐิติวัฒน์พูดอย่างเหลือเชื่อกับการกล้าตัดสินใจแบบบ้าบิ่นของกฤตตะวัน ชายหนุ่มยิ้มที่มุมปากนิดหนึ่งดวงตาเรียวรีคู่คมฉายแววขบขันก่อนจะบอกกับเพื่อนรักว่า

“ฉันไม่เชื่อตั้งแต่แรกแล้วว่าทรัพย์ทวี พร็อพเพอร์ตี้จะยอมจ่ายให้คุณนทีเพิ่มอีกสิบห้าล้าน ฉันว่าเค้าอยากจะเรียกราคาเพิ่มเองมากกว่าก็เลยเอาบริษัทคู่แข่งของฉันมาเป็นข้ออ้าง”

“อะไรทำให้นายคิดแบบนั้น”

“ง่ายๆ เลยนะไอ้คุณฐิติวัฒน์ คุณนทีประกาศขายที่แปลงนั้นมานานหลายปีแล้วแต่ก็ขายไม่ได้ จนกระทั่งรัฐบาลมีนโยบายจะสร้างรถไฟฟ้าพอบริษัทฉันไปติดต่อขอซื้อที่ดินเค้าก็รีบตอบตกลงทันทีเพราะกำลังร้อนเงินอยู่ แต่ผ่านไปแค่สามสี่วันกลับมาเรียกราคาเพิ่มโดยอ้างบริษัทคู่แข่งของฉัน คนกำลังร้อนเงินมากขนาดนั้นถ้ามีคนมาเสนอราคาให้สูงกว่าเดิมตั้งสิบห้าล้านมีเหรอจะไม่รีบตะครุบทันทีจะต้องมาเกรงใจบริษัทฉันทำไม นายว่าจริงมั้ยล่ะ”

“อืม...ก็จริงของนาย เอ๊ะ! เดี๋ยวก่อน แล้วนายรู้ได้ยังไงว่าเจ้าของที่เค้ากำลังร้อนเงินอยู่” ฐิติวัฒน์ถามด้วยความประหลาดใจ

กฤตตะวันเล่าให้เพื่อนรักฟังว่าเขาได้ให้ดนัยเลขาส่วนตัวของเขาไปสืบประวัติเจ้าของที่ดินล่วงหน้าแล้วก่อนจะเข้าไปทำการเจรจาซื้อขายที่ดิน ทำให้ได้รู้ว่าเจ้าของที่กำลังมีปัญหาเดือดร้อนเรื่องเงินอยู่เนื่องจากลูกชายเสียพนันบอลเป็นเงินจำนวนหลายล้านและกำลังถูกเจ้าหนี้ตามทวงหนี้อยู่ เขาจึงมั่นใจว่าถ้าไปเจรจาซื้อที่ดินเจ้าของที่จะต้องตอบตกลงอย่างแน่นอน

เมื่อฟังกฤตตะวันเล่าจบฐิติวัฒน์ก็ถึงกับส่ายหน้าพลางยิ้ม เขาไม่ได้รู้สึกแปลกใจกับการกระทำของเพื่อนรักเลย เพราะฐิติวัฒน์รู้ดีว่ากฤตตะวันเป็นคนฉลาดทันคนและมีไหวพริบดีมาตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว เพื่อนรักของเขาไม่เคยยอมเสียเปรียบใครง่ายๆ และไม่ว่าจะทำอะไรกฤตตะวันจะต้องวางแผนการไว้เป็นอย่างดีเพื่อป้องกันความผิดพลาด

“นายนี่มันเจ้าเล่ห์ไม่เคยเปลี่ยนเลยนะไอ้คุณกฤตตะวัน”

“ขอบใจในคำชมของนายนะ” กฤตตะวันพูดหน้าตาเฉย

“ฉันว่านายต่างหากไม่ได้ชมโว้ย” ฐิติวัฒน์พูดอย่างหมั่นไส้ก่อนจะถามต่อไปอีกว่า “แล้วนี่คุณพ่อคุณแม่นายยังไม่กลับมาจากต่างประเทศอีกเหรอ”

“ยังเลย คงอีกเป็นเดือนแหละตอนนี้พวกท่านกำลังไปทัวร์ยุโรปกับพ่อแม่พี่เขยฉันอยู่ ตอนนี้ก็มีแต่พี่เกศแหละที่กลับมาเยี่ยมบ้าน” กฤตตะวันตอบเพื่อนรัก

“อ้าว! แล้วทำไมวันนี้นายไม่ชวนพี่เกศมากินข้าวด้วยกันล่ะ ฉันไม่ได้เจอกับพี่เกศนานแล้วนะ” ฐิติวัฒน์ถาม

“เสียใจด้วยนะนายวัฒน์ เพราะว่าตอนนี้พี่สาวฉันคิวยาวมาก ตั้งแต่กลับมาถึงเมืองไทยอยู่ไม่เคยติดบ้านเลยสักวันออกไปสังสรรค์แล้วก็ช้อปปิ้งกับเพื่อนตลอด แล้ววันดีคืนดีนะถ้าไม่มีนัดกับใครก็มาลากฉันนี่แหละไปเดินตามหิ้วของให้คุณพี่สาวสุดที่รักช้อปปิ้งอย่างบ้าระห่ำ ถ้านายไม่อยากเดินหิ้วของจนขาลากฉันขอแนะนำว่าไม่ต้องอยากเจอกับพี่เกศเลย” กฤตตะวันบอกเพื่อนรักอย่างอิดหนาระอาใจกับพฤติกรรมเอาแต่ใจของพี่สาว

ฐิติวัฒน์ปล่อยเสียงหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่เมื่อเห็นท่าทางของกฤตตะวัน เพราะรู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่โปรดปรานการเดินช้อปปิ้งของผู้หญิงที่สุด นายเพื่อนรักของเขาบอกว่าเป็นเรื่องไร้สาระมากที่ต้องไปเดินตามหิ้วของให้ผู้หญิงช้อปปิ้ง และเท่าที่ฐิติวัฒน์จำได้นับตั้งแต่เป็นเพื่อนกันมาก็มีผู้หญิงเพียงแค่สองคนเท่านั้นที่กฤตตะวันยอมเดินตามไปหิ้วของให้ ซึ่งก็คือมารดากับพี่สาวของกฤตตะวันนั่นเอง

“นายอย่าซีเรียสนักเลย ความสุขของผู้หญิงก็คือการช้อปปิ้งนี่แหละ” ฐิติวัฒน์ปลอบ

“งั้นฉันภาวนาว่าขออย่าให้แฟนฉันเป็นผู้หญิงบ้าช้อปปิ้งก็แล้วกัน” กฤตตะวันพูดหน้าตาเฉย

“ถ้างั้นแฟนนายก็ต้องเป็นคุณยายอายุสักประมาณแปดสิบนะ รับรองว่าไม่บ้าช้อปปิ้งแน่นอนเพราะว่าเดินไม่ไหวแล้ว” ฐิติวัฒน์ย้อนกลับมาพร้อมทั้งหัวเราะตบท้าย

กฤตตะวันเลยสรรเสริญเพื่อนรักกลับไปชุดใหญ่โทษฐานที่อีกฝ่ายกวนประสาทเขา ก่อนจะชะงักเพราะเสียงโทรศัพท์มือถือของเขาดังขึ้น ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูที่หน้าจอเมื่อเห็นว่าเป็นดนัยเลขาส่วนตัวโทรมาจึงรีบกดรับสายทันที

“ว่าไงดนัย อะไรนะ!!!” ท้ายประโยคกฤตตะวันอุทานออกมาด้วยความตกใจ ใบหน้าคมเข้มเครียดขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อได้รับรายงานจากเลขาส่วนตัวว่าคอนโดมิเนียมในโครงการของบริษัทเกิดเหตุถล่มลงมา ทำให้มีคนงานก่อสร้างได้รับบาดเจ็บหลายคน

กฤตตะวันกับฐิติวัฒน์จึงรีบเดินทางไปยังไซด์งานก่อสร้างคอนโดมิเนียมที่เกิดเหตุทันที เมื่อทั้งสองไปถึงก็พบว่าคุณเกริกเกียรติกับคุณธาดาทนายความของบริษัทได้เดินทางไปถึงก่อนแล้วและกำลังพูดคุยกับตำรวจอยู่ มีนักข่าวจำนวนหนึ่งมาทำข่าวและจะขอสัมภาษณ์เมื่อเห็นกฤตตะวัน แต่ชายหนุ่มปฏิเสธโดยให้เหตุผลว่าเขาต้องรีบไปพูดคุยกับตำรวจและต้องตามไปดูแลอาการคนงานก่อสร้างที่ได้รับบาดเจ็บที่โรงพยาบาลด้วย

เมื่อกฤตตะวันเข้าไปร่วมพูดคุยกับตำรวจก็ได้รู้ว่าขณะนี้สรัชวิศวกรที่ดูแลโครงการและอนันต์หัวหน้าคนงานก่อสร้างได้หลบหนีไปแล้ว เบื้องต้นทางตำรวจจึงได้แต่สอบปากคำคนงานที่เหลืออยู่ ส่วนคนงานที่ได้รับบาดเจ็บตำรวจจะสอบปากคำเพิ่มเติมในวันหลัง ทางตำรวจให้ระงับการก่อสร้างอาคารไว้ก่อนพร้อมทั้งสั่งห้ามไม่ให้ใครเข้าไปภายในตัวอาคารเด็ดขาดเนื่องจากเป็นเขตอันตรายและจะติดตามหาตัววิศวกรกับหัวหน้าคนงานที่หลบหนีไปมาสอบสวนให้ได้

ในวันรุ่งขึ้นตำรวจกับเจ้าหน้าที่กรมโยธาธิการและผังเมืองจะเข้ามาตรวจสอบโครงสร้างของอาคารว่าถูกต้องตามที่ได้ขออนุญาตเอาไว้หรือไม่และเพื่อเป็นหลักฐานประกอบการพิจารณาคดีด้วย ซึ่งกฤตตะวันได้บอกกับตำรวจวันพรุ่งนี้ว่าเขาจะมาตรวจสอบอาคารร่วมกับเจ้าหน้าที่กรมโยธาธิการฯ ด้วยเพราะเขาเองก็เป็นวิศวกรเช่นกัน

“ความจริงพรุ่งนี้กฤตไม่ต้องมาที่นี่ก็ได้ เรื่องคดีเดี๋ยวอากับคุณธาดาจะรับผิดชอบดูแลเอง” คุณเกริกเกียรติบอกกับกฤตตะวันหลังจากที่ชายหนุ่มพูดคุยกับตำรวจเสร็จเรียบร้อย

“ไม่เป็นไรครับคุณอา เพราะผมก็อยากจะเข้าไปตรวจสอบอาคารกับเจ้าหน้าที่ด้วย” ชายหนุ่มบอกผู้เป็นอา ในขณะที่คุณเกริกเกียรติถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะพูดด้วยสีหน้าหนักใจ

“อุบัติเหตุคราวนี้ทำให้บริษัทเราต้องเสียชื่อเสียงไม่น้อยเลยนะกฤต แถมสรัชกับอนันต์ก็หนีไปซะแล้ว”

“คุณอาอย่าเพิ่งคิดมากเลยครับ รอให้เจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบให้รู้สาเหตุก่อน ส่วนเรื่องคดีก็ต้องว่ากันไปตามกฎหมาย เรื่องชื่อเสียงของบริษัทเดี๋ยวเราค่อยมาคิดช่วยกันหาทางแก้ไขนะครับ” กฤตตะวันปลอบผู้เป็นอาเมื่อเห็นว่าท่านมีสีหน้าเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัดถึงแม้ว่าตัวเขาเองก็กำลังรู้สึกวิตกกังวลอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน

“จริงอย่างที่นายกฤตว่าคุณอาเกริกอย่าเพิ่งเครียดไปเลยนะครับ ปัญหาทุกอย่างต้องมีทางแก้ไขแน่นอนครับ” ฐิติวัฒน์ช่วยพูดปลอบใจคุณเกริกเกียรติอีกคนซึ่งก็ทำให้ท่านมีสีหน้าดีขึ้นเล็กน้อย

หลังจากพูดคุยกับคุณเกริกเกียรติและคุณธาดาอีกครู่หนึ่งกฤตตะวันกับฐิติวัฒน์ก็รีบเดินทางไปเยี่ยมคนงานก่อสร้างที่โรงพยาบาล เป็นโชคดีอย่างมากที่ในช่วงเกิดเหตุเป็นเวลาพักกลางวันพอดีจึงทำให้ไม่มีคนงานได้รับบาดเจ็บสาหัสเพราะไม่มีใครอยู่ใต้อาคาร คนที่ได้รับบาดเจ็บส่วนมากจะยืนอยู่ใกล้กับอาคารขณะเกิดเหตุถล่มจึงโดนเศษปูนกระเด็นมาถูกบาดเจ็บกันคนละเล็กละน้อย หลังจากที่หมอตรวจดูอาการและทำบาดแผลเสร็จเรียบร้อยแล้วทุกคนก็สามารถกลับบ้านได้ทันที

“ขอบใจนายมากนะที่เสียเวลางานมาเป็นเพื่อนฉัน” กฤตตะวันพูดกับเพื่อนรักเมื่อทั้งสองเดินมาถึงรถของตัวเอง

“เรื่องเล็กน้อยน่า ถ้ามีอะไรคืบหน้านายอย่าลืมส่งข่าวฉันด้วยแล้วกัน” ฐิติวัฒน์บอกด้วยใบหน้ายิ้มแย้มพลางยกมือขึ้นตบไหล่เพื่อนเบาๆ อย่างกำลังใจ เมื่อกฤตตะวันรับปากแล้วสองหนุ่มก็แยกย้ายกันขึ้นรถของตัวเองก่อนจะขับออกไปจากโรงพยาบาล

วันนี้เนื่องจากช่วงบ่ายไม่ค่อยมีลูกค้ามากนัก ศันลิตาจึงถือโอกาสเดินออกไปหาซื้อขนมมาให้ทุกคนในร้านรับประทาน หญิงสาวตั้งใจจะไปอุดหนุนขนมไทยที่ร้านบุหงาหอมเทียนเพราะศิริวรรณเล่าให้ฟังว่าเมื่อวันก่อนหญิงสาวสวยเจ้าของร้านนี้ไปช่วยอุดหนุนหนังสือที่ร้านของเธอ ดังนั้นหญิงสาวจึงอยากจะมาอุดหนุนอีกฝ่ายเป็นการตอบแทนและทำความรู้จักกันด้วยเพราะอยู่บ้านใกล้เรือนเคียงกันมานานหลายเดือนแล้ว

ศันลิตาเองก็ชอบรับประทานขนมไทยเป็นทุนเดิมอยู่แล้วด้วย ถ้าหากว่ารสชาติขนมถูกใจคงได้อุดหนุนกันจนน้ำหนักขึ้นเป็นแน่แท้ หลังจากบอกพี่สาวว่าจะไปซื้อขนมหญิงสาวก็เดินออกจากร้านมาอย่างไม่รีบร้อนนัก เมื่อเดินผ่านร้านส้มตำก็ถึงร้านขนมไทยซึ่งตั้งอยู่ติดกันทันที

“สวัสดีค่ะ รับขนมอะไรดีคะ” เสียงหญิงสาวสวยเจ้าของร้านเดินเข้ามาทักทายด้วยใบหน้ายิ้มแย้มอย่างคนมีอัธยาศัยดี

“สวัสดีค่ะ น้องเอยใช่มั้ยคะ พี่ชื่อต้าเป็นเจ้าของร้านหนังสือมุมสบายฯ ค่ะ เห็นพี่วรรณเล่าให้ฟังว่าเมื่อวันก่อนน้องเอยแวะไปอุดหนุนหนังสือที่ร้านพี่ด้วยขอบคุณมากนะคะ”

“อุ๊ย! ไม่ต้องขอบคุณหรอกค่ะพี่ต้า เอยชอบอ่านหนังสืออยู่แล้วค่ะ” จรัสรวีบอกด้วยทีท่าเป็นกันเอง ทำให้ศันลิตารู้สึกชื่นชอบในนิสัยของหญิงสาวรุ่นน้องคนนี้ขึ้นมาทันที

“พี่ต้าเลือกขนมเลยนะคะ” หญิงสาวสวยเจ้าของร้านขนมบอกก่อนจะเดินไปหยิบอะไรบางอย่างในตู้แช่ใส่ถุงแล้วเดินกลับมาหาศันติลาซึ่งเลือกขนมเสร็จพอดีและรอชำระเงินอยู่

“250 บาทค่ะ ทานแล้วช่วยติชมด้วยนะคะ ไม่อร่อยหรือว่าเนื้อสัมผัสขนมไม่ดีก็บอกได้ค่ะ เอยยินดีรับคำแนะนำ”

“หน้าตาน่าทานแบบนี้ พี่จะติตรงไหน” ศันลิตาพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเธอรู้สึกพอใจกับท่าทางถ่อมตัวของหญิงสาวรุ่นน้องคนนี้มาก หลังจากรับเงินค่าขนมจากศันลิตาแล้วเจ้าของร้านคนสวยก็ยื่นถุงที่ถืออยู่ในมือมาให้เธอ

“วันนี้ที่ร้านทำกระท้อนลอยแก้ว กระท้อนสดๆ จากสวนของเอยเอง ฝากพี่ต้าไปให้พี่วรรณกับคนอื่นๆ ในร้านด้วยนะคะ”

“อุ้ย! ไม่เป็นไร ของซื้อของขายมาให้กันแบบนี้ได้ไงจ๊ะ แค่ขนมนี่ก็กินกันอิ่มไปทั้งวันแล้ว” ศันลิตาเอ่ยปฏิเสธด้วยความเกรงใจแต่ก็นึกพอใจในมิตรไมตรีที่อีกฝ่ายยื่นให้

“ไม่ต้องเกรงใจเลยค่ะ ของในสวน เอยไม่ได้ซื้อมาสักหน่อย ว่าจะเอาไปฝากตั้งแต่เช้าแล้วค่ะ แต่วันนี้ลูกค้าเยอะมาก เตรียมทำขนมตั้งแต่เช้าแล้ว นะคะพี่ต้า รับไว้เถอะค่ะ” เจ้าของร้านบุหงาหอมเทียนคะยั้นคะยอ ศันลิตาไม่อยากให้อีกฝ่ายเสียน้ำใจจึงเอื้อมมือไปรับถุงกระท้อนลอยแก้วมาจากหญิงสาวรุ่นน้อง

“ถ้าอย่างนั้นพี่ก็ไม่เกรงใจแล้วนะ ขอบใจมาก” จากนั้นศันลิตาก็หิ้วถุงขนมทั้งหมดเดินกลับร้านตัวเองอย่างสบายอารมณ์ แต่เมื่อเดินเข้ามาในร้านหญิงสาวก็ต้องขมวดคิ้วโก่งเรียวด้วยความสงสัย เมื่อเห็นศิริวรรณ วีณา และชัยพร กำลังพากันยืนดูโทรทัศน์เครื่องจิ๋วด้านหลังเคาเตอร์คิดเงินที่พี่สาวของเธอเอาไว้เปิดดูรายการโทรทัศน์ในช่วงที่ไม่มีลูกค้าด้วยท่าทางสนใจ

“ขนมอร่อยๆ มาแล้วค่ะ น้องเอยเจ้าของร้านขนมฝากกระท้อนลอยแก้วมาให้ทุกคนด้วยนะคะ ว่าแต่กำลังดูอะไรกันอยู่เหรอคะ” ตอนท้ายศันลิตาถามด้วยความสงสัยพลางวางถุงขนมทั้งหมดลงบนเคาเตอร์

“รายงานข่าวคอนโดฯ ถล่มน่ะต้า น่ากลัวจัง ไม่รู้ว่ามีใครเป็นอะไรรึเปล่า” ศิริวรรณหันมาตอบก่อนจะหันกลับไปดูรายงานข่าวต่อ ซึ่งเป็นรายงานสดจากสถานที่เกิดเหตุและกล้องกำลังจับภาพไปยังอาคารที่พังถล่มลงมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่ามีคนงานก่อสร้างได้รับบาดเจ็บหลายคนและถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลแล้ว โดยได้มีผู้บริหารจากบริษัทแห่งนี้มาอยู่ในที่สถานที่เกิดเหตุแล้วแต่ปฏิเสธไม่ยอมให้ผู้สื่อข่าวสัมภาษณ์ จากนั้นผู้สื่อข่าวก็เข้าไปสัมภาษณ์เจ้าหน้าที่ตำรวจถึงสาเหตุที่ทำให้อาคารพังถล่มลงมา

ศันลิตาชะงักเล็กน้อยเมื่อเหลือบไปมองที่ริมจอโทรทัศน์ทางด้านขวามือแล้วรู้สึกสะดุดตาชายหนุ่มร่างสูงในชุดสูทสีเทาเข้มซึ่งกำลังยืนหันหลังให้กล้องพูดคุยอยู่กับคนงานก่อสร้างห่างจากจุดที่ผู้สื่อข่าวกำลังยืนสัมภาษณ์ตำรวจไปประมาณสองถึงสามเมตร หญิงสาวพยายามจะเพ่งมองจอโทรทัศน์อีกครั้งแต่การรายงานข่าวก็จบลงพอดีศันลิตาเลยได้แต่ยืนขมวดคิ้วมุ่นด้วยความสงสัยว่าชายหนุ่มคนนั้นจะใช่คนที่เธอคิดหรือเปล่า

“แล้วตกลงว่าคอนโดฯ ที่ถล่มลงมาเป็นของบริษัทไหนเหรอคะพี่วรรณ”

“เห็นว่าเป็นของบริษัทสัตยา เรียลเอทสเตทนะ ถ้าพี่จำไม่ผิดรู้สึกว่าบริษัทนี้เค้าจะดังมากเลยใช่มั้ยต้า”

“ใช่ค่ะโครงการหมู่บ้านจัดสรรกับคอนโดฯ ที่บริษัทนี้สร้างขายมีชื่อเสียงแล้วก็หรูหรามาก ราคาเริ่มต้นขั้นต่ำสิบล้านขึ้นไปทั้งนั้นค่ะ” ศันลิตาตอบ

“เพราะแบบนี้แหละพี่ถึงไม่เคยคิดอยากจะไปอยู่คอนโดฯ สูงๆ เพราะกลัวว่าวันดีคืนร้ายมันจะถล่มลงมาอย่างงี้” ศิริวรรณพูดด้วยทีท่าขยาดเพราะเป็นโรคกลัวความสูงมาแต่ไหนแต่ไร

“ดีนะคะที่มันถล่มลงมาตอนนี้ เพราะถ้าเกิดถล่มตอนที่มีคนเข้าไปอยู่แล้วณาไม่อยากจะคิดเลยค่ะ” วีณาเสริม

“จะว่าไปแล้วก็ถือว่าเป็นโชคดีบนความโชคร้ายของบริษัทนี้นะครับที่ไม่มีคนตาย” ชัยพรออกความเห็นบ้าง

“ใช่ค่ะพี่ชัย แต่เรื่องนี้ก็คงจะกระทบกระเทือนชื่อเสียงของบริษัทเค้าไม่น้อยหรอกค่ะ” ศันลิตาบอกชายหนุ่มรุ่นพี่ ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องชวนทุกคนรับประทานขนมจากร้านบุหงาหอมเทียนอย่างเอร็ดอร่อย



แก้วแสงจันทร์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 5 มิ.ย. 2557, 21:16:59 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 5 มิ.ย. 2557, 21:16:59 น.

จำนวนการเข้าชม : 1221





<< ตอนที่ 2   ตอนที่ 4 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account